สาระน่ารู้ประจำวันที่ 23 พฤษภาคม 2568

ราคาบ้านจัดสรรขยับขึ้นแผ่ว บ้านแพงขึ้น…แต่ขายยากขึ้น

ราคาบ้านจัดสรรไตรมาสแรกปี68 จะยังขยับขึ้นในอัตราที่ชะลอตัว จากแรงกดดันด้านต้นทุนที่พุ่งไม่หยุด ท่ามกลางกำลังซื้อแผ่วลง บ้านแพงขึ้น…แต่ขายยากขึ้น?

ราคาบ้านจัดสรรในกรุงเทพฯ และปริมณฑลยังคงเดินหน้าเพิ่มขึ้น ทว่าอัตราการเติบโตเริ่มลดความร้อนแรงลง สะท้อนแรงซื้อที่อ่อนแรงท่ามกลางต้นทุนพัฒนาโครงการที่พุ่งไม่หยุด รายงานดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายของ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์  (REIC) ในไตรมาส 1 ปี 2568 พบว่า ดัชนีอยู่ที่ 131.8 เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% YoY และ 0.3% QoQ ชี้ให้เห็นถึง “ความระมัดระวัง” ของผู้ประกอบการที่ต้องเผชิญทั้งต้นทุนที่สูงขึ้น และภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยเท่าเดิม

ต้นทุนขึ้น-กำลังซื้อแผ่ว สมการกดดันราคาบ้าน

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาบ้านยังคงมาจากต้นทุนพัฒนาโครงการ โดยเฉพาะ ราคาที่ดินในทำเลศักยภาพที่ปรับตัวขึ้นแรง, วัสดุก่อสร้าง ที่ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และ ค่าแรงงานที่ปรับเพิ่มตั้งแต่ต้นปี เหล่านี้ล้วนผลักต้นทุนรวมให้ขยับขึ้น ส่งผลให้ราคาบ้านต้องปรับตาม แม้ว่าอัตราการปรับจะต้อง “เบรกไว้” เพื่อไม่ให้แรงซื้อหายไปจากตลาด

ทำเลเมือง-แนวรถไฟฟ้ายังร้อนแรง

ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวในภาพรวมอยู่ที่ 137.0 เพิ่มขึ้น 3.8% YoY โดย กรุงเทพฯ มีอัตราการปรับขึ้นสูงถึง 6.5% โดยเฉพาะทำเล พระโขนง–บางนา–สวนหลวง–ประเวศ ที่ระดับราคา 7.51-10 ล้านบาท ถือเป็นโซนดาวเด่นของไตรมาสนี้ ขณะที่ นนทบุรี–ปากเกร็ด ก็โดดเด่นไม่แพ้กันในกลุ่มบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 10 ล้านบาท

ทาวน์เฮ้าส์สวนทาง ราคาหดตัว

สวนทางกับบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์กลับแสดงสัญญาณถดถอย ดัชนีราคาอยู่ที่ 129.5 ลดลง 1.4% YoY โดยเฉพาะในพื้นที่ปริมณฑล เช่น บางกรวย–บางใหญ่–บางบัวทอง–ไทรน้อย ที่ทาวน์เฮ้าส์ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนการเร่งระบายสต็อกจากโครงการเก่าที่ยังใช้ต้นทุนเดิม

“โปรโมชัน” ยังจำเป็น!

แม้ผู้ประกอบการจะพยายามตรึงราคาหรือขึ้นราคาน้อยที่สุด แต่การระบายสต็อกก็ยังต้องพึ่งกลยุทธ์ส่งเสริมการขาย โดยไตรมาสนี้มีการ ให้ส่วนลดค่าใช้จ่ายวันโอนและเงินสด ในสัดส่วน 34% เท่ากัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า พร้อมลดการแจกของแถมอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนกลางลงเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงการ “บริหารต้นทุน” อย่างรอบคอบ

กรุงเทพฯ ยังแกร่ง – ปริมณฑลเริ่มแผ่ว

เมื่อแยกดัชนีตามพื้นที่ พบว่า กรุงเทพฯ ยังแข็งแรง ดัชนีอยู่ที่ 131.7 เพิ่มขึ้น 2.7% YoY ขณะที่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ กลับลดลง 2.6% YoY แม้จะขยับบวกเล็กน้อยเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส

แม้ภาพรวมราคายังขึ้น แต่เป็นการขึ้นที่ “จำกัด” ในขณะที่บางทำเลเริ่มลดราคา ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคยังคงเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือในตลาด หากแรงซื้อไม่ฟื้นชัดในครึ่งปีหลัง ปีนี้อาจกลายเป็นช่วงของ “ผู้ซื้อ” อย่างแท้จริง ในตลาดที่เคยขับเคลื่อนด้วยอำนาจของผู้ขายมาก่อนหน้านี้

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ตลาดเช่าคอนโดระยองยีลด์สูง10% ตีตื้นภูเก็ตรับโรงงานจีนขยายตัว

ตลาดเช่าคอนโดระยองได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของโรงงานจีนและนิคมอุตสาหกรรมใหม่ ยีลด์บางโครงการสูงถึง 10% ทุบสถิติเทียบเท่าภูเก็ต

แม้ว่าตลาดคอนโดในเมืองท่องเที่ยวอย่าง ภูเก็ต จะยังคงมีเสน่ห์โดดเด่น แต่ในปี 2568 นี้ จังหวัด ระยอง กลับกลายเป็นดาวรุ่งในตลาดเช่าคอนโด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของ โรงงานจีน และการเติบโตของ นิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะใน โซน EEC ซึ่งเป็นแหล่งลงทุนที่สำคัญของ ทุนต่างชาติ ที่เข้ามาพัฒนาธุรกิจในประเทศไทย

ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2568 บีโอไอ รายงานการขอรับการส่งเสริมการลงทุนถึง 822 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 431,237 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 97% โดยพื้นที่ ภาคตะวันออก หรือ EEC ดึงดูดเงินลงทุนกว่า 246,555 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของการลงทุนต่างชาติทั้งหมด ซึ่ง จีน เป็นชาติที่มีการลงทุนสูงที่สุด โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการส่งออก

การเข้ามาของทุนจีนในระยอง ส่งผลให้เกิดความต้องการที่พักอาศัยจากกลุ่ม Expat ที่เข้ามาทำงานในพื้นที่จำนวนมาก ขณะที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ระยอง ไม่ได้มีจำนวนโรงแรมหรือที่พักประเภทบริการที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ดังนั้น ตลาดเช่าคอนโดในระยองจึงกลายเป็นโอกาสทองที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า Expat ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้

ยีลด์เช่าคอนโดระยองการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูง

ณภัทร บูรณพงษ์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพชชั่น เรียลเตอร์ ระบุว่า ตลาดคอนโดในระยองมี ยีลด์ หรือ อัตราผลตอบแทน สูงถึง 9-10% ต่อปี โดยเฉพาะในบางโครงการที่สามารถปล่อยเช่าได้ในราคา 15,000 บาท/เดือน สำหรับ Expat ที่เข้ามาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมที่ขยายตัวในพื้นที่นี้

แม้ราคาขายคอนโดในระยองจะอยู่ในระดับ 1-2 ล้านบาท แต่ผลตอบแทนจากการเช่ายังคงสูง จึงทำให้ตลาดเช่าคอนโดระยองกลายเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว

สัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลง

ปีณิตา ศิลปสุวรรณ CEO ของบริษัท พรีโม่ เซอร์วิส โซลูชั่น ได้เปิดเผยว่า แม้ในช่วงที่ตลาด จีน กลุ่มนักท่องเที่ยวลดลง แต่ตลาด Expat จีนที่เข้ามาทำงานในระยองกลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะใน กลุ่มโรงงานจีน ที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่จังหวัดนี้ ซึ่งส่งผลให้มีความต้องการที่พักอาศัยสูงขึ้น โดยเฉพาะที่พักประเภท Service Residence หรือคอนโดที่มีบริการครบเหมือนโรงแรม

โครงการ แฮมป์ตัน ระยอง ของพรีโม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับความนิยมในตลาดคอนโดเช่าระยอง ยังมีการเปิดให้เช่าในรูปแบบ IP Program ซึ่งทำให้สามารถปล่อยเช่าได้ในระยะยาวกับบริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์แมเนจเม้นท์ (HHR) ของพรีโม่ ทั้งนี้ พรีโม่มีพอร์ตคอนโดให้เช่าในระยองกว่า 3 โครงการ และยังเตรียมขยายเพิ่มอีก 1 โครงการ โดยมีพอร์ตทั้งหมดกว่า 10 โครงการ และมากกว่า 1,500 ยูนิต

ผลตอบแทนค่าเช่าคอนโดสูง

เมื่อพิจารณาผลตอบแทนจากการเช่าคอนโดใน ระยอง พบว่า ยีลด์ ในบางโครงการสูงถึง 9-10% ซึ่งใกล้เคียงกับ ภูเก็ต ที่มีผลตอบแทนเช่าคอนโดในระดับเดียวกัน ซึ่งทำให้ระยองกลายเป็น “ทางเลือกใหม่” สำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

โดยเฉพาะโครงการคอนโดที่มี ขนาด 45-60 ตร.ม. ขึ้นไป มักเป็นประเภทที่ขายดีในตลาดเช่าคอนโดระยอง อ้างอิงจากข้อมูลของ CBRE ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินมูลค่าทรัพย์สินและการตลาดอสังหาริมทรัพย์

การขยายตัวของ อุตสาหกรรมการผลิต และ นิคมอุตสาหกรรม ในระยองที่มีความสัมพันธ์กับทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน ทำให้ตลาดคอนโดเช่าในพื้นที่นี้กลายเป็น”โอกาส”สำหรับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ที่มองหาผลตอบแทนจากอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว พร้อมกับแนวโน้มการขยายตัวของ ดีมานด์ที่อยู่อาศัย ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาเช่าคอนโดในระยองยังคงปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต

จากการเติบโตของตลาดและความต้องการที่พักอาศัยจากกลุ่ม Expat ซึ่งมีความต้องการพื้นที่พักอาศัยที่มีบริการครบครัน ทำให้ ระยอง ก้าวขึ้นมาเป็นเมืองที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับการลงทุนในตลาดคอนโดเช่าในปีนี้และอนาคต

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 26พ.ค. “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” ที่ระดับ 32.57 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทช่วงต้นสัปดาห์อาจเผชิญแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับบรรดานักลงทุนต่างชาติ และเสี่ยงเผชิญ Two-Way Volatilityส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นชัดเจน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 26พ.ค.2568 ที่ระดับ  32.57 บาทต่อดอลลาร์  “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ  32.62 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่านับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.45-32.64 บาทต่อดอลลาร์)

โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทดสอบโซนแนวรับสำคัญ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือโซนแนวต้านระยะสั้น 3,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้

 อย่างไรก็ดี ในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย แม้ว่าเงินดอลลาร์ยังคงทรงตัว แต่ราคาทองคำกลับเผชิญแรงขายทำกำไรเพิ่มเติม กดดันให้ ราคาทองคำย่อตัวลงเข้าใกล้ระดับช่วงราว 17.00 น. ของวันศุกร์ก่อนหน้า ตามเวลาประเทศไทย

ซึ่งการปรับตัวลงของราคาทองคำดังกล่าว กอปรกับแรงซื้อเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาดบางส่วนแถวโซนแนวรับสำคัญของเงินบาท ก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง

สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่จะออกมาดีกว่าคาด จนผู้เล่นในตลาดมั่นใจว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยไม่เกิน 2 ครั้ง ในปีนี้ แต่ธีม “Sell US Assets” จากความกังวลเสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ ยังคงกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงราว -2%

สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐฯ และรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด Jerome Powell

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

ฝั่งสหรัฐฯ – บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) เดือนเมษายน รายงานดัชนีภาคการผลิตของบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Dallas Fed และ Richmond Fed) ในเดือนพฤษาภาคม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) ที่อาจปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จากความหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า

โดยเฉพาะจีน รวมถึง รายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2025 และอัตราเงินเฟ้อ PCE เดือนเมษายน ซึ่งอาจยังไม่ได้สะท้อนถึงผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ มากนัก นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) พร้อมทั้ง รอติดตามรายงานการประชุม FOMC ล่าสุด (FOMC Meeting Minutes)

รวมถึง ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด Jerome Powell เพื่อประกอบการประเมินทิศทางนโยบายการเงินเฟด โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ในปี 2025

และเฟดอาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม 2 ครั้ง ในปี 2026 (โอกาสลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปี 2026 อยู่ที่ราว 33%) นอกเหนือจากประเด็นในข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามพัฒนาการของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า

▪ ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (BOE) ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของยูโรโซน อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนพฤษภาคม รวมถึงอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectations) ในช่วง 1 ปี และ 3 ปี ข้างหน้า

พร้อมกับรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ด้วยเช่นกัน โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า ECB มีโอกาสราว 34% ที่จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งละ 25bps ในปีนี้

▪ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (Manufacturing & Services PMIs) เดือนพฤษภาคม ซึ่งอาจสะท้อนผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) และยอดผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน พร้อมรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของกรุงโตเกียว ในเดือนพฤษภาคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า BOJ มีโอกาสราว 76% ที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้ง +25bps ในปีนี้

 ในส่วนนโยบายการเงินนั้น บรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) และธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 2.50% และ 3.25% ตามลำดับ ตามแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ

▪ ฝั่งไทย – บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ยอดการส่งออก (Exports) ของไทยในเดือนเมษายน อาจโตกว่า +12%y/y ตามอานิสงส์การเร่งนำเข้าสินค้าไทยก่อนเผชิญนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ขณะที่ยอดการนำเข้า (Imports) อาจขยายตัวราว +7%y/y

อย่างไรก็ดี ยอดการส่งออกของไทยที่ขยายตัวได้โดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา กลับไม่ได้สะท้อนว่าภาคการผลิตอุตสาหกรรมจะขยายตัวได้ดีเช่นกัน โดยปัญหาเชิงโครงสร้างที่เรื้อรัง

กอปรกับผลกระทบจากสินค้าราคาถูกจากจีน จะยังคงทำให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนเมษายน หดตัวถึง -3.5%y/y ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization) อาจอยู่แถวระดับ 63% ไม่ต่างจากเดือนก่อนนัก

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า โมเมนตัมการแข็งค่ามีกำลังมากขึ้น สวนทางกับที่เราได้ประเมินไว้ก่อนหน้า ทั้งนี้ ช่วงต้นสัปดาห์ เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับบรรดานักลงทุนต่างชาติ ทว่าเงินบาทก็เสี่ยงเผชิญ Two-Way Volatility

 ขึ้นกับทิศทางของราคาทองคำและบรรดาสกุลเงินเอเชีย ที่เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาทในระดับสูง ส่วนแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มกลับมาได้ หากเงินบาทไม่สามารถแข็งค่าขึ้นทะลุ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นชัดเจน จนกว่าตลาดจะกลับมาเชื่อมั่นในการถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งต้องรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.15-32.95 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.45-32.70 บาท/ดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 7 เดือนครึ่งที่ 32.38 ในช่วงเช้าวันนี้ ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ 32.40-32.42 บาทต่อดอลลาร์ฯ (9.46 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 32.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องสัญญาณซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติ และการแข็งค่าของสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย (ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ฯ ร่วงต่ำกว่าแนว 99 แตะระดับต่ำสุดในรอบประมาณ 1 เดือน) หลัง ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ เลื่อนการเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% กับสหภาพยุโรป (EU) ไปเป็นวันที่ 9 ก.ค. จากเดิม 1 มิ.ย. 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.30-32.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนเม.ย. ของไทย ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สถานะฟันด์โฟลว์ต่างชาติ และประเด็นสงครามการค้า  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีก 2024/25 – แมนยูหลุดถ้วยยุโรป, เลสเตอร์ตกชั้น บทสรุปฤดูกาล

บทสรุปพรีเมียร์ลีก 2024/25 ลิเวอร์พูล ม้วนเดียวคว้าแชมป์, แมนยูหลุดทุกรายการยุโรป, เลสเตอร์–อิปสวิช–เซาธ์แฮมป์ตัน ร่วงตกชั้น, ซาลาห์ ซิวดาวซัลโว 29 ประตู

ทัพ “หงส์แดง” ในยุคที่ไร้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ดูเหมือนต้องสร้างทีมใหม่ แต่กลายเป็นว่า โค้ชอาร์เน่อ สล็อต สามารถปรับแท็กติกให้เหมาะสมกับขุมกำลังที่มีอยู่ และพัฒนาทีมให้มีความคงเส้นคงวา จนสามารถประสบความสำเร็จได้ชนิดบรรดาเกจิลูกหนัง และเหล่ากูรูต้องหน้าแหก 

ลิเวอร์พูล สร้างความฮือฮาด้วยการเข้าป้ายคว้าแชมป์แบบม้วนเดียวจบ โดยพวกเขารั้งตำแหน่งจ่าฝูงนานถึง 177 วันเต็ม นับตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2024 จนถึงวันการันตีคว้าแชมป์ซึ่งถลุง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 5-1 เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา 

“เดอะ เร้ดส์” การันตีแชมป์ทั้งๆ ที่ยังเหลือเกมลีกให้ลงเล่นอีก 4 แมตช์ ขณะที่ อาร์เซน่อล ต้องพบกับความผิดหวังเป็นฤดกาลที่ 3 ติดต่อกัน หลังพวกเขาทำได้เพียงแค่รองแชมป์อีกครั้ง ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด คว้าโควตาไปลุยแชมเปี้ยนส์ ลีก เช่นกัน 

สำหรับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ผลงานในลีกย่ำแย่เหลือเกิน สวนทางกับฟอร์มในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป โดยพวกเขาสามารถหักปากกาเซียนเฉือนชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก พร้อมกับได้ตั๋วไปลุยศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นการปลดล็อกการคว้าแชมป์ครั้งแรกในรอบ 17 ปีของพวกเขาเลยทีเดียว 

คริสตัล พาเลซ ถือว่าเซอร์ไพรส์มากๆ เพราะอันดับในลีกไม่ได้ดีเด่ แต่การคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ทำให้พวกเขาได้ตั๋วไปลุยศึกยูโรปา ลีก เช่นเดียวกับ แอสตัน วิลล่า สำหรับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ต้องบอกว่าน่าผิดหวังนิดหน่อย เพราะช่วงแรกๆ ได้ลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ฟอร์มสะดุดต่อเนื่องในช่วงปลายซีซั่น อย่างไรก็ตาม “เจ้าป่า” ดวงเฮงได้ตั๋วไปเล่นคอนเฟอเรนซ์ ลีก เนื่องจาก นิวคาสเซิ่ล ซึ่งคว้าแชมป์คาราบาว คัพ ได้สิทธิ์ไปลุยถ้วยใบโตยุโรป ทำให้ ฟอเรสต์ ได้รับส้มเข่งใหญ่ไป

ส่วนทีมที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังมากๆ ก็คงหนีไม่พ้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะอันดับในตารางลีกย่ำแย่จนน่าอนาถใจ แถมยังชวดแชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีก และไม่ได้เล่นในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรปทุกรายการ 

ในส่วนของโซนตกชั้นต้องบอกว่าฤดูกาลนี้การกระเสือกกระสนดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดแทบไม่มีให้เห็นเพราะ 3 ทีมตกชั้นอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้, อิปสวิช ทาวน์ และ เซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งเพิ่งเลื่อนชั้นเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ฟอร์มเป๋ตั้งแต่กลางซีซั่น และเร่งเครื่องไม่ได้ ทำให้พวกเขาต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่กับศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ

บทสรุปพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2024/2025

แชมป์ : ลิเวอร์พูล 

โควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 

โควตา ยูฟา ยูโรปา ลีก : แอสตัน วิลล่า, คริสตัล พาเลซ

โควตา ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก : น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 

ทีมที่ตกชั้น : เลสเตอร์ ซิตี้, อิปสวิช ทาวน์, เซาธ์แฮมป์ตัน 

ทีมเลื่อนชั้น :  ลีดส์ ยูไนเต็ด, เบิร์นลี่ย์, ซันเดอร์แลนด์ 

ดาวซัลโว 5 อันดับแรก 

– 29 ประตู : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)

– 23 ประตู : อเล็กซานเดอร์ อิซัค (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด)

– 22 ประตู : เออร์ลิง ฮาลันด์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

– 20 ประตู ; คริส วู้ด (ฟอเรสต์), ไบรอัน เอ็มเบอโม่ (เบรนท์ฟอร์ด) 

– 19 ประตู : โยอัน วิสซ่า (เบรนท์ฟอร์ด)

 16 ประตู : โอลลี่ วัตกิ้นส์ (แอสตัน วิลล่า) 

จอมแอสซิสต์  5 อันดับแรก 

– 18 ครั้ง : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)

– 12 ครั้ง : เจค็อบ เมอร์ฟี่ย์ (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด)

– 11 ครั้ง : แอนโธนี่ เอลังก้า (ฟอเรสต์)

– 10 ครั้ง :  มิคเคล ดัมส์การ์ด  (เบรนท์ฟอร์ด), แอนโทนี่ โรบินสัน (ฟูแล่ม), มอร์แกน โรเจอร์ส (แอสตัน วิลล่า), บูกาโย่ ซาก้า (อาร์เซน่อล), บรูโน่ แฟร์นันด์ส (แมนยู)

– 9 ครั้ง : ซน ฮึง-มิน (สเปอร์ส) 

ผู้รักษาประตูเก็บคลีนชีต  10 อันดับแรก

– 13 เกม : ดาบิด ราย่า (อาร์เซน่อล), มัตซ์ เซลส์ (ฟอเรสต์)

– 11 เกม : ดีน เฮนเดอร์สัน (คริสตัล พาเลซ), จอร์แดน พิคฟอร์ด (เอฟเวอร์ตัน)

– 9 เกม : อลีสซง เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล), เอแดร์ซอน (แมนซิตี้), อ็องเดร โอนาน่า (แมนยู), โรเบิร์ต ซานเชซ (เชลซี)

– 8 เกม : เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ (แอสตัน วิลล่า), นิค โป๊ป (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด), เกปา (บอร์นมัธ) 

สถิติที่น่าสนใจ

– เกมที่มีการทำประตูมากสุด : สเปอร์ส แพ้ ลิเวอร์พูล 3-6 

– เกมที่ทีมเจ้าบ้านชนะขาดลอยสุด : น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ชนะ ไบร์ทตัน 7-0 

– เกมที่ทีมเยือนชนะขาดลอยสุด : อิปสวิช แพ้ แมนซิตี้ 0-6

– ทีมที่ชนะติดต่อกันยาวนานสุด :  นิวคาสเซิ่ล, ฟอเรสต์, วูล์ฟส์ (6 เกม) 

– ทีมที่ไม่แพ้ใครติดต่อกันยาวนานสุด :  ลิเวอร์พูล (26 เกม)

– ทีมที่ไม่ชนะใครติดต่อกันยาวนานสุด : เซาธ์แฮมป์ตัน (13 เกม) 

– ทีมที่แพ้ติดต่อกันยาวนานสุด :  เลสเตอร์ ซิตี้ (8 เกม)

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


ทำไมเวลาปวดหัวไมเกรน ควรกินยาตั้งแต่เริ่มปวด

หลายคนที่เป็นไมเกรนมักจะเข้าใจผิดว่าควรรอให้ปวดมากก่อนค่อยกินยา อดทนก่อนเผื่อจะหายเอง แต่จริง ๆ แล้ว การกินยาไมเกรนตั้งแต่เริ่มมีอาการ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมอาการและลดความเสี่ยงที่จะลุกลามจนใช้ชีวิตลำบาก

สาเหตุและอาหารปวดหัวไมเกรน

ปวดหัวไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะชนิดหนึ่งที่มีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาทและการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง ทำให้เกิดการอักเสบและส่งผลให้ปวดศีรษะอย่างรุนแรง มักปวดข้างเดียว คลื่นไส้ อาเจียน หรือไวต่อแสงและเสียง

ทำไมควรกินยาไมเกรนตั้งแต่เริ่มปวด

1. ยาได้ผลดีที่สุดในช่วงต้นของอาการ
ยาไมเกรน โดยเฉพาะกลุ่ม triptan หรือยาแก้อักเสบอย่าง ibuprofen จะออกฤทธิ์ได้ดีที่สุดเมื่อใช้ในช่วงเริ่มต้นของการปวดหัวไมเกรน เพราะสามารถยับยั้งกระบวนการอักเสบและการขยายหลอดเลือดในสมองได้ทันเวลา

2. ลดความรุนแรงและระยะเวลาของอาการ
หากปล่อยให้อาการปวดดำเนินไปนานกว่า 1–2 ชั่วโมง อาการจะลุกลาม ปวดหนัก คลื่นไส้ อาเจียน และทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง

3. ลดความเสี่ยงจากการใช้ยาเกิน
การใช้ยาช้าอาจทำให้ต้องใช้ยาเพิ่มในภายหลัง ซึ่งเสี่ยงต่อภาวะ rebound headache หรือการปวดหัวจากการใช้ยาเกิน

4. ลดโอกาสต้องนอนพักหรือลางาน
หากควบคุมอาการปวดหัวไมเกรนได้ทัน การดำเนินชีวิตประจำวันจะไม่ถูกรบกวน และลดการขาดเรียนหรือลางานได้

กลุ่มยาที่ใช้รักษาไมเกรน

ในบทความนี้จะเน้นกลุ่ม ยาบรรเทาอาการไมเกรน (Abortive treatment) ซึ่งเป็นยาที่ใช้เมื่อเริ่มปวดหัวไมเกรน เช่น

  • ยาแก้ปวดทั่วไป: พาราเซตามอล, ไอบูโพรเฟน
  • ยาเฉพาะกลุ่มไมเกรน: ยากลุ่ม triptan เช่น sumatriptan, rizatriptan
  • ยากลุ่ม ergot: เช่น ergotamine (ใช้ในบางรายและภายใต้คำแนะนำแพทย์)

หากคุณมีอาการไมเกรนบ่อยหรือรุนแรงมาก แพทย์อาจพิจารณาใช้ ยาป้องกันไมเกรน (Preventive treatment) เช่น ยากันชักหรือยาความดัน เพื่อใช้เป็นประจำเพื่อลดความถี่ของอาการ

การกินยาไมเกรนตั้งแต่เริ่มปวดคือวิธีที่ได้ผลดีที่สุด ทั้งเพื่อควบคุมอาการ ลดความรุนแรง และป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว หากคุณเป็นไมเกรนบ่อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการดูแลอย่างเหมาะสม ไม่ควรรอให้ปวดมากแล้วค่อยกินยา เพราะอาจช้าเกินไปสำหรับการบรรเทาอาการอย่างมีประสิทธิภาพ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ภัยธรรมชาติต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษ

ประเทศไทยเราโชคดีที่ไม่ค่อยมีภัยธรรมชาติ (Natural Disasters) อะไรหนัก ๆ มากนัก วันนี้จึงขอนำเสนอประเภทของภัยธรรมชาติต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษเพื่อไว้เพิ่มพูนคลังคำศัพท์ในหมวดหมู่นี้กันค่ะ


Disaster (ดิ-ซาส-เทอะ)  คำนี้แปลได้ตรงตัวว่า ภัยพิบัติ หรือ มหันตภัย

Earthquake(s)  แผ่นดินไหว ที่ถ้าเกิดใต้ทะเล ก็มักจะตามมาด้วยสึนามิ

Tsunami(s)  คลื่นยักษ์ ที่เคยเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงในภาคใต้ของเราเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว

Drought(s) (เดร๊าท์)  ความแห้งแล้ง อย่างเช่นในทวีปแอฟริกา 

Landslide(s)  แผ่นดินถล่ม ถ้าเกิดขึ้นบนภูเขาหิมะเราจะมีคำเรียกเฉพาะว่า Avalanche

Avalanche (อ๊า-หวะ-แหล่นช์)  หรือภูเขาหิมะถล่ม มักทำให้นักเล่นสกีเสียชีวิตมาแล้วมากมาย

Forest fire(s) หรือ  Wildfire(s)  ไฟไหม้ป่า เกิดจากที่โลกเราร้อนมากขึ้น ทำให้อากาศแห้งรุนแรงและเกิดไฟป่าตามธรรมชาติได้ง่าย่ขึ้น ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ไฟป่าที่ออสเตรเลียที่ดังไปทั่วโลกเมื่อต้นปี 2020 หรือเหตุการณ์ไฟป่าทางภาคเหนือของประเทศไทย

Flood(s)  น้ำท่วม

Volcanic eruption  คือ ภูเขาไฟระเบิด โชคดีที่ประเทศเราไม่มีภูเขาไฟ Volcanic เป็น Adj. ของ Volcano (ภูเขาไฟ) และ Eruption คือการระเบิด

Storm  พายุ แบ่งได้หลายประเภทเลยนะคะ ตามความรุนแรงและลักษณะที่เกิด

Hailstorm(s)  พายุลูกเห็บ บ้านเราก็เคยมีบ้างทางภาคเหนือ แต่ไม่รุนแรงมากนะ (Hail = ลูกเห็บ)

Ice storm(s)  พายุน้ำแข็ง เกิดจากฝนตกหนักในอากาศเย็นจัด ทำให้ฝนกลายเป็นน้ำแข็งและมักเกิดการจับตัวตามถนน ทำให้พื้นลื่น และเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

Snowstorm(s)  พายุหิมะที่เกิดจากการที่หิมะตกหนักมาก ๆ เป็นเวลายาวนาน และอาจจะพัฒนากลายเป็น Avalanche ได้ เราอาจจะเรียกพายุหิมะได้อีกคำว่า Blizzard(s)

Thunderstorm(s) คือ  ฟ้าผ่าอย่างรุนแรง

Tropical storm(s)  พายุเขตร้อน ที่บ้านเรามักเจอกันบ่อย ๆ ฝนมักตกอย่างหนักในช่วงฤดูร้อน

Wind Storm(s)  พายุลม หรือในบางพื้นที่ของโลกอาจเกิด Dust Storm(s) ได้ เช่นในทะเลทราย อาจเกิดพายุทะเลทรายที่มีลมพัดแรงได้ทุกเมื่อ

Tornado(es)  พายุหมุนงวงช้าง ที่มักพบได้บ่อยในอเมริกา สร้างความรุนแรงได้ในวงกว้างที่พายุพัดผ่าน บางทีเราเรียกพายุชนิดนี้ว่า twisters ได้ค่ะ ตามลักษณะการหมุนเป็นวง

Hurricane  รากฐานคือ wind storm ที่มักมีต้นกำเนิดมาจากมหาสมุทรค่ะ Wind storm ที่มีความเร็วลมเกินกว่า 74 miles/hour จะถูกยกลำดับเป็นเฮอริเคน และ เฮอริเคนจะหมุนเป็นวงกลมทวนเข็ม

Cyclone  จะหมุนเป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกา และไว้ใช้เรียก wind storm ที่มีต้นกำเนิดจากมหาสมุทรอินเดีย และ มหาสมุทรแปซิฟิกทางตอนใต้

Typhoon  เรียก wind storm ที่มีต้นกำเนิดจากมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตก

สรุปแล้ว Hurricane/Cyclone/Typhoon นั้นคือพายุประเภทเดียวกัน แต่มีชื่อเรียกต่างกันตามแหล่งกำเนิดนั่นเองค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก trueplookpanya.com


GISTDA เตรียมจัดงาน ‘Thailand Space Expo 2025’ เปิดประตูสู่อวกาศ

GISTDA เตรียมจัดงาน ‘Thailand Space Expo 2025’ มหกรรมด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 16-18 ต.ค. 68 ที่ไอคอนสยาม กรุงเทพฯ เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ร่วมสำรวจศักยภาพและโอกาสธุรกิจในอุตสาหกรรมอวกาศ

ปัจจุบัน อวกาศเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมาก ผ่านทั้งการใช้งานเทคโนโลยีต่าง ๆ อาทิ ระบบนำทาง การพยากรณ์อากาศ อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ที่ต่างเป็นประโยชน์จากการใช้ข้อมูลดาวเทียม รวมถึงอนาคตอันน่าตื่นเต้นของการกลับไปสำรวจดวงจันทร์ พร้อมมุ่งหน้าสู่ดาวอังคาร และเป้าหมายอื่น ๆ ในระบบสุริยะ

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA  ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ได้เล็งเห็นถึงโอกาสของการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ โดยได้จัดงาน Thailand Space Expo ขึ้นในปีนี้ เพื่อยกระดับและต่อยอดจากการดำเนินงาน Thailand Space Week ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เปิดโอกาสให้ภาครัฐ เอกชน และประชาชนที่สนใจได้เข้าร่วมงานด้านเทคโนโลยีอวกาศระดับนานาประเทศ กระตุ้นให้เกิดการตระหนักรู้ ส่งต่อแรงบันดาลใจ และต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจ สู่การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอวกาศให้กับประเทศไทย

ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA เปิดเผยว่า “ในปีนี้พวกเรามีความตั้งใจจะจัดงาน Thailand Space Expo เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศผ่านการเสวนา การพูดคุยแสดงวิสัยทัศน์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น การอภิปรายของนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหารจากทั่วโลกที่ทำเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีอวกาศ และการจัดแสดงนิทรรศการ”

“เราตั้งใจที่จะให้ผู้ร่วมงานได้เห็นว่าอวกาศสร้างเศรษฐกิจ สร้างธุรกิจอย่างไร แล้วผู้คนโดยทั่วไปสามารถทำอะไรกับอวกาศได้บ้าง เราจึงอยากนำเสนอโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของเทคโนโลยีอวกาศ โดย GISTDA ได้ติดต่อหน่วยงานธุรกิจที่ทำงานด้านนี้จากหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย เข้ามามีส่วนร่วมในงาน Thailand Space Expo 2025”

ในฐานะหน่วยงานด้านเทคโนโลยีอวกาศของไทย GISTDA ได้มีการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศที่หลากหลาย อาทิ การวางแผนข้อมูลการทำเกษตรกรรม การติดตามค่าฝุ่น PM2.5 และการตรวจสอบคาร์บอนเครดิตผ่านข้อมูลจากดาวเทียม รวมถึงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศขึ้นเอง เช่น การพัฒนาดาวเทียมสำรวจโลก THEOS-2A และ THEOS-3 ระบบจัดการจราจรอวกาศ ระบบการติดตามเฝ้าระวังวัตถุอวกาศ ระบบพยากรณ์สภาพอวกาศของประเทศไทย และยังมีการพัฒนาบุคลากร ผ่านโครงการ School Satellite ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้ประกอบและทดสอบดาวเทียมจริง ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมอวกาศในระดับโลก ที่ผู้เข้าร่วมงานจะมีโอกาสได้มาเรียนรู้และรับชม

ภายในงานปีนี้ GISTDA ได้รวบรวมผู้นำในอุตสาหกรรม ผู้ริเริ่มนวัตกรรม ผู้ประกอบการ ผู้กำหนดนโยบาย นักลงทุน หน่วยงานอวกาศ และผู้ที่ชื่นชอบด้านอวกาศ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความก้าวหน้าล่าสุดของการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ การสำรวจอวกาศ การประยุกต์ใช้งานข้อมูลจากอวกาศของภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงเป็นเวทีสำหรับเน้นย้ำเทคโนโลยียุคใหม่ ส่งเสริมความร่วมมือ แสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมอวกาศ และขับเคลื่อนโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมอวกาศระดับโลก อาทิ การพัฒนานวัตกรรมขั้นสูง ปัญญาประดิษฐ์ และการประยุกต์นำมาใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดบนโลกใบนี้

นอกจากนี้ ดร.ปกรณ์ เสริมว่า “งาน Thailand Space Expo 2025 เปิดโอกาสให้เยาวชนทุกคนได้มาพบกับหน่วยงานและผู้คนที่ทำงานด้านอวกาศจริง ได้ลองคุยแลกเปลี่ยนกับบุคลากร พาร์ทเนอร์ธุรกิจ บริษัททั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่กำลังมองหาโอกาสในสายงานอวกาศ ทำให้เกิดการจ้างงานใหม่ ๆ ในระบบเศรษฐกิจ และขับเคลื่อนประเทศด้วยอุตสาหกรรมอวกาศ

หากเทียบกับมหกรรมอวกาศระดับโลก อย่างเช่นงาน IAC หรือ International Astronautical Congress ที่เป็นงานประชุมด้านอวกาศระดับนานาชาติ รวบรวมผู้เชี่ยวชาญ ผู้กำหนดนโยบาย และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมอวกาศจากทั่วโลก งาน Thailand Space Expo เป็นเหมือนกับเวทีในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รวบรวมบุคลากรจากนานาประเทศมาไว้ในไทย และเป็นโอกาสอันดีในการได้พบปะแลกเปลี่ยนกับผู้คนในแวดวงอวกาศ โดยไม่ต้องเดินทางไปถึงต่างประเทศ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ไข่ผำ คืออะไร เจาะลึกประโยชน์ และวิธีบริโภคที่ปลอดภัย

ไข่ผำ หรือเรียกอีกชื่อว่า “ผำ” (Wolffia) คือพืชน้ำจิ๋วที่คนไทยภาคอีสานนิยมรับประทานมานาน เป็นแหล่งโปรตีนที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูง 

ไข่ผำ คืออะไร

ไข่ผำ เป็นพืชน้ำชนิดเล็กที่สุดในโลก มีขนาดประมาณ 0.5-1.5 มิลลิเมตร มักพบลอยอยู่ตามแหล่งน้ำที่มีสารอาหารสมบูรณ์ เช่น บ่อเลี้ยงปลา หรือแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย มีลักษณะกลมรี สีเขียวเข้ม ไม่มีก้านหรือราก

ประโยชน์ของไข่ผำ

1. แหล่งโปรตีนสมบูรณ์จากพืช

ไข่ผำ มีปริมาณโปรตีนสูงถึง 40–45% ต่อหน่วยน้ำหนักแห้ง ซึ่งมากกว่าโปรตีนในถั่วเหลืองหรือลูกเดือย และเป็นโปรตีนสมบูรณ์ คือมีกรดอะมิโนจำเป็นครบ 9 ชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ จึงเหมาะกับคนที่รับประทานมังสวิรัติหรือวีแกน

2. อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ

ในไข่ผำมีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น

  • วิตามิน B12: ซึ่งพบได้น้อยในพืชทั่วไป ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง
  • ธาตุเหล็ก: ป้องกันภาวะโลหิตจาง
  • แคลเซียมและแมกนีเซียม: ช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
  • สังกะสีและวิตามิน E: สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันและผิวพรรณ

3. ย่อยง่าย เหมาะสำหรับทุกวัย

โปรตีนจากไข่ผำเป็นชนิดที่ร่างกายดูดซึมได้ง่าย จึงเหมาะกับเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาในการย่อยอาหาร

4. มีสารต้านอนุมูลอิสระ

ไข่ผำมีสารกลุ่มโพลีฟีนอล และสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง เบาหวาน และโรคหัวใจ

5. คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และใยอาหาร

ถึงแม้จะเป็นแหล่งโปรตีน แต่ไข่ผำยังมีคาร์โบไฮเดรตชนิดเชิงซ้อนและใยอาหารในปริมาณเหมาะสม ช่วยให้อิ่มนาน ควบคุมน้ำหนัก และดูแลระบบขับถ่าย

โทษของไข่ผำ หากบริโภคไม่ถูกวิธี

แม้ว่าไข่ผำจะมีประโยชน์มาก แต่หากรับประทานโดยไม่ระวัง อาจก่อให้เกิดผลเสีย เช่น

  • การเก็บจากแหล่งน้ำที่ปนเปื้อน อาจนำพาสารโลหะหนักหรือเชื้อโรค
  • หากล้างไม่สะอาด อาจมีสิ่งปนเปื้อนติดมาด้วย
  • การบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลต่อระบบขับถ่ายได้ในบางคน

ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่มีการผลิตปลอดภัย ได้รับการรับรอง หรือผลิตเองในระบบปิดที่ควบคุมคุณภาพได้

วิธีบริโภคไข่ผำให้ปลอดภัย

  • ล้างให้สะอาดหลายรอบก่อนนำไปปรุง
  • นิยมใส่ในแกงอ่อม แกงหน่อไม้ หรือลวกกินกับน้ำพริก
  • หากนำมาแปรรูป ควรตรวจสอบแหล่งผลิตและวันหมดอายุ
  • หลีกเลี่ยงการเก็บจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไม่รู้คุณภาพน้ำ

วิธีล้างไข่ผำ

  1. ใช้ผ้ากรองหลายชั้น: เริ่มต้นด้วยการใช้ผ้ากรอง 5–6 ชั้น หรือผ้าขาวบางซ้อนกัน เพื่อกรองไข่ผำจากน้ำต้นทาง วิธีนี้ช่วยกรองเศษดินและสิ่งสกปรกขนาดเล็กที่อาจปะปนอยู่
  2. ลอยน้ำเพื่อให้ฝุ่นตกตะกอน: นำไข่ผำที่กรองแล้วไปลอยในน้ำสะอาด ทิ้งไว้ประมาณ 3–5 ชั่วโมง เพื่อให้ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกตกตะกอนลงด้านล่าง จากนั้นค่อย ๆ ตักไข่ผำที่ลอยอยู่ด้านบนขึ้นมาอย่างระมัดระวัง 
  3. ล้างด้วยน้ำสะอาดหลายครั้ง: หลังจากนั้น ล้างไข่ผำด้วยน้ำสะอาดอีก 2–3 ครั้ง เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อาจหลงเหลืออยู่ และเพื่อให้ไข่ผำสะอาดพร้อมสำหรับการปรุงอาหาร

เมนูยอดฮิตจากไข่ผำ

  • แกงไข่ผำ: ใช้พริก กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด และกะปิ โขลกรวมกันเป็นเครื่องแกง เติมหมูสับหรือหมูสามชั้น ปรุงรสด้วยน้ำปลา ใส่ใบแมงลักเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
  • ไข่ผำผัดไข่: นำไข่ผำผัดกับไข่ไก่ สามารถเพิ่มเนื้อสัตว์ เช่น หมูสับ หรือกุ้งสด พร้อมพริกสดหากชอบรสจัด
  • ไข่เจียวไข่ผำ: เมนูง่าย ๆ เพียงตีไข่ไก่กับไข่ผำ ปรุงรสด้วยน้ำปลาและพริกไทย แล้วทอดในน้ำมันจนเหลืองฟู
  • ห่อหมกไข่ผำ: ผสมไข่ผำกับเครื่องแกงและกะทิ ใส่เนื้อปลา แล้วห่อใบตองนึ่งจนสุก

เมนูผักผำ ทำง่าย กินได้ทุกวัน

  • แกงผักผำ: ผัดพริกแกงเผ็ดกับน้ำมัน เติมเนื้อสัตว์ ใส่ผักผำ เติมน้ำปลาร้าหรือน้ำปลา ตามรสที่ชอบ
  • ข้าวต้ม/แกงจืดผักผำ: เติมผักผำในข้าวต้มหมู หรือแกงจืดเต้าหู้ รอจนผักสุก จะได้ซุปเขียวอ่อน ๆ อร่อยกลมกล่อม
  • พิซซ่าผักผำ: โรยผักผำบนหน้าพิซซ่าหรือขนมปังทาเนยและชีส อบจนกรอบ เป็นของว่างที่น่าลอง

ไข่ผำ เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีศักยภาพสูงในฐานะแหล่งโปรตีนทางเลือก แต่ก็ต้องบริโภคอย่างรู้เท่าทัน ตรวจสอบแหล่งที่มาทุกครั้ง และไม่ลืมว่าสิ่งที่ดีต่อสุขภาพที่สุด คือการกินอาหารให้หลากหลายและสมดุล

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 26/05/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a51,400.0051,500.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,329.0050,467.6452,300.00
ทองรูปพรรณ 90%2,996.1045,420.88n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,663.2040,374.11n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,498.0022,710.44n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,165.0017,663.67n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,450.0052,298.07n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 26/05/2568



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.5532.5533.0532.5532.5532.5532.5532.5532.5532.55
แก๊สโซฮอล์ 9132.1832.1832.6832.1832.1832.1832.1832.1832.1832.18
แก๊สโซฮอล์ E2030.3430.3430.8430.3430.3430.3430.3430.3430.34
แก๊สโซฮอล์ E8528.6928.6928.69
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม41.1448.8449.8448.8441.14
เบนซิน 9540.8448.8141.3440.9940.84
ดีเซล31.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.9446.1449.8446.1446.1443.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า