ออริจิ้น ผุด “โซลาร์ วิลเลจ” ดันบริทาเนีย ตีตลาด บ้านเดี่ยวติดโซลาร์
ออริจิ้น-GUNKUL-บริทาเนีย กางแผน 3 ปี สร้าง “โซลาร์ วิลเลจ” นำร่องติดตั้งโซลาร์รูฟในบ้านเดี่ยว โครงการ “แกรนด์ บริทาเนีย” เดินหน้าสู่ Zero-Carbon นวัตกรรมพลังงานสะอาด แย้มเตรียมซื้อขายพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านบล็อกเชนในอนาคต
22 ธ.ค 2564 – นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า หลังจากได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ภายใต้ชื่อ บริษัท ออริจิ้น กันกุล เอ็นเนอร์ยี จำกัด เพื่อร่วมกันดำเนินกิจการด้านพลังงานทดแทน/พลังงานสะอาดในโครงการที่อยู่อาศัย
ล่าสุด บริษัทได้วางแผน 3 ปี (พ.ศ.2565-2567) ในการผลักดันให้เกิดหมู่บ้านพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ วิลเลจ) ในกลุ่มธุรกิจบ้านจัดสรรภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI บริษัทในเครือซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจบ้านจัดสรร
โดยเฉพาะในโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) มุ่งเน้นติดโซลาร์รูฟในโครงการใหม่ขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่โครงการรวม 30-50 ไร่ มียูนิตพักอาศัยรวม 100-200 หลัง ในแถบกรุงเทพฯและปริมณฑล พร้อมทั้งสร้างระบบที่ทำให้เรื่องพลังงานสะอาด เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคนในชุมชน
“นวัตกรรมพลังงานสะอาดเป็นเมกะเทรนด์ที่เรามุ่งมั่นส่งมอบให้แก่ผู้บริโภคในที่พักอาศัยทั้งในคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร โดยโซลาร์ วิลเลจ จะเป็นโมเดลสำคัญที่เกิดขึ้นกับโครงการบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ในอนาคต ยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภค” นายพีระพงศ์ กล่าว
ด้าน นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI กล่าวว่า แบรนด์แกรนด์ บริทาเนีย มีความเหมาะสมต่อการติดตั้งโซลาร์รูฟและใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากที่อยู่อาศัยในโครงการส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว มีหลังคารูปทรงปั้นหยา ที่สามารถนำแผงโซลาร์เซลหันหน้ารับแสงอาทิตย์ในทิศทางที่เหมาะสมได้อย่างเต็มที่
โดยในเฟสแรกบริษัทจะเริ่มติดตั้งโซลาร์รูฟและนำร่องสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าระยะยาว หรือ Private PPA (Power Purchase Agreement) กับพื้นที่ส่วนกลางโครงการแกรนด์ บริทาเนีย ราชพฤกษ์-พระราม 5 และโครงการแกรนด์ บริทาเนีย บางนา กม.12 สร้างคุณค่าให้แก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการ ขณะเดียวกันในปี 2565 อาจมีการพิจารณาติดตั้งโซลาร์รูฟในรูปแบบ Private PPA กับโครงการแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นไปได้ด้วย โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม
นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL กล่าวว่า ในฐานะบริษัทผู้นำด้านธุรกิจพลังงานทดแทนแบบครบวงจรและธุรกิจระบบไฟฟ้า GUNKUL จะเป็นผู้ลงทุนและผู้รับผิดชอบทั้งหมดในการออกแบบและก่อสร้างระบบโซลาร์รูฟเพื่อเป็นโครงการนำร่องสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าระยะยาวหรือ Private PPA (Power Purchase Agreement) ในระดับพาณิชย์ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ลดค่าใช้จ่ายให้กับส่วนกลางและโครงการบ้านอยู่อาศัยของบริทาเนีย ในอัตราค่าไฟที่ประหยัดยิ่งขึ้น
โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมทดสอบการทำงานของระบบภายในไตรมาส 1/2565 และต่อยอดบริการให้ครอบคลุมไปจนถึงบริการแลกเปลี่ยนซื้อขายพลังงาน (Peer-to-Peer Energy Trading) ซึ่งความร่วมมือกับเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ในครั้งนี้จะไม่ใช่แค่เพียงการนำเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวก แต่เป็นการเน้นย้ำแนวคิด ENERGY x URBAN LIVING solution ที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับการอยู่อาศัยและนำไปสู่การเป็น Zero-Carbon ecosystem ผ่านมิติของพลังงาน
“ความร่วมมือระหว่างผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ และผู้นำด้านพลังงาน จะเป็นก้าวสำคัญที่สร้างความยั่งยืนในการอยู่อาศัยให้เกิดขึ้นได้จริง เป็น ENERGY x URBAN LIVING solution แห่งอนาคต” นายสมบูรณ์ กล่าว
ขณะที่ นางสาวนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ สายงานกลยุทธ์การลงทุนและนวัตกรรม และ Team lead ของแผนกนวัตกรรมธุรกิจพลังงาน GUNKUL SPECTRUM กล่าวว่า สาเหตุที่บริษัทให้ความสนใจในการทำสัญญาซื้อขายพลังงานเชิงพาณิชย์ซึ่งเป็นหนึ่งในนวัตกรรม Energy-as-a-Service ค่อนข้างมากเนื่องมาจากข้อได้เปรียบของการที่ผู้บริโภคหรือเจ้าของบ้านสามารถเข้าถึงบริการด้านพลังงานได้อย่างหลากหลายโดยไม่มีเงินลงทุนเบื้องต้น ซึ่งบริษัทมองที่จะต่อยอดเฟสถัดไปในปี 2566-2567 เริ่มดำเนินการให้ลูกบ้านได้ทดลองแลกเปลี่ยนซื้อขายพลังงาน (Peer-to-Peer Energy Trading) ที่ผลิตได้จากระบบโซลาร์รูฟของตนเองผ่านทางแอปพลิเคชัน PARITY ที่บริษัทพัฒนาขึ้น
โดยนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เข้ามาสร้างชุดคำสั่งซื้อขายพลังงานอัจฉริยะ (Smart contract) ทำให้ไม่มีพลังงานไหนที่สูญเปล่าแต่สร้างมูลค่าในทุกยูนิตที่ผลิตได้ นับเป็นการให้เจ้าของบ้านได้สัมผัสกับประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่เจ้าตัวสามารถบริหารจัดการพลังงานและค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองควบคู่กันไปอย่างไร้รอยต่อ เช่นเดียวกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในครัวเรือนอื่นๆ และยังเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ในอนาคตผ่านพลังงานสะอาดอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เปิดมุมมองการลงทุน ปี 2565 กระจายเสี่ยง – เน้นสินทรัพย์มั่นคง – มีมูลค่า
“พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์” เปิดมุมมองการลงทุนปี 2565 แนะนักลงทุนควรเสริมพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยงในระยะยาว เรียนรู้ การเลือกลงทุนใน REIT เพื่อความมั่นคง
22 ธ.ค.2564 – เปิดมุมมอง การบริหารพอร์ตการลงทุน …ช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้โลกเดินหน้าสู่ “ภาวะท้าทาย” ในหลายมิติ อาทิ สุขอนามัย อาหาร การสื่อสาร หรือข้อจำกัดด้านการเดินทาง เป็นต้น
ซึ่งจากบทความ “2021 Was The Year of Extremes” ของเว็บไซต์ Investopedia ที่เขียนโดยบรรณาธิการข่าว “Caleb Silver” ระบุปี 2564 คือปีที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่าเป็นปีที่ยากลำบากที่สุด การเติบโตของธุรกิจแบบ K-Shape ได้สร้างความเลื่อมล้ำ โดยผู้ที่ทำธุรกิจในกลุ่ม K-Shape ขาขึ้นเท่านั้นคือผู้ที่อยู่รอด
ทั้งนี้จากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่คาดไม่ถึงนับเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าการปรับตัวตลอดเวลาเป็นเรื่องสำคัญ และต้องหมั่นอัพเดตความรู้จากหน่วยงานที่เชี่ยวชาญเพื่อให้เท่าทันกับทุกสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด อันหมายรวมถึงเรื่องการบริหารพอร์ตการลงทุน
ซึ่งประเด็นนี้ทาง บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ PROSPECT REIT ได้ให้ความเห็นต่อแนวทางและการปรับตัวด้านการลงทุนเพื่อให้นักลงทุนได้ก้าวเข้าสู่ปี 2565 ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ให้ความเห็นว่า จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่มีปัจจัยจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น สิ่งที่นักลงทุนต้องตระหนักอย่างสม่ำเสมอคือเรื่องการกระจายความเสี่ยง ซึ่งมีทั้ง
- การกระจายความเสี่ยงด้านการเลือกสินทรัพย์เข้าพอร์ตการลงทุน ด้วยการเลือกลงทุนในหลากหลายประเภทของสินทรัพย์ อาทิ พันธบัตร ตราสารหนี้ หุ้น สินทรัพย์ดิจิทัล กองทุนรวม หรือแม้แต่การลงทุนใน REIT ซึ่งแต่ละประเภทก็มีความเสี่ยงให้ต้องพิจารณาที่แตกต่างกันไป
- การกระจายความเสี่ยงไปในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ เน้นไปในทางกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโต อาทิ ธุรกิจด้านสุขภาพ อุปกรณ์ทางการแพทย์ Logistic และ E-Commerce เป็นต้น
“แนวทางการลงทุนสำหรับกลุ่มนักลงทุนในปี 2565 นอกจากต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการกระจายความเสี่ยงแล้ว ยังต้องคำนึงถึงคุณภาพของทรัพย์สินด้วย ข้อมูลเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การตัดสินใจในการลงทุน มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ถึงแม้เราจะมองว่าความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญ แต่เพื่อการลงทุนที่มีคุณภาพและยั่งยืน จะช่วยลดความกังวลในการลงทุน เพราะหากมีความกังวลมากเกินไป อาจส่งให้พอร์ตของเราไม่เติบโต” โดยผู้สนใจเลือกลงทุนใน REIT ซึ่งเป็นการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่หวือหวาเกินไปและไม่ Conservative ถึงขั้นไม่เติบโต “
มุมมองการลงทุนควรพิจารณาเรื่องต่างๆ ดังนี้
- ทรัพย์สินที่อยู่ใน REIT เป็นทรัพย์สินที่มีคุณภาพหรือไม่
- ทรัพย์สินที่อยู่ในพอร์ตของ REIT นั้นๆ เป็นทรัพย์สินในกลุ่มธุรกิจใดและตั้งอยู่ในทำเลที่ตั้งใด เพื่อให้เกิดการกระจายความเสี่ยงมากที่สุด
- คาแรคเตอร์ของผู้ลงทุนเองที่มีความชื่นชอบ REIT ใน Sector ไหน ลงทุนในทรัพย์สินประเภทใด และสามารถรับความเสี่ยงได้เพียงไร
- ความมั่นคงและผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว จากการบริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทรัสต์ ที่มีความเชี่ยวชาญและเชื่อถือได้
สำหรับ PROSPECT REIT หลังการครบรอบ 1 ปีที่จัดตั้ง ถือได้ว่าเป็น REIT ที่สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและทำผลการดำเนินงานจริงได้สูงกว่าเป้าหมายที่ประมาณการ ด้วยแนวทางการบริหารของผู้จัดการกองทรัสต์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความเข้าใจในธุรกิจนี้ในเชิงลึก โดย นางสาวอรอนงค์ กล่าวว่า จากการที่ PROSPECT REIT มีผลการดำเนินงานที่ดีนั้น ได้ส่งผลต่อไปยังการจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยในอัตราที่สูงและสม่ำเสมอด้วยในปีที่ผ่านมา และยังทำให้ผู้ถือหน่วยและนักลงทุนรายใหม่ให้ความเชื่อมันในผลการดำเนินงานสะท้อนผ่านราคาหน่วยของ PROSPECT REIT ที่ไล่ระดับขึ้นมาได้สูงกว่าราคา IPO และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) แล้วในขณะนี้
“สำหรับเป้าหมายในการขยายมูลค่าสินทรัพย์รวม 10,000 ล้านบาทภายใน 3 ปีที่เคยกล่าวไปนั้น ผู้จัดการกองทรัสต์มีแผนมุ่งเน้นหาทรัพย์สินคุณภาพดีเข้ามาเพิ่มเพื่อรองรับการเติบโต ซึ่งการที่ผู้จัดการกองทรัสต์เองที่มีนโยบายการลงทุนแบบอิสระ จึงไม่ได้ผูกติดกับเจ้าของทรัพย์สินรายเดิม (Sponsor) เท่านั้น แต่เรายังมองหาและศึกษาทรัพย์สินจากเจ้าของทรัพย์สินรายอื่นๆ อีกด้วย กลุ่มทรัพย์สินที่เรามองหา จะอยู่ในทำเลที่ดี ไม่ไกลจากศูนย์กลางโลจิสติกส์ โดยจะอยู่ใกล้กับสนามบิน ท่าเรือ เพื่อความสะดวกต่อการเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ” นางสาวอรอนงค์ กล่าว
ดังนั้น การเลือกลงทุนใน REIT นั้นนักลงทุนควรเลือก REIT ที่มีทรัพย์สินคุณภาพดี มีผลการดำเนินงานที่ดี ซึ่งจะช่วยบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุนและทำให้พอร์ตโดยรวมมีความปลอดภัยมากขึ้น อย่างไรก็ดี นักลงทุนอาจจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีความเติบโตและยั่งยืน ไม่ได้หวือหวาเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บาทเปิด 33.63บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่า
เงินบาทเปิดตลาด 33.63บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่า คาดธุรกรรมเบาบาง ตลาดรอดูทิศทาง Flowเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 64
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.63 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.77 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบเกือบทุกสกุลเงินหลัก หลังตลาดเปิดรับความเสี่ยงในการลงทุนมากขึ้น และมีข่าวดีเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 กรณีการพัฒนายาเพื่อใช้รักษาตัวที่บ้านได้ ขณะที่มีธุรกรรมเบาบาง
“บาทแข็งค่าจากเย็นวานนี้ เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่า หลังนักลงทุนเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น โดยเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ตลาดช่วงนี้มีธุรกรรมที่เบาบาง” นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.55 – 33.70 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
จาก THE MOUNTAIN สู่ THE BOXER : การเปลี่ยนร่างจากจอมพลังสู่นักมวยของ ฮาฟธอร์ บียอร์นส์สัน
เอ่ยชื่อของ ฮาฟธอร์ บียอร์นส์สัน หลายคนอาจไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่าเขาคนนี้แหละ คือผู้รับบท เซอร์ เกรกอร์ คลีแกน หรือ The Mountain ในซีรี่ส์ Game of Thrones เชื่อว่าน่าจะร้องอ๋อกันไม่น้อย เพราะนอกจากรูปพรรณสันฐานจะโดดเด่นแล้ว ยังมีความทรงพลังเป็นอีกภาพจำ โดยเฉพาะในซีซั่น 4 กับฉาก “บีบแตงโม” ในตำนาน
ทว่าตอนนี้ ภาพของเจ้าตัวในซีรี่ส์ ถูกสลัดออกไปจนหมดสิ้นด้วยตัวของเขาเอง เพราะนอกจากรอยสัก (ซึ่งอันที่จริง ทีมงานถ่ายทำต้องเมคอัพลบรอยสักก่อนเข้าฉาก) หุ่นของเขายังเปลี่ยนไป จากเจ้าเนื้อ กลายเป็นมีซิกแพ็ก
The Mountain แห่ง Game of Thrones เปลี่ยนร่างของเขาได้อย่างไร ? ติดตามได้ที่นี่กับ Main Stand
ลดแคลอรี่ฮวบฮาบ
บท The Mountain แห่ง Game of Thrones ทำให้ ฮาฟธอร์ บียอร์นส์สัน เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกก็จริง ทว่าในวงการกีฬา เจ้าตัวเป็นที่รู้จักในฐานะมนุษย์จอมพลัง ดีกรี World’s Strongest Man ปี 2018 และเจ้าของสถิติยกท่า Deadlift ด้วยน้ำหนักมากที่สุดในโลก 501 กิโลกรัม เมื่อปี 2020
ทว่าหลังทำสถิติโลกได้ ฮาฟธอร์ก็ตัดสินใจอำลาวงการจอมพลัง เพื่อหันไปเอาดีด้านการชกมวยสากล
แม้อาศัยพละกำลังเหมือนกัน แต่มวยเป็นกีฬาที่ต้องใช้ความคล่องตัวสูงกว่ากีฬาจอมพลังเป็นอย่างมาก การเปลี่ยนร่างของเขาจึงเริ่มต้นขึ้น
สิ่งแรกที่ต้องเปลี่ยน หนีไม่พ้นการกิน เพราะจากเดิมที่เจ้าตัวนำพลังงานเข้าสู่ร่างกายสูงถึงวันละ 10,000 แคลอรี่ ก็ลดลงเหลือเพียงวันละ 4,000 แคลอรี่เท่านั้น โดยแบ่งอาหารออกเป็น 5 มื้อ ซึ่งเจ้าตัวเผยจากปากเองว่า รับประทานแบบนี้แทบจะทุกวัน
มื้อแรกของวัน ประกอบไปด้วย ไข่ 3 ฟอง, ไก่ 200 กรัม กับสมูธตี้ (โยเกิร์ต 150 กรัม, เบอร์รี่ 100 กรัม, ข้าวโอ๊ต 40 กรัม) มื้อสอง เนื้อสันใน 220 กรัม, ข้าวขาว 180 กรัม, ผักใบเขียว 100 กรัม มื้อสาม ไก่ 220 กรัม, มันฝรั่ง 250 กรัม, ผักใบเขียว 100 กรัม มื้อสี่ ปลาแซลมอน 220 กรัม, ข้าวขาว 100 กรัม, ผักใบเขียว 100 กรัม และมื้อห้า โยเกิร์ตกรีก 250 กรัม, เนยอัลมอนด์ 30 กรัม, กล้วย 100 กรัม ผสมกัน ตบท้ายด้วยเวย์โปรตีน 1 ช้อนละลายน้ำ
แน่นอน ตามสไตล์คนเล่นกล้าม ต้องมี Cheat Day หรือวันปล่อยผี กินอะไรก็ได้ตามใจอยาก ซึ่งวันปล่อยผีของฮาฟธอร์นั้น สุดไม่แพ้กับ ดเวย์น จอห์นสัน หรือ The Rock อดีตนักมวยปล้ำที่ปัจจุบันคือดาราฮอลลีวูดระดับ A-List เพราะอุดมไปด้วยอาหารแคลอรี่สูงอย่าง เบคอน และ ฮันนี่โทสต์
ออกกำลังสุดโหด
แน่นอนว่า การลดน้ำหนักที่ได้ประสิทธิภาพ แค่ควบคุมเรื่องการกินคงไม่พอ การออกกำลังกายก็เป็นอีกเรื่องสำคัญ และ ฮาฟธอร์ บียอร์นส์สัน ใส่สุดกับเรื่องนี้เช่นกัน และถึงขั้นมีการทำคลิป Vlog บอกเล่าคอร์สฟิตหุ่นเพื่อเป็นนักมวยด้วย
โปรแกรมการซ้อมในแต่ละวันของฮาฟธอร์ ถือว่ามีครบทั้ง คาร์ดิโอ, เวทเทรนนิ่ง รวมถึงการฟื้นฟูร่างกาย โดยตอนเช้าจะเป็นการคาร์ดิโอ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง, ชกมวย ซึ่งมีทั้งการชกกับกระสอบทราย ล่อเป้า และลงนวมบนเวที หรือแม้แต่การปั่นจักรยานโยก ซึ่งเจ้าตัวทำให้ดูในการถ่าย Vlog ใช้สูตร ช้า 30 วินาที ปานกลาง 20 วินาที เร็ว 10 วินาที วนไป 5 รอบต่อเซต พัก 3 นาทีระหว่างเซต โดยทำ 3-6 เซตต่อวัน
ขณะที่ตอนบ่าย เน้นเวทเทรนนิ่ง ซึ่งมีหลายท่า โดยในวันที่เจ้าตัวถ่ายคลิป Vlog นั้น ทำท่า Shoulder Press 5 ครั้ง, Pulldown เซตละ 8 ครั้ง 3 เซต รวมถึงยกดัมเบล เพื่อเสริมกล้ามเนื้อ Biceps, Triceps โปรแกรมจะมีการเปลี่ยนท่าออกกำลังไปเรื่อย ๆ ตามแต่วัน และจะไม่เน้นการเวทเทรนนิ่งแบบหนักหน่วง เพียงแค่ให้ร่างกายจดจำความรู้สึกได้
หลังผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง ฮาฟธอร์จะจบโปรแกรมในแต่ละวัน ด้วยการลงสระ ว่ายน้ำเบา ๆ รวมถึงเดินในน้ำ เพื่อช่วยเรื่องการฟื้นฟูร่างกาย ก่อนเข้าอบซาวน่า 15 นาที ปิดท้ายด้วยการแช่ตัวในอ่างน้ำแข็งอีก 15 นาที
ผลลัพธ์ และเป้าหมาย
ผลลัพธ์จากการปรับเปลี่ยนทั้งการกินและการออกกำลังกายในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สะท้อนออกมาผ่านรูปลักษณ์ของ ฮาฟธอร์ บียอร์นส์สัน ที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ภาพพุงหลามที่เห็นในการแข่งขันจอมพลัง หรือแม้แต่ในซีรี่ส์ Game of Thrones ไม่มีให้เห็นอีกต่อไป รูปร่างของฮาฟธอร์เฟิร์มขึ้น มีซิกแพ็กเห็นเด่นชัด ที่สำคัญ น้ำหนักตัวของเขาลดลงถึง 50 กิโลกรัม
จากน้ำหนักสมัยแข่งจอมพลังที่ 205 กิโลกรัม หรือ 450 ปอนด์ น้ำหนักในตอนนี้ของฮาฟธอร์เหลือเพียง 155 กิโลกรัม หรือราว 340 ปอนด์ ซึ่งเจ้าตัวเผยจากปากเองด้วยว่า ตอนนี้เขามีความสุขกับรูปร่างของเขาแบบสุด ๆ เพราะทั้งดูดีและดูสุขภาพดีอีกด้วย
หลายคนอาจสงสัยว่า ฮาฟธอร์จะทรมานร่างกายตัวเองด้วยการลดน้ำหนักไปทำไม ? คำตอบก็คือ ตัวเขามีเป้าหมาย หรืออันที่จริงอาจต้องเรียกว่า บัญชีแค้น ที่ต้องสะสาง และเป้าหมายคนที่ว่าชื่อ … เอ็ดดี้ ฮอลล์
นี่คือคู่แข่งในสนามจอมพลังที่ฮาฟธอร์ประฝีมือกันมานาน จนนำมาซึ่งความบาดหมาง เมื่อฮาฟธอร์กล่าวหาเอ็ดดี้ว่า โกงจนคว้าแชมป์ World’s Strongest Man ปี 2017 ขณะที่เอ็ดดี้ก็สวนกลับว่า ฮาฟธอร์เองก็โกงจนได้แชมป์ World’s Strongest Man ปี 2018 เช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้น การทุบสถิติโลกท่า Deadlift ของฮาฟธอร์ยังไม่โปร่งใสอีกด้วย เพราะทำในยิมส่วนตัว แม้มีการถ่ายทอดสดก็ตาม
เมื่อบาดหมางกันนัก ก็จับมาฟาดปากกันให้รู้แล้วรู้รอดกันไป จนบังเกิดเป็นศึกดวลหมัดของ 2 จอมพลัง “The Beast” เอ็ดดี้ ฮอลล์ ปะทะ “The Mountain” ฮาฟธอร์ บียอร์นส์สัน ในไฟต์ที่ถูกเรียกว่า “The Heaviest Boxing Match in History”
อย่างไรก็ตาม ไฟต์ของทั้งคู่กลับเจออุปสรรค เมื่อเอ็ดดี้ได้รับบาดเจ็บ จนทำให้ไฟต์ที่เดิมมีกำหนดแข่งวันที่ 18 กันยายน 2021 ต้องถูกเลื่อนออกไป ซึ่งฮาฟธอร์ไม่ปล่อยให้ตัวเองว่าง จิ้มเลือก เดวอน ลาร์รัตต์ นักงัดข้อมืออาชีพ และอดีตทหารในกองทัพแคนาดามาเป็นคู่ชกแทน ก่อนที่ฮาฟธอร์จะต่อยเดวอนจนหมดสภาพด้วยเวลาเพียง 2 นาทีของยกแรก จากกำหนด 6 ยกเท่านั้น
คาดการณ์ว่ากำหนดการต่อสู้ใหม่ของ เอ็ดดี้ ฮอลล์ และ ฮาฟธอร์ บียอร์นส์สัน จะมีขึ้นในเดือนมีนาคม 2022 ถึงวันนั้นคงต้องรอดูกันว่า การเปลี่ยนร่างของฮาฟธอร์ จะทำให้เขาปิดบัญชีแค้นได้หรือไม่ ?
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
11 อาการอันตรายของผู้ป่วย “เบาหวาน”
อาการที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควรสังเกตเป็นประจำ เพราะอาจหมายถึงค่าน้ำตาลในเลือดกำลังผิดปกติ และอาจก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกายในเวลาอันรวดเร็วได้
อ.นพ.ธเนศ แก่นสาร ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุข้อมูลเกี่ยวกับอาการที่อันตรายของผู้ป่วยเบาหวานเอาไว้ ดังนี้
อาการที่เกิดจากน้ำตาลในเลือดต่ำ
- เหงื่อออก
- ใจสั่น มือสั่น
- รู้สึกหิว
- อ่อนเพลีย แขนขาไม่มีแรง
- สับสน หมดสติ ชัก
วิธีแก้ไข เมื่อน้ำตาลในเลือดต่ำ
- ถ้ายังรู้สึกตัวดี กลืนได้ ไม่สำลัก ให้รับประทานอาหารต่อไปได้ทันที เช่น
- ดื่มน้ำหวาน 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1/2 แก้ว หรือ
- ดื่มน้ำผลไม้ประมาณ 1/2 แก้ว หรือ 120 ซีซี หรือ
- อมลูกอม 2 เม็ด หรือ น้ำตาล 2 ก้อน หรือ
- ขนมปังแผ่น 1 แผ่น
- ถ้าไม่ค่อยรู้สึกตัว หรือ กลืนไม่ได้ให้รีบนำส่งโรงพยาบาล
อาการที่เกิดจากน้ำตาลในเลือดสูง
- กระหายน้ำ
- ปัสสาวะบ่อย
- น้ำหนักลด
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้อง
- สับสน หมดสติ ชัก
วิธีแก้ไข เมื่อน้ำตาลในเลือดสูง
- ดื่มน้ำอุ่น หรือ น้ำเปล่าที่ไม่มีน้ำตาลบ่อยๆ
- พักผ่อน งดการออกกำลังกายหรือทำงาน
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นระยะ ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดยังไม่ลดลง ควรรีบพบแพทย์
- กรณีตรวจพบสารคีโตน หรือ มีอาการเหนื่อยหอบ ปวดท้อง ซึมลงมาก ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
อันตรายจากการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้
หากปล่อยให้ระดับน้ำตาในเลือดสูงเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์ อัมพาต) โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรืออุดตัน โรคไตเรื้อรัง ภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา และระบบประสาทส่วนปลายเสื่อม (ชาปลายมือปลายเท้า)
ดังนั้น ผู้ป่วยเบาหวานควรตรวจสอบอาการอยู่เสมอ จะได้รีบรักษา ก่อนที่จะเกิดอาการรุนแรง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“น่าเสียดาย” ในภาษาอังกฤษพูดว่าไงได้บ้าง
วันนี้เรามีวิธีพูดว่า “เสียดาย” หรือ “น่าเสียดาย” ในภาษาอังกฤษมาฝากค่ะ หลายๆ คน อาจจะรู้จักแค่คำว่า What a pity, Such a pity หรือ It’s pity แต่วันนี้แอดจะมาสอนคำอื่นๆ ด้วย ที่แปลว่า น่าเสียดาย ในภาษาอังกฤษเหมือนกัน ไปดูกันเลยค่าว่ามีอะไรบ้าง
บทเรียนใหม่ๆ ส่งตรงทุกวันฟรี พร้อม eBook สุดพิเศษจาก Engnow สมัครสมาชิกเว็บไซต์ที่นี่เลยฟรี >> คลิก
“What a pity!” (หรือ Pity! สั้นๆ ก็ได้)
ตัวอย่างเช่น:
What a pity you can’t attend our party tonight.
= น่าเสียดายจังที่เธอมางานปาร์ตี้คืนนี้ไม่ได้
What a pity! That handsome guy already has a girlfriend.
= เสียดายจังเลย หนุ่มหล่อคนนั้นเขามีแฟนแล้วอ่ะ
“What a shame!” อะไรจะน่าขายหน้าขนาดนั้น
ตัวอย่างเช่น:
I won the lottery but lost my ticket. What a shame!
= ฉันถูกหวยรางวัลที่หนึ่งแต่ทำฉลากหาย เสียดายจังเลย
What a shame! He didn’t pass for his exam.
= น่าเสียดายจัง เขาสอบไม่ผ่าน
“What a waste!” แปลว่า เสียดาย, เสียของ, สิ้นเปลือง
ตัวอย่างเช่น:
What a waste! The food we throw away.
= น่าเสียดายจริง ๆ อาหารที่เราทิ้งขว้าง
Nobody showed up for my party. What a waste of time!
= ไม่มีใครมางานปาร์ตี้ของฉันเลย เสียเวลาจริงๆ
“Too bad” เป็นสำนวนค่ะ ซึ่งจะแปลว่า เสียดาย
ตัวอย่างเช่น:
It’s too bad Jane’s boyfriend turned out to be gay.
= น่าเสียดายที่แฟนเจนเปิดเผยว่าเป็นเกย์
Too bad, I can’t read Chinese.
= แย่จัง ฉันอ่านภาษาจีนไม่ออกอ่ะเธอ
“Unfortunately” แปลว่า น่าเสียดาย, แย่จัง
ตัวอย่างเช่น:
Unfortunately, the hotel is fully occupied and no room is available today.
= แย่จัง วันนี้โรงแรมจองเต็มหมดแล้วและไม่มีห้องเหลือเลย
Unfortunately, Apple Inc. didn’t hire Tim for the job he applied for.
= น่าเสียดายจัง บริษัทแอ็ปเปิ้ลไม่ได้จ้างทิมสำหรับงานที่เขาสมัครไป
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
ดีแทคจับมือไดซิน-เนคเทคยกระดับอุตฯผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ด้วย 5G
ดีแทคจับมือไดซินและเนคเทคยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ด้วยเทคโนโลยี 5G ต่อยอดเป็นต้นแบบดันไทยสู่ฮับซัพพลายเชนยานยนต์ในเอเชีย
“ไดซิน” บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ประเภทอลูมิเนียมขึ้นรูป มีคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นหลัก มีกำลังการผลิตติดหนึ่งในสิบของประเทศไทย คิดเป็นมูลค่ายอดขายราว 6 พันล้านบาทต่อปี โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ 52% จากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ 36% นอกจากนี้อีก 8% เป็นรายได้จากการผลิตชิ้นส่วนให้กับภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น เครื่องยนต์การเกษตร และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ เป็นต้น
ตลอดเวลายาวนานกว่า 42 ปี ที่ไดซินเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ที่สำคัญให้กับลูกค้า ทั้งใน และต่างประเทศ ภายใต้นโยบายมาตรฐานคุณภาพระดับสากลเพื่อขับเคลื่อน และสร้างความมั่นคงให้ภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย
ปัจจุบันไดซินมีความต้องการ ที่จะยกระดับความสามารถในการผลิตให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล จึงมุ่งเน้นไปสู่ระบบการผลิตแบบอัตโนมัติ การสื่อสารระหว่างคนและเครื่องจักรเป็นสำคัญ
นายธนินทร์ ลี้โกมลชัย ประธาน บริษัท ไดซิน จำกัด กล่าวว่า “จากผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ทำมามากกว่า 42 ปี สู่การเผชิญหน้าวิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้ ทำให้เราเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติ ที่ต้องปรับตัวสู่โรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) โดยความร่วมมือกับเนคแทคและดีแทคเป็นก้าวแรกของเราที่นำ 5G มาแก้ปัญหา (Pain point) จากกระบวนการผลิตด้วย AGV (Automated Guided Vehicle) รถลำเลียงชิ้นส่วนในกระบวนการผลิตเดิมซึ่งไม่สามารถควบคุมการผลิตในแม่นยำ โดยเฉพาะการติดตามตำแหน่งทำให้เกิดการสูญเสียเวลาในการผลิต ทำให้เกิดต้นทุนในการขนส่งชิ้นส่วนภายในโรงงานที่ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ และอาจจะทำให้เกิดอันตรายจากการขนส่งที่ไม่เหมาะสมอีกด้วย”
ในกระบวนการผลิตไดซินได้นำ AGV หรือรถลำเลียงชิ้นส่วนซึ่งเป็นหัวใจหลักของกระบวนการผลิต ที่กำหนดเส้นทางการเคลื่อนที่และหยุดได้ด้วยแถบแม่เหล็กซึ่งมีผลต่อการผลิตได้ตามเป้าหมาย แต่ถ้าต้องการความแม่นยำและเพิ่มระบบติดตามแบบเรียลไทม์ รวมทั้งกำหนดเส้นทาง (mapping) อย่างแน่นอน AGV แบบเดิมไม่สามารถตอบโจทย์กระบวนการผลิตได้อีกต่อไป โดยเฉพาะยุคที่การแข่งขันสูงและต้องลดการสูญเสียเวลาซึ่งจะเป็นต้นทุนโดยเฉพาะการเร่งผลิตในวิกฤตโรคระบาด ที่ต้องนำแพลตฟอร์มดิจิทัลและ 5G มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ดังนั้นโซลูชัน 5G ที่สามารถรับส่งข้อมูลได้แบบเรียลไทม์และแม่นยำ จะมาตอบโจทย์การเป็นโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) เรื่องควบคุมอัตโนมัติและเซ็นเซอร์ ในรูปแบบ Internet of Things (IoT) ที่สามารถพัฒนาสู่ IoTอื่นๆ ร่วมกัน และสามารถนำดาต้าส่งเข้าระบบคลาวด์และจะนำมาวิเคราะห์ (Data Analytics) และรองรับ Big data เพื่อพัฒนาสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ สำหรับ AGV ของไดซินจะติดตั้งซิมดีแทคเพื่อส่งสัญญาณ 5G สู่แพลตฟอร์มในการใช้งานลำเลียงชิ้นส่วนเข้าสู่แต่ละกระบวนการผลิตอย่างแม่นยำ ไม่ต้องใช้คนมาเฝ้าระวังในการจอดเสีย หรือการสูญเสียเวลา
ระบบติดตามตำแหน่งที่ใช้ในความร่วมมือนี้ เป็นผลงานวิจัยของทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ (LAI) เนคเทค สวทช.ที่มีชื่อเรียกว่า แพลตฟอร์ม “อยู่ไหน” ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อส่งข้อมูลตำแหน่งปัจจุบันและสถานะการทำงานของรถ AGV ผ่านเครือข่าย 5G ของทางดีแทคไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแพลตฟอร์ม ในรูปแบบ Internet of Things (IoT) ที่นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของ AGV เชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลผ่าน 5G ทำให้ทีมงานไดซินสามารถใช้งาน AGV ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และใช้ดาต้ามากำหนดจำนวนรอบการวิ่งในกระบวนการผลิต การควบคุมเวลา ผ่านทางเครือข่าย 5G ของดีแทคได้
ความสำคัญของเทคโนโลยีเครือข่ายการสื่อสาร 5G ว่าเป็นเครื่องมือหนึ่งที่มีศักยภาพในการผลักดันอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันได้ดีขึ้น เราเล็งเห็นว่าภาคอุตสาหกรรมของประเทศมีความจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อก้าวไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 มิเช่นนั้นจะไม่สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก ซึ่งต้องนำเทคโนโลยีดิจิทัล อาทิ 5G, Internet of Things, Big Data, Artificial Intelligence มาใช้งาน ในช่วงเริ่มต้น ผู้ประกอบการอาจยังไม่มั่นใจในการลงทุนใช้เทคโนโลยี ทางเนคเทค สวทช. จึงร่วมกับพันธมิตร เช่น ดีแทค สนับสนุนการดำเนินงานเพื่อพิสูจน์ในภาคอุตสาหกรรมเห็นประโยชน์ และความคุ้มค่าของการลงทุนกับเทคโนโลยี และหวังว่าจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมไปยังโรงงานอื่นๆ ในอุตสาหกรรมที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน สำหรับงบประมาณในการดำเนินการทดลอง 5G Use Case สำหรับโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) นี้ เนคเทค สวทช. ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.)”
นายกฤษณ์ ประพัทธศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “จากข้อมูลโดยวิจัยกรุงศรีในปี 2564-2565 คาดว่าการผลิตยานยนต์ในประเทศจะฟื้นตัวโดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-4% ต่อปี ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์โลก การร่วมมือกับไดซิน และเนคเทค สวทช. ในครั้งนี้ เป็นการที่ดีแทค บิสิเนสนำเทคโนโลยี 5G ต่อยอดจากการใช้ระบบเครื่องจักรการผลิตที่มีอยู่เดิมด้วยการนำเครือข่าย การใช้ดาต้าเรียลไทม์ และพัฒนาไปสู่การใช้ปัญญาประดิษฐ์ พร้อมเทคโนโลยี 5G ที่เข้ามาช่วยในการจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลในการวิเคราะห์ นำไปสู่นวัตกรรม การพัฒนาธุรกิจและเศรษฐกิจในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดย 5G Use case ที่ดีแทคได้มีโอกาสร่วมงานกับไดซินและเนคเทค สวทช. นี้ จะถูกพัฒนาเป็นโรงงานต้นแบบโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) เพื่อช่วยโรงงานอื่นๆ ในไทยได้พัฒนาต่อยอดต่อไป”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ผักแพว
ผักแพวเป็นผักสมุนไพรพื้นบ้านของไทย มีชื่อเรียกท้องถิ่นหลากหลายชื่อได้แก่ ผักแพ้ว ผักไผ่ ผักแพรว ผักแจว พริกบ้า พริกม้า จันทร์แดง จันทร์โฉม หอมจันทร์ เป็นต้น มักพบได้ทั่วไปตามริมน้ำ มีลักษณะเป็นพืชล้มลุก ทอดเลื้อยไปตามพื้นดิน ใบเดี่ยวรูปหอก มีกลิ่นหอมฉุน ดอกเป็นช่อสีขาวนวลหรือชมพูม่วง
โดยผักแพวมี 2 ชนิดหลักๆคือ ผักแพวแดง และผักแพวขาว แตกต่างกันเพียงสีของต้น แต่มีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรเหมือนกัน ถ้านำมาใช้เป็นยาสมุนไพรคู่กัน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามากขึ้น
คนส่วนใหญ่นิยมนำยอดอ่อนและใบอ่อนมาบริโภคเป็นผักสด รวมทั้งนิยมนำมาแกงกับปลา เพื่อดับกลิ่นคาว เป็นพืชที่อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม ธาตุเหล็ก และเป็นสมุนไพรที่มีส่วนช่วยในการลดความอ้วน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ
นอกจากนี้ผักแพวยังมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพร ใช้รักษาโรคและอาการต่างๆ ได้แก่ ป้องกันและต่อต้านมะเร็ง ป้องกันโรคหัวใจ บำรุงประสาท ช่วยเจริญอาหาร ขับเหงื่อ รักษาปอด แก้ไอ แก้หอบหืด ช่วยในการขับถ่าย รักษาโรคกระเพาะ แก้ท้องเสีย รักษาริดสีดวงทวาร ขับปัสสาวะ เป็นต้น
ลักษณะของผัวแพว
– ต้นผักแพว จัดเป็นพืชล้มลุก มีลำต้นสูงประมาณ 30-35 เซนติเมตร ลำต้นตั้งตรง มีข้อเป็นระยะ ๆ ตามข้อมักมีรากงอกออกมา หรือลำต้นเป็นแบบทอดเลื้อยไปตามพื้นดินและมีรากงอกออกมาตามส่วนที่สัมผัสกับพื้นดิน เป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้นแฉะ เช่น ในบริเวณห้วย หนอง คลอง บึง หรือตามแอ่งน้ำต่าง ๆ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและการใช้ลำต้นปักชำ (เมล็ดงอกยาก นิยมใช้กิ่งปักชำมากกว่า) พรรณไม้ชนิดนี้เป็นพืชล้มลุก พบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย เพราะเกิดได้เองตามธรรมชาติ
– ใบผักแพว มีใบเป็นใบเดี่ยว ออกสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปหอกหรือรูปหอกแกมรูปไข่ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5.5-8 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลมคล้ายใบไผ่แต่บางกว่า ขอบใบเรียบ ฐานใบเป็นรูปลิ่ม ก้านใบสั้นมีหู ใบลักษณะคล้ายปลอกหุ้มรอบลำต้นอยู่บริเวณเหนือข้อของลำต้น
– ดอกผักแพว ออกดอกเป็นช่อ ช่อดอกมีดอกย่อยขนาดเล็กสีขาวนวลหรือชมพูม่วง
– ผลผักแพว ผลมีขนาดเล็กมาก
สรรพคุณของผักแพว
– ผักแพวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย และช่วยในการชะลอวัย (ใบ)
– ช่วยป้องกันและต่อต้านมะเร็ง (ใบ)
– ช่วยป้องกันโรคหัวใจ (ใบ)
– ใบใช้รับประทานช่วยทำให้เจริญอาหาร (ใบ)
– ช่วยบำรุงประสาท (ราก)
– รสเผ็ดของผักแพวช่วยทำให้เลือดลมในร่างกายเดินสะดวกมากขึ้น (ใบ)
– ช่วยรักษาโรคหวัด (ใบ)
– ช่วยขับเหงื่อ (ดอก)
– ช่วยรักษาโรคปอด (ดอก)
– ช่วยรักษาหอบหืด (ราก)
– ช่วยแก้อาการไอ (ราก)
– ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันและแก้อาการท้องผูก และช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะเป็นผักที่มีไฟเบอร์สูงถึง 9.7 กรัม ซึ่งจัดอยู่ในผักที่มีเส้นใยอาหารมากที่สุด 10 อันดับของผักพื้นบ้านไทย (ใบ)
– ผักแพวมีรสเผ็ดร้อน จึงช่วยแก้ลม ขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ (ใบ, ยอดผักแพว) ใช้เป็นยาขับลมขึ้นเบื้องบน ช่วยให้เรอระบายลมออกมาเวลาท้องขึ้น ท้องเฟ้อ (ใบ, ดอก, ต้นราก)
– รากผักแพวช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร (ราก) แก้กระเพาะอาหารพิการหรือกระเพาะอักเสบ (ใบ, ดอก, ต้นราก)
– ช่วยแก้ท้องเสีย อุจจาระพิการ (ใบ, ดอก, ต้นราก)
– ช่วยแก้อาการเจ็บท้อง (ใบ, ดอก, ต้นราก)
– ช่วยแก้อาการท้องรุ้งพุงมาน (ใบ, ดอก, ต้นราก)
– ใบผักแพวช่วยรักษาโรคพยาธิตัวจี๊ด แต่ต้องรับประทานติดต่อกัน 5-8 วัน
– ลำต้นผักแพวใช้เป็นยาขับปัสสาวะ (ต้น)
– ราก ต้น ใบ และดอก นำมาปรุงเป็นยาได้ ใช้รักษาริดสีดวงทวาร (ใบ, ดอก, ต้น, ราก)
– ช่วยรักษาโรคตับแข็ง (ใบ)
– ช่วยลดอาการอักเสบ (ใบ)
– ใบผักแพวใช้แก้ตุ่มคัน ผดผื่นคันจากเชื้อรา เป็นกลากเกลื้อน ด้วยการใช้ใบหรือทั้งต้นนำมาคั้นหรือตำผสมกับเหล้าขาว แล้วใช้เป็นยาทา (ใบ, ทั้งต้น)
– ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย (ราก)
– ช่วยรักษาอาการปวดข้อ ปวดกระดูก (ราก)
– ช่วยแก้เส้นประสาทพิการ แก้เหน็บชาตามปลายนิ้วมือ ปลายเท้า และอาการมือสั่น (ใบ, ดอก, ต้นราก)
– ใช้ปรุงเป็นยาบำรุงเลือดลมของสตรี (ใบ, ดอก, ต้นราก)
ข้อควรรู้ ! : ผักแพวหลัก ๆ แล้วจะมีอยู่สองชนิดที่ต่างกันแค่สีต้น คือ ผักแพวแดงและผักแพวขาว เป็นสมุนไพรคู่แฝดที่นำมาประกอบเป็นจุลพิกัดหรือใช้คู่กันเป็นยาสมุนไพรจะมีฤทธิ์ยาแรงขึ้น และมีประสิทธิภาพในการรักษามากขึ้นด้วย
ประโยชน์ของผักแพว
– รสเผ็ดของผักแพวช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันในเลือด เหมาะเป็นผักสมุนไพรลดความอ้วนได้โดยไม่ขาดสารอาหาร เพราะอุดมไปด้วยเส้นใยและวิตามิน แต่ต้องรับประทานในปริมาณที่มากพอหรือวันละไม่น้อยกว่า 3 ขีด
– ผักแพวมีวิตามินเอสูง จึงช่วยบำรุงและรักษาสายตาได้เป็นอย่างดี โดยมีวิตามินเอสูงถึง 8,112 หน่วยสากล ในขณะที่อีกข้อมูลระบุว่ามีมากถึง 13,750 มิลลิกรัม
– ผักแพวเป็นผักที่ติดอันดับ 8 ของผักที่มีวิตามินซีสูงสุด โดยมีวิตามินซี 115 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนัก 100 กรัม
– ผักแพวมีแคลเซียมสูงถึง 390 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม จึงช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงได้เป็นอย่างดี
– ผักแพวมีธาตุเหล็กสูงสุดติด 1 ใน 5 อันดับของผักที่มีธาตุเหล็กสูง
– ยอดอ่อนและใบอ่อนใช้ประกอบอาหาร ใช้รับประทานเป็นผักสด หรือใช้แกล้มกับอาหารที่มีรสจัด ใช้เป็นเครื่องเคียงของอาหารอีสาน อาหารเหนือ อาหารเวียดนาม หรือนำมาหั่นเป็นฝอย ใช้คลุกเป็นเครื่องปรุงสดประกอบอาหารประเภทลาบ ลู่ ตำซั่ว ก้อยกุ้งสด ข้าวยำ แกงส้ม เป็นต้น
– ใบผักแพวนำมาใช้แกงประเภทปลา เพื่อช่วยดับกลิ่นของเนื้อสัตว์หรือกลิ่นคาวปลาได้
Tip : การเลือกซื้อผักแพว ควรเลือกซื้อผักแผวสด หรือดูที่ความสดของใบเป็นหลัก ไม่เหี่ยวและเหลือง แต่ถ้ามีรอยกัดแทะของหนอนและแมลงบ้างก็ไม่เป็นไร ส่วนการเก็บรักษาผักแพวก็เหมือนกับผักทั่ว ๆไป คือเก็บใส่ในถุงพลาสติกแล้วปิดให้สนิท หรือจะเก็บใส่กล่องพลาสติกสำหรับเก็บผักก็ได้ แล้วนำไปแช่ตู้เย็นในช่องผัก
ขอบคุณข้อมูลจาก opsmoac.go.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 23/12/2564
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,600.00 | 28,700.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,853.00 | 28,091.48 | 29,200.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,667.70 | 25,282.33 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,482.40 | 22,473.18 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 834.00 | 12,643.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 649.00 | 9,838.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,920.00 | 29,107.20 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/12/2564
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 30.65 | 30.65 | 31.35 | 30.65 | 31.35 | 30.65 | 31.15 | 30.65 | 30.65 | 30.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 30.38 | 30.38 | 31.08 | 30.38 | 31.08 | 30.38 | 30.88 | 30.38 | 30.38 | 30.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 29.14 | 29.14 | 29.84 | 29.14 | 29.84 | – | 29.64 | 29.14 | 29.14 | 29.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 23.44 | 23.44 | – | – | – | – | – | – | – | 23.44 |
เบนซิน 95 | 38.06 | – | – | – | 39.21 | – | 39.06 | 38.56 | – | 38.56 |
ดีเซล B7 | 28.04 | 28.04 | 28.74 | 28.14 | 28.74 | 28.04 | 28.54 | 28.04 | 28.14 | 28.04 |
ดีเซล | 28.04 | 28.04 | 28.74 | 28.14 | 28.74 | 28.04 | 28.54 | 28.04 | 28.14 | 28.04 |
ดีเซล B20 | 28.04 | 28.04 | 28.74 | – | 28.74 | – | 28.54 | 28.04 | – | 28.04 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 33.96 | 34.06 | 35.19 | 34.66 | 35.19 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |