‘ราคาวัสดุก่อสร้าง’ ป่วน ‘อสังหาฯ’ รายใหญ่’ดิสรัป’ต้นทุน สกัดกำไร
สงคราม รัสเซีย – ยูเครน ป่วน ต้นทุนอุตสาหกรรม ‘ ก่อสร้าง – อสังหาฯ’ ฉุดกำไรสุทธิ 36 บริษัทในตลท.ไตรมาสแรก ลดลงเกือบ 19% ศูนย์ข้อมูลฯ เผย ตลาดที่อยู่ฯยังอ่วม ราคาน้ำมัน ,เงินเฟ้อฉุด ขณะหน่วยสร้างเสร็จใหม่ย่อตัว เหตุผู้พัฒนาฯประวิงเวลา
สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลให้โลกเกิด ‘วิกฤติซัพพลายเชน’ ครั้งใหญ่ เกิดภาพไตรมาสแรก ปี 2565 ภาคอสังหาริมทรัพย์ เผชิญกับราคาวัสดุก่อสร้างแพงกระฉูด เนื่องด้วยทั้ง 2 ประเทศ เป็นผู้ส่งออกเหล็ก (วัสดุตั้งต้น) อันดับ 3 และ 8 ของโลก รวมถึงสงคราม ยังทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างหนัก ลุกลามการขนส่ง กระทบต่อต้นทุนการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย
กลายเป็นวิกฤติเชิงซ้อน ต่อการฟื้นตัวของผลประกอบการ ที่มาพร้อมกับการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ และแนวโน้มนโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งหากไม่สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี อาจกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม การปรับตัว แตกพอร์ตโปรดักส์อย่างหลากหลาย เพื่อรับการฟื้นตัวของดีมานด์ที่อยู่อาศัย ทั้งบ้าน และ คอนโดมิเนียม หลังจากความรุนแรงของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนลดลง ส่งผลผู้ซื้อ – นักลงทุน คลายความกังวลลง และผ่าน’จุดต่ำสุด’ในแง่ความมั่นคงทางการงานและรายได้แล้วนั้น ก็ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาฯบางส่วนสามารถกอบโกยรายได้ ผลกำไรสุทธิได้อย่างโดดเด่นเช่นกัน
TOP 5 อสังหาฯกำไรสูงสุด
ล่าสุด LPN WISDOM บริษัทวิจัยตลาดที่อยู่อาศัยในเครือ บริษัท แอล.พี.เอ็น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบผลประกอบการ สิ้นไตรมาสแรก ปี 2565 ของผู้พัฒนาอสังหาฯ ทั้ง 36 ราย ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ พบว่า ตั้งแต่ ม.ค.-มี.ค. มีรายได้รวม 67,724.22 ล้านบาท ลดลง 2.86% ส่วนกำไรสุทธิรวมกันอยู่ที่ 7,327.59 ล้านบาท โดยยังคงลดลงถึง 18.97 % เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2564 อย่างไรก็ตาม มี 5 บริษัทรายใหญ่ ที่สามารถทำกำไรสุทธิสูงสุด ดังนี้
- บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์
- บมจ.เอพี ไทยแลนด์
- บมจ.ศุภาลัย
- บมจ.ออริจิ้น
- บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์
หน่วยสร้างเสร็จต่ำกว่าคาด
ขณะนายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ระบุว่า แม้ไตรมาส 1 ปี 2565 ภาคธุรกิจอสังหาฯ ส่งสัญญาณ ‘ผงกหัว’ ขึ้น จากจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ และยอดขายได้ใหม่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แต่กลับยังเผชิญกับทั้งปัจจัยลบที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีผลต่อค่าครองชีพ และเพิ่มอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อ หรือลงทุนในอสังหาฯ ขณะจำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จ จดทะเบียนมีเพียง 17,543 หน่วย ลดลงถึง 27.1 % แบ่งเป็น จัดสรร 10,011 หน่วย และอาคารชุด 7,532 หน่วย
ทั้งนี้ คาดมาจาก ‘ภาวะต้นทุนก่อสร้าง’ ที่แพงขึ้นมาก ทำให้ผู้พัฒนาฯ ชะลอการก่อสร้าง เพื่อยื้อเวลาหา แหล่งซื้อ-ขาย ในราคาที่เหมาะสม โดยคาดว่า ครึ่งปีหลัง ‘ราคาบ้าน’มีแนวโน้มสูงขึ้น
” จำนวนหน่วยสร้างเสร็จในช่วงไตรมาสแรก ทั้ง 3 เดือน ภาพรวมยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย โดยมีเพียงคอนโดฯ เดือน ม.ค. ที่เพิ่มขึ้นมา 112% ขณะ ก.พ. และ มี.ค. ต่ำ ขณะเดียวกัน คาดว่าต้นทุนค่าก่อสร้างแพงขึ้น ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยโครงการใหม่อาจมีการปรับราคาขายขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง “
‘พฤกษา’ตรึงต้นทุนดันกำไรบวก
ด้านผู้พัฒนารายใหญ่ของตลาด นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า การดำเนินงานของธุรกิจอสังหาฯในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความยากลำบาก นอกจากสภาพเศรษฐกิจไทย ยังอยู่ในภาวะซบเซา ,มีปัจจัยหลายประการกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน บริษัทยังเจอกับปัญหาขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง กระทบต่อแผนก่อสร้างโครงการ และการส่งมอบบ้านให้ลูกค้าล่าช้า โดยบริษัทมีรายได้รวม 5,679 ล้านบาท ลดลง 17.6% อย่างไรก็ตาม กลับมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 639 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11%
ทั้งนี้ มาจากการกลยุทธ์ลดต้นทุนบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งดำเนินมาล่วงหน้าตั้งแต่ปีก่อน เช่น ปรับเส้นทางการขนส่ง ,การปรับโปรดักส์ ประหยัดซีเมนต์ 15,000 ตัน ,การใช้บล็อกเชนในการทำงาน คาดทั้งปีจะลดรายจ่ายได้กว่า 460 ล้านบาทขณะการรับมือกับความเสี่ยงด้านราคาวัสดุก่อสร้างนั้น ใช้วิธีการซื้อตุนล็อกราคาล่วงหน้า ทำให้ไม่กระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างคอนโดฯ มากนัก มีเพียงกลุ่มเหล็ก ,ปูน ที่ไม่สามารถดำเนินการได้ อาจส่งผลต่อต้นทุนสร้างบ้าน 2-3% ทั้งนี้ บริษัทยังจะตรึงราคาบ้านไปจนถึงสิ้นปี จึงเป็นนาทีทองของผู้บริโภค
“ไตรมาสแรกอสังหาฯเผชิญปัญหาเรื่องแรงงาน อีกทั้งวัสดุก่อสร้างแพง จากห่วงโซ่อุปทานน้ำมัน ถ้าควบคุมต้นทุนไม่ดี จะกระทบต่อการส่งมอบบ้าน อย่างไรก็ตาม ภาพใหญ่อุตสาหกรรม ยังมีพอมีปัจจัยบวก โควิดคลี่คลาย ช่วยดึงกำลังซื้อกลับเข้ามาจากเทรนด์ใหม่ๆ ,ดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มคงที่ ขณะการเข้าสู่ยุคซีเนียร์ลิฟวิ่ง และนิวไลฟ์สไตล์ ซึ่งเราแข็งแรงทั้ง 2 ขา จะเป็นดีมานด์ใหม่หนุนภาพรวมธุรกิจ ”
อนันดาดันสต็อก 5.8 หมื่นล.สู้
อีกฟาก ผู้พัฒนารายใหญ่ในกลุ่มคอนโดฯนั้น นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาฯ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เผยว่า ปฎิเสธไม่ได้ว่าขณะนี้ ต้นทุนการก่อสร้าง กำลังเป็นปัญหาต่อภาคธุรกิจอสังหาฯ เพราะราคาปรับขึ้นสูง โดยเฉพาะ เหล็ก ทำให้กดดันต่อราคาขายใหม่ อย่างไรก็ตาม คาดเป็นผลดี ต่อผู้พัฒนาฯที่มีสต็อกโครงการพร้อมขายเป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้บริษัท มีโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ และ อยู่ระหว่างก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ รวมมูลค่ากว่า 5.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้ และสร้างกำไรขนาดใหญ่ในภาวะ ตลาดมีความเสี่ยงเรื่องต้นทุน อย่างไรก็ตาม ในอนาคต คาดสถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้น ผ่านการบริหารจัดการต้นทุนของผู้พัฒนาฯแต่ละราย ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่ เริ่มมีการใช้วิธี ขอทำสัญญากับผู้รับเหมา ก่อนเปิดราคาบิดดิ้ง เพื่อหาราคาที่เหมาะสมต่อการพัฒนาโครงการ เป็นทางออกสำคัญ แก้ความผันผวนของราคา
ทั้งนี้ ก่อนหน้า กลุ่มวัสดุก่อสร้างอย่าง บมจ. ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี เผยว่า ในไตรมาส 2 บริษัทยังต้องระมัดระวังต่อปัจจัยเสี่ยงเรื่องสงครามต่อ โดยเฉพาะ ต้นทุนเชื้อเพลิงและวัตถุดิบราคาผันผวน จนอาจส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องพิจารณาเลื่อนการลงทุนบางโครงการออกไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
‘อนันดา’ ปลุกอสังหาฯไทย เทียบสิงคโปร์ เปิดประเทศ มูลค่าพุ่ง20%
ผ่ามุมคิด : ‘อนันดา’ ปลุกอสังหาฯไทย เทียบสิงคโปร์ เปิดประเทศ มูลค่าพุ่ง 20% ดัน สต็อกโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ ต้นทุนเดิม 5.8 หมื่นล้านบาท รับดีมานด์คนไทย – คนต่างชาติ ฟื้น พร้อมเปิด ไฮไลท์ ‘บ้านอนันดา’ ‘พลูวิลล่ากลางเมือง’ พระราม9 เผยคนลาว ,เมียนมาร์ ให้ความสนใจสูง
แม้กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นกำลังซื้อหลักของตลาดคอนโดมิเนียมไทย ยังคงเข้ามาในประเทศไทยได้น้อยจากผลกระทบของโควิด-19 และสงครามยูเครน – รัสเซีย ทำให้ความต้องการซื้อคอนโดฯไทย ภาพรวมยังฟื้นตัวช้ากว่าที่คิด ก็ตาม
ในมุมของผู้บริหารเจ้าตลาดคอนโดฯใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ทั้ง ‘ ชานนท์ เรืองกฤตยา’ และ ‘ประเสริฐ’ แต่ดุลยสาธิต’ ประเมินสัญญาณตลาด ว่า อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม หลังรัฐเดินหน้าเปิดเมืองเต็มที 1 ก.ค. ซึ่งนอกจากจะวางแผน ผลักดัน สต็อกโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ 5.8 หมื่นล้านบาทแล้ว ไฮไลท์ ‘บ้านอนันดา’ กลยุทธ์ดันพอร์ตโครงการหรู ผุด ‘พลูวิลล่ากลางเมือง’ จุดพลุพระราม 9 นั้น ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ หลังพบกระแสความต้องการของคนต่างชาติในไทย กลุ่ม CLMV ทะลัก เทียบ อานิสงส์ ‘สิงคโปร์’ เปิดประเทศ ทำมูลค่าอสังหาฯอัพ 20% ขณะเดียวกัน หวัง ลูกค้าจีนฟื้น ‘บิ๊กบอม’ ดีมานด์
เปิดเมือง ฟื้นชีวิตคอนโดฯ
นายชานนท์ เผยมุมมองต่อตลาดอสังหาฯไทย ว่า ขณะนี้หากพิจารณาดีๆ จะพบว่า สถานการณ์ภาพรวมของประเทศไทย เริ่มมีแนวโน้มในทิศทางดีขึ้น จากการเปิดเมือง สะท้อนจากนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ขณะการจองห้องพักโรงแรมเพิ่มขึ้น หลังจากมีการปลดล็อกระบบ “Test & Go” อีกทั้ง การที่ประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตคล้ายปกติ หวนภาพปัญหารถติด ได้ฟื้นวิถีชีวิตของคนเมือง ที่ย่อมแสวงหาที่อยู่อาศัยในเมืองตามแนวรถไฟฟ้า คาดทำให้ตลาดคอนโดฯครึ่งปีหลัง
โดยเฉพาะโครงการติดรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นคีย์หลักของบริษัท จะดีดกลับมาฟื้นตัวแรง กลายโอกาสดี เนื่องจาก มีสินค้าพร้อมอยู่ เป็น Inventory สร้างเสร็จและใกล้แล้วเสร็จ พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ได้ทันที ในช่วง 1-3 ปีนี้ ราว 58,725 ล้านบาท (คอนโด,บ้าน) ได้เปรียบจากคู่แข่งในตลาด ที่ขณะนี้กำลังเผชิญกับความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้าง เงินเฟ้อ และพลังงาน รวมถึง ราคาที่ดิน
” ขณะนี้อสังหาฯ เจอมรสุม เงินเฟ้อ,ราคาน้ำมัน ,วัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็ก ปรับขึ้นแรง เป็นข้อจำกัดสร้างโครงการใหม่ ส่วนราคาที่ดินยังวิ่งต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม จากการที่บริษัทบริหารสต็อก ทยอยขายออกโดยรักษามูลค่าไว้ รอโอกาสหลังวิกฤติ ทำให้กลายเป็นข้อได้เปรียบ จากต้นทุนเก่า”
เข็นอสังหาฯไทยเทียบสิงคโปร์
สำหรับตลาดต่างชาติ ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของคอนโดฯไทยนั้น บริษัทยังคงจะให้ความสำคัญ หลังจากเห็นความเคลื่อนไหวการลงทุนกลับเข้ามา อีกทั้ง การที่ กทม.เป็นศูนย์กลางของ Urbaniation (การขยายของเมืองระดับโลก) เป็น ‘เมืองเนื้อหอม’ ที่ต่างชาติอยากเข้ามาอยู่อาศัย คาดหลังวิกฤติโควิด ที่อยู่อาศัยในกทม.จะเป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติ เทียบการเปิดประเทศนำร่องของสิงคโปร์ ปัจจุบัน ทำให้มูลค่าของอสังหาฯ ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว 20% จากจำนวนดีมานด์ที่พุ่งขึ้น แต่ซัพพลายมีน้อย ซึ่งไทยเป็นรองแค่สิงคโปร์เท่านั้น หาก 1 ก.ค.นี้ เปิดประเทศเต็มที่ และอนาคต ประเทศจีนปลดล็อกนโยบายซีโร่โควิด ตลาดคอนโดฯไฮเอนด์ และระดับกลาง จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
“ลูกค้าต่างชาติ หลัก ยังเป็นจีน ,ฮ่องกง ซึ่งเห็นนัยะเพิ่มขึ้น จากการปิดเมืองเข้มงวดของจีน ทำให้ผู้คนอึดอัด และอยากหาที่อยู่สำรอง ทำให้ตอนนี้ อสังหาสิงคโปร์ มีดีมานด์มหาศาล เราหวังไทยจะตามรอย ยิ่งจีนเกิดภาพระบบสาธารณสุขมีปัญหา ขณะไทยมีเวลเนส เฮลแคร์รองรับ ที่อยู่ไทยยิ่งเป็นที่ต้องการ”
ชาว CLMV โอกาสใหม่
ขณะนายประเสริฐ กล่าวเสริมว่า ไม่เพียงแต่ตลาดผู้ซื้อชาวจีน และ ฮ่องกง ที่มีบทบาทสำคัญต่ออนาคตอสังหาฯไทย แต่ขณะนี้ เห็นสัญญาณเร่งตัวที่น่าสนใจ ในผู้ซื้อกลุ่มประเทศ CLMV เช่น ลาว ,เมียนมา ที่อาศัยอยู่ในไทย มีความต้องการ และเข้ามาซื้อโครงการแนวราบ ผ่านการซื้อและโอนด้วยเงินสด ไม่ขอสินเชื่อ สะท้อนจากการที่บริษัท ปรับพอร์ตใหม่ขยายสู่เซกเมนต์ลักชัวรี่ (Luxury Segment) เปิดขายโครงการ Pool Villa หรูกลางใจเมือง “ARTALE อโศก – พระราม9” อย่างไม่เป็นทางการ ราคาเริ่ม 35 ล้านบาท ผ่านการต้องวางดาวน์ 40% พบมียอดพรีบุ๊คกิ้งแล้วกว่า 20% ของ 800 ล้านบาท ซึ่งก็มีกลุ่มลูกค้าชาติดังกล่าวให้ความสนใจจำนวนมาก
“คนต่างชาติอยากมีบ้านกลางเมือง พลูวิลล่าเทียบภูเก็ต ซึ่งบริษัทนำรูปแบบการพัฒนาคอนโดฯหรูมาผสานไว้ ทำงานผ่านร่วมโบรกเกอร์ พบมีต่างชาติ ที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในไทย ทั้ง จีน ,ยุโรป ,เมียนมาร์ และ ลาว ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ทั้งวางซื้อแล้วและอยู่ระหว่างการตัดสินใจ”
เปิดตามเป้า 7 โครงการ
โดยหลังจากเชื่อมั่นตลาดอสังหาฯ บริษัทจะเดินหน้าเปิดใหม่ 7 โครงการ มูลค่ากว่า 29,098 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ 5 โครงการ และแนวราบ 2 โครงการ ซึ่งจะทยอยเปิดในช่วงครึ่งปีหลังทั้งหมด ซึ่ง 1 ใน 5 โครงการดังกล่าว เป็นโครงการในรูปแบบคอนโดมิเนียม Branded Residence ร่วมทุนกับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT ที่สร้างเสร็จก่อนขาย ทั้งนี้ ณ ไตรมาส 1 บมจ.อนันดา มีผลขาดทุนสุทธิ 281ล้านบาท และมีรายได้รวมที่ 778 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ก.ล.ต.ปรับกณฑ์การประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
ก.ล.ต. เปิดรับฟังความเห็นเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจอื่นของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความเห็นหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบันตามแนวทาง Regulatory Guillotine* รวมทั้งเพื่อประโยชน์ต่อผู้ลงทุนและความเชื่อมั่นของตลาดทุนโดยรวม
จากสถานการณ์ปัจจุบันที่บริษัทหลักทรัพย์ต้องมีการปรับตัวเพื่อสนองตอบต่อการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทั้งด้านเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และพฤติกรรมของผู้ลงทุน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ โดยแนวทางประการหนึ่งคือการขยายการประกอบธุรกิจอื่นนอกเหนือจากธุรกิจหลักทรัพย์หรือธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งอาจมีมูลค่าที่สูง หรือมีความเสี่ยงสูง หรืออาจเป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ที่อาจมีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อฐานะการเงิน ระบบการให้บริการในธุรกิจหลักทรัพย์หรือธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงประโยชน์ของผู้ลงทุนและความเชื่อมั่นในตลาดทุน ทั้งนี้ การประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามเกณฑ์ปัจจุบันสามารถดำเนินการได้เลยหากเข้าเงื่อนไข ขณะที่การประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อการให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (TSFC) ต้องได้รับอนุญาตก่อน จึงเริ่มประกอบธุรกิจได้
ก.ล.ต. จึงมีแนวคิดปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยหลักการในการปรับปรุงเกณฑ์ดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ในการประชุมครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565 ทั้งนี้ เพื่อให้มีความยืดหยุ่น สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อให้การกำกับดูแลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ประกาศที่ปรับปรุงให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกันยิ่งขึ้น รวมทั้งป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งบริษัทหลักทรัพย์ ลูกค้า และความเชื่อมั่นของตลาดทุนโดยรวม และปรับลดจำนวนประกาศเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบธุรกิจตามโครงการ Regulatory Guillotine โดยกำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สามารถประกอบธุรกิจอื่นได้เฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์หรือธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่บริษัทได้รับใบอนุญาต และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ดังนี้
(1) หากการประกอบธุรกิจอื่นมีมูลค่าเงินลงทุนไม่สูง มีระบบงานและเงินกองทุนรองรับตามที่กำหนด สามารถทำได้เป็นการทั่วไป ตามหลักเกณฑ์ปัจจุบัน
(2) หากการประกอบธุรกิจอื่นมีมูลค่าเงินลงทุนที่สูงตามที่หลักเกณฑ์กำหนด แบ่งออกเป็น 2 ระดับตามความมีนัยสำคัญ ได้แก่ กรณีแรก อนุญาตเป็นการทั่วไป โดยมีเงื่อนไข ให้บริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแจ้งข้อมูลการปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดต่อ ก.ล.ต. ก่อนเริ่มประกอบธุรกิจ และกรณีที่สอง ซึ่งระดับความมีนัยสำคัญสูงกว่า บริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องขออนุญาตคณะกรรมการกำกับตลาดทุนก่อนเริ่มประกอบธุรกิจ
ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. https://www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=805 โดยผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือทาง e-mail: thanatip@sec.or.th หรือ kornwara@sec.or.th จนถึงวันที่ 6 มิถุนายน 2565
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ศึกสายเลือด! พรปวีณ์ ชนะ พิทยาภรณ์ 2-0 หยิบทองขนไก่หญิงเดี่ยวซีเกมส์
การแข่งขันแบดมินตัน รอบชิงชนะเลิศ ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2565
ประเภทหญิงเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ เป็นการเจอกันของผู้เล่นทีมชาติไทย “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ พบกับ “จิว” พิทยาภรณ์ ไชยวรรณ ซึ่งผลการแข่งขันปรากฎว่า พรปวีณ์ เป็นฝ่ายเหนือกว่าเอาชนะไปได้ 2-0 เกม 21-14, 21-16 ทำให้ ไทยได้เหรียญทอง ในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่คนล่าสุด บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธ์ เมื่อปี 2015
ขณะที่ประเภทชายเดี่ยว “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ของไทย เอาชนะ คีน ยิว หลอ จากสิงคโปร์ 2-0 เกม 21-13, 21-13 ไทยได้เหรียญทองประเภทนี้มาครองในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่คนล่าสุด ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข เมื่อปี 2013
ปิดท้ายที่ประเภทหญิงคู่ สองพี่น้อง นันทกานต์ และ เบญญาภา เอี่ยมสอาด ทำได้ดีที่สุดเพียงเหรียญเงิน หลังพ่ายให้กับ ซิติ ฟาเดีย ซิลวา รามาฐานติ และอัพริยานี ราฮายู สองนักตบสาวคู่อินโดนีเซีย 0-2 เกม 17-21, 14-21
ทำให้ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้ “ทัพขนไก่ไทย” ทำผลงานคว้า 4 เหรียญทอง (ชายเดี่ยว, หญิงเดี่ยว, ทีมชาย, ทีมหญิง) และ 2 เหรียญเงิน (หญิงเดี่ยว, หญิงคู่)
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
3 วิธีหาทางลดความเครียดด้วยตัวเอง จากจิตแพทย์ญี่ปุ่น
ความเครียดของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนเครียดง่ายและเครียดนาน บางคนเครียดแต่สามารถจัดการความเครียดได้ดี ทั้งนี้ทั้งนั้นความเครียดที่สะสมเป็นเวลานานส่งผลร้ายต่อสุขภาพกายและใจ มารู้วิธีการจัดการความเครียดเพื่อให้ดำรงชีวิตอย่างมีความสุขในโลกปัจจุบันจากคุณหมอนักจิตวิทยาชาวญี่ปุ่น คุณหมอ Mai Minami กัน
หลักจิตวิทยาสำคัญในการจัดการกับความเครียด
คุณหมอ Mai Minami ได้อธิบายว่าหลักสำคัญในการจัดการกับความเครียดของคนเรา คือ ความเข้มแข็งในการมองโลก (Sense of Coherence) ซึ่งเป็นแนวคิดของ ดร. Aaron Antonovsky นักสังคมวิทยา (Sociologist) ชาวอเมริกันอิสราเอลที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างความเครียด สุขภาพ และสุขภาวะ โดยความเข้มแข็งในการมองโลกหมายถึงความสามารถของบุคคลในการเผชิญปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะส่งผลให้บุคคลนั้นสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบด้วยหลักการ 3 ประการ คือ
- ความสามารถในการเข้าใจสถานการณ์
ความรู้สึกเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามีเหตุมีผล มีความสอดคล้องกัน และพิจารณาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสามารถอธิบายได้
- ความสามารถในการจัดการ
การรู้สึกว่าแม้ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ก็มีความสามารถในการแก้ปัญหา และก้าวต่อไปได้
- ความรู้สึกถึงการมีความหมาย
การเข้าใจว่าทุกสิ่งมีความหมายรวมถึงความรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มีความหมายกับชีวิต และมีค่าจากการใช้เวลาและความพยายาม
วิธีการสร้างความเข้มแข็งในการมองโลกให้เกิดขึ้น
พลังพิเศษเพื่อจัดการกับความเครียดของคนเราไม่ได้มีมาตั้งแต่เกิด แต่สามารถสร้างได้ด้วยการฝึกฝนให้เกิดขึ้น ดังนี้
- การรวบรวมแหล่งข้อมูล
การรวบรวมข้อมูลโดยการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับผู้คน การหาความรู้และวิธีการบรรเทาความเครียดจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ดูยูทูบ หรือช่องทางอื่นๆ เป็นหนึ่งวิธีการที่จะทำให้คนเราสามารถตั้งรับและขจัดความเครียดที่อาจเกิดขึ้นได้
- สร้างนิสัยการมองแต่ปัจจุบัน
คนส่วนใหญ่มักจะคิดถึงความผิดพลาดในอดีตที่ไม่สามารถแก้ไขได้ อีกทั้งยังกังวลถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคต โดยหากกังวลเกี่ยวกับอดีตและอนาคตมากเกินไปจะทำให้เกิดความกังวลและเครียดมากขึ้น ดังนั้นต้องฝึกให้ความสำคัญกับสถานการณ์ปัจจุบันว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็นในตอนนี้
- ให้ความสำคัญกับสิ่งที่กำลังทำอยู่
ความตั้งใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ได้ทำ แม้ว่าจะเป็นอะไรเล็กๆ แต่หากเข้าใจถึงความสำคัญของสิ่งที่กำลังทำอยู่ก็จะมองเห็นความสำเร็จที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้รู้สึกมีความมั่นใจและรู้สึกว่าผลงานคือรางวัลจากการกระทำ ในทางกลับกันหากมัวเอาแต่ใส่ใจกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำก็จะทำรู้สึกเครียด
ปัจจุบันนี้มีสถานการณ์ทั่วโลกที่ทำให้เกิดความเครียดได้ง่าย เช่น การระบาดของโควิด-19 และข่าวสงคราม รวมถึงการพบเจอกับความยุ่งยาก การฝึกตนเองให้จัดการและผ่านพ้นความเครียดไปได้ จะเป็นเกราะป้องกันให้เราอยู่บนโลกนี้ได้อย่างมีความสุข มาฝึกนิสัยที่ช่วยสร้างความเข้มแข็งในการมองโลกกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
แกรมม่าน่ารู้: PRESENT CONTINUOUS
วันนี้เดี๋ยวเรามารื้อฟื้นแกรมม่าที่เป็นพื้นฐานของโครงสร้างประโยคในภาษาอังกฤษกันค่ะ นั่นก็คือ Present Continuose Tense
โครงสร้างของ Present Continuous:
(+) am/is/are + verb + -ing
→ He is living in Thailand
(เขากำลังอาศัยอยู่ในประเทศไทย)
(-) am/is/are not +verb + -ing
→ I’m not living in Thailand
(ฉันไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศไทย)
(?) am/is/are … + verb + -ing
→ Are they living in Thailand?
(พวกเขาอาศัยอยู่ในประเทศไทยใช่ไหม?)
วิธีการใช้ present continuous:
1) To talk about temporary situations:
ใช้บอกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วคราว
ตัวอย่างประโยค:
I’m studying really hard for my exams.
= ฉันกำลังเรียนอย่างหนักสำหรับการสอบของฉัน
My cousin is living in Thailand at the moment. (he doesn’t normally live there)
= ญาติของฉันกำลังอาศัพอยู่ในประเทศไทย ณ ตอนนี้ (ปกติเขาไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่)
**คำศัพท์ที่มักใช้ใน present continuous คือ at the moment, currently, now, this week, month และ year
2) To talk about actions happening at the moment of speaking:
ใช้บอกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ณ เวลาที่กำลังพูด
ตัวอย่างประโยค:
I’m waiting for my friends
= ฉันกำลังรอเพื่อนของฉัน
3) To talk about trends or changing situations:
ใช้บอกเกี่ยวกับสมัยหรือการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ตัวอย่างประโยค:
The Internet is making it easier for people to learn English anywhere , anytime. อินเทอร์เน็ตทำให้ง่ายยิ่งขึ้นสำหรับคนที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ที่ใดเวลาใดก็ได้
4) To talk about things that happen more often than expected, often to show envy or to criticise with words like: “always, constantly, continually, forever”:
ใช้บอกเกี่ยวกับสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นเสมอ และจะใช้คำเหล่านี้เพื่อแสดงอารมณ์ อิจฉา หรือ บ่น เช่น always, constantly, continually, forever
ตัวอย่างประโยค:
My mum is always saying I don’t help enough! (complaint) = แม่ของฉันจะบอกเสมอว่าฉันช่วยได้ไม่เพียงพอ (บ่น)
He’s always visiting exciting place! (envy)
= เขาไปเที่ยวแต่ที่ที่น่าตื่นเต้นตลอดเลย! (อิจฉา)
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
นานาชาติเร่งหาวัตถุดิบผลิตแบตเตอรี่ป้อนกระแสความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า
ความต้องการแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับความต้องการนี้ บางประเทศกำลังพยายามเพิ่มขีดความสามารถของตนเองในการผลิตวัสดุที่จำเป็นสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ดังกล่าว
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะยังคงเป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต วัสดุหลักอย่างหนึ่งที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่ชนิดนี้คือ ลิเธียม ซึ่งเป็นสารโลหะเบา ส่วนวัสดุที่จำเป็นอื่นๆ ได้แก่ โคบอลต์ แมงกานีส และนิกเกิล
อย่างไรก็ดี ความต้องการแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทำให้ราคาสำหรับวัสดุดังกล่าวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และคาดว่าความต้องการนั้นจะดำเนินต่อไปทั่วโลกเนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ยังคงขยายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ต่อไป
ปัจจุบัน จีนเป็นผู้นำโลกในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า รายงานของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency) ระบุว่า ในปี 2021 รถยนต์ 3.4 ล้านคันที่จำหน่ายในประเทศจีนล้วนเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ยุโรปเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสอง โดยมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 2.3 ล้านคัน รายงานระบุด้วยว่ามียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก 6.6 ล้านคันในปีนั้น
นอกจากนี้แล้ว ตอนนี้หลาย ๆ บริษัทในจีนยังเป็นผู้ผลิตวัสดุส่วนใหญ่ที่ใช้ทำแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งแร่โคบอลต์ก็เป็นหนึ่งในวัสดุดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ แหล่งแร่โคบอลต์ที่ใหญ่ที่สุดที่เป็นที่ทราบกันดีอยู่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และหลาย ๆ บริษัทของจีนก็เป็นผู้ควบคุมการทำเหมืองโคบอลต์ส่วนใหญ่ที่นั่นด้วย
วัสดุที่จำเป็นอีกอย่างหนึ่ง คือ ลิเธียม ที่พบในหลาย ๆ ส่วนของโลก แต่เป็นวัสดุที่มีราคาแพงและหาได้ยาก ออสเตรเลียเป็นผู้ผลิตลิเธียมรายใหญ่ที่สุดของโลก และซัพพลายเออร์รายใหญ่อื่น ๆ ได้แก่ จีน อาร์เจนตินา และชิลี นอกจากนี้จีนยังเป็นผู้ควบคุมห่วงโซ่อุปทานลิเธียมเป็นส่วนใหญ่อีกด้วย
รอยเตอร์รายงานว่า ความต้องการลิเธียมทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 317,500 เมตริกตันในปี 2020 แต่มีการคาดการณ์ว่าความต้องการนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่าหกเท่าภายในปี 2030 ราคาของลิเธียมคาร์บอเนตแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2021 ซึ่งสาเหตุหลักมาจากความต้องการที่แข็งแกร่งจากผู้ผลิตแบตเตอรี่ในจีนนั่นเอง
เว็บไซต์ Investing News มีรายงานว่า ผู้จัดหานิกเกิลรายใหญ่ที่สุดของโลกคือประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตโลหะนี้ได้ประมาณ 1 ล้านเมตริกตันในปี 2021 ส่วนประเทศอื่น ๆ ที่มีการทำเหมืองนิกเกิลขนาดใหญ่ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ รัสเซีย ออสเตรเลีย แคนาดา และบราซิล
รอยเตอร์รายงานด้วยว่า นิกเกิลส่วนใหญ่ที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า คาดว่าจะมาจากการทำเหมืองในอินโดนีเซีย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทเหมืองขนาดใหญ่ของจีนหลาย ๆ แห่งได้ประกาศการลงทุนครั้งใหญ่ในโครงการนิกเกิลของชาวอินโดนีเซีย
เจ้าหน้าที่ในสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ กล่าวว่าตนจะพยายามทำเหมืองและแปรรูปวัสดุในประเทศให้มากขึ้นเพื่อใช้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า การพึ่งพาอุปทานจากประเทศอื่น ๆ ให้น้อยลงอาจช่วยให้ประเทศต่างเหล่านั้นหลีกเลี่ยงปัญหาในเรื่องราคาและการหาทรัพยากร
ในเดือนกุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้ประกาศโครงการความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง เพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถทำเหมืองและแปรรูปลิเธียมและโลหะหายากอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต่อการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดการพึ่งพาประเทศจีน
ปัจจุบัน มีเหมืองลิเธียมเพียงแห่งเดียวในสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของรัฐเนวาดา แต่กำลังมีการพัฒนาโครงการทำเหมืองลิเธียมเพิ่มขึ้นอีกในรัฐเนวาดา เมน นอร์ธ แคโรไลนา และแคลิฟอร์เนีย
ที่ประเทศอังกฤษ บริษัท Cornish Lithium วางแผนที่จะเริ่มดำเนินการทำเหมืองด้วยความร้อนใต้พิภพทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ส่วนที่ประเทศเยอรมนี Vulcan Energy Resources บริษัทร่วมทุนระหว่างเยอรมัน-ออสเตรเลียเรีย ได้ประกาศแผนเมื่อปีที่แล้วในการรวบรวมลิเธียมโดยใช้ความร้อนใต้พิภพจากพื้นที่ใน Black forest ของประเทศ นักวิทยาศาสตร์บางคนประเมินว่าพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนีสามารถบรรจุลิเธียมได้มากพอที่จะผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้มากถึง 400 ล้านคัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ส่องตึกบัญชาการใหญ่ของ “RAZER SEA HQ” สวรรค์ของนักเล่นเกมอยู่ที่นี่!
หากคุณเป็นสายเกมมิ่งแล้วละก็ ต้องคุ้นหน้าคุ้นตาแบรนด์งูเขียวขวัญใจมหาชนอย่าง RAZER แน่นอน วันนี้ตึกสำนักงานใหญ่ของพวกเขาที่สิงคโปร์ ได้สร้างเสร็จแล้ว ซึ่งหน้าตาของสถาปัตยกรรมไม่ต่างจากอุปกรณ์เกมมิ่งที่พวกเขารังสรรค์ออกมาจนติดอันดับต้น ๆ ของโลก
RAZER ได้สร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์ของตัวเองอีกครั้ง ด้วยการสร้างตึกสำนักงานใหญ่ของตัวเองให้มีรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนแบรนด์เกมมิ่งอื่น ๆ แถมยังใส่ DNA ความเป็นงูเขียวผ่านสถาปัตยกรรมทั้งหมดของตัวอาคาร ราวกับว่า “มันคือคอมมูนิตี้ของเหล่าเกมเมอร์ที่เป็นสาวก RAZER โดยเฉพาะ”
สำหรับสาวก RAZER นั้น ก็พอจะนึกถึงเอกลักษณ์ของอุปกรณ์เกมมิ่งหลัก ๆ นั่นคือ “เส้นสายสีเขียวตัดกับความเรียบหรูของวัสดุสีดำ” และโลโก้งูเขียวสามตัวที่เป็นเอกลักษณ์เด่นของแบรนด์ ทีนี้พอจะทำอาคารสำนักงานใหญ่ถ้ามันทำธรรมดา ๆ ก็ไม่สมกับความเป็น RAZAR ทีมสถาปนิกเลยจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบให้เลย
ภายนอก: เลือกทรงสามเหลี่ยมสีดำตัดกับเส้นสายสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ และโลโก้ขนาดใหญ่ได้บน ชวนให้นึกถึง PC หรือไม่ก็อุปกรณ์เสริมสำหรับ PC ก็สุดแล้วแต่จะจินตนาการ บรรยากาศเหล่านี้จะทำให้ตึกชวนน่าค้นหามากขึ้นเมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
ภายใน: แบ่งโซนออกเป็นหลายโซน เช่น โซนสำนักงาน, โซนเล่นเกม, โซนขายอุปกรณ์เกมมิ่งต่าง ๆ ก็ใช้โทนสีสอดคล้องกับด้านนอก แต่จะมีแค่โซนสำนักงานเท่านั้นที่ใช้สีสว่างเพื่อสร้างบรรยากาศให้เหมาะสม ส่วนโซนอื่น ๆ ก็ตามภาพ แถมยังมี RAZERCAFÉ ที่ให้บริการด้วย Robotic Arm Barista ด้วยนะ ล้ำไม่ไหว!
RAZER ทีมมองว่าอาคารของพวกเขาผสมผสานรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้ตัวอาคารโดดเด่น และสร้างเอกลักษณ์ให้ผู้ที่ผ่านไปผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฐานแฟนคลับหน้าใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับแบรนด์ แต่สำหรับสาวก RAZER มันคือคอมมูนิตี้ที่ไม่ควรพลาดสำหรับชาวสิงคโปร์ ชาว BuilderNews ที่เป็น FC ของ RAZER ต้องถูกใจไม่น้อย!
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 23/05/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 30,000.00 | 30,100.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,943.00 | 29,455.88 | 30,600.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,748.70 | 26,510.29 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,554.40 | 23,564.70 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 874.00 | 13,249.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 680.00 | 10,308.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,013.00 | 30,517.08 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/05/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 42.95 | 42.95 | 44.35 | 43.95 | 44.35 | 42.95 | 42.95 | 42.95 | 43.95 | 42.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 42.68 | 42.68 | 44.08 | 43.68 | 44.08 | 42.68 | 42.68 | 42.68 | 43.68 | 42.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 41.84 | 41.84 | 43.24 | 42.84 | 43.24 | – | 41.84 | 41.84 | 42.84 | 41.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.84 | 35.84 | – | – | – | – | – | – | – | 35.84 |
เบนซิน 95 | 50.36 | – | – | – | 52.21 | – | 50.86 | 50.86 | – | 50.36 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | – | 31.94 | – | 31.94 | 31.94 | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 40.36 | 40.36 | 46.39 | 43.26 | 46.39 | – | – | – | – | 40.36 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |