สาระน่ารู้ประจำวันที่ 23 สิงหาคม 2565

หุ้นเมกะเทรนด์ ไม่กลัวเงินเฟ้อ ตัวแบบ “ออริจิ้น มัลติเวอร์ส” มาร์เก็ตแคปแสนล้าน

พีระพงศ์ จรูญเอก ออริจิ้น

งานสัมมนาแห่งปีจัดโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ หัวข้อ “ถอดรหัสลงทุน ยุคดอกเบี้ยขาขึ้น” เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2565 ณ แกรนด์ฮอลล์ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก (เพลินจิต) มีแขกรับเชิญพิเศษเป็นดีเวลอปเปอร์ดาวเด่นในทำเนียบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับประเทศ “พีระพงศ์ จรูญเอก” นายกสมาคมอาคารชุดไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ร่วมเสวนาหัวข้อ “หุ้นเมกะเทรนด์…ไม่กลัวเงินเฟ้อ” โดยมี “ทีน่า-สุภัททกิต เจตทวีกิจ” จากเพจลงทุนแมนเป็นผู้ดำเนินรายการ มีสาระสำคัญคำต่อคำ ดังนี้

Q : มองตลาดอสังหาฯ ที่ผ่านมา และเทรนด์หลังจากนี้

ออริจิ้นฯ เติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2543 หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง เติบโตจนถึงปี 2561-2562 หลังจากนั้นเจอโควิดในปี 2563-2564 และปีนี้ยังเจอวิกฤตโควิดอยู่ ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบไม่แพ้ธุรกิจอื่น ๆ เพราะอสังหาฯต้องการความมั่นใจของลูกค้า และผู้สนับสนุนคือธนาคาร ซึ่งการปฏิเสธสินเชื่ออยู่ในเรตค่อนข้างสูง แต่ก็ผ่านมาได้ เราผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และทยอยดีขึ้นเป็นลำดับ

เราไม่กังวลเงินเฟ้อมากนัก การจ้างงาน การเปิดประเทศ รีโอเพนนิ่งสร้างปัจจัยบวกมากกว่าเยอะ ปัญหาเงินเฟ้อและดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นบ้าง เป็นเรื่องที่พอรับได้ ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจมากนัก เรายังสามารถ deliver growth แต่ละไตรมาสได้ทีละนิด ๆ จนเกือบเท่ากับระดับที่ดีในปี 2562 หรือยุคก่อนโควิด

ถ้าจำแนกเหตุการณ์โควิดที่ผ่านมา บ้านจัดสรรไม่ได้รับผลกระทบเลย เติบโต 3% ต่อปี น่าประทับใจมาก ผมเคยพูดบ่อย ๆ หลาย ๆ เวที บ้านจัดสรรไปได้ดีกับโควิด เพราะมีความเป็น social distancing วิถีชีวิตนิวนอร์มอลเราต้องการบ้านหลังใหญ่ขึ้น ทำงานที่บ้าน do everything from home จะเห็นว่าหุ้นที่เกี่ยวกับบ้านจัดสรรในช่วงปี 2563-2564 มีการเติบโตได้ดี

ปี 2565 ธุรกิจบ้านจัดสรรก็ยังไปได้ดีมาก ๆ ถึงแม้อาจจะยังมีโควิดต่อเนื่องอยู่บ้าง พฤติกรรมการทำงานหลาย ๆ บริษัทที่เริ่มปรับปรุงเปลี่ยนแปลง มีฟาซิลิตี้ให้ทำงานที่บ้านได้ ทำให้ดีมานด์บ้านแนวราบไปได้ดี ส่วนธุรกิจคอนโดมิเนียมค่อย ๆ รุกคืบกลับมา มองว่าจะกลับมาแตะจุดเดิมในช่วงกลางปี 2566 ซึ่งคอนโดฯได้รับผลบวกจากน้ำมันแพง การจราจรที่กลับมาติดขัด พอเปิดล็อกดาวน์ คอนโดฯมีอัตราการเช่าห้องที่ว่างอยู่ แป๊บ ๆ ห้องเช่าเต็มเพราะค่าเดินทางแพง

พอตลาดเช่ากลับมา ตลาดขายก็กลับมา คอนโดฯมือสองก็กลับมา ช่วงนี้ค่อย ๆ ดีขึ้นทีละนิด ๆ อัตราการเปิดขายใหม่หรือ take up rate ค่อย ๆ ดีขึ้นทีละนิด ช่วงปกติเราขายได้ 40-60% ช่วงโควิดอาจเหลือ 20% ขณะที่เกณฑ์แบงก์กำหนดอัตราขายได้ 50% จึงจะปล่อยเงินกู้มาก่อสร้างโครงการ ปีนี้โครงการเปิดพรีเซล เทกอัพเรตของภาพรวมอุตสาหกรรมมี 30% ดีขึ้นมาค่อนข้างเยอะ จาก 20% เป็น 30% คาดหวังว่าปลายปี 2565 นี้ เทกอัพเรตจะกลับมา 40% ได้

พีระพงศ์ จรูญเอก ออริจิ้น

Q : ออริจิ้นประกาศโมเดลใหม่ มัลติเวอร์ส-พหุจักรวาล

ผมวางแผนเกษียณตัวเองไว้เหมือนกัน แต่อยากทำภารกิจนี้ให้เรียบร้อยก่อน คือ ออริจิ้นมัลติเวอร์ส เราวางแผนสปินออฟบริษัทลูก 8 บริษัทเข้าทำ IPO ต้องการทำปีละตัว โจทย์ยากนะ เพราะถ้าวางโจทย์ง่ายไปมันไม่สนุก บางแฟมิลี่ บางกิจการอาจต้องใช้ระยะเวลาหลายช่วงอายุคนในการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นสักตัว

สิ่งที่ออริจิ้นฯทำ เรามีมาร์เก็ตติ้งสปีด เราใช้เวลาปั้นบริทาเนีย 4 ปี ตอนไอพีโอ เฟอร์สเดย์ มาร์เก็ตแคปไปถึง 10,000 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียน 400 ล้าน ก็คือซักเซส ซึ่งออริจิ้นฯเข้าตลาดได้ 5-6 ปี เราคลอดลูก (บริทาเนีย) คนหนึ่ง

ปี 2565 นี้เราไฟลิ่ง “พรีโม เซอร์วิส โซลูชัน” วางแผนอยากไอพีโอปลายปีนี้ ธุรกิจดูแลคน พร็อพเพอร์ตี้ ชุมชนอย่างครบวงจร ซื้อขายให้เช่า อินทีเรียร์ ทำความสะอาด เซอร์วิสออนดีมานด์ ล้างรถ ซักผ้า คอนเซ็ปต์ไลฟ์คอนวีเนี่ยน เรามองว่าเวลาของคนประเมินเป็นเงินไม่ได้ ถ้าเราเซอร์วิสได้ก็จะสามารถทำรายได้และกำไรได้ดี เช่น ทีน่า มีเพื่อนชวนไปงานเย็นนี้ ไม่ได้ตั้งตัว อาจอยากได้บริการซาลอนมาสระผมให้ถึงบ้านหรือในคอนโดฯ อยากได้คนล้างรถ เราจะไปล้างแบบดรายคลีน คิดว่าบริการตรงใจลูกค้า เป็นบริการ non value added ของลูกค้า ซึ่งจะสร้าง cash cow ให้กับเรา บิสสิเนสโมเดลนี้น่าสนใจมาก

ตอนนี้เราดูคอมมิวนิตี้เป็นแสนคน ฉะนั้นเราจะเชื่อมต่อ อะไรจะรองรับคอนวีเนี่ยนให้กับลูกค้า เช่น พาน้องหมาไปอาบน้ำ ฉีดวัคซีน เราทำเคคอเรชั่นให้ด้วย ลูกค้าอยากได้ม่านเหมือนบ้านตัวอย่าง ในคอนโดฯมีพันยูนิต ผมสั่งของถูกกว่าสามเท่า เช่น ลูกค้าสั่งเองราคา 6 พันบาทเราอาจทำได้ในราคา 2 พันบาท และมีกำไร 20-30% มันคือบริหารสเกล บริหารคอนวีเนี่ยน

ถัดมา บริษัทที่แพลนจะเข้าตลาดปี 2566 คือ “วัน ออริจิ้น” ทำธุรกิจรายได้จากการเช่า โดยเฉพาะโรงแรม เติบโตไปกับธุรกิจโรงแรม-ท่องเที่ยว วันนี้เราโอเปอเรตอยู่แล้ว 1,500 ห้อง 6 โรงแรมในปัจจุบัน อนาคตเราเตรียมเกือบ 20 โรงแรม เกือบ 5,000 ห้อง เป็นหนึ่งในท็อป 5 ของอุตสาหกรรม

ยังมีจักรวาลอื่น ๆ อีก คำว่าพหุจักรวาล เราเห็นความไม่แน่นอนในหลาย ๆ ธุรกิจที่ผ่านมา เราโชคดีที่แก้ปัญหา เรามูฟได้ เติบโตได้ แต่ไม่มั่นใจว่าจะเป็นอย่างนั้นเสมอไป สิ่งที่เราจะทำคือสร้างเรือไว้หลาย ๆ ลำ มีอะไรเกิดขึ้นมา น้ำท่วมโลก อะไรต่าง ๆ นานา เราก็จะมีทางเลือกในการปรับตัว หรือเราจะสร้างเครื่องบิน สร้างจรวดอวกาศ เผื่อจะต้องไปนอกโลก

ถัดมา “บริษัท อัลฟ่า อินดัสเทรียล แอสเสท” ทำคลังสินค้าอัจฉริยะ ทำ build to suit warehouse ทำดิสทริบิวชั่น เซ็นเตอร์ รองรับให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เช่น ลาซาด้า, ช้อปปี้, เคอร์รี่, แฟลช เอ็กซ์เพรส ต้องการศูนย์กระจายสินค้า ธุรกิจที่เติบโตอย่างยิ่ง

เราทำธุรกิจห้องเย็นร่วมกับพันธมิตรที่มีประสบการณ์คือ JWE หุ้นกันคนละครึ่ง ตอนนี้ธุรกิจโคลด์เชน คลังห้องเย็นเติบโตสูงมาก ทุกจังหวัดมีเซ็นทรัล มีเรสเตอรองต์ ทุกคนต้องได้รับอาหารที่มีคุณภาพและรสชาติเหมือนกันหมด โคลด์เชนจะมีบทบาทเป็นอย่างยิ่งในประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นแล้วในประเทศญี่ปุ่น นอกจากมีพันธมิตร JWE แล้ว เรายังมีโตคิว ท็อปทรีวงการคลังสินค้าในญี่ปุ่น เขาทำคลังอัจฉริยะเยอะมากเพราะที่แพง ต้องทำมัลติสตอรี่ มีเทคโนโลยี RFID เข้ามา ซึ่งเมืองไทยกำลังเปลี่ยน

เราทำ “ออริจิ้น เฮลท์แคร์” เริ่มต้นเราอยากดูแลสุขภาพพนักงาน ผู้บริหาร ลูกค้าที่มาอยู่กับเรา ถ้าเป็นไปได้ เราอยากดูแลคนในอีโคซิสเต็ม เช่น ผู้รับเหมาก่อสร้าง ต้องการดูแลสุขภาพคน 1 แสนคน เรามองว่าโควิดนำมาซึ่งนวัตกรรม เช่น เทเลเมดิซีน เมดิคอลแอทโฮมต่าง ๆ กำลังมา วันนี้ผมเป็นลูกค้า รพ.สมิติเวช ปรึกษาหมอออนไลน์ สั่งยา ส่งแกร็บได้ ไม่ต้องคอนซูมเตียงทางการแพทย์ ไม่ต้องทำให้คนป่วยฉุกเฉินต้องมานั่งรอคิวเรา ออริจิ้นผลิตเตียงใหม่ที่เป็นเตียงนอนในบ้าน ในโรงแรมปีละเป็นหมื่นเตียง

เราจับมือกับ local hospital เราไม่ได้ทำโรงพยาบาลเองแต่เราจะเอาสุขภาพดีมาให้ท่านถึงบ้าน ตอนนี้เราสร้างคอนโดฯใหม่ หมู่บ้านจัดสรรใหม่ เราทำเวลเนสคลับเข้าไปด้วย มีห้องตรวจวัดความดัน สิ่งที่เราทำคือนัดคุณหมอให้ได้สเกลวันละ 20-30 คน พบหมอตรวจสุขภาพ เดินลงมาจากคอนโดฯใช้เวลา 5 นาที ไม่ต้องเดินทางไปพบหมอครั้งละ 2 ชั่วโมง เป็นอีกหนึ่งจักรวาลที่เราคิดว่าจะเข้าไปแชร์ค่าดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มพรีเวนทีฟ anti aging ทำที่บ้านได้ ทำสวยทำความงาม รวมถึงตลาด health tourism เราทำธุรกิจโรงแรมอยู่แล้ว เตียงในโรงแรมก็สามารถทำเป็นเตียงเฮลท์แคร์ได้

วันนี้เราทำแล้ว Sleep Test ที่สเตย์บริดจ์ ทองหล่อ เราทำที่ฮฮลิเดย์อินน์ ศรีราชา เราจะเจาะลึกไปทางด้าน Sleep Expert เพราะเราทำเตียงนอน ทำบ้านให้คนนอน ซึ่งการนอนหลับเป็นประตูของสุขภาพดี เราจะไปกับหมอเก่ง ๆ ที่จะดูแลสุขภาพให้ท่านถึงบ้าน คล้าย ๆ ทำ sleep system เวลาไปนอนเตียงที่โรงพยาบาลจะวิตกกังวลมากกว่าปกติ ฉะนั้นทำที่บ้านดีกว่า

ทั้งหมดที่ผมพูด จะเป็นไปตามข้อกำหนดแพทยสภา CEO ของออริจิ้นเผย เฮลท์แคร์ก็เป็นคุณหมอ เรื่องเหล่านี้จะมาอัพเดตให้ฟังเรื่อย ๆ

เราทำเรื่อง CBD ทางการแพทย์ CBD คือตัวโปรดักต์กัญชงหรือกัญชาก็ได้ เอาสารเสพติด THC ออกไป เอาซีบีดีมาทำสรรพคุณทางยา เราเป็นไบโอเทคคอมปะนี คิดประดิษฐ์นวัตกรรมเกี่ยวกับซีบีดีเมดิคอลเกรด โลกยุคใหม่ เรากำลังพูดถึงเรื่องเป็นเมนทอร์มากกว่าฟิซิคอล เช่น เกิดจากการเล่นมือถือ panic paranoid ภาวะการสั่น ควบคุมตัวเองไม่ได้ นอนไม่หลับ มีการย้ำคิดย้ำทำ

ภาวะเหล่านี้มีผลลึก บางคนเด็กยุคใหม่ มือถือห่างตัวสักครึ่งชั่วโมง กระสับกระส่ายแล้ว เพราะชีวิตเติบโตมากับอุปกรณ์เหล่านี้ ซึ่งยาแผนปัจจุบันอาจรักษาได้ไม่ตรงจุด

เราจับมือกับบริษัท โดยเราเป็นเมเจอร์แชร์โฮลเดอร์ เราถือ 25% หนึ่งในผู้ถือหุ้นคือ “คานาฟาร์ม่า” จากซานฟรานซิสโก อันนี้ no drama นะครับ เราไม่ได้ทำเกี่ยวกับสารเสพติด เราทำสรรพคุณการแพทย์ ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัท เป้าหมายน่าจะเติบโตได้สูงมาก เพราะผู้เล่นน้อยรายในทวีปเอเชีย ประเทศที่เปิดเสรีเพิ่งมีไทยกับนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย

เรามีบริษัทที่สนใจเข้าไปเรื่องไฟแนนซ์ 2 บริษัท คือ “โพรวิแนนต์ แอสเสท แมเนจเมนต์” ทำเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ เวลาก่อหนี้จะมี NPL เราเองอาจเป็น original route คนหนึ่ง สิ่งที่เราอยากทำคือ ถ้าเราซ่อมให้ได้ เช่น ซื้อหนี้มาปรับโครงสร้าง แบงก์จะรักเรามากเลย เพราะเอ็นพีแอลเขาหายไป โดยเฉพาะหนี้ที่อยู่ในโครงการเรา เราแฮปปี้ที่จะทำมากเลยเพราะเราใช้พรีโม่ดูแลโครงการอยู่แล้ว

รวมถึงธุรกิจประกันภัย อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ PRIM มีทั้งไลฟ์และน็อนไลฟ์ แน่นอนมาดูแลคนในอีโคซิสเต็มของเรา 1 แสนคน เช่น พนักงาน เรามีประกันสุขภาพอยู่แล้ว อยากอัพเกรดให้คุณพ่อคุณแม่ เราสามารถเทเลอร์เมดได้หมด งานก่อสร้างเรามีเยอะมาก

ถ้าไม่ได้ทำตรงนี้ เราจ่ายไปยังไง เขาก็ไม่ได้ให้คอมมิชชั่นเรา แต่พอตั้งบริษัทพริมขึ้นและเรามีไลเซนส์ ตัวเลขกลับมาเป็นรายได้ 20% ทันที ทำไปทำมา สนุก เดิมอาจเป็นอินเทอร์นอลเซอร์วิส พอเริ่มแล้วเรามีขาหยั่งที่ดี เราขยายไปข้างนอก

กราฟฟิกออริจิ้น

Q : เป้ามาร์เก็ตแคปแสนล้าน อะไรมั่นใจว่าทำได้แน่ ๆ

สิ่งที่เรามั่นใจที่สุดคือเราคือออริจิ้น เรามี DNA ของการเจริญเติบโตรวดเร็ว สามารถก้าวไปสู่สเกลที่เป็นท็อป 5 ของอุตสาหกรรม เราแอ็กเซสเข้าไปได้ สิ่งที่เราทำในลักษณะกลุ่มบนของอุตสาหกรรม ทำไมต้องกลุ่มบน เพราะอยู่กลุ่มบนแล้วยั่งยืน พอเลยจากระดับท็อป 3-5 ก็จำไม่ได้แล้วว่าเป็นแบรนด์อะไร สิ่งที่เราสอนกันมาตลอดคือ ให้อยู่ในท็อป 3-5 นั้นดีที่สุด ทำให้เราแข่งขันได้ เราก็จะสอนกันมาตลอด มั่นใจในทีมงานของเราเอง

ส่วนเรื่องไม่มั่นใจจะเป็นปัจจัยภายนอก แต่ก็เจอมาเยอะเหมือนกัน คิดว่าโควิดจะเป็นเรื่องใหญ่สุดในมนุษยชาติร้อยกว่าปีที่ไม่เคยเจอ pandemic ขนาดนี้มาก่อน เป็นบทพิสูจน์ว่าเราสามารถสร้างการเติบโตบนวิกฤตได้ ข้อดีคือเราเป็นองค์กรใหม่ ไม่ได้มีวัฒนธรรมองค์กรอะไรที่ฝังลึกจนไม่สามารถปรับตัวได้ เวลาทำใหม่ มีปัจจัย มีพละกำลัง มีอีโคซิสเต็มที่ดี ทำให้สามารถเติบโตได้

ความไม่มั่นใจคือกังวลเกี่ยวกับเรื่องภายนอก เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ก่อให้เกิดนิวนอร์มอลเรื่องโกลบอลโพลิติก หลังจากเราหมดยุคสงครามเย็นมานาน จะเป็นสงครามเย็นทางด้านเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่หรือเปล่า ที่มาทำให้กลไกราคาสินค้าเปลี่ยนไปเลย

ผมไม่ค่อยไว้ใจคุณปูติน ว่าท่านคาดหวังอะไรจากการทำสงครามครั้งนี้ ยิ่งใกล้หน้าหนาวยิ่งรู้สึกกังวลภาวะราคาพลังงาน เดือนกันยายนจะเริ่มหนาวแล้ว ตุลาคมเริ่มหนาวแล้วในต่างประเทศ การใช้พลังงาน ใช้ก๊าซ จะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะกระทบเป็นลูกโซ่ หลังจากที่เราผ่านวิกฤตเงินเฟ้อจากพลังงานแพงในการรบช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา

แล้วราคาน้ำมันตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ลดการพึ่งพิงไปได้เยอะแล้ว มีการสร้าง route ใหม่ด้านพลังงานจากฝั่งอเมริกา ยุโรป มาซัพพอร์ตได้เยอะพอสมควรแล้ว ก็ยังเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง…คือต้องเห็นก่อน มอง worst case เลย น้ำมันกลับมาพีกอีกรอบ ค่าก่อสร้างที่จะเพิ่มขึ้นอีกรอบ นี่คือผลกระทบที่ใกล้ตัวที่สุด ทางออริจิ้นก็เตรียมแผนรองรับใกล้ตัวที่สุดว่า ระวังนะ หน้าหนาวนี้ให้จับตามอง

ผมว่าเตรียมแผนสำรองไว้เรื่อย ๆ ไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว

ภาพเศรษฐกิจประเทศไทยยังห่างกับคำว่ารีเซสชั่นมาก เราฟังรายการไลฟ์เรื่องหุ้นเยอะมาก เพราะเราเล่นหุ้นตามอเมริกา เขาหายโควิดไว ก้าวข้ามโควิดแล้ว ผมไปยุโรป 2 ครั้ง คนติดโควิดไม่เหมือนคนป่วย ติดก็กินยา ผมก็อยากให้เราก้าวข้ามโควิด

เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เราจัดสตาฟปาร์ตี้ 1,200 คน คนที่รู้ตัวว่าสุขภาพไม่ดีก็ไม่เข้ามาร่วมงาน เราติดโควิด 57 คน ถือว่าน้อยมาก ก็โอเคแหละ พิสูจน์ว่าจัดงานได้นะ ถัดมาอีกหนึ่งสัปดาห์เราจัดงานให้บริษัทลูก “พรีโม่ เซอร์วิสฯ” มีพนักงานมาร่วมงาน 800 คน พบว่าติดโควิดคนเดียว ฉะนั้น อย่าไปกังวลเรื่องนี้มากนัก กังวลเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว

สรุปว่า อเมริกา ยุโรป เศรษฐกิจกลับมาหมดแล้ว ถึงขั้นพอเศรษฐกิจโตเร็วมาก ๆ ก็เกิดเงินเฟ้อ มาซ้ำเติมจากวิกฤตพลังงานแพง สกัดด้วยดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในขั้นไหน เพิ่งฟื้นเอง จีดีพีเราเพิ่ง 2% เท่านั้นเอง ยังน้อยมาก เราจะค่อย ๆ ขึ้น ห่างไกลกับคำว่ารีเซสชั่นเยอะมาก คนที่ยังกังวลกับการทำธุรกิจ อย่าไปกังวลเลย ให้กลับมาทำธุรกิจกันได้แล้ว ทุกคนช่วยกันทำธุรกิจจะช่วยประเทศได้

ถามว่า การกลับมาครั้งนี้จะเป็นการกลับมาแบบไม่แข็งแรงไหม ผมไม่เชื่อ ทุกคนกลับมาแข็งแรงกันเยอะมาก ทุกคนเจอวิกฤตที่ยากที่สุดในรอบร้อยปี ใครที่ยังกลับมาได้ ผมคิดว่าทุกคนแข็งแรงมาก

ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


หุ้นเมกะเทรนด์ BEM เติบโตแข็งแกร่งบนธุรกิจทางด่วน-รถไฟฟ้า

ปาหนัน โตสุวรรณถาวร

งานสัมมนาแห่งปีต้อนรับครึ่งปีหลัง 2565 หัวข้อ “ถอดรหัสลงทุน ยุคดอกเบี้ยขาขึ้น” จัดโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ณ แกรนด์ฮอลล์ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก (เพลินจิต) มีแขกรับเชิญพิเศษ “ปาหนัน โตสุวรรณถาวร” รองกรรมการผู้จัดการ บัญชีและการเงิน บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ร่วมเสวนาหัวข้อ “หุ้นเมกะเทรนด์ …ไม่กลัวเงินเฟ้อ” มีสาระสำคัญ ดังนี้่

อัพเดตธุรกิจทางด่วน-รถไฟฟ้า

CFO บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ เปิดประเด็นด้วยการอัพเดตแผนธุรกิจองค์กร โดย BEM เกิดจากการควบรวม 2 บริษัท คือ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ กับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ เมื่อปลายปี 2558

สถานะปัจจุบันสำหรับ “ธุรกิจทางด่วน” เป็นผู้รับสัมปทานกับ “กทพ.-การทางพิเศษแห่งประเทศไทย” จำนวน 3 สัมปทาน และมี 4 เส้นทางด้วยกัน ประกอบด้วย สัมปทานที่ 1 ทางด่วนในเมืองหรือที่เราเรียกว่า “ทางด่วนขั้นที่ 2 ศรีรัช” กับทางด่วนนอกเมือง “ทางด่วนศรีรัช” เหมือนกัน แบ่งแยกกันเรื่องการแบ่งรายได้ระหว่าง กทพ. กับ BEM โดยมี “ทางด่วนขั้นที่ 1” ซึ่งรัฐลงทุนและบริหารเอง

ในภาพใหญ่ ทางด่วนขั้นที่ 1 และทางด่วนขั้นที่ 2 เชื่อมเป็นเครือข่ายเดียวกัน ดังนั้นจึงมีการนำรายได้ทั้ง 2 เส้นทางมารวมกันแล้วแบ่งตามส่วน โดย BEM มีรายได้สัดส่วน 40% กทพ.มีรายได้ 60% กำหนดสัญญาสัมปทานหมดอายุในปี 2578

ถัดมา สัมปทานที่ 2 “ทางด่วนสายอุดรรัถยา” หรือ “ทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด” คู่สัญญากับรัฐในนามบริษัทย่อย “บริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ” ซึ่ง BEM ถือหุ้น 100% รายได้จึงเป็นของ BEM ทั้งหมด กำหนดสัญญาสัมปทานหมดอายุในปี 2578 เช่นเดียวกัน และสัมปทานที่ 3 “ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก” แนวเส้นทางมุ่งไปทางเหนือ ผ่านสถานีกลางบางซื่อ แล้วจะมีทางด่วนแยกออกไปอีก ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปทาง EGAT (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) ไปจบที่ถนนวงแหวนรอบนอกกาญจนาภิเษก สัญญากำหนดสิ้นสุดในปี 2585 โดยรายได้เป็นของ BEM ทั้งหมด

พาร์ตของธุรกิจทางด่วนที่ BEM ดูแลอยู่ สร้างรายได้ในสัดส่วน 60% ของรายได้รวมของบริษัท

ปาหนัน โตสุวรรณถาวร

ต่อจิ๊กซอว์สร้างรายได้ยั่งยืน

ธุรกิจหลักควบคู่ทางด่วนคือรถไฟฟ้า โดย BEM มีสัมปทาน 2 สายทาง 2 สัญญา ได้แก่ 1.“รถไฟฟ้าสีน้ำเงิน” เป็นรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกของประเทศไทย เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2547 เส้นทาง “บางซื่อ-หัวลำโพง” แนวเส้นทางมีเพียงครึ่งวงกลมของปัจจุบัน และวิ่งรับส่งผู้โดยสารเป็นเวลา 15 ปีมาแล้ว ต่อมาเริ่มมีการลงทุน “สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย” เปิดให้บริการจริง ๆ ปี 2563 เจอกับโรคระบาดโควิดพอดี จึงยังไม่ได้ใช้ประโยชน์เท่าไหร่นัก

ทั้งนี้ สายสีน้ำเงินเดิมกับส่วนต่อขยายเมื่อเปิดให้บริการครบทั้งสายทางแล้ว สามารถเดินทางจากหัวลำโพงผ่านไปทางเยาวราช ไปจบที่หลักสองบริเวณท่าพระ อีกด้านหนึ่งเส้นทางจากบางซื่อไปจบที่ท่าพระ เมื่อดูจากแผนที่แนวเส้นทางจะสังเกตได้ว่าเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่มีการ form ตัวเป็นวงกลมของกรุงเทพฯ เชื่อมทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก ข้ามแม่น้ำทั้งฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนคร รูปแบบอาจจะคล้าย ๆ เลข 9 โดยมีติ่งอยู่ที่สถานีหลักสอง สัญญาสัมปทานกำหนดหมดอายุในปี 2593

และสัมปทานที่ 2 “รถไฟฟ้าสายสีม่วง” ซึ่ง BEM รับจ้างบริหารและเดินรถ ภาครัฐลงทุนส่วนงานโยธา และ BEM ลงทุนให้ก่อนในส่วนงานระบบ “สายสีม่วงเรียกว่า advance งานระบบแล้วก็ซื้อขบวนรถไฟฟ้า จากนั้น ภาครัฐจะทยอยชำระคืนใน 10 ปี แล้วก็จ้างเราบริหารและเดินรถ สัญญาสัมปทานหมดอายุในปี 2586 เราได้รับเป็นค่าจ้างเดินรถ ไม่มีความเสี่ยงในส่วน ridership หรือตัวรายได้”

สรุปว่าธุรกิจรถไฟฟ้าสร้างรายได้ให้องค์กรสัดส่วน 35% โดยมีจิ๊กซอว์ธุรกิจตัวที่ 3 มาจาก “การพัฒนาเชิงพาณิชย์” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีภายใต้แบรนด์ “เมโทรมอลล์” โดยพื้นที่ยังอยู่ในสัญญาสัมปทานของ BEM ทำรายได้ให้องค์กรสัดส่วน 5% และรายได้ที่เหลืออีก 10% มาจากเงินปันผลจากการลงทุนในกลุ่มบริษัท TTW และบริษัท CKP เฉลี่ยปีละ 500 กว่าล้านบาท ถือเป็น cash flow ที่นอนมาของ BEM

หลังยุคโควิดเริ่มฟื้นตัวทั้งรถ-คน

อัพเดตผลกระทบจากสถานการณ์โควิดพบว่า ยุคก่อนโควิด ธุรกิจทางด่วนมีปริมาณรถ 1.2 ล้านเที่ยวคัน/วัน ปี 2563-2564 ปริมาณรถหายไป 30-35% ต้นปี 2565 เจอผลกระทบโอมิครอนแต่ก็ยังมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเริ่มเห็นปริมาณรถแตะ 1.1 ล้านเที่ยวคัน/วัน หรือยอดใช้ทางด่วนกลับคืนมา 90% แล้ว

ฟันธงว่าธุรกิจทางด่วนเริ่มฟื้นตัวกลับมาเป็นรูปแบบ V-shape

ขณะที่ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าผลกระทบหนักกว่า เพราะมีมาตรการ social distancing ทำให้ปี 2563-2564 ปริมาณผู้โดยสารลดลง 20% และ 40% ตามลำดับ จากยุคก่อนโควิดที่มีปริมาณผู้โดยสารเกิน 3 แสนเที่ยวคน/วัน พบว่า ในวันที่เลวร้ายยอดหล่นเหลือหลักหมื่นเที่ยวคน/วัน โดยปี 2564 อยู่ที่หลัก 1 แสนกว่าเที่ยวคน/วัน ล่าสุด ครึ่งปีแรก 2565 ตัวเลขเฉลี่ยที่ 2 แสนกว่าเที่ยวคน/วัน

“ตอนนี้เริ่มเดือน 8 พอสถานศึกษาเปิดเรียนออนไซต์ ประชาชนรับวัคซีนกันแล้วทั้งเข็มพื้นฐาน ทั้งเข็มกระตุ้น เราเห็นตัวเลข 3.5 แสนเที่ยวคนแล้ว และวันศุกร์ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา เราเพิ่งเห็นตัวเลข 3.8 แสนเที่ยวคน/วัน ใครอยากดูว่าเศรษฐกิจเป็นยังไง ให้ดูตัวเลขรถไฟฟ้ากับทางด่วนได้ เป็น indicators ให้เห็นชัดเจนว่าฟื้นหรือยัง โดยเฉพาะสถานีที่เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวมีปริมาณฟื้นตัวกลับมาแล้ว 80-90%”

หุ้นกู้หกพันล้านดีมานด์ 3 หมื่นล้าน

สำหรับเรื่องของสถานการณ์ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจมีผลกระทบต่อ BEM มากน้อยแค่ไหน มีคำตอบเซอร์ไพรส์ประเมินจากผลตอบรับเรื่องการออกหุ้นกู้ในปี 2564

“ต้องบอกว่า BEM คือบริษัทที่ใช้เงินลงทุนสูงในช่วงแรก ก็จะมีหนี้เยอะ เราเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เราก็รู้แล้วว่าเราจะจัดการกับมันอย่างไร ในช่วงระหว่างก่อสร้าง เราก็จะใช้เงินกู้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว พอสร้างเสร็จจะเปลี่ยนเป็นดอกเบี้ยคงที่ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เราปรับพอร์ตเรื่องการกู้พอสมควรจากการกู้ดอกเบี้ยลอยตัวเป็นหุ้นกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ บางส่วนทำสวอป เหลือสัดส่วนที่เป็นดอกเบี้ยลอยตัว 20% นิด ๆ”

และ “ปี 2564 เราออกหุ้นกู้ยั่งยืนเป็นดีลแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในพาร์ตของหมวดธุรกิจขนส่ง วงเงิน 6 พันล้านบาท ตอนนั้นมี demand ถึง 2.8 หมื่นล้านบาท ได้รับผลตอบรับค่อนข้างมาก ต้องขอขอบคุณนักลงทุนด้วยที่สนับสนุนบริษัท สำหรับปีนี้จะมีออกหุ้นกู้ยั่งยืนอีกครั้งหนึ่งช่วงเดือนกันยายน วงเงิน 3-4 พันล้านบาท ก็ขอฝากด้วยอีกครั้งหนึ่ง”

ส่วนประเด็นปัญหาเงินเฟ้อ กลับกลายเป็นผลประโยชน์ของผู้ใช้ทางด่วน เพราะผลของการเป็นคู่สัญญาสัมปทานรัฐทำให้ค่าผ่านทางถูกกำหนดไว้หมดแล้ว “…ในภาวะเงินเฟ้อก็จะเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ทางด่วน เพราะจะขึ้นค่าผ่านทางอีกครั้งหนึ่งตามสัญญาต้องรอไปถึงปี 2571 อีกสักพักหนึ่งเลย”

แข็งแกร่งจากโมเดลธุรกิจ

สิ่งที่คนอยากรู้มากที่สุดคือ อะไรคือความแข็งแกร่งของ BEM ที่ทำให้ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจที่ถือว่าหนักที่สุดในรอบร้อยปี (โรคระบาดโควิด)

“ความแข็งแกร่งของเราต้องบอกว่ามันเริ่มจากโมเดลธุรกิจมากกว่า จะเห็นได้ว่า BEM ไม่ได้ลงทุน diversify มากมายอะไร พอเราเลือกธุรกิจที่เราชำนาญ เราก็รู้ว่าจะทำยังไงกับมัน และอีกเรื่องหนึ่งที่อยู่มาได้ก็คือเราดูแลทุกคน เราไม่ได้มองตัวเองเป็นหลัก ไม่ว่าจะวิกฤตไหนมีหนี้ธนาคารก็จ่ายคืนครบ เราจ่ายดอกเบี้ยครบไม่มีเบี้ยวหนี้ พนักงานก็เช่นเดียวกัน ผู้ถือหุ้นก็ยังมีเงินปันผลอยู่อย่างสม่ำเสมอ อาจจะมากบ้างน้อยบ้างตามภาวะเศรษฐกิจ อีกอันหนึ่งคือผู้ใช้ทาง ผู้ใช้บริการ และผู้ที่อยู่รอบสายทางเรา จะเห็นว่า BEM ดูแลทั้งหมด”

คำกล่าวที่เป็นเสมือนพันธสัญญาก็คือ “BEM ไม่ได้มีนโยบายที่จะมีกำไรสูงสุด เรามีกำไรในอัตราเหมาะสมแล้วก็อยู่ในสังคมได้อย่างภาคภูมิใจ”

ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาด “อ่อนค่า” ที่ระดับ 36.14 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาด “อ่อนค่า” ที่ระดับ 36.14 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนในฝั่งอ่อนค่า ท่ามกลางแรงกดดันทั้งเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่า รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวและแรงซื้อสกุลเงินเยนของผู้ประกอบการบางส่วน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.14 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.08 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนในฝั่งอ่อนค่า ท่ามกลางแรงกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าจากทั้งเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าจนกว่าตลาดจะรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟดในงานประชุม Jackson Hole

รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวและแรงซื้อสกุลเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ของผู้ประกอบการบางส่วน หลังค่าเงินเยนญี่ปุ่นได้อ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 26 บาทต่อ 100 เยน

ขณะที่ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติก็อาจไม่ได้ไหลเข้าตลาดทุนไทยสุทธิเหมือนในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติอาจรอจังหวะการย่อตัวของตลาดหุ้นไทย ก่อนที่จะเพิ่มสถานะการถือครองอีกครั้ง เช่นเดียวกับฝั่งตลาดบอนด์ เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดยังคงใช้กลยุทธ์รอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวขึ้นเพื่อทยอยซื้อ

ทั้งนี้ หลังจากที่เงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านที่เราเคยประเมินไว้ ทำให้แนวต้านถัดไปของเงินบาทจะอยู่ในช่วง 36.20-36.30 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับจากสัญญาณทางเทคนิคัลทั้งจาก RSI และ MACD ที่เราเคยได้ระบุว่าในช่วงระยะสั้น

สัญญาณเชิงเทคนิคัลชี้ว่า เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ดี เรามองว่า เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่ารุนแรงไปมาก หากไม่ได้มีปัจจัยเสี่ยงที่กดดันให้นักลงทุนต่างชาติเทขายสินทรัพย์ไทยรุนแรง อาทิ ทางการจีนใช้มาตรการ Lockdown ที่เข้มงวดในเมืองสำคัญ เพื่อคุมสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 หรือปัญหาการเมืองในประเทศทวีความรุนแรงมากขึ้น

อนึ่งในช่วงที่ตลาดการเงินผันผวนสูงและมีหลายปัจจัยที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะแนวโน้มนโยบายการเงินเฟด เราคงแนะนำให้ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.05-36.25 บาท/ดอลลาร์

ผู้เล่นในตลาดยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเฟดเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ย เพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อ (สะท้อนผ่านมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ประเมินว่า เฟดมีโอกาส 55% ที่จะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนกันยายน สูงขึ้นจากที่เคยมองไว้ 39% ในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า)

มุมมองดังกล่าวได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทะลุระดับ 3.00% อีกครั้ง กดดันให้ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างเทขายหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ที่อ่อนไหวกับแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ย นำโดย Amazon -3.6%, Microsoft -2.9% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลงกว่า -2.55% ส่วนดัชนี S&P500 ก็ปิดตลาด -2.14%

ส่วนในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงกว่า -0.96% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวลงหนักและเสี่ยงเข้าสู่สภาวะถดถอย จากวิกฤติพลังงานที่อาจเกิดขึ้น

หากรัสเซียยุติการส่งแก๊สธรรมชาติให้กับยุโรป (ปัจจุบัน บริษัท Gazprom ของรัสเซียระบุว่าจะระงับการส่งออกแก๊สธรรมชาติเพียง 3 วัน เพื่อซ่อมบำรุงท่อส่งแก๊ส) รวมถึงแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) หลังเงินเฟ้อของทั้งยูโรโซนและอังกฤษยังอยู่ในระดับที่สูงมาก

ทางด้านตลาดบอนด์ แม้ว่า แนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะช่วยหนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 3.03% แต่เราคงมุมมองเดิมว่า บรรดาผู้เล่นในตลาดอาจรอจังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในการทยอยเพิ่มสถานะการลงทุน

เพื่อเตรียมปรับพอร์ตการลงทุนรับมือกับแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในอนาคต ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงบอนด์ยีลด์ 10 ปี ประเทศอื่นๆ อาจไม่ได้ปรับตัวขึ้นกลับไปสู่จุดสูงสุดในช่วงกลางปี ที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับสูงถึง 3.50%

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวแข็งค่าขึ้นใกล้ระดับ 109 จุด ซึ่งเป็นการทำจุดสูงสุดใหม่ในปีนี้และเป็นการแข็งค่ามากกว่าที่เราคาดการณ์ไว้

โดยเงินดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง รวมถึงความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่ให้ยีลด์สูงท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงิน นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวอ่อนค่าลงของเงินยูโร (EUR) สู่ระดับ 0.994 ดอลลาร์ต่อยูโร ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจยุโรป

ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าตลาดจะอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงก็ตาม ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวลดลงของราคาทองคำอาจทำให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยเข้ามาซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวได้บ้าง ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงนี้

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและการบริการ (S&P Global Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนสิงหาคมของบรรดาเศรษฐกิจหลัก

อาทิ สหรัฐฯ ยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น เพื่อประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงหนัก โดยในฝั่งสหรัฐฯ นั้น ตลาดมองว่า การชะลอตัวลงเศรษฐกิจโลก

และปัญหาต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูงในช่วงที่ผ่านมาอาจกดดันให้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตลดลงสู่ระดับ 51.9 จุด ส่วนดัชนี PMI ภาคการบริการอาจปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับ 50 จุด สอดคล้องกับการใช้จ่ายของผู้คนที่ฟื้นตัวดีขึ้น หลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา

ส่วนในฝั่งยุโรป ตลาดคาดว่า เศรษฐกิจยุโรปยังคงส่งสัญญาณชะลอตัวลงต่อเนื่อง ท่ามกลางปัญหาเงินเฟ้อสูงและนโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการของยูโรโซนในเดือนสิงหาคมที่จะลดลงสู่ระดับ 49 จุด และ 50.5 จุด ตามลำดับ เช่นเดียวกันกับฝั่งอังกฤษ ที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการจะลดลงต่อเนื่องแตะระดับ 51 จุด และ 51.9 จุด ตามลำดับ

และในฝั่งญี่ปุ่น ตลาดมองว่า ภาคการผลิตและการบริการของญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราชะลอลงต่อเนื่องจากผลกระทบของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งจะสะท้อนผ่าน ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการในเดือนสิงหาคมที่จะลดลงสู่ระดับ 51 จุด และ 50 จุด ตามลำดับ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“กุลวุฒิ” นำทัพขนไก่ไทย ผ่านเข้ารอบ 2 แบดมินตันชิงแชมป์โลก 2022

"กุลวุฒิ" นำทัพขนไก่ไทย ผ่านเข้ารอบ 2 แบดมินตันชิงแชมป์โลก 2022

การแข่งขันแบดมินตัน ชิงแชมป์โลก 2022 ที่โตเกียว เมโทรโพลิตัน ยิมเนเซียม ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันนี้เป็นการแข่งขันในรอบแรกหรือรอบ 64 คนสุดท้าย มีนักแบดไทยลงแข่งขัน 4 คู่

ประเภทชายเดี่ยว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือ 17 ของโลก เอาชนะ ทอมมี่ ซูกิอาร์โต้ มือ 34 ของโลกจากอินโดนีเซีย ไป 2-0 เกม 21-17 และ 21-10 ผ่านเข้ารอบ 32 คนสุดท้ายไปพบกับ โคได นาราโอกะ มือ 31 ของโลกจากญี่ปุ่น

สิทธิคมน์ ธรรมศิลป์ มือ 33 ของโลก พลิกสถานการณ์แซงกลับมาชนะ คันตะ สึนิยามะ มือ 14 ของโลกจากญี่ปุ่น 2-1 เกม 13-21, 21-16 และ 21-13 ผ่านเข้ารอบไปพบกับ อึ้ง ซื่อหยง มือ 42 ของโลกจากมาเลเซีย
กันตภณ หวังเจริญ มือ 22 ของโลก อดีตเหรียญทองแดงรายการนี้ปี 2019 พลิกล็อกพ่ายให้กับ ไค เชเฟอร์ มือ 81 ของโลกจากเยอรมนี 0-2 เกม 19-21, 18-21

ประเภทหญิงคู่ เบญญาภา เอี่ยมสอาด กับ นันทกานต์ เอี่ยมสอาด ชนะ คาตี้ ครีต มาร์ราน กับ เฮลิน่า รูเทล คู่มือ 54 ของโลกจากเอสโตเนีย  2-0 เกม 21-9 และ 21-14 ผ่านเข้าสู่รอบสองไปพบกับ มายุ มัตสึโมโต กับ วากานะ นากาฮาระ คู่มือ 6 ของโลกจากญี่ปุ่น

ประเภทชายคู่ สุภัค จอมเกาะ กับ กิตตินุพงษ์ เกตุเรน มือ 33 ของโลก ตกรอบแรกหลังแพ้ให้กับ เอ็ม.อาร์ อาร์จุน กับ ดรุฟ คาปิล่า มือ 35 ของโลกจากอินเดีย ไปแบบน่าเสีย 1-2 เกม 17-21,21-17 และ 20-22

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


โรคซึมเศร้า กับ 6 พฤติกรรมที่พบได้บ่อย แต่ผู้ป่วยมักไม่รู้ตัว

โรคซึมเศร้า กับ 6 พฤติกรรมที่พบได้บ่อย แต่ผู้ป่วยมักไม่รู้ตัว

สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุพฤติกรรมของผู้ป่วยซึมเศร้าที่พบได้บ่อยแต่อาจจะไม่ได้แจ้งจิตแพทย์ เพราะอาจไม่ทันได้ตระหนักว่าเป็นเรื่องผิดปกติ นั่นคือการ “ดู Youtube Tiktok หรือ คลิปอะไรสั้นๆ ไปเรื่อยๆ เป็นเวลานานๆ”

แม้ว่าอาจจะมองว่าเป็นพฤติกรรมปกติที่คนทั่วไปในสมัยนี้นิยมทำกัน แต่จะแตกต่างกันไปในแต่ละคนขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่ได้รับจากการกระทำนั้นๆ

ผู้ป่วยซึมเศร้า มีความเป็นไปได้ที่จะดูคลิปสั้นๆ ไปเรื่อยๆ เพราะรู้สึกขุ่นมัวในใจ ไม่ได้มีความสุขอะไรจากคลิปเหล่านั้น ดูเพื่อหาอะไรทำไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีสมาธิ ไม่สามารถดูอะไรยาวๆ เช่น คลิปที่ยาวๆ เป็นชั่วโมง หรือไม่สามารถดูหนังหรือซีรีส์ยาวๆ รวมถึงอ่านหนังสือจบเป็นเล่มๆ ได้ และหากพยายามจะดูอะไรยาวๆ จะกดข้ามไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีสมาธิมากเพียงพอ

และขณะที่ดูคลิปเหล่านั้นก็ไม่ได้รับความเพลิดเพลินอะไรมากนัก เพียงแต่หากิจกรรมทำเพื่อฆ่าเวลา เพื่อให้ตัวเองหลุดออกมาจากความคิดที่งุ่นง่านในใจ ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมต่อคลิปที่ดู

แม้ว่าจะเป็นคลิปสั้นๆ แต่ก็นั่งดูไปเรื่อยๆ จนนอนดึก ดูทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกสนุกอะไร ดูให้เวลามันผ่านไป ต่างจากคนทั่วไปที่การดูคลิป ดูหนัง ซีรีส์ หรืออ่านหนังสือติดต่อกันเป็นเวลานานๆ เพราะว่าสนุกจนหยุดไม่ได้

นอกจากนี้ ในบางราย อาจไม่ได้มีพฤติกรรมดูคลิปสั้นๆ แต่เป็นการทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น เล่นซูโดกุ เล่นวันละหลายชั่วโมงวนๆ ไป เหมือนจะฝึกสมอง แต่จริงๆ แล้วเหตุผลที่เล่นและความรู้สึกที่เล่นไม่ได้อินกับเกมอะไรมากขนาดนั้น เล่นเพียงเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้น

ดังนั้น เราสามารถสังเกตได้ว่า ตัวเองมีพฤติกรรมในการชอบทำอะไรสั้นๆ ซ้ำๆ เหมือนจะหากิจกรรมทำเพื่อความบันเทิงเป็นเวลานานหลายนาที หลายชั่วโมง แต่จริงๆ แล้วไม่ได้รู้สึกได้รับความบันเทิงจากสิ่งที่ดู สิ่งที่อ่าน หรือสิ่งที่กำลังทำอยู่เลยแม้แต่น้อยหรือไม่

นอกจากนี้ สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ยังแนะนำข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยซึมเศร้าบางราย ตอนทำงานดูเหมือนเป็นคนปกติ แต่ตอนอยู่บ้านกลับเหม่อลอย นั่งมองเพดานให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เพราะหมดพลังงานไปกับการพยายามทำตัวให้ดูเป็น “คนปกติ” ในที่ทำงาน

รวมถึงหมดความสนใจที่จะดูแลตัวเอง ไม่แต่งหน้า ไม่ทาครีม ไม่เลือกเสื้อผ้าดีๆ อย่างตั้งใจ แม้กระทั่งไม่ค่อยอาบน้ำสระผม

6 พฤติกรรมที่พบได้บ่อย แต่ผู้ป่วยมักไม่รู้ตัว

  1. พยายามทำตัวให้คนอื่นมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด เพราะตัวเองไม่รู้สึกถึงความสุข จิตใจด้านชาไปหมดแล้ว
  2. เปิดทีวีข้างไว้ทั้งคืน เพื่อปลดปล่อยพลังงานลบในหัวตัวเองออกไปเรื่อยๆ
  3. โพสต์ข้อความลงในโซเชียล หรือส่งข้อความหาเพื่อนว่าตัวเองยังไม่เป็นไร ยังสบายดี เมื่อกำลังดูหรือฟังเรื่องที่หดหู่ใจ
  4. ละเลยในการดูแลความสะอาดของตัวเอง เช่น ไม่ค่อยอาบน้ำสระผม
  5. ฝึกยิ้มหน้ากระจกก่อนออกไปเจอผู้คน
  6. ใช้พลังงานไปมากจากการพยายามทำตัวร่าเริงเหมือนเป็นคนปกติในที่ทำงาน แต่เมื่อกลับบ้านก็หมดแรงนอนฟุบนอนนิ่งไม่อยากทำอะไรต่อ

แม้ว่าพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์การวินิจฉัย แต่พบบ่อยในชีวิตประจำวันของคนไข้โรคซึมเศร้าที่จิตแพทย์มักเจอ แต่ไม่ได้หมายความว่า พฤติกรรมแบบนี้จะต้องเกิดจากโรคซึมเศร้าเสมอไปเช่นกัน การวินิจฉัยที่แน่นอน จำเป็นต้องพบจิตแพทย์เพื่อซักประวัติเพิ่มเติม และตรวจสภาพจิต (mental status examination) เท่านั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


อยากอวยพร โชคดีนะ นอกจาก Good Luck มีอะไรอีกบ้าง?

Good Luck น่าจะเป็นคำยอดฮิตติดปากใครหลายคนเวลาอยากอวยพรใครให้โชคดี แต่รู้ไหมว่าจริง ๆ แล้วในภาษาอังกฤษยังมีอีกหลายวลีที่ใช้แทนคำว่า Good Luck ได้ ใครอยากมีคำใหม่ ๆ ไปใช้อวยพรเพื่อน ครอบครัว หรือคนรู้จัก ตามมาดูที่นี่ได้เลย

  • Best wishes. / Best of luck! / Wish you luck! / All the best = ขอให้โชคดี
  • Hope you do well. = ขอให้ทำออกมาได้ดี
  • You can do it. = เธอทำได้!
  • Have a blast. = -ขอให้มีช่วงเวลาที่ดี
  • I’ll pray for you. = ฉันจะภาวนาให้เธอ
  • Hope it works out! = ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
  • Smooth sailing. = ขอให้ทึกอย่างเป็นไปด้วยดี
  • Break a leg! = โชคดี (เป็นสำนวนที่เหมือนการพูดแก้เคล็ด)
  • Blow them away! = ทำเต็มที่ให้เขาประทับใจ
  • I’ll keep my fingers crossed. = ขอให้โชคดี (สำนวนที่สื่อถึงการไขว้นิ้วอวยพร)
  • May the force be with you. = ขอให้พลังสถิตอยู่กับเธอ
  • May luck in your favor. = ขอให้โชคเข้าข้าง
  • To infinity and beyond! = ขอให้ก้าวผ่านมันไปได้
  • Knock the wood! = ขอให้โชคดีแบบนี้ตลอดไป
  • You’re going to be amazing! = เธอจะวิเศษสุด ๆ ไปเลย

การให้กำลังใจกันไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนก็มีคุณค่าทางจิตใจ ทำให้ผู้พูดและผู้รับยิ้มและรู้สึกมีพลังเพิ่มขึ้นได้เสมอ ครั้งหน้าถ้าใครมีเพื่อนที่กำลังใกล้เข้าสู่สนามสอบ ต้องไปสัมภาษณ์งานใหม่ หรือมีโอกาสดี ๆ ในชีวิต อย่าลืมให้กำลังใจและเลือกคำที่เราเอามาฝากไปอวยพรกันได้นะคะ 🙂

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


‘จรวดยักษ์สำรวจดวงจันทร์’ เคลื่อนสู่แท่นยิงของนาซ่าแล้ว เตรียมเดินทางปลายเดือนนี้

'จรวดยักษ์สำรวจดวงจันทร์' เคลื่อนสู่แท่นยิงของนาซ่าแล้ว เตรียมเดินทางปลายเดือนนี้

องค์การอวกาศสหรัฐฯ หรือ นาซ่า (NASA) เริ่มการเคลื่อนจรวดขนาดใหญ่ที่จะใช้ในโครงการสำรวจดวงจันทร์ เพื่อติดตั้งสู่แท่นยิงจรวดเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ก่อนที่จะเริ่มการทดสอบเดินทางครั้งแรกในเดือนนี้

การขนส่งจรวด Space Launch System (SLS) น้ำหนัก 2.6 ล้านกิโลกรัม ความสูงเท่าตึก 32 ชั้น จากโรงงานประกอบไปยังแท่นส่งจรวดที่ศูนย์อวกาศเคนเนดี รัฐฟลอริดา ระยะทาง 6.4 กิโลเมตร มีขึ้น ณ เวลา 22.00 น. ในวันอังคาร โดยใช้เวลาเคลื่อนย้ายหลายชั่วโมง

จรวดที่มีความสูง 98 เมตรลำนี้ใช้เวลาพัฒนานานกว่า 10 ปี โดยจะใช้บรรจุแคปซูล โอไรออน (Orion) ซึ่งบรรทุกทีมนักบินอวกาศที่จะขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์รอบใหม่ภายใต้โครงการ อาร์เตมิส (Artemis) ของนาซ่า

ในการทดสอบเดินทางในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ นาซ่าจะส่งจรวด SLS ขึ้นไปในอวกาศ จากนั้นปล่อยแคปซูลโอไรออนแบบไม่มีนักบินไปวนรอบดวงจันทร์แล้วกลับสู่พื้นโลกในอีก 42 วันต่อมาในโครงการที่ชื่อว่า Artemis I

เจ้าหน้าที่ของนาซ่าระบุว่า โครงการ Artemis I จะเป็นการรวบรวมข้อมูลสำคัญต่าง ๆ และวิเคราะห์ศักยภาพของยานอวกาศก่อนที่จะเริ่มโครงการ Artemis 2 ซึ่งเป็นการส่งมนุษย์ขึ้นไปวนรอบดวงจันทร์ และโครงการ Artemis 3 คือการส่งมนุษย์ไปลงบนพื้นผิวดวงจันทร์อีกครั้ง

นาซ่าตั้งเป้าว่า จะสามารถนำสตรีคนแรกและคนผิวสีคนแรกไปสัมผัสพื้นผิวดวงจันทร์ก่อนสิ้นทศวรรษนี้ รวมทั้งเตรียมการสำหรับก่อตั้งอาณานิคมของมนุษย์บนดวงจันทร์หลังจากนั้น ตลอดจนเตรียมโครงการสำรวจดาวอังคารในอนาคต ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับผลของการทดสอบยิงจรวด SLS ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ประโยชน์ของ “ขนมปังโฮลวีท” และข้อควรระวังที่ควรรู้ก่อนกิน

ประโยชน์ของ "ขนมปังโฮลวีท" และข้อควรระวังที่ควรรู้ก่อนกิน

ขนมปังโฮลวีท เป็นแป้งที่แนะนำให้กินมากกว่าขนมปังขาวทั่วไป มีทั้งประโยชน์และข้อควรระวังที่ควรรู้ก่อนกิน

ขนมปังโฮลวีท เป็นขนมปังสีน้ำตาลที่ทำจากแป้งข้าวสาลีเต็มเมล็ดหรือข้าวสาลีที่ยังไม่ขัดสี โดยจัดเป็นอาหารสุขภาพชนิดหนึ่ง เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ใยอาหาร วิตามินบี วิตามินอี แคลเซียม ธาตุเหล็ก สารต้านอนุมูลอิสระ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลาย ๆ ชิ้นสนับสนุนว่า การบริโภคขนมปังโฮลวีท อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านโรคหัวใจและหลอดเลือด และป้องกันความเสี่ยงโรคมะเร็งบางชนิดได้

ข้อมูลโภชนาการขนมปังโฮลวีท ประโยชน์ และข้อควรระวังในการบริโภค

ขนมปังโฮลวีท เป็นขนมปังสีน้ำตาลที่ทำจากแป้งข้าวสาลีเต็มเมล็ดหรือข้าวสาลีที่ยังไม่ขัดสี โดยจัดเป็นอาหารสุขภาพชนิดหนึ่ง เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ใยอาหาร วิตามินบี วิตามินอี แคลเซียม ธาตุเหล็ก สารต้านอนุมูลอิสระ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลาย ๆ ชิ้นสนับสนุนว่า การบริโภคขนมปังโฮลวีท อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านโรคหัวใจและหลอดเลือด และป้องกันความเสี่ยงโรคมะเร็งบางชนิดได้

คุณค่าทางโภชนาการของ ขนมปังโฮลวีท

ขนมปังโฮลวีท 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 254 กิโลแคลอรี่ รวมถึงสารอาหารต่าง ๆ ดังนี้

  • คาร์โบไฮเดรต 43.1 กรัม
  • โปรตีน 12.3 กรัม
  • ไขมัน 3.55 กรัม
  • โซเดียม 450 มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม 250 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 212 มิลลิกรัม
  • แคลเซียม 163 มิลลิกรัม
  • แมกนีเซียม 76.6 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 55 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 39 มิลลิกรัม
  • โคลีน (Choline) 27.2 มิลลิกรัม
  • ซีลีเนียม (Selenium) 25.8 ไมโครกรัม

นอกจากนี้ ขนมปังโฮลวีท ยังประกอบด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น แมงกานีส เหล็ก ทองแดง สังกะสี กับวิตามินต่าง ๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินบี 9

ประโยชน์ของ ขนมปังโฮลวีท ต่อสุขภาพ

ขนมปังโฮลวีทอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนคุณสมบัติในการส่งเสริมสุขภาพของขนมปังโฮลวีท ดังนี้

  1. อาจช่วยลดความอ้วน

ข้าวสาลีเต็มเมล็ด รวมถึงธัญพืชเต็มเมล็ดอื่น ๆ มีคุณสมบัติช่วยเร่งการเผาผลาญสารอาหารในร่างกายเป็นพลังงาน ดังนั้น การบริโภคขนมปังโฮลวีทที่ทำจากข้าวสาลีเต็มเมล็ด จึงอาจมีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วน

งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของข้าวสาลีเต็มเมล็ดต่อระดับไขมันในช่องท้อง ตีพิมพ์ในวารสาร Plant Foods for Human Nutrition ปี พ.ศ. 2561 นักวิจัยแบ่งผู้เข้าร่วมการทดลองชาวญี่ปุ่นจำนวน 50 ราย ซึ่งมีค่าดัชนีมวลกายเท่ากับหรือมากกว่า 23 ออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกให้บริโภคอาหารที่มีข้าวสาลีเต็มเมล็ดเป็นส่วนผสม ส่วนอีกกลุ่มให้บริโภคอาหารที่มีข้าวสาลีขัดขาวเป็นส่วนผสม เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์เท่า ๆ กัน เมื่อครบระยะเวลาทดลอง พบว่า ผู้เข้าร่วมการทดลองกลุ่มที่บริโภคอาหารที่มีข้าวสาลีเต็มเมล็ดเป็นส่วนผสม มีขนาดช่องท้องลดลงประมาณ 4 ตารางเซนติเมตร ขณะที่กลุ่มที่บริโภคอาหารที่มีข้าวสาลีขัดขาวเป็นส่วนผสมไม่พบการเปลี่ยนแปลงใด ๆ

นักวิจัยจึงสรุปว่า การบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของข้าวสาลีเต็มเมล็ดอาจช่วยป้องกันโรคอ้วนจากการมีไขมันในช่องท้องสะสมในปริมาณมากได้

  1. อาจช่วยบรรเทาอาการโรคเบาหวาน

ขนมปังโฮลวีท รวมทั้งอาหารจากธัญพืชเต็มเมล็ดอื่น ๆ อุดมไปด้วยใยอาหารและมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เมื่อบริโภคเข้าสู่ร่างกาย จึงไม่ทำให้ระดับน้ำตาลเพิ่มสูงจนเกินไป ทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เซลล์ต่าง ๆ ตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลินซึ่งมีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไปได้ดียิ่งขึ้นด้วย การบริโภคขนมปังโฮลวีทจึงอาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานและป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดได้

งานวิจัยชิ้นหนึ่ง เกี่ยวกับการบริโภคธัญพืชเต็มเมล็ดและธัญพืชขัดสีเพื่อลดความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เผยแพร่ในวารสาร European Journal of Epidemiology ปี พ.ศ. 2556 นักวิจัยได้ศึกษางานวิจัยจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่รวมทั้งงานวิจัยที่ศึกษากลุ่มคนที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคจำนวน 16 ชิ้น ได้ข้อสรุปว่า การบริโภคธัญพืชเต็มเมล็ดในปริมาณมาก อาจช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ ทั้งนี้ นักวิจัยแนะนำให้บริโภคธัญพืชเต็มเมล็ดในปริมาณประมาณ 60 กรัมต่อวันเพื่อป้องกันโรคเบาหวาน

  1. อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด

ธัญพืชเต็มเมล็ดมีใยอาหารสูงซึ่งมีประสิทธิภาพช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลเข้าสู่กระแสเลือดและช่วยให้การไหลเวียนโลหิตเป็นปกติ การบริโภคขนมปังโฮลวีท จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดต่าง ๆ ได้ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ

งานวิจัยชิ้นหนึ่ง เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคธัญพืชเต็มเมล็ด และความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง รวมถึงสาเหตุการเสียชีวิตอื่น ๆ เผยแพร่ในวารสาร BMJ ปี พ.ศ. 2559 นักวิจัยศึกษางานวิจัยจำนวน 45 ชิ้น ทำให้พบหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของธัญพืชเต็มเมล็ดต่อการช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยสรุปว่า การบริโภคธัญพืชเต็มเมล็ด โดยเฉพาะในรูปแบบของขนมปังหรือซีเรียล อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง รวมถึงสาเหตุการเสียชีวิตรูปแบบอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคระบบหายใจ โรคติดเชื้อ

  1. อาจช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้

ขนมปังโฮลวีท ที่ทำจากธัญพืชเต็มเมล็ดมีคุณสมบัติต่าง ๆ ดังนี้

  • อุดมไปด้วยสารอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตหลาย ๆ ชนิด เช่น ใยอาหาร แป้ง โอลิโกแซ็กคาไรด์ (Oligosaccharides) ที่เมื่อบริโภคเข้าไปแล้วจะช่วยลดค่า pH หรือค่าความเป็นกรดด่างในลำไส้ โดยหากค่า pH สูงจะเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
  • อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ เช่น แร่ธาตุรอง (Trace Minerals) สารประกอบฟีนอล (Phenolic Compounds) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง
  • มีสารไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogens) ซึ่งมีฤทธิ์ป้องกันโรคมะเร็งที่อาจเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย อย่างมะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก
  • การบริโภคขนมปังโฮลวีทจึงอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งบางชนิดได้

งานวิจัยชิ้นหนึ่ง เรื่องใยอาหาร ธัญพืชเต็มเมล็ด และความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ตีพิมพ์ในวารสาร BMJ ปี พ.ศ. 2554 นักวิจัยได้ศึกษางานวิจัยจำนวน 25 ชิ้น และพบข้อสรุปว่า การบริโภคใยอาหารในปริมาณมาก โดยเฉพาะจากธัญพืชเต็มเมล็ด อาจช่วยลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ โดยการบริโภคธัญพืชเต็มเมล็ดในปริมาณ 90 กรัม/วัน อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ราว ๆ 20 เปอร์เซ็นต์ และหากเพิ่มปริมาณอาจยิ่งลดความเสี่ยงได้มากขึ้น

ข้อควรระวังในการบริโภค ขนมปังโฮลวีท

ผู้ที่แพ้ข้าวสาลีควรหลีกเลี่ยงการบริโภคขนมปังโฮลวีท เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ หากต้องการบริโภคขนมปังธัญพืช ควรเลือกบริโภคขนมปังที่ทำจากข้าวไรย์หรือข้าวโอ๊ตแทน

นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคลำไส้แปรปรวน ยังไม่ควรบริโภคขนมปังโฮลวีท เพราะคาร์โบไฮเดรตบางชนิดในข้าวสาลี อาจเป็นสาเหตุให้อาการกำเริบได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 23/08/2565

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a29,700.0029,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,924.0029,167.8430,300.00
ทองรูปพรรณ 90%1,731.6026,251.06n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,539.2023,334.27n/a
ทองรูปพรรณ 50%866.0013,128.56n/a
ทองรูปพรรณ 40%673.0010,202.68n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,994.0030,229.04n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/08/2565



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9537.1537.1537.9537.5537.1537.1537.1537.1537.5537.15
แก๊สโซฮอล์ 9136.8836.8837.6837.2836.8836.8836.8836.8837.2836.88
แก๊สโซฮอล์ E2036.0436.0436.8436.4436.0436.0436.0436.4436.04
แก๊สโซฮอล์ E8533.0433.0433.04
เบนซิน 9544.5645.0145.0645.0644.56
ดีเซล B734.9434.9436.3434.9435.4434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล34.9434.9436.3434.9435.4434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล B2034.9434.9436.3435.4434.9434.9434.94
ดีเซลพรีเมี่ยม45.6645.6647.0646.1646.1645.66
แก๊ส NGV15.5915.5915.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า