อสังหาฯหนุนแก้กม.เช่าที่ดิน99ปีเพิ่มโควตาต่างชาติซื้อคอนโด75%
อสังหาฯหนุนแก้กม.เช่าที่ดิน99ปีจาก30ปีพร้อม เพิ่มโควตาต่างชาติซื้อคอนโด75% ในกทม.ภูเก็ต พัทยานำร่องเพื่อรองรับดีมานด์ต่างชาติที่เข้ามามากขึ้นหวังพยุงตลาดอสังหาฯ
หลังจากรัฐบาลออก5มาตรากระตุ้นอสังหาฯ เมื่อวันที่9 เม.ย.ที่ผ่านมาและล่าสุด มติอีกครั้งเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมาให้แก้กฎหมาย 2 ฉบับ พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ ขยายเช่าเป็น 99 ปีจาก 30 ปี และ เพิ่มโควตาต่างชาติซื้อคอนโด 75% ในทำเลซีบีดีในกทม. ภูเก็ต พัทยา เพื่อรองรับดีมานด์ต่างชาติที่เข้ามามากขึ้น เพื่อช่วยพยุงตลาดอสังหาฯ
นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการ สมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางตัวแทน 7 สมาคมวงการอสังหาฯ ได้ร่วมลงนามและส่งหนังสือถึงอธิบดีกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทยรวมทั้งนายกรัฐมนตรี เพื่อขอติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อเสนอขอให้แก้ไขปรับปรุงกฎหมายอสังหาฯ 2 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ กับ พ.ร.บ.อาคารชุด โดยที่ได้เคยมีปรากฏอยู่ในมติคณะรัฐมนตรี (มติ ครม.) วันที่ 9 เมษายน 2567 สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกลับไปพิจารณาศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
โดยล่าสุดได้มติอีกครั้งเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมาให้แก้กฎหมาย 2 ฉบับ พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ ขยายเช่าเป็น 99 ปีจาก 30 ปี ด้วยวิธีการกำหนดให้การเช่าเป็นทรัพยสิทธิ และ เพิ่มโควตาต่างชาติซื้อคอนโด 75% ในทำเลซีบีดีในกทม. ภูเก็ต พัทยา เพื่อรองรับดีมานด์ต่างชาติที่เข้ามามากขึ้น เพื่อช่วยพยุงตลาดอสังหาฯ
ภายใต้ 4 เงื่อนไข ซึ่งประกอบด้วย 1. จำกัดพื้นที่การซื้อคอนโด 3 จังหวัดแรกที่ต่างชาตินิยมซื้อคือกรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา นำร่องก่อน 2 กำหนดให้คอนโดที่จะเปิดโควตาต่างชาติซื้อ 75% จำกัดพื้นที่โครงการไม่เกิน 5 ไร่ เพื่อป้องกันข้อครหาว่าต่างชาติจะถือครองที่ดินทางอ้อม 3. จำกัดสิทธิการโหวตบริหารจัดการนิติบุคคลของต่างชาติ มีสิทธิโหวตมีไม่เกิน 49% โดยต่างชาติต้องสละสิทธิโหวตเพื่อป้องกันการครอบงำกฎระเบียบในนิติบุคคลในโครงการ
และ4 เปิดเงื่อนไขให้สามารถออกกฎหมายแต่ละท้องถิ่นโดยอิสระ อาทิ ไม่สร้างบนที่ดินเกษตรกรรม ไม่อยู่ในเขตมั่นคงทางทหาร เป็นต้น
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า การขอขยายโควตาการซื้อคอนโดมิเนียมของลูกค้าต่างชาติ เป็น 75%จาก 49% “ไม่ใช่”เรื่องใหม่เพราะช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 เคยมีการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.อาคารชุดมาแล้วในปี 2542 เคยเปิดให้ต่างชาติถือครองได้ถึง 100%
แต่ในปี 2567 นี้มีข้อเสนอให้ขยายโควตาซื้อเป็น 75% โดยมีเงื่อนไข ทั้งนี้เพื่อช่วยพยุงตลาดอสังหาฯให้สามารถเติบโตต่อไปได้ท่ามกลางกำลังซื้อในประเทศที่อ่อนแอ สวนทางกับดีมานด์ต่างชาติจึงกลายเป็นกำลังซื้อสำคัญ สังเกตได้จากยอดซื้อและโอนกรรมสิทธิ์คอนโดต่างชาติในช่วงไตรมาส 1/67 กลับมาสูงสุดในรอบ 6 ปี หรือสูงกว่ายุคก่อนโควิดในปี 2563
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
เปิด5ทำเลบ้านคอนโดขายดี-เหลือขายสูงสุดในกรุงเทพฯ ปริมณฑล
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผย5ทำเลบ้านคอนโดขายดี-เหลือขายสูงสุดบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธงบ้านจัดสรร ขายดี บางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อยเหลือขายสูงมูลค่า1แสนล้าน ขณะที่คอนโดทำเลคลองหลวงขายดี ทำเลเหลือขายมากสุดห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดงมูลค่า 4.3หมื่นล้าน
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) รายงานผลสำรวจภาคสนามอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขาย สำหรับรายไตรมาส 1 ปี 2567 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล พบว่า ตลาดบ้านแนวราบ มีหน่วยที่มีการเสนอขายประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบมีจำนวนทั้งสิ้น 137,483 หน่วย มูลค่า 910,268 ล้านบาท จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยพบว่าที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีการขยายตัวของหน่วยเสนอขายมากได้แก่ บ้านเดี่ยว และบ้านแฝด สำหรับยอดขายได้ใหม่ของที่อยู่อาศัยแนวราบในไตรมาส 1 ปี 2567 จำนวน 9,679 หน่วย มูลค่า 62,863 ล้านบาท โดยลดลงร้อยละ -16.1 และร้อยละ -9.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566
5 ทำเลโครงการบ้านจัดสรรที่มีหน่วยขายได้ใหม่สูงสุด
อันดับ 1 โซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง จำนวน 2,161 หน่วย มูลค่า 14,411 ล้านบาท
อันดับ 2 โซนเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ จำนวน 1,295 หน่วย มูลค่า 5,703 ล้านบาท
อันดับ 3 โซนบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 1,210 หน่วย มูลค่า 6,558 ล้านบาท
อันดับ 4 โซนลำลูกกา-ธัญบุรี จำนวน 703 หน่วย มูลค่า 3,179 ล้านบาท
อันดับ 5 โซนเมืองสมุทรสาคร จำนวน 696 หน่วย มูลค่า 3,644 ล้านบาท
ผลจากการสำรวจภาคสนามยังได้แสดงทำเลสำหรับบ้านแนวราบที่ต้องระมัดระวังเนื่องจากยังคงมีหน่วยเหลือขายที่มากติดอันดับต้น ๆ แม้ว่าบางพื้นที่จะมียอดขายและอัตราการดูดซับที่ดี ได้แก่
อันดับ 1 โซนบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 20,214 หน่วย มูลค่า 110,177 ล้านบาท
อันดับ 2 โซนลำลูกกา-ธัญบุรี จำนวน 16,109 หน่วย มูลค่า 93,280 ล้านบาท
อันดับ 3 โซนคลองหลวง จำนวน 14,478 หน่วย มูลค่า 56,803 ล้านบาท
อันดับ 4 โซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง จำนวน 13,183 หน่วย มูลค่า 83,193 ล้านบาท
อันดับ 5 โซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก จำนวน 11,244 หน่วย มูลค่า 52,080 ล้านบาท
สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุด
ตลาดอาคารชุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในไตรมาส 1 ปี 2567 พบว่า หน่วยที่มีการเสนอขายอาคารชุด 91,565 หน่วย มูลค่า 397,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 และร้อยละ 25.9 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับยอดขายได้ใหม่ของอาคารชุดที่เกิดในไตรมาส 1 ปี 2567 พบว่าจำนวน 5,940 หน่วย มูลค่า 27,207 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -39.0 และร้อยละ -24.5 ตามลำดับ
5 ทำเลที่มีหน่วยโครงการอาคารชุดที่มีขายได้ใหม่สูงสุด
อันดับ 1 โซนคลองหลวง จำนวน 1,057 หน่วย มูลค่า 1,794 ล้านบาท
อันดับ 2 โซนพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ จำนวน 487 หน่วย มูลค่า 1,472 ล้านบาท
อันดับ 3 โซนธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด จำนวน 441 หน่วย มูลค่า 1,861 ล้านบาท
อันดับ 4 โซนห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง จำนวน 439 หน่วย มูลค่า 1,692 ล้านบาท
อันดับ 5 โซนเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด จำนวน 421 หน่วย มูลค่า 987 ล้านบาท
ทำเลที่มีหน่วยเหลือขายอาคารชุดที่ควรจะต้องระมัดระวัง
อันดับ1 โซนห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง จำนวน 10,588 หน่วย มูลค่า 43,059 ล้านบาท
อันดับ 2 โซนธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด จำนวน 9,469 หน่วย มูลค่า 31,397 ล้านบาท
อันดับ 3 โซนพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ จำนวน 8,251 หน่วย มูลค่า 27,299 ล้านบาท
อันดับ 4 โซนเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด จำนวน 6,293 หน่วย มูลค่า 16,121 ล้านบาท
อันดับ 5 โซนลาดพร้าว-วังทองหลาง-บางกะปิ จำนวน 5,382 หน่วย มูลค่า 17,607 ล้านบาท
จากผลสำรวจข้อมูลแสดงให้เห็นว่าภาพรวมไตรมาส 1 ปี 2567 ตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลยังขับเคลื่อนตัวด้วยโครงการบ้านแนวราบกว่าอาคารชุด แต่อย่างไรก็ตาม ควรเฝ้าระวังสต็อกคงเหลือและอัตราการดูดซับที่ต่ำลงในหลายพื้นที่ ซึ่งต้องมีการประเมินความเสี่ยงในการลงทุนในอนาคต โดยเฉพาะทำเลที่มีอัตราการดูดซับลดลง
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 24มิ.ย. “อ่อนค่าลง”ที่ระดับ 36.77 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทโมเมนตัมการอ่อนค่ามีกำลังมากขึ้น ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะเงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินเยน จับตาทิศทางราคาทองคำ
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 24มิ.ย. 2567ที่ระดับ 36.77 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 36.65 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ ที่ผ่านมา เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในกรอบ 36.62-36.78 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จากรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ โดย S&P Global ที่ออกมาดีกว่า
ขณะเดียวกัน การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ได้กดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สู่โซนแนวรับระยะสั้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการที่ออกมาดีกว่าคาด และการอ่อนค่าลงต่อเนื่องของบรรดาสกุลเงินหลัก ทั้ง เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP)
สำหรับสัปดาห์นี้ เราประเมินว่า ควรจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ และ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด พร้อมกับเตรียมรับมือความผันผวน หากทางการญี่ปุ่นแทรกแซงค่าเงินเยนญี่ปุ่น (JPY)
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งหากอัตราเงินเฟ้อ PCE ชะลอลงต่อเนื่อง หรือ ชะลอลงมากกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่า เฟดมีแนวโน้มทยอยลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ และ
นอกเหนือจากรายงานข้อมูลดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามทั้ง รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย Conference Board (Consumer Confidence) เดือนมิถุนายน และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims)
พร้อมกันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งเราประเมิน โทนการสื่อสารอาจมีลักษณะ Hawkish มากขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าได้ ยกเว้นว่า รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสะท้อนภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอลงมากขึ้น
อนึ่ง แม้ว่า ผู้เล่นในตลาดจะกลับมาเชื่อมั่นมากขึ้น ว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ (ล่าสุด จาก CME FedWatch Tool ตลาดให้โอกาสราว 87%) แต่เงินดอลลาร์ก็อาจไม่ได้อ่อนค่าลงชัดเจน เนื่องจากเงินดอลลาร์อาจยังพอได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของบรรดาสกุลเงินหลัก
อาทิ เงินยูโร (EUR) ที่เผชิญความเสี่ยงการเมืองฝรั่งเศส ส่วนเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ก็มีโอกาสย่อตัวลงบ้าง หากผู้เล่นในตลาดเชื่อว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจเริ่มลดดอกเบี้ยได้เร็วกว่าคาด และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็ยังเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซน 160-161 เยนต่อดอลลาร์ ยกเว้นว่า ทางการญี่ปุ่นจะเริ่มเข้าแทรกแซงตลาดค่าเงินอีกครั้ง ซึ่งเรามองว่า อาจต้องเห็นความผันผวนของค่าเงินเยนที่เพิ่มกว่าปัจจุบันพอสมควรก่อน
▪ ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี (IFO Business Climate) เดือนมิถุนายน และคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน (Inflation Expectations) รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยของ ECB
ขณะเดียวกัน ประเด็นสำคัญที่จะยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินยุโรปในช่วงนี้ คือ สถานการณ์การเมืองฝรั่งเศส โดยเราคงมุมมองเดิมว่า ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศสอาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินและสามารถกดดันให้เงินยูโร (EUR) และตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มอ่อนค่าลง/ปรับตัวลดลงในระยะสั้นได้
▪ ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของญี่ปุ่นในเดือนพฤษภาคม และอัตราเงินเฟ้อ CPI ของกรุงโตเกียว ในเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนที่อาจเพิ่มสูงขึ้น หากทางการญี่ปุ่นตัดสินใจเข้าแทรกแซงค่าเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ในกรณีที่เงินเยนผันผวนอ่อนค่าเร็วและแรงกว่าคาด
เช่น เงินเยนอ่อนค่าลงสู่ระดับ 160-161 เยนต่อดอลลาร์ ในระยะเวลาสั้นๆ ในส่วนผลการประชุมธนาคารกลางนั้น บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 6.50% จนกว่าจะมั่นใจว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อจะทยอยกลับสู่เป้าหมายได้สำเร็จ หลังอัตราเงินเฟ้อทั่วไป แม้จะอยู่ในกรอบเป้าหมาย 2%-4% แต่นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่ก็ทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง จนแตะระดับ 3.9% ในเดือนพฤษภาคม
▪ฝั่งไทย – ความผันผวนของฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดการเงินในช่วงนี้ได้ โดยเราประเมินว่า นักลงทุนต่างชาติอาจยังไม่รีบกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทย จนกว่าความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทยจะคลี่คลายลง
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่ามีกำลังมากขึ้น ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ กดดันให้เงินบาทเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าทดสอบแนวต้านโซน 37 บาทต่อดอลลาร์ได้ ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ โดยหากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นจากโซนแนวรับได้บ้าง ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท ส่วนฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจยังมีความผันผวนอยู่ จนกว่าผู้เล่นในตลาดจะคลายความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองไทย
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ทว่าเงินดอลลาร์อาจชะลอการแข็งค่าได้บ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งเชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้งในปีนี้
เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 36.50-37.00 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.65-36.85 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ไตเติ้ล-เจน” ปราบคู่เจ้าถิ่นผงาดแชมป์แบดมินตันเกาสง มาสเตอร์ส
“ไตเติ้ล” รุษฐนภัค อูปทอง กับ “เจน” เฌอย์ณิชา สุดใจประภารัตน์ คู่ผสมมือ 31 ของโลก ทำผลงานได้อย่างสุดยอด ไล่ต้อนคู่เจ้าถิ่นอย่าง หยาง โปซวน กับ หวู หลิงฟาง คู่มืออันดับ 23 ของโลกจากไต้หวัน 2 เกมรวด คว้าแชมป์เวิลด์ทัวร์เป็นรายการแรกได้สำเร็จ ในศึกวิคเตอร์ เกาสง มาสเตอร์ส 2024
การแข่งขันแบดมินตันรายการ “วิคเตอร์ เกาสง มาสเตอร์ส 2024” รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 100 ชิงเงินรางวัลรวม 100,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,700,000 ที่เมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มิ.ย.67 เป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ มีนักแบดมินตันไทยลงสนามเพียงคู่เดียว
ประเภทคู่ผสม รอบชิงชนะเลิศ “ไตเติ้ล” รุษฐนภัค อูปทอง กับ “เจน” เฌอย์ณิชา สุดใจประภารัตน์ คู่มืออันดับ 31 ของโลก พบกับ หยาง โปซวน กับ หวู หลิงฟาง คู่มืออันดับ 23 ของโลกจากไต้หวัน
แมตช์นี้ ในช่วงต้นเกม คู่หยาง โปซวน กับ หวู หลิงฟาง เปิดเกมได้ดีกว่า ทำคะแนนขึ้นนำมาโดยตลอด จนกระทั่งผ่านครึ่งเกมแรก คู่ไตเติ้ล กับ เจน แก้เกมมาลงมาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ค่อยๆไล่เก็บแต้มจนแซงเอาชนะไปได้ก่อนที่ 21-18
ในเกมที่สอง คู่ไตเติ้ล กับ เจน ลงมาเปิดเกมบุกใส่ตั้งแต่ต้นและทำแต้มทิ้งห่างและ รักษาโมเมนตัมของตัวเองได้ดีกว่ามาปิดแมตช์เอาชนะไปได้อีกที่ 21-13 ทำให้เอาชนะไปได้ 2-0 เกม
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
เครียดมากเกินไป หมดไฟก่อนวัยอันควร
“ความเครียด” เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่จำกัดเพศ หรือวัย แต่การ “เครียดเรื้อรัง” สะสมไปเรื่อย ๆ สามารถส่งผลกระทบกับสุขภาพกาย สุขภาพจิตได้ ซึ่งสาเหตุของความเครียดมีได้มากมาย ตั้งแต่เรื่องการงาน การเรียน เพื่อนฝูง ครอบครัว หรือความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านบวกหรือด้านลบ สำหรับบางคน การวางแผนไปเที่ยววันหยุด ก็อาจทำให้เครียดขึ้นมาได้
วัยรุ่น เป็นวัยที่ต้องพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ มากมาย ทั้้งด้านร่างกาย จิตใจ รวมถึงวิถีชีวิต การเข้าสังคม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ย่อมมาพร้อมกับความเครียด ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว หากไม่สามารถปรับตัวให้เผชิญกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ อาจจะทำให้เกิดการท้อแท้ สิ้นหวัง หมดไฟก่อนวัย ซึ่งปัญหาเหล่านี้ พ่อแม่ผู้ปกครองควรเอาใส่ใจติดตามสังเกต และดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยลูกจัดการ ระบายความเครียด
สาเหตุความเครียดของวัยรุ่น “เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด”
โดยธรรมชาติแล้ว วัยรุ่นเป็นวัยที่แสวงหาตัวตน การได้รับการยอมรับ ซึ่งบ่อยครั้งสิ่งนี้ทำให้เกิดการเปรียบเทียบขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบกับเพื่อน พี่น้อง หรือบุคคลอื่น ๆ และในสมัยนี้มีการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น ซึ่งยิ่งเป็นการทำให้เกิดการเปรียบเทียบได้ง่ายและเด่นชัดยิ่งขึ้น จนสามารถก่อให้เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ คิดว่าตัวเองไม่ดีเท่าคนอื่น สิ่งเหล่านี้ สามารถก่อให้เกิดความเครียด เพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ที่วัยรุ่นต้องเจออยู่แล้ว
สังเกตวัยรุ่นที่บ้าน เข้าสู่ความเครียดมากเกินไปหรือไม่
สุขภาพทางใจ : พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป เช่น จากเป็นคนร่าเริง เปลี่ยนเป็นคนเก็บตัว เหม่อลอย ไม่มีสมาธิ เบื่อท้อ เศร้า อาจมีการพูดในเชิงลบ ด้อยค่า กับตัวเอง หรือ ผู้อื่น มากขึ้น รวมถึงการเขียนสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ลงโซเชียลมีเดีย
สุขภาพทางกาย : สิ่งที่สังเกตได้ง่าย ๆ คือ พฤติกรรมการกินและการนอนบางคนอาจจะกินมากขึ้น กินจนควบคุมไม่ได้ หรือ บางคนอาจจะเบื่ออาหาร ซึ่งทำให้น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงไปจนผิดปกติ สำหรับการนอน บางคนอาจจะนอนมากขึ้น แต่ตื่นมาไม่สดใส หรือ บางคนก็อาจจะมีอาการนอนไม่หลับ นอกจากนี้ ความเครียดยังสามารถก่อให้เกิดอาการทางกายอื่น ๆ เช่น ปวดหัว ปวดตามตัว ใจสั่น อ่อนเพลีย เป็นต้น
พ่อแม่ รับบท ผู้รับฟัง ไม่ใช่ “ผู้ตัดสิน”
คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง ควรตระหนักถึงความสำคัญของการรู้จักเป็นผู้ฟังที่ดี และควรพยายามเปิดใจฟัง โดยไม่ตัดสินว่าสิ่งที่ลูกพูดหรือทำนั้น ผิดหรือถูก การที่ลูกมาพูดคุยด้วย เขาอาจจะแค่อยากมีคนรับฟัง โดยไม่ได้อยากได้คำแนะนำ หรือคำสั่งสอน บ่อยครั้ง พ่อแม่มักจะหวังดีอยากช่วย จึงด่วนให้คำแนะนำไป โดยที่ลูกยังไม่ได้รู้สึกว่าได้รับการรับฟัง ซึ่งสิ่งนี้อาจจะทำให้ลูกรู้สึกว่าถูกตัดสิน และรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะพูดออกไป
สิ่งสำคัญ คือ การสื่อสารออกไปว่า พ่อแม่อยู่พร้อมตรงนี้และคอยสนับสนุน ในบางกรณี พ่อแม่อาจจะกระตุ้นให้ลูกคิดถึงแง่มุมต่าง ๆ ของปัญหา ชวนให้ลูกคิด ช่วยร่วมวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา และวิธีการแก้ไข โดยที่ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วแล้วก็ตาม แต่ควรให้โอกาสลูกได้คิด ได้ตัดสินใจด้วยตนเองด้วย
ความเครียดถือได้ว่าเป็นภาวะที่ต้องให้ความใส่ใจและถึงแม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นได้เห็นได้ ชัดเจนเหมือนอาการบาดเจ็บภายนอกร่างกาย แต่ก็สามารถส่งผลกระทบได้ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต
วิธีการดูแลเบื้องต้น
พยายามแยกแยะว่า เรื่องที่เครียดนั้น เป็นเรื่องที่ควบคุมได้หรือควบคุมไม่ได้ การคิดต่อไปเกิดประโยชน์แค่ไหน หากเริ่มรู้สึกว่าจมอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป พยายามดึงตัวเองออกมา ผ่านการทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ออกไปเดินเล่น ออกไปเจอเพื่อน ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30 นาที เพื่อช่วยบรรเทาความเครียด รวมถึงช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น นอนหลับพักผ่อน ทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลายความเครียดและอารมณ์แจ่มใสขึ้น รับประทานอาหารมีประโยชน์
หากใครสงสัยว่าตนเองมีภาวะเครียดสะสม เครียดเรื้อรัง และยังจัดการไม่ได้ ควรปรึกษาจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา เพื่อรับการประเมิน และการดูแลรักษา ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
โดย: นายแพทย์ณชารินทร์ พิภพทรรศนีย์ จิตแพทย์ โรงพยาบาล BMHH – Bangkok Mental Health Hospital
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ประโยคขอบคุณ ภาษาอังกฤษ มีมากมาย ไม่ใช่แค่ Thank you
รู้หรือไม่ ในการพูดขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษ สามารถพูดได้หลากหลายแบบ ไม่ใช่แค่ Thank you นอกจากนี้การพูดขอบคุณที่แตกต่างออกไป สามารถบ่งบอกได้ถึงระดับความของคุณ ว่าคุณรู้สึกซาบซึ้งแค่ไหนต่อคู่สนทนา ในบทความนี้จะมีการนำเอาตัวอย่างการพูดขอบคุณในภาษาอังกฤษที่นอกเหนือจากการพูดแค่ Thank you ให้ลองฝึกกัน โดยเป็นมีทั้งในรูปแบบเป็นทางและแบบไม่เป็นทางการ
การพูดขอบคุณแบบเป็นกันเอง
เป็นการพูดขอบคุณแบบง่ายๆกับเพื่อน หรือคนใกล้ชิด สามารถพูดได้ดังนี้
- You rock! – คุณเจ๋งมาก! (มีความหมายว่า คุณเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก เป็นการขอบคุณแบบกล่าวชมที่ให้ความช่วยเหลือ)
- You are so sweet! – คุณช่างใจดีจริงๆ!
- appreciate it! – ซาบซึ้งจริงๆ!
- I’m forever indebted. – ฉันติดหนี้คุณตลอดไป
- Thanks a ton! -ขอบคุณมาก!
- Thanks a bunch! – ขอบคุณมาก!
- Thanks a million! – ขอบคุณเป็นล้านครั้ง! (มีความหมายว่าขอบคุณมากๆ)
- I’m beyond grateful. – ฉันรู้สึกขอบคุณเหลือเกิน
- Thank you, I owe you one! – ขอบคุณนะ ฉันเป็นหนี้คุณ!
- That’s so kind of you, thank you! – คุณใจดีมาก ขอบคุณนะ!
การพูดขอบคุณแบบสุภาพ
อาจใช้กรณีที่ต้องทำตัวให้สุภาพขึ้นมาหน่อย อย่างการพูดกับเพื่อนร่วมงาน หรือกับคนที่ไม่ได้สนิทสนมมาก สามารถพูดได้ดังนี้
- This means a lot to me, thank you. – มันมีความหมายกับฉันมาก ขอบคุณนะ
- I’m really grateful, thank you. – ฉันรู้สึกขอบคุณจริงๆ ขอบคุณนะ
- I’m touched by your thoughtfulness, thank you. – ฉันซาบซึ้งกับการคิดถึงผู้อื่นเสมอของคุณ ขอบคุณนะ
- Many thanks for your assistance. – ขอบคุณมากๆ สำหรับการช่วยเหลือของคุณ
- I am so very thankful for your time. – ขอบคุณมากในการสละเวลาของคุณ
- Thank you for your guidance. – ขอบคุณที่คำแนะนำ
การขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
ในกรณีที่มีคนช่วยเหลือคุณในสถานการณ์ที่ยากลำบากในชีวิต และคุณรู้สึกขอบคุณมากๆ สามารถพูดได้ดังนี้
- Words can’t express how grateful I am for your kindness. – คำพูดไม่สามารถบอกได้ว่าฉันรู้สึกขอบคุณแค่ไหนในความมีน้ำใจของคุณ
- I want you to know how much I value your support. – ฉันต้องการให้คุณรู้ว่าการสนับสนุนของคุณมีค่าสำหรับฉันมากแค่ไหน
- How can I possibly thank you enough? – ฉันไม่รู้ว่าต้องขอบคุณแค่ไหนถึงจะพอ
- Please accept my deepest gratitude. – โปรดรับการขอบคุณอย่างสุดซึ้งนี้
- I couldn’t have made it without your help. – ฉันทำไม่ได้ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคุณ
- I don’t know what I would do without you. – ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรถ้าไม่มีคุณ
- How can I repay you? – ฉันจะตอบแทนคุณได้อย่างไร?
- I’ll never forget what you’ve done for me. – ฉันจะไม่ลืมสิ่งที่คุณทำเพื่อฉัน
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
Apple Intelligence อาจจะไม่เข้ายุโรปเพราะข้อกังวลด้านกฎหมาย
สัปดาห์ที่แล้ว Apple ได้จัดงาน WWDC เผยถึง Software มากมายรวมถึง AI แบบ Apple ที่เรียกว่า Apple Intelligence ใน iOS 18 และ macOS Sequoia โดยทั้งหมดจะเปิดให้ทดลองใช้กันในสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะกระจายไปยังประเทศอื่นๆ ทั้งนี้เรื่องที่น่าสนใจ ไม่ได้เป็นฟีเจอร์ เพราะทั้งหมดคุณสามารถอ่านได้จากบทความด้านล่าง
แต่เรื่องที่เกิดความน่าสนใจคือ ฟีเจอร์นี้จะไม่ได้ไปใช้ในยุโรปแน่นอน เพราะว่า Apple เองก็มีความกงัวลด้านกฎหมาย โดย Apple ให้เหตุผลว่า ฟีเจอร์อย่าง iPhone Mirroring, และ SharePlay Screen อาจจะไม่ผ่านมาตรฐานยุโรป เพราะกฎหมาย Digital Market Act ที่บังคับให้ Apple ต้องลดระดับความปลอด จนทำให้ Apple กังวลและได้กล่าวกับ Bloomberg และ Financial Times ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามฟีเจอร์ Apple Intelligence ยังไม่ชัดเจนว่า จะละเมิดกฎ DMF หรือไม่ทำให้ Apple บอกว่างั้นไม่เอา Software นี้ไปยุโรปล่ะกัน ส่งผลให้ผู้ใช้งานกว่า ล้านคนอาจจะไม่ได้สัมผัสฟีเจอร์นี้ ทั้งนี้ Apple ก็ยังไม่ตัดสินใจเรนื่องนี้และยินดีทำงานร่วมกับ กรรมาธิการยุโรปเพื่อแก้ปัญหานี้เช่นเดียวกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ประโยชน์ของวาซาบิ และข้อควรระวังในการกินวาซาบิ
วาซาบิไม่ได้มีแค่รสชาติเผ็ดๆ ชาๆ ที่คนญี่ปุ่นและต่างชาติอย่างคนไทยหลายคนชอบเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมประโยชน์ต่อร่างกายที่คุณอาจไม่เคยรู้อีกด้วย
วาซาบิ คืออะไร
วาซาบิ (wasabi) เป็นพืชชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพืชผักตระกูลกะหล่ำ ที่มักจะเติบโตตามธรรมชาติในลำธาร หุบเขา และแม่น้ำบนภูเขาในญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเติบโตได้ในบางพื้นที่ของประเทศจีน เกาหลี นิวซีแลนด์และอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะในพื้นที่ ที่มีความร่มรื่นและชื้น
สารอาหารจากวาซาบิ
วาซาบิที่มีชื่อเสียงในการใช้เป็นส่วนผสมของอาหารญี่ปุ่นหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ซูชิ หรือว่าบะหมี่ ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเห็นวาซาบิที่ขูดมาแล้วหรือว่าวาซาบิผง จริงๆ รสชาติเผ็ดฉุนที่เราได้จากวาซาบินั้นมาจากราก ซึ่งอุดมไปด้วยใยอาหาร (Fiber) และมีวิตามินแร่ธาตุมากมาย อาทิ
- แคลเซียม
- ฟอสฟอรัส
- โพแทสเซียม
- สังกะสี
- เหล็ก
- แมกนีเซียม
- โซเดียม
- วิตามินบี
- วิตามินเอ
- วิตามินซี
- โฟเลต
ประโยชน์ของวาซาบิ
- ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
วาซาบิ มีสารประกอบบางชนิดที่เป็นประโยชน์ เช่น Isothiocyanates (ITCs) ซึ่งเป็นสารป้องกันมะเร็งที่มักจะมีในพืชตระกูลกะหล่ำ
จากการศึกษาหนึ่งพบว่า ITCs ที่ถูกสกัดจากรากวาซาบิ มีส่วนช่วยยับยั้งการก่อตัวของอะคริลาไมด์ (Acrylamide) ได้ถึงร้อยละ 90 ซึ่งเป็นปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างโปรตีนและน้ำตาลที่เกิดจากความร้อน ซึ่งอะคริลาไมด์เป็นสารเคมีที่สามารถเกิดขึ้นได้ในอาหารบางประเภท โดยเฉพาะเฟรนช์ฟรายส์ มันฝรั่งทอดและกาแฟ ที่จะเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการปรุงอาหารที่มีอุณหภูมิสูง เช่น การทอดและการย่าง
จากการศึกษาพบว่าการบริโภคอะคริลาไมด์ในอาหาร มีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งไต มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกและมะเร็งรังไข่ ซึ่งสาร ITCs และสารประกอบที่มีอยู่ในวาซาบิ มีส่วนช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่องปาก ตับอ่อนและมะเร็งเต้านมของมนุษย์
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาเชิงสังเกตบางส่วน พบว่าการบริโภคผักตระกูลกะหล่ำอย่างวาซาบิที่มากขึ้น อาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งหลายชนิดเช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ - ลดการอักเสบ
วาซาบิเป็นพืชที่มีคุณสมบัติที่มีส่วนช่วยในการต้านการอักเสบ ที่มีศักยภาพ การอักเสบเป็นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อ การบาดเจ็บและสารพิษต่างๆ เมื่อร่างกายเกิดการอักเสบ และไม่มีการควบคุม จนเกิดเป็นอาการเรื้อรัง อาจทำให้พัฒนากลายไปเป็นโรคอื่นๆ ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวานและโรคมะเร็ง
จากการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเซลล์สัตว์ระบุว่าสาร ITCs ที่มีในวาซาบิมีส่วนช่วยในการยับยั้งเซลล์และเอนไซม์ที่ส่งเสริมการอักเสบรวมถึงสาร Cyclooxygenase-2 (COX-2) และไซโตไคน์ (Cytokine) ที่มีส่วนทำให้เกิดการอักเสบ แต่การศึกษาข้อมูลของวาซาบิที่ช่วยลดการอักเสบยังมีจำกัดและยังไม่มีความชัดเจนว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบในคนได้หรือไม่ จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
- ป้องกันภาวะอาหารเป็นพิษ
วาซาบิสามารถต่อต้านการเกิดเชื้ออีโคไล O157:H7 ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ก่อโรคระบบทางเดินอาหารที่รุนแรง และ เชื้อสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) ที่เมื่อมีการปนเปื้อนลงไปในอาหาร จะสร้างสารพิษที่เรียกว่าเอนเทอโรทอกซินขึ้นและจะส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเชื้อแบคทีเรียทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นชนิดที่เป็นสาเหตุของอาหารเป็นพิษมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณสมบัติข้อนี้ของวาซาบิ จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันต่อไป - ป้องกันฟันผุ
ทพญ.นฤมล ทวีเศรษฐ์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า วาซาบิมีสารไอโซไทโอไซยาเนทที่อาจมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียบางชนิดในช่องปากที่เป็นสาเหตุของฟันผุ เช่น เชื้อแบคทีเรียสเตร็ปโตค็อกคัสมิวแทนส์
อย่างไรก็ตาม แม้กระทรวงสาธารณสุขไทยเผยว่า วาซาบิมีสรรพคุณทางยาที่อาจนำไปประยุกต์ใช้เป็นส่วนผสมของยาสีฟันเพื่อป้องกันปัญหาฟันผุได้ในอนาคต แต่ขณะนี้ยังมีงานวิจัยที่ศึกษาคุณประโยชน์ของวาซาบิต่อการป้องกันฟันผุเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น จึงไม่อาจสรุปได้ว่าวาซาบิมีสรรพคุณดังกล่าวจริง และควรศึกษาเพิ่มเติม เพื่อนำผลลัพธ์ที่ได้มาประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพช่องปากต่อไป - ลดความอ้วน
หลายคนเชื่อว่า อาหารรสเผ็ดร้อน ช่วยลดความอ้วนได้ เพราะเป็นการเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกายให้มากขึ้นนั่นเอง โดยเคยมีการทดลองกับหนูแล้วพบว่า สารสกัดจากใบของต้นวาซาบิที่หนูทดลองกินพร้อมกันกับอาหารไขมันสูง อาจช่วยยับยั้งการเกิดภาวะอ้วนจากอาหารที่มีไขมันสูงได้
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยข้างต้นเป็นเพียงการทดลองในสัตว์เท่านั้น ไม่ได้ทดลองกับมนุษย์โดยตรง จึงไม่อาจยืนยันได้ว่าวาซาบิช่วยลดความอ้วนในมนุษย์ได้จริงหรือไม่และปลอดภัยเพียงใด ดังนั้น ควรศึกษาเพิ่มเติมและทดลองใช้วาซาบิกับมนุษย์ เพื่อยืนยันสมมติฐานด้านนี้ให้ชัดเจนและนำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อไป
ข้อควรระวังในการกินวาซาบิ
แม้ว่าการกินวาซาบิเพื่อการบริโภคอาหารทั่วไปจะปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่การกินวาซาบิเพื่อการรักษาโรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะนั้น ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะยืนยันประสิทธิผลและความปลอดภัยในการบริโภควาซาบิเพื่อการรักษาหรือป้องกันโรคได้อย่างชัดเจน ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคหรือใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ จากวาซาบิ โดยเฉพาะกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร รวมถึงคนที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ เพราะวาซาบิอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง และอาจเพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติเกิดรอยช้ำหรือมีเลือดออกได้ง่าย และคนที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัด เพราะวาซาบิอาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติระหว่างผ่าตัดได้ จึงควรงดบริโภควาซาบิอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนรับการผ่าตัด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 24/06/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 40,400.00 | 40,500.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,617.00 | 39,673.72 | 41,000.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,355.30 | 35,706.35 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,093.60 | 31,738.98 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,178.00 | 17,858.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 916.00 | 13,886.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,712.00 | 41,113.92 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 24/06/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.45 | 38.45 | 38.95 | 38.45 | 38.45 | 38.45 | 38.45 | 38.45 | 38.45 | 38.45 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.08 | 38.08 | 38.38 | 38.08 | 38.08 | 38.08 | 38.08 | 38.08 | 38.08 | 38.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.34 | 36.34 | 36.64 | 36.34 | 36.34 | – | 36.34 | 36.34 | 36.34 | 36.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.09 | 36.09 | – | – | – | – | – | – | – | 36.09 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 47.04 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 47.04 |
เบนซิน 95 | 46.34 | – | – | – | 49.11 | – | 46.84 | 46.49 | – | 46.34 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |