สาระน่ารู้ประจำวันที่ 25 กันยายน 2566

ทำเลที่อยู่อาศัยภาคตะวันตกที่สต็อกเหลือขายมากสุด

ชะอำตอนเหนือยืนหนึ่งในทำเลที่มีสต็อกเหลือขายมากสุดในภาคตะวันตก รองมาชะอำตอนใต้ เขาตะเกียบ ทำเลเขาหินเหล็กไฟและปราณบุรีระดับราคาที่เหลือขายมากสุด 3-5ล้านมีจำนวนถึง1.9พันหน่วยมูลค่า8.1พันล้าน

ภาพรวมภาคตะวันตก 2 จังหวัด จังหวัดเพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์มีจำนวนหน่วยเหลือขายในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ลดลง20.9% มีผลให้อัตราดูดซับของภาพรวมตลาดอยู่ที่ 1.7%  ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์คาดการณ์ ปี 2566 จะมีที่อยู่อาศัยเข้ามาในตลาดจำนวน 485 หน่วย มูลค่า 2,709 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ 1,091 หน่วย มูลค่า 5,549 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย 4,755 หน่วย มูลค่า 23,370 ล้านบาท 

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคตะวันตก 2 จังหวัด ครึ่งแรกปี 2566 พบว่า จำนวนอุปทานพร้อมขายจำนวนประมาณ 5,684 หน่วย มูลค่า 28,116 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นโครงการอาคารชุด  2,897 หน่วย มูลค่า 13,587 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านจัดสรร 2,787 หน่วย มูลค่า 14,529 ล้านบาท มีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาด 323 หน่วย มูลค่า 1,806 ล้านบาท มีโครงการขายได้ใหม่จำนวน 576 หน่วย มูลค่า 2,932 ล้านบาท ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย 5,108 หน่วย มูลค่า 25,184 ล้านบาท 

“เมื่อเปรียบเทียบระหว่างตลาดที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างขายของ 2 จังหวัดนี้ พบว่า จังหวัดเพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์ เป็นจังหวัดที่มีขนาดตลาดเป็นลำดับ 1 และ 2 ในทุกด้าน ดังจะเห็นได้จากจำนวนและสัดส่วนที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่มีการเสนอขายโดยจังหวัดเพชรบุรีมีการเสนอขายถึง  3,047 หน่วย มูลค่า 12,594 ล้านบาท และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 2,637 หน่วย มูลค่า 15,522 ล้านบาท หน่วยที่เสนอขายทั้งหมด ตามลำดับ แต่กลับเห็นว่าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีการเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุด โดยมีการเปิดตัวบ้านจัดสรรรวม 164 หน่วย มูลค่า 1,369 ล้านบาท ”

นอกจากนี้ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่สูงสุด 321 หน่วย มูลค่า 1,865 ล้านบาท โดยมีอัตราการดูดซับที่โดยรวมของตลาดร้อยละ 2.0 ต่อเดือน ขณะที่จังหวัดเพชรบุรี 255 หน่วย มูลค่า 1,067 ล้านบาท โดยมีอัตราการดูดซับโดยรวมของตลาดที่ร้อยละ 1.4 ต่อเดือน ทั้งนี้ จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์มีอัตราดูดซับบ้านจัดสรรเท่ากันร้อยละ 1.8 และประจวบคีรีขันธ์มีอัตราดูดซับอาคารชุดสูงสุดร้อยละ 2.4  

โดย 5 ทำเล ที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายมากที่สุดใน 2 จังหวัดภาคตะวันตกคือ อันดับ 1 ทำเลชะอำตอนเหนือจำนวน 1,401 หน่วย มูลค่า 5,875 ล้านบาท อันดับ 2 ทำเลชะอำตอนใต้ จำนวน 977 หน่วย มูลค่า 4,144 ล้านบาท  อันดับ 3 ทำเลเขาตะเกียบ จำนวน 639 หน่วย มูลค่า 4,863 ล้านบาท อันดับ 4  ทำเลเขาหินเหล็กไฟ จำนวน 606 หน่วย มูลค่า 3,281 ล้านบาท  อันดับ 5 ทำเลปราณบุรี จำนวน 398 หน่วย มูลค่า 1,754 ล้านบาท โดยระดับราคาที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุดคือ 3.01-5.00 ล้านบาท มีจำนวนถึง 1,933 หน่วย มูลค่า 8,103 ล้านบาท 

อุปสงค์โดยรวมภาคตะวันตก  พบว่าในช่วงครึ่งแรกปี 2566 มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ 576 หน่วย มูลค่า 2,932 ล้านบาท  แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 299 หน่วย มูลค่า 1,538 ล้านบาท และอาคารชุดเพียง 277 หน่วย มูลค่า 1,393 ล้านบาท ซึ่งทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด 5 อันดับแรกคือ อันดับ 1 ชะอำตอนใต้ จำนวน 115 หน่วย มูลค่า 390 ล้านบาท  อันดับ 2 ชะอำตอนเหนือ จำนวน 109 หน่วย มูลค่า 551 ล้านบาท อันดับ 3 เขาตะเกียบ จำนวน 100 หน่วย มูลค่า 750 ล้านบาท  อันดับ 4 หัวหิน จำนวน 69 หน่วย มูลค่า 227 ล้านบาท และอันดับ 5 ทับใต้ จำนวน 65 หน่วย มูลค่า 552 ล้านบาท


“ ประเมินภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยของ 2 จังหวัดเพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์ คาดการณ์ ภาพรวมปี 2566 จำนวนหน่วยเหลือขาย 4,755 หน่วย มูลค่า 23,370 ล้านบาท จะลดลงร้อยละ -12.5 โดยเป็นการลดลงจากการขายได้ใหม่จากความต้องการซื้อในพื้นที่ และการชะลอเปิดโครงการใหม่ภาพดังกล่าวทำให้ตลาดแนบราบไม่น่าเป็นห่วง  ที่น่ากังวลคืออาคารชุดพักอาศัยสร้างเสร็จเหลือขายในพื้นที่ชะอำตอนเหนือซึ่งมีจำนวนหน่วยเหลือขายสูงกว่าร้อยละ 60 ของโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จึงจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ”  นายวิชัย กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


อสังหาฯชงรัฐออกมาตรการจูงใจต่างชาติเข้ามาอยู่ยาวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

จากแนวโน้มประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยเหมือนกับญี่ปุ่นเกิดแนวคิดให้รัฐออกมาตรการให้สิทธิพิเศษสร้างแรงจูงใจต่างชาติที่มีกำลังซื้อเข้ามาอยู่อาศัยในเมืองไทยระยะยาว ทั้งรูปแบบการพักอาศัย และการทำงานเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจปีนี้ยังเติบโตได้ดี หลังจากที่มีรัฐบาลใหม่ ที่คาดว่าจะมีมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต ซึ่งจะส่งผลทำให้ตลาดอสังหาฯ เติบโตตาม และทำให้ต่างชาติเชื่อมั่นเข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น ส่งผลทำให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะ ประเทศ จีน ฮ่องกง อินเดีย ซาอุ เป็นต้น

 สิ่งที่ภาครัฐควรจะขับเคลื่อนอสังหาฯ เติบโต คือการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวและสร้างความเชื่อมันอย่างรวดเร็ว  ทำให้ประชาชนมีความรู้สึกมีโอกาสในการหารายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้การเดินทางสะดวกในการเดินทาง อสังหาฯ จึงมีความคึกคักในหลากหลายทำเล
 

อีกทั้งแนวโน้มประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงวัย จึงต้องส่งเสริมให้กลุ่มคนมีกำลังซื้อ คนที่มีศักยภาพเชี่ยวชาญในหลากหลายด้าน เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองไทย โดยมีมาตรการให้สิทธิพิเศษสร้างแรงจูงใจ เพื่อเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และทำให้ตลาดอสังหาฯ ยังเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งมาตรการนี้เป็นการแข่งขันดึงดูดต่างชาติกับเวียดนาม และจีน ที่มีการใช้จูงใจให้เป็นเจ้าของบ้านในระยะยาว 30-50 ปี รวมถึงมีการจัดทำแผนการให้วีซ่าต่างชาติในระยะยาว เพื่อดึงให้ต่างชาติเข้ามาพัก และทำงาน ก็เป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นสำคัญ 

แสนสิริ  ในฐานะเป็นแบรนด์อสังหาฯ ที่แข็งแกร่ง และเป็นผู้นำเทรนด์ในวงการ จึงวางเป้าหมายที่จะเปิดสูงทุกปี โดยในปี 2566 นี้ มีเป้าหมายเปิดตัว 52 โครงการ มูลค่า 75,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโด 32% มูลค่า 24,300 ล้านบาท และแนวราบ  68% มูลค่า 50,700 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายยอดขาย 55,000 ล้านบาท และรายได้ 40,000 ล้านบาท สำหรัยตลาดต่างชาติ แสนสิริ ยังเป็นอันดับ 1 ที่ครองตลาดต่างชาติ โดยในปีนี้เป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 54 % จาก 7,800 ล้านบาท

สำหรับแผนการตลาดที่สำคัญของแสนสิริ คือ การรุกเข้าไปขยายตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่ราคา 1 ล้านบาทจนสูงสุดถึง 200 ล้านบาท โดยกลยุทธ์คือการพัฒนาโครงการในทำเลใกล้เคียงกัน เพื่อพัฒนาสินค้าให้เข้าถึงคนทุกระดับ อย่างเช่น โครงการกรุงเทพ กรีฑา ซึ่งมีการสร้างและพัฒนาโครงการที่แตกต่างกัน บนเนื้อที่กว่า 300 ไร่ ออกแบบให้ตอบโจทย์หลายหลายระดับราคา แตกต่างแบรนด์ ซึ่งปัจจุบันแสนสิริ มีที่ดินขนาดใหญ่กระจายใน 8 โซนที่จะพัฒนาโครงการได้ อาทิ ปทุมธานี , ราชพฤกษ์, เวสต์เกต, พระราม2 เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 25ก.ย. ที่ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทโมเมนตัมการอ่อนค่าเริ่มแผ่ว ควรระวังและจับตาทิศทางราคาน้ำมันดิบ รวมถึงราคาทองคำ อาจส่งผลต่อแนวโน้มค่าเงินบาทในระยะสั้นได้

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 25ก.ย.2566 ที่ระดับ  36.00 บาทต่อดอลลาร์“ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาทเคลื่อนไหว sideway (แกว่งตัวในกรอบ 35.90-36.03 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้น ตามการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์ หลังรายงานดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ออกมาผสมผสาน (ดัชนี PMI ภาคการบริการ ออกมาแย่กว่าคาด

 ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิต ออกมาดีกว่าคาด) นอกจากนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนจากโฟลว์ขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นเข้าใกล้โซนแนวต้านระยะสั้น

สัปดาห์ที่ผ่านมา Dot Plot ใหม่ของเฟดที่สะท้อนแนวโน้มการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานกว่าคาด ยังคงหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง

ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก พร้อมรอลุ้นรายงานดัชนี PMI ของจีน ส่วนในฝั่งไทย ไฮไลท์สำคัญ คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪ ฝั่งสหรัฐฯ – เนื่องจากสัปดาห์นี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอาจมีไม่มากนัก ทำให้ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดอย่างใกล้ชิด หลังจาก Dot Plot ล่าสุด ยังคงสะท้อนแนวโน้มเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน (Higher for Longer)

อนึ่ง ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) เดือนกันยายน ที่มีโอกาสลดลงสู่ระดับ 105.5 จุด ตามภาพเศรษฐกิจที่ชะลอลงและแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้ แนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสะท้อนผ่านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE เดือนสิงหาคม ที่อาจชะลอลงสู่ระดับ 3.9% จาก 4.2% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเรามองว่า หากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงต่อเนื่องในอัตราดังกล่าว ก็อาจลดโอกาสการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

 โดยเราคงมุมมองเดิมว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว สวนทางกับ Dot Plot ล่าสุดที่ยังคงสะท้อนโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 1 ครั้ง (+25bps) สู่ระดับ 5.50-5.75%

▪ ฝั่งยุโรป – ตลาดประเมินว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี (Ifo Business Climate) ในเดือนกันยายน อาจปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 85.2 จุด สะท้อนถึงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้นของบรรดาผู้ประกอบการ ท่ามกลางผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ต่างคาดว่า แนวโน้มการชะลอตัวลงต่อเนื่องของเศรษฐกิจยูโรโซนจะส่งผลให้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ของยูโรโซนในเดือนกันยายน ชะลอตัวลงต่อเนื่องสู่ระดับ 4.8% จาก 5.3% ในเดือนก่อน ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI แม้ว่าจะได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบบ้าง

 แต่โดยรวมจะชะลอลงสู่ระดับ 4.5% ซึ่งจากแนวโน้มการชะลอตัวลงของทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ทำให้เราคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วที่ระดับ Deposit Facility Rate 4.00% 

▪ ฝั่งเอเชีย – นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นผลจากภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักมากขึ้น โดยภาพดังกล่าวจะสะท้อนผ่าน ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนสิงหาคมที่จะเพิ่มขึ้น +0.5%m/m

ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (Manufacturing and Services PMIs) ของจีน ในเดือนกันยายน โดยตลาดมองว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น หลังทางการจีนได้ออกมาตรการช่วยเหลือเศรษฐกิจเพิ่มเติม

 ควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.2 จุด และ 51.5 จุด ตามลำดับ (ดัชนีเกิน 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว)

▪ ฝั่งไทย – เรามองว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจมีมติ “ไม่เป็นเอกฉันท์” ขึ้นดอกเบี้ย +25bps สู่ระดับ 2.50% ท่ามกลางแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นจากผลกระทบของภาวะ El Nino, ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และการฟื้นตัวของการบริโภคตามแรงหนุนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 นอกจากนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (Policy Space) เพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต ทั้งนี้ หาก กนง. ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้

เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดอาจทยอยกลับเข้าซื้อบอนด์ไทยมากขึ้น จากแรงกดดันต่อบอนด์ยีลด์ที่จะลดลง นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทที่เริ่มชะลอลงและอาจผ่านจุดอ่อนค่าสุดในปีนี้ไปแล้ว ก็อาจหนุนให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้าซื้อบอนด์ไทยได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ในส่วนรายงานยอดการส่งออกและการนำเข้าของไทยในเดือนสิงหาคม ตลาดประเมินว่า ยอดการส่งออกอาจหดตัว -3.4%y/y ขณะที่ยอดการนำเข้าจะหดตัว -10%y/y ส่วน ดุลการค้ามีโอกาสขาดดุลกว่า -1.8 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ หากดุลการค้า ขาดดุลมากกว่าคาด ก็อาจเป็นปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าได้

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าเริ่มแผ่วลง แต่ต้องรอลุ้นฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งหากผู้เล่นในตลาดเชื่อว่า กนง. อาจจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้วในการประชุมครั้งนี้ ก็อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้าซื้อบอนด์ไทยได้

อนึ่ง ในช่วงปลายสัปดาห์ หากรายงานดัชนี PMI ของจีนสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจจีน อาจหนุนให้เงินหยวนจีนและสกุลเงินเอเชียแข็งค่าขึ้นได้ (อาจมีผลในช่วงต้นสัปดาห์หน้า) ทั้งนี้ ควรระวังและจับตาทิศทางราคาน้ำมันดิบ รวมถึงราคาทองคำ ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มค่าเงินบาทในระยะสั้นได้

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์มีแนวโน้มแกว่งตัว sideway เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ โดยการแข็งค่าของเงินดอลลาร์อาจเริ่มชะลอลงบ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็อาจยังพอได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งส่วนใหญ่อาจยังคงออกมาสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หรือ การคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงนี้ ตลาดการเงินยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.75-36.50 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.85-36.15 บาท/ดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า  เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 35.94-35.96 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.) ขยับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดปลายสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 36.01 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แต่ภาพรวมยังคงเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพราะจุดสนใจของตลาดในประเทศยังอยู่ที่ผลการประชุมกนง. ของไทยในช่วงกลางสัปดาห์ (27 ก.ย.) อย่างใกล้ชิด

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 35.85-36.08 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค และดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.ย. จากสถาบัน Ifo ของเยอรมนี 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


จบคัดลูกยางโอลิมปิก! “วอลเลย์บอลสาวไทย” อยู่ตรงไหนในระดับโลก และเอเชีย

“ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ที่จบภารกิจการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง โอลิมปิก 2024 รอบคัดเลือก กลุ่มซี ที่เมืองลอดซ์ ประเทศโปแลนด์ เป็นที่เรียบร้อย ต้องบอกว่าผลงานมาดีในช่วงหลังชนะรวดทั้ง 4 เกม

โดยเกมนัดสุดท้าย “นักตบลูกยางสาวไทย” เป็นฝ่ายเอาชนะ โคลอมเบีย ไปได้ 3-1 เซต (25-19, 20-25, 25-23 และ 28-26) ถือเป็นการคว้าชัย 4 เกมติดต่อกันหลังจากก่อนหน้านี้เอาชนะ โปแลนด์, สโลวีเนีย และเกาหลีใต้ มาได้ ซึ่งแม้สุดท้ายพวกเธอจะไม่สามารถคว้าตั๋วลุยโอลิมปิกได้สำเร็จ แต่จากผลงานก็ทำให้อันดับโลกขยับขึ้นมาดีกว่าเดิม

ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมทำให้ “ทัพสาวไทย” เก็บแต้มเพิ่มได้อีก 3.39 คะแนน รวมเป็น 222 แต้ม รั้งอันดับ 13 ขยับไล่จี้ เยอรมนี อันดับ 12 เหลือเพียง 6.36 คะแนนเท่านั้น จากการอัปเดตคะแนนล่าสุดของ สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB)

ส่วนในระดับทวีป “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ยังคงรั้งอันดับ 3 ของเอเชีย เป็นรอง จีน เบอร์ 1 ที่มี 329.65 คะแนน และ ญี่ปุ่น อันดับ 2 ของเอเชีย ที่มี 305.09 คะแนน ขณะที่อันดับ 4 คาซัคสถาน มี 111.25 คะแนน

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันต่อไปของ นักตบลูกยางสาวไทย จะเดินทางไปแข่งขันในรายการ เอเชียนเกมส์ ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 7 ตุลาคม 2566 อย่างไรก็ตามทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวจะไม่มีการคิดคะแนนจาก สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“เอ็นข้อมืออักเสบ” สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

ปวดข้อมือ ไม่สามารถยกของได้ อาการเริ่มต้นของ “เอ็นข้อมืออักเสบ”

เอ็นข้อมืออักเสบ เป็นอย่างไร?

นายแพทย์อธิราช เมืองแสน โรงพยาบาลศิครินทร์ ระบุว่า อาการเอ็นอักเสบที่ข้อมือ เกิดจากการอักเสบของเยื่อหุ้มเอ็นและเส้นเอ็นบริเวณข้อมือด้านหลังทางฝั่งนิ้วโป้ง ทำให้เกิดการตีบหรือหดตัวการเคลื่อนไหวของเส้นเอ็นภายใน โดยส่วนใหญ่สาเหตุของอาการเกิดจากความเสื่อมสภาพจากอายุที่มากขึ้นหรือจากการใช้งาน รวมถึงโรคข้ออักเสบเรื้อรัง เช่น โรครูมาตอยด์


สาเหตุของเอ็นข้อมืออักเสบ

รศ.นพ.วิทเชษฐ พิชัยศักดิ์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์และกายภาพบำบัด คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า อาการ “เอ็นข้อมืออักเสบ” อาจมีสาเหตุมาจากการโดนกระแทก หรือใช้งานข้อมือมากเกินไป และจะพบในกลุ่มคนที่ใช้งานข้อมืออย่างหนักในการทำงานต่างๆ เช่น งานบ้าน ดังนั้นในกลุ่มแม่บ้าน คนที่ทำอาชีพแม่บ้าน ทำความสะอาด จะมีความเสี่ยงต่ออาการนี้มากกว่าคนอื่นๆ รวมถึงการพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย


อาการเอ็นข้อมืออักเสบ

มักพบอาการอักเสบในบริเวณเอ็นข้อมือที่ลากต่อมาจากโคนนิ้วโป้ง ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ปกติ เช่น

  • ยกของไม่ได้ (ที่ใช้นิ้วโป้งช่วยพยุงน้ำหนักของด้วย)
  • บิดผ้า
  • กำมือโดยใช้ทุกนิ้ว (นิ้วโป้งขยับไม่ได้ จะมีอาการเจ็บ)
  • ข้อมือมีอาการบวม เพราะอักเสบ


วิธีรักษาเอ็นข้อมืออักเสบ

  1. รับประทานยาแก้อักเสบ
  2. ใส่เฝือกอ่อนที่ช่วยพยุงข้อมือเอาไว้ ไม่ให้ใช้นิ้วโป้งเยอะเกินไป
  3. ฉีดยาแก้อักเสบ เป็นวิธีที่ช่วยให้หายเร็วยิ่งขึ้น โดยจะมีอาการดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
  4. ผ่าตัด ใช้เป็นวิธีสุดท้าย เมื่อทุกวิธีไม่สามารถรักษาให้หายได้


วิธีป้องกันเอ็นข้อมืออักเสบ

  1. ลดกิจกรรมที่ใช้งานข้อมือมากๆ เช่น ทำงานบ้านหนักเกินไป รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ
  2. อย่ายกของหนักมากเกินไป หรือยกของด้วยสองมือเสมอ
  3. หากมีความจำเป็นต้องยกของหนัก ควรแบ่งยกทีละเล็กละน้อย หากเป็นของใหญ่ชิ้นเดียว ควรให้คนอื่นช่วย หรือใช้อุปกรณ์ในการช่วยแบ่งเบาน้ำหนัก

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


8 สำนวนและวลีที่เกี่ยวกับ flying

แกๆเราว่าเรารู้สึกตัวลอยราวกับจะบินได้เลยอะ ทำไมน่ะหรอ ก็เพราะว่าวันนี้อ่ะ อิงนาวเขามีบทความเกี่ยวกับการบินมาฝากยังไงกันล่ะพวกเธออว์ 

.

.

แอดเชื่อว่าเราต้องเคยได้เห็นสำนวนหรือวลีที่เกี่ยวกับเรื่องบินๆผ่านตามากันบ้างแหละ แอดเลยต้องหยิบมาฝากเพื่อนๆแล้ว ไปดูกันเลยจ้าพส

1.Fly by

เมื่อไหร่ที่เราเห็นวลีนี้เราสามารถแอบจำแบบแปลตรงตัวได้เลย มันแปลว่า บินผ่าน (คนหรือสิ่งของ), ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ตัวอย่าง

– My son loves to look up in the sky to watch the planes flying by.
แถมให้ไปว่ามีคำศัพท์ Flyby (n.) แบบเขียนติดกัน ซึ่งมีความหมายว่า เครื่องบินที่บินผ่านจุดใดจุดหนึ่งในอวกาศ

2.On the fly

กระทำสิ่งใด โดยไม่ได้มีการวางแผน แต่ทำในขณะที่กำลังเกิดขึ้นตอนนั้นเลย

ตัวอย่าง

– Because of my boss, she just told us to report this project. So, I have to do my presentation on the fly.
   เพราะว่าหัวหน้าฉัน หล่อนเพิ่งจะบอกให้เรารายงานโปรเจ็คนี้ ฉันก็เลยต้องทำพรีเซ็นโดยไม่ได้วางแผนอะไรเลยนี่ไง

3.Fly by the seat of your pants

กระทำสิ่งยากๆโดยไม่ได้มีประสบการณ์ แต่เป็นการทำตามน้ำไป

ตัวอย่าง

– I told you, I cannot do this but if you ask for it I will fly by the seat of your pants.
   ฉันบอกเธอแล้วนะว่าฉันทำไม่ได้ แต่ถ้าเธอร้องขอจริงๆละก็ฉันจะลองมั่วๆตามน้ำไปละกัน

4.Sparks flyมีการทะเลาะถกเถียงกันระหว่างคน 2 คน

ตัวอย่าง

– To avoid any sparks fly, do not let him know this.
   เพื่อจะหลีกเลี่ยงการทะเลาะกันอะนะ อย่าทำให้เขารู้เรื่องนี้เชียว

5.Fly in the face of (something)ขัดแย้งหรือต่อต้านความเป็นจริง

ตัวอย่าง

– The ideas of many action movies usually fly in the face of the theory of science and reality.
แนวความคิดของภาพยนต์บู๊หลายๆเรื่อง มักจะขัดแย้งกับความเป็นจริงของทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์หรือภาวะความเป็นจริง

6.Fly into a rage

อยู่ๆก็โกรธขึ้นมาในฉับพลัน, โกรธจัด

ตัวอย่าง

– I just wonder if I can speak to her manager about the guarantee but she just flies into a rage. It’s cruel.
  ฉันแค่สงสัยว่าฉันสามารถคุยกับผู้จัดการเรื่องการันตีได้ไหม แต่เธอกลับโกรธขึ้นมาเฉยเลย มันโหดร้ายมากเลยอ่ะ

7.It will never fly

คาดว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ

ตัวอย่าง

– He loves my idea but he thinks it will never fly.
  เขารักไอเดียของฉัน แต่เขาไม่คิดว่ามันจะประสบความสำเร็จ

8.When pigs fly

เป็นไปไม่ได้, ไม่น่าจะเกิดขึ้นแน่

ตัวอย่าง

– She will allow you to go out, when pigs fly.
  หล่อนจะอนุญาตให้แกออกไปแน่ เมื่อหมูบินได้อ่ะนะ (เป็นไปไม่ได้เลยจ้า)

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


กูเกิลเปิดตัวลูกเล่นใหม่ของ ‘บาร์ด’ หวังชิงตลาดแชตจีพีที

บริษัทเทคโนโลยี อัลฟาเบ็ต (Alphabet Inc) เปิดเผยฟังก์ชั่นการทำงานใหม่ของระบบปัญญาประดิษฐ์ บาร์ด (Bard) ที่หวังจะก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งของ แชตจีพีที (ChatGPT) ของบริษัท โอเพ่นเอไอ (OpenAI)

กูเกิล (Google) บริษัทลูกของอัลฟาเบ็ต เผยในวันอังคารว่า Bard จะมีฟังก์ชั่นใหม่ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบได้

นอกจากนี้ยังเปิดตัว Bard Extensions ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ใช้ที่อยู่ในแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ในจักรวาลของกูเกิลด้วย ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้อาจให้ Bard ช่วยค้นข้อมูลในกูเกิล ไดร์ฟ ของตนเอง นอกเหนือไปจากค้นหาข้อมูลในบัญชีจีเมล์

ฟังก์ชั่นใหม่อีกอย่างหนึ่งคือการอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถเชิญคนอื่นให้เข้ามาในบทสนทนากับระบบ Bard ได้ด้วย

การเปิดตัว ChatGPT เมื่อปีที่แล้ว ทำให้เกิดการแข่งขันอย่างสูงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ โดย ChatGPT สร้างสถิติใหม่เป็นแอปที่มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา และปัจจุบันกลายเป็น 1 ใน 30 เว็บไซต์ที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก

อย่างไรก็ตาม Bard ยังคงตามหลัง ChatGPT อยู่ไกล โดยตัวเลขของบริษัทวิเคราะห์ข้อมูล Similarweb เมื่อเดือนสิงหาคม ชี้ว่า มีผู้เข้าใช้ Bard 183 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียง 13% ของจำนวนผู้ใช้ ChatGPT ในช่วงเวลาเดียวกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


7 ประโยชน์ดีๆ ของแตงโม ลดความอ้วน-ต้านมะเร็ง

ผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์หน้าร้อน นอกจากมะพร้าวแล้ว ก็น่าจะมีแตงโมติดโผกับเขาด้วยนะคะ เพราะแตงโมเย็นๆ หวาน ฉ่ำน้ำ ไม่ว่าจะทานสดๆ หรือนำไปปั่นก็อร่อยเย็นชื่นใจ ดับกระหาย คลายร้อนได้ดีจริงๆ แต่นอกจากจะช่วยดับร้อนแล้ว แตงโมยังมีประโยชน์อีกหลายอย่างที่ทุกคนอาจจะยังไม่ทราบ มีอะไรกันบ้าง ตาม Sanook Health ไปดูกันเลย! 

ประโยชน์ดีๆ ของแตงโม

  1. เป็นผลไม้ที่เหมาะกับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก เพราะเป็นผลไม้ที่น้ำตาลต่ำ แคลอรี่ต่ำ
  2. ป้องกันการสะสมของไขมันเส้นเลือด ควบคุมระดับความดันโลหิต
  3. มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา
  4. ช่วยลดความมันบนผิวหน้า เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และลดอาการอักเสบบวมแดง
  5. ช่วยบำรุงผิวพรรณ และเส้นผมให้แข็งแรง
  6. กรดอะมิโนในแตงโม ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ
  7. ไลโคปีนในแตงโม ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง

ถึงแม้ว่าแตงโมจะมีประโยชน์มากมาย แต่ผู้ป่วยบางราย หรือผู้ที่มีความผิดปกติบางอย่าง ก็ควรหลีกเลี่ยงการทานแตงโมด้วยเช่นกัน เช่น ผู้ที่มีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย เพราะน้ำจากแตงโมจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจางลง ทำให้ย่อยอาหารไม่ดี ผู้เป็นโรคเยื่อบุลำไส้อักเสบเรื้อรัง  ความดันโลหิตต่ำ  มีแก๊สในกระเพาะอาหาร  ท้องเสียบ่อยๆ หรือช่วงที่มีไข้สูง

อย่างไรก็ตามของมีประโยชน์ ก็ต้องทานแต่พอดี อย่ามากเกินไป เพราะต่อให้มีประโยชน์มากเท่าไร หากทานมากเกินไป ก็เป็นโทษต่อร่างกายได้เหมือนกันค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 25/09/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,700.0032,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,118.0032,108.8833,300.00
ทองรูปพรรณ 90%1,906.2028,897.99n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,694.4025,687.10n/a
ทองรูปพรรณ 50%953.0014,447.48n/a
ทองรูปพรรณ 40%741.0011,233.56n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,195.0033,276.20n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 25/09/2566



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9539.9539.9541.0539.9540.3539.9539.9539.9539.9539.95
แก๊สโซฮอล์ 9139.6839.6840.7839.6840.0839.6839.6839.6839.6839.68
แก๊สโซฮอล์ E2037.6437.6438.7437.6438.0437.6437.6437.6437.64
แก๊สโซฮอล์ E8537.2937.2937.29
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.9449.3450.9449.3444.94
เบนซิน 9547.7449.3148.2447.8947.74
ดีเซล B729.9429.9430.4429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9430.4429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9430.4429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม40.2442.3449.4442.3441.6440.24
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า