ประเทศไหนน่าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ | โสภณ พรโชคชัย
ประเทศไหนจะน่าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์บ้าง เมืองไหนดี ประเภทอสังหาริมทรัพย์อะไรดี และถ้าจะนำอสังหาริมทรัพย์ไทยไปขายต่างประเทศ ประเทศไหนที่นักพัฒนาที่ดินไทยน่าจะไปขายมากที่สุด
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้รับเชิญไปงานบรรยายและประชุมสัมมนาต่างๆ และแทบทุกครั้งก็ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้รู้ในวงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศนั้นๆ มานำเสนอ
เพื่อประกอบการพิจารณาวางแผนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ข้ามชาติ เฉพาะ 7 ประเทศที่มีโอกาสไปเข้าร่วมได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม อินเดีย อินโดนีเซีย
ประเทศที่มีเศรษฐกิจดี ปี 2566 ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย อินเดีย และอินโดนีเซีย สำหรับในไทย หลายๆ คนคงรู้สึกว่าเศรษฐกิจอาจไม่ดีเท่าที่ควร
ส่วนปี 2567 ประเทศที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตขึ้นมาก ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย อินเดีย และอินโดนีเซีย และตามมาด้วยเวียดนามที่คาดว่าเศรษฐกิจจะดีเพราะการส่งออก และในปัจจุบันก็มีต่างชาติเข้าไปลงทุนในเวียดนามเป็นอย่างมาก
ส่วนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ปรากฏว่าปี 2566 อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย มีแนวโน้มที่ดีกว่าประเทศอื่น ส่วนที่น่าจะมีปัญหาก็คงเป็นเวียดนาม ทั้งนี้ เพราะในเวียดนามมีการปราบการทุจริตและประพฤติมิชอบกันขนานใหญ่ การผ่องถ่ายเงินฟอกเงินมาซื้ออสังหาริมทรัพย์จึงน้อยลง
ข้าราชการจำนวนมากไม่กล้าซื้อเพราะเกรงถูกเพ่งเล็งว่าเอาเงินทุนมาจากไหน สำหรับไทย จากผลสำรวจของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (AREA) พบว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการเปิดตัวมากกว่าปี 2565 ไม่ได้ดูแย่อย่างที่บางคนโพนทะนา
สำหรับโอกาสในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (AREA) พบดังนี้
ถ้าเราจะลงทุนด้านที่อยู่อาศัย ประเทศที่กำลังเติบโตทางด้านนี้ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีสัดส่วนการพัฒนาในภาคส่วนนี้ถึง 30% (ที่เหลือเป็นภาคส่วนอื่น) นอกจากนี้ ยังมีฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย รวมทั้งไต้หวันที่เน้นที่อยู่อาศัยแนวราบ ส่วนในมาเลเซียและอินเดีย เน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์
เช่น ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ซึ่งหากนักลงทุนไทยไปซื้ออาคารมาสร้างรายได้อาจจะเหมาะสม แต่ไม่ควรสร้างเอง เพราะอาจต้องใช้เวลาในการสร้างนาน และถึงเวลาที่แล้วเสร็จ ตลาดอาจจะวายไปแล้วก็ได้ สำหรับในเวียดนาม เน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอุตสาหกรรมที่จะมาแรงในอนาคต เช่น นิคมอุตสาหกรรม โกดัง เป็นต้น
นครที่มีศักยภาพเติบโตมากที่สุด
(1) ซาอุดีอาระเบีย ได้แก่ กรุงริยาด มีสัดส่วนการลงทุนเกินหนึ่งในสาม (35%) เพราะเป็นเมืองหลวงที่เจริญที่สุด
(2) ไต้หวัน ได้แก่กรุงไทเป ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนสูงสุดคือ 32% ทั้งนี้ เพราะเป็นเมืองหลวงที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจสำคัญของประเทศ
(3) ฟิลิปปินส์ ได้แก่ กรุงมะนิลา แต่สัดส่วนการลงทุนอาจจะน้อย คือราว 27% เพราะประเทศนี้เป็นเกาะ มีนครใหญ่ๆ กระจายอยู่หลายแห่ง
(4) มาเลเซีย ได้แก่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ 29% เพราะเป็นเมืองหลวงของประเทศ
(5) เวียดนาม ได้แก่ นครโฮจิมินห์ซิตี้ 21% ทั้งนี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลักจะอยู่ที่นครแห่งนี้มากกว่าเมืองหลวงคือ กรุงฮานอย (คล้ายปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ของจีนนั่นเอง)
(6) อินเดีย ได้แก่ นครบังกาลอร์ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย เป็นเมืองที่มีการเติบโตมากที่สุด 17% แต่อินเดียเป็นประเทศใหญ่ ยังมีเมืองอื่นๆ ที่มีศักยภาพอีกมากเช่นกัน
(7) อินโดนีเซีย ได้แก่ กรุงจาการ์ตา 36% เพราะกรุงจาการ์ตาเป็นศูนย์กลางของประเทศ ส่วนที่จะย้ายเมืองหลวงไปเกาะบอร์เนียวนั้น ขณะนี้ยังขาดแคลนเงินในการพัฒนาอีกมาก
นักลงทุนในต่างประเทศสนใจจะซื้อบ้านในประเทศใดบ้าง
(1) ซาอุดีอาระเบียสนใจซื้อบ้านที่สิงคโปร์เป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาได้แก่ ดูไบ อินเดีย แคนาดา นิวซีแลนด์ แต่ในอนาคตอาจสนใจไทยมากขึ้น
(2) ไต้หวัน โดยที่ใกล้ชิดกับญี่ปุ่น จึงสนใจซื้อบ้านที่ญี่ปุ่นเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาได้แก่ สหรัฐ ซึ่งก็ใกล้ชิดกับไต้หวันเช่นกัน และตามด้วยไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง
(3) ฟิลิปปินส์ ซึ่งใกล้ชิดเสมือนรัฐหนึ่งของสหรัฐ ก็ย่อมสนใจซื้อบ้านในสหรัฐเป็นอันดับแรก รองลงมาได้แก่ สิงคโปร์ แคนาดา ญี่ปุ่น และไทย
(4) มาเลเซีย สนใจซื้อบ้านในออสเตรเลียซึ่งเป็นประเทศในเครือจักรภพเช่นกัน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ อังกฤษ และไทย
(5) เวียดนาม ซึ่งมีพวกเวียดนามโพ้นทะเล (เวียดเกี่ยว) ในสหรัฐกันมาก จึงสนใจซื้อบ้านในสหรัฐเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือออสเตรเลีย สิงคโปร์ แคนาดา และฝรั่งเศส
(6) อินเดีย ซึ่งมีชาวอินเดียไปประกอบอาชีพในยูเออี (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) มากเป็นพิเศษจึงสนใจซื้อบ้านที่ยูเออี ตามด้วยสหรัฐ สิงคโปร์ อังกฤษ และไทย
(7) อินโดนีเซีย ซึ่งใกล้ชิดกับสิงคโปร์เป็นพิเศษ ก็สนใจซื้อบ้านในสิงคโปร์เป็นอันดับแรก ตามาด้วยออสเตรเลีย มาเลเซีย ไทย และยูเออี
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จึงจำเป็นต้องมีข้อมูลประกอบการวางแผน และควรทำความรู้จักกับสมาคมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเป้าหมาย ไปร่วมประชุมรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปีกับสมาคมเหล่านี้ ซึ่งสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์สากล (FIABCI) ในแต่ละประเทศ เป็นกุญแจหรือหน้าต่างสำคัญในการติดต่อกับประเทศเป้าหมายของเราโดยตรง
เชื่อมต่อกลุ่มเป้าหมายพันธมิตรในการลงทุนในแต่ละประเทศให้ดี เพื่อความสำเร็จในการพัฒนาที่ดินนอกประเทศ
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
“โฮม่า “เกาะเทรนด์ดิจิทัลโนแมดมาแรงผุดอพาร์ตเมนต์เชิงทะเล จ.ภูเก็ต
หลังโควิด-19 กลุ่มนักเดินทางยุคใหม่ “ดิจิทัลโนแมด”มาแรง สอดรับกับโมเดลธุรกิจ”โฮม่า ” เน้นพัฒนาโครงการอพาร์ตเมนต์ล่าสุดเตรียมเปิดโครงการโฮม่าสาขาเชิงทะเล จ.ภูเก็ต จำนวน423 ยูนิต พร้อมมีสํานักงานจำนวน 16 ยูนิตตอบโจทย์สตาร์ทอัพ
ลูก้า ดอตติ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ โครงการอพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ โฮม่า (HOMA) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยติด1ใน3ประเทศยอดนิยมกลุ่มดิจิทัลโนแมด สอดคล้องกับการที่บริษัทวางโมเดลการลงทุนเน้นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทอพาร์ตเมนต์ ล่าสุดได้เตรียมเปิดโครงการโฮม่า
สาขาเชิงทะเล จ.ภูเก็ต จำนวน423 ยูนิต มีตั้งแต่ห้องสตูดิโอไปจนถึงห้องสวีท3 ห้องนอนรองรับผู้ที่ต้องการพักอาศัยรายวัน, รายสัปดาห์, รายเดือนและรายปี พร้อมมีสํานักงานจำนวน 16 ยูนิตตอบโจทย์สตาร์ทอัพในเดือนม.ค.ปี2567
โดยนำเสนอ ราคาเอื้อมถึงได้ และโครงการเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง ส่วนห้องพักมีหลากหลายแบบ เช่น สตูดิโอ, อพาร์ทเมนท์ 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน และ 3 ห้องนอน รวมถึงห้องสวีทและดูเพล็กซ์ ทั้งสำหรับเช่าระยะสั้นและระยะยาว ตั้งแต่ห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 30 ตารางเมตร ไปจนถึงห้องดูเพล็กซ์และห้องที่มี 3 ห้องนอนขนาดใหญ่ 116 ตารางเมตร ให้บริการทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ที่ต้องการพักอาศัย
พร้อมกันนี้ยังได้ยกระดับการอยู่อาศัยแบบร่วมกันด้วยการเปิดร้านฟู้ดแอนด์เบเวอร์เรจ 2 แห่งที่สาขาเชิงทะเล ภายใต้ชื่อ ‘People’ และ ‘Mingle’ โดยร้าน People เป็นคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ชั้นล่างของอาคาร ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างพื้นที่แห่งการปฏิสัมพันธ์ให้กับผู้อยู่อาศัย ผู้มาเยือนและคนในชุมชน ได้มาทำความรู้จักและแบ่งปันเรื่องราวสู่กันและกัน สำหรับห้องอาหาร Mingle นั้นตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าที่มีพื้นที่สระว่ายน้ำ ให้บริการเครื่องดื่มและอาหารตลอดวัน โดยบริเวณริมสระว่ายน้ำยังมาพร้อมบริการเครื่องดื่มและของว่าง ให้แขกทุกท่านได้มาผ่อนคลาย ว่ายน้ำ พูดคุยและนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน
ผู้อยู่อาศัยใน HOMA เชิงทะเลจะได้สัมผัสกับการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายอย่างเต็มที่ สามารถเข้าถึง co-working space ที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานและการพบปะสังสรรค์ รวมถึงห้องออกกําลังกายที่มีอุปกรณ์ครบครัน และสระว่ายน้ำยาว 33 เมตร บนชั้นดาดฟ้าที่มอบวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม นอกจากนี้ HOMA ยังนำเสนอกิจกรรมประจําสัปดาห์และเวิร์กช็อปต่าง ๆ ที่เปิดให้ผู้พักอาศัยเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์ที่มีคุณภาพและเชื่อมโยงความสัมพันธ์
โครงการนี้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบสนองมาตรฐานความยั่งยืนล่าสุด โดยได้รับการรับรองจาก LEED และ EDGE ที่นี่นำเสนอความคิดริเริ่มที่โดดเด่นในการประหยัดพลังงานและลดการใช้น้ำ รวมถึงการจัดการขยะด้วยการรีไซเคิล นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอการนวัตกรรมการอนุรักษ์น้ำผ่านระบบอัจฉริยะและการใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น แผงโซลาร์เซลล์ พร้อมด้วยมาตรการประหยัดพลังงานอื่น ๆ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน, ไฟ LED และกระจกที่มีประสิทธิภาพสูง
แถมยังมีพื้นที่ Co-Working Spaces ที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงทุกวัน – ครอบคลุมทุกสิ่งตั้งแต่ห้องประชุม, พ็อดที่กันเสียง ไปจนถึงการเชื่อมต่ออินดตอร์เน็ตความเร็วสูง ที่นี้ได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทํางาน สิ่งอํานวยความสะดวกในยิมและคลาสออกกำลังกาย – คลาสฟิตเนสฟรีทุกวัน สามารถของเข้าร่วมคลาสต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโยคะ, พิลาทิส, มวย หรือว่ายน้ำ,บริการทําความสะอาดทุกสัปดาห์และเพิ่มเติมตามความต้องการ – รวมอยู่ในค่าบริการรายเดือนและรายคืนและการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไฟเบอร์บรอดแบนด์เร็วสูง
” เราสร้างสถานที่ที่ตอบโจทย์ทั้งสำหรับคนโสด คู่รัก และครอบครัว ด้วยการผสมผสานสิทธิประโยชน์ของเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์และการสร้างชุมชนเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้อยู่อาศัยของเรา”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 25ธ.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 34.62 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหว Sideway ต้องระมัดระวังความผันผวนในระหว่างวัน เหตุธุรกรรมค่อนข้างเบาบางและตลาดการเงินต่างประเทศส่วนใหญ่ปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันคริสต์มาส
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 25ธ.ค. 2566ที่ระดับ 34.62 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 34.64 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย ระบุว่านับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในกรอบ 34.46-34.68 บาทต่อดอลลาร์) ตามทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมทองคำ โดยมีจังหวะเงินบาทแข็งค่าหลุดแนวรับสำคัญ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
ขณะเดียวกันราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน ตามรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ที่ชะลอลงต่อเนื่องตามคาด อย่างไรก็ดี เงินบาทได้พลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง หลังรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) ออกมาสูงกว่าคาด หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น พร้อมบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กดดันให้ เงินบาทอ่อนค่าลง พร้อมกับการปรับตัวลงของราคาทองคำ
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงปลายสัปดาห์จากรายงาน GDP ไตรมาส 3 สหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าคาด และอัตราเงินเฟ้อ PCE ที่ชะลอลงต่อเนื่อง
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และรายงานยอดการส่งออก/นำเข้าของไทย พร้อมเตรียมรับมือความผันผวนในช่วงปริมาณธุรกรรมในตลาดการเงินเบาบางลง
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – สัปดาห์นี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญฝั่งสหรัฐฯ อาจมีไม่มาก ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจให้ความสนใจกับรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) โดยหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด หรือ ยังสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่สดใส ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยเฟดลงบ้าง ซึ่งอาจทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นได้
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี, 5 ปี และ 7 ปี เพื่อประเมินความต้องการถือครองพันธบัตรของผู้เล่นในตลาด โดยหากความต้องการบอนด์สหรัฐฯ กลับน้อยกว่าคาด ซึ่งอาจสะท้อนจากอัตรา Bid to Coverage Ratio (BCR) ที่ลดลงจากรอบการประมูลครั้งก่อน หรือ BCR < 2x ก็อาจทำให้บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นได้บ้าง
ทั้งนี้ ตลาดการเงินสหรัฐฯ อาจเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลทั้ง คริสต์มาสและปีใหม่ ทำให้ปริมาณธุรกรรมในตลาดการเงินอาจลดลง ทว่า ความผันผวนในตลาดก็อาจสูงได้ในช่วงดังกล่าว โดยเฉพาะในฝั่งตลาดค่าเงิน ที่มักจะผันผวนสูงในช่วงปลายปี
▪ ฝั่งเอเชีย – ตลาดคาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะยังคงได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวต่อเนื่องของการใช้จ่ายของผู้คน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว สะท้อนจากยอดค้าปลีก (Retail Sales) ที่จะขยายตัวราว +0.5%m/m
ส่วนในฝั่งเวียดนาม นักวิเคราะห์มองว่า เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวได้กว่า +5.9%y/y ในไตรมาสที่ 4 สอดคล้องกับการขยายตัวต่อเนื่องของการบริโภคที่ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของภาคการท่องเที่ยว สะท้อนจากยอดค้าปลีกในเดือนธันวาคมที่จะโตกว่า +10%y/y
นอกจากนี้ เศรษฐกิจโดยรวมยังได้แรงหนุนจากการขยายตัวกว่า +7.9%y/y ของยอดการส่งออกเช่นกัน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2024 ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามอาจขยายตัวราว +5.8%y/y เร่งตัวขึ้นจากปี 2023 ที่อาจขยายตัวราว +5%y/y
ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่มีความน่าสนใจในปี 2024 และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและ
ภาคการบริการ (Manufacturing & Services PMIs) ของจีน ในเดือนธันวาคม ซึ่งจะช่วยประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนได้ โดยนักวิเคราะห์ต่างคาดว่า ดัชนี PMI ภาคการบริการของจีนอาจอยู่ที่ระดับ 50.3 จุด สะท้อนภาพการขยายตัวต่อเนื่องของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการบริการ ขณะที่ ภาคการผลิตอาจยังคงหดตัวอยู่ สอดคล้องกับดัชนี PMI ภาคการผลิตที่ระดับต่ำกว่า 50 จุด
▪ฝั่งไทย – นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างประเมินว่า การส่งออกของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง หนุนโดยการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร รวมถึงสินค้ากลุ่ม Semiconductor ที่ฟื้นตัวตามวัฏจักรของ Semiconductor ซึ่งกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ทำให้โดยรวมยอดการส่งออกเดือนพฤศจิกายนอาจขยายตัวได้ +5%y/y ส่วนยอดการนำเข้าก็อาจขยายตัวราว +3%y/y
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหว Sideway ไม่ห่างจากระดับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นเป้าเงินบาทสิ้นปีของเรา ไปมากนัก แต่ยังคงต้องจับตาทิศทางราคาทองคำ หลังโฟลว์ธุรกรรมทองคำยังคงส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทได้พอสมควรในช่วงนี้ อนึ่ง ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจยังเป็นฝั่งขายสุทธิได้ แต่แรงขายสินทรัพย์ไทยอาจชะลอลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าพอสมควร
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์ยังมีโอกาสแข็งค่าขึ้นบ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาดหรือบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นหลังการประมูล
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี แม้ว่าปริมาณธุรกรรมในตลาดการเงินจะน้อยลงชัดเจน ทว่าควรระวังความผันผวนในช่วงดังกล่าว โดยในอดีตที่ผ่านมา ค่าเงินบาทก็อาจแกว่งตัวในกรอบที่กว้างได้ โดยเฉพาะในช่วงวันทำการสุดท้ายของปี
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.35-34.85 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.50-34.70 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.58-34.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.55 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 34.64 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แต่อาจต้องระมัดระวังความผันผวนในระหว่างวัน เนื่องจากธุรกรรมค่อนข้างเบาบางและตลาดการเงินต่างประเทศส่วนใหญ่ปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันคริสต์มาส ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ อาจมีกรอบการฟื้นตัวที่จำกัด หลังจากตัวเลขดัชนีราคา PCE Price Index และ Core PCE Price Index ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งหนุนโอกาสการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟดในปี 2567
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ทั่วไป +2.6% YoY ในเดือนพ.ย. (น้อยกว่าตลาดคาดที่ +2.8% YoY และ +2.9% YoY ในเดือนต.ค.) ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน +3.2% YoY ในเดือนพ.ย. (น้อยกว่าตลาดคาดที่ +3.3% YoY และ +3.4% YoY ในเดือนต.ค.)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ เบื้องต้นคาดไว้ที่ 34.45-34.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ และตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ย. ของไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เร้าใจส่งท้ายปี! “ตะวันฉาย, พระจันทร์ฉาย, เพชรจีจ้า” เข็มขัดคาดเอว ศึก ONE ลุมพินี 46
ศึก ONE ลุมพินี 46 ระเบิดความมันสุดยิ่งใหญ่สมเป็นรายการเดือดส่งท้ายปีให้แฟนกีฬาต่อสู้ได้ลุ้นเชียร์ระทึกตลอดทั้งการแข่งขัน เมื่อค่ำคืนวันศุกร์ที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่สนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) โดยมีเหล่านักสู้ชั้นยอดบู๊กันทั้งสิ้น 11 คู่ เดินลุยโชว์ฝีมือสุดความสามารถให้ทุกคนได้ประทับใจ
คู่เอกไฟต์ในฝันที่ทุกคนรอคอย “ซ้ายดารา” ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) วัย 24 ปี จากชลบุรี ได้คิวขึ้นเวทีป้องกันบัลลังก์ครั้งที่ 2 วัดฝีมือรุ่นพี่ “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” อดีตราชันคิกบ็อกซิ่งรุ่นเดียวกัน วัย 33 ปี จากพัทลุง ที่ของัดตำราศาสตร์อาวุธทั้งแปดขึ้นมาสู้เต็มที่อีกครั้ง
เปิดฉากมา “ตะวันฉาย” เดินสู้รับมือ “ซุปเปอร์บอน” ที่ออกอาวุธน้อยกว่าแต่เน้นเข้าเป้าได้ดี ภาพรวมตลอดเกม ทั้งสองฝ่ายปักหลักสู้แลกอาวุธกันทีต่อทีแบบสุดมันทั้ง เท้า เข่า ศอก ไม่มีใครยอมใคร พร้อมชิงไหวชิงพริบกันอย่างสนุก จบครบ 5 ยก “ตะวันฉาย” เป็นฝ่ายชนะคะแนนเสียงข้างมาก ป้องกันบัลลังก์เอาไว้ได้อีกครั้ง เข็มขัดไม่เปลี่ยนมือ
ด้านคู่รองของรายการ “โจเซฟ ลาซิรี” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต (115-125 ป.) วัย 32 ปี จากอิตาลี เปิดศึกรวบบัลลังก์ “พระจันทร์ฉาย พีเค.แสนชัย” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต เฉพาะกาล วัย 29 ปี ที่กลับมาแย่งเข็มขัดคืน หลังจากที่นักชกขวัญใจคนไทย พลาดท่าแพ้เสียเข็มขัดในการเจอกันครั้งแรกเมื่อพ.ค. 65
ออกสตาร์ตเกม “พระจันทร์ฉาย” เปิดโหมดลุยแหลกเดินเข้าลุยใส่ “โจเซฟ” ที่เดินขยับเข้าแลกไม่ยอมกัน ก่อนถึงช่วงกลางยก “พระจันทร์ฉาย” มาได้จังหวะฟันศอกซ้ายคมกริบเข้าปลายคาง “โจเซฟ” ร่วงหน้าคว่ำฝืนลุกขึ้นยืนไม่ไหว ใช้เวลาปิดเกมไวเพียง 1:28 นาทีของยกแรก จัดการถอนแค้นกระชากเข็มขัดแชมป์โลกกลับมาพาดบ่าได้สำเร็จ รวมถึงคว้าโบนัส 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 1.7 ล้านบาท) ไปครองได้อีกด้วย
ขณะที่ “เดอะควีน” เพชรจีจ้า ลูกเจ้าพ่อโรงต้ม นักชกสาวแกร่ง วัย 21 ปี จากชลบุรี วัดพลังหมัด “อนิสสา เม็กเซน” คู่ชกสายแข็งจากฝรั่งเศส วัย 35 ปี โดยมีเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต เฉพาะกาล (105-115 ป.) เป็นเดิมพัน
เสียงระฆังยกแรกดังขึ้น “เพชรจีจ้า” เดินหน้าสู้ “อนิสสา” ไม่มีเกรงบารมีตัวแม่คิกบ็อกซิ่ง ตอดเก็บแต้มด้วยอาวุธจะแจ้งและแม่นยำ และเน้นความหลากหลายทั้งแข้ง-เข่าโจมตี จนอีกฝ่ายดูแผ่วในช่วงท้ายอย่างเห็นได้ชัด ครบ 5 ยก “เพชรจีจ้า” เป็นฝ่ายชนะคะแนนเอกฉันท์ นั่งแท่นแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต เฉพาะกาล สำเร็จ พร้อมสร้างสถิติไม่แพ้ใคร 5 ไฟต์ติดต่อกันในปีนี้
ด้าน “เสกสรร อ.ขวัญเมือง” ยังบู๊เดือดระห่ำสมฉายา “คนไม่ยอมคน” ทำเอาคนดูลุ้นใจหายใจคว่ำตั้งแต่ยกแรกยันยกสุดท้าย จบ 3 ยก กรรมการชูมือให้ “เสกสรร” ชนะคะแนนเอกฉันท์ “ริเวอร์ แดซ” คว้าชัยไฟต์ที่ 8 ของปีสำเร็จ
ขณะที่ “เสือแบล็ค ท.พราน49” ความหวังนักสู้ชาวกะเหรี่ยง ปิดเกมไว “เคร็ก โคกลีย์” ตั้งแต่ยกแรก รับโชคสองชั้น เก็บโบนัส 3.5 แสนบาท 4 ไฟต์ติดและพิชิตสัญญานักกีฬา ONE มูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 3.7 ล้านบาท) ได้ตามตั้งใจ กลายเป็นนักกีฬาคนที่ 10 จาก ONE ลุมพินี ที่ได้ไปล่าฝันในเวทีระดับโลก
ขณะที่ “น้องโอ๋ ฮาม่ามวยไทย” อดีตแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) พลาดท่าถูกคู่แข่งฟอร์มสด “นิโค คาร์ริลโล” จากสกอตแลนด์ น็อกด้วยศอกแบบช็อกคนดูในยกสอง ส่งให้อีกฝ่ายคว้าโบนัสกลับไป 3.5 แสนบาท
นักกีฬาทุกคนที่ได้ขึ้นเวทีในค่ำคืนนี้ ต่างปล่อยอาวุธฟาดฟันกันอย่างสุดความสามารถ สร้างความบันเทิงเร้าใจได้ตลอดการแข่งขันสมราคาบิ๊กไฟต์ส่งท้ายปี 2566 โดยมีนักกีฬา 8 ราย โชว์ผลงานโดนใจ “บิ๊กบอส” ชาตรี ศิษย์ยอดธง จึงเบิกงบแจกโบนัสพิเศษให้ไม่อั้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3.15 ล้านบาท (สามล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท)
1. สุริยันต์เล็ก พ.เย็นยิ่ง (โบนัส 3.5 แสนบาท)
2. ช่อฟ้า ท.แสงเทียนน้อย (โบนัส 3.5 แสนบาท)
3. เสือแบล็ค ท.พราน49 (โบนัส 3.5 แสนบาท + สัญญา ONE 3.7 ล้านบาท)
4. จ้าวเสือใหญ่ ส.เดชะพันธ์ (โบนัส 3.5 แสนบาท)
5. เพชรสุขุมวิท บอยบางนา (โบนัส 3.5 แสนบาท)
6. กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย (โบนัส 3.5 แสนบาท)
7. นิโค คาร์ริลโล (โบนัส 3.5 แสนบาท)
8. พระจันทร์ฉาย พีเค.แสนชัย (โบนัส 1.75 ล้านบาท)
สรุปผลการแข่งขันทุกคู่ศึก ONE ลุมพินี 46
– คู่เอก ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย ชนะคะแนนเสียงข้างมาก ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน (ชิงแชมป์โลก มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต 145-155 ป.)
– คู่รอง พระจันทร์ฉาย พีเค.แสนชัย ชนะน็อก โจเซฟ ลาซิรี นาทีที่ 1:28 ของยกแรก (ชิงแชมป์โลก มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต 115-125 ป.)
– เพชรจีจ้า ลูกเจ้าพ่อโรงต้ม ชนะคะแนนเอกฉันท์ อนิสสา เม็กเซน (ชิงแชมป์โลก คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต เฉพาะกาล 105-115 ป.)
– นิโค คาร์ริลโล ชนะน็อก น้องโอ๋ ฮาม่ามวยไทย นาทีที่ 1:28 ของยกสอง (มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต 135-145 ป.)
– เสกสรร อ.ขวัญเมือง ชนะคะแนนไม่เอกฉันท์ ริเวอร์ แดซ (มวยไทย แคตช์เวต 140 ป.)
– นาบิล อานาน ชนะคะแนนเอกฉันท์ เมืองไทย พีเค.แสนชัย (มวยไทย แคตช์เวต 136 ป.)
– กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย ชนะน็อก ฟาริยา อามินิปัวร์ นาทีที่ 2:51 ของยกแรก (มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต 135-145 ป.)
– จ้าวเสือใหญ่ ส.เดชะพันธ์ ชนะคะแนนเสียงข้างมาก เพชรสุขุมวิท บอยบางนา (มวยไทย รุ่นฟลายเวต 125-135 ป.)
– เสือแบล็ค ท.พราน49 ชนะน็อก เคร็ก โคกลีย์ นาทีที่ 2:15 ของยกแรก (มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต 135-145 ป.)
– ช่อฟ้า ท.แสงเทียนน้อย ชนะน็อก เอซากุ โอกาซาวาระ นาทีที่ 0:57 ของยกสอง (มวยไทย แคตช์เวต 132 ป.)
– สุริยันต์เล็ก พ.เย็นยิ่ง ชนะน็อก ยอดกฤษดา ส.สมหมาย นาทีที่ 0:15 ของยกสอง (มวยไทย แคตช์เวต 132 ป.)
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สีน้ำมูก บอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพของเราได้บ้าง?
เป็นหวัดทีไร ก็มีน้ำมูกทุกที ทั้งแบบน้ำใสๆ กับน้ำมูกข้นหนืด สีขาวอมเขียวอมเหลือง สีน้ำมูกที่ต่างกัน บอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพของเราได้บ้าง มาดูกันค่ะ
ทำไมสีของน้ำมูก ถึงบ่งบอกลักษณะของสุขภาพของเราได้?
สีของน้ำมูกบอกสุขภาพของเราได้ เพราะสีของน้ำมูกสามารถบอกได้ว่าระบบภูมิคุ้มกันโรคในร่างกายกำลังต่อสู้กับเชื้อโรคชนิดใด หนักหนาแค่ไหน มีอาการติดเชื้อ หรืออักเสบหรือไม่ หรือต้องเจอกับอะไรบ้าง
ทำไมเราต้องมีน้ำมูก?
น้ำมูกโดยปกติแล้วมักมีลักษณะเป็นน้ำใสๆ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น อาจมีความหนืดเล็กน้อย มีส่วนประกอบเป็นน้ำ โปรตีน สารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) และเกลือละลาย (เหมือนที่พบในน้ำตา ใครเคยน้ำตา หรือน้ำมูกเข้าปาก ก็จะรู้สึกถึงรสชาติเค็มๆ หน่อย) น้ำมูกจะไหลออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้จมูกแห้งจนเกินไป และปกป้องจากการหายใจเอาลมผสมฝุ่นผง หรือสิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กเข้าไปในปอด
ลักษณะน้ำมูก บอกโรค
น้ำมูกใส
น้ำมูกใสๆ ไม่มีสี และค่อนข้างจะไหลเป็นน้ำ อาจมาจากการร้องไห้ หรือเป็นหวัดเล็กน้อย โดยน้ำมูกที่ออกมาจะช่วยให้ภายในโพรงจมูกชุ่มชื่น ไม่แห้งจนเกินไป น้ำมูกลักษณะนี้สามารถหายไปได้เองโดยไม่ต้องทานยา
น้ำมูกเหนียวข้น
หากน้ำมูกมีลักษณะเหนียวข้น หรือมีความหนืดมากกว่าน้ำใสๆ อาจเริ่มเป็นสัญญาณบอกว่าร่างกายของเราเริ่มมีอาการแพ้อะไรบางอย่างเกิดขึ้น เช่น แพ้เกสรดอกไม้ หรืออาหารบางชนิด
น้ำมูกเหนียวข้น มีสีเขียว หรือเหลือง
หากมีน้ำมูกที่เหนียวข้นกว่าเดิม และยังมีสีเขียว หรือเหลือง อาจมีความเป็นไปได้ว่าระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเริ่มทำงาน การเปิดโหมดทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน คือการเริ่มรวบรวมพลังจากเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งในเม็ดเลือดขาวจะมีเอนไซม์ที่ทำให้น้ำมูกมีสีเขียวหรือเหลืองนั่นเอง
ระยะเวลาที่มีน้ำมูก
อย่างไรก็ตาม หากคุณมีน้ำมูกเหนียวข้นสีเขียว หรือเหลืองราว 2-3 วันขึ้นไป นั่นหมายความว่าคุณกำลังเป็นไข้หวัดใหญ่ (ชนิดที่ติดเชื้อจากไวรัส) หากอาการดีขึ้น น้ำมูกจะค่อยๆ หายไปภายในเวลา 10-14 วัน แต่คุณก็ควรจะทานยา และดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดียิ่งขึ้น หากน้ำมูกยังไม่หายภายใน 2-3 อาทิตย์ นั่นอาจหมายถึงคุณอาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น มีไข้ ไซนัสอักเสบ ปวดบวม หรือปอดอักเสบ ดังนั้นควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย และทำการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
นอกจากสี และลักษณะของน้ำมูกแล้ว สี และลักษณะของอุจจาระก็สามารถบอกสุขภาพของเราได้ด้วยเช่นกัน อยากรู้อ่านต่อได้เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ภาษาอังกฤษยังเป็นภาษาที่มีอิทธิพลที่สุดในโลกอยู่หรือไม่?
หลายศตวรรษ ภาษาอังกฤษเรียกได้ว่าเป็นภาษาที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในโลก แม้กระทั่งตอนนี้ มันยังคงเป็นภาษาหลักที่ใช้ในวงการธุรกิจ การฑูต การศึกษา สื่อบันเทิง การรักษาโรค และวิทยาศาสตร์
แต่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วกว่าที่เคย และภาษาอังกฤษเองก็กำลังเผชิญกับคู่แข่งที่ไม่อาจมองข้ามได้
จีนเปรียบเสมือนเสือที่กำลังหลับใหล ทว่าตอนนี้มันได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ในขณะที่ภาษาสเปนเองก็กำลังเป็นที่นิยมจากการที่ตลาดลาตินอเมริกาเปิดรับโลกภายนอกมากขึ้น ดังนั้น คุณอาจจะเผลอลืมไปว่าภาษาอังกฤษกำลังอยู่ในช่วงขาลง และอนาคตดูเหมือนจะเปิดกว้างให้กับเหล่าผู้พูดภาษาจีนแมนดาริน อราบิคหรือภาษาสเปน
แต่จะบอกว่าคุณกำลังคิดผิด
ลองมาดูข้อเท็จจริงกันดีกว่า
เป็นเรื่องจริงที่ภาษาจีนแบบที่ผสมกับภาษาถิ่นเป็นภาษาที่คนจีนโดยกำเนิดใช้พูดกันมากที่สุดยิ่งกว่าภาษาอื่นๆ รองลงมาคือภาษาฮินดีและภาษาอูรดู
ภาษาอังกฤษตามหลังมาติดๆ โดยมีผู้พูดที่เป็นเจ้าของภาษาประมาณ 527 ล้านคนทั่วโลก ตามมาด้วยภาษาอาหรับ จำนวน 489 ล้านคน ในขณะที่ผู้พูดภาษาสเปนมี 389 ล้านคน
แต่อิทธิพลของภาษาแท้จริงถูกกำหนดโดยจำนวนของผู้พูดหรืออิทธิพลทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของประเทศผู้พูดกันแน่?
แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศ BRIC – บราซิล รัสเซีย อินเดียและจีน ในวงการธุรกิจระดับนานาชาติ ผู้คนก็ยังใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักอยู่ดี
และแม้จะมีการประโคมข่าวเกี่ยวกับแหล่งเศรษฐกิจแหล่งใหม่สำหรับอนาคตเหล่านี้ หลายประเทศกลับกำลังเผชิญกับลมปะทะที่จำกัดขีดความสามารถ จนไม่อาจตอบรับกับความคาดหวังของสังคมโลกได้ ลองดูบราซิลและรัสเซียเป็นตัวอย่าง
ตลาดของจีนยังคงเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยปริศนามากมายให้ต้องขบและเศรษฐกิจของรัสเซียก็ยังถูกท้าทายจากการถูกกลุ่มประเทศในโลกตะวันตกลงโทษรวมทั้งปัญหาการคอรัปชั่นภายในประเทศ ดูเหมือนว่าจะไม่มีภาษาของประเทศไหนเลยที่จะสามารถก้าวข้ามภาษาอังกฤษได้ในเร็ววัน
ในทางตรงกันข้าม เริ่มชัดเจนมากขึ้นว่า แม้ดูเหมือนเศรษฐกิจโลกจะโอนเอียงไปทางกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและตะวันออกไกล ภาษาอังกฤษก็ยังคงเป็นภาษาที่ถูกใช้เพื่อขับเคลื่อนการสื่อสารในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจ หรือการชี้นำต่อสังคม ภาษาอังกฤษยังจะคงเป็นเสมือนสะพานที่คอยเชื่อมต่อผู้คนกับโอกาสมากมายในโลกใบนี้
ที่ Wall Street English (WSE) เครือโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก พวกเราไม่รู้สึกว่าทำไมถึงต้องเดินให้ช้าลงกว่าเดิม เพราะแม้แต่บริษัทในประเทศจีน ซึ่งถูกบริหารโดยใช้ภาษาจีนทั้งหมด ก็ยังมองหาผู้จัดการ หัวหน้างานที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างเชี่ยวชาญ เพื่อที่พวกเขาจะสามารถขยายธุรกิจต่อไปยังต่างประเทศได้ อ้างอิงจากบทความหนึ่งในหนังสือพิมพ์ South China Post บริษัท PWC ได้ออกมายืนยันว่าปี 2018 เป็นปีที่มีการควบรวมและการซื้อกิจการข้ามชาติมากกว่าปีที่แล้วซึ่งมีจำนวนข้อตกลงอยู่ที่ 572 ชุด เป็นมูลค่ากว่า 98 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ลักษณะแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาซึ่งใช้ภาษาสเปนเป็นหลัก ด้วยผลกระทบจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูในกลุ่มตลาดประเทศอเมริกาเหนือที่เผื่อแผ่มาถึงบริเวณชายแดน ภาษาอังกฤษก็ยังคงเป็นภาษาสำคัญที่ผู้คนต้องการเรียนรู้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
ทำไมภาษาอังกฤษถึงยังคงเป็นที่นิยม?
แม้ว่าภาษาสเปน จีนแมนดาริน หรือแม้แต่ฝรั่งเศสจะกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่ภาษาอังกฤษก็ยังคงเป็นภาษาที่ทุกคนต้องการเรียนรู้ ประชากรเกือบ 25 % ของโลกกำลังเรียนรู้ภาษาอังกฤษในขณะนี้ ในขณะที่กลุ่มบริษัทข้ามชาติถึง 80% เลือกใช้ภาษาอังกฤษในฐานะที่เป็นภาษาหลักในการสื่อสาร นั่นหมายความว่า ภาษาอังกฤษคือทักษะสำคัญที่ต้องเรียนรู้ หากคุณต้องการความได้เปรียบในโลกที่ทุกอย่างล้วนเชื่อมต่อถึงกันหมด และสถาบันสอนภาษาหลายแห่งถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าว ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นนักธุรกิจชาวจีน ชีคจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง นักการเมืองชาวยุโรป หรือชาวบ้านแอฟริกัน ภาษาอังกฤษยังคงเป็นภาษาที่ชี้นำโลกใบนี้อย่างที่ไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้
พวกเราคอยจับตามองอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับทิศทางของธุรกิจการศึกษา และมันชัดเจนเลยว่า ความต้องการที่จะเรียนภาษาอังกฤษอย่างมีคุณภาพและเข้าถึงได้ง่ายยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในด้านเศรษฐกิจ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมรัฐบาลในหลายประเทศถึงได้สนับสนุนนโยบายและโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนภาษาอังกฤษในระดับชาติ
นี่คืออีกสาเหตุที่ว่าทำไมเราถึงยังมองเห็นโอกาสและความต้องการที่กำลังเพิ่มขึ้นสำหรับแฟรนไชส์สถาบันสอนภาษาอังกฤษ
ที่ WSE เราเปิดทำการใน 27 ประเทศโดยมีสถาบันมากกว่า 400 แห่งทั่วโลก และมีนักเรียนที่ลงทะเบียนมากกว่า 170,000 คน ตลาดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโอกาสสำหรับความสำเร็จในหลากหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นแอฟริกาเหนือ ตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก อเมริกากลางและลาตินอเมริกา
ปีที่ผ่านมา เราได้ช่วยขยายแฟรนไชส์ใหม่อีก 22 แห่งใน 8 ประเทศ ผู้ประกอบการที่ได้สิทธิ์จากเราในการดำเนินงานคาดการณ์ว่าจะได้รับผลกำไรถึง 35% ต่อปี และมีโอกาสที่คุณจะสามารถขยายเครือข่ายสถาบันจากขนาดเล็ก 2 – 3 แห่ง ไปสู่การเป็นเจ้าของมาสเตอร์แฟรนไชส์จำนวนมากกว่า 15 สาขาสำหรับตลาดที่ใหญ่ขึ้น
ภาษาอังกฤษยังไม่ตาย มันยังคงอยู่อย่างสมบูรณ์ วงการธุรกิจระดับโลกยังเลือกใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารและนั่นคงไม่เปลี่ยนในเร็วๆ นี้แน่นอน
ขอบคุณข้อมูจาก wallstreetenglish.in.th
พฤติกรรมยอดแย่ในการตั้ง “รหัสผ่าน” ที่ไม่ปลอดภัย
ในทุก ๆ ปี เรามักจะเห็นคอนเทนต์ที่เป็นผลการสำรวจและการจัดอันดับ “รหัสผ่าน หรือ password ยอดแย่” อยู่เสมอ หากใครได้ลองติดตามอย่างต่อเนื่อง ก็จะพบว่ารหัสผ่านที่ติดอันดับ “ยอดแย่” คือรหัสเดิม ๆ ที่คาดเดาได้ง่ายมาก อย่างไรก็ตาม กลับมีคนใช้รหัสผ่านเหล่านี้เยอะมากเช่นกัน ทำให้มีความเสี่ยงที่จะถูกแฮกโดยผู้ไม่หวังดีได้อย่างง่ายดาย และนำมาซึ่งความเสียหายแก่ตนเองในที่สุด วันนี้อาจยังไม่เจอกับตัว แต่ถ้าถูกแฮกหรือถูกสวมรอยใช้บัญชีต่าง ๆ เหล่านั้นเมื่อไร ก็จะรู้ซึ้งถึงหายนะที่ตามมาเอง
ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่คอนเทนต์เกี่ยวกับการจัดอันดับรหัสผ่านยอดแย่ถูกนำมารายงานอยู่ในทุกปี เพื่อให้เราตระหนักว่ารหัสผ่านที่ถูกตั้งแบบมักง่ายอาจนำภัยมาถึงตัวเราได้ในที่สุด มีรหัสผ่านจำนวนมากที่ใช้เวลาคาดเดาแค่ไม่ถึง 1 วินาที มันจึงมีความปลอดภัยต่ำมาก และไม่ควรนำไปเป็นรหัสผ่านในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น ลองมาเช็กพฤติกรรมในการใช้ “รหัสผ่าน” ของเรากันหน่อยดีกว่า ว่าพฤติกรรมไหนบ้างที่ไม่ปลอดภัยต่อบัญชี (account) ต่าง ๆ ของคุณ
1. ความมักง่ายในการตั้งรหัสผ่าน
หลายต่อหลายคนไม่เคยมีรูปแบบใด ๆ ในการตั้งรหัสผ่านสำหรับการลงชื่อเข้าใช้แพลตฟอร์มต่าง ๆ เลย ในขั้นตอนของการตั้งรหัสผ่าน หากแพลตฟอร์มนั้น ๆ ไม่ได้มีการตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาว่ารหัสผ่านจะต้องประกอบด้วยอักขระกี่ตัวขึ้นไป ต้องเป็นตัวพยัญชนะผสมกับตัวเลข ต้องมีตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่อย่างน้อยหนึ่งตัว หรือต้องมีอักขระพิเศษอย่างน้อยหนึ่งตัวกำหนดไว้ล่ะก็ มีคนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่เลือกจะใช้รหัสง่าย ๆ ที่กดได้จากแป้นพิมพ์ในเวลานั้น ด้วยความขี้เกียจจำหรือกลัวว่านานวันเข้าจะจำไม่ได้ จึงเลือกรหัสแบบที่จำได้ง่าย ๆ พิมพ์ login เข้าสู่ระบบได้สะดวก หลีกเลี่ยงปัญหาที่ต้องมานั่งรื้อความทรงจำหรือคาดเดาว่าแพลตฟอร์มนี้ตัวเองตั้งรหัสอะไรไป
การตั้งรหัสผ่านโดยเอาความง่าย ความสะดวกของตัวเองเป็นที่ตั้งไว้ก่อน ดูจะเป็นเรื่องที่มักง่ายเกินไปหน่อยในยุคมิจฉาชีพเกลื่อนเมืองแบบนี้ เพราะจริง ๆ แล้ว รหัสผ่านเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก ๆ ต่อผู้ใช้งานบนโลกอินเทอร์เน็ต (หรืออะไรก็ตามที่มีการเรียกใช้รหัสผ่าน) ถ้าสิ่งนั้นไม่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องปกป้อง
ระบบจะกำหนดให้ต้องใช้รหัสผ่านทำไมกัน เพราะรหัสผ่าน คือหน้าด่านสำคัญในการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของตัวเราไม่ให้รั่วไหลไปถึงมือมิจฉาชีพในการโจรกรรมเงิน โจรกรรมข้อมูล หรือตั้งใจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเราไปหลอกลวงคนอื่น จนทำให้เราอาจต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว
ข้อมูลจาก NordPass ผู้ให้บริการด้านการจัดการรหัสผ่าน ระบุว่า รหัสผ่าน (ง่าย ๆ) ที่ถูกนำมาใช้งานมากที่สุด 20 อันดับแรก จำนวนมากถึง 83 เปอร์เซ็นต์ เป็นรหัสที่สามารถถูกถอดรหัสหรือคาดเดาได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 วินาทีด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่าถ้าเราตั้งรหัสผ่านแบบมักง่าย เลือกที่จำง่าย กดแป้นพิมพ์ได้ง่าย
ก็มีความเสี่ยงสูงมากที่จะถูกถอดรหัสโดยผู้ไม่ประสงค์ดีอย่างง่ายดาย ซึ่งน่าเป็นห่วงไม่น้อยสำหรับคนที่ละเลยเรื่องการตั้งรหัสผ่านในการเข้าใช้งานแพลตฟอร์มต่าง ๆ คุณอาจถูกแฮกจนสูญเงินหมดบัญชีโดยไม่รู้ตัว อาจโดนขโมยข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ และถูกสวมรอยทำเรื่องผิดกฎหมาย หากไม่อยากตกเป็นเหยื่อ อย่าเปิดทางให้กับมิจฉาชีพด้วยการตั้งรหัสแบบมักง่ายเช่นนี้
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก NordPass ยังได้เปิดเผยถึงรหัสผ่านยอดแย่ที่สุดในโลก ที่ถูกนำมาใช้มากที่สุดประจำปี 2023 ก็คือ “123456” โดยมีผู้ใช้งานราว 4,524,867 คน และสามารถถูกถอดรหัสได้ในเวลาที่น้อยกว่า 1 วินาที ส่วนแชมป์เก่าปี 2022 อย่าง “password” ในปี 2023 นี้ตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 7 มีผู้ใช้งานราว 710,321 คน แต่ก็ถูกถอดรหัสได้ในเวลาที่น้อยกว่า 1 วินาทีเช่นกัน ส่วนรหัสผ่านยอดแย่ที่สุดในประเทศไทย คือรหัสเดียวกันกับรหัสผ่านที่แย่ที่สุดในโลก หรือก็คือ “123456” มีผู้ใช้งานราว 47,822 คน รองลงมาคือ “Aa123456” มีผู้ใช้งานราว 32,762 คน และอันดับสาม “admin” มีผู้ใช้งาน 26,814 คน
2. ใช้รหัสผ่านเดียวกับทุก ๆ บัญชี
บางคนพยายามหลีกเลี่ยงการตั้งรหัสผ่านแบบง่าย ๆ มาใช้รหัสผ่านแบบที่มีความซับซ้อน จำยาก คาดเดาได้ยาก แต่ด้วยคิดว่าตัวเองตั้งรหัสผ่านที่ยากต่อการคาดเดาแล้ว จึงเลือกที่จะใช้รหัสผ่านชุดเดิมนี้กับทุก ๆ บัญชีที่ตนเองใช้งาน เพราะมันง่ายที่จะจำ ก็นะ! ใครจะอยากจำรหัสผ่านยาก ๆ ทีละหลาย ๆ รหัสบ้างล่ะ (หรือต่อให้เป็นรหัสง่าย ๆ ก็ขี้เกียจที่จะจำหลาย ๆ รหัสเหมือนกัน) เกิดจำสลับกันขึ้นมาก็เป็นเรื่องยุ่งยากอีก นี่จึงเป็นเรื่องปกติสามัญที่สุดที่ใครหลายคนจะทำ ทว่ามันก็เป็นเรื่องที่เลวร้ายถึงขั้นหายนะได้เช่นกัน เพราะถ้าเกิดมีการแฮกข้อมูลบัญชีใดบัญชีหนึ่งของคุณขึ้นมาได้ ทุกสิ่งทุกอย่างของคุณที่ใช้รหัสเดียวกันก็จะหลุดไปหมดเลยทั้งยวง ทุกบัญชีอยู่ในมือแฮกเกอร์ทันที
3. ไม่เคยเปลี่ยนรหัสผ่านเลย
แม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้รหัสผ่านเดียวกันกับทุก ๆ บัญชีที่คุณครอบครอง หรือคุณก็ไม่ได้มักง่ายพอที่จะตั้งรหัสผ่านบัญชีของคุณแบบคาดเดาง่าย ๆ ซึ่งคุณก็มั่นใจว่ารหัสผ่านของคุณรัดกุมมากพอ แต่คุณกลับไม่เคยเปลี่ยนรหัสผ่านของคุณเลย ยังคงใช้รหัสผ่านเดิมนานเป็นปี ห้าปี หรือสิบปีก็ยังใช้อยู่ (ด้วยเหตุผลเดิมว่าขี้เกียจจำ กลัวจำไม่ได้ หรือขี้เกียจจะมานั่งคิดรูปแบบของรหัสผ่านใหม่) มันก็มีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่คนใกล้ตัว (ที่ไม่หวังดี) จะพอคาดเดาได้ เพราะบางรหัสที่คุณคิดขึ้น อาจมาจากข้อมูลส่วนตัวของคุณหลาย ๆ อย่างผสมกัน คนที่รู้จักมักคุ้นกับคุณมานานก็จะพอคาดเดาชุดรหัสนั้นได้นั่นเอง
ดังนั้น คุณควรจะต้องเปลี่ยนรหัสผ่านบ้าง มีข้อแนะนำจาก Microsoft ที่แนะนำว่าให้เปลี่ยนรหัสผ่านในทุก ๆ 30-90 วัน เพื่อความปลอดภัย หรือเมื่อไรก็ตามที่มีคนอื่นพยายามเข้ามาแฮกบัญชีของคุณ คุณก็ควรจะรีบเปลี่ยนรหัสผ่านโดยทันที อย่าทำเป็นนิ่งนอนใจ
4. ไม่เปิดใช้การยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอน
ในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยมิจฉาชีพ แฮกเกอร์ฝีมือเทพ รวมถึงช่องโหว่ของระบบต่าง ๆ ทำให้รหัสผ่านเพียงอย่างเดียวเริ่มไม่เพียงพอที่จะรักษาความปลอดภัยให้กับบัญชีของคุณ จึงเกิดเป็นวิธีการยืนยันตัวเพิ่มเติมอีกชั้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีของเรา หรือก็คือการยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอน (Two-factor authentication (2FA)) ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบการยืนยันตัวตน Multi-factor authentication (MFA) หากคุณเปิดการยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอนไว้ เมื่อมีการพยายาม login ใหม่ ก็ต้องยืนยันให้ผ่านในทุกขั้นถึงจะเข้าใช้งานได้ นั่นหมายความว่าต่อให้มิจฉาชีพจะมีรหัสผ่านของคุณอยู่ในมือก็ตาม แต่จะไม่สามารถเจาะเข้าบัญชีของคุณได้ ถ้ายังไม่ได้ยืนยันตัวตนให้ผ่านทุกขั้นตอน
5. ใช้ระบบจดจำรหัสผ่าน
วิธีการหนึ่งที่ใครหลายคนใช้ในการจดจำรหัสผ่านที่ซับซ้อน คาดเดายาก คือให้ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยจดจำให้ โดยเฉพาะฟังก์ชันในเว็บเบราว์เซอร์ แบบที่เราจะชอบเห็นหน้าต่างเด้งขึ้นมาถามอยู่ทุกครั้งเวลาที่ login เข้าสู่ระบบ ว่าอยากจะบันทึกรหัสผ่านนี้ไว้หรือเปล่า ถ้าหากว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นมีคุณใช้อยู่แค่คนเดียวมันก็คงไม่มีปัญหาอะไรเท่าไรนัก แต่ถ้ามีคนอื่นสามารถเข้ามายุ่มย่ามกับคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ได้เหมือนกันล่ะก็ บอกเลยว่ามันก็ไม่ได้ปลอดภัยนัก เพราะคุณคงไม่รู้ว่าการเปิดเข้าไปดูรหัสผ่านของทุกบัญชีที่คุณให้ระบบบันทึกไว้ให้นั้นมันง่ายซะยิ่งกว่าอะไร แค่ไม่กี่คลิกก็เห็นรหัสผ่านในทุกบัญชี
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ล่าสุดมีการค้นพบช่องโหว่การขโมยรหัสผ่าน ผ่านส่วนขยายของ Google Chrome เนื่องจากส่วนขยายใน Chrome นั้น มีสิทธิ์ที่จะใช้ประโยชน์จากช่องโหว่เหล่านี้ได้ จากการขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ที่ละเอียดอ่อน ที่เปิดโอกาสให้มีการดักจับข้อมูลสำคัญ ที่ผู้ใช้พิมพ์ลงในช่องป้อนข้อมูลได้เลย และเราก็เป็นคนกดอนุญาตเองเสียด้วย สำหรับวิธีป้องกันและแก้ไข เพียงแค่ลองเข้าไปสำรวจส่วนขยายต่าง ๆ ที่เราใช้งานดู หากพบอันไหนที่ดูแปลกตาหรือแทบไม่ได้ใช้งาน ให้เช็กว่าส่วนขยายดังกล่าวขอสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลของเรามากน้อยขนาดไหน หากพบว่ามากผิดปกติ ก็จัดการเอาออกเสีย แล้วเข้าไปตรวจสอบความปลอดภัยในหน้าตั้งค่าดูอีกครั้ง
เคล็ดลับการตั้งรหัสผ่านให้ปลอดภัย
หลายคนอาจจะรู้สึกหงุดหงิดกับกฎเกณฑ์หรือเงื่อนไขต่าง ๆ ในการตั้งรหัสผ่านของบางแพลตฟอร์ม ที่มีความยุ่งยาก ซับซ้อน และหยุมหยิม ว่าจะอะไรกันนักกันหนา อยากตั้งรหัสที่จำง่าย ๆ ก็ไม่ยอมให้ตั้ง หรือแม้แต่บางแพลตฟอร์มที่บังคับให้ผู้ใช้เปิดการยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน ไม่อย่างนั้นจะเข้าใช้งานแพลตฟอร์มนั้น ๆ ไม่ได้ บอกเลยว่าที่แพลตฟอร์มเหล่านั้นพยายามทำให้การตั้งรหัสผ่านเป็นเรื่องยุ่งยากก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองทั้งนั้น ดังนั้น แค่ยอมเสียเวลาเพียงเล็กน้อยในการเปลี่ยนรหัสผ่าน หรือตั้งรหัสผ่านให้คาดเดาได้ยากขึ้น ก็จะช่วยให้บัญชีแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ของเราปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งมีเคล็ดลับง่าย ๆ เพียงไม่กี่อย่าง ดังนี้
- ตั้งรหัสที่มีความยาวอย่างนัอย 12 ตัวอักษร โดยให้มีทั้งอักษรภาษาอังกฤษที่เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ และตัวพิมพ์เล็ก รวมถึงตัวเลขด้วย และจะยิ่งคาดเดาได้ยากขึ้นหากมีการใช้อักขระพิเศษร่วมด้วย (แต่ต้องดูว่าเงื่อนไขการตั้งรหัสผ่านห้ามใช้อักขระพิเศษหรือเปล่า)
- ในการใช้คำภาษาอังกฤษเพื่อตั้งรหัสผ่าน ไม่ควรใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษเป็นคำโดด ๆ แต่ควรพิมพ์เป็นประโยค เพราะจะขโมยข้อมูลได้ยากขึ้น
- แต่ละบัญชีออนไลน์ควรใช้รหัสผ่านที่แตกต่างกัน เพราะหากพลาดถูกแฮกรหัส จะทำให้บัญชีอื่น ๆ พลอยเสี่ยงไปหมด
- พยายามไม่อนุญาตให้มือถือหรือคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานจดจำรหัสผ่านในการ login เพราะอาจถูกมิจฉาชีพฉวยโอกาสนำไปใช้ประโยชน์ได้ แม้จะใช้งานคนเดียว แต่ให้นึกถึงในกรณีที่สูญหายด้วย
- ตั้งค่าความปลอดภัยหลายชั้น เพื่อยืนยันตัวตันก่อน login เข้าสู่ระบบต่าง ๆ ซึ่งการมีข้อความแจ้ง OTP ผ่านอีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ทุกครั้งที่มีการเข้าใช้งานบัญชีตามที่ตั้งค่าไว้ ก็จะช่วยให้เราทราบได้ว่ามีผู้อื่นพยายามจะแฮกเข้าสู่ระบบบัญชีของเราอยู่
- อย่านำข้อมูลเหล่านี้มาตั้งเป็นรหัสผ่าน ได้แก่ ข้อมูลที่ใช้ในการระบุตัวตนทั่วไปอย่าง ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวต่าง ๆ วันเดือนปีเกิด หรือสิ่งที่ชื่นชอบแล้วมีคนอื่น ๆ รู้ ข้อมูลการติดต่อ (เช่น เบอร์โทรศัพท์) ชื่อบุคคลรอบข้างหรือสัตว์เลี้ยง ถ้าจะใช้ข้อมูลพวกนี้ ควรนำมาผ่านการสร้างสรรค์ก่อน แบบที่จับนั่นผสมนี่เข้าด้วยกัน อย่าใช้แบบโดด ๆ
ขอบคุณข้อมูจาก wallstreetenglish.in.th
เพราะอะไร “บรอกโคลี” จึงเป็นผักยืนหนึ่งเรื่องทำให้หน้าเด็ก
บรอกโคลีเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อผิวพรรณ เช่น วิตามินซี วิตามินเอ สารต้านอนุมูลอิสระ และกรดโฟลิก เป็นต้น ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ สดใส และสุขภาพดี
วิตามินซี ในบรอกโคลีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ผิว นอกจากนี้ วิตามินซียังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวพรรณยืดหยุ่นและเต่งตึง
วิตามินเอ ในบรอกโคลีเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนเช่นกัน นอกจากนี้ วิตามินเอยังช่วยปกป้องผิวจากการอักเสบและการติดเชื้อ
สารต้านอนุมูลอิสระ ในบรอกโคลีช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ผิว นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระยังช่วยป้องกันไม่ให้ผิวไหม้แดด
กรดโฟลิก ในบรอกโคลีช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสและสุขภาพดี
นอกจากนี้ บรอกโคลียังมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณดูกระจ่างใส
วิธีรับประทานบรอกโคลีให้มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ
ควรรับประทานบรอกโคลีแบบปรุงสุกแบบนึ่งหรือต้ม
ตัวอย่างเมนูอาหารจากบรอกโคลี
- สลัดบรอกโคลี
- ซุปบรอกโคลี
- บรอกโคลีผัด
- บรอกโคลีนึ่ง
- โยเกิร์ตกับบรอกโคลี
การรับประทานบรอกโคลีเป็นประจำ จะช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ สดใส และสุขภาพดี
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ม่วนซื่น เต็มอิ่มกับเรื่องราววัฒนธรรมอีสานท่ามกลางธรรมชาติฤดูหนาว จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม 2566
- จิม ทอมป์สัน เปิดฟาร์มประจำปี 2566 รับลมหนาวปลายปีด้วยคอนเซปต์แห่งความคิดถึง ไอเขียนเลตเตอร์ถึงเธอฟาร์มจิม
- ในปีนี้ถือเป็นก้าวแรกของ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม กับการนำเสนอวัฒนธรรมอีสานที่เข้มข้นและลึกซึ้งขึ้น ทั้งเตรียมขยับเข้าสู่การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนที่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
- ปีนี้เป็นปีแรกอีกเช่นกันสำหรับเวทีหมอลำ ที่มาบรรเลงขับร้องส่งความม่วนทุกคืนวันเสาร์ตลอดช่วงเวลาของการเปิดฟาร์ม
ได้เวลาเปิดฟาร์มแล้ว ปีนี้ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม 2566 (Jim Thompsan Farm) พาความสวยงามของธรรมชาติและความม่วนซื่นของวัฒนธรรมท้องถิ่นมานำเสนอผ่านคอนเซปต์ “ไอเขียนเลตเตอร์ถึงเธอฟาร์มจิม” หยิบเนื้อหาจากเพลง “จดหมายรักจากเมียเช่า” แต่งโดย ครูอาจินต์ ปัญจพรรค์ และขับร้องโดย มาณี มณีวรรณ มาเป็นแรงบันดาลใจ สอดคล้องกันทั้งห้วงอารมณ์แห่งความคิดถึงสมการรอคอยมาตลอดหนึ่งปี และบทเพลงนี้ยังคงสะท้อนภาพประวัติศาสตร์ช่วงสงครามเย็น ช่วงเวลาสำคัญของวัฒนธรรมอีสานที่ยังคงทิ้งร่องรอยทางวัฒนธรรมหลากหลายด้านเอาไว้จนถึงปัจจุบัน ฉะนั้นกิจกรรมภายในฟาร์มจึงเข้มข้นมากขึ้นกับการนำเสนอความเป็นอีสานผ่านนิทรรศการแต่ยังคงเที่ยวได้สนุก เสมือนการเปิดจดหมายฉบับใหม่เพื่อรู้จักกันในอีกรูปแบบหนึ่ง ทั้งสิ่งนี้ยังเปรียบได้กับก้าวแรกของจิม ทอมป์สัน ฟาร์มที่กำลังขยับไปสู่การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ซึ่งไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้เราอาจได้ปักหมุดไปเยือนฟาร์มจิมกันตลอดทั้งปี
มาถึงที่นี่แล้วต้องไม่พลาดการเช็คอินกับแลนด์สเคปสวยๆ และปลายปีก็เป็นช่วงเวลาที่ ทุ่งดอกไม้ อันเต็มไปด้วยดอกคอสมอสและดาวกระจายกำลังเบ่งบานชูความสดใสอยู่พอดี ขณะเดียวกันฝั่งตรงข้ามเราจะพบกับจุดแรกของ นิทรรศการข้าว Rice is Life ที่ตั้งใจทำให้เห็นถึงกระบวนการหลังฤดูเก็บเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นการตาก การตีข้าวหรือการสีข้าวในโรงสีอายุหลักร้อยปีที่ยังใช้งานได้จริง โดยที่ผลผลิตมาจากการปลูกและจำหน่ายภายในฟาร์มนี้เอง
ใครกำลังสงสัยว่าทำไมปีนี้ ผาสาดข้าว หรือ ปราสาทข้าว ถึงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ก่อนเปิดให้เข้าชม นั่นเพราะว่าทางฟาร์มจะค่อยๆ แต่งแต้มปราสาทข้าวไปตลอดช่วงเวลาของการเปิดฟาร์ม เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์สำหรับใครที่อยากเห็นกระบวนการหรืออยากลงมือทำด้วยตัวเอง
สำหรับปราสาทข้าวที่เห็นเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีบุญของสังคมเกษตรกรรมชาวอีสานที่เรียกว่า “บุญกุ้มข้าวใหญ่” ซึ่งจะเกิดขึ้นราวเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม คาบเกี่ยวระหว่างประเพณีบุญคูณลานและบุญข้าวจี่ สำหรับประเพณีบุญคูณลานหรือที่รู้จักกันในชื่อการสู่ขวัญข้าวจะเกิดขึ้นก่อนที่ชาวนาจะนำข้าวเข้าไปเก็บที่ยุ้งฉาง ภาพจำคือการกองข้าวเป็นพูนสูงเพื่อความเป็นสิริมงคล คล้ายกับการอธิษฐานขอให้ผลผลิตพอกพูนขึ้นอีกเรื่อยๆ ในทุกปีเป็นทวีคูณ
ส่วนบุญกุ้มข้าวใหญ่มีนัยคล้ายกัน แต่เป็นประเพณีที่คนในหมู่บ้านมาร่วมกันทำบุญโดยการนำข้าวเปลือกที่ตนมีไปกองรวมกันที่ลานวัดเกิดเป็นกองข้าวเปลือกใหญ่ที่เรียกกันว่ากุ้มข้าว ไม่เท่านั้นยังลงแรงร่วมมือกันทำปราสาทข้าวเพื่อประดับตกแต่งและเฉลิมฉลองด้วยการมัดรวงข้าวเป็นลวดลายต่างๆ ตามแต่ละคนถนัด ซึ่งนอกจากการสักการะพระแม่โพสพ ยังมีอีกหนึ่งความตั้งใจของประเพณีนี้นั่นคือการทำนุบำรุงศาสนาหาทุนทรัพย์ให้กับวัดด้วยผลผลิตจากน้ำพักน้ำแรงของแต่ละบ้านนั่นเอง
สังเกตการณ์กันมาสักพักแล้วก็ถึงเวลาของการลงมือ เราขอเริ่มด้วยเวิร์กช็อปชิมข้าว ลิ้มรสชาติ รสสัมผัสและกลิ่นเพื่อทำความรู้จักกับข้าวไทย อาหารจานหลักของไทยที่มีมากถึง 5,928 สายพันธุ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ในชีวิตประจำวันของเรากลับไม่ได้เจอความหลากหลายเหล่านั้นกันเท่าไร สิ่งนี้เลยเป็นจุดตั้งต้นของนิทรรศการในการพาไปรู้จักกับข้าวไทยที่มีแตกต่าง ไปจนถึงการต่อยอดในเชิงผลิตภัณฑ์แปรรูปอย่าง สาโท ชาข้าว เหล้ากลั่นหรือโอกาสส่งเสริมการท่องเที่ยวไปยังถิ่นกำเนิดของข้าวสายพันธุ์ต่างๆ ที่เราสนใจ
อีกจุดไฮไลต์ หากใครเป็นสายคราฟต์น่าจะเข้าออกเฮือนแต่ละหลังกันอย่างเพลิดเพลิน นั่นคือ หมู่บ้านอีสาน ศูนย์รวมเฮือนหลังคาทรงจั่วใต้ถุนสูงตามแบบสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น ซึ่งไม่เพียงแต่รูปแบบของบ้านพักอาศัยที่ตั้งชื่อตามเจ้าของคนสุดท้าย อาทิ เฮือนแตงอ่อน เฮือนอ้อยใจ โดยมักเป็นชื่อของลูกสาว ตามวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนอีสานที่เป็นการแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ในโซนเดียวกันยังมีหอแจก (โรงทาน) ตลาดของขาย สิมกลางน้ำหรือศาสนาคาร คล้ายกับหมู่บ้านขนาดย่อมๆ ให้ได้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ โดยที่รูปแบบของสิมกลางน้ำได้จำลองมาจากต้นแบบวัดกลางโคกค้อ ตำบลยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์
นอกจากในเรื่องของโครงสร้างและวิถีชีวิต แต่ละเฮือนยังจัดแสดงนิทรรศการและเวิร์กช็อปที่น่าสนใจ สามารถเข้าร่วมได้ฟรีทุกกิจกรรม อาทิ ลำโลก เปิดโลกหมอลำตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงการประยุกต์เกิดเป็นเพลงอีสานสมัยใหม่ ทำให้ทุกคนสามารถสนุกกับการฟังหมอลำมากขึ้น ใครอยากเปิดฟลอร์สามารถจองบัตรวันเสาร์เพื่ออยู่ม่วนจอยกับวงดนตรีอีสานสมัยใหม่ที่หน้าเวทีหมอลำยามค่ำคืนต่อได้เลย ส่วนหากใครอยากเข้าใจถึงวิถีชีวิตระหว่างชาวอีสานและอเมริกันว่ามีจุดเริ่มต้นอย่างไร ที่นี่ก็มี นิทรรศการอเมริกัน-อีสาน บอกเล่าการเข้ามาตั้งค่ายในแถบอีสานของชาวทหารอเมริกันในช่วงสงครามเย็นอยู่ด้วย
ภายในโซนเดียวกันทุกคนยังสามารถเต็มอิ่มกับเวิร์กช็อปศิลปะ เพื่อผ่อนจังหวะช้าๆ ไปกับการวาดโปสการ์ดจากสีธรรมชาติ ร้อยลูกปัด ปั้นดิน สาวเส้นไหมหรือเรียนรู้การทอผ้าไหมฉบับจิม ทอมป์สัน คลอไปกับเสียงเพลงฟังสบายสไตล์คันทรีโฟล์ค เต็มอิ่มกับกิจกรรมกันได้ตลอดทั้งวัน ไหนๆ ก็ได้ข่าวว่าลมหนาวจะพัดมาอีกครั้ง อย่าลืมอปักหมุดไปรับอากาศดีๆ ที่จิม ทอมป์สัน ฟาร์มกัน
Fact File
- จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม เปิดท่องเที่ยวประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 – 2 มกราคม 2567
- ซื้อบัตรเข้าชมได้ทาง : www.ticketmelon.com/jimthompsonfarm/farmtour2023
- รายละเอียดเพิ่มเติม : www.facebook.com/JimThompsonFarmTour
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 25/12/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 33,600.00 | 33,700.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,176.00 | 32,988.16 | 34,200.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,958.40 | 29,689.34 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,740.80 | 26,390.53 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 979.00 | 14,841.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 762.00 | 11,551.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,255.00 | 34,185.80 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 25/12/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.55 | 35.55 | 36.05 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 33.78 | 33.78 | 34.28 | 33.78 | 33.78 | 33.78 | 33.78 | 33.78 | 33.78 | 33.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.44 | 33.44 | 33.94 | 33.44 | 33.44 | – | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.59 | 33.59 | – | – | – | – | – | – | – | 33.59 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 42.94 | 47.24 | 49.74 | 47.24 | – | – | – | – | – | 42.94 |
เบนซิน 95 | 43.44 | – | – | – | 44.61 | – | 43.94 | 43.59 | – | 43.44 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 45.94 | 43.64 | 42.94 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |