พลิกโฉม ”สวนชูวิทย์“ ปั้นมิกซ์ยูส “เทนธ์ อเวนิว” แลนด์มาร์คใหม่กลางกรุง
ที่ดินทำเลสุขุมวิทตอนต้นแนวรถไฟฟ้าBTS ร้อนฉ่า “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีต นักการเมืองชื่อดัง พลิกโฉม”สวนชูวิทย์ “ปั้นมิกซ์ยูส “เทนธ์ อเวนิว” โรงแรม อาคารสำนักงาน ช็อปปิ้ง สูง51ชั้น แลนด์มาร์คใหม่กลางกรุงดันราคาที่ดินพุ่ง
ที่ดินทำเลทองคำฝังเพชรย่านศูนย์กลางธุรกิจสำคัญ ปัจจุบันแทบไม่มีหลงเหลือให้พัฒนาเว้นแต่ ยอมลงทุนซื้อตึกเก่าทุบทิ้งขึ้นบิ๊กโปรเจ็กต์ใหม่ หรือไม่ต้องใช้วิธี ปรับปรุงตึกเก่าให้เกิดการพัฒนาที่คุ้มค่ากับศักยภาพที่ดินที่ควรจะเป็น แม้จะมีต้นทุนที่สูง แต่หากมองในแง่ของการลงทุนในระยะยาวแล้ว ย่อมคุ้มค่า ทางเศรษฐกิจ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ลงทุน
เช่นเดียวกับ สวนชูวิทย์ สวนธารณะของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดังตั้งอยู่บนที่ดินเนื้อที่6ไร่ สุขุมวิทซอย10 แนวเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส ปอดกลางกรุงที่ให้ร่มเงาไม้ใหญ่ และกรุงเทพมหานครมีเป้าหมายพัฒนาสองสวนได้แก่สวนลุมพินี สวนเบญจกิติ เชื่อมมายังสวนชูวิทย์
ล่าสุดเรียกเสียงฮือฮาอีกครั้งเมื่อที่ดินผืนงาม ถูกพลิกโฉมเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ที่ความสูง51ชั้น ไม่รวมชั้นใต้ดิน “เทนธ์ อเวนิว” ประกอบด้วยอาคารสถานพยาบาล อาคารสำนักงาน โรงแรม สถานศึกษา พื้นที่พาณิชยกรรมพื้นที่ค้าปลีก ช็อปปิ้ง สร้างแลนด์มาร์คใหม่กลางกรุงโดย ประเมินว่าจะสร้างมูลค่าให้กับที่ดินผืนนี้ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท การก่อสร้าง ใช้เวลาก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 4ปีนับจากปี2565 แต่ยังให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวปกคลุมด้านหน้าโครงการ แม้ต้นไม้เก่าแก่ดั่งเดิมจะถูกตัดจนโล่งเตียน
”ฐานเศรษฐกิจ” ลงพื้นที่พบ มีการล้อมรั้ว บริษัทผู้รับเหมา คนงานอยู่ระหว่างปรับพื้นที่ ติดป้ายประกาศแผนดำเนินโครงการ และขั้นตอนอยู่ระหว่างยื่นขออนุมัติการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ จากการบอกเล่าของผู้ควบคุมงาน และผู้ประสานงานขายพื้นที่โครงการ ระบุว่า โครงการดังกล่าว เป็นโครงการรูปแบบผลมผสาน หรือมิกซ์ยูส
พัฒนาและบริหารการขายในนาม “ DAVIS CORPORATION “ และบริษัทเอเทนธ์ อเวนิว จำกัด ของตระกูล กมลวิศิษฎ์เจ้าของที่ดิน หากปรับพื้นที่แล้วเสร็จขั้นตอนต่อไปจะขึ้นโครงและก่อสร้าง ตามแผนเริ่มดำเนินการในปีนี้ เชื่อมการเดินทางโดยรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว ระหว่างสถานี BTS นานา, BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท ตลอดแนวมีสกายวอล์ครถไฟฟ้าเชื่อมเข้าถึงอาคาร
เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดให้บริการจะเป็นอาคารสูงอาคารขนาดใหญ่พิเศษทันสมัยที่สุดบน ถนนสุขุมวิทตอนต้น สามารถดึงดูด ความสนใจทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติเข้าพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบันที่ดินแปลงนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยตึกสูงโรงแรมชั้นนำระดับ4-5ดาว ที่ชาวต่างต่างชาติคุ้นเคย เช่น ไฮแอทรีเจนซี่ กรุงเทพ สุขุมวิท โซฟิเทลกรุงเทพสุขุมวิท
อาคารไทมสแควร์ อาคารสำนักงานและศูนย์การค้าชื่อดัง อีกทั้งยังอยู่ไม่ห่าง จากโรบินสัน สุขุมวิท ศูนย์การค้า เทอมินอล21และกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวสูง แบรนด์ดัง ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมหรู ของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ,บมจ แสนสิริ
ย้อนไปก่อนหน้านี้สวนแห่งนี้ ได้รับความสนใจจากทุนยักษ์อสังหาฯจำนวนมาก โดยเฉพาะ พี่เบิ้ม บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) ได้เคยประกาศเช่า สวนสวนชูวิทย์ ระยะเวลา30 ปี และต่ออายุอีก4ปี รวม 34ปี ในปี2561 ในราคาที่ดินตารางวาละ7แสนบาท โดยมีแผนนำที่ดินดังกล่าวพัฒนา
โครงการรูปแบบผสมผสาน(มิกซ์ยูส) โครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าในรูปแบบอาคารสำนักงาน พื้นที่เช่า 20,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) โรงแรม 400 ห้อง พื้นที่ค้าปลีกอีก 3,000 ตร.ม.ใช้งบลงทุนอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในช่วงต้นปี 62 และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาราว 3 ปีแล้วเสร็จเปิดให้บริการแต่ดีลดังกล่าวมีอันต้องยุติลงอย่างน่าเสียดาย
เนื่องจากช่วงปี2560 สถานการณ์เศรษฐกิจซบเซาผู้ประกอบการขนาดใหญ่ต้องการขยายการลงทุนไปยังธุรกิจเช่าเชิงพาณิชย์ที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาวนอกจากการลงทุนในกลุ่มที่อยู่อาศัย เพียงอย่างเดียว
ขณะราคาที่ดิน 2 ล้านบาทต่อตารางวา ทำเลไม่ห่างกันเป็นที่ดินที่ตั้งของโรงเรียนบรรณวิทย์ โรงเรียนเอกชนเนื้อที่ 2ไร่เศษ ตั้งอยู่ใน ซอยสุขุมวิท 8 ถูกล้อมด้วยตึกสูง ปัจจุบันได้ปิดตัวลงจากสถานการณ์โควิด19 แม้เจ้าของเดิมเคยประกาศไม่ขายที่ดิน แต่ปัจจุบันได้เสียชีวิตลงทำให้ นักลงทุนจำนวนไม่น้อยหันมาสนใจอีกครั้ง
นายวสันต์ คงจันทร์. กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัดบริษัทประเมินราคาที่ดินระบุว่าสวนชูวิทย์เป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงสามารถพัฒนาได้ค่อนข้างมากและหลากหลาย อีกทั้งที่ดินยังตั้งติดถนนสุขุมวิท ย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ และมีรถไฟฟ้าพาดผ่าน ราคาที่ดินอยู่ที่2ล้านบาทต่อตารางวา และสามารถปรับขึ้นได้อีก
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัดบริษัท วิจัยสังหาริมทรัพย์ ระบุว่าที่ดินทำเลสวนชูวิทย์ มีศักยภาพสูง ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร แผนพัฒนาเป็นมิกซ์ยูส ทั้งอาคารสำนักงาน โรงแรม รีเทล ราคาที่ดินจะขยับสูง ขณะศักยภาพที่ดินสามารถก่อสร้างได้สูงผังเมืองกรุงเทพมหานครกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินพัฒนาได้สูงถึง 10 เท่าของแปลงที่ดินเนื่องจากเป็นกรุงเทพฯชั้นใน
สำหรับสวนชูวิทย์ เดิมให้เช่าเป็นบาร์เบียร์และร้านค้าชื่อ สุขุมวิทสแควร์ ที่ผ่านมานายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซื้อต่อมาจากเจ้าของเดิมเมื่อ ปี2545 เคยมีแผนสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาว แต่เกิดปัญหากับผู้เช่าเดิม และคดีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาไล่รื้อถอนบาร์เบียร์และร้านค้าเมื่อวันที่ 26 มกราคม ปี2546
จากการถูกกลั่นแกล้งในครั้งนั้น ทำให้นายชูวิทย์ตัดสินใจออกจากธุรกิจอาบอบนวด หันมาทำงานการเมือง และยกเลิกโครงการสร้างโรงแรม สร้างเป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปใช้งานแทน ที่ดินแปลงดังกล่าวมีมูลค่ามากกว่า 5,500 ล้านบาท และเป็นที่ดินแปลงใหญ่แปลงเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในบริเวณถนนสุขุมวิทตอนต้น
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎฺ์ เคยแจ้งในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีบุตรในสมรส 4 คน และนอกสมรสที่รับรองแล้ว 1 คน รวม 5 คนคือ นายต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ คนโต นายเติมตระกูล กมลวิศิษฎฺ์ คนรอง น.ส.ตระการตา กมลวิศิษฎ์ คนที่สาม นายต่อตระกูล กมลวิศิษฎฺ์ คนที่สี่ และ น.ส.ดวงตระการ กมลวิศิษฏ์
ข้อมูลล่าสุด นายเติมตระกูลมีชื่อเป็นกรรมการ 7 บริษัทในกิจการหลายพันล้านของครอบครัว โดยมีบุตรนายชูวิทย์อีก 3 คนร่วมถือหุ้นด้วย
1.บริษัท ต้นตระกูล จำกัด จดทะเบียนวันที่ 10 พฤษภาคม 2533 ทุนล่าสุด 170 ล้านบาท ประกอบการ การเช่าและการดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของ ตนเองหรือเช่าจากผู้อื่นที่ไม่ใช่เพื่อเป็นที่พักอาศัย ที่ตั้งเลขที่ 909 ซอยสุทธิพร ถนนประชาสงเคราะห์ แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม.
และสาขา 3 แห่ง นายต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ นายเติมตระกูล กมลวิศิษฎ์ นายต่อตระกูล กมลวิศิษฎ์ นางสาวตระการตา กมลวิศิษฎ์ เป็นกรรมการและ ถือคนละ 420,725 หุ้น มูลค่า 42,072,500 บาท จากทั้งหมด 170,000 หุ้น มลค่าหุ้นละ 100 บาท
2.บริษัท สมบัติเติมตระกูล จำกัด จดทะเบียนวันที่ 12 มีนาคม 2536 ทุนล่าสุด 170 ล้านบาท กิจการโรงแรม ที่ตั้งเลขที่ 88 ซอยสุขุมวิท 24 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม.นายต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ นายเติมตระกูล กมลวิศิษฎ์ นางสาวตระการตา กมลวิศิษฎ์ และ นายต่อตระกูล กมลวิศิษฎ์ ถือคนละ 420,725 หุ้น มูลค่า 42,072,500 บาท และเป็นกรรมการร่วมกับ พลตำรวจตรี คงเดช ชูศรี
3.บริษัท สุขุมวิท ซิลเวอร์ สตาร์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 19 ธันวาคม 2545 ทุนล่าสุด 250 ล้านบาท ประกอบการ ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งเลขที่ 88/8 ซอยสุขุมวิท 24 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร บุตรชายนายชูวิทย์ทั้ง 4 คนเป็นกรรมการและถือหุ้นคนละ 612,475 หุ้น มูลค่า 61,247,500 บาท นายฤทัย กมลวิศิษฎ์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ร่วมเป็นกรรมการด้วย
4.บริษัท เดวิส ไรมอน แลนด์ ทเวนตี้ โฟร์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 23 กันยายน 2562 ทุนล่าสุด 50 ล้านบาท ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ (ลงทุน) และที่ปรึกษา ที่ตั้งเลขที่ 88 ซอยสุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร นายเติมตระกูลถือ 125,000 หุ้น มูลค่า 12,500,000 บาท นายต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ ถือ 250,000 หุ้น และ นางสาว ตระการตา กมลวิศิษฎ์ ถือ 125,000 หุ้น รวมทั้งสิ้น 500,000 หุ้น
5.บริษัท เทนธ์ อเวนิว จำกัด จดทะเบียนวันที่ 6 มีนาคม 2563 ทุนล่าสุด 1 ล้านบาท ประกอบการ อสังหาริมทรัพย์ (ซื้อขาย อสังหาริมทรัพย์รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาและให้คำปรึกษา) ที่ตั้งเลขที่ 88 ซอยสุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร นายเติมตระกูล กมลวิศิษฎ์ และพี่น้องอีก 3 คน เป็นกรรมการและถือหุ้นคนละ 2,500 หุ้น มูลค่าคนละ 250,000 บาท รวมทั้งหมด 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ส่งต่อองค์ความรู้แบบ ‘ไร้รอยต่อ’ ยืนหนึ่งด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ส่งต่อองค์ความรู้แบบ ‘ไร้รอยต่อ’ ยืนหนึ่งด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
สำหรับธุรกิจการบริหารจัดการโครงการที่พักอาศัย หรือการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด หมู่บ้านนั้น นอกเหนือจากการดูแลบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร ระบบรักษาความปลอดภัย และกายภาพภายในโครงการซึ่งเป็นหัวใจหลักแล้ว การเข้าใจไลฟ์สไตล์ และความใส่ใจในรายละเอียดของการใช้ชีวิตของผู้พักอาศัยถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะลูกค้ามีความหลากหลาย ทั้งอายุ เชื้อชาติ ความต้องการที่แตกต่างกัน หากฝ่ายจัดการฯ สามารถนำเสนอสินค้า หรือออกแบบบริการให้ตรงกับความต้องการแต่ละกลุ่มเป้าหมาย บริหารจัดการการอยู่ร่วมกัน ดูแลให้เกิดความอุ่นใจ สบายใจเมื่อใช้ชีวิตภายในโครงการ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและส่งผลให้ เป็นแบรนด์อันดับ 1 ในใจลูกค้าอยู่เสมอ ดังนั้นการพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถทั้งในงานบริหารโครงการซึ่งเปรียบได้กับ Hard Skills และงานการบริการดูแลผู้พักอาศัยซึ่งเปรียบได้กับ Soft Skills จึงเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายหลักของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต
คุณสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า “ท่ามกลางกระแสการแข่งขันในเชิงธุรกิจด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ และการถูกดิสรัปท์ในหลากหลายมิติ พลัสฯ ได้ให้ความสำคัญ ใส่ใจทุกความต้องการของลูกค้า และการพัฒนาบุคลากร เพื่อตอบสนองตลาดอสังหาฯ ที่ยังมีความต้องการด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นทุกปี ผ่าน PLUS Eduplex ซึ่งเป็นสถาบันพัฒนาบุคลากรด้านบริการอสังหาฯ ที่ปีนี้ก้าวสู่ปีที่ 4 แล้ว โดยสถาบันมุ่งพัฒนาความรู้ ทักษะความเชี่ยวชาญครอบคลุมทุกสายงาน ทั้ง Hard & Soft skills สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานภายในองค์กรให้เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้และ creative thinking สนับสนุนให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและภูมิใจในงานที่ทำ ทั้งส่งต่อความรู้รุ่นสู่รุ่นเกิดเป็น PLUS DNA โดยมีหลักสูตรหลักๆ ได้แก่ พื้นฐานงานบริการ เพื่อให้พนักงานสามารถสื่อสารเชิงบวก แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกบ้าน หลักสูตรเฉพาะทางงานนิติบุคคล ให้พนักงานมีความรู้ด้านการบริหารจัดการนิติบุคคลรอบด้าน ทั้งความเข้าใจในเรื่องของพรบ. อาคารชุด หมู่บ้าน กฎหมาย บัญชี การเงิน เพื่อสร้างมาตรฐานการบริหารจัดการที่มีคุณภาพ มีการบริหารจัดการงานอย่างเป็นระบบ หลักสูตรเฉพาะทางงานช่าง และวิศวกรรมอาคาร เพื่อให้พนักงานสามารถแก้ไข ดูแลปัญหาได้ตรงจุด บำรุงรักษาเพิ่มมูลค่าให้อาคาร และป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น หลักสูตรงานบริหารและภาวะผู้นำ เพื่อส่งเสริมให้คนและองค์กรสามารถพัฒนาการทำงานเป็นทีมอย่างสร้างสรรค์ และหลักสูตร Living Solution เพื่อให้พนักงานสามารถบริหารจัดการด้านที่อยู่อาศัยแบบมืออาชีพในทุกๆ ด้าน เช่น จัดการสิ่งแวดล้อม การดูแลทรัพย์สินมีมูลค่าสูง และหลักสูตร Butler บริการระดับโรงแรม ทั้งนี้เพื่อให้พนักงานทุกๆ คน มีทักษะสามารถจัดการด้านที่อยู่อาศัยแบบมืออาชีพ และส่งมอบประสบการณ์ในการดูแลที่ดีให้แก่ลูกบ้านได้ครบทุกมิติของการอยู่อาศัย”
นอกจากการใส่ใจคุณภาพของพนักงานที่จะส่งต่อบริการในมาตรฐานที่ดีแล้ว ในการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ต้องให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด และให้ความสำคัญกับหลักการและความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องในทุกส่วน อาทิ เจ้าของผู้พัฒนาโครงการ หรือคณะกรรมการนิติบุคคล โดยจะมีการศึกษา และวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อทำความเข้าใจโครงการนั้นว่ามีจุดแข็ง มีการออกแบบคอนเซปต์ที่แตกต่าง วางกลุ่มเป้าหมายอย่างไร หรือมีความต้องการในบริการด้านไหนบ้าง เพื่อตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุดมากที่สุด คำนึงถึงประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าสูงสุดที่ลูกค้าจะได้รับ สำหรับพนักงานที่เข้าไปดูแลทั้งหมดของพลัสฯ จะผ่านการฝึกอบรมจาก PLUS Eduplex ที่ถ่ายทอดจากผู้เชี่ยวชาญ ผนวกกับประสบการณ์จริง ส่งต่อกันแบบรุ่นต่อรุ่น ทั้งยังเพิ่มทักษะ Up Skill และ Re-Skill ให้สอดรับทุกความต้องการของลูกค้า รวมถึงการคัดเลือก Vendor ให้เหมาะสมกับงาน ตรงความต้องการ และงบประมาณ เพื่อบริการและอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน
“การเลือกที่อยู่อาศัยสักที่ ลูกค้าจะมาพร้อมกับความคาดหวังจำนวนมาก ทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สภาพแวดล้อมที่ดี และสังคมที่มีคุณภาพ รวมไปถึงการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ทั้งหมดนี้ พลัสฯ พร้อมให้ความเชื่อมั่นด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ด้วยความเชี่ยวชาญที่มากกว่า 25 ปี กับทีมงานคุณภาพมากประสบการณ์ พิถีพิถันใส่ใจทุกรายละเอียดของลูกค้า เพื่อส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัย เติมเต็มความสุขความปลอดภัยในการพักอาศัยแก่ลูกบ้าน โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพมีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล สร้างความเป็นมืออาชีพด้าน Property Management ซึ่งพลัสฯ ไม่ได้ดูแลแค่เพียงพนักงานของตัวเองเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญไปถึงการช่วยเหลือและดูแลภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า คู่ค้า รวมไปถึงสังคมโดยรอบอีกด้วย ปัจจุบัน พลัสฯ ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลโครงการมากกว่า 270 โครงการ ครอบคลุมโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม ทั้งโครงการของแสนสิริ และโครงการของผู้พัฒนา (Developer) รายอื่นๆ” คุณสุวรรณี กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บาทเปิด 34.13 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัว
เงินบาทเปิดตลาด 34.13 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัว ในทิศทางแข็งค่า นักลงทุน รอรายงานประชุมเฟดคืนนี้
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 65 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดที่ 34.13 บาท/ดอลลาร์ ขยับแข็งค่าเล็กน้อยจากปิด ตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 34.14 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลกเนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่า หลังได้รับปัจจัยกดดันจากตัวเลข เศรษฐกิจของสหรัฐออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลดลง
“บาททรงตัวในทิศทางแข็งค่าใกล้เคียงปิดตลาดเย็นวานนี้ เนื่องจากมีปัจจัยกดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่า แต่ทิศทางการลงทุนวันนี้น่าจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยนักลงทุนรอดูรายงานการประชุมเฟดคืนนี้ก่อน” นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 34.00 – 34.20 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ผลประเมินสมาคมกีฬาไทย! ยกน้ำหนัก-กรีฑา พระเอกซีเกมส์, ฟุตบอล-กอล์ฟ-ยิงเป้าบิน น่าผิดหวัง
สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย สรุปผลการประเมินเหรียญทองซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ของทั้ง 41 สมาคมกีฬา จากงาน “มีท เดอะ เพรส” ซึ่งก่อนแข่งประเมินได้ที่ 116 เหรียญทอง แต่ทำได้เพียง 92 เหรียญทอง ต่ำกว่าเป้า 24 เหรียญทอง โดยมี 11 สมาคมกีฬาที่ทำผลงานได้เกินเป้า ทั้ง ยกน้ำหนัก, ตะกร้อ, เทควันโด, เทนนิส, เทเบิลเทนนิส, แบดมินตัน, ว่ายน้ำ, เปตอง, จักรยาน, ยิมนาสติก และ ปันจักสีลัต ขณะที่สมาคมกีฬาที่ทำได้ตามเป้ามี กรีฑา, เพาะกาย, วอลเลย์บอล, บิลเลียด, หมากรุกสากล ส่วนที่เหลือล้วนต่ำกว่าเป้าที่หวังเอาไว้
นายไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ได้จัดงาน “มีท เดอะ เพรส” กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 โดยเชิญผู้แทนสมาคมกีฬาต่างๆ จำนวน 41 สมาคมที่ไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 12-23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ร่วมแถลงความพร้อมของนักกีฬา และความหวังในการคว้าเหรียญทอง
ซึ่งสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาฯ ได้จัดงาน “มีท เดอะ เพรส” รวมทั้งหมด 5 ครั้ง ทั้ง 41 สมาคมตั้งเป้ารวม 116 เหรียญทอง แต่ทัพนักกีฬาไทยทำได้ต่ำกว่าเป้า โดยได้มา 92 เหรียญทอง, 102 เหรียญเงิน และ 137 เหรียญทองแดง ซึ่งจำนวนเหรียญทองต่ำกว่าเป้าถึง 24 เหรียญทอง
นายไพฑูร กล่าวต่อไปว่า สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ทำการประเมินผลหลังจากจบการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ไปแล้วว่า สมาคมใดทำได้ตามเป้า, สมาคมใดได้เกินเป้า และสมาคมใดทำผลงานต่ำกว่าเป้า
กลุ่มที่ทำได้เกินเป้าหมาย ประกอบด้วย ยกน้ำหนัก หวัง 1 เหรียญทอง ทำได้ 6 ทอง 5 เงิน 1 ทองแดง ถือว่าเกินเป้าหมายมาก, ตะกร้อ หวัง 5 เหรียญทอง ทำได้ 6-0-0 กวาดทุกเหรียญ, เทควันโด หวัง 3 เหรียญทอง ทำได้ 5-4-3, ว่ายน้ำ หวัง 2 เหรียญทอง ทำได้ 4-9-9, เทเบิลเทนนิส หวัง 2 เหรียญทอง ทำได้ 4-3-2, เทนนิส หวัง 2 เหรียญทอง ทำได้ 4-2-2, แบดมินตัน หวัง 2 เหรียญทอง ทำได้ 4-2-0, เปตอง หวัง 3 เหรียญทอง ทำได้ 4-0-2, จักรยาน หวัง 2 เหรียญทอง ทำได้ 3-2-4, ยิมนาสติก หวัง 1 เหรียญทอง ทำได้ 3-2-3, ปันจักสีลัต หวัง 1 เหรียญทอง ทำได้ 2-2-4
กลุ่มที่ทำได้ตามเป้าหมาย มีดังนี้ กรีฑา หวัง 12 เหรียญทอง ทำได้ 12-11-8 ถือว่าตามเป้า แต่มีการทำลายสถิติหลายรายการ, เพาะกาย หวัง 3 เหรียญทอง ทำได้ 3-3-3, วอลเลย์บอล หวัง 2 เหรียญทอง ทำได้ 2-1-0, บิลเลียดและสนุกเกอร์ หวัง 1 เหรียญทอง ทำได้ 1-0-8, หมากรุกสากล 1 เหรียญทองแดง ทำได้ 0-0-1
กลุ่มที่ทำได้ต่ำกว่าเป้าหมาย มีดังนี้ เรือพาย-แคนู หวัง 8 เหรียญทอง ทำได้ 3-8-11, ยิงปืน 6 เหรียญทอง ทำได้ 3-2-10, มวยไทยสมัครเล่น หวัง 5 เหรียญทอง ทำได้ 3-4-4, มวยสากล หวัง 5 เหรียญทอง ทำได้ 4-2-3, ฟุตบอล-ฟุตซอล หวัง 4 เหรียญทอง ทำได้ 2-2-0, คิ๊กบ็อกซิ่ง หวัง 4 เหรียญทอง ทำได้ 2-4-6, กอล์ฟ หวัง 4 เหรียญทอง ทำได้ 2-1-1, ลีลาศ หวัง 3 เหรียญทอง ทำได้ 2-6-4, อีสปอร์ต หวัง 3 เหรียญทอง ทำได้ 2-1-3, บาสเกตบอล หวัง 3 เหรียญทอง ทำได้ 2-0-1, ยูโด หวัง 3 เหรียญทอง ทำได้ 1-2-6, คูราช หวัง 3 เหรียญทอง ทำได้ 1-1-5, โววีนัม หวัง 3 เหรียญทอง ทำได้ 0-2-3, ยิงธนู หวัง 2 เหรียญทอง ทำได้ 1-2-1, ยูยิตสู หวัง 2 เหรียญทอง ทำได้ 1-1-3, มวยปล้ำ หวัง 2 เหรียญทอง ทำได้ 0-5-6, คาราเต้ หวัง 2 เหรียญทอง ทำได้ 0-4-5, ฟันดาบ หวัง 2 เหรียญทอง ทำได้ 0-3-7, แฮนด์บอล หวัง 2 เหรียญทอง ทำได้ 0-2-1, วูซู หวัง 1 เหรียญทอง ทำได้ 0-1-2, โบว์ลิ่ง หวัง 1 เหรียญทอง ทำได้ 0-1-0
ส่วนกลุ่มที่ไม่มีเหรียญรางวัลเลย มี 4 สมาคม ประกอบด้วย ยิงเป้าบิน หวัง 4 เหรียญทอง, หมากรุกเซี่ยงฉี หวัง 1 เหรียญทอง, ฟินสวิมมิ่ง หวัง 1 เหรียญทอง และไตรกีฬา ขอติดเหรียญใดเหรียญหนึ่ง
นายไพฑูร กล่าวเสริมว่า “ในกลุ่มสมาคมกีฬาที่ทำผลงานได้เกินเป้าหมาย ต้องขอชื่นชมและยกย่องในผลงานที่ทำได้ ทั้ง ยกน้ำหนัก, ตะกร้อ, เทควันโด, เทนนิส, เทเบิลเทนนิส, แบดมินตัน, ว่ายน้ำ, เปตอง, จักรยาน, ยิมนาสติก และ ปันจักสีลัต ขณะเดียวกันในกลุ่มที่ทำได้ตามเป้าหมาย ต้องชื่นชมสมาคมกีฬากรีฑาฯ ที่ทำได้ 12 เหรียญทอง ซึ่งเป็นสมาคมที่ทำเหรียญรางวัลให้ทัพนักกีฬาไทยมากที่สุด แถมยังมีการทำลายสถิติหลายรายการ อีกทั้งทวงบัลลังก์ราชาประเภทลู่กลับคืนมาสำเร็จ โดยเฉพาะวิ่งระยะสั้นและวิ่งผลัด ที่นักกีฬาทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยอย่างมาก ส่วนวอลเลย์บอลถึงแม้จะทำได้ตามเป้า แต่วอลเลย์บอลในร่มชาย ไม่มีเหรียญติดมือในรอบ 39 ปี”
“สำหรับสมาคมกีฬาที่ทำได้ต่ำกว่าเป้าหมาย และสร้างความผิดหวังให้แก่แฟนกีฬาชาวไทยมากที่สุด น่าจะเป็น ฟุตบอล ที่ตั้งความหวังไว้ 4 เหรียญทอง แต่ทำได้แค่ 2 เหรียญทอง จากฟุตซอลชายและหญิง ส่วนฟุตบอลทีมชายและทีมหญิง แพ้เวียดนามทั้งคู่ พลาดเหรียญทองไปอย่างน่าเสียดาย เช่นเดียวกับกอล์ฟ ที่หวังจะกวาดทั้ง 4 ทอง จากประเภททีมและบุคคลชาย-หญิง แต่ทำได้แค่ 2 เหรียญทอง”
“นอกจากนี้ มวยสากล ก็ทำได้ 4 เหรียญทอง ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 5 เหรียญทอง อย่างไรก็ตาม การประเมินเหรียญทองจากงาน มีท เดอะ เพรส เป็นเพียงการคาดการณ์ก่อนการแข่งขัน แต่ละสมาคมกีฬาก็จะมาแถลงถึงความพร้อมของนักกีฬาและเป้าหมายที่คาดหวังไว้ สมาคมใดทำผลงานดีได้เหรียญทองเกินเป้าก็ต้องรักษามาตรฐานต่อไป ส่วนสมาคมใดที่ทำได้ต่ำกว่าเป้าก็ต้องกลับมาพิจารณาข้อบกพร่องและแก้ไขจุดอ่อนจุดด้อยของตัวเอง เพื่อสร้างผลงานในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา ในปีหน้า” นายไพฑูร กล่
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เลิกด่วน 7 พฤติกรรมทำร้าย “กระดูกสันหลัง”
กระดูกในร่างกายเรามีทั้งหมด 206 ชิ้น ที่เป็นโครงสร้างของร่างกาย และทำหน้าที่ปกป้องอวัยวะภายในต่างๆ ไขกระดูกบางชนิดจะช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงและเซลล์เม็ดเลือดขาว และเส้นเอ็นจะเป็นตัวเชื่อมโยงเนื้อเยื่อต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ทุกส่วนล้วนทำงานอย่างสัมพันธ์กัน ซึ่งเมื่อส่วนหนึ่งส่วนใดบกพร่อง ย่อมกระทบส่วนอื่นๆ ไปด้วย
สำหรับกระดูกสันหลัง นอกจากเป็นโครงสร้างแข็งแรงที่ปกป้องแกนของไขสันหลังแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นจุดเกาะของกล้ามเนื้อของหลัง และยังเชื่อมต่อกับกะโหลกศีรษะ กระดูกสะบัก กระดูกเชิงกราน และกระดูกซี่โครง อีกด้วย
สำคัญขนาดนี้ ไลฟ์เซ็นเตอร์บล็อก เลยอยากจะชวนทุกคนมาดูแลกระดูกสันหลังกันซักหน่อย เริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เคยชินที่จะทำร้ายกระดูกสันหลังของเราอย่างไม่รู้ตัว มาดูกัน ว่าอะไรบ้าง ที่เราควรจะเลิกเพื่อช่วยถนอมรักษากระดูกสันหลังของเรา
7 พฤติกรรมทำร้าย “กระดูกสันหลัง”
- นั่งไขว่ห้าง
ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ คุณสาวๆ อย่านั่งไขว่ห้างเลย ถึงนั่งแล้วจะได้สรีระรูปตัวเอส (S) ดึงดูดสายตาชวนให้เหลียวมอง แต่สังเกตสักนิดว่าเวลาเรานั่งไขว่ห้างนานๆ เท้าอาจจะเริ่มชาจนต้องสลับข้าง เพราะเลือดเดินไม่สะดวก เวลานั่ง ตัวก็จะตะแคงบิดมาอีกด้านหนึ่ง ยิ่งถ้านั่งเป็นประจำน้ำหนักตัวก็จะทิ้งไปด้านเดียว กระดูกก็จะถูกบิดเป็นประจำทำให้หลังเสียโดยไม่รู้ตัว แนะนำให้นั่งวางเท้าชิดกันเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง แล้วหันไหล่ตรงก็เป็นท่านั่งที่ทำให้หุ่นดูสวยไม่แพ้กันเลย
- การกอดอก
ถึงมีเรื่องที่ต้องขบคิด เครียด หรือมีเรื่องหนักอก แนะนำว่าอย่าเอามากอดไว้กับอกเลย เพราะเวลาที่เรากอดอกนั้น สรีระช่วงบน อย่างสะบัก และหัวไหล่ต้องยืดยาว และค้อมไปด้านหน้า แถมคอก็ยังยืดออกเหมือนเต่า ทำให้ปวดหลังได้แบบไม่รู้ตัว อีกทั้งจะทำให้เลือดยังไปเลี้ยงสมองได้ไม่ดี เกิดอาการปวดหัวได้อีก กอดอก อีกท่าที่เคยชินแต่อาจทำร้ายหลังแบบไม่รู้ตัวเลย
- ท่ายืนพักขา
การยืนพักขาแม้จะเป็นท่าที่สบาย แต่ทราบไหมคะว่าการพักขาจะเป็นการทิ้งน้ำหนักให้เป็นภาระด้านกับร่างกายด้านหนึ่ง สะโพกก็จะเอียง กระดูกสันหลังก็โค้งตามไปด้วย ไม่ดีต่อสมดุลของร่างกายอย่างแน่นอน การยืนที่ดีที่สุดก็เพียงแค่ทิ้งน้ำหนักลงที่ขาทั้ง 2 ข้างเท่าๆ กัน ง่ายๆ แค่นี้เอง
- นั่งหลังงอ
จำไว้ว่าหลังต้องตรง เหมือนตุ๊กตาหุ่นที่มีใครมาดึงเชือกด้านบนไว้ตลอด บางครั้งการนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ เราอาจเผลอก้มหน้าไปจนติดจอ หลังค่อม งอ โค้ง ไม่น่าดู ยิ่งนานวันเข้ากระดูกก็จะงอคดตามจนผิดรูป ทำให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง แก้ไขได้ยาก ทางที่ดีควรปรับระดับความสูงและความเอียงของจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม และเตือนตัวเองไว้เสมอๆ ให้นั่งหลังตรงตลอดเวลา
- นั่งเก้าอี้หมิ่นๆ
จะเพราะกระโปรงสั้น หรือเก้าอี้สูงนั่งไม่สบาย ทำให้สาวๆ บางคนต้องนั่งหมิ่นๆ แต่รู้ไหมคะว่ากล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนักขนาดไหนในการรับน้ำหนัก ลองนึกภาพก็จะเหมือนกับการวางของหนักๆ ไว้บนฐานที่แคบๆ เวลานั่งเก้าอี้จึงควรนั่งแบบเต็มก้นจะดีกว่านะคะ
- นอนขดเป็นดักแด้
เวลานอนถือเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะพักผ่อนอย่างจริงจัง กล้ามเนื้อทุกส่วนต้องสบาย และการนอนแต่ละครั้ง ร่างกายจะอยู่ในท่าเดิมๆนั้นๆ นานหลายชั่วโมง การนอนขดตัวจะทำให้กระดูกงอโค้ง กล้ามเนื้อบางส่วนเกร็งไม่ได้พักผ่อน คนที่นอนอาจตื่นมาไม่สดชื่นนัก เพราะร่างกายไม่ได้ผ่อนคลายจริงๆ นั่นเอง ท่านอนที่ดีท่าหนึ่ง คือการนอนตะแคงขวา โดยมีหมอนข้างใบน้อยช่วยรับน้ำหนักของร่างกายบางส่วน ท่านอนท่านี้นอกจากจะช่วยป้องกันอาการปวดหลังแล้ว ยังจะทำให้หัวใจทำงานได้สะดวกอีกด้วย
- สวมรองเท้าส้นสูง
ทราบกันดีอยู่แล้วว่ารองเท้าส้นสูง ถึงใส่แล้วจะดูขายาว หุ่นเพรียวสวย แต่ก็เป็นภัยร้ายแรง ทำให้กระดูกสันหลังช่วงล่างแอ่นมากกว่าปกติ อาการปวดหลังก็ตามมา แนะนำว่า ถ้าเลี่ยงได้ ลองมองหารองเท้าส้นเตี้ยที่ถูกออกแบบมาให้เข้ากับรูปเท้า และรองรับน้ำหนักจากการเดินได้ดีจะดีกว่า
รู้จักพฤติกรรมที่เป็นภัยร้ายกับกระดูกสันหลังกันแล้ว มาปรับพฤติกรรมของเราตั้งแต่วันนี้กันดีกว่า เพราะนอกจากจะเป็นการป้องกันอาการบาดเจ็บ แล้ว ยังช่วยให้มีบุคลิกภาพที่ดีอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
English in a beauty Salon ภาษาอังกฤษในร้านเสริมสวย
ถ้าเกิดอยากจะทำผมในต่างประเทศ เราจะมีวิธีคุยกับช่างทำผมยังไง เดี๋ยววันนี้เรามาดูกันค่า
1. I only want a trim.
ฉันแค่อยากจะเล็มผมออก
2. Can you cut about 2 inches off the length?
คุณสามารถตัดออกประมาณ 2 นิ้วได้ไหมคะ
3. I want 1 inch off the top and the sides blended in.
ฉันอยากตัดผมด้านบนออก 1 นิ้ว และด้านข้างม้วนเข้ามา
4. Can you layer my hair?
คุณสามารถทำให้ผมฉันเป็นระดับได้ไหม
5. I would like a straight perm today.
วันนี้ฉันอยากจะดัดผมตรง
6. Can you color my hair to brown?
คุณช่วยย้อมผมฉันเป็นสีน้ำตาลได้ไหม
7. I would like my nails done please.
ฉันอยากจะทำเล็บให้เสร็จค่ะ
8. A pedicure with red nail polish please.
ทำเล็บสีแดงเคลือบเงาด้วยค่ะ
คำศัพท์ในร้านเสริมสวย
hairstylist (แฮร์สไตลิสทฺ) ช่างออกแบบทรงผม
electric clipper (อิเลคทริค-คลิพเพอรสฺ) บัตตาเลี่ยนไฟฟ้า
comb (โคมบ์) หวี
hair scissors (แฮร์-ซิสเซอรสฺ) กรรไกรตัดผม
razor (เรเซอร์) มีดโกน
thinning razor (ธินนิง-เรเซอร์) มีดโกนซอยผม
cape (เคพ) ผ้าคลุมกันเปื้อนสำหรับลูกค้า, เสื้อคลุมไม่มีแขน
adjustable hairdresser’s chair (อะจัสทะเบิล-แฮร์เดรสเซอรสฺ-แชร์) เก้าอี้ตัดผมปรับระดับได้
hairstyle (แฮร์สไตลฺ) ทรงผม, แบบผม, ทรง
hairline (แฮร์ไลน์) ไรผม
towel (เทา’เอิล) ผ้าขนหนู
shampoo basin (แชมพู-เบซิน) อ่างสระผม
shower (ชาวเวอร์) ฝักบัว
shampoo (แชมพู) ยาสระผม
hair conditioner (แฮร์-คอนดิเชินเนอร์) ครีมนวดผม
hair tonic (แฮร์-โทนิค) ยาบำรุงเส้นผม
hair color (แฮร์-คัลเลอะ) ยาย้อมผม
dandruff (แดน’ดรัฟ) รังแค
hair gel (แฮร์-เจล) เจลใส่ผม, เจลสำหรับแต่งผม
hairspray (แฮร์สเปรย์) สเปรย์ฉีดผม
salon mirror (ซาลอน-มิเรอร์) กระจกร้านทำผม
hair clip (แฮร์-คลิพ) กิ๊บหนีบผม
brush (บรัช) แปรงหวีผม
hairdryer (แฮร์ดรายเออร์) เครื่องเป่าผม
curling iron (เคอร์ลิง-ไอร์เอิน) โรลม้วนผมไฟฟ้า
roller (โรลเลอร์) โรลม้วนผม
hair steamer (แฮร์-สตีมเมอร์) เครื่องอบไอน้ำ
wig (วิก) วิกผม
emery board (เอม’เมอรี่-บอร์ด) ตะไบแต่งเล็บ
nail clippers (เนล-คลิพเพอรสฺ) กรรไกรตัดเล็บ
nail polish (เนล-พอลลิช) น้ำยาทาเล็บ
nail polish remover (เนล-พอลลิช-รีมูฟเวอร์) น้ำยาล้างเล็บ
perm (เพิร์ม) การดัดผม
tweezers (ทวีเซอรสฺ) แหนบ, คีมหนีบ, คีมถอนขน
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
Facebook ผนึกพันธมิตร สร้างตระหนักรู้เท่าทันกลโกงซื้อขายออนไลน์
Facebook ประเทศไทย จาก Meta จับมือ 6 พันธมิตร สร้างการตระหนักรู้เท่าทันกลโกงซื้อขายออนไลน์ ในเฟสสองของแคมเปญ #StayingSafeOnline
Facebook ประเทศไทย จาก Meta พร้อมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โคแฟค ประเทศไทย และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศความร่วมมือในเฟสสองของแคมเปญ #StayingSafeOnline เพื่อสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาการหลอกลวงผ่านช่องทางซื้อขายออนไลน์ที่มีความรุนแรงมากขึ้น และสนับสนุนให้คนไทยสามารถป้องกันตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงกลโกงของนักต้มตุ๋น
ในปัจจุบัน ผู้คนพึ่งพาช่องทางดิจิทัลเพื่อเชื่อมต่อกับชุมชน ธุรกิจ ครอบครัว และเพื่อนฝูงมากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 การประกาศความร่วมมือในครั้งนี้ สานต่อการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของ Meta ในแคมเปญ เพื่อช่วยให้คนไทยรู้เท่าทันและเฝ้าระวังด้านความปลอดภัย การตกเป็นเหยื่อบนโลกออนไลน์ทั้งภัยจากสแกมเมอร์และฟิชชิ่ง ฯลฯ ความริเริ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของ We Think Digital Thailand ซึ่งเป็นโครงการเสริมทักษะดิจิทัลของ Facebook ประเทศไทย จาก Meta ที่ได้เปิดตัวและทำงานต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562
การเปิดตัวเฟสที่สองของแคมเปญผ่านวิดีโอสั้นที่ให้ความรู้ในหัวข้อเกี่ยวกับภัยหลอกลวงจากช่องทางการซื้อขายออนไลน์ยังสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่มากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาการหลอกลวงผ่านช่องทางซื้อขายออนไลน์ โดยจากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือสพธอ. ในปี พ.ศ. 2564 ประเทศไทยมีจำนวนผู้ร้องเรียนถึงปัญหาดังกล่าวราว 50,000 ครั้ง และมีการร้องเรียนผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์ (ผ่านสายด่วน 1212 Online Complaint Center หรือ 1212 OCC) ของ สพธอ. ถึง 17,112 ครั้ง ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม – มีนาคม พ.ศ. 2565 โดยมีคำร้องเรียนกว่า 6,613 ครั้ง ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการหลอกลวงบนโลกออนไลน์
นายมีธรรม ณ ระนอง รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า “สิ่งที่เรามักได้รับการรายงานและพบได้บ่อย คือ สั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และไม่ได้รับหรือสินค้าที่ได้รับไม่เหมือนกับรูปภาพสินค้าที่แสดงไว้ มูลค่าความเสียหายของแต่ละบุคคลจะดูเหมือนไม่มาก ประมาณ 300 ถึง 1,000 บาท แต่นักต้มตุ๋นจะใช้จุดนี้หลอกลวงผู้คนจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วก็เปิดบัญชีใหม่ไปเรื่อย ๆ หน้าที่ของเราคือการประสานงานกับพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ แต่เรามองว่านี่คือการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ สำหรับเรา ประเด็นสำคัญคือการมุ่งแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ซึ่งเป็นเหตุผลที่เราได้ลงทุนในโครงการนี้เพื่อให้ความรู้กับคนไทย และปกป้องพวกเขาให้ปลอดภัยจากการตกเป็นเหยื่อ”
พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช. ก.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แสดงความคิดเห็นว่า “ในปัจจุบัน อาชญากรรมเกิดขึ้นในรูปแบบที่ไม่สามารถระบุตัวตนของอาชญากร ทั้งยังไม่มีข้อจำกัดด้านพรมแดน ดังนั้นการร่วมมือกับพันธมิตรหลักเชิงกลยุทธ์ทั้งในระดับท้องถิ่นและต่างชาติ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการกับปัญหาอาชญากรรมเหล่านี้ สำหรับผม การให้ความรู้และสนับสนุนให้ประชาชนสามารถดูแลตนเองให้ปลอดภัยบนโลกออนไลน์ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้กับปัญหาการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต แคมเปญนี้จึงเป็นอีกช่องทางสำคัญในการสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว”
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้ง โคแฟค ประเทศไทย เน้นย้ำถึงการดำเนินงานและวิสัยทัศน์ขององค์กรของเธอว่า “โคแฟคเป็นชุมชนที่รวบรวมข้อมูลเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงนั้น เราเชื่อมั่นในการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแคมเปญนี้ เพื่อสนับสนุนให้ประชากรยุคดิจิทัลสามารถรับมือกับโลกที่พัฒนาและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้ง”
นางสาวจิตสถา ศรีประเสริฐสุข ผู้ช่วยเลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แสดงความคิดเห็นว่า “การใช้บริการดิจิทัล โดยเฉพาะในการซื้อขายออนไลน์ เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด และด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ เหล่านักต้มตุ๋นจึงมองเห็นโอกาสในการหลอกลวงเพื่อหาเงินจากผู้คน ปัญหาดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับเราเป็นอย่างมาก และเป็นสาเหตุที่เราต้องการสนับสนุนให้คนไทยมีความตระหนักรู้มากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว และหันมาตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านค้าและผู้ขายก่อนสั่งซื้อสินค้าออนไลน์”
มร. ไมเคิล บัค หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ Facebook ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ที่ Meta เรามีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้คนให้สามารถเชื่อมต่อ ค้นหาชุมชน และพัฒนาธุรกิจของพวกเขาให้เติบโตได้อย่างปลอดภัยบนแพลตฟอร์มของเรา ผ่านนโยบาย มาตรการป้องกัน และเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยตลอดช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดที่ผ่านมา คนไทย ซึ่งรวมไปถึงเจ้าของธุรกิจต่าง ๆ มีความเข้มแข็งอย่างมากในการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว การสร้างประสบการณ์ที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนในการค้นหาสินค้าและแบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบและต้องการเชื่อมต่อด้วยบนแพลตฟอร์มของเราจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง
เราจึงมุ่งเดินหน้าให้ความรู้กับคนไทยผ่านแคมเปญสร้างการตระหนักรู้ #StayingSafeOnline เพื่อปกป้องพวกเขาจากการถูกหลอกลวง เราขอขอบคุณพันธมิตรทุกฝ่ายที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ และช่วยให้เราสามารถส่งต่อองค์ความรู้และดูแลความปลอดภัยให้กับคนไทยบนโลกออนไลน์ได้”
การเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการดูแลความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ในโครงการ #StayingSafeOnline และรายละเอียดหลักสูตรการเรียนรู้ต่าง ๆ ถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยชั้นนำจากทีมงานด้านความปลอดภัย ความมั่นคง และนักวิจัยกว่า 35,000 คน ของ Meta โดยเป็นเนื้อหาที่ให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาการหลอกลวงบนโลกออนไลน์ที่มักพบบ่อยที่สุด และลักษณะทั่วไปของนักต้มตุ๋น เป็นต้น สำหรับเฟสสองของโครงการจะให้ความสำคัญกับหัวข้อ “ความปลอดภัยในการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์” โดยการให้เคล็ดลับที่เป็นประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การซื้อสินค้าและบริการจากผู้ขายออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ การหยุดคิดสักครู่ก่อนซื้อ และวิธีการรายงานการหลอกลวงบน Facebook และ Instagram
นอกจากนี้ คุณยังสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเคล็ดลับดังกล่าว และวิธีการในการเฝ้าระวังผู้ประสงค์ร้ายทางโลกออนไลน์ประเภทต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์โครงการ We Think Digital Thailand ได้ที่ https://wethinkdigital.fb.com/th/th-th/stayingsafeonline/ หรือเพจ Facebook https://www.facebook.com/wtdthailand
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
6 เอกลักษณ์ สถาปัตยกรรมเมดิเตอร์เรเนียน
ท่ามกลางกระแสการออกแบบตกแต่งบ้านและอาคารมากมายในปัจจุบันที่มุ่งสร้างความอบอุ่นเรียบง่าย สไตล์แบบเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Style) ดูจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายทั้งภายนอกหรือการออกแบบภายใน (Interior) อย่างเหมาะสมกับสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน แสดงให้เห็นผ่านลักษณะทั้ง 6 อย่าง ที่เมื่อลองมองดี ๆ อาจพบได้ทั่วไปตามบ้านหรือร้านกาแฟต่าง ๆ ดังนี้
- ประตูหน้าต่าง สร้างฟาซาดที่สมมาตรด้วยการตั้งประตูสูงตรงกลาง ขนาบข้างด้วยหน้าต่างเหล็กดัด เพื่อเชื่อมต่อภายนอก-ภายใน
- กระเบื้องหลังคา ทำจากดินเผาสีแดง รูปทรงแบบท่อผ่าครึ่งช่วยให้การระบายน้ำดีแล้วยังช่วยเก็บความเย็นไว้ในบ้านสำหรับวันที่อากาศร้อนได้อีกด้วย
- ผนังปูนปั้น สามารถเก็บความเย็นในวันที่อากาศร้อน และมอบความอบอุ่นในคืนที่หนาวได้
- โค้งทางเดิน (Archways) ทำหน้าที่ด้านโครงสร้างอาคารและด้านการตกแต่ง เสริมความงามได้ด้วยการประดับกระเบื้องหรือกระจกโมเสก
- เหล็กดัดตกแต่ง พบได้เสมอในงานภายนอกอย่างเฉลียง ระเบียง หรือสวน เพื่อสร้างรายละเอียดการประดับที่อบอุ่น
- พื้นที่ภายนอก บ้านสไตล์เมดิเตอเรเนียนมักเน้นการเชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง พื้นที่สำหรับอยู่อาศัยภายนอกจึงเป็นองค์ประกอบที่พบได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ลานบ้าน, ระเบียง หรือ ชานเรือน เป็นต้น โดยตัวบ้านเองก็มักมีทางออกไปด้านนอกหลายจุด
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 25/05/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 30,050.00 | 30,150.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,947.00 | 29,516.52 | 30,650.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,752.30 | 26,564.87 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,557.60 | 23,613.22 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 876.00 | 13,280.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 681.00 | 10,323.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,018.00 | 30,592.88 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 25/05/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 43.45 | 43.45 | 43.85 | 43.45 | 43.85 | 43.45 | 43.45 | 43.45 | 43.45 | 43.45 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 43.18 | 43.18 | 43.58 | 43.18 | 43.58 | 43.18 | 43.18 | 43.18 | 43.18 | 43.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 42.34 | 42.34 | 42.74 | 42.34 | 42.74 | – | 42.34 | 42.34 | 42.34 | 42.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.34 | 36.34 | – | – | – | – | – | – | – | 36.34 |
เบนซิน 95 | 50.86 | – | – | – | 51.71 | – | 51.36 | 51.36 | – | 50.86 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | – | 31.94 | – | 31.94 | 31.94 | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.36 | 42.36 | 46.39 | 45.26 | 46.39 | – | – | – | – | 42.36 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |