สาระน่ารู้ประจำวันที่ 26 ตุลาคม 2565

เศรษฐกิจ ฟื้น ดัน ‘โฮมโปร’ กวาดรายได้ ทะลุแล้ว 5 หมื่นล.

“โฮมโปร”เผย การบริโภคภายในประเทศฟื้น บวกมาตรการรัฐ ดันรายได้ บริษัท งวด 9 เดือน ทะลุ 5 หมื่นล้านบาท ขณะทำกำไรสุทธิ พุ่ง 4.5 พันล้านบาท

26 ต.ค.2565 – นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัท ในช่วง 9 เดือนแรก 2565 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 50,921.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,357.88 ล้านบาท หรือ 9.36% และมีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 4,564.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 898.87 ล้านบาท หรือ 24.52% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 47,976.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,599.22 ล้านบาท หรือ 8.11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวมีส่วนมาจาก การฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงผลจากการเปิดให้บริการเต็มทุกสาขา เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีการปิดบางสาขาตามมาตรการล็อกดาวน์ของทางภาครัฐ 

นอกจากนี้ บริษัทได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ อาทิ งาน Homepro Electric Expo ในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 3 ปี 2565  งาน Homepro Super Expo ในช่วงไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ปี 2565  และกิจกรรม Double Day ในทุกเดือน

 
อีกทั้ง บริษัทฯ ยังมีรายได้จากค่าเช่า จำนวน 1,256.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 412.24 ล้านบาท หรือ 48.84% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทฯ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้รายได้จากค่าเช่าเติบโตสูงขึ้น รวมถึงพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปร และศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ 

โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว สามารถเก็บค่าเช่าได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่มีการปิดศูนย์การค้าชั่วคราวในไตรมาสที่ 3 อันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด และมีการลดค่าเช่าเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาให้แก่ธุรกิจพื้นที่เช่า รวมถึงการรับรู้รายได้ค่าเช่าจาก    โฮมโปรสาขาใหม่ที่บางนา กม.1 ที่เปิดดำเนินการในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564


ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้อื่น ๆ อีกจำนวน 1,689.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 346.42 ล้านบาท หรือ 25.80% โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มจำนวนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าทั้งในช่องทางสาขา ช่องทางออนไลน์

บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้า และการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 12,552.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,294.76 ล้านบาท หรือ 11.50% เมื่อเทียบกับปีก่อน รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 25.37% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.16%  ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง รวมถึงรายได้จากการบริการที่เพิ่มขึ้น แม้ต้นทุนค่าขนส่งในการกระจายสินค้าสู่สาขาจะปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันก็ตาม

นายคุณวุฒิ ได้กล่าวอีกว่า ในไตรมาส 3 นี้ เราเริ่มเห็นการฟื้นตัวเศรษฐกิจประเทศไทย โดยมีผลมาจากการคลี่คลายของสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จากการกระจายวัคซีนที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมาตรการผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ และแนวทางกระตุ้นการท่องเที่ยวของทางภาครัฐ ถึงแม้ว่าจะมีความกดดันในเรื่องของเงินเฟ้อ จากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานและสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค 


อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มีการออกมาตรการเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆ อาทิ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงโครงการคนละครึ่ง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบจากเงินเฟ้อได้ส่วนหนึ่ง

 
นอกจากนี้ ภาพรวมการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของบริษัทฯ ในไตรมาส 3 ปี 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างมาก เป็นผลมาจากฐานยอดขายต่ำในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ด้วยผลกระทบจากการปิดสาขาชั่วคราวตามมาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐ รวมถึงมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในปีนี้

นายคุณวุฒิ กล่าวต่ออีกว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 65 ที่ผ่านมา บริษัท ได้รวม “เมกาโฮม” เข้ามาบริหารเข้าเป็นส่วนเดียวกันกับโฮมโปร ซึ่งจากเดิมที่มีการแบ่งแยกการบริหารงานอย่างชัดเจน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารในด้านต่าง ๆ  อาทิ การบริหารบุคลากร  การบริหารสินค้าคงคลังและการควบคุมต้นทุนสินค้าให้เหมาะสม รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการซื้อสินค้าและบริการได้ทั้งระหว่างสาขาโฮมโปร และเมกาโฮม ที่รวดเร็วและหลากหลายเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้วยเช่นกัน

“ในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 บริษัทฯ มีการเปิดสาขาโฮมโปร จำนวน 1 สาขา ได้แก่ สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต โดยเป็นการย้ายสถานที่จากสาขาเดิมมาเปิดในพื้นที่ใกล้เคียงกันที่มีความสะดวกสบายต่อลูกค้ามากขึ้น รวมถึงบริษัทฯมีการปิดสาขาโฮมโปร จำนวน 1 สาขา ได้แก่ สาขาเดอะมอลล์ บางแค เนื่องจากสัญญาเช่าหมดอายุลง และบริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ในบริเวณใกล้เคียงกันในปีถัดไป อีกทั้งยังมีการเปิดสาขาเมกาโฮม จำนวน 2 สาขา ได้แก่ สาขาพัทยา และ สาขาฉะเชิงเทรา ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2565 บริษัทฯ มีโฮมโปร 86 สาขา โฮมโปรเอส 6 สาขา เมกาโฮม 16 สาขา และโฮมโปรในประเทศมาเลเซียอีก 7 สาขา”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ซีพีแลนด์ มั่นใจปีนี้ธุรกิจโกยรายได้ 1,700 ล้านบาท

ซีพีแลนด์ เผยธุรกิจที่อยู่อาศัย 9 เดือนแรกปี 2565 โกยรายได้ 900 ล้านบาท ขยายตัวโตตามเป้า ชูมาตรฐานคุณภาพคุ้มค่าการลงทุน มั่นใจ 3 เดือนที่เหลือทะลุเป้า สอดรับเป้าหมายใหญ่ของ CP LAND ในปีนี้ที่ทุกธุรกิจจะสร้างรายได้รวม 1,700 ล้านบาท

นายดำรงศักดิ์ ถุงเงิน รองกรรมการผู้จัดการงานบริหารคอนโดฯและสำนักงานให้เช่า บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND เปิดเผยผลประกอบการธุรกิจที่อยู่อาศัย 9 เดือนของปี 2565 พบว่า ผลประกอบการธุรกิจที่อยู่อาศัย สามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้  โดยสามารถสร้างรายได้ที่กว่า 900 ล้านบาท จากปัจจัยการรรุกยกระดับมาตรฐานคุณภาพอย่างจริงจัง

รวมถึงมาตรการส่งเสริมการตลาดของ CP LAND การจับมือกับ 10 ธนาคารพันธมิตร สร้างปรากฎการณ์ “ซีพีแลนด์ ใครก็กู้ได้” ซึ่งช่วยให้ผู้ที่กำลังตัดสินใจจะกู้ซื้อบ้านและคอนโดสามารถดำเนินการธุรกรรมกับธนาคารพันธมิตรได้สะดวกมากยิ่งขึ้น  แคมเปญเดียวสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเริ่มแคมเปญ โดยปัจจุบันสามารถขยายความร่วมมือมากถึง 12 ธนาคารพันธมิตร

ประกอบด้วย BAY-ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, BBL – ธนาคารกรุงเทพ, GH Bank-ธนาคารอาคารสงเคราะห์, GSB – ธนาคารออมสิน, IBank – ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย, KBank – ธนาคารกสิกรไทย, KKP – ธนาคารเกียรตินาคินภัทร, KTB – ธนาคารกรุงไทย, SCB – ธนาคารไทยพาณิชย์ TTB – ธนาคารทหารไทยธนชาติ CIMB – ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย และ UOB – ธนาคารยูโอบี 

รวมถึงแคมเปญ มหกรรมบ้านและคอนโด บนทำเลศักยภาพกว่า 25 โครงการทั่วประเทศของ CP LAND ลุ้นรับคอนโดตากอากาศ โครงการบ้านเขาใหญ่ และรางวัลอื่นๆมูลค่ารวมกว่า 2.7 ล้านบาทถึงสิ้นปีนี้ เพียงซื้อบ้าน หรือ คอนโดจาก CP LAND และการจัดงานดนตรีใน ‘สวนแห่งทัสคานี’ Music in ‘the Garden of Tuscani’ เพื่อเปิดตัวบ้านโซนใหม่ทัสคานี มีนบุรี – ประชาร่วมใจ 37 ซึ่งช่วยโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น

ทำให้สามารถปิดยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  ตลอดจนสภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวมที่กลับมาฟื้นตัวมากยิ่งขึ้น จากการคลายความกังวลที่มีต่อสถานการณ์โรคระบาดโควิด – 19 ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว รายได้และกำลังซื้อเริ่มกลับคืนมา รวมถึงผู้กำลังมองหาที่อยู่อาศัยเริ่มเร่งตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย หลังจากต้นทุนวัสดุก่อสร้างขยับตัวขึ้น ราคาที่อยู่อาศัยเตรียมขยับตัวขึ้นตาม

“จากข้อมูลพบว่า ลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของ CP LAND ส่วนใหญ่กว่า 70% เป็นผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) และอีก 30% เป็นนักลงทุนสำหรับการปล่อยเช่า โดยโครงการที่ได้รับการตอบรับที่ดีส่วนใหญ่จะกระจายอยู่ตามภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) และภาคเหนือ ได้แก่ กัลปพฤกษ์ มหาสารคาม  พาร์ค คอนโด ดรีม นครราชสีมา อุดรธานี และแม่สอด

โดยมีปัจจัยมาจากการตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสม มีความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป และการออกแคมเปญต่างๆมาสนับสนุน เชื่อว่าอีก 3 เดือนที่เหลือจะสามารถทำรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ สอดรับเป้าหมายใหญ่ของ CP LAND ในปีนี้ที่ทุกธุรกิจจะสร้างรายได้รวม 1,700 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับปี 2564” นายดำรงศักดิ์ กล่าว

อนึ่ง ซี.พี.แลนด์ หรือ CP LAND ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2531 ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ประกอบด้วย 7 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจที่พักอาศัย บ้าน คอนโดมิเนียม 2. ธุรกิจอาคารสำนักงาน (ส่วนกลางและภูมิภาค) 3. ธุรกิจโรงแรม 4. ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 5. ธุรกิจบริหารอาคาร 6. ธุรกิจพลังงาน 7. ศูนย์ประชุมไคซ์ – KICE ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 38.05 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทมีแนวโน้ม “แข็งค่า”แบบจำกัดอยู่ในโซน 37.80-37.90 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากบรรดาผู้นำเข้าต่างรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 38.05 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”ากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 38.29 บาทต่อดอลลาร์


 นายพูน  พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบะว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าเร็วกว่าที่คาด หนุนโดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด ซึ่งหากตลาดยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงต่อ ก็อาจเห็นการกลับเข้าซื้อหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติต่อเนื่อง หนุนการแข็งค่าของเงินบาทได้ 

อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า การแข็งค่าของเงินบาทอาจจำกัดอยู่ในโซน 37.80-37.90 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากบรรดาผู้นำเข้าต่างรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่อาจเริ่มกลับมาอยู่ในโหมด Wait and See เพื่อรอจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางหลักสำคัญ ทั้ง ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในช่วงปลายสัปดาห์ ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถานะถือครองที่ชัดเจนอีกครั้ง
 
ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของหลายปัจจัย เราคงแนะนำให้ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก
 
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 37.90-38.15 บาท/ดอลลาร์

ผู้เล่นในตลาดการเงินสหรัฐฯ เดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (Risk-On) ท่ามกลางความหวังว่า เฟดอาจชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยได้ในช่วงปลายปี หลังจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด เริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการที่ลดลงต่อเนื่องต่ำกว่าระดับ 50 จุด รวมถึง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB Consumer Confidence) เดือนตุลาคมที่ลดลงแย่กว่าคาด


 นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาดยังได้ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น +1.63% ส่วนดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปิดตลาด +2.25% ตามแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคฯ หลังจากที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.09% ตามการปรับลดมุมมองการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของผู้เล่นในตลาด
 
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +1.44% จากอานิสงส์ของรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในฝั่งยุโรปส่วนใหญ่ที่ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth อาทิ Adyen +5.8%, ASML +3.8% เช่นเดียวกันกับในฝั่งสหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายกังวลแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังมีความเสี่ยงที่จะถูกกดดันจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจท่ามกลางแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อสูง ความเสี่ยงวิกฤตพลังงาน และการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาผลการประชุม ECB ในวันพฤหัสฯ นี้
 

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 110.95 จุด (-0.95%) ตามการเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาด ที่กดดันให้ผู้เล่นในตลาดทยอยลดการถือครองเงินดอลลาร์ลง นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันโดยการแข็งค่าขึ้นกว่า +1.2% ของเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) สู่ระดับ 1.146 ดอลลาร์ต่อปอนด์ 


ท่ามกลางความหวังของผู้เล่นในตลาดว่า นายกฯ คนใหม่ของอังกฤษ นาย Rishi Sunak จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ทั้งนี้ การปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) รีบาวด์ขึ้น สู่ระดับ 1,655 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำอาจมีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้บ้าง ตามโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ โดยเฉพาะแรงขายจากผู้เล่นที่เข้าซื้อทองคำในจังหวะที่ย่อตัวใกล้โซนแนวรับ 1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในสัปดาห์ก่อนหน้า
 
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งหากผลประกอบการส่วนใหญ่ยังคงออกมาดีกว่าคาด ก็จะสามารถช่วยหนุนบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ของตลาดการเงินได้
 
ส่วนในฝั่งไทย รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจจะอยู่ที่ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ (Trade Data) โดย ตลาดประเมินว่า ผลกระทบของการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกจะกดดันให้ยอดการส่งออกของไทยโตเพียง +4.4%y/y ในขณะที่ยอดการนำเข้ายังคงอยู่ในระดับสูงและขยายตัวกว่า +20%y/y ทำให้โดยรวมดุลการค้าในเดือนกันยายนจะยังคงขาดดุลราว -2.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหากดุลการค้าขาดดุลกว่าคาดและยังมีทิศทางขาดดุลต่อเนื่องก็อาจกดดันการฟื้นตัวของดุลบัญชีเดินสะพัด แม้จะเริ่มมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นก็ตาม ทำให้เงินบาทอาจไม่สามารถแข็งค่าขึ้นไปได้มากในปีนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 38.09-38.11 บาทต่อดอลลาร์ฯ (9.40 น.) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 38.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ หลังข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมากกว่าที่ตลาดคาด และ

กดดันบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ รวมถึงทำให้ตลาดทยอยปรับลดโอกาสของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 bps. ในการประชุม FOMC เดือนธ.ค. ลงมา นอกจากนี้เงินดอลลาร์ฯ ยังอ่อนค่าลงมากเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ ซึ่งได้รับแรงหนุนหลังจากมีการแต่งตั้งนาย Rishi Sunak เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษอย่างเป็นทางการ

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 37.85-38.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนก.ย. ของไทย ทิศทางฟันด์โฟลว์ สถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค โดยเฉพาะค่าเงินหยวนและเงินเยน ท่าทีของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย. ของสหรัฐฯ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“เฟม-เอิร์ธ” ลิ่วรอบสองหญิงคู่ขนไก่ฝรั่งเศส

“เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน-“เอิร์ธ” พุธิตา สุภจิรกุล นักตบลูกขนไก่หญิงคู่มืออันดับ 52 ของโลก พลิกเอาชนะมืออันดับ 15 ของโลกจากญี่ปุ่น ผ่านเข้าสู่รอบสองการแข่งขันแบดมินตันระดับเวิลด์ทัวร์ซูเปอร์ 750 รายการ “โยเน็กซ์ เฟร้นช์ โอเพ่น 2022” ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเปิดฉากเป็นวันแรกเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม

รอบแรก (รอบ 32 คู่) หญิงคู่ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน-“เอิร์ธ” พุธิตา สุภจิรกุล คู่มืออันดับ 52 ของโลก พบกับ ริน อิวานากะ-คิเอะ นากานิชิ มือ 15 โลกจากญี่ปุ่น ซึ่งทั้งสองคู่ไม่เคยเจอกันมาก่อน

ผลปรากฏว่า คู่ของไทยเล่นได้อย่างเฉียบขาดกว่า เอาชนะไป 2-0 เกม 21-19, 21-10 ใช้เวลา 47 นาที ผ่านเข้าสู่รอบสอง หรือรอบ 16 คู่สุดท้ายไปพบผู้ชนะระหว่าง เฉิน ฉิง เฉิน-เจี่ย อี้ ฟาน มืออันดับ 1 ของโลก และมือวางอันดับ 1 จากจีน ซึ่งเพิ่งคว้าแชมป์รายการ “เดนมาร์ก โอเพ่น” เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หรือคู่พี่น้องจากบัลแกเรีย กาเบรียล่า สโตเอว่า-สเตฟานี สโตเอว่า มืออันดับ 9 ของโลก

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“กระเพาะปัสสาวะอักเสบ” โรคอันตรายที่ชาวออฟฟิศควรระวัง

เชื่อว่ามนุษย์วัยทำงานหลายๆ คนอาจจะเคยประสบปัญหางานยุ่งจนไม่มีเวลาพัก บางคนถึงขนาดที่ว่าประชุมจนไม่มีเวลาเบรกเพื่อดื่มน้ำหรือไปเข้าห้องน้ำเลยกันทีเดียว ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ถือว่าทำร้ายสุขภาพของเรามากๆ นานวันเข้าก็อาจจะทำให้เป็น โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ได้เลย

วันนี้อยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ภัยใกล้ตัวของชาวออฟฟิศที่ควรระวัง

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คืออะไร

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อของระบบปัสสาวะ ซึ่งโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบนี้มักพบได้บ่อยในผู้หญิง เนื่องจากผู้หญิงมีท่อปัสสาวะที่สั้นกว่าผู้ชาย จึงทำให้เชื้อโรคต่างๆ เข้าไปได้ง่ายกว่า และเมื่อเชื้อแบคทีเรียขยายตัวมากกว่าส่วนที่ถูกขับออกมากับปัสสาวะ ก็ทำให้เราเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบนั่นเอง

สาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

บางรายอาจเกิดจากการกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ เวลาปวดมักจะอดทนและไม่ยอมลุกไปปัสสาวะ การนั่งทำงานที่โต๊ะเป็นเวลานานๆ จนทำให้ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว แม้กระทั่งการดื่มน้ำระหว่างวันที่น้อยจนเกินไป ก็ส่งผลให้กระเพราะปัสสาวะของเราอักเสบได้เช่นกัน 

อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบที่ควรสังเกต

  • รู้สึกแสบร้อน ปวดขัดเวลาที่ปัสสาวะออกมา
  • ปัสสาวะบ่อยมากกว่า 10 ครั้งต่อวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน
  • เมื่อปัสสาวะสุด อาจมีเจ็บเสียวบริเวณปลายหลอดปัสสาวะ
  • ปวดหน่วงๆ บริเวณท้องน้อย
  • ปัสสาวะมีสีและกลิ่นผิดปกติ ในบางรายอาจมีเลือดปนเปื้อนออกมา

วิธีรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

โดยทั่วไปแล้วจะเป็นการทานยาตามที่แพทย์สั่ง ส่วนใหญ่จะเป็นยาปฏิชีวนะที่ต้องอยู่ในการดูแลและการควบคุมของแพทย์ บางรายอาจจะ 3-5 วัน แต่ถ้าหากผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงก็อาจจะต้องทานต่อเนื่องนาน 7-10 วัน

วิธีป้องกันโรคกะเพราะปัสสาวะอักเสบ

ง่ายที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตใหม่ เช่น จากเดิมที่เคยดื่มน้ำในแต่ละวันในปริมาณน้อยจนเกินไป ก็ควรดื่มน้ำให้เพียงพอมากขึ้น อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้วเพื่อสุขภาพที่ดี นอกจากนี้ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ หากปวดก็ควรลุกไปปัสสาวะทันทีไม่ต้องรอ รวมไปถึงการขยับร่างกาย เคลื่อนไหวร่างกายอยู่บ่อยๆ ไม่นั่งแช่อยู่กับที่เป็นเวลานานๆ

ทั้งนี้ การรักษาสุขอนามัยก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่ควรมองข้าม เมื่อปัสสาวะเสร็จแล้วก็ควรทำความสะอาดอวัยวะเพศอยู่เสมอ สำหรับสาวๆ นั้น ควรทำความสะอาดอวัยวะเพศจากด้านหน้าไปด้านหลังอยู่เสมอ เพื่อลดการติดเชื้อจากรูทวารและช่องคลอดเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะของเรา

“การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” คำขอนี้คงเป็นคำที่ไม่เกินจริงสำหรับยุคนี้ ถึงแม้ว่าโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาจจะไม่ได้ส่งผลรุนแรงต่อร่างกายมากนัก แต่ก็คงจะดีกว่าถ้าหากเราทุกคนดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


วิธีอธิบายอาการเจ็บป่วยเป็นภาษาอังกฤษ

อาการเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกเวลา แต่ลองคิดดูว่า ถ้ามันดันเกิดตอนที่เราไม่ได้อยู่ในประเทศตัวเองล่ะ จะลำบากขนาดไหน การอธิบายอาการเจ็บป่วยอย่างถูกต้องให้แก่คุณหมอทราบ เป็นสิ่งที่อาจชี้เป็นชี้ตายได้ในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะการพูดเป็นภาษาอังกฤษด้วยแล้ว วันนี้เราจะมาเรียนรู้กันว่า อาการเจ็บป่วยในภาษาอังกฤษพูดแบบไหนได้บ้าง

1. ปวดหัว

อาการปวดหัวนั้น เรารู้ว่าต้องพูดว่า I have a headache. แต่ในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น เราอาจจะต้องอธิบายมากกว่านั้นเช่น I have a severe headache. (ปวดหัวรุนแรง) I have an acute headache. (ปวดหัวเฉียบพลัน) หรือ I have chronic headaches. (ปวดหัวเรื้อรัง) นอกจากนี้ เรายังสามารถอธิบายเพิ่มได้อีกว่าปวดหัวทำให้รู้สึกอย่างไร เช่น throbbing (ปวดตุบๆ) dull (ปวดตื้อๆ) หรือ stabbing (ปวดหัวจี๊ด) headache เป็นต้น

2. ปวดท้อง

เรานิยมพูดว่า I have a stomach ache. เพื่อบอกว่าเราปวดท้อง แต่อาการนี้สามารถอธิบายแบบเจาะจงได้อีกว่า I have an upset stomach. หรือ I have an indigestion. (ปวดท้องแบบอาหารไม่ย่อย) หรือถ้าเป็นสาวๆ อาจมีอาการปวดประจำเดือน หรือ I have period cramps. โดยถ้าไม่แน่ใจว่าปวดท้องแบบไหน เราอาจจะชี้ตำแหน่งแล้วพูดว่า I have pain in this area. ก็ได้เช่นกัน

3. ปวดอื่นๆ

นอกจากปวดหัวปวดท้องแล้ว เราอาจจะมีการปวดหลัง (back pain) ปวดฟัน (toothache) เจ็บหน้าอก (chest pain) โดยวิธีที่ง่ายก็คือ ใส่ชื่ออวัยวะไว้ข้างหน้า ตามด้วยคำว่า pain จะเซฟที่สุด

4. หายใจไม่ออก

ถ้าพูดง่ายๆเลยก็คือ I can’t breathe. (ฉันหายใจไม่ออก) แต่เราสามารถพูดอีกอย่างได้ว่า I have trouble breathing. นอกจากนี้ ถ้าเราหายใจไม่สะดวก เราสามารถพูดได้ว่า I’m short of breath. โดยที่สาเหตุการหายใจไม่สะดวก อาจจะมาจากการมีน้ำมูก (I have a runny nose.) หรือรูจมูกอุดตัน (I have a stuffy nose.)

5. มีผื่นขึ้น

การมีผื่นขึ้นสามารถพูดได้ว่า I have a rash. ซึ่งอาจเกิดได้จากอาการแพ้ที่เรารู้ตัวอยู่แล้ว หรือแพ้จากสาเหตุอื่น ถ้าเรารู้ตัวอยู่แล้วว่าเราแพ้อะไร เราสามารถพูดได้ว่า I’m allergic to เช่น I’m allergic to nuts. (ฉันแพ้ถั่ว) ซึ่งเราสามารถอธิบายได้ว่ามีผื่นขึ้นตรงไหน เช่น I have a rash on my neck. (ผื่นขึ้นคอ) หรือถ้าเราไม่รู้ว่าแพ้อะไร เราอาจจะต้องอธิบายว่าเราไปทำอะไรมาก่อนหน้านี้ หรือโดนแมลงกัดต่อยหรือเปล่า (insect bites) เพื่อให้คุณหมอได้ข้อมูลที่ครบถ้วนที่สุด

6. มีอาการบวมแดง

เราสามารถพูดอธิบายว่ามีอาการบวมแดงเกิดขึ้นที่ไหน เช่น My ankle is red and swollen. (ข้อเท้าของฉันบวมแดง) โดยเราสามารถอธิบายได้ว่าส่วนไหนในร่างกายที่บวมแดง โดยเราสามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ว่ามีอาการอะไรควบคู่มาบ้างเช่น I feel itchy on my ankle. (ข้อเท้าคัน) หรือ My ankle is stiff and sore (ข้อเท้าแข็งและปวด) เป็นต้น

7. ท้องเสีย ท้องผูก

อาการปวดท้องอาจส่งผลให้เกิดอาการตามมา เช่น I’m having diarrhea. (ท้องเสีย) I’m having constipation. (ถ่ายไม่ออก) โดยการปวดท้องจากการกินอาหารแปลกๆในต่างแดน อาจทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ (food poisoning) ได้ง่ายกว่าปกติ โดยอาการอาจรวมถึงการคลื่นไส้ (I feel nauseous.) อาการเวียนหัว (I feel dizzy.) และอาจมีการอาเจียนตามมา (I have been vomiting for 2 hours. – ฉันอ้วกมาสองชั่วโมงแล้ว)

8. มีไข้

เราสามารถพูดว่า I’ve got a fever. (ฉันมีไข้) โดยที่สามารถพูดได้ว่ามีไข้กี่องศา เช่น I have a fever of 39 degrees Celsius. (มีไข้ 39 องศาเซลเซียส) โดยเราสามารถขยายได้อีกว่ารู้สึกอย่างไรตอนเป็นไข้ เช่น I have trouble sleeping. (นอนไม่ได้) I’m sweating all the time. (เหงื่ออกตลอดเวลา) หรือ I feel cold and shivery. (รู้สึกหนาวสั่น)

9. มีอาการลงน้ำหนักแล้วเจ็บ

เราสามารถอธิบายได้ว่าส่วนใดของร่างกายเราที่ลงน้ำหนักแล้วเจ็บ เช่น My foot hurts when I put pressure on it. (เท้าของฉันเจ็บเมื่อลงน้ำหนัก) หรือ My arm hurts when I press it. (แขนเจ็บเวลาที่ฉันกด) หรือ This area hurts when I touch it. (ส่วนนี้แค่แตะก็เจ็บแล้ว) เป็นต้น

10. บอกเล่าว่าเกิดอาการขึ้นนานแค่ไหนแล้ว 

สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ เราต้องพูดเป็นว่าอาการเกิดขึ้นเมื่อไร เพื่อให้คุณหมอวินัจฉัยได้ถูก เช่น I started experiencing the symptoms one day ago. (ฉันเริ่มมีอาการเหล่านี้หนึ่งวันแล้ว) โดยที่ถ้าเราคิดว่ามันเกิดหลังจากเราไปทำอะไรมา เราก็ควรบอกด้วย เช่น I got this after I …..(มันเกิดขึ้นหลังจากที่ฉัน…)

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


เผยโฉมรถบินจาก ‘อเลฟ’ สะดุดตานักลงทุนของเทสลา

คอนเซปต์รถบินได้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการยานยนต์และเทคโนโลยี ที่นักประดิษฐ์หวังจะติดปีกรถยนต์ขับเคลื่อนบนท้องถนนทั่วไปมาหลายทศวรรษ แต่โครงการที่ประสบความสำเร็จมีอยู่จำกัด

จิม ดูคอฟนี ผู้ก่อตั้ง อเลฟ แอโรนอติกส์ (Alef Aeronautics) หวังที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ โดยบริษัทสตาร์ทอัพของในแคลิฟอร์เนียของเขา มาพร้อมกับวิธีใหม่ในการเคลื่อนย้ายยานพาหนะที่เคลื่อนที่บนพื้นดินให้ขึ้นสู่ท้องฟ้า และสะดุดตานักลงทุนอย่างน้อยหนึ่งราย

รถโมเดล เอ ของ อเลฟ แอโรนอติกส์ ผุดขึ้นมาหลังจากบริษัทฟูมฟักรถรุ่นนี้มาร่วม 7 ปี ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกอาจไม่เหมือนกับรถบินได้ในภาพยนตร์เก่า ๆ แต่รูปโฉมจะคล้ายกับรถแท็กซี่บินได้ของบรูซ วิลลิส ที่เคยปรากฎในภาพยนตร์ The Fifth Element เมื่อปี 1997

ด้วยรูปลักษณ์ที่แหวกแนว ซึ่งตัวรถด้านข้างจะปรับขึ้นเป็นปีกหลังจากขึ้นสู่ท้องฟ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ ทิม เดรปเปอร์ นักลงทุนรุ่นแรก ๆ ของบริษัทเทสลา ของอิลอน มัสก์ สะดุดตาจนถึงกับเข้ามาสนับสนุนอเลฟ แอโรนอติกส์ ผ่านบริษัทร่วมทุน Draper Associates Fund V เป็นเงินทุนตั้งต้น 3 ล้านดอลลาร์

เดรปเปอร์ เปิดเผยกับรอยเตอร์ด้วยว่า หลังจากให้ทุนก้อนแรกไปแล้ว ยังได้เพิ่มเงินลงทุนเข้าไปอีกเมื่อได้เห็นโดรนต้นแบบที่เคยสัญญาว่าจะทำตั้งแต่แรกเริ่ม และว่าดีไซน์ของรถโมเดล เอ นั้นไม่ธรรมดา ที่ด้านข้างของรถกลายเป็นปีกเมื่อตัวเครื่องบินเคลื่อนที่ไปในแนวราบ

จุดเด่นอย่างหนึ่งของรถโมเดล เอ คือ วิธีการบิน เพราะเมื่อรถบินขึ้นจากพื้น ตัวห้องโดยสารจะหมุนพลิกด้านเช่นเดียวกับตัวรถที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่จะพลิกตะแคงข้าง ก่อนจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและขับเคลื่อนด้วยใบพัดหลายใบพัด ซึ่งแตกต่างจากรถบินได้ของบริษัทอื่น ๆ ที่ดูคล้ายกับโดรนขนาดยักษ์ซึ่งไม่มีล้อในการขับรถบนท้องถนนได้ตามปกติ ซึ่งเรื่องนี้ ดูคอฟนี กล่าวเสริมอีกว่า “รถทั้งคันคือปีก”

โมเดล เอ ประเมินระยะการขับได้เป็นระยะ 322 กิโลเมตร และทำการบินได้ในระยะ 160 กิโลเมตร

อเลฟ แอโรนอติกส์ ออกแบบรถบินได้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โมเดล เอ ที่เคลื่อนที่ขึ้นลงแบบแนวดิ่ง โดยการผลิตนี้สร้างขึ้นด้วยมือ สนนราคา 300,000 ดอลลาร์ หรือราว 11,468,999 บาท พร้อมจัดส่งรถรุ่นแรกได้ในปี 2025 ซึ่งราคาของรถรุ่นนี้เทียบเท่าราคาเริ่มต้นของรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นเรือธงของคาดิลแลค เซเลสทิค ที่จะถึงมือผู้บริโภคในปี 2024

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ภายในปี 2030 ดูคอฟนี เสนอแผนเปิดตัวรถซีดาน โมเดล ซี ประเมินระยะการขับได้เป็นระยะ 644 กิโลเมตร และทำการบินได้ในระยะ 322 กิโลเมตร แต่ราคาอยู่ที่ 35,000 ดอลลาร์ ซึ่งดูคอฟนี บอกด้วยว่า “รถนี้ไม่ได้ซับซ้อนไปกว่าโตโยตา โคโรลาเลย” และว่า “เป้าหมายของเราคือทำให้แน่ใจว่าราคาของรถนี้เท่า ๆ กัน”

ทั้งนี้ จิม ดูคอฟนี ผู้ก่อตั้ง อเลฟ แอโรนอติกส์ ไม่เคยผลิตรถมาก่อน เพราะพื้นเพของเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ นักออกแบบซอฟต์แวร์ ผู้ที่คลั่งไคล้นิยายไซไฟ และนักธุรกิจที่เคยทำเว็บไซต์เกมออนไลน์ Intellectual Casino

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Home Lift “V80” ลิฟท์บ้านนำเข้าจากสวีเดนของ ซีเบส ลิฟท์ เติมเต็มคุณค่าให้บ้านของท่าน

ลิฟท์บ้านรุ่น V80 GALAXY Screw-driven Home Lift ลายแผงควบคุม NEBULA

ในปัจจุบันถ้าพูดถึงลิฟท์บ้านทุกคนคงนึกถึงลิฟท์ที่มีขนาดพอดีกับตัวบ้าน ไม่เทอะทะ และมีดีไซน์ที่สวยงามตามยุคสมัยที่พัฒนามากขึ้น วิวัฒนาการนวัตกรรมระบบเทคโนโลยีลิฟท์บ้านก็เปรียบได้กับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่ควรจะมีการพัฒนาอยู่เสมอ เพื่อให้ระบบไม่ต้องการการดูแลที่มากนัก จึงทำให้ลดระยะเวลาการตรวจดูลิฟท์แต่ในขณะที่ระบบลิฟท์ยังทำงานได้อย่างดีเยี่ยม

ทางซีเบส ลิฟท์ จึงได้ทำการพัฒนาเทคโนโลยี EcoSilent 2.0 ใน Screw Driven Home Lift ลิฟท์ระบบสกรู มีระบบกันลิฟท์สั่น ระบบประหยัดพลังงาน ซึ่งเป็นลิฟท์อัจฉริยะเมื่อผู้ต้องการความช่วยเหลือยู่ในลิฟท์ มีการบำรุงรักษาเพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น รวมถึงอัพเกรดให้มี 2N ม่านแสงนิรภัย (Cutting-edge light curtain) ที่อยู่ตรงรอบๆตัวลิฟท์ด้านในอีกด้วย ความปลอดภัยระดับสูงมาตรฐานสากล

หลายครั้งคนที่กำลังจะติดลิฟท์บ้าน เมื่อเริ่มค้นหาข้อมูลจะพบว่าลิฟท์บ้านมีหลายประเภท และมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ทางเราจึงมีบทความ ราคาลิฟท์บ้าน เพื่อให้ท่านทราบถึงข้อแตกต่างและปัจจัยที่ทำให้ลิฟท์บ้านราคาถูกหรือแพง เพื่อท่านจะได้ลิฟท์บ้านที่ตรงใจและตามงบประมาณ

โดยลิฟท์รุ่น V80 นั้นเป็นลิฟท์แบบ “Platform Home Lift” ซึ่งขับเคลื่อนด้วยความเรียบง่ายตามสไตล์คอนเซ็ปแบบสวีเดน โดยใช้เหล็กเส้นเกลียว (สกรู) และน๊อต ที่ได้รับการทดสอบมาอย่างดีเยี่ยมแล้วว่าไม่มีทางหักอย่างแน่นอน โดยมีมาตรฐานยุโรปรับประกันความปลอดภัย

โดย V80 Screw-Driven Home Lift นั้นแบ่งออกเป็น 4 รุ่น ดังต่อไปนี้

1.ลิฟท์บ้าน V80 Elegance Home Lift สีขาว ดีไซน์เรียบหรู

ลิฟท์บ้านสีขาว เรียบหรูหรา ตามสไตล์สแกนดิเนเวียน เหมาะสำหรับคุณลูกค้าที่ชอบลิฟท์สีสะอาดตา เข้าได้กับทุกบ้าน มีราคาที่ไม่สูง แต่คุณภาพครบเครื่อง โดยจุดเด่นของรุ่น

  • ปล่องลิฟท์และประตูลิฟท์ที่ใช้กระจกเทมเปอร์ลามิเนตบานใหญ่
  • ไฟส่องสว่างแบบมาตรฐาน และเพดานกระจกเงา
  • ปุ่มกดบนแผงควบคุมการทำงาน HMI แบบสัมผัส (Touchscreen)
  • Ecosilent 2.0 จะนำคุณไปสู่อีกระดับของความปลอดภัยและความเงียบในการใช้งาน
  • Guide roller ที่พัฒนาให้แข็งแรงและลดการเสียดสีกับลิฟท์ ทำให้คุณเดินทางได้นุ่มนวลยิ่งขึ้น และลดความถี่ในการบำรุงรักษา
  • Load sensor ปรับปรุงใหม่ทำให้มีความแม่นยำและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

2.ลิฟท์บ้าน V80 Aurora Home Lift รุ่นยอดนิยม ดีไซน์เลือกได้ สีคุมโทนไม้และหิน ตามสไตล์คุณ

ลิฟท์บ้านที่สวยหรูและสามารถออกแบบได้หลากหลาย เพื่อให้เข้ากับดีไซน์ของบ้านคุณ ลิฟท์บ้านแบบแพลตฟอร์ม รุ่นยอดนิยม

  • ปล่องลิฟท์และประตูลิฟท์ที่ใช้กระจกเทมเปอร์ลามิเนตบานใหญ่
  • ไฟส่องสว่างแบบมาตรฐาน และเพดานกระจกเงา
  • ปุ่มกดบนแผงควบคุมการทำงาน HMI แบบสัมผัส (Touchscreen)
  • Ecosilent 2.0 จะนำคุณไปสู่อีกระดับของความปลอดภัยและความเงียบในการใช้งาน
  • Guide roller ที่พัฒนาให้แข็งแรงและลดการเสียดสีกับลิฟท์ ทำให้คุณเดินทางได้นุ่มนวลยิ่งขึ้น และลดความถี่ในการบำรุงรักษา
  • Load sensor ปรับปรุงใหม่ทำให้มีความแม่นยำและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
  • แพทเทิร์นบนพื้นหลังของแพลตฟอร์ม มี 5 สี
  • ชุดพื้นลิฟท์ลายหินแบบพรีเมี่ยม มี 3 แบบ
  • ความหลากหลายของสีลิฟท์ มีสีพรีเมี่ยม สีพิเศษที่มีเฉพาะของ Cibes Premium 6 แบบ + สีขาวจากเวอร์ชัน Elegance

3.ลิฟท์บ้าน V80 Galaxy Home Lift รุ่นไฮเอนด์ พื้นหนัง ดีไซน์โฉบเฉี่ยวล้ำสมัยด้วยไฟ LED เปลี่ยนสีได้

ลิฟท์บ้านตอบโจทย์ทุกความต้องการของดีไซน์ ที่สุดแห่งความหรูหรา ด้วยลวดลายหลายแบบ พื้นหนัง สีลิฟท์ระดับเกรดดีเยี่ยม

  • ปล่องลิฟท์และประตูลิฟท์ที่ใช้กระจกเทมเปอร์ลามิเนตบานใหญ่
  • ไฟจาก LED RGBW เพื่อลวดลายสวยงาม 2 แบบบนแพลตฟอร์มและตลอดแนวรางของปล่อง
  • ปุ่มกดบนแผงควบคุมการทำงาน HMI แบบสัมผัส (Touchscreen)
  • Ecosilent 2.0 จะนำคุณไปสู่อีกระดับของความปลอดภัยและความเงียบในการใช้งาน
  • Guide roller ที่พัฒนาให้แข็งแรงและลดการเสียดสีกับลิฟท์ ทำให้คุณเดินทางได้นุ่มนวลยิ่งขึ้น และลดความถี่ในการบำรุงรักษา
  • Load sensor ปรับปรุงใหม่ทำให้มีความแม่นยำและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
  • ประตูบานคู่แบบซาลูนอัตโนมัติ
  • มีลวดลายแผงควบคุมให้เลือกถึง 8 แบบ 8 สีที่เข้ากัน
  • พื้นหนังจากสวิสเซอร์แลนด์ 3 สี
  • สีลิฟท์ระดับไฮเอนด์ 5 สี

4.ลิฟท์บ้าน Cibes Air Home Lift เนรมิตลิฟท์บ้านสไตล์สวีเดน ด้วยโลหะ/ไม้/ผ้า

ลิฟท์บ้านที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ดีไซน์ไม่เหมือนใคร ใช้ได้ทุกช่วงวัยในบ้าน และยังคงไว้เรื่องความปลอดภัย

  • แผงควบคุมมี 3 แบบให้เลือก: โลหะ/ไม้/ผ้า
  • เลือกสีลิฟท์จาก RAL ได้มากถึง 300 เฉดสี
  • มีแพลตฟอร์มลิฟท์ 17 ขนาดให้เลือกเพื่อให้พอดีกับพื้นที่ในบ้านคุณ
  • สามารถเลือกทำปล่องลิฟท์เป็นกระจกได้รอบด้าน
  • ต้องเตรียมพื้นที่สำหรับลิฟท์น้อยมาก
  • การติดตั้งทำได้รวดเร็วและไม่มีงานก่อสร้างที่ยาก
  • ปุ่มกดลิฟท์พร้อมอักษรเบรลล์
  • มีไฟตกแต่งบริเวณแผงควบคุม
  • มีแพลตฟอร์มลิฟท์ 17 ขนาดให้เลือกเพื่อให้พอดีกับพื้นที่ในบ้านคุณ
  • สามารถเลือกทำปล่องลิฟท์เป็นกระจกได้ถึง 360 องศา
  • จอแสดงการทำงานภายในลิฟท์มีขนาด 7 นิ้ว

สรุปภาพรวม Cibes Home Lift ลิฟท์บ้านจากสวีเดน

ลิฟท์บ้านของทาง ซีเบส ลิฟท์ นั้นเน้นที่ความสวยงาม หรูหรา ขนาดปรับพอดีกับส่วนของบ้าน อาคาร ประหยัดพลังงาน ความปลอดภัยสูง ตามมาตรฐานยุโรป ลิฟท์ของทางเรานั้นเหมาะกับผู้คนทุกช่วงทุกวัยรวมถึงซีเบส ลิฟท์ประเทศไทยนั้นทางเราจัดจำหน่ายและดูแลลูกค้าของเราเองโดยตรง ไม่ผ่านตัวแทนจำหน่าย คุณจึงมั่นใจในความถูกต้องและรวดเร็วในการให้บริการทั้งก่อนและหลังการขายแน่นอน

สำหรับรุ่นลิฟท์แบบ “Platform Home Lift” มีข้อดีก็คือให้ความ โล่ง โปร่งสบายของดีไซน์ มีความเรียบง่ายผสมผสานความหรูหราได้อย่างลงตัว แถมยังได้ความสวยงามเหมือนของประดับบ้านอีกด้วย ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ยังได้ความเพลิดเพลินในการใช้งาน ทั้งนี้ หากท่านสนใจติดตั้งลิฟท์สามารถติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ได้แบบไม่มีค่าบริการ

ท่านสามารถติดต่อ ซีเบส ลิฟท์ ได้ที่

บริษัท ซีเบส ลิฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทรศัพท์ (ฝ่ายขาย) : 02-114-6499
โทรศัพท์ (บริการหลังการขาย 24 ชม.) : 02-114-6998
อีเมล : support_th@cibeslift.com
เว็บไซต์ : https://www.cibeslift.co.th/

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 26/10/2565

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a29,750.0029,850.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,927.0029,213.3230,350.00
ทองรูปพรรณ 90%1,734.3026,291.99n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,541.6023,370.66n/a
ทองรูปพรรณ 50%867.0013,143.72n/a
ทองรูปพรรณ 40%674.0010,217.84n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,997.0030,274.52n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 26/10/2565



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.6535.6535.7535.6535.6535.6535.6535.6535.6535.65
แก๊สโซฮอล์ 9135.3835.3835.4835.3835.3835.3835.3835.3835.3835.38
แก๊สโซฮอล์ E2034.5434.5434.6434.5434.5434.5434.5434.5434.54
แก๊สโซฮอล์ E8532.9432.9432.94
เบนซิน 9543.0643.5143.5643.5143.06
ดีเซล B734.9434.9435.2434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล34.9434.9435.2434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล B2034.9434.9435.2434.9434.9434.9434.5434.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.6643.6644.6644.6644.6634.94
แก๊ส NGV16.5916.5916.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า