สาระน่ารู้ประจำวันที่ 27 ตุลาคม 2565

อสังหาฯ ลดแหลก เปิดดีลใหญ่ ตรึงดอกเบี้ย กระชากโอน ปิดเกม ’65

อสังหาฯ เปิดดีลแรงแห่งปี ขนบ้าน-คอนโดฯ ลดราคายกแผง ‘เพอร์เฟค’ สวนกระแส ตรึงดอกเบี้ย 2% ,ASW – พฤกษา ชูส่วนลด 1 ล้าน พร้อมลุ้นรถไฟฟ้า ซีพีแลนด์ อัดรางวัล 2.7 ล้าน ด้านศุภาลัย – อนันดา แจกแหลก จอง 0 บาท กระตุก ซื้อ-โอนฯ ส่งท้ายปี รับบิ๊กอีเว้นท์ งานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่ 42

ภาพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่มีอัตราการขยายตัว หรือ กลับมาฟื้นตัวได้ดีในระดับหนึ่ง จากจำนวนโครงการเปิดใหม่ของผู้ประกอบการ ที่เทียบกับปีก่อนหน้า เติบโตขึ้นมามาก อย่างไรก็ดี ในฝั่งของผู้บริโภค การฟื้นตัวยังคงกระจุกตัวในกลุ่มโครงการระดับกลางค่อนบน จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ภาครัฐ และ ฝั่งผู้ขาย จำเป็นต้องกระตุ้น ผู้บริโภคที่ กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจซื้อขณะเดียวกัน ก็เพิ่มโอกาสในการทำยอดขายและโอนกรรมสิทธิ์ เพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอีกด้วย
 

โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งถือเป็นไฮซีซั่นของตลาด จากปัจจัยสนับสนุนโค้งสุดท้าย  อย่าง การผ่อนคลายมาตรการ LTV (อัตราสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน) ของ ธปท. และ มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนอง ที่เบื้องต้นก็จะหมดภายในสิ้นปี 2565 ด้วยเช่นกัน 


ASW – พฤกษา ส่งดีลใหญ่ลุ้นรับรถ

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ระบุว่า ขณะนี้ ดีมานด์ความต้องการจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้น และเพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มเชิงบวกดังกล่าว บริษัทจึงจัดงานใหญ่ส่งท้ายปี “AssetWise EXPO 2022 ‘ ยกทัพ 21 โครงการ ทั้งคอนโดใกล้รถไฟฟ้า, แคมปัสคอนโด มาจัดโปรโมชั่น หวังสร้างยอดขายในช่วงไตรมาสสุดท้าย 

ขณะพบเงื่อนไข เป็นการเปิดให้ จอง 999 บาท และทำสัญญา 0 บาท และข้อเสนออื่นๆ เช่น ส่วนลดสูงสุดถึง 1 ล้านบาท ,ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนฯ โดยมีไฮไลท์ อยู่ที่ รับสิทธ์ลุ้นจับรางวัลใหญ่ รถยนต์ไฟฟ้า NETA รุ่น V  และของรางวัลอื่นๆ สำหรับราคาคอนโดฯ และ ที่นำมาจัดโปรโมชั่น ราคาเริ่ม 1.49 ล้านบาท เช่น โครงการไอเวอรี่ รัชดา – ลาดพร้าว, แอทโมซ โฟลว์ มีนบุรี และแอทโมซ คาแนล รังสิต เป็นต้น 


เช่นเดียว กับ บมจ.พฤกษา จัดแคมเปญยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี 2565 “ จึ้ง! ช้อปบ้าน ลุ้นรถ” กระตุ้นการโอนในกลุ่มโครงการทาวน์เฮ้าส์  ระบุ เงื่อนไข จองทำสัญญาและโอนตั้งแต่ 15 ตุลาคมถึง 30 ธันวาคม ลุ้นรับรถยนต์ไฟฟ้า, จักรยานยนต์ไฟฟ้า, จักรยานไฟฟ้าและโซลาร์รูฟ ติดตั้งบนหลังคา รวมมูลค่า มากกว่า 2.5 ล้านบาท ครอบคลม 4 แบรนด์หลัก รวม 76 โครงการทั่วไทย ได้แก่ บ้านพฤกษา, พฤกษาวิลล์, เดอะคอนเนค, และพาทิโอ 

ซี.พี.แลนด์ เล่นใหญ่ แจกคอนโดฯตากอากาศ

ด้านรายใหญ่อีก 1 บริษัท ซี.พี.แลนด์ นาย ดำรงศักดิ์ ถุงเงิน ผู้บริหาร ระบุว่า ขณะนี้เป็นโอกาสในการขาย หลังจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว จากแรงหนุนภาคการท่องเที่ยว ส่งผล รายได้และกำลังซื้อเริ่มกลับคืนมา รวมถึงผู้บริโภค เริ่มมองหาที่อยู่อาศัย จากต้นทุนวัสดุก่อสร้างขยับตัวขึ้น และราคาที่อยู่อาศัยอาจปรับเพิ่ม

โดยล่าสุด บริษัท ได้ร่วมกับ 12 สถาบันการเงิน สร้างปรากฎการณ์ “ซีพีแลนด์ ใครก็กู้ได้” เพิ่มความคล่องตัวให้การขอสินเชื่อของผู้ซื้อ อีกทั้ง ขน 25 โครงการ เปิดแคมเปญใหญ่ ระบุ ทุกการซื้อ ลูกค้ามีสิทธิ์ ลุ้นรับคอนโดตากอากาศ โครงการบ้านเขาใหญ่ และรางวัลอื่นๆมูลค่ารวมกว่า 2.7 ล้านบาทถึงสิ้นปีนี้อีกด้วย  


เอ็น.ซี จอง บ้าน 0 บาท 

ขณะบิ๊กอีเว้นท์ใหญ่แห่งปี ‘งานมหกรรมบ้านและคอนโด’ครั้งที่ 42 ระหว่าง 27-30 ต.ค.นี้ โดย 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ร่วมกับ ดีเวลลอปเปอร์มากกว่า 200 ราย ขนโครงการบ้านและคอนโดมิเนียม กว่า 1,000 รายการ ร่วมกันตรึงราคา สวนกระแสขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และ เงินเฟ้อในปัจจุบันนั้น โดยผู้จัดคาดจะมียอดขายและจองต่อเนื่องมากกว่า 5 หมื่นล้านบาทนั้น 

นับเป็น ‘นาทีทอง’ ของคนอยากมีบ้าน ในการจองและกู้ขอสินเชื่อต่ำ ก่อนที่อาจได้เห็นการปรับ’ราคาบ้าน’ใหม่ในช่วงต้นปี 2566 จากแนวโน้มต้นทุนที่แพงขึ้น เช่น ราคาประเมินที่ดินแพงขึ้น 8% เป็นต้น 

ทั้งนี้ ‘ฐานเศรษฐกิจ’ ตรวจสอบ โปรโมชั่นพิเศษ ดีลแห่งปี ที่แต่ละบริษัท นำออกมาจูงใจการซื้อและโอนฯของลูกค้าในงาน และหวัง ระบายสต็อกเก่าของตัวเอง ปิดเกมจบ ส่งท้ายปี 2565 หลักๆ มี ดังนี้ 

บมจ. เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จัดทัพบ้าน 9 โครงการ รวม 40 ยูนิต ในราคาตั้งแต่ 1.6 – 10 ล้านบาท มอบแคมเปญใหญ่ ระบุ เพื่อหวังช่วยลดภาระให้กับผู้ซื้อบ้าน ผ่านส่วนลด และอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ชู จองบ้าน 0 บาท ภายในงาน  และรับส่วนลด ท็อปอัพตั้งแต่ 1 แสนบาท จนถึง สูงสุด 2 ล้านบาท , จองบ้านแฝด และ บ้านเดี่ยว รับ IPhone  14 Pro Max คาดจะสามารถปิดยอดขาย ภายในงานได้ราว 200 ล้านบาท 


อนันดา -PF – ออริจิ้น เร่งโอน   
                             
ขณะ บมจ.อนันดา นำโครงการบ้านและทาวน์โฮม ราคาเริ่ม 2.29 – 26 ล้าน เช่น แบรนด์ 𝗔𝗿𝘁𝗮𝗹𝗲 ,𝗔𝗶𝗿𝗶 และ 𝗨𝗻𝗶𝗼 𝗧𝗼𝘄𝗻 มาจัดโปรโมชั่น ลดราคาสูงสุด 2 ล้านบาท ให้อยู่ฟรี 𝟮𝟰 เดือน พร้อมของแถม 𝟮𝟰 รายการ 

ส่วน บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) ระบุ มอบข้อเสนอแรงสุด และดอกเบี้ยต่ำสุด ในราคาพิเศษสุด ส่งท้ายปี  โดยตรึงดอกเบี้ยต่ำ สวนกระแส 𝟮% นาน 𝟮 ปี และผ่อนต่ำเพียงล้านละ 𝟯,𝟱𝟬𝟬 บาท ครอบคลุม ค่าใช้จ่าย ณ วันโอน สำหรับทาวน์โฮมพร้อมอยู่ 13 ทำเล ราคาเริ่ม 1.99 -7 ล้านบาท 

เช่นเดียวกับ บมจ.ออริจิ้น ประกาศ โอกาสทองมีแค่ครั้งเดียว  ผุดแคมเปญ 𝗢𝗥𝗜𝗚𝗜𝗡 𝗦𝗔𝗟𝗘 ดอกเบี้ย 0% ถึง 2 ปี ก่อนมาตรการ LTV ถูกประกาศใช้ใหม่ โดยนำ โครงการ ต่างๆ ราคาเริ่ม 1.59 เข้าร่วม ในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ระบุจองในงาน กู้เต็ม100% ส่วนลดสูงสุด 1 ล้านบาท  ลุ้นรับ แพ็คเกจท่องเที่ยวญี่ปุ่น 3 รางวัล มูลค่า 3 แสนบาท 

ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) คาดการณ์ว่า สำหรับปี 2565 สถานการณ์การซื้อและโอนฯที่อยู่อาศัยของคนไทยจะทรงตัว หรือ ดีขึ้นเล็กน้อยจากปี 2565 เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อ ,ค่าครองชีพ และ อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ประเมินทั้งปี มีมูลค่าการโอนฯ อยู่ที่ 9.48 แสนล้านบาท  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


EIC คาด ก่อสร้าง ปี2566 มูลค่าโตแตะ 1.48 ล้านล.

EIC ประเมิน ก่อสร้างไทยปีหน้า ขยายตัว 5% มูลค่าแตะ 1.48 ล้านล้านบาท จากการเดินหน้าเมกะโปรเจ็กต์รัฐ และ การขยายตัวของโครงการอสังหาฯ แนะผู้ประกอบการคุมต้นทุน หลัง ราคาวัสดุก่อสร้างยังปรับตัวสูง

นางสาวกัญญารัตน์ กาญจนวิสุทธิ์ นักวิเคราะห์อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ระบุ ถึง แนวโน้มภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยปี 2566 ว่า คาดการณ์ปีหน้า การก่อสร้าง ที่ครอบคลุมการดำเนินการของภาครัฐ และ เอกชน จะมีมูลค่าการเติบโตแตะ ที่ 1.48 ล้านล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปี 2565 
 

ทั้งนี้ ประเมินว่า การก่อสร้างในหมวดของภาครัฐ มีแนวโน้มขยายตัวราว 5% หรือ มูลค่า แตะ 8.75 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเติบโต จากการเดินหน้าเร่งสร้างโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆจำนวนมากทั่วประเทศ รวมถึง การประมูลโครงการใหม่ๆ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-หนองคาย ช่วง นครราชสีมา – หนองคาย ,โครงการทางด่วนพิเศษ สายกะทู้ – ป่าตอง จ.ภูเก็ต ,โครงการ การขยาย -ปรับปรุง สนามบินดอนเมือง และ สุวรรณภูมิ เพื่อรองรับการฟื้นตัวภาคท่องเที่ยว 
 

ขณะการก่อสร้างโครงการภาครัฐ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากกรอบการลงทุนที่ขยายตัวราว 6% หรือ 2.7 หมื่นล้านบาท สะท้อนสัญญาณการฟื้นตัวอย่างดี

สำหรับการก่อสร้างในหมวดของภาคเอกชน EIC คาดว่า ในปี 2566 มูลค่าภาพรวมจะเติบโตที่ 4% ขยายตัวแตะระดับ 6.03 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่ มาจากแนวโน้มการขยายตัวของการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมาจากปัจจัยเร่ง อย่างการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ทั้งอาคารสำนักงาน และ พื้นที่ค้าปลีก เพื่อรองรับการฟื้นตัวของกำลังซื้อชาวไทยและชาวต่างชาติ 

‘จากมูลค่าการก่อสร้าง มีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในปีหน้านั้น นับเป็นโอกาสของผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ รับงานทั้งงานก่อสร้างของภาครัฐ เช่น โครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ และ งานภาคเอกชน ทั้งโครงการบ้าน ,คอนโดมิเนียม และ โครงการเชิงพาณิชยกรรมต่างๆ ‘

อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการรายกลาง-รายเล็ก อย่าง เอสเอ็มอี ก็มีโอกาสจากแนวโน้มดังกล่าว ในฐานะเป็นผู้รับเหมาต่อช่วงจากรายใหญ่ได้เช่นกัน 

ทั้งนี้ EIC ระบุว่า แม้ปี 2566 ภาคก่อสร้างจะมีโอกาสรออยู่ แต่ก็มีอุปสรรค ความท้าทายเช่นกัน โดยเฉพาะ จากต้นทุนการก่อสร้าง เช่น ต้นทุนแรงงาน และ ต้นทุนจากวัสดุก่อสร้าง หลังจาก ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด19 ที่แรงงานต่างด้าวกลับประเทศ ทำให้ที่ผ่านมา ผู้รับเหมาก่อสร้าง มีการพึ่งพาแรงงานในประเทศเป็นหลัก ประกอบกับ  1 ต.ค. มีการประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการเผชิญกับ ต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

ขณะต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ยังมีแนวโน้มราคาปรับขึ้น ซึ่งต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 พบ แม้ราคาเหล็กปรับตัวลง แต่ราคาซีเมนต์ และ วัสดุอื่นๆ ยังคงมีราคาแพงสูงขึ้น ทำให้เป็นแรงกดดันแบกรับต้นทุนเพิ่มเติม 

‘มีคำถาม ว่า ในปีหน้า ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จะไปทางไหน ต้องปรับตัวอย่างไร EIC มองว่า ต้องให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนเป็นหลัก ควรทำสัญญาสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้าอย่างสอดคล้องกับความต้องการใช้ เป็นหนึ่งในทางออก’

EIC ยังแนะว่า ในแนวทางการเพิ่มรายได้ของภาคก่อสร้างปี 2566 นั้น ผู้ประกอบการอาจต้องหลีกเลี่ยงกลยุทธ์ การเข้าประมูลแบบแข่งขันด้านราคา ควบคู่กับการทำความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าประมูลงานได้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 37.65 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 37.50-37.75 บาท/ดอลลาร์ – เงินดอลลาร์อ่อนค่าเหตุผู้เล่นในตลาดที่คลายกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในช่วงปลายปี

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 37.65 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 37.75 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุวาาแนวโน้มค่าเงินบาท เราประเมินว่า มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คลายกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในช่วงปลายปี คือ ปัจจัยที่หนุนให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ซึ่งในจังหวะเดียวกันก็หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นและ ทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อบอนด์ระยะยาวสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ (ยอดซื้อสุทธิราว 6 พันล้านบาท)

ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่ามากกว่าที่คาดและหลุดโซนแนวรับ 37.80-37.90 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า ทำให้เรามองว่า มีโอกาสที่หากปัจจัยดังกล่าวไม่ได้เปลี่ยนแปลง เงินบาทอาจมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นได้บ้าง และโซนแนวรับถัดไปอาจอยู่ในช่วง 37.40-37.50 บาทต่อดอลลาร์

อย่างไรก็ดี เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในตลาดค่าเงินในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม ECB เพราะถึงแม้ว่า ECB จะเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่หาก ECB ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนต่อการเร่งขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต หรือ เริ่มแสดงความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวลงมากขึ้น ก็อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้ ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะขายทำกำไรการรีบาวด์ของค่าเงินยูโร (EUR) ได้บ้าง ทำให้เงินยูโรมีโอกาสผันผวนในฝั่งอ่อนค่าลงได้

ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของหลายปัจจัย เราคงแนะนำให้ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 37.50-37.75 บาท/ดอลลาร์

บรรยากาศในตลาดการเงินฝั่งสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ท่ามกลาง แรงเทขายหุ้นเทคฯ ใหญ่ จากความผิดหวังต่อรายงานผลประกอบการ อาทิ Alphabet (Google) -9.1%, Microsoft -7.7% และ Meta (Facebook) -5.6%  ส่งผลให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -2.04% ส่วนดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลง -0.74% ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการคลายกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดของผู้เล่นในตลาด หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด อย่าง ยอดขายบ้านใหม่ (New Home Sales) ลดลงต่อเนื่อง -10.9% จากเดือนก่อนหน้า สะท้อนภาพตลาดบ้านที่ซบเซามากขึ้น จากผลกระทบของการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและราคาบ้านที่ยังอยู่ในระดับสูง

ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป ยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อ +0.66% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในฝั่งยุโรปที่ส่วนใหญ่ยังคงออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากความหวังการชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลาง ซึ่งช่วยให้หุ้นกลุ่มเทคฯ ของยุโรป ยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้ อาทิ Prosus +4.1%, Adyen +2.6% อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงวิกฤตพลังงานในช่วงฤดูหนาว รวมถึง การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจเป็นปัจจัยที่กลับมากดดันตลาดหุ้นยุโรปได้

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ปรับลดคาดการณ์การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนธันวาคมและปรับลดมุมมองต่อจุดสูงสุดของดอกเบี้ยนโยบายเฟด (Terminal Rate) เหลือ 5.00% รวมถึงความกังวลผลประกอบการของบรรดาบริษัทเทคฯ ใหญ่ ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดเดินหน้าเข้ามาทยอยซื้อบอนด์ระยะยาวมากขึ้น ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.01% (ลดลงจากระดับเกือบ 4.25% ภายในเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์) สอดคล้องกับมุมมองที่เราเคยประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอจังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ในการทยอยเข้าซื้อ เพื่อเตรียมพอร์ตให้พร้อมรับมือกับการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ หรือ การกลับตัวของนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในช่วงปลายปี

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 109.6 จุด หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่าเฟดอาจไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม นอกจากนี้ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ จะกลับมาปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น แต่ผู้เล่นบางส่วนก็ทยอยลดการถือครองเงินดอลลาร์และเลือกที่จะถือสินทรัพย์ปลอดภัยอื่นๆ อาทิ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 146 เยนต่อดอลลาร์ ส่วนสินทรัพย์ปลอดภัย อย่าง ทองคำ ก็ได้รับอานิสงส์จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เช่นกัน โดยราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ปรับตัวขึ้น สู่ระดับ 1,671 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำอาจมีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้บ้าง ตามโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยตลาดมองว่า แรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์จะทำให้ ECB ตัดสินใจเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง +0.75% สู่ระดับ 1.50% (Deposit Facility Rate) อย่างไรก็ดี ควรจับตาการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มนโยบายการเงิน ECB ในช่วงที่ประธาน ECB ออกมาตอบคำถามบรรดาสื่อมวลชน (Press Conference)โดยหาก ECB ไม่ได้ส่งสัญญาณเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ยที่ชัดเจนและย้ำมุมมอง “Data Dependent” ก็อาจส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดยังมีมุมมองเชิงลบต่อค่าเงินยูโร (EUR) กดดันให้เงินยูโรมีแนวโน้มพลิกกลับมาผันผวนในฝั่งอ่อนค่าได้

และนอกเหนือจากการประชุม ECB ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งหากผลประกอบการส่วนใหญ่ยังคงออกมาดีกว่าคาด ก็จะสามารถช่วยหนุนบรรยากาศในตลาดการเงินได้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“รัชนก” ฉลุยรอบสอง ศึกขนไก่ “เฟรนซ์ โอเพ่น”

“เมย์” รัชนก อินทนนท์ ไล่ทุบ อายะ โอโฮริ จากญี่ปุ่น 2 เกมรวด ผ่านเข้ารอบสองการแข่งขันแบดมินตัน “โยเน็กซ์ เฟรนช์ โอเพ่น 2022” ที่ฝรั่งเศส

การแข่งขันแบดมินตันรายการ “โยเน็กซ์ เฟรนช์ โอเพ่น 2022″ ทัวร์นาเมนต์ระดับเวิลด์ทัวร์ 750 ชิงเงินรางวัลรวม 675,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 25,650,000 บาท เป็นการแข่งขันในรอบแรก ทัพนักตีลูกขนไก่ไทยลงชิงชัยพร้อมหน้า ทั้งหมดยกชุดมาจากศึก”เดนมาร์ก โอเพ่น” นำโดย “เมย์” รัชนก อินทนนท์ มืออันดับ 7 ของโลก ที่มีผลงานเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ

ผลปรากฎว่า ประเภทหญิงเดี่ยว รอบแรก “เมย์” รัชนก อินทนนท์ มือวางอันดับ 5 และ มืออันดับ 7 ของโลก เอาชนะ อายะ โอโฮริ มืออันดับ 31 ของโลกจากญี่ปุ่น 2 เกมรวด 21-19 และ 21-6 ผ่านเข้ารอบสองไปพบกับรุ่นน้อง “เมย์” ศุภนิดา เกตุทอง มืออันดับ 26 ของโลก ที่เอาชนะ ลีเน่ คริสโตเฟอร์เซ่น มืออันดับ 18 ของโลกจากเดนมาร์ก 2-0 เกม 21-17,21-15

ขณะที่ “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ มือ 11 โลก ผ่านเข้ารอบได้เช่นกัน หลังเอาชนะ ไป่ ยู่ โป มือ 35 โลกจากไต้หวัน 2-1 เกม 12-21, 21-8, 21-13 เข้าไปเจอกับ เฉิน ยู่ เฟย มือวาง 3 จากจีน

ประเภทหญิงคู่ รอบแรก “มูนา” เบญญาภา กับ “อันนา” นันทกาญจน์ เอี่ยมสอาด คู่มืออันดับ 19 ของโลก เอาชนะ ลินดา แอฟเลอร์ กับ อิซาเบล โลเอา คู่มืออันดับ 23 ของโลกจากเยอรมนี 2-0 เกม 21-15 และ 21-15

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


3 พฤติกรรมเสี่ยง “กระเพาะอาหารทะลุ”

หลายคนอาจเคยเป็นโรคระบบทางเดินอาหารอย่างโรคกระเพาะกันมาบ้าง แต่เมื่อพูดถึงกระเพาะทะลุ เราอาจจะสงสัยว่ามันเกี่ยวอะไรกับโรคกระเพาะหรือเปล่า หรือการปล่อยให้เป็นโรคกระเพาะนานๆ จะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดกระเพาะทะลุหรือไม่ กระเพาะทะลุอันตรายแค่ไหน และใครบ้างที่เสี่ยงเป็นโรคนี้

ทำไม “กระเพาะอาหาร” ถึง “ทะลุ”

อ.พญ.อวยพร เค้าสมบัติวัฒนา อาจารย์ประจำสาขาวิชาโรคระบบทางเดินอาหาร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ระบุว่า กระเพาะของคนเรามีลักษณะคล้ายกระเพาะหมู คือมีหลายๆ ชั้น โดยปกติเวลาเราเป็นแผลในกระเพาะอาหาร แผลจะอยู่แค่ชั้นตื้นๆ ของผนังกระเพาะอาหาร แต่เมื่อไรที่ผนังกระเพาะทุกชั้นเกิดแผลจนทะลุถึงกัน กลายเป็นรูรั่ว เมื่อนั้นก็จะเกิดภาวะกระเพาะทะลุขึ้นมา น้ำย่อยหรือกรดในกระเพาะจะไหลผ่านรูนี้ไปสู่ช่องท้อง กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ คนไข้จึงมีอาการปวดท้องรุนแรง และติดเชื้อในกระแสเลือดได้ 

กระเพาะทะลุ อันตรายแค่ไหน

โดยส่วนใหญ่แล้วโรคนี้ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต ยกเว้นคนไข้บางรายที่มาพบหมอช้าเกินไปจนเกิดภาวะแทรกซ้อนแล้วติดเชื้อในกระแสเลือดขึ้นมา

อาการของโรคกระเพาะทะลุ

ผู้ป่วยจะปวดท้องบริเวณลิ้นปี่อย่างรุนแรง จนทำให้ต้องมาโรงพยาบาลอย่างเฉียบพลัน เพราะไม่สามารถทนอาการปวดท้องได้ ซึ่งจะแตกต่างจากการปวดท้องในโรคกระเพาะอาหารทั่วไป ที่อย่างมากจะแสบท้อง หรือปวดท้องเล็กน้อย ทั้งนี้ คำว่า “โรคกระเพาะ” ที่เราเรียกกันจนชินปากนั้น จริงๆ แล้วก็คือโรคกระเพาะอาหารแปรปรวน หรือโรคกระเพาะอาหารอักเสบนั่นเอง

3 พฤติกรรมเสี่ยงโรคกระเพาะทะลุ

  1. ใช้ยาแก้ปวดเป็นเวลานาน 

การทานยาแก้ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ฯลฯ ผลข้างเคียงของยาจะไปลดการสร้างเมือก หรือสารที่มีฤทธิ์เป็นด่างในกระเพาะ ทำให้กรดในกระเพาะซึ่งปกติเราเอาไว้ย่อยอาหาร กลับไปย่อยผนังกระเพาะของเราเอง ฉะนั้น การกินยาลดกรดจึงควรกินตอนที่ท้องไม่ว่าง เช่น กินหลังอาหารทันที หรืออาจใช้ยาลดกรดป้องกันการเกิดแผลควบคู่กันไปด้วย

  1. ติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori 

เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้มีอยู่ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม เช่น อาหาร หรือการสัมผัสน้ำลายของผู้ที่ติดเชื้อที่เราทานอาหารร่วมด้วย โดยทั่วไปเราจะไม่รู้ว่ามีเชื้อหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่อาจไม่ก่อให้เกิดอาการ

  1. ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ

บุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดแผลในกระเพาะได้ง่าย แล้วเกิดภาวะกระเพาะทะลุได้

พฤติกรรมที่ไม่ได้เสี่ยงโรคกระเพาะทะลุ

  • กินเผ็ดมากๆ 

เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง อาหารรสเผ็ดอาจกระตุ้นให้เกิดการแสบท้อง แต่ไม่ได้นำไปสู่การเกิดแผลจนทำให้กระเพาะอาหารทะลุ

  • ดื่มแอลกอฮอล์ตอนท้องว่าง 

หากเราดื่มแอลกอฮอล์ตอนท้องว่าง แอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็ว ทำให้กระเพาะไม่สามารถป้องกันได้ทัน กระเพาะอาหารจึงเกิดการอักเสบ อย่างไรก็ตาม การดื่มแอลกอฮอล์ตอนท้องว่างก็ไม่ได้ทำให้เกิดกระเพาะทะลุเช่นกัน

  • ดื่มน้ำอัดลม 

น้ำอัดลมมีความเป็นกรดและแก๊ส ดื่มแล้วทำให้อึดอัด ไม่สบายท้อง บางคนอาจกระตุ้นให้มีอาการของกระเพาะอาหารขึ้นมาได้ แต่ไม่ได้สัมพันธ์โดยตรงกับการเกิดแผลที่ทำให้เกิดกระเพาะทะลุ

ผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะทะลุส่วนใหญ่จะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ หากได้รับการรักษาที่ทันท่วงที

เพราะฉะนั้น หากเราป้องกันปัจจัยเสี่ยงได้ เราก็จะป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ และสามารถหายขาดจากโรคนี้ได้เช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


รวม Punctuation ในภาษาอังกฤษครบทุกตัว พร้อมวิธีใช้แบบไม่ยาก!

เมื่อพูดถึง Punctuation หรือ เครื่องหมายวรรคตอน เราก็พอรู้กันคร่าวๆว่าเครื่องหมายเหล่านี้มี หน้าที่เพื่อให้การแบ่งวรรคตอนหรือประโยคในภาษาอังกฤษไม่สับสน หลายคนคุ้นเคยกับบางตัว แต่ไม่รู้วิธีใช้ทุกตัว วันนี้เราจะมาอธิบายว่าแต่ละตัวใช้อย่างไรบ้าง รับรองว่าอ่านจบแล้ว สามารถ เอาไปใช้พัฒนาการเขียนและทักษะภาษาอังกฤษได้แน่นอน

1. Full Stops (British English) หรือ Periods (American English)

เป็นเครื่องหมายที่เราคุ้นเคยกันที่สุด และน่าจะเป็นตัวแรกที่ทุกคนรู้จัก คือเอาไว้ใช้เวลาจบประโยคที่ไม่ใช้ เครื่องหมายคำถามหรือเครื่องหมายตกใจ ดังนั้น ทุกการขึ้นต้นประโยคใหม่หลัง Full Stop นั้น เราจะต้องใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ  เช่น

We are discussing this issue. (เรากำลังถกปัญหา นี้กันอยู่)

นอกจากนี้ เรายังใช้  .  สำหรับตัวย่ออีกด้วย เช่น

I have an appointment at 10 a.m. (ฉันมีนัดตอนสิบโมงเช้า)

2. Question Marks และ Exclamation Marks 

Question Mark หรือเครื่องหมาย ? จะเอาไว้ใช้จบประโยคที่เราต้องการเขียน เพื่อให้รู้ว่าประโยค นี้เป็นประโยคคำถาม แทนตำแหน่งของ Full Stop เช่น

Do you really want to go there? (เธอต้องการไปที่นั่นจริงๆหรอ)

ในขณะที่ Exclamation Mark หรือเครื่องหมาย ! ใช้ในประโยคที่ไม่เป็นทางการมาก เพื่อเน้น การแสดงอารมณ์ที่รุนแรงมากกว่าปกติในประโยค ไม่ว่าจะเป็นตื่นเต้น ตกใจ แสดงถึงคำสั่งหรือ การตะโกน เช่น Don’t talk to me like that! (อย่ามาพูดแบบนั้นกับฉันนะ!)

3. Commas

Comma หรือ เครื่องหมาย , เอาไว้ใช้ในการแบ่งวลีหรือคำ เพื่อให้อ่านง่ายขึ้น เช่น

I love singing, dancing, and playing guitar. (ฉันชอบร้องเพลง เต้น และเล่นกีต้าร์)

หรือใช้ในการคั่นอนุประโยค (clauses) เช่น

If you were me, you would be upset too. (ถ้าเธอเป็นฉัน เธอก็ต้องกลุ้มเหมือนกันแหละ)

นอกจากนี้ ยังใช้เวลาเขียน non-defining relative clause ที่บอกถึงข้อมูลเพิ่มเติมที่ไม่สำคัญ เช่น

The accident, which happened 5 minutes ago, was caused by that reckless driver.(อุบัติเหตุ ที่เกิดขึ้นเมื่อห้านาทีที่แล้ว เกิดขึ้นเพราะคนขับรถคนนั้นขับรถอย่างประมาท)

4. Colons

Colon หรือเครื่องหมาย : มีไว้เพื่อขยายความของประโยคที่เขียนก่อนหน้า เช่น

I know why I failed this test: lack of preparation. (ฉันรู้ว่าทำไมฉันถึงสอบตก เพราะไม่ได้เตรียมตัวมากพอ)

นอกจากนี้ ยังใช้ในการแสดงเวลาก็ได้ เช่น

The train leaves at 6:30 a.m. (รถไฟออกตอน หกโมงครึ่งในตอนเช้า) เป็นต้น

5. Apostrophes

Apostrophe หรือ เครื่องหมาย ’ ใช้เวลาลดรูปกริยาช่วยในภาษาอังกฤษ เช่น

did not เป็น didn’t

เช่น I didn’t mean to make you mad. หรือ

I will เป็น I’ll

เช่น I’ll handle this for you. 

นอกจากนี้ ยังใช้เครื่องหมาย ’ ในการแสดงความเป็นเจ้าของโดยการใส่ ’s เข้าไป เช่น

We will hang out at John’s place. (เราจะไปนั่งเล่นที่บ้านของจอห์น) หรือถ้ามี s เป็นตัวสะกดอยู่แล้ว ก็ใส่แค่ ’

เช่น The princess’ dress looks so gorgeous. (ชุดของเจ้าหญิงสวยมากเลย)

6. Semicolons 

นับเป็นอันที่คนไม่ยอมใช้กันที่สุด เพราะหลายคนไม่รู้จะใช้ยังไง หน้าที่ของ Semicolons หรือ ; คือ การเชื่อมสองประโยคที่มีความเกี่ยวข้องกันมากๆเข้าด้วยกัน แทนที่จะใช้ Full Stop ก็ใช้ตัว นี้แทน เช่น

I don’t want to go back home now; the traffic is so bad. (ฉันไม่อยากกลับบ้าน ตอนนี้เลย เพราะรถมันติดเกินไป)

หรือใช้แทน Comma ในการเชื่อมวลีที่ซับซ้อนเข้าด้วยกันเพราะในวลีนั้นมี Comma อยู่แล้วเพื่อ ป้องกันความสับสน เช่น

I have two options for you; finish this before 2, and go to this meeting for me; or prepare yourself for this meeting, and drop everything you’re doing right now. (ฉันมีทางเลือกให้สองทาง: ทำนี่ให้เสร็จก่อนบ่ายสองแล้วเข้าประชุมแทนฉัน หรือ เตรียมตัวประชุมตั้งแต่ตอนนี้แล้วหยุดทุกอย่างที่กำลังทำอยู่)

7. Hyphens และ Dashes 

สองตัวนี้หน้าตาคล้ายกัน โดย Hyphens จะใช้เวลาเชื่อมคำสองคำเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดความ หมายใหม่ เช่น time-consuming ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้ในพจนานุกรมว่าคำใดบ้างที่ต้องมี Hyphen คั่น

ในขณะที่ Dash จะใช้เวลาที่เราต้องการแยกคำ วลี ออกมาจากประโยค เพื่อให้ส่วน นั้นโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยต้องเว้นวรรคหน้าหลัง dash ด้วย เช่น

She ignores all remarks – good or bad ones – which makes her seem like a self-righteous person. (เธอไม่สนใจข้อคิด เห็นใดๆเลย ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี และนั่นมันทำให้เธอดูเป็นคนมั่นใจว่าตัวเองถูกอยู่คนเดียว)

8. Quotation Marks 

Quotation marks หรือเครื่องหมายคำพูด ซึ่งมีทั้งแบบ ‘เดี่ยว’ หรือแบบ “คู่” ในประเทศอังกฤษใช้ทั้งสองแบบ ในขณะที่ในอเมริกานิยมใช้แบบคู่ แต่ทั้งสองแบบสามารถปรากฏตัวร่วมกันได้ เช่น

Tommy asked, ‘Do you know where the “Tower Bridge” is?’ ซึ่งเราสามารถใช้เครื่องหมาย คำถามแบบเดี่ยวได้เพื่อแสดงการพูดประโยคคำถาม และใส่เครื่องหมายแบบคู่ไปในส่วน ที่ต้องการเน้น เป็นต้น

9. Brackets และ Parentheses

แปลเป็นภาษาไทยก็คือ วงเล็บ นั่นเอง ความแตกต่างก็คือ Brackets คือเครื่องหมาย […] แบบ เหลี่ยม ในขณะที่ Parentheses คือวงเล็บ (…) แบบที่เราคุ้นเคย เราใช้วงเล็บเพื่อเพิ่มเติมข้อมูล เข้าไปในประโยค ที่ไม่ได้มีความสำคัญมากนัก และใช้ในการเขียนที่ไม่เป็นทางการ เช่น

She will fly to New York (with two stopovers) and will come back at the end of the month. (เธอจะ บินไปนิวยอร์ค (โดยต้องเปลี่ยนเครื่องสองรอบ) และจะกลับมาตอนสิ้นเดือน)

ส่วน Brackets มักใช้เวลาที่ผู้เขียนเขียนข้อมูลเติมลงไปนอกเหนือจากข้อมูลต้นฉบับ เช่น

The pedestrian said he [the robber] escaped through this small alley.

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


หนุนใช้ AI คิดค้นยานวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถไทย

แกล็กโซสมิทไคล์น ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันปัญญาประดิษฐ์มหิดล และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อแลกเปลี่ยนและส่งต่อองค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเภสัชกรรมของไทย สร้างเสริมศักยภาพประเทศในระดับสากล

ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า อว.ให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม จึงมุ่งเน้นการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม ตลอดจนการร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานของรัฐ และภาคเอกชน ในการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ เพื่อให้ประเทศมีความสามารถในการแข่งขันและมีความก้าวหน้าทัดเทียมกับประเทศอื่น

อว. ให้การสนับสนุนทุกหน่วยงานในการนำเทคโนโลยี AI และเทคโนโลยีด้านสุขภาพมาใช้ในการพัฒนาต่อยอดเชิงรุกในด้านต่าง ๆ เช่น การผลิตยาและวัคซีน ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว สนับสนุนนโยบายการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) พร้อมตอบโจทย์การพัฒนาด้านเทคโนโลยีของประเทศไทยในยุคไทยแลนด์ 4.0

นายวิริยะ จงไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด (GSK) กล่าวว่า GSK ในฐานะผู้มุ่งมั่นพัฒนาด้านชีวเภสัช (Biopharma) และผู้นำในการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อการพัฒนาและคิดค้นยานวัตกรรม มุ่งหวังให้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการพัฒนายานวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระดับสากล การจัดสัมมนาครั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนและส่งต่อองค์ความรู้การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการพัฒนายานวัตกรรม และผลักดันโครงการด้านเทคโนโลยี AI ในประเทศให้มีความก้าวหน้า

ซึ่งเทคโนโลยี AI มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการคิดค้นยาและวัคซีนนวัตกรรม และเป็นหนึ่งในพื้นฐานนวัตกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่ (S-Curve) ของประเทศไทย สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมของประเทศ โดย GSK พร้อมสนับสนุนภาครัฐและหน่วยงานต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนโครงการด้านเทคโนโลยี AI เพื่อสุขภาพอย่างเต็มที่ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาผนวกกับความสามารถของบุคลากรและเทคโนโลยี เพื่อให้ก้าวนำการป้องกันโรคภัยต่าง ๆ

ศ.นพ.บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหิดลมุ่งมั่นในการผลิตมหาบัณฑิตที่มีศักยภาพและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ควบคู่กับการมีบทบาทในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยและสังคมโลก มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญต่อการนำ AI เข้ามาประยุกต์ใช้ในด้านการแพทย์และสุขภาพในทุกสาขา โดยมีความก้าวหน้าของการดำเนินงานของสถาบันปัญญาประดิษฐ์มหิดล ซึ่งมีโครงการวิจัยแบบบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งมหาวิทยาลัยภายในประเทศ และมหาวิทยาลัยชั้นนำจากต่างประเทศอีกหลายแห่ง

ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยมีความเชี่ยวชาญในการใช้ AI เพื่อตรวจและวินิจฉัยโรค และกำลังศึกษาพัฒนาการนำ AI มาใช้ในการคิดค้นและผลิตยานวัตกรรม ด้วยระบบ AI จะทำให้การผลิตยาด้วยความแม่นยำและลดระยะเวลาในการวิจัยและพัฒนา ส่งผลต่อการพัฒนาวงการแพทย์และยารักษาโรคให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

ภายในงานสัมมนา ดร.คิม แบรนสัน Senior Vice President and Global Head of Artificial Intelligence and Machine Learning, GSK ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี AI ของ GSK ได้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในการใช้เทคโนโลยี AI ในการคิดค้นยา พร้อมด้วย รศ.ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (GBDI) พร้อมด้วยนักวิชาการไทย โดย ผศ.ภก.ดร.จตุรงค์ ประเทืองเดชกุล คณะเภสัชศาสตร์ ผศ.ดร.พรชัย บำรุงศรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ ดร.ทิพาจินต์ ไทยพิสุทธิกุล คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหิดล และ ภก.ดร.ณฐพล พรพุทธพงศ์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์การชับเคลื่อนด้าน Digital Health Tech ของประเทศไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


7 ประโยชน์ขั้นเทพของ “กระเจี๊ยบเขียว” ที่คุณอาจไม่รู้

ถ้าจะบอกว่าชาวญี่ปุ่นนิยมทานกระเจี๊ยบเขียวมาก ทุกคนจะเชื่อหรือเปล่าคะ? ทานสดๆ นำไปประกอบอาหารต่างๆ สารพัดเมนูอีกต่างหาก ขนาดไปเวียดนาม ที่นั่นยังเสิร์ฟกระเจี๊ยบเขียวให้มาย่างทานกันสดๆ อีกด้วย ไม่ใช่แค่รสชาติที่ดี แต่เป็นเพราะสรรพคุณเจ๋งๆ ของกระเจี๊ยบเขียวนี่แหละ ที่ทำให้ใครต่อใครก็หามาทานกันมากมาย จะมีประโยชน์ในด้านใดบ้าง มาดูกันค่ะ

ประโยชน์ขั้นเทพของ “กระเจี๊ยบเขียว”

  1. ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และคนที่กำลังควบคุมน้ำตาล-น้ำหนัก
  2. ลดอาการท้องผูก เพราะมีเมือกที่ช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวขึ้น และยังมีใยอาหารที่ดีต่อการขับถ่าย
  3. ลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย
  4. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระเพาะอาหาร เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ และลำอักเสบได้
  5. ใครที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้ว การทานกระเจี๊ยบเขียวพร้อมเมือกเหนียวๆ ใสๆ จะช่วยเข้าไปเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย
  6. ฝักกระเจี๊ยบต้มเกลืออ่อนๆ สามารถแก้อาการกรดไหลย้อนได้
  7. มีโฟเลตสูง ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง และเป็นสิ่งจำเป็นต่อพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้นจึงเหมาะกับหญิงมีครรภ์

วิธีรับประทานกระเจี๊ยบเขียว

สามารถหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ทานสดๆ ได้เลย หรือจะนำไปประกอบอาหารกับเมนูอื่นๆ นำไปย่างด้วยไฟอ่อนๆ หรือจะทานผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมะนาว หรือไอศกรีมก็ได้ค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 27/10/2565

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a29,700.0029,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,924.0029,167.8430,300.00
ทองรูปพรรณ 90%1,731.6026,251.06n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,539.2023,334.27n/a
ทองรูปพรรณ 50%866.0013,128.56n/a
ทองรูปพรรณ 40%673.0010,202.68n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,994.0030,229.04n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 27/10/2565



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.6535.6535.7535.6535.6535.6535.6535.6535.6535.65
แก๊สโซฮอล์ 9135.3835.3835.4835.3835.3835.3835.3835.3835.3835.38
แก๊สโซฮอล์ E2034.5434.5434.6434.5434.5434.5434.5434.5434.54
แก๊สโซฮอล์ E8532.9432.9432.94
เบนซิน 9543.0643.5143.5643.5143.06
ดีเซล B734.9434.9435.2434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล34.9434.9435.2434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล B2034.9434.9435.2434.9434.9434.9434.5434.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.6643.6644.6644.6644.6634.94
แก๊ส NGV16.5916.5916.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า