สาระน่ารู้ประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566

อสังหาฯเคลื่อนยุทธศาสตร์ยั่งยืนมุ่งโครงการสีเขียวปั้น‘กรีนพอร์ต’

บิ๊กคอร์ปอสังหาฯ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้” เร่งเครื่องสร้างกรีนพอร์ตโฟลิโอสู่ Net Zero “แสนสิริ” ชู มาตรฐาน LEED WELL และ TREES ประยุกต์ใช้พัฒนาโครงการเพื่อลดการใช้พลังงาน ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมพร้อมตอบโจทย์ความยั่งยืน

พันธกิจการกอบกู้วิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลายโจทย์และความท้าทายของทุกภาคส่วนที่ต้องร่วมด้วยช่วยกันเพื่อลดผลกระทบที่กำลังเป็นภัยคุกคามโลก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่มุ่งยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนความยั่งยืน

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT กล่าวว่า จากวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี เป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องมีบทบาทอย่างจริงจังในการช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพราะ 40% ของอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาจากภาคอสังหาฯ

ดังนั้น ผู้ประกอบการควรรับผิดชอบโดยการตั้งเป้าหมายอย่างจริงจังในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) โดยวางเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของบริษัทในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางด้านความยั่งยืน

“FPT ดำเนินงานด้านความยั่งยืนภายใต้กรอบการทำงานของกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ที่วางเป้าหมายว่าต้องเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ภายในปี2593 ซึ่งเป็นแนวทางครอบคลุมการดำเนินงานทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท ทั้งที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม ด้วยการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยและการใช้อาคารที่ดีให้กับลูกค้าและผู้ใช้อาคาร”

ยกระดับนวัตกรรมบริการด้านความยั่งยืน

ด้วยการยกระดับนวัตกรรมการบริการด้านความยั่งยืน หรือ Sustainability as a Service ซึ่งเป็นหนึ่งกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนองค์กร Fสู่การเป็น “Real Estate as a Service Brand” หรือ การขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยต่อยอดด้านนวัตกรรมการบริการ เพื่อส่งมอบบริการที่เป็นเลิศ ซึ่งครอบคลุมการให้บริการโซลูชันต่าง ๆ ด้านอสังหาริมทรัพย์ และการพัฒนาอาคารตามมาตรฐานอาคารเขียวระดับสากลอย่าง LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ที่ถึงแม้ว่าจะมีต้นทุนสูง! แต่“คุ้มค่า”เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับในระยะยาว ทั้งการเสริมประสิทธิภาพการใช้งานอาคาร ประหยัดค่าใช้จ่าย ช่วยลดกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้าง Net Zero Community

สำหรับการพัฒนาอาคารตามแนวทาง LEED จะดำเนินการครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อมในมิติต่าง ๆ เช่น การก่อสร้างที่ไม่กระทบต่อระบบนิเวศ, การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, การใช้น้ำและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างสภาพแวดล้อมในอาคารที่เหมาะสมและช่วยยกระดับการใช้งานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นต้น

คลังสินค้า โรงงาน อาคารสีเขียว

ทั้งนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมของ FPT ถือเป็นเบอร์ 1 ของธุรกิจโรงงาน-คลังสินค้าให้เช่าที่มีพื้นที่อาคารเขียวมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลจากการส่งมอบอาคารให้แก่กลุ่มลูกค้าชั้นนำที่ต้องการใช้อาคารสอดคล้องตามแนวคิดด้านความยั่งยืน ด้วยอาคารแบบสร้างตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) และแบบพร้อมใช้ (Ready-Built) ให้เป็นไปตามมาตรฐานอาคารเขียวระดับสากล LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) รวมถึงปรับปรุงอาคาร Ready-Built ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับมาตรฐาน EDGE (Excellence in Design for Greater Efficiencies) ซึ่งการันตีประสิทธิภาพการใช้งานของอาคาร

ปัจจุบัน FPT มีอาคารโรงงาน-คลังสินค้าสมัยใหม่มากสุดในอาเซียน ด้วยพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการ 4 ล้านตร.ม. โดยผ่านการรับรองมาตรฐาน LEED ระดับ Gold, Silver, Certified แล้วกว่า 500,000 ตร.ม นอกจากนี้ ยังเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่ปรับปรุงโรงงานที่อยู่ระหว่างการใช้งานเข้ารับการประเมินและผ่านการรับรองจาก EDGE โดยมีเป้าขยายพื้นที่อาคารเขียวเป็น 2 ล้านตร.ม.ภายในปี2569

ชูแนวคิด Customer Centric

ขณะเดียวกันได้ริเริ่มโครงการปรับปรุงโลจิสติกส์พาร์ค (Park Enhancement Initiative: PEI) ที่เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ พาร์ค บางนา 1 จากการนำแนวคิด “Customer Centric” มาพัฒนาพื้นที่โลจิสติกส์พาร์คในรูปแบบ Smart and Sustainability มีจุดเด่นอยู่ที่การพัฒนาพื้นที่การใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น และสอดรับกับแนวทางการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์และเปลี่ยนหลอดไฟเป็น LED รวมถึงปรับภูมิทัศน์และจัดสรรพื้นที่กิจกรรมอย่างสวนสาธารณะ, สนามฟุตซอล, สนามเปตอง และลู่วิ่ง เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ปฏิบัติงานในโครงการ

ด้านธุรกิจพาณิชยกรรมของ FPT ที่ให้บริการอาคารสำนักงานชั้นนำเกรดเอและมิกซ์ยูสใจกลางเมือง ได้ให้ความสำคัญต่อการให้บริการลูกค้าชั้นนำและผู้ใช้บริการหลากหลายกลุ่ม พร้อมคำนึงถึงความเป็นอยู่ที่ดีและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมเป็นพื้นฐานของการพัฒนาอาคารและการให้บริการเสมอ ซึ่งอาคารพาณิชยกรรมได้พัฒนาตามมาตรฐาน LEED

โดยมีอาคารปาร์คเวนเชอร์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการเป็นอาคารมิกซ์ยูสแห่งแรกของไทยที่ได้รับรองมาตรฐาน LEED ระดับ Platinum ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ภายในอาคารมีระบบควบคุมคุณภาพอากาศและลดมลพิษ พร้อมด้วยระบบปรับระดับแสงให้เหมาะสมกับแสงสว่างธรรมชาติ และระบบลิฟท์อัจฉริยะที่ช่วยประหยัดพลังงานได้ 30% เมื่อเทียบกับระบบปกติ รวมถึงมีพื้นที่สีเขียวสัดส่วน 25% ของพื้นที่ทั้งหมด เป็นต้น ขณะเดียวกัน อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์, อาคารสาทรสแควร์ และอาคารสามย่านมิตรทาวน์ ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED ในระดับ Gold อีกด้วย

กระตุ้นลูกค้า -พันธมิตรใส่ใจสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้บริษัทยังได้กระตุ้นให้ลูกค้าและผู้ใช้อาคารใส่ใจกับการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นผ่านการจัดกรรมต่าง ๆ ภายในอาคาร เช่น กิจกรรมปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour), Tips for Trash จัดโซนให้ข้อมูลการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี ซึ่งมาพร้อมกับกิจกรรมแยกแล้วแลก ตั้งจุดรับบริจาคฝาขวดน้ำพลาสติกบริเวณล็อบบี้ เพื่อส่งต่อไปยังผู้รับบริจาคในการนำไป รีไซเคิลเป็นโต๊ะและเก้าอี้นักเรียนให้แก่โรงเรียนในชนบท

รวมทั้งยังได้ร่วมมือกับไปรษณีย์ไทย ตั้งกล่องรับบริจาคกล่องกระดาษและซองเอกสาร สำหรับนำไปรีไซเคิลเป็นอุปกรณ์สำหรับผู้พิการ พร้อมจับมือกับยูนิโคล่ ประเทศไทย รับบริจาคเสื้อกันหนาวที่ไม่ใช้แล้ว เพื่อส่งต่อให้ผู้ประสบภัยหนาวทางภาคเหนือของประเทศไทย เป็นการช่วยลดปัญหาขยะสิ่งทอที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ด้านธุรกิจที่อยู่อาศัย FPT ส่งมอบการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนผ่านการออกแบบและก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยการติดตั้งฟีเจอร์ที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย, การติดตั้งระบบ ERV (Energy Recovery Ventilation) ที่ช่วยระบายอากาศและปรับคุณภาพอากาศภายในบ้าน, การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่, สร้างกระบวนการคัดแยกขยะภายในโครงการ

“ ยิ่งกว่านั้น บริษัทจะเดินหน้าใช้พลังงานสะอาดกับการติดตั้ง EV Charger และโซลาร์เซลล์ที่มีแผนว่าใน2567 จะติดตั้งโซลาร์เซลล์ในคลับเฮาส์และบ้านตัวอย่างใน 71 โครงการ จำนวน 1,470 กิโลวัตต์ เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น รวมถึงอยู่ระหว่างการพัฒนาบ้านเดี่ยวตามมาตรฐาน LEED ”

ประยุกต์มาตรฐานสากลและอาคารเขียว

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในการพัฒนาความยั่งยืนของวงการอสังหาริมทรัพย์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการพูดถึงอาคารสีเขียว และอาคารประหยัดพลังงาน เป็นเรื่องที่ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง และมีความสำคัญอย่างมากต่อการดำรงธุรกิจ

ปัจจุบันในประเทศไทยมีการนำหลักเกณฑ์ของการรับรองอาคารเขียวมาปรับใช้ ผ่านมาตรฐานของ LEED และ WELL ซึ่งเป็นหลักสากล และ TREES ซึ่งนำหลักการของ LEED มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับมาตรฐานของประเทศไทย โดยหลักการของ LEED และ TREES จะเน้นการพูดถึงเรื่อง 1. การพัฒนาโครงการ ได้แก่ การใช้พลังงาน การใช้น้ำ วัสดุและการจัดหาวัสดุ การพัฒนาโครงการที่ลดผล กระทบต่อระบบนิเวศเดิมในพื้นที่ 2. การใช้งานอาคาร ซึ่งจะพูดถึง indoor environment quality ที่ตอบโจทย์ต่อผู้ใช้งาน และในส่วนของ WELL จะเน้นการพูดถึง health และ well-being ของผู้ใช้งานอาคารนั้นๆเป็นหลัก

“แสนสิริ เองเล็งเห็นความสำคัญของหลักเกณฑ์เหล่านี้ และนำมาปรับใช้ในการพัฒนาโครงการ โดยแสนสิริมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจโดยสอดคล้องไปกับหลักการผ่าน sustainability 3 Green Framework ”

ตอบโจทย์ความยั่งยืน

สำหรับsustainability 3 Green Framework ได้แก่ 1. Green Procurement : การเลือกใช้วัสดุ Green Product และเลือกคู่ค้าที่ใส่ใจกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน ใช้วัสดุในการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม2. Green Architecture and Design : การออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน สร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย เช่นCool Living Designed Home นวัตกรรมบ้านเย็นช่วยประหยัดพลังงาน,Zero Waste Design การออกแบบที่ลดการสิ้นเปลืองและลดปริมาณขยะให้มากที่สุด,Universal Design การออกแบบเพื่อทุกคน ทุกวัย,Well Being ด้านคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของผู้อยู่อาศัย สะอาดปราศจากเชื้อโรค เสริมสร้างที่อยู่อาศัยด้วยนวัตกรรมเพื่อโลกเพื่อสิ่งแวดล้อมและ3. Green Construction : ที่มีขั้นตอนก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อโลก ลดระยะเวลาสร้าง ลดฝุ่น ลดขยะ ลดการปล่อยคาร์บอน

ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

  โดยในส่วนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แสนสิริได้เน้นการพัฒนาผ่านแนวคิด Green Living Designed Home ซึ่งเน้นแนวคิดการลดใช้พลังงาน ลดการใช้น้ำ และ ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยมุ่งเน้นไปเรื่องของ well-being ของลูกค้าคู่ขนานไปด้วย ถึงแม้ว่าในช่วงแรกของการปรับเปลี่ยนการพัฒนาโครงการให้ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์ความยั่งยืนมากขึ้น

อาจตามมาด้วยต้นทุนในการพัฒนาที่สูงขึ้น แต่แสนสิริใส่ใจและควบคุมราคาเพื่อไม่ให้กระทบต่อลูกค้าและประโยชน์ที่จะได้รับ เช่น แสนสิริมีการปรับใช้ air condition จากรุ่นปกติ เป็น air invertor รวมถึงวัสดุที่ช่วยลดความร้อนในตัวบ้าน ซึ่งสามารถประหยัดการใช้พลังงานได้มากถึง 18% ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งลูกบ้านของแสนสิริ สิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


อรสิรินผนึกธนาคารจัดแคมเปญสินเชื่อบ้านประหยัดพลังงาน

อรสิรินผนึกพันธมิตร 3 ธนาคาร ไทยพาณิชย์ ,อาคารสงเคราะห์ ,ออมสินจัดแคมเปญสินเชื่อบ้านประหยัดพลังงาน ดอกเบี้ยพิเศษเพียง 2.65%ใน3 ทำเล วงแหวน-สันกำแพง รวมโชค สันทราย-แม่โจ้ เพื่อก้าวสู่สังคมที่อยู่อาศัย Net Zero

นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ ORN ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการแนวราบ แนวสูง บนทำเลศักยภาพ จ.เชียงใหม่  เปิดเผยว่า บริษัทผนึกความร่วมมือกับ 3 ธนาคารชั้นนำของประเทศ ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ,ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน จัดแคมเปญ สินเชื่อบ้านประหยัดพลังงาน ส่งเสริมการใช้นวัตกรรม ในการออกแบบและก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เริ่มนำร่องโครงการ Belive 3 ทำเล วงแหวน-สันกำแพง,รวมโชค,สันทราย-แม่โจ้ , โครงการ Habitat วงแหวน-สันกำแพง , โครงการ The Escape มหิดล

โดยมอบสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษให้แก่ลูกค้าของบริษัท ดังนี้  ธนาคารไทยพาณิชย์  ลูกค้าสามารถ ผ่อนชำระ 3,700 บาท/เดือน ระยะเวลานาน 1 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ย 3.15% ปีแรก (เฉลี่ย 3 ปี 4.27%)

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ลูกค้าสามารถผ่อนชำระเพียง 3,400 บาท/เดือน ระยะเวลานาน 1 ปีอัตราดอกเบี้ย 2.65% ปีแรก (เฉลี่ย 3 ปี 3.30%)

ธนาคารออมสิน ลูกค้าสามารถผ่อนชำระ 3,300 บาท/เดือน ระยะเวลานาน 1 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.69% ปีแรก (เฉลี่ย 3 ปี 3.85%) *ระยะเวลาการใช้อัตราดอกเบี้ยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป**เงื่อนไขเป็นไปตามธนาคารและบริษัทกำหนด*

“บริษัทให้ความสำคัญกับการออกแบบที่อยู่อาศัย เพื่อร่วมสร้างสังคมที่อยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เติมเต็มความสุขของทุกคนในครอบครัว ด้วยการได้อยู่ในที่อยู่อาศัยที่ดี อุ่นใจและปลอดภัย รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึง มุ่งพัฒนาการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม สร้างสังคมที่อยู่อาศัย Net Zero เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกบ้าน และยกระดับการใช้ชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน”

ทั้งนี้ โครงการที่เข้าร่วมแคมเปญ เป็นโครงการที่มีจุดเด่นด้านการออกแบบภายในและภายนนอก โดยให้ความสำคัญด้านการประหยัดพลังงาน ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมอากาศบริสุทธิ์ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย ด้านพลังงาน ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับบ้านทั่วไป และเทียบเท่าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ประมาณ 5,300 ตันต่อปี ส่งผลให้ประเทศประหยัดพลังงาน และได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืน

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 27พ.ย. “แข็งค่า” ที่ระดับ 35.39 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทโมเมนตัมการอ่อนค่ายังคงมีอยู่ อาจได้รับอานิสงส์จากการแข็งค่าของเงินหยวนหากรายงานดัชนี PMI จีนออกมาดีกว่าคาด ที่สำคัญ จับตาราคาทองคำอย่างใกล้ชิด

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 27พ.ย.2566 ที่ระดับ  35.39 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  35.48 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน   พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่านับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาททยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง (แกว่งตัวในกรอบ 35.30-35.48 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำทดสอบโซนแนวต้านระยะสั้น ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นบางส่วนในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำ โดยโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำดังกล่าว ก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลง ทดสอบโซนแนวต้านสำคัญ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ

ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของทั้งสหรัฐฯ และจีน พร้อมรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟด และรอลุ้นผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม (ISM Manufacturing PMI) ในเดือนพฤศจิกายน รวมถึงรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE เดือนตุลาคม และรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่งอยู่ ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาประเมินว่า เฟดมีโอกาสคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานขึ้น รวมถึงเพิ่มโอกาสที่เฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งภาพดังกล่าวจะส่งผลให้ ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น

อนึ่ง ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ควบคู่ไปกับ การติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด รวมถึง รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจโดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) ว่าจะสะท้อนภาพกิจกรรมทางเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ของเฟดสาขาต่างๆ อย่างไรบ้าง

โดยหากกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้น จากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจก่อนหน้า ก็อาจเป็นปัจจัยให้เฟดดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งเรายังคงมองว่า เฟดอาจเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ไปก่อน และเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยลงได้ หากเศรษฐกิจชะลอตัวลงมากขึ้นชัดเจนและเสี่ยงจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า หากคาดการณ์ของเราไม่ผิดพลาด

▪ ฝั่งยุโรป – ตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ BOE และ ECB โดยเฉพาะประธาน ECB โดยในส่วนของ ECB นั้น ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า ECB ได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว

และมีโอกาสที่ ECB จะลดดอกเบี้ยลงในปีหน้าไม่น้อยกว่า -75bps ซึ่งมุมมองดังกล่าวก็อาจได้แรงหนุนจากรายงานอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ของยูโรโซน ที่จะชะลอลงต่อเนื่องสู่ระดับ 3.9% (ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI จะชะลอลงสู่ระดับ 2.7%)

 ฝั่งเอเชีย – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการของจีนในเดือนพฤศจิกายน โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น สะท้อนจากดัชนี PMI ภาคการบริการที่จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.1 จุด (ดัชนีเกิน 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว)

ขณะที่ ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของจีน อาจยังอยู่ในภาวะหดตัว โดยดัชนี PMI ภาคการผลิต จะยังคงต่ำกว่าระดับ 50 จุด ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น นักวิเคราะห์ต่างคาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งส่วนหนึ่งก็ได้รับอานิสงส์จากการภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก

โดยภาพดังกล่าวจะสะท้อนจาก ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนตุลาคมที่จะโตกว่า +5.9%y/y ในส่วนนโยบายการเงินนั้น ตลาดประเมินว่า แนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อจะหนุนให้ทั้งธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) และธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.50% และ 5.50% ตามลำดับ

▪ ฝั่งไทย – เราประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.50% หลังล่าสุดแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อรวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจอาจลดลงกว่าที่ กนง. เคยประเมินไว้บ้าง ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ

รวมถึงความไม่แน่นอนของแนวโน้มบรรดาเศรษฐกิจหลัก ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ บรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า ยอดการส่งออกของไทยในเดือนตุลาคม มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้น ราว +9%y/y ตามความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ Semiconductor ที่ฟื้นตัวดีขึ้น

ส่วนสินค้าเกษตรและอาหารก็ยังขยายตัวได้ดี ขณะที่ ยอดการนำเข้าอาจโตราว +6%y/y ทำให้โดยรวมดุลการค้าอาจเกินดุล +530 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ การฟื้นตัวดีขึ้นของการส่งออกในช่วงไตรมาสที่ 4 จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปีนี้ได้

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการอ่อนค่ายังคงมีอยู่ โดยมีโซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวต้านสำคัญ ซึ่งเงินบาทจะอ่อนค่าต่อ หรือ พลิกกลับมาแข็งค่าอาจต้องรอลุ้นทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ หลังทยอยรับรู้ผลการประชุม กนง.

ทั้งนี้ เงินบาทอาจได้รับอานิสงส์จากการแข็งค่าของเงินหยวนจีน (CNY) หากรายงานดัชนี PMI จีนออกมาดีกว่าคาด และที่สำคัญ โฟลว์ธุรกรรมทองคำยังคงส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทได้ ซึ่งต้องจับตาทิศทางราคาทองคำอย่างใกล้ชิด หลังล่าสุดราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้าน เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรได้ (โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ ก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท)

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์มีโอกาสกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ไม่ยาก หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดยังคงสนับสนุนเฟดใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมามองว่า เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน “Higher for Longer” พร้อมกับเริ่มปรับลดโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลงได้ “เร็วและลึก” กว่าที่เฟดได้ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงนี้ ตลาดการเงินยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน รวมถึง ความกังวลต่อทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย

อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.00-35.65 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.30-35.50 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


กระแสดีเยี่ยม! “Supersports” ผนึก “แทมมี่” จัดเทนนิสคลินิก “Supersports Tennis Clinic with Tammy”

Supersports ผนึกกำลัง “แทมมี่” แทมมารีน ธนสุกาญจน์ จัดกิจกรรม “Supersports Tennis Clinic with Tammy” ติวเข้มเทคนิคการเล่นเทนนิสให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมกับมืออาชีพด้วยความเข้มข้น ปลื้มกระแสตอบรับดีมาก

บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด ในเครือเซ็นทรัลรีเทล ผู้บริหารร้าน “Supersports” ร้านค้าปลีกสินค้ากีฬาชั้นนำอันดับ 1 ของประเทศไทย ผนึกกำลังกับ “แทมมี่” แทมมารีน ธนสุกาญจน์ อดีตนักเทนนิสหญิงมือ 1 ของไทย และอันดับ 19 ของโลก จัดกิจกรรม “Supersports Tennis Clinic with Tammy” ติวเข้มเทคนิคการเล่นเทนนิสให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 35 คน ณ สนามเทนนิส Crystal Sport ถนนประดิษฐ์มนูธรรม กรุงเทพฯ เมื่อวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2566

กิจกรรม “Supersports Tennis Clinic with Tammy” ได้รับการสนับสนุนจาก Supersports, Asics, Babolat และ 100 Plus โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก คุณธีระวัฒน์ จูงหัตถการสาธิต Head of Merchandise performance footwear บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด , คุณตฤณ ธนากิตติวรา Country Manager เอสิกส์ ประเทศไทย และคุณหนูพลอย มัศยามาศ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท แรคเก็ต สปอร์ต จำกัด ผู้แทนจำหน่าย Babolat ประเทศไทย เข้าร่วมภายในกิจกรรมด้วย

“Supersports Tennis Clinic with Tammy” แบ่งกิจกรรมออกเป็น ช่วงแรกกิจกรรมเข้าสนามช่วง “Great Footwork Drill helps better Tennis Fundamental” ซึ่งเป็นการให้ความรู้เรื่องฟุตเวิร์กที่ดีจะช่วยให้พื้นฐานการเล่นเทนนิสได้ดีขึ้น ตามด้วยกิจกรรม Warm Up, Footwork Sessons, Agility Drills อบอุ่นร่างกายก่อนฝึกซ้อมในเรื่องฟุตเวิร์ก และการฝึกซ้อมการเคลื่อนที่ด้วยความคล่องตัว

จากนั้นเป็นกิจกรรมเข้าสนามช่วง “Tennis Fundamental” – Tennis Correct Basic (Ground Stoke, Volley, Serve and Tactics) เป็นเรื่องพื้นฐานการเล่นเทนนิสด้วยเบสิคที่ถูกต้อง ทั้งกราวน์ สโตรก, วอลเลย์, เสิร์ฟ และแทคติก ก่อนเข้าสู่กิจกรรม “Tennis Fun Games and Match with Coach Tammy” การลงแมตช์ร่วมกับ “โค้ชแทมมี่”​ แทมมารีน ธนสุกาญจน์ และเล่นเกมกับผู้เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างสนุกสนาน

นายธีระวัฒน์ จูงหัตถการสาธิต Head of Merchandise performance footwear บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด กล่าวว่า “เรามองเห็นทุกกีฬามีความสำคัญ เพราะด้วยทาง Supersports เป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์กีฬาครอบคลุมทุกประเภท การจัดกิจกรรมเทนนิสคลินิกครั้งนี้ มองเห็นว่าเป็นจุดสำคัญในการมอบโอกาสพิเศษให้ลูกค้าได้มาเสริมสร้างทักษะการเล่นเทนนิส และได้ทำกิจกรรมร่วมกับทางทีมโค้ช และนักกีฬาชั้นนำของประเทศ รวมทั้งได้ลองอุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ กับทางโค้ชแทมมี่ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขยายธุรกิจต่อ ๆ ไป กิจกรรมนี้เป็นการเสริมสร้างให้กลุ่มลูกค้ารวมถึงคนรักการออกกำลังกายเห็นภาพของกิจกรรมกีฬาเหล่านี้เยอะขึ้น ตอกย้ำนโยบายของ Supersports ที่อยากเห็นทุกคนมีสุขภาพที่ดีและอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาเล่นกีฬากันเป็นประจำ หาเวลาว่างในช่ววันเสาร์-อาทิตย์มาออกกำลังกาย”

“และในปีนี้เราทำกิจกรรมหลายประเภทกีฬา ไม่ว่าจะเป็น รันนิ่ง ฟุตบอล และเทนนิส โดยในเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นเดือนที่เราโฟกัสกีฬาเทนนิส จึงได้ร่วมกับทางคุณแทมมี่ในการจัดกิจกรรมขึ้นมา ผลตอบรับตรงนี้ ผมมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้ลูกค้าได้เห็นความสำคัญ และเข้ามามีส่วนร่วมในความสนุกของกีฬาเยอะมาก ดังนั้น ในปีหน้าจะยังมีกิจกรรมดี ๆ อย่างนี้ต่อเนื่องไปอีก ทั้ง รันนิ่ง ฟุตบอล และเทนนิส รวมทั้งจะขยายไปกีฬาอื่น ๆ ด้วย” นายธีระวัฒน์ กล่าว

ขณะที่ แทมมารีน กล่าวว่า “ต้องขอขอบคุณผู้สนับสนุนใจดีทั้ง Supersports, Asics, Babolat และ 100 Plus ที่ทำให้มีกิจกรรมครั้งนี้ และได้มีโอกาสมาเจอคนรักกีฬาเทนนิสจริง ๆ ทั้งกลุ่มวัยทำงาน และกลุ่มเยาวชนด้วย ซึ่งครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 35 คน อาจไม่เยอะมาก แต่เป็นจำนวนที่กำลังดีในการสอนเทคนิคการเล่นแต้มให้มีความเข้มข้น หวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์กันอย่างเต็มที่ โดยเบื้องต้นได้เน้นเรื่องเบสิค เพราะในการตีเทนนิส ต้องเน้นความสัมพันธ์ ทั้งมือเท้าตา การอ่านวิถีบอล ฟุตเวิร์ก การตีให้ถูกต้อง และมีความแน่นอน รวมทั้งเสริมเรื่องของแทคติกเพิ่มเติม”

“กิจกรรมนี้ มีคนรักเทนนิสให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก แต่เราต้องรับจำนวนที่พอเหมาะเพราะว่าอยากให้การเรียนการสอนมีความเข้มข้นจริง ๆ ซึ่งแทมมี่มองว่าตอนนี้วงการเทนนิสเรามีความตื่นตัวในหลาย ๆ กลุ่มวัย ทั้งเยาวชน นักศึกษา วัยทำงาน จนถึงรุ่นพี่ ๆ สูงอายุด้วย มีจัดแข่งขันทุกสัปดาห์เลย ก็ดีใจที่เทนนิสได้กลับมาตื่นตัว และก็หวังว่าเราจะได้เห็นซูเปอร์สตาร์คนใหม่ของเราก้าวขึ้นมา และได้ไปแข่งรายการระดับแกรนด์สแลมในนามประเทศไทย” แทมมี่ กล่าวปิดท้าย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


6 สัญญาณที่บอกว่าคุณกำลังเครียดจนเกินรับมือไหว

เมื่อเราต้องอยู่ในสังคมที่เพิ่มความเคร่งเครียดขึ้นทุกวัน เพราะต่างก็ต้องต่อสู้ เพื่อความอยู่รอด จนกระทั่งมีประโยคแห่งยุคสมัยที่ว่า “อ่อนแอ ก็แพ้ไป” ซึ่งทำให้การใช้ชีวิตทุกวันนี้ คนที่ไม่พร้อมจะต่อสู้ หรือไม่กล้าที่จะตอบโต้ กลายเป็นคนอ่อนแอ และต้องถูกย่ำยีตลอดเวลา จนกระทั่งเกิดคำขึ้นอีกคำที่ว่า “โลกทำให้ฉันร้าย” ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นสภาพจิตใจของคนในสังคม ที่ต้องเผชิญหน้ากับความเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา และบางคนนั้นอาจมากจนเกินรับมือไหว ดังนั้น คงจะดีกว่าถ้าเราสังเกตตนเอง แล้วดูว่า ความเครียดของเราในเวลานี้ อยู่ในระดับเกินจะทนหรือยัง

  1. วัดความเครียดของคุณจากการนอน

โดยปกติแล้วมนุษย์ต้องการการพักผ่อน 7-8 ชั่วโมง/วัน คนที่ไม่มีความเครียดอะไร ก็สามารถนอนหลับพักผ่อนได้เป็นปกติ แต่สำหรับคนที่มีความเครียด หรือมีความกังวลใจ หรืออยู่ในอาการซึมเศร้าจนเกินรับมือไหวนั้น มักจะนอนไม่ค่อยหลับ พลิกตัวไปมาตลอดเวลานอน ถ้าวันนี้ คุณรู้สึกว่า การนอนของคุณผิดปกติกว่าที่เคย ลองสำรวจดูหน่อยว่า มีความเครียดใดคั่งค้างอยู่ในใจ ลองหาทางรับมือกับเรื่องดังกล่าว และทางที่ดีที่สุด คือ การเดินเข้าไปขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

  1. ความเครียดทำให้การกินของคุณเปลี่ยนไป

คนที่สุขภาพดี ร่างกายไม่มีโรคภัย สภาพจิตใจก็จะดีตาม และเหนืออื่นใด พวกเขาก็จะเลือกกินแต่ของที่ดีและมีประโยชน์ต่อตนเอง แต่คนที่ต้องอยู่ภายใต้ความกดดัน ทุกอย่างรอบตัวเร่งรีบไปหมด พวกเขาจะชอบกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เพราะต้องการความเร็ว หรือไม่ก็กินของหวานมากจนเกินไป เพราะความเครียด หรือการนอนหลับไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายต้องการน้ำตาลเพิ่มมากขึ้น เมื่อคุณรู้สึกว่า วิถีการกินของตนเองเปลี่ยนไป ลองหยุดคิดสักนิด แล้วกลับมาเริ่มต้นใหม่ กับการรักษาสุขภาพการกินของตนเอง เพื่อทำให้สุขภาพกายดี และแน่นอนว่า สุขภาพใจ ก็จะดีตามไปด้วยเช่นกัน

  1. คุณรู้สึกหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา

ไม่ว่า จะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่แค่ไหน คุณก็สามารถหงุดหงิดได้ตลอดเวลา แม้จะไม่ใช่วันนั้นของเดือน คุณรู้สึกว่าโลกทั้งโลกไม่มีความยุติธรรมให้กับคุณเลย ทั้งหมดเป็นความเครียดที่สะสมจากการทำงาน จากคนในครอบครัว ทำให้คุณหงุดหงิดไปกับทุกสิ่ง กลายเป็นคนที่เกรี้ยวกราดได้ง่าย ถ้าคุณกำลังตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ขอให้ลองปรึกษาจิตแพทย์ เพราะปัญหาทางด้านอารมณ์นั้น ส่งผลต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง อย่าได้คิดว่าเป็นเรื่องปกติ

  1. คุณเริ่มข้องเกี่ยวหรือใช้สารเสพติด

สารเสพติดในที่นี้ หมายถึง การเริ่มต้นจากบุหรี่ เหล้า แล้วค่อยเพิ่มความรุนแรงไปถึงสารเสพติดชนิดอื่น ที่คุณต้องพึ่งพาสิ่งเสพติด หรือสารเสพติดเหล่านี้ เป็นเพราะคุณต้องการจะหนีจากความเครียด หรือความเจ็บปวดที่คุณต้องเจอ ซึ่งวิธีการนี้ ไม่ได้ช่วยให้ปัญหาของคุณบรรเทาลง แต่จะทำให้คุณแย่ยิ่งกว่าเดิม ดังนั้น เมื่อเริ่มรู้ว่า ตนเองเข้าไปข้องเกี่ยวกับสารเสพติด หรือสิ่งเสพติด คุณคงต้องหยุดคิด และหาทางแก้ปัญหา ด้วยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า

  1. คุณเริ่มมีอาการเซื่องซึม

อาการเซื่องซึมของคุณนั้น เริ่มจากน้อยไปหามาก จากที่เศร้า ๆ ซึม ๆ บางวัน กลายเป็นเกิดขึ้นทุกวัน เมื่อตื่นนอน ความรู้สึกท้อแท้ห่อเหี่ยว จนทำให้คุณไม่สามารถทำกิจกรรมใด ๆ ได้ อย่างที่คุณเคยทำ สิ่งเดียวที่คุณอยากทำ คือ นอนเฉย ๆ อยู่มุมมืด ๆ ของห้อง ถ้ามีความรู้สึกเช่นนี้แสดงว่า ความเครียดในตัวคุณนั้น มีมากจนเกินจะรับมือไหวแล้ว

  1. คุณไม่ดูแลตัวเอง

ถ้าคุณเริ่มที่จะปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่สนใจว่า รูปร่างหน้าตาจะเป็นเช่นไร สภาพของคุณเปลี่ยนไปจนคนรอบข้างสังเกตเห็น ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะคุณรู้สึกเบื่อหน่าย และความเครียดรอบ ๆ ตัว ทำให้คุณไม่อยากจะสนใจตัวเอง ลองหันกลับมามองตัวคุณในเวลานี้ ถ้าคุณเริ่มเห็นคนที่ไม่ใช่คุณในกระจก เป็นคนแปลกหน้าที่ อ้วนฉุ หรือผมเผ้ารุงรัง ไม่ดูแลหน้าตา เนื้อตัวของตัวเองเลย คงถึงเวลาที่คุณจะต้องสำรวจภายในใจของตัวเองแล้วว่า ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อให้พ้นจากสภาพที่เป็นอยู่หรือไม่

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


23 คำถามภาษาอังกฤษ เอาไว้ถามข้อมูลส่วนตัวของคนอื่น

เคยตอบกลับคำถามแบบนี้บ้างไหมคะ

A : How come?
B : By bus.

ถ้าเข้าใจภาษาอังกฤษดีก็จะรู้ว่าเขาไม่ได้ถามว่ามาอย่างไร แต่ถามว่า “เพราะอะไร” หรือ “ทำไม” ต่างหาก ปัญหาอย่างหนึ่งของการสื่อสารก็คือไม่เข้าใจคำถาม หรือ เข้าใจคำถามผิด เวลาตอบก็เลยให้คำตอบไม่ตรงประเด็น สำหรับเรื่องทั่วไปนั้นคงไม่ค่อยมีผลมากเท่าไร แต่ถ้าเป็นการตอบคำถามเพื่อให้ข้อมูลส่วนตัวอาจจะมีปัญหาตามมาได้เช่นกัน

มีหลายครั้งที่เราต้องให้ข้อมูลส่วนตัวที่จำเป็นของเรากับผู้อื่น เช่น เมื่อเราต้องติดต่อทำเอกสารสำคัญบางอย่าง เมื่อเราต้องเดินทางไปต่างประเทศ การสมัครงาน เป็นต้น ซึ่งความจริงแล้วเป็นประโยคง่ายๆ แต่บางทีก็ลืมมันไป หรือส่วนมากเจอวนเวียนอยู่แค่ไม่กี่ประโยค พอเจอประโยคใหม่ก็เลยตกใจจนไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรก็มี วันนี้เราจะมาดูกันว่า คำถามที่เกี่ยวข้องกับการสอบถามข้อมูลส่วนตัวนั้นมีอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้เข้าใจและตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง

What is your name?

[คุณชื่ออะไร]

Can you tell me your name please?

[คุณชื่ออะไร]

How old are you?

[คุณอายุเท่าไร]

Can you tell me your age please?

[คุณอายุเท่าไร]

What’s your birthday?

[คุณเกิดวันที่เท่าไร]

How tall are you?

[คุณสูงเท่าไร]

How much do you weigh?

[คุณน้ำหนักเท่าไร]

What is your weight?

[คุณน้ำหนักเท่าไร]

What is your address?

[ที่อยู่ของคุณคือที่ไหน]

Where were you born?

Where are you from?

[คุณมากจากที่ไหน / คุณมาจากประเทศอะไร]

What is your nationality?

[คุณมีสัญชาติอะไร]

What is your religion?

[คุณนับถือศาสนาอะไร]

What do you do for a living?

[คุณทำงานอะไร]

Where do you work?

[คุณทำงานที่ไหน]

Where do you study?

[คุณเรียนที่ไหน]

What faculty are you studying in?

[คุณเรียนคณะอะไร]

What is your telephone number?

[เบอร์โทรศัพท์คุณหมายเลยอะไร]

What is your mobile phone number?

[เบอร์โทรศัพท์มือถือของคุณหมายเลยอะไร]

How many people are there in your family?

[ในครอบครัวคุณมีสมาชิกกี่คน]

How many children do you have?

[คุณมีลูกกี่คน]

How many brothers and sisters do you have?

[คุณมีพี่น้องกี่คน]

Are you married or single?

[คุณแต่งงานแล้วหรือยังโสด]

อันที่จริงแล้วการถามคำถามเพื่อขอข้อมูลส่วนตัวนั้นอาจลงลึกได้มากกว่านี้อีกตามแต่สถานการณ์ แต่นี่คือประโยคพื้นฐานที่เราจำเป็นต้องรู้และเข้าใจ จะได้ให้ข้อมูลได้ถูกต้องครบถ้วน หากไม่แน่ใจหรือฟังได้ไม่ชัดก็ควรขอให้ผู้ถามพูดซ้ำอีกครั้ง แต่ถ้าพูดซ้ำแล้วเรายังไม่เข้าใจ อาจเพราะเป็นประโยคที่ไม่คุ้นเคย ก็ให้บอกตามตรงว่าไม่เข้าใจ เพื่อที่เขาจะได้หาคำพูดที่จะถามให้ง่ายขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


อยากส่งเมลให้เพื่อนหลายๆ คน แต่ไม่อยากให้เขารู้ว่าส่งให้ใครบ้าง ทำได้ไหม ?

การส่งอีเมลหลายๆ คนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็จะส่งกันได้โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นทางการ แต่ว่าถ้าเราไม่อยากให้เปิดเผยว่า การส่งเมลหลายๆ คนแต่ไม่อยากให้แสดงว่าเราส่งให้ใครบ้าง จะต้องทำอย่างไร วันนี้ Sanook Hitech มีคำตอบครับ

ในการส่งอีเมล์โดยปกติแล้วทุกโปรแกรมจะมีทั้งหมด 3 ช่องเพื่อใส่อีเมลประกอบด้วย

  • ช่องแรก หรือ To : เป็นการระบุบุคคลหลัก
  • ช่องที่ 2 หรือ CC : ย่อมาจาก Carbon Copy จะเป็นการส่งและมีปรากฏชื่อเมล เช่นเราต้องการส่งให้เพื่อนอีกทีม แต่ต้องการติดต่อสื่อสารและให้รู้ว่าเป็นใคร หรือเป็นบุคคลสำคัญเป็นต้น
  • ช่องที่ 2 หรือ BCC : ย่อมาจาก Blind Carbon Copy เป็นการส่งเมลที่มีความลับไม่ต้องเปิดเผยตัวตน หรือไม่อยากให้เห็นว่าส่งให้ใครบ้าง หรือ ส่งจดหมายกับถึงคนจำนวนมากเช่นจดหมายเชิญมางาน เป็นต้น เราสามารถใช้ได้เลย

ดังนั้นการใช้งานแต่ละช่องขึ้นกับความเหมาะสม ถ้าในกรณีนี้ถ้าอยากส่งเมลหลายๆ คนแต่ไม่อยากให้รู้ว่าส่งหาใครบอก สามารถใช้ BCC ได้เลยครับ ทั้งนี้การส่งเมลยังเป็นการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และดีกว่า Messenger ทั้งหลายเพราะได้ความเป็นทางการมากกว่า ครับ

สำหรับครั้งหน้าทีม Sanook Hitech จะมีเรื่องราวและเทคนิคการใช้เทคโนโลยีอย่างไร อย่าลืมมาติดตามกันนะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


10 ประโยชน์ของ “สับปะรด” ที่คุณอาจไม่รู้ของ

นอกจากจะรสชาติหวานซ่อนเปรี้ยว สดชื่น ชุ่มฉ่ำ แถมยังมีราคาสบายกระเป๋าจนแทบจะซื้อทานได้ทุกวันแล้ว “สับปะรด ยังมีประโยชน์ที่ใครหลายคนอาจยังไม่เคยทราบอีกด้วย อ่านจบแล้วจะอยากหาทานบ่อยๆ เลยล่ะ

10 ประโยชน์ของ “สับปะรด” ที่คุณอาจไม่รู้ของ 

  1. สับปะรด มีประโยชน์แทบทุกส่วน ทั้งใบสับปะรดที่สามารถนำมาทำเป็นผ้าใยสับปะรด กระดาษ และเชือก เปลือกสับปะรดก็นำมาทำเป็นอาหารของวัว และหมักเป็นปุ๋ย ส่วนแกนสับปะรดยังช่วยขับปัสสาวะ แก้นิ่วได้อีกด้วย
  2. สับปะรดช่วยย่อยอาหาร โดยเฉพาะอาหารจำพวกโปรตีน ดังนั้นใครที่ทานบุฟเฟต์ปิ้งย่าง อย่าลืมทานสับปะรดช่วยย่อยตามหลังไปด้วยนะ
  3. ใครจะหมักเนื้อ หมู ไก่ ทำสเต็ก ลองหมักกับสับปะรดดูสิ รับรองว่าได้เนื้อนุ่มๆ โดยไม่ต้องทุบเนื้อเลยแหละ
  4. บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
  5. อุดมไปด้วยวิตามินซี ต่อต้านหวัด เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
  6. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
  7. ลดอาการท้องผูก
  8. ลดเสมหะในลำคอ
  9. ช่วยให้สุขภาพช่องปาก ฟัน และเหงือกแข็งแรง
  10. ลดความดันโลหิตสูง

ถึงแม้ว่าหลายคนจะเลือกทานสับปะรดเพื่อลดน้ำหนัก แต่การทานสับปะรดมากๆ อาจทำให้เกิดอาการคันลิ้น แสบลิ้นขึ้นมาได้ ดังนั้นควรทานแต่พอดี หลังทานมื้ออาหารราว 2-3 ชิ้นใหญ่ หรือไม่เกิน 1 ลูกต่อวัน เท่านี้ก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้วล่ะค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เตรียมเที่ยว งานไทยเที่ยวไทย 2566 วันที่ 30 พ.ย.- 3 ธ.ค.นี้ โปรเด็ดเพียบ!

เข้าสู่ช่วงสิ้นปีแบบนี้ได้เวลาออกเดินทางกันอีกครั้ง ซึ่งในช่วงปลายเดือนนี้จะมีการจัด งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 68 แหล่งรวบรวมโปรโมชันท่องเที่ยว ที่พัก และร้านอาหารทั้งในและต่างประเทศ ลดกระหน่ำกันแบบจุใจ สำหรับคนที่วางแผนจะไปเที่ยวได้ไปเลือกซื้อกัน

งานไทยเที่ยวไทย 2566 เริ่มวันไหน

โดยงานไทยเที่ยวไทยนี้ จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.- 3 ธ.ค. 2566 ที่ ไบเทค บางนา ฮอลล์ EH 101 – EH 102 ตั้งแต่เวลา เวลา 10.00 – 21.00 น. ใครสะดวกช่วงไหนไปเดินเล่นช็อปปิ้งกันได้เลย รับรองว่าทริปท่องเที่ยวของคุณจะประหยัดเงินไปได้อีกเยอะแน่นอน

 การเดินทางไป ไบเทค บางนา งานไทยเที่ยวไทย 2566

  1. รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS): คุณสามารถลงที่สถานีบางนาและใช้ทางออกประตู 1 เพื่อเข้าสู่ทางเดินเชื่อม Skywalk ซึ่งจะนำคุณไปยังชั้น 2 ของไบเทค บางนา โดยทางเชื่อม Skywalk เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-22.30 น.
  2. รถไฟใต้ดินเอ็มอาร์ที (MRT): สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีสุขุมวิท จากนั้นคุณสามารถต่อรถไฟฟ้า BTS จากสถานีอโศกไปลงที่สถานีบางนา และเดินผ่านทางเชื่อม Skywalk เข้าไบเทค บางนา
  3. รถยนต์ส่วนตัว: หากคุณมาจากในตัวเมือง สามารถใช้ทางด่วนเพื่อมายังไบเทค บางนา ได้ดังนี้
    • เส้นทางขาเข้าประตูที่ 1 และ 2: ลงทางด่วนบางนา-ตราด แล้วชิดซ้ายเข้าทางคู่ขนานและขึ้นสะพานกลับรถไบเทค จากนั้นชิดซ้ายเข้าประตูที่ 1 หรือ 2
    • เส้นทางขาเข้าประตูที่ 3: ลงทางด่วนสมุทรปราการ-สำโรง (สุขุมวิท) แล้วชิดซ้ายเพื่อเข้าประตูที่ 3

นอกจากนี้ ไบเทค บางนา ยังมีบริการที่จอดรถทั้งแบบกลางแจ้งและใต้ดิน โดยคิดค่าจอดรถ 3 ชั่วโมงแรกฟรี และชั่วโมงต่อไปชั่วโมงละ 20 บาท สามารถรองรับรถได้ประมาณ 5,000 คัน

งานไทยเที่ยวไทย 2566 ยังมีร้านค้าที่นำสินค้าเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมาขาย ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า รถเช่า และสายการบินต่างๆ เป็นต้น เรียกว่ามางานเดียวครบจบเรื่องท่องเที่ยวเลย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 27/11/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a33,450.0033,550.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,167.0032,851.7234,050.00
ทองรูปพรรณ 90%1,950.3029,566.55n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,733.6026,281.38n/a
ทองรูปพรรณ 50%975.0014,781.00n/a
ทองรูปพรรณ 40%758.0011,491.28n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,246.0034,049.36n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 27/11/2566



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.0536.0536.5536.0536.0536.0536.0536.0536.0536.05
แก๊สโซฮอล์ 9134.2834.2834.7834.2834.2834.2834.2834.2834.2834.28
แก๊สโซฮอล์ E2033.9433.9434.4433.9433.9433.9433.9433.9433.94
แก๊สโซฮอล์ E8534.0934.0934.09
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม43.8447.7448.2447.7443.84
เบนซิน 9543.9445.1144.4444.0943.94
ดีเซล B729.9429.9430.4429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6444.9443.6442.9441.54
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า