สาระน่ารู้ประจำวันที่ 27 ธันวาคม 2566

คอนโดภูเก็ตยอดขายทุบสถิติรอบ10ปี!หาดบางเทา-หาดลายันเปิดขายมากสุด

ทุบสถิติ !ภาพรวมตลาดคอนโดภูเก็ตยอดขายช่วงครึ่งแรกของปี 2566 สูงสุดในรอบ 10 ปี ดีเวลลอปเปอร์เปิดขายในทำเลหาดบางเทา-หาดลายันมากสุดส่วนใหญ่รัสเซีย จีน อังกฤษ ตะวันออกกลาง และอินเดียซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า 79% เพื่ออยู่อาศัยเอง เป็นที่พักตากอากาศหรือบ้านหลังที่สอง 21%

ประกายเพชร มีชูสาร หัวหน้าแผนกซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมตลาดวิลล่าและคอนโดในภูเก็ต เติบโตต่อเนื่องหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จะเห็นว่ามีการเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยตากอากาศระดับลักชัวรีในภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้พัฒนาโครงการ 

โดยภาพรวมตลาดคอนโดในภูเก็ตทำสถิติยอดขายครึ่งแรกของปี 2566 อยู่ที่ 1,486 ยูนิต สูงสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา จากการเปิดตัวคอนโดใหม่ 364 ยูนิต คาดทั้งปี 2566 จะมีคอนโดใหม่เปิดตัวรวมกว่า 3,000 ยูนิต เพิ่มขึ้น 8.9% จากปี 2565 มากกว่าการเปิดตัวช่วงปี 2561-2565 หรือคิดเป็น 2.03 เท่า ของค่าเฉลี่ยการเปิดตัวคอนโดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา 

ทำเลที่มีการเปิดตัวคอนโดสูงที่สุดเป็นทำเลชายฝั่งตะวันตกกลาง ย่าน “หาดบางเทา และ “หาดลายัน”

ซีบีอาร์อี ปิดการขายคอนโดในภูเก็ต ไตรมาส 3 ปี 2566 มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 113% ของยอดขายรวมทั้งปี 2565 โดยมีสัดส่วนลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ 50% เท่ากัน ซึ่งลูกค้าชาวต่างชาติส่วนใหญ่มาจากโซนยุโรปและเอเชีย ได้แก่ รัสเซีย จีน และอังกฤษ ตามลำดับ คาดว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะยังเป็นผู้ซื้อหลักในปี 2567 อย่างไรก็ดี มีการสอบถามที่พักอาศัยตากอากาศอย่างมีนัยสำคัญจากกลุ่มตะวันออกกลาง และอินเดีย 
 

“พฤติกรรมของชาวต่างชาติเริ่มต้นจากการเข้ามาท่องเที่ยวและชื่นชอบภูเก็ต จึงสนใจที่พักอาศัยตากอากาศ ทั้งยังเห็นโอกาสลงทุนจึงเปลี่ยนสถานะจากนักท่องเที่ยวเป็นผู้ซื้อ หรือนักลงทุน ทำให้ภาพรวมคอนโดภูเก็ตปี 2567 จะยังได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวไทยและต่างชาติต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ ลูกค้ากลุ่มลักชัวรีตัดสินใจซื้อที่พักอาศัยตากอากาศในภูเก็ต เป็นการซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า 79% เพื่ออยู่อาศัยเอง เป็นที่พักตากอากาศหรือบ้านหลังที่สอง 21% 

สำหรับลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า เนื่องจากชอบศักยภาพของภูเก็ตที่รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ และต่างประเทศ สอดรับแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ทั้งโครงการระยะสั้น-ระยะยาว อาทิ การขยายท่าอากาศยานภูเก็ตระยะที่ 2 คาดเปิดบริการปี 2571 รองรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 18 ล้านคนต่อปี การสร้างทางด่วนสายใหม่กะทู้-ป่าตอง และโครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับใหม่ เพิ่มศักยภาพภูเก็ตให้ดึงดูดผู้มาเยือนทั้งนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย (Expat) ซึ่งปัจจุบันสูงเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ

โดยทำเลที่ลูกค้าซีบีอาร์อีมองหาเป็นอันดับต้นๆ คือ บริเวณหาดบางเทาและหาดลายัน เนื่องจากมีชายหาดที่สวยงาม เป็นหาดที่ยาวเป็นอันดับสองในภูเก็ต โดดเด่นด้านการเดินทางเชื่อมทำเลอื่นได้สะดวก อาทิ เซ็นทรัลภูเก็ต ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ถลาง เมืองเก่าภูเก็ต สนามกอล์ฟ โรงพยาบาล และ โรงเรียนนานาชาติ เป็นศูนย์กลางย่านธุรกิจและการท่องเที่ยว เดินทางสะดวก ทำให้มีที่พักอาศัยตากอากาศระดับลักชัวรีอยู่มากที่สุด 

“หาดบางเทาและหาดลายัน เป็นทำเลเศรษฐกิจและทำเลที่น่าอยู่อาศัย เหมาะแก่การซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าและอยู่อาศัยเอง ถือเป็นจุดแข็งของคอนโดเพื่อการลงทุนในภูเก็ต คือมีการบริหารการเช่า ช่วยอำนวยความสะดวกให้กลุ่มนักลงทุน ไม่ต้องกังวลด้านการบริหารจัดการ การหาผู้เช่า มั่นใจได้ว่าสินทรัพย์ของตนจะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่การลงทุนปล่อยเช่าในแต่ละปี (Yield) ผลตอบแทนกับเงินที่ลงทุนไป (Return on Investment) และระยะคุ้มทุน (Payback Period) รวมถึงมูลค่าอสังหาฯ ที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต หากไม่ได้อยู่อาศัยเองก็ปล่อยเช่าเพื่อสร้าง Passive Income”

โดยอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าคอนโดลักชัวรีในภูเก็ตที่ผ่านมาอยู่ระหว่าง 6-8% ต่อปี ขึ้นอยู่กับการตกแต่งภายใน ขนาดห้อง วิวและบริการจากโครงการ

ส่วนลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเป็นที่พักตากอากาศหรือบ้านหลังที่สอง ส่วนใหญ่ต้องการบริการจากเครือโรงแรมระดับห้าดาว (Branded Residence) อาทิ Concierge Service ตลอด 24 ชั่วโมง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ในปี 2567 ซีบีอาร์อีเชื่อว่าคอนโดลักชัวรีในภูเก็ตจะยังได้การตอบรับที่ดีีจากลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ที่มองหาที่พักอาศัยตากอากาศเพื่อการลงทุนปล่อยเช่าและอยู่อาศัยเอง คอนโด Branded Residence ที่มีเซอร์วิสมาตรฐานจากเครือโรงแรมระดับห้าดาวและมีการบริหารการเช่าพ่วงมาด้วยจะอยู่ในลิสต์ลำดับต้นๆ ที่ลูกค้าก

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


‘รับสร้างบ้าน’2แสนล้านปลุกตลาด! ชงรัฐลดหย่อนภาษีกระตุ้นคนปลูกบ้าน

ตลาดบ้านสร้างเอง หรือ รับสร้างบ้าน ทั่วประเทศมีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท! ถือเป็นหนึ่งในกำลังขับเคลื่อนเศรษกิจของประเทศ เตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ในปี 2567 หลังปี 2566 ตลาด “ทรงตัว” ชงรัฐออกมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นคนปลูกบ้าน

โอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างในปี 2566 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายจาก “ข้อจำกัด” ทางธุรกิจหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ และความสามารถทางการเงินของผู้บริโภค รวมทั้งค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงจากต้นทุนสินค้าและอัตราดอกเบี้ย  มีผลต่อการวางแผนปลูกสร้างบ้านต้องชะลอการตัดสินใจออกไปแบบไม่มีกำหนด 

ทำให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปี 2566 อยู่ในสถานการณ์ที่ “ทรงตัว”  โดยไม่มีปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดเติบโต  แต่ก็ยังไม่เกิดภาวะถดถอยมากนักเนื่องจากเป็นตลาดที่มีเรียลดีมานด์สูงมาก

หากพิจารณาจากตัวเลขศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ REIC พบว่าทั้งระบบของตลาดนี้ เป็นบ้านสร้างเอง หรือ รับสร้างบ้านทั่วประเทศ มีมูลค่ารวมกว่า 2 แสนกว่าล้านบาทต่อปี

ขณะที่สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้จัดเก็บตัวเลขจากยอดเซ็นสัญญาสร้างบ้านจากสมาชิก ช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2566  มูลค่ารวมอยู่ที่กว่า 9,000 ล้านบาท คาดว่าถึงสิ้นปีบ้านที่สร้างกับบริษัทสมาชิกของสมาคมรับสร้างบ้านจะมีมูลค่า 12,500 ล้านบาทเท่ากับปี 2565 จากต้นปีคาดว่ามูลค่าปรับขึ้น 13,250 ล้านบาท

ตลาดรับสร้างบ้านในปี 2566 กำลังซื้อขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะภูมิภาคมีอัตราการเติบโตที่ดี แสดงให้เห็นว่าความต้องการบ้านพักอาศัย (เรียลดีมานด์) ยังมีอยู่ จึงน่าจะเป็นแรงส่งให้ตลาดรับสร้างบ้านในปี 2567 มีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง จากผู้บริโภคที่เริ่มรับรู้และหันมาใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านมากขึ้น 

รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม เช่นคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตามแนวโน้มภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2567 ยังคงจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการรับมือกับปัจจัยลบ เช่น อัตราดอกเบี้ย และ ความไม่แน่นอนของราคาน้ำมัน รวมถึงการอ่อนค่าของเงินบาทที่จะมีผลต่อต้นทุนวัสดุก่อสร้าง รวมถึงค่าขนส่งได้

นอกจากนี้ทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้ร่วมกับอีก 6 องค์กรด้านอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย คณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมจัดทำข้อเสนอแนะแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อยื่นให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

โดยทางสมาคมฯ ได้เตรียมข้อเสนอให้มีการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง ทั้งนี้จะยึดเอามูลค่าการก่อสร้างบ้านตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างที่ติดอากรแสตมป์ (อ.ส.4) กับกรมสรรพากร เพื่อนำไปเป็นหลักฐานการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาในรอบภาษีปีถัดไปได้ในอัตราลดหย่อนล้านละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งจะช่วยลดภาระให้กับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง 

รวมทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกภาคส่วนที่เชื่อมโยงกับธุรกิจรับสร้างบ้านได้ด้วย ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวยังเป็นการจูงใจให้บริษัทผู้รับสร้างบ้านที่ทำธุรกิจอยู่ทั่วประเทศและยังไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคล จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ

“เชื่อมั่นว่ามาตรการขอลดหย่อนภาษี จะช่วยเร่งการตัดสินใจของผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านเองให้ตัดสินใจสั่งสร้างบ้านได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศโดยรวมเติบโตตามไปด้วย”

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 27ธ.ค. “แข็งค่า”ที่ระดับ 34.55 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัว sidewayมองกรอบการเคลื่อนไหววันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.50-34.70 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 27ธ.ค. 2566ที่ระดับ  34.55 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.59 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทย ระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัว sideway ใกล้ระดับเป้าสิ้นปีของเราที่ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ ถึงจะเริ่มเห็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนของเงินบาท

 ทั้งนี้ แม้ว่าเงินบาทจะมีจังหวะผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง ทว่าการอ่อนค่าดังกล่าวก็ถูกชะลอลงด้วยโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำยังพยายามที่จะปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านระยะสั้น ทำให้ เรามองว่า ควรจับตาทิศทางราคาทองคำอย่างใกล้ชิดต่อไป

นอกจากนี้ ควรจับตาการเคลื่อนไหวของดัชนี SET หลังล่าสุด ดัชนี SET ได้ทยอยปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้านก่อนหน้า ซึ่งทั้งสองครั้งล่าสุด โซนดังกล่าวก็เป็นจุดกลับตัวของดัชนี SET และเห็นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ 

ในช่วงนี้ เราพบว่า ความผันผวนของเงินบาทยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.50-34.70 บาท/ดอลลาร์ 

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway (แกว่งตัวในช่วง 34.51-34.63 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง ตามการย่อตัวลงของราคาทองคำและโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาด

 อย่างไรก็ดี เงินบาทยังไม่ได้อ่อนค่าลงต่อเนื่องไปมาก หลังราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นใกล้โซนแนวต้านอีกครั้ง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยขายทำกำไรทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาททยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นได้
 
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ต่อเนื่อง โดยดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.42% สอดคล้องกับการประเมินสัญญาฟิวเจอร์สของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ของเราในวันก่อนหน้า โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงได้แรงหนุนจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ประเมินว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้พอสมควรในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลง แต่ไม่ถึงกับเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) 

ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 3.90% โดยเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ อาทิ รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในช่วงต้นเดือนมกราคมปีหน้า ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถานะถือครองบอนด์ที่ชัดเจนต่อไป

 นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจรอจับตาผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะยังมีการประมูลบอนด์อายุ 5 ปี และ 7 ปี ทั้งนี้ เรามองว่า มุมมองของผู้เล่นในตลาด (รวมถึงเรา) ที่คาดว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยลงได้พอสมควรในปีหน้านั้น อาจยังไม่ได้สอดคล้องกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด 

ทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนสูงขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจออกมาดีกว่าคาด ทำให้เราคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเน้นกลยุทธ์ Buy on Dip และไม่ไล่ราคา โดยพยายามคำนึงถึง จุดคุ้มทุน หรือ Break-even เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนรวม หรือ Total Return ที่จะได้จากการถือครองบอนด์  

ทางด้านตลาดค่าเงิน บรรยากาศในตลาดการเงินที่ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ได้ส่งผลให้โดยรวม เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 
โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ย่อตัวลงสู่ระดับ 101.4 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 101.4-101.8 จุด) อนึ่ง จากการวิเคราะห์เชิงเทคนิคัล เรายังคงเห็นว่า แม้เงินดอลลาร์จะย่อตัวลง ทว่า สัญญาณ RSI Bullish Divergence ทั้งใน Time Frame Day, H4 ยังคงมีอยู่ ทำให้เงินดอลลาร์ก็มีโอกาสรีบาวด์ขึ้นได้บ้าง
 หรืออย่างน้อยการปรับตัวลงต่อก็อาจจำกัดลง ซึ่งต้องจับตามองว่า บรรยากาศในตลาดการเงินจะพลิกกลับมา “ปิดรับความเสี่ยง” หรือไม่ รวมถึง รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงนี้จะออกมาดีกว่าคาดมากน้อยเพียงใด 

ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่า ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) จะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ แต่ราคาทองคำก็ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นผ่านโซนแนวต้าน 2,070 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไปได้ง่ายนัก 

เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอขายทำกำไรทองคำในโซนดังกล่าว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำก็มีส่วนช่วยให้เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงคืนที่ผ่านมา

 ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์เชิงเทคนิคัล โมเมนตัมขาขึ้นของราคาทองคำยังคงมีอยู่ ใน Time Frame Daily และ H4 ทว่าใน Time Frame ที่สั้นลง ทั้ง H1 และ m15 ได้เริ่มชี้ว่า โมเมนตัมขาขึ้นได้แผ่วลง และราคาทองคำอาจย่อตัวลง หรือ แกว่งตัว sideway ได้
 
สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจและสำคัญอาจมีไม่มากนัก โดยผู้เล่นในตลาดอาจรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ดัชนีภาคการผลิตและภาคการบริการที่สำรวจโดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ

 อาทิ ดัชนีภาคการผลิตและภาคการบริการ โดย เฟด สาขาริชมอนด์ เป็นต้น ซึ่งต้องระวังในกรณีที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวออกมาดีกว่าคาดไปมาก จนทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า 

นอกจากนี้ เราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอลุ้นผลการประมูลบอนด์ 5 ปี สหรัฐฯ ในช่วงเวลาราว 1.00 น. ของเช้าวันพฤหัสฯ ที่ 28 ธันวาคม ตามเวลาในประเทศไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ฮือฮาวงการมวย! กำหนดวันชก “ปาเกียว VS บัวขาว” แถมอาจได้ดวล “โคตรนักสู้รายนี้” ต่อเลย

สืบเนื่องจากไฟต์หยุดโลก “แมนนี่ ปาเกียว VS บัวขาว บัญชาเมฆ” ที่ก่อนหน้านี้มีการแถลงข่าวครั้งแรกต่อสาธารณะ แต่ยังไม่มีการเผยวันชกอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางการจับตามองของแฟนคลับยอดกำปั้นอาเซียนคู่นี้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร

ล่าสุด เพจ บี บางปะกง – Bebangpakong รายงานว่า ไฟต์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นวันที่ 20 เมษายน 2567 ที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี และจะมีการแถลงข่าวอีกครั้งในช่วงปลายเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ โดย บัวขาว จะได้ดวลกับ ปาเกียว อดีตแชมป์โลกมวยสากล 8 รุ่น ชาวฟิลิปปินส์ ในกติกามวยสากล 6 ยก ยกละ 3 นาที พักยกละ 2 นาที

นอกจากนี้ Banchamek Gym (Buakaw Banchamek, บัวขาว บัญชาเมฆ) ยังได้ไปตอบคอมเมนต์แฟนมวยรายหนึ่งด้วยว่า หลังจบไฟต์กับ ปาเกียว แล้วนั้น มีโอกาสจะได้ปะทะฝีมือกับ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ ยอดนักสู้ MMA ระดับโลกชาวไอร์แลนด์ ซึ่งคาดว่าอาจจะจัดโดย BKFC ที่ก่อนหน้านี้เคยตกเป็นกระแสข่าวมาแล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


5 โรคระบาดหน้าหนาว ทุกเพศทุกวัยควรระวัง

แม้ว่าหน้าหนาวบ้านเราจะไม่ค่อยหนาวเท่าไร แต่ก็มีโรคระบาดหน้าหนาว ที่ทุกเพศทุกวัยควรระวังอยู่ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องระวังเจ็บป่วย สามารถฉีดวัคซีนป้องกัน หมั่นรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ

กลุ่มเสี่ยงโรคระบาดหน้าหนาว

นายชวินทร์ ศิรินาค รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูหนาว มีกลุ่มเสี่ยงโรคระบาด ได้แก่ 

  • เด็กเล็กช่วงอายุ 0-5 ปี 
  • ผู้สูงอายุ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง

โดยกลุ่มคนเหล่านี้อาจเจ็บป่วยด้วยโรคที่มาพร้อมฤดูหนาว ดังนี้

5 โรคระบาดหน้าหนาว ทุกเพศทุกวัยควรระวัง

  1. โรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่
    อาการสำคัญ คือ มีไข้ ปวดศีรษะ น้ำมูกไหล ไอ เจ็บหรือแสบคอ

    สำหรับไข้หวัดใหญ่จะมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดทั่วไป คือ มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดกระดูกและกล้ามเนื้อ หรืออาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
  2. โรคติดเชื้อไวรัส RSV
    มีอาการสำคัญเหมือนโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ ซึ่งผู้ป่วยมักหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี รวมทั้งผู้ป่วยโรคเรื้อรังเกี่ยวกับหัวใจและปอด และผู้ป่วยภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

    หากพบว่ามีไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ไอ มีเสมหะ หายใจเร็วและแรง หอบเหนื่อยหรือมีเสียงวี๊ดขณะหายใจ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
  1. โรคมือ เท้า ปาก
    อาการสำคัญ คือ มีไข้ 2–4 วัน เบื่ออาหาร มีแผลคล้ายแผลร้อนในที่ปาก ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม และมีผื่นเป็นจุดแดง ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำพองใส แดง บริเวณที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ต้นขา หรือที่ก้น ไม่มีอาการคัน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนจะทุเลาและหายเป็นปกติภายใน 10 วัน
  2. โรคหลอดลมอักเสบ และปอดบวม
    อาการสำคัญ คือ มีไข้ ไอ มีเสมหะมาก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เหนื่อยหอบ
  3. โรคอุจจาระร่วงจากเชื้อโรต้าไวรัส
    อาการสำคัญ คือ มีไข้ อาเจียน และถ่ายเหลวเป็นน้ำ ซึ่งอาการถ่ายเหลวจะหายภายใน 3-7 วัน 

นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบจากฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น ภูมิแพ้ ผื่นผิวหนังอักเสบ ตาอักเสบ เป็นต้น

วิธีดูแลตัวเอง ลดความเสี่ยงโรคระบาดหน้าหนาว

  1. หมั่นดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ และจัดเตรียมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น
  2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ กินอาหารร้อนหรืออาหารปรุงสุกใหม่
  3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ
  4. ใส่หน้ากากอนามัย/ผ้า ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดหรือใช้เจลแอลกอฮอล์ 70%
  5. หากบุตรหลานป่วยให้พักรักษาตัวอยู่บ้าน และควรหยุดเรียนจนกว่าจะหายเป็นปกติ
  6. ดูแลอนามัยสิ่งแวดล้อม โดยการกำจัดขยะและสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะ ดูแลรักษาและทำความสะอาดอาคาร สถานที่ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องเล่น ของใช้ ของเด็กเล่น เป็นประจำทุกสัปดาห์ ด้วยน้ำยาทำความสะอาด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


คำอวยพรปีใหม่ ความหมายดี ภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล

เผลอแป๊บเดียวเวลาก็ผ่านมาถึงเดือนสุดท้ายของปี ให้ได้เตรียมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันอีกแล้ว ช่วงใกล้เทศกาลสำคัญแบบนี้ มีคำอวยพรปีใหม่ความหมายดี ๆ ไว้พูดอวยพร เขียนลงการ์ด หรือไว้โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย เพื่อส่งต่อความรัก ความห่วงใย ให้กับคนพิเศษกันรึยัง ใครที่กำลังมองหาไอเดียอยู่ วอลล์สตรีท อิงลิช ได้รวบรวมคำอวยพรปีใหม่เป็นภาษาอังกฤษมาฝาก อ่านแล้วชอบใจประโยคไหน เตรียมเอาไปใช้ในวันปีใหม่ที่จะถึงนี้ได้เลย!

  • Happy New Year’s now and always!
    สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสุขในตอนนี้และตลอดไป
  • Happy New Year, the best time for a new beginning is now.
    สวัสดีปีใหม่ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้นสิ่งใหม่มาถึงแล้ว
  • Have a sparkling New Year! Wishing you good times, good health, good cheer.
    สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีช่วงเวลาที่ดี มีสุขภาพที่ดี และกำลังใจที่ดี
  • Cheers to another year! I wish you happiness in the year to come.
    ยินดีกับอีกปีที่มาถึง ขอให้มีแต่ความสุขในปีใหม่นี้
  • Life is short – dream big and make the most of 2022!
    ชีวิตมันสั้น ฝันให้ยิ่งใหญ่ และทำมันเต็มที่ในปี 2022!
  • I wish you a smashing New Year filled with laughter.
    ขอให้เป็นปีใหม่ที่ดีและมีแต่เสียงหัวเราะ
  • I wish you happiness, good health and well-being from the bottom of my heart!
    ขอให้มีแต่ความสุข มีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี จากก้นบึ้งของใจ
  • May all your dreams come true and all your hopes be fulfilled! Happy New Year!
    ขอให้ความฝันทั้งหมดของคุณกลายเป็นจริง และสมหวังในทุกเรื่อง สวัสดีปีใหม่!
  • May this new year be filled with wonder and delight. Happy 2022!
    ขอให้ปีใหม่นี้เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์และความสุขสดใส สุขสันต์ปี 2022!
  • May the new year bring you peace, joy and happiness.
    ขอให้ปีใหม่นี้พบเจอแต่ความสงบสุข ความสนุกสนาน และความสุข
  • May your new year be as special and cool as you are!
    ขอให้ปีใหม่ของคุณมีแต่ความพิเศษและเจ๋งเหมือนที่คุณเป็น!
  • May your new year be decorated with sweet memories, wonderful days and memorable nights.
    ขอให้ปีใหม่ของคุณประดับประดาไปด้วยความทรงจำแสนหวาน วันที่มหัศจรรย์ และค่ำคืนที่น่าจดจำ
  • New adventures are around the corner. Let you dreams take flight in this new year!
    การผจญภัยครั้งใหม่มารออยู่แล้ว ติดปีกพาความฝันไปสู่ความสำเร็จในปีใหม่นี้กัน!
  • A basket full of smile, joy and warm wishes sent to you from thousand miles away for you my dear Friend! Have a sparkling New Year!
    ขอส่งตะกร้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความสุข และคำอวยพรที่แสนอบอุ่นให้กับคุณ จากเพื่อนที่อยู่ห่างไกล สวัสดีปีใหม่!
  • new year is like a blank book. The pen is in your hands. It is your chance to write a beautiful story for yourself. Happy 2022!
    ปีใหม่เหมือนสมุดเปล่าที่มาพร้อมปากกาในมือคุณ และนี่เป็นโอกาสที่จะได้สร้างเรื่องราวที่ดีให้กับตัวเอง สุขสันต์ปี 2022!

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


แคสเปอร์สกี้ชี้ อุตสาหกรรมค้าปลีกในเอเชียแปซิฟิก น่ากังวลเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์

ทุกวันนี้ภัยบนโลกไซเบอร์นั้นมีความเสี่ยงที่มากพอสมควรทำให้หลายองค์กรเริ่มตระหนังกถือความปลอดภัยมากขึ้น แต่ก็อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงอยอยู่ดี ล่าสุด แคสเปอร์สกี้ ได้ออกมาเปิดเผยผลสำรวจเกี่ยวกับอุสาหกรรมค้าปลีในเอเชียแปซิฟิก ยังคงน่าเป็นห่วง

จากการศึกษาล่าสุดของแคสเปอร์สกี้ (Kaspersky) สำหรับสถิติระดับโลก พบว่า องค์กรโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ น้ำมันและก๊าซ รวมถึงองค์กรด้านพลังงาน ต่างประสบปัญหาทางไซเบอร์จำนวนมากที่สุด เนื่องจากการจัดสรรงบประมาณที่ไม่เหมาะสม (25%) อย่างไรก็ตาม สำหรับอุตสาหกรรมค้าปลีกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ก็ประสบกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่มากที่สุดในช่วง 24 เดือนที่ผ่านมา

การสำรวจล่าสุดยังเผยให้เห็นว่าบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 19% ประสบปัญหาทางไซเบอร์ เนื่องจากการลงทุนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ไม่เพียงพอในช่วงสองปีที่ผ่านมา เมื่อพูดถึงเรื่องการเงินของบริษัท เกือบหนึ่งในห้า (16%) ยอมรับว่า ไม่มีงบประมาณสำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เพียงพอ

แคสเปอร์สกี้ได้ทำการศึกษา เพื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยด้านไอทีที่ทำงานให้กับ SME และเอ็นเทอร์ไพรซ์ต่างๆ ทั่วโลก เกี่ยวกับผลกระทบของมนุษย์ต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์ในบริษัท การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มคนต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยพิจารณาทั้งพนักงานภายในและผู้รับเหมาภายนอก นอกจากนี้ยังวิเคราะห์ผลกระทบที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจมีต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์ในแง่ของการจัดสรรงบประมาณ มีการสำรวจผู้ตอบแบบสำรวจจากเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด 234 ราย

การกระจายงบประมาณไม่เพียงพอสำหรับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ทำให้บริษัท 19% ต้องทนต่อเหตุการณ์ทางไซเบอร์ในช่วงสองปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สถานการณ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น องค์กรค้าปลีกประสบปัญหาการละเมิดทางไซเบอร์มากที่สุดเนื่องจากขาดงบประมาณ (37%) ตามมาด้วยบริษัทโทรคมนาคม (33%) และภาคโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ พลังงาน น้ำมัน และก๊าซ (23%)

นายเอเดรียน เฮีย กรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “คาดว่าอีคอมเมิร์ซจะมีมูลค่า 2.05 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในตลาดเอเชียแปซิฟิกภายในสิ้นปี 2566 การค้าปลีกเป็นอุตสาหกรรมที่ประสบกับเหตุการณ์ทางไซเบอร์อย่างมาก เนื่องด้วยอาชญากรไซเบอร์จะติดตามเส้นทางการเงิน บริษัทค้าปลีกเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวด้านดิจิทัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและเป็นขุมทรัพย์ข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลด้านการเงิน”

“การศึกษาล่าสุดของเราพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้คุกคามรู้ว่าจะกำหนดเป้าหมายโจมตีบริษัทใด รู้ข้อมูลที่ต้องการ และรู้ว่าจะหาได้จากที่ไหน ผมขอสนับสนุนให้ทุกอุตสาหกรรมในเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่จัดการข้อมูลสำคัญ ให้จัดสรรงบประมาณด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ดีขึ้น เพื่อความปลอดภัยของธุรกิจของตน และที่สำคัญที่สุดคือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้า” นายเฮียกล่าวเสริม

ในขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมบางกลุ่มก็ประสบเหตุการณ์ทางไซเบอร์จำนวนน้อยกว่า อย่างอุตสาหกรรมการผลิตประสบปัญหาทางไซเบอร์ 11% เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ ส่วนการขนส่งและโลจิสติกส์พบการโจมตี 9%

เมื่อตั้งคำถามเกี่ยวกับงบประมาณสำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่จากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (83%) กล่าวว่า ตนมีความพร้อมที่จะตามทันหรือแม้กระทั่งนำหน้าภัยคุกคามใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม พบว่ามีบริษัท 16% ทำงานได้ไม่ดีนัก และบริษัท 15% รายงานว่า ตนมีเงินทุนไม่เพียงพอที่จะปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทอย่างเหมาะสม

ในขณะเดียวกัน ยังมีบริษัทที่ไม่มีการจัดสรรต้นทุนสำหรับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เลย โดย 2% อ้างว่าไม่มีงบประมาณเฉพาะสำหรับความจำเป็นในการป้องกันทางไซเบอร์

ในแง่ของการกระจายเม็ดเงินสำหรับความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้น อุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก คือบริการทางการเงิน โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 100% ที่ทำงานในส่วนนี้ระบุว่าองค์กรของตนพร้อมจะตามทันและนำหน้าภัยคุกคามใหม่ๆ ทั้งหมด

บริษัทของผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากกระตือรือร้นที่จะดำเนินการเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ของตนในอีก 1-1.5 ปีข้างหน้า หนึ่งในการลงทุนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือซอฟต์แวร์ตรวจจับภัยคุกคาม (46%) และการฝึกอบรม โดยบริษัทครึ่งหนึ่ง (50%) วางแผนที่จะจัดสรรงบประมาณโปรแกรมการศึกษาสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และ 46% สำหรับการฝึกอบรมพนักงานทั่วไป

มาตรการยอดนิยมอื่นๆ ที่องค์กรวางแผนจะดำเนินการในเร็วๆ นี้ ได้แก่ การเปิดตัวซอฟต์แวร์ป้องกันอุปกรณ์เอ็นด์พ้อยต์ (42%) การจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเพิ่มเติม (37%) และการนำโซลูชันคลาวด์ SaaS มาใช้ (45%)

ายอิวาน วาซูนอฟ รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์องค์กร แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “ทุกวันนี้ บริษัทต่างๆ จะต้องจัดการลงทุนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ และถือว่าความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นหนึ่งในเป้าหมายทางธุรกิจ แน่นอนว่าการลงทุนจะต้องมีประสิทธิภาพ

ดังนั้นแผนกรักษาความปลอดภัยข้อมูลยังต้องเผชิญกับภารกิจในการเพิ่ม ROI ของการลงทุนในความปลอดภัยข้อมูลและปกป้องการลงทุนให้กับผู้บริหารระดับสูงหรือคณะกรรมการบริหาร นอกจากนี้ นอกเหนือจากการลด MTTD และ MTTR แล้ว การรักษาความปลอดภัยข้อมูลยังได้รับมอบหมายให้ลดต้นทุนของเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยอีกด้วย”

“ความท้าทายเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้วิธีการและเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่างๆ ตัวอย่างเช่น แคสเปอร์สกี้กำลังลงทุนในการพัฒนาพอร์ตโฟลิโอ SASE ของเรา รวมถึง XDR และ MDR ที่มี AI และ Machine Learning แบบบูรณาการ การตรวจจับและตอบสนองอัตโนมัติ การตรวจสอบภัยคุกคามอัตโนมัติ การบูรณาการแบบพร้อมใช้ทันทีที่แกะกล่อง และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อให้มั่นใจถึงความโปร่งใสของกระบวนการและพิสูจน์คุณค่าของโซลูชันของเรา

เรายังจัดทำแดชบอร์ดและรายงาน C-level สำหรับ CISO ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนเหตุการณ์ที่เราป้องกัน ความรวดเร็วในการตรวจสอบเหตุการณ์ และประสิทธิภาพของโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ปรับใช้ นอกจากนี้เรายังเน้นป้องกันความเสี่ยงของลูกค้าโดยเฉพาะ และแสดงแนวโน้มของอุตสาหกรรม เพื่อช่วยให้ลูกค้ากำหนดรูปแบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้โดยการกำหนดเป้าหมายการป้องกันตามภัยคุกคามที่มีในปัจจุบัน พร้อมปรับการลงทุนในเทคโนโลยีที่จำเป็น”

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Top 5 ของใช้ในบ้านพลังลบ รีบเคลียร์ทิ้งก่อนวันสิ้นปี 2566

เมื่อถึงช่วงเตรียมบ้านต้อนรับปีใหม่และอยากแต่งบ้านตามเทรนด์ปี 2024  หรือปี 2567 หลายคนอาจจะมองหาไอเดียจัดเก็บข้าวของและตกแต่งใหม่ สิ่งสำคัญอันดับแรกในการเสริมฮวงจุ้ยที่ดีให้บ้านสงบและส่งเสริมสุขภาพ คือ การสังเกตข้าวของรอบบ้านว่าชิ้นไหนส่งผลต่อความรู้สึกไม่สงบ ไม่สบายใจ แล้วค่อยจัดการกำจัดหรือปรับเปลี่ยนไปค่ะ และนี่คือ 5 ของใช้ในบ้านพลังลบ ที่เราต้องรีบเคลียร์ทิ้งก่อนสิ้นปี 2566

5 ของใช้ในบ้านพลังลบ

1.จานชามที่ไม่ได้ใช้ หรือชำรุด

ถึงจะดูเป็นเรื่องพื้นๆ แต่น้อยคนนักที่จะทิ้งจานชามเก่า ร้าว บิ่น โดยเฉพาะของที่ระลึกหรือของสะสม แต่การเก็บของพวกนี้ไว้ ดึงพลังชี่ (พลังชีวิต) ของคุณให้อ่อนลง ขัดขวางพลังงานดีในบ้าน เพราะพลังชี่ไหลเวียนรอบตัวเราและในบ้าน ต่างมีทั้งดีและไม่ดี จานชามร้าว ใช้งานไม่ได้ สะสมฝุ่น ส่งพลังงานไม่ดี การเคลียร์ของพวกนี้ออก ช่วยให้พลังชี่ไหลเวียนดีขึ้น บ้านมีพลังบวก ยิ่งไปกว่านั้น ช่วยจัดครัวให้เป็นระเบียบ หยิบของง่ายขึ้นด้วย

2.ของที่ระลึกความทรงจำอันเจ็บปวด เช่น รูปถ่าย ของขวัญ ของที่ระลึกจากอดีตคนรัก หากเราเก็บไว้มีแต่จะดึงดูดพลังงานด้านลบ ส่งผลต่ออารมณ์ ความสัมพันธ์ ดังนั้นควรทิ้งหรือเก็บให้พ้นสายตา สำหรับวิธีการจัดการคือ แยกของที่ระลึกความทรงจำอันเจ็บปวดออก ทิ้งหรือบริจาคของที่ไม่ต้องการ เก็บของที่จำเป็นต้องเก็บให้พ้นสายตา เช่น ในกล่อง ปิดฝา หากิจกรรมใหม่ ๆ ทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ สิ่งที่จะได้กลับมาคือช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ลดพลังงานด้านลบในบ้าน เสริมฮวงจุ้ยที่ดี ดึงดูดความสัมพันธ์ที่ดี

3.ต้นไม้ที่แห้ง หรือตายแล้ว ต้นไม้ตายสื่อถึงพลังอับโชคร้าย แม้ไม่อยากทิ้ง แต่ต้นไม้ที่แห้งตาย ควรเคลียร์ออกจากบ้านด่วน เพราะตามหลักฮวงจุ้ยต้นไม้ตายหมายถึงพลังงานชีวิตอุดตัน ส่งผลต่อสุขภาพ โชคลาภ บ้านดูซึมเศร้า ขัดขวางพลังงานที่ดี ไม่ทำให้พลังงานไหลเวียนสะดวก

4.นาฬิกาที่ไม่ได้ใช้ หรือนาฬิกาตายแล้ว นาฬิกาหยุดเดินหมายถึงนาฬิกามีความเสียหาย พลังงานติดขัด ฉุดโชคลาภ ตามศาสตร์ฮวงจุ้ย นาฬิกาที่พังหรือไม่ใช้แล้ว สื่อถึงเวลาที่หยุดนิ่ง  ส่งผลต่อการงาน การเงิน ชีวิตติดขัด นาฬิกาพวกนี้  เหมือนคอยเตือนว่าเวลากำลังผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ สร้างความกดดัน วิธีแก้ไขคือซ่อมแซมนาฬิกาที่เสียให้กลับมาเดินหน้า บริจาคหรือทิ้งนาฬิกาที่ไม่ใช้ ส่วนข้อดีของนาฬิกาที่เดินปกติคือเสริมพลังงานบวก กระตุ้นให้ขยัน มุ่งมั่น ดึงดูดโชคลาภ การงานก้าวหน้า

5.กระจกแตก กระจกแตก หมายถึงพลังร้าที่เกิดการสะสม ทำให้บ้านอับโชค แว่บแรกที่เห็นกระจกแตก หลายคนนึกถึงอาถรรพ์ 7 ปี    แต่ตามฮวงจุ้ย  กระจกแตกสะท้อนพลังลบ กระจายความอับโชค  ทำบ้านมึมมืด ไร้ชีวิตชีวา  

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เช็กเลย! ทางเลี่ยงรถติดสู่ 4 ภาคช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567

ตำรวจทางหลวงแนะนำ 11 เส้นทางลัด-ทางเลี่ยงจากกรุงเทพฯ สู่ 4 ภาค เพื่อลดปัญหาจราจรหนาแน่นช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 นี้

ทางลัด-ทางเลี่ยง กรุงเทพฯ – ภาคตะวันออก 2567

  1. ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (มอเตอร์เวย์)
  2. ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านมีนบุรี – หนองจอก ออกสู่ภาคตะวันออก
  3. ใช้ทางหลวงหมายเลข 34 (เทพรัตน) ผ่านบางนา – บางปะกง หรือใช้ทางพิเศษบูรพาวิถี ออกสู่ภาคตะวันออก
  4. ทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท)

ทางลัด-ทางเลี่ยง กรุงเทพฯ – ภาคอีสาน 2567

  1. ถนนพหลโยธิน เลี้ยวขวาสามแยกพุแค เข้าถนนพุแคหล่มสัก ทล.21 เลี้ยวขวาแยกม่วงค่อมเข้าสู่ ทล.2256 หรือเลี้ยวซ้ายเข้า ทล.205 เพื่อเข้าสู่ ทล.201 ไปยังจังหวัดชัยภูมิ
  2. เส้นทางกรุงเทพฯ – จังหวัดฉะเชิงเทรา และใช้ ทล. 304 (อ.พนมสารคาม – อ.กบินทร์บุรี – อ.วังน้ำเขียว – อ.ปักธงชัย) มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา
  3. เส้นทางกรุงเทพฯ ไปยัง จังหวัดสระแก้ว – อรัญประเทศ – อ.ตาพระยา – อ.โนนดินแดง – อ.ละหานทราย เข้าสู่ จังหวัดบุรีรัมย์

ทางลัด-ทางเลี่ยง กรุงเทพฯ – ภาคเหนือ 2567

  1. ถ.วงแหวนตะวันออก (ทล.พ.9) เลี้ยวซ้ายที่ต่างระดับคลองหลวงใช้ ทล.3214 เข้าสู่ ทล.347 เลี้ยวซ้ายที่แยกบางปะหันเข้าสู่ ทล.32 (สายเอเชีย)
  2. วงแหวนตะวันตก (ทล.พ.9) เลี้ยวซ้ายถนนตลิ่งชัน-ชัยนาท (ทล.340) เชื่อมต่อ ถ.พหลโยธิน (ทล.1) เลี้ยวซ้ายแยกหลวงพ่อโอ (ทล.1) ไปยังจังหวัดนครสวรรค์

ทางลัด-ทางเลี่ยง กรุงเทพฯ – ภาคใต้ 2567

  1. ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2)
  2. ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม)

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เริ่มตัดน้ำตาลควรทานอาหารอะไรแทนความอยากหวานดี

น้ำตาลเป็นสารให้ความหวานที่มีอยู่ในอาหารและเครื่องดื่มมากมาย น้ำตาลที่มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคอื่นๆ ดังนั้น หากต้องการตัดน้ำตาล การเลือกเครื่องดื่ม อาหารที่ปราศจากน้ำตาลหรือน้ำตาลน้อยจึงเป็นสิ่งสำคัญ และต่อไปนี้คืออาหารที่อยากแนะนำให้กับผู้ที่อยากเริ่มต้นตัดน้ำตาล

ต่อไปนี้เป็นตัวเลือกที่ดีในการแก้อยากน้ำตาล

  • ผลไม้ ผลไม้เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ซึ่งช่วยทำให้อิ่มท้องและช่วยลดความอยากอาหารได้ ผลไม้ที่หวานน้อย เช่น แอปเปิล ฝรั่ง มะละกอ แก้วมังกร และลูกแพร์
  • ผัก ผักเป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำและใยอาหารสูง ซึ่งช่วยทำให้อิ่มท้องและช่วยลดความอยากอาหารได้ ผักสด เช่น แครอท แตงกวา มะเขือเทศ และผักกาดหอม เป็นตัวเลือกที่ดีในการแก้อยากน้ำตาล
  • ธัญพืช ธัญพืชเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์และโปรตีน ซึ่งช่วยทำให้อิ่มท้องและช่วยลดความอยากอาหารได้ ธัญพืชอบ เช่น ข้าวโอ๊ต คุกกี้ข้าวโอ๊ต และโยเกิร์ตไขมันต่ำ
  • ถั่ว ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน ไฟเบอร์ และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งช่วยทำให้อิ่มท้องและช่วยลดความอยากอาหารได้ ถั่ว เช่น อัลมอนด์ วอลนัท พิสตาชิโอ และถั่วลิสง
  • น้ำเปล่า น้ำเปล่าช่วยทำให้อิ่มท้องและช่วยลดความอยากอาหารได้ ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้นและขับสารพิษออกจากร่างกาย
  • ชาและกาแฟ ชาและกาแฟสามารถดื่มได้โดยไม่ใส่น้ำตาลหรือนม ชาและกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 27/12/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a33,650.0033,750.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,180.0033,048.8034,250.00
ทองรูปพรรณ 90%1,962.0029,743.92n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,744.0026,439.04n/a
ทองรูปพรรณ 50%981.0014,871.96n/a
ทองรูปพรรณ 40%763.0011,567.08n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,259.0034,246.44n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 27/12/2566



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.5535.5535.8535.5535.5535.5535.5535.5535.5535.55
แก๊สโซฮอล์ 9133.7833.7834.0833.7833.7833.7833.7833.7833.7833.78
แก๊สโซฮอล์ E2033.4433.4433.7433.4433.4433.4433.4433.4433.44
แก๊สโซฮอล์ E8533.5933.5933.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม42.9447.2449.7447.2442.94
เบนซิน 9543.4444.6143.9443.5943.44
ดีเซล B729.9429.9430.2429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6445.9443.6443.6441.54
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า