เปิดอินไซต์! เศรษฐีเมียนมาซื้ออสังหาฯ ไทย เปย์‘บ้าน-คอนโดหรู’
คอลลิเออร์ส ล้วงลึกอินไซต์ “เศรษฐีเมียนมา” แห่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยดีมานด์ลูกใหม่มาแรง จ่ายหนัก 3 ทำเลยุทธศาสตร์กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ ส่งผลยอดการโอนติดอันดับท็อปทรี 2 ปีซ้อน ราคาเฉลี่ย 6.5 ล้านบาทต่อยูนิต สูงกว่าจีน รัสเซีย ผงาด “Top Spender” ที่ต้องจับตามอง!
แม้ว่า “จีน” จะเป็นต่างชาติที่ครองแชมป์ซื้อห้องชุดหรือคอนโดมิเนียมในประเทศไทยมากที่สุดมาอย่างต่อเนื่อง แต่หลังวิกฤติโควิด-19 สัดส่วนคนจีนซื้อคอนโดลดลง สวนทางกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง “เมียนมา” ที่มาแรง จากรายงานสถิติการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติของศูนย์อสังหาริมทรัพย์ (REIC) พบว่าสัดส่วนของเมียนมาผงาดขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ตั้งแต่ปี2565 และต่อเนื่องมาจนถึงปี 2566 มีมูลค่า 2,250 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4.3% รั้งอันดับ 3 รองจากรัสเซียและจีน ที่สำคัญมีราคาเฉลี่ย 6.5 ล้านบาทต่อยูนิต สูงกว่า จีน และรัสเซีย
คาร์โล โพเบร รองกรรมการผู้จัดการ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาโครงการ คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมายอดการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวเมียนมา มาแรง ติดอันดับท็อปทรี! เชิงมูลค่า ถือเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังโควิด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาการเมืองในประเทศทำให้ต้องการมีบ้านหลังที่สองในไทย
โดยมี 3 ทำเลหลักกระจายอยู่ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และ เชียงใหม่ ถือเป็นความท้าทายในการทำตลาดกับลูกค้ากลุ่มนี้ เนื่องจากมีพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่างจากกลุ่มลูกค้าชาวจีนและรัสเซีย
ทั้งนี้ ชาวเมียนมาที่สนใจซื้ออสังหาฯ ในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นระดับเศรษฐี ที่นิยมซื้อคอนโดหรูระดับราคา 10-20 ล้านบาท ในทำเล สุขุมวิท พร้อมพงษ์ อโศก ที่ติดกับโรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ส่วนในกลุ่มระดับกลางนิยมซื้อคอนโดราคา 5-10 ล้านบาท ใกล้รถไฟฟ้าเดินทางสะดวก เช่น โซนอารีย์ พญาไท เพื่ออยู่อาศัยและสามารถปล่อยเช่าหรือขายต่อได้ในราคาที่สูงขึ้น
“ชาวเมียนมาที่ซื้อคอนโดติดรถไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นนิวเจนที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุนเพื่อปล่อยเช่าหรือขายต่อเพื่อทำกำไรในอนาคตนิยมซื้อช่วงพรีเซลล์”
ส่วนกลุ่มที่ซื้ออสังหาฯ ในภูเก็ตจะมี “พูลวิลล่า” ระดับราคา 40 ล้านบาทขึ้นไป ทำเลลากูน่า บางเทา รวมถึง “คอนโด” ได้รับความนิยมมาก สร้างไม่ทันขาย! เพราะกลุ่มที่เข้าไปซื้อส่วนหนึ่งทำธุรกิจในภูเก็ต ต้องการที่พักที่มีความเป็นส่วนตัวสูง พูลวิลล่า จึงตอบโจทย์
ประกอบกับจังหวัดภูเก็ต ขึ้นชื่อเป็น World Class Tourist Destination สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ติดอันดับ “TOP 10” เมืองที่เหมาะกับการ Workation ที่สำคัญมีการลงทุนของโรงพยาบาลใหญ่ เช่น บำรุงราษฎร์
“ในสายตาชาวเมียนมาการมีที่อยู่อาศัยใกล้โรงพยาบาลเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งที่ผ่านมา ชาวเมียนมานิยมเข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลในประเทศไทย”
นอกจากนี้ ชาวเมียนมายังสนใจซื้อ “บ้านเดี่ยว” ในเชียงใหม่ ระดับราคา 20-30 ล้านบาท เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากประเทศเมียนมา กลุ่มคนที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นรีไทร์เมนต์ และครอบครัว เน้นทำเลนอกเขตเมือง อาทิ สันกำแพง หางดง เป็นโอกาสดีสำหรับดีเวลลอปเปอร์ที่ต้องการขยายฐานลูกค้าต่างชาวที่มีกำลังซื้อสูงอย่างชาวเมียนมาที่ต้องการบ้านหลังที่สองในเชียงใหม่ พร้อมกับส่งลูกหลานมาเรียนด้วย
ขณะที่ผู้สูงอายุชาวเมียนมาพำนักยาว เรียกได้ว่า “เมียนมา” เป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มาแรงในตลาดอสังหาฯไทย ซึ่งเกิดแรงผลักดันจากการเมืองภายในประเทศทำให้ต้องการซื้อบ้านหลังที่สอง
“แต่พฤติกรรมของลูกค้าเมียนมาที่เข้ามาซื้ออสังหาฯ ในเมืองไทย จะแตกต่างจากชาวจีนและรัสเซีย คือ ชอบความเป็นไพรเวตไม่นิยมอยู่กันเป็นชุมชนอย่างไชน่าทาวน์ ดังนั้นการทำตลาดกับลูกค้ากลุ่มนี้จึงไม่เหมือนกับชาวจีนและรัสเซีย”
คาร์โล ระบุว่า แนวโน้มของลูกค้าชาวเมียนมายังคงมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกลุ่มคนรุ่นใหม่เริ่มออกมาขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น ในรูปแบบสตาร์ตอัปถือเป็นโอกาสที่ดีของการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มนี้ แม้เชิง “จำนวนซื้อ” ไม่มากเท่ากับชาวจีนแต่ “มูลค่า” ต่อยูนิตสูง เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
10ทำเลที่ดินราคาเสนอขายสูงสุดปี67’วิทยุ’ยืนหนึ่งพุ่งวาละ3.5ล้าน
คอลลิเออร์สอัพเดตราคาเสนอขายที่ดิน10ทำเลในกรุงเทพฯสูงสุดปี67“วิทยุ”ยืนหนึ่ง พุ่งวาละ3.5ล้าน อันดับสอง“สยาม” ตารางวาละ2.9ล้านดันราคาต้นทุนที่ดินพัฒนาโครงการในซีบีดีพุ่งกระฉูด ขณะที่รอบใจกลางเมือง-แนวรถไฟฟ้าเนื้อหอมรับดีมานด์แนวราบไปต่อ
ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันที่ดินย่านศูนย์กลางธุรกิจ หรือ CBD ราคาแรงพุ่งไม่หยุด โดยเฉพาะในทำเลหลังสวน สีลม สาทร สุขุมวิท เป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการอสังหาฯ จากการรวบรวมของฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส พบว่า
10 ทำเลที่มีราคาเสนอขายที่ดินสูงที่สุดในปี 2567 ได้แก่
- วิทยุ ตารางวาละ 3,500,000 บาท
- สยาม ตารางวาละ 2,900,000 บาท
- ชิดลม ตารางวาละ 2,800,000 บาท
- สุขุมวิท-ทองหล่อ ตารางวาละ 2,600,000 บาท
- สุขุมวิท- อโศก ตารางวาละ 2,550,000 บาท
- เพลินจิต ตารางวาละ 2,500,000 บาท
- สาทรตารางวาละ 2,500,000 บาท
- สีลม ตารางวาละ 2,000,000 บาท
- สุขุมวิท-เอกมัย ตารางวาละ 1,800,000 บาท
- เยาวราช ตารางวาละ 1,700,000 บาท
“ปัจจุบันมีที่ดินหลายแปลงมีการซื้อขายในระดับราคาที่สูงกว่าราคาเสนอขายในตลาด เนื่องจากผู้พัฒนาบางส่วนมองเห็นโอกาสหลังจากเข้าพัฒนาที่ดินดังกล่าวว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ ทำให้เราเห็นภาพการซื้อขายที่ดินไพร์มแอเรียในราคาสูงออกมาเป็นระยะๆ”
รอบใจกลางเมือง-แนวรถไฟฟ้าเนื้อหอม
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายที่ดินปีนี้ส่วนใหญ่เป็นภาพการซื้อขายที่ดินในพื้นที่รอบใจกลางเมือง หรือแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเทรนด์การพัฒนาของดีเวลลอปเปอร์ยังคงมุ่งเน้นไปสู่การพัฒนาโครงการแนวราบ หรือโครงการคอนโดระดับราคาไม่สูงมากเพื่อรองรับกำลังซื้อของลูกค้าคนไทยหดตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
“ส่วนที่ดินในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯยังคงเป็นที่จับตามองของดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน แต่ต้องใช้เวลาในการเจรจานานส่งผลให้การปิดดีลในแต่ละครั้งใช้เวลาที่ค่อนข้างนานเพราะราคาที่ดินในพื้นที่ย่านเศรษฐกิจสำคัญมีราคาเสนอขายสูง”
โดยเฉพาะย่านทองหล่อมีการปิดดีลที่ดินบางแปลงทำสถิติใหม่ตารางวาละกว่า 2.86 ล้านบาท ปัจจุบันริมถนนสุขุมวิททุกแปลงราคาขายสูงกว่า 2.5 ล้านบาท ส่วนย่านสีลม-สาทร ที่ดินที่มีศักยภาพสามารถพัฒนาเป็นอาคารสูงได้มีเสนอขายต่อตารางวามากกว่า 1.6-2.5 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงมาก
“ราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องกลายเป็นปัญหาในการพัฒนาโครงการ เพราะที่ดินเป็นต้นทุนสำคัญ มีผลต่อราคาสินค้าที่จะพัฒนาออกมามีราคาสูงจนเกินกว่าผู้บริโภคจะสเข้าถึงได้ ส่งผลให้โอกาสซื้อขายแบบโอนกรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือค่อนข้างใช้ระยะเวลาในการศึกษาและตัดสินใจค่อนข้างนาน”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
3 นักตบขนไก่ไทยชวดแชมป์โลกพาราแบดมินตัน
3 นักตบไทยพลาดคว้าแชมป์แบดมินตันพาราโลก 2024 ที่พัทยา อย่างน่าเสียดาย โดย “ปุ๊” สุจิรัตน์ ปุกคำ ที่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ดีนัก พ่ายต่อนักกีฬาจากจีน ในรอบชิงหญิงเดี่ยว คลาส WH1 ไป 0-2 เกม ส่วน “โต้ง” ศิริพงษ์ เติมอารมณ์ กับ “วี” มงคล บุญสุน แพ้ให้กับคู่ของอินโดนีเซีย 0-2 เกม ในรอบชิงชายคู่ คลาส SL3-SL4
การแข่งขันแบดมินตันคนพิการชิงแชมป์โลก 2024 รายการ “เอ็นเอสดีเอฟ รอยัล คลิฟ บีช บีดับเบิลยูเอฟเอฟ พาราแบดมินตัน เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024” ที่ศูนย์ประชุมพีช หรือ พัทยา เอ็กซิบิชั่น แอนด์ คอนเวนชั่น ฮอลล์ (พีช) พัทยา จ.ชลบุรี เมื่อ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา เดินทางเข้าสู่การแข่งขันเป็นวันสุดท้าย ซึ่งมีนักกีฬาไทยผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศได้ 2 ประเภท
ได้รับเกียรติจาก คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซีเมมเบอร์,รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และ นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มามอบเหรียญรางวัลให้กับแชมป์และรองแชมป์ในรายการนี้
ในประเภทหญิงเดี่ยว คลาส WH1 รอบชิงชนะเลิศ “ปุ๊” สุจิรัตน์ ปุกคำ มือ 4 ของโลกและ มือ 1 ของไทย โคจรมาพบกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง ยิน เหม็ง ลู มือ 8 ของโลก จากจีน ซึ่งสถิติที่พบกัน 6 ครั้ง เป็น สุจิรัตน์ ที่เอาชนะไปได้ 5 ครั้ง แมตช์นี้ผลปรากฏว่า สุจิรัตน์ ที่ต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บไหล่ที่รบกวนมาตลอดทัวร์นาเมนต์ พยายามสวมหัวใจสิงห์สู้อย่างเต็มที่ ก่อนต้านความแข็งแกร็ง ของ ยิน เหม็ง ลู ไม่ไหว พ่ายไป 0-2 เกม 12-21, 15-21 ชวดแชมป์ หญิงเดี่ยวคลาส WH1 ไปอย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ตามยังได้รับคะแนนสะสม 10,800 คะแนน
ส่วนรอบชิงชนะเลิศ ชายคู่ คลาส SL3-SL4 “โต้ง” ศิริพงษ์ เติมอารมณ์ กับ “วี” มงคล บุญสุน ที่โค่นคู่มือ 1 ของโลก จากอินเดียมาในรอบก่อนหน้านี้ พบกับคู่มือ 7 ของโลก จาก อินโดนีเซีย เฟรสดี้ เซตะวาน และ ดีวีโยโค ดีวีโยโค ซึ่งเจอกันมา 2 ครั้งก่อนหน้านี้ คู่ไทยแพ้รวด แมตช์นี้ปรากฏว่า มงคล บุญสุน กับ ศิริพงษ์ เติมอารมณ์ เจอลูกสั้นเร็วของ ดวิโยโก ดวิโยโก กับ เฟรดี เซตะวาน ที่เฉียบคมกว่า พ่ายไป 0-2 เกม 17-21, 14-21 ทำให้ได้เหรียญเงินไปครอง
อย่างไรก็ตาม “วี” มงคล บุญสุน ยังได้รับข่าวดี หลังคว้าโควตาใบสุดท้ายไปแข่งขันพาราลิมปิก 2024 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส อย่างเป็นทางการแล้ว ขณะที่ “โต้ง” ศิริพงษ์ เติมอารมณ์ ก็ได้โควตาไปพาราลิมปิก 2024 แล้วเช่นเดียวกัน จากประเภทคู่ผสม ที่จับคู่กับ “อิ๋ว” นิดาภา แสนสุภา
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
รู้หรือยัง “ยาคูลท์” ไม่ได้มีแค่รสเดียว แต่มีถึง 5 รสชาติด้วยกัน
“ยาคูลท์”เครื่องดื่มนมเปรี้ยวที่เราต่างคุันเคยกันเป็นอย่างดี เนื่องจากมีจุดกำเนิดมาตั้งแต่ปี 2478 นับแล้วมีอายุกว่า 80 ปีแล้วในประเทศญี่ปุ่น แต่สำหรับประเทศไทยนั้นมีการเริ่มวางจำหน่ายยาคูลท์ตั้งแต่ปี 2514 หรือเมื่อประมาณ 53 ปีที่ผ่านมา
ยาคูลท์มีวางจำหน่าย 40 ประเทศทั่วโลก ในส่วนของรสชาตินั้นเป็นที่ทราบกันดีว่ายาคูลท์มีรสชาติดั้งเดิม หรือ Original กระทั้งต่อมาเมื่อประมาณปี 2561 ในประเทศไทยก็มีการปรับตัวครั้งแรกเปิดตัว “ยาคูลท์ไลท์” สูตรน้ำตาลน้อย และยังรวมไปถึงทั่วโลก นั่นจึงทำให้เกิดเป็นยาคูลท์อีก 1 รสชาติ
แต่ทราบหรือไม่ว่านอกจากรสชาติดั้งเดิม หรือออริจินัล และสูตรไลท์แล้ว ยาคูลท์ยังมีรสส้ม รสองุ่น และรสแอปเปิ้ลเขียวอีกด้วย แต่มีเฉพาะในสิงคโปร์เท่านั้น แต่ในเรื่องของคุณภาพมาตรฐานการผลิตนั้นยังคงเหมือนเดิม รวมทั้งขนาดขวดยาคูลท์ในสิงคโปร์ยังเป็นขนาด 100 มล.คล้ายกับจีน ไต้หวัน และฮ่องกง ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุด
ส่วนอเมริกา ไทย เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และมาเลเซียนั้นมีจำหน่ายในขวดขนาด 80 มล. ส่วนที่ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย ยุโรป และอินเดียวางจำหน่ายในขวดขนาด 65 มล.
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ตีแผ่เคล็ดวิชา รู้แล้วก็ ใช้ Tense ได้แบบคล่อง ๆ ทันที
หนึ่งในเรื่องสำคัญมากสำหรับคนที่เรียนภาษาอังกฤษคือการทำความเข้าใจวิธี ใช้ Tense โดยที่ Tense หมายถึงเวลา เพราะฉะนั้นการทำความเข้าใจ Tense เราจะแบ่งเป็น Tense ปัจจุบัน (Present) อดีต (Past) และอนาคต (Future) แม้ว่าในภาษาอังกฤษจะมีถึง 12 Tense แต่รับรองว่าไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับเพื่อน ๆ แน่นอนครับ
จะเข้าใจ Tense ต้องรู้เรื่องกริยา 3 ช่อง
แต่ละ Tense นอกจากใช้พูดถึงเรื่องที่ต่างกันแล้ว คำกริยาในประโยคก็จะเปลี่ยนรูปไป เราเรียกรวม ๆ ว่ากริยา 3 ช่อง มีทั้งรูปปกติที่เติม -ed ทั้งช่อง 2 และ 3 เช่น play เปลี่ยนรูปเป็น played หรือแบบที่เปลี่ยนรูปไปเลยเช่น go เปลี่ยนเป็น went และ gone ตามลำดับ ซึ่งเรื่องนี้มีแหล่งข้อมูลให้ค้นหาได้มากมาย ทั้งในรูปแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ หรือหนังสือ
ได้เวลาเจาะลึกทั้ง 12 Tense
- Present Simple: ใช้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน สิ่งซึ่งเราทำเป็นประจำ สิ่งที่เป็นความจริง สิ่งที่เราต้องการ หรือความรู้สึกและอารมณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนที่กำลังพูดถึง เช่น
– I live in Bangkok.
(ฉันอยู่ในกรุงเทพ)
– My brother drives to work every day.
(น้องชายของฉันขับรถไปทำงานทุกวัน) ขอให้สังเกต drives ในประโยคนี้ เพราะเมื่อเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวถึงในบทสนทนา (เช่น he, she, it) กริยาจะต้องเติม s หรือ es ด้วย
- Present Continuous: พูดถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เช่น
I am staying in Bangkok right now.
(ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในกรุงเทพฯ)
- Present Perfect: พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดในอดีตและยังคงต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน เช่น
I have lived in Bangkok for 10 years.
(ฉันอยู่ในกรุงเทพมาแล้ว 10 ปี)
- Present Perfect Continuous: ใกล้เคียงกับ Present Perfect มาก และบางครั้งใช้แทนกันได้ เช่น
I have been living in Bangkok since I was 25.
(ฉันอยู่ในกรุงเทพต่อเนื่องมาตั้งแต่อายุ 25) หากสังเกตดูจะพบว่า Present Perfect และ Present Perfect continuous มีความคล้ายกันมาก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราต้องการเน้นเรื่องเวลาว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีต และตอนนี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่ ก็จะเลือก Tense นี้
- Past Simple: ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงแล้วในอดีต
I lived in Bangkok last year.
(เมื่อปีที่แล้วฉันอยู่ในกรุงเทพฯ)
- Past Continuous: พูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ณ เวลาหนึ่งในอดีตโดยพูดถึงเหตุการณ์อื่นร่วมด้วยเพื่อเน้นเหตุการณ์ที่เรากำลังกล่าวถึง เช่น
I was living in Bangkok in 1998 when Thailand hosted the 13th Asian games.
(ฉันอยู่ในกรุงเทพฯ เมื่อปี 1998 ช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพเอเชียนเกมครั้งที่ 13)
- Past Perfect: พูดถึงเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นก่อน จากนั้นมีอีกเหตุการณ์เกิดขึ้นตามมา เหตุการณ์ที่เกิดก่อนจะอยู่ในรูป Past Perfect ส่วนอีกเหตุการณ์จะใช้ Past Simple เช่น
I had lived in Bangkok for 3 years before I moved to Chiang Mai.
(ฉันอยู่กรุงเทพฯ 3 ปี ก่อนที่จะย้ายไปเชียงใหม่)
- Past Perfect Continuous: ใกล้เคียงกับ Past Perfect แต่จะเน้นให้เห็นว่าเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งมีอีกเหตุการณ์แทรกเข้ามา เช่น
I had been living in Chiang Mai before I got the job in Bangkok.
(ผมอยู่ที่เชียงใหม่มาตลอด ก่อนที่จะมาได้งานทำที่กรุงเทพฯ)
- Future Simple: ใช้พูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น ทั้งแบบเกิดขึ้นแน่นอนเพราะวางแผนไว้ หรือเป็นการคาดเดาว่าจะเกิดขึ้น ใช้ได้ทั้งแบบ someone will do something และ someone be (is / am / are) going to do something. เช่น
– I think it will rain tomorrow. / I think it is going to rain tomorrow.
(ฉันคิดว่าพรุ่งนี้ฝนน่าจะตก)
– I will go to Bangkok next week.
(อาทิตย์หน้าฉันจะเข้ากรุงเทพ)
- Future Continuous: พูดถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น
The library will be closing in 15 minutes.
(ห้องสมุดจะปิดภายในอีก 15 นาที)
- Future Perfect: พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นต่อเนื่องและจะไปสิ้นสุด ณ เวลาหนึ่งในอนาคต เช่น
I will have finished my work by noon tomorrow.
(ฉันจะทำงานนี้เสร็จภายในเที่ยงวันพรุ่งนี้)
- Future Perfect Continuous: พูดถึงเวลาหนึ่งในอนาคตที่เหตุการณ์หนึ่งได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเวลานั้น เช่น
In July, I will have been working here for 5 years.
(เดือนกรกฎาคมปีนี้ ฉันก็จะทำงานที่นี่ครบ 5 ปี)
สรุปโครงสร้างทั้ง 12 Tense แบบเข้าใจง่าย
หากเพื่อน ๆ ยังงงว่าทั้ง 12 Tense มีโครงสร้างประโยคเป็นยังไง วันนี้เรามีหลักการง่าย ๆ มาให้ครับ โดยเริ่มจากประโยคแบบ Present กับคำกริยา “go” ลองไปดูกันดีกว่าครับ
– I go (Present Simple)
– I am going (Present Continuous)
– I have gone (Present Perfect)
– I have been going (Present Perfect Continuous)
- ขอให้สังเกตตำแหน่งที่สองของประโยคซึ่งเราได้ขีดเส้นใต้ไว้ให้ เพราะนี่คือส่วนที่จะเปลี่ยนไปตาม Tense
- เมื่อเป็น Past ตำแหน่งที่ 2 จะเปลี่ยนไปเป็น went, was และ had ตามลำดับ
- หากเป็น Future ตำแหน่งที่ 2 จะแทนด้วย will (ยกเว้นกรณี be going to) และส่วนที่เหลือจะเหมือนเดิม
- นี่เป็นเพียงประโยคบอกเล่าเท่านั้น เพื่อน ๆ จำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องประโยคคำถามและปฏิเสธเพิ่มเติม เพื่อให้ ใช้ Tense ได้ครบทุกรูปแบบ
มีเยอะขนาดนี้ เริ่มฝึกจาก Tense ไหนดี
สำหรับใครที่เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ หรือสนใจหาสถาบันที่สอน เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว เราขอแนะนำว่าให้เริ่มจาก Present Simple, Present Continuous, Past Simple และ Future Simple เพราะ 4 Tense นี้จะทำให้พูดได้ทั้ง 3 ช่วงเวลา จากนั้นค่อย ๆ ขยับไปสู่ Tense ที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
วิธีเคลียร์พื้นที่มือถือช่วยเพิ่มพื้นที่ แก้ปัญหาหน่วยความจำเต็ม ใช้ได้ทุกรุ่น ทำอย่างไร มาดูกัน
ปัญหามือถือเมมเต็ม เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากในปัจจุบัน เพราะด้วยความที่เราใช้มือถือถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ เล่นโซเชียลมีเดีย โหลดแอปพลิเคชั่นมากมาย ทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลในมือถือเต็มเร็ว หรืออาจเกิดขึ้นกับสมาร์ทโฟนที่มีหน่วยความจำภายในเครื่องไม่มากนัก เมื่อใช้งานไปนานๆ ไฟล์ต่างๆ จะถูกเก็บสะสมไว้จนทำให้พื้นที่เต็ม ส่งผลให้ไม่สามารถลงแอปพลิเคชันเพิ่มเติม หรือในบางครั้งอาจส่งผลให้สมาร์ทโฟนเกิดอาการหน่วงขณะโหลดภาพ หรือไฟล์ต่างๆ
Sanook Hitech ได้รวบรวม วิธีแก้ไขปัญหามือถือเมมเต็ม มาให้แล้วดังนี้
วิธีแก้ปัญหาเมมมือถือเต็ม มีดังนี้
1. ลบไฟล์ขยะ
ไฟล์ขยะ คือไฟล์ชั่วคราวที่สร้างขึ้นโดยแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อใช้ในการทำงาน เช่น ไฟล์แคช ไฟล์บันทึกการเข้าใช้งาน เป็นต้น ไฟล์ขยะเหล่านี้มักมีขนาดใหญ่และสามารถลบออกได้โดยไม่ส่งผลต่อการใช้งานแอปพลิเคชัน
วิธีลบไฟล์ขยะสามารถทำได้ดังนี้
- เข้าไปที่ การตั้งค่า > แอปพลิเคชัน
- เลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการลบไฟล์ขยะ
- แตะที่ จัดเก็บข้อมูล
- แตะที่ ล้างแคช
นอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชันล้างไฟล์ขยะที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ เช่น CCleaner, SD Maid, Clean Master เป็นต้น
2. ลบไฟล์ที่ไม่ได้ใช้งาน
ไฟล์ที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น รูปภาพ วิดีโอ ไฟล์เอกสาร ไฟล์เสียง เป็นต้น หากไม่ได้ใช้งานแล้ว ก็สามารถลบออกได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างในเครื่อง
วิธีลบไฟล์ที่ไม่ได้ใช้งานสามารถทำได้ดังนี้
- เข้าไปที่ ไฟล์
- เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการลบไฟล์
- เลือกไฟล์ที่ต้องการลบ
- แตะที่ ลบ
3. ย้ายไฟล์ไปยังที่เก็บข้อมูลภายนอก
หากมีพื้นที่ว่างในเครื่องไม่เพียงพอ ก็สามารถย้ายไฟล์ไปยังที่เก็บข้อมูลภายนอก เช่น หน่วยความจำภายนอก หรือบริการคลาวด์สตอเรจ เช่น Google Drive, OneDrive, iCloud เป็นต้น
4. อัปเกรดหน่วยความจำ
หากต้องการเพิ่มพื้นที่ว่างในเครื่องอย่างถาวร ก็สามารถอัปเกรดหน่วยความจำภายในเครื่องได้ ซึ่งสามารถทำได้กับสมาร์ทโฟนบางรุ่นเท่านั้น
5. รีเซ็ตเครื่อง
วิธีสุดท้าย หากวิธีอื่นๆ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ สามารถลองรีเซ็ตเครื่อง แต่ต้องสำรองข้อมูลไว้ก่อน เพราะข้อมูลจะถูกลบทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีวิธีอื่นๆ ที่อาจช่วยแก้ปัญหาเมมมือถือเต็มได้ เช่น
- ปิดใช้งานแอปพลิเคชันที่ไม่ได้ใช้งาน
- ปิดใช้งานการซิงค์ข้อมูลอัตโนมัติ
- ตั้งค่าให้แอปพลิเคชันบันทึกข้อมูลลงในหน่วยความจำภายนอก
วิธีป้องกันปัญหาเมมเต็ม
- เลือกซื้อมือถือที่มีพื้นที่เก็บข้อมูลเพียงพอ: เลือกซื้อมือถือที่มีพื้นที่เก็บข้อมูล 128GB ขึ้นไป หรือ 256GB ถ้าใช้งานหนัก
- ใช้ Cloud Storage: เก็บรูปภาพ วิดีโอ เพลง และไฟล์อื่นๆ บน Cloud Storage เช่น Google Drive iCloud หรือ Dropbox
- ลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นเป็นประจำ: ตรวจสอบและลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นเป็นประจำ เช่น รูปภาพ วิดีโอ เพลง และไฟล์อื่นๆ
- ติดตั้งแอปพลิเคชันที่จำเป็น: ติดตั้งแอปพลิเคชันที่จำเป็นจริงๆ ไม่ควรติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่ใช้งาน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
3 สมุนไพร บำรุงสมอง ป้องกันอัลไซเมอร์
แพทย์แผนไทยแนะ สมุนไพร 3 ชนิด ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะนำสมุนไพร 3 ชนิด ได้แก่ บัวบก พรมมิและ กลีบบัวแดง ช่วยบำรุงสมอง เพิ่มความจำป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงเพื่อให้ห่างไกลจากโรคดังกล่าว
โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) คืออะไร?
โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็นโรคที่พบมากในผู้สูงอายุ ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาวิจัยพบว่า เกิดจากการสะสมของ amyloid plaques ในเซลล์สมอง ส่งผลให้สารสื่อประสาทอะเซติลโคลีนลดลง
ปัจจัยเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์
- เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
- เป็นโรคความดันโลหิตสูง
- เป็นโรคเบาหวาน
- เป็นโรคอ้วน
- ปัจจัยด้านพันธุกรรม
อาการเริ่มต้นของโรคอัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์ มักเป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน และการเข้าสังคม โดยอาการเริ่มต้น คือ
- การถามคำถามเดิมซ้ำๆ
- เริ่มคิดอะไรที่ซับซ้อนไม่ได้
- มีความลังเล ไม่สามารถตัดสินใจเรื่องง่ายๆ ได้ ฃ
- มีความวิตกกังวลมากขึ้น
- ตื่นตกใจง่าย
- อาจมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงได้
3 สมุนไพร บำรุงสมอง ป้องกันอัลไซเมอร์
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จึงขอแนะนำสมุนไพร 3 ชนิด ป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ได้แก่
- บัวบก
บัวบก เป็นสมุนไพรที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี นิยมนำมารับประทานเป็นอาหารและเครื่องดื่ม มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย แก้อาการอ่อนเพลีย และแก้ช้ำใน
จากรายงานการศึกษาวิจัย พบว่า สารสกัดจากบัวบก สามารถเพิ่มความจำและปรับสภาพ อารมณ์ในผู้สูงอายุที่มีภาวะความจำเสื่อมเล็กน้อย รวมถึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กพิการทางสมองได้
- พรมมิ หรือ ผักมิ
พรมมิ หรือ ผักมิ เป็นสมุนไพรอีกอย่างหนึ่งที่นิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลาย ใช้รับประทานเป็นผักลวกและจิ้มน้ำพริก ในตำราอายุรเวทของอินเดีย กล่าวว่า พรมมิ มีสรรพคุณช่วยเพิ่มความจำ บำรุงสมอง
จากข้อมูลทางเภสัชวิทยา พบว่า พรมมิ มีสารออกฤทธิ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของความจำ การตัดสินใจ ช่วยปกป้องเซลล์สมอง มีฤทธิ์ต้านความจำเสื่อม ช่วยในเรื่องการนอนหลับ และลดความวิตกกังวลได้
- กลีบบัวแดง
กลีบบัวแดง จัดเป็นสมุนไพรที่มีรสหอมเย็น ที่มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ แก้ไข้ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ จากการศึกษาวิจัย พบว่า กลีบบัวแดงมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และมีฤทธิ์ยับยั้งการเกาะกลุ่มกันของโปรตีน เบต้าอะมัยลอยด์ ซึ่งมีผลช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อม ทั้งชนิดความจำระยะสั้นและความจำระยะยาวได้
กลีบบัวแดง สามารถนำมาชงเป็นชาดื่มได้โดยการนำกลีบบัวแดง ผสมกับเกสรทั้ง 5 ได้แก่ มะลิ พิกุล บุนนาค สารภี และเกสรบัวหลวง หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ในอัตราส่วน 1:1 ชงในน้ำร้อน ดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน
วิธีลดเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์
นายแพทย์ขวัญชัย กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากสมุนไพรที่แนะนำทั้ง 3 ชนิดแล้ว ท่านควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ คือ
- งดสูบบุหรี่
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ดื่มน้ำมากๆ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับศาสตร์การแพทย์แผนไทย หรือ การใช้ยาสมุนไพรในการรักษาโรค สามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์แผนไทยในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐทั่วประเทศ หรือ ติดต่อโดยตรงที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หมายเลขโทรศัพท์ 0 2149 5678 หรือช่องทางออนไลน์ที่ เฟซบุ๊กและไลน์แอดกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 27/02/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 34,450.00 | 34,550.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,232.00 | 33,837.12 | 35,050.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,008.80 | 30,453.41 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,785.60 | 27,069.70 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,004.00 | 15,220.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 781.00 | 11,839.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,313.00 | 35,065.08 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 27/02/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.05 | 38.05 | 38.55 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.28 | 36.28 | 36.78 | 36.28 | 36.28 | 36.28 | 36.28 | 36.28 | 36.28 | 36.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.94 | 35.94 | 36.44 | 35.94 | 35.94 | – | 35.94 | 35.94 | 35.94 | 35.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.69 | 35.69 | – | – | – | – | – | – | – | 35.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 45.44 | 49.44 | 49.44 | 49.44 | – | – | – | – | – | 45.44 |
เบนซิน 95 | 45.94 | – | – | – | 47.11 | – | 46.44 | 46.09 | – | 45.94 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 44.84 | 43.64 | 43.64 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |