พฤกษาลุยเจาะลูกค้าต่างชาติอัดงบ10ล้านเพิ่มแรงจูงใจเอเจนต์
พฤกษา ลุยเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ อัดฉีด10 ล้าน จัดแคมเปญ Pruksa Ultimate Incentive 2023 มอบแรงจูงใจเอเจนต์ไทย -ต่างประเทศที่ทำยอดขาย และยอดโอนคอนโดภายในสิ้นปี พร้อมเดินหน้าดึงเอเจนต์รายใหม่มาเป็นพันธมิตร ตั้งเป้าขยายกลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่ม
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การร่วมมือกับพันธมิตรเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโตให้กับพฤกษา ซึ่งที่ผ่านมา พฤกษามีบริษัทตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์เป็นพันธมิตรหลายแห่งทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ
เนื่องจากพฤกษามีโครงการที่อยู่อาศัยที่หลากหลายทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าต่างชาติได้ ขณะเดียวกัน เอเจนต์หรือบริษัทตัวแทนขายก็มีฐานลูกค้าที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในประเทศไทย จึงมีการร่วมมือกันมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากการจัดแคมเปญ Pruksa Ultimate Incentive 2023 แล้วยังมีความร่วมมือกับตัวแทนขายอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นยอดขายในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ และเรายังมีนโยบายที่จะเพิ่มจำนวนตัวแทนขายให้มากขึ้น รวมทั้งจะเพิ่มตัวแทนขายในประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากที่เคยมี เช่น ในโซนอเมริกา ยุโรป หรือเพิ่มเติมในโซนเอเชีย เช่น พม่า ตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น
นายภัคริน ทัตติพงศ์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า Pruksa Ultimate Incentive 2023 เป็นแคมเปญที่จัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับตัวแทนขายทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมอบแรงจูงใจพิเศษให้กับตัวแทนขายที่ทำยอดขาย และโอนกรรมสิทธิ์สะสมให้กับคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ของพฤกษาตั้งแต่ 1 กันยายน – 31 ธันวาคม 2566 ได้ตามที่กำหนด
เมื่อเร็ว ๆ นี้ พฤกษายังได้จัดงานพบปะสังสรรค์ โดยเชิญตัวแทนขายมารับฟังทิศทางการดำเนินธุรกิจของพฤกษา และมอบรางวัลให้กับตัวแทนที่มียอดขายและยอดโอนดีเด่นในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา พร้อมทั้งประกาศแรงจูงใจพิเศษให้กับตัวแทนขายอีกด้วย
สำหรับแคมเปญ Pruksa Ultimate Incentive 2023 ตัวแทนขายที่ทำยอดขาย และโอนกรรมสิทธิ์สะสมตั้งแต่ 25 ล้านบาทขึ้นไปตลอดช่วงแคมเปญจะได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในอัตราแบบขั้นบันได สูงสุดกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าแคมเปญนี้จะช่วยกระตุ้นยอดขายและโอนคอนโดมิเนียมพฤกษาในช่วงปลายปีนี้ได้ตามเป้าหมาย
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ต่างชาติคัมแบ็กซื้ออสังหาฯ ไทย จับตา ปี67 บ้านราคา 2-4 ล้านรีเจกต์เรตพุ่ง
“วัน ออริจิ้น” เปิด”อินเตอร์คอนติเนนตัล แบงค็อก สุขุมวิท” โรงแรมระดับ 5ดาวเครือ IHG แห่งแรกในย่านทองหล่อ เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์และนักเดินทางจากทั่วโลก ชูห้องสวีทขนาด200 ตร.ม. พร้อมบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
นายปิติ จารุกำจร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) หรือ ONEOเครือออริจิ้น ที่ดำเนินธุรกิจโรงแรมและการบริการ และอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมเปิดให้บริการ “โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล แบงค็อก สุขุมวิท” แบรนด์โรงแรมลักชัวรี่ระดับ 5 ดาว ในเครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (IHG) เชนโรงแรมยักษ์ใหญ่ระดับโลก วันที่ 1 ธ.ค. 2566 นี้ นับเป็นโรงแรมแบรนด์อินเตอร์คอนติเนนตัลแห่งแรกบนทำเลทองหล่อ ย่านที่มีชีวิตชีวาที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ
“ทองหล่อเป็นย่านที่ไม่เคยหลับใหล มีเสน่ห์ทั้งกลางวันและยามค่ำคืน เป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะระดับไฮเอนด์และนักเดินทางเพื่อธุรกิจ วัน ออริจิ้น จึงพัฒนาโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล แบงค็อก สุขุมวิทขึ้น ภายใต้การออกแบบและตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะไทย มานำเสนอความเป็นไทยร่วมสมัยผ่านการผสมผสานและออกแบบทุกพื้นที่ในโรงแรมอย่างพิถีพิถัน พร้อมคัดสรรบริการชั้นเยี่ยม เพื่อถ่ายทอดนิยามใหม่ของความหรูหราบนทำเลทองหล่อ และสร้างประสบการณ์การพักผ่อนอันเป็นที่จดจำให้กับนักเดินทางจากทั่วโลก” นายปิติ กล่าว
โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล แบงค็อก สุขุมวิท เป็นโรงแรมระดับลักชัวรี่ ภายใต้การร่วมทุนของวัน ออริจิ้น และ Ci:Z Investment Limited Liability Partnership พันธมิตรยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ บริเวณปากซอยสุขุมวิท 59 ใกล้สถานี BTS ทองหล่อ ย่านใจกลางเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์ทั้งชีวิตการทำงานและไลฟ์สไตล์การพักผ่อน เนื่องจากเป็นที่ตั้งของบริษัทขนาดใหญ่มากมาย และรายล้อมด้วยแหล่งช้อปปิ้ง ศูนย์การค้าชั้นนำ ร้านอาหาร และสถานบันเทิง เดินทางสะดวกใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ
โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล แบงค็อก สุขุมวิท ตัวโรงแรมเป็นอาคารสูง 34 ชั้น ตกแต่งสไตล์ไทยร่วมสมัยที่ยังคงกลิ่นอายเอกลักษณ์ความเป็นไทย ด้วยการถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากศิลปะไทยเลื่องชื่อที่เน้นการถักทอด้วยมือผ่านทุกรายละเอียด ตั้งแต่ทางเข้าล็อบบี้จนถึงภายในโรงแรม โดยมีห้องพักและห้องสวีทให้บริการทั้งหมด 241 ห้อง เริ่มตั้งแต่ขนาด 34 ไปจนถึง 200 ตารางเมตร และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ผลิตภัณฑ์อาบน้ำแบรนด์หรูจากยุโรปไบรีโด Byredo บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชม. ทั้งยังมีห้องเพรสซิเดนเซียล สวีท พื้นที่ใหญ่ที่สุดถึง 200 ตารางเมตร มาพร้อมระเบียงส่วนตัวพร้อมสระว่ายน้ำบนพื้นที่นอกชาน สามารถมองเห็นวิวเมืองได้รอบทิศบนชั้น 30 รวมทั้งรองรับการจัดเลี้ยงสุดเอ็กซ์คลูซีฟใจกลางเมือง มอบช่วงเวลาพักผ่อนสุดพิเศษให้กับผู้เข้าพัก
ขณะเดียวกัน ภายในโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล แบงค็อก สุขุมวิท ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายคอยให้บริการผู้เข้าพัก อาทิ เดอะล็อบบี้ (The Lobby) เป็นล็อบบี้ บาร์ที่มีแรงบันดาลใจจากการอยากให้เป็นสถานที่หรือห้องรับแขกของย่านทองหล่อ รวมเมนูเครื่องดื่ม ของว่าง และชุดชายามบ่าย โดยคัดวัตถุดิบชั้นยอดจากท้องถิ่นเข้ามาร่วมให้บริการวางจำหน่าย อาทิ เม็ดกาแฟซาร์นีส์ ช็อกโกแล็ตกาลเวลาจากเชียงใหม่ชาเขียวญี่ปุ่นจากพีช ชาทีดับเบิ้ลยูจี
เอวา บราสเซอรี (AVA Brasserie) ห้องอาหารที่ให้บริการตลอดทั้งวัน วิวเมืองสุดสวย ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสายการบินชื่อดังในตำนาน PAN AM มารังสรรค์เมนูใหม่ โดยจุดเด่นของอาหาร ได้รับแรงบันดาลใจมาจากจุดหมายปลายทางของสายการบินนี้ อาทิ แฟรงค์เฟิร์ต นิวยอร์ก ลอนดอน ไมแอมี โตเกียว และกรุงเทพฯ ด้วย และ โรกส์ (Rogues) บาร์หรูที่ตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ เสิร์ฟเครื่องดื่มและเมนูสุดพรีเมี่ยม พร้อมอาหารจากเชฟโรแบร์โต แบลลิตติจากอิตาลี ซึ่งเป็นหัวหน้าพ่อครัวใหญ่ของโรงแรมฯ
และยังเป็นบาร์อเนกประสงค์สามารถจัดงานเลี้ยงได้ Club InterContinental คลับเลานจ์บนชั้น 31 ที่แขกผู้เข้าพักสามารถนั่งพักผ่อนพร้อมมื้อเช้าและของว่างมื้อพิเศษ หรือใช้เป็นพื้นที่นั่งทำงาน พร้อมชมวิวเมือง และซึมซับบรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกดิน
นอกจากนี้ยังมี เดอะสปา บาย หาญ THE SPA by HARNN สปาสุดหรู มีอ่างจากุชซซี่ในห้องสปาสวีทห้องแรก โดยเดอะสปา บาย หาญ ได้รับแรงบันดาลใจจากการผสมผสานอันงดงามระหว่างประเพณีญี่ปุ่นและไทย เป็นสปาที่ลูกค้าจะได้สัมผัสพลังแห่งสมบัติทางพฤกษศาสตร์ของธรรมชาติ โดยนักบำบัดผู้เชี่ยวชาญ เป็นทั้งการปรนนิบัติและการให้รางวัลกับตัวเองได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีฟิตเนสสระว่ายน้ำไร้ขอบ ชมวิวเมืองจากชั้นสูงของโรงแรมบนชั้น 32 อีกด้วย
สำหรับลูกค้าที่กำลังมองหาสถานที่จัดงานเลี้ยง จัดประชุม สัมมนา ทางโรงแรมให้บริการพื้นที่จัดสัมมนาและงานเลี้ยงขนาดเล็กถึงกลาง โดยมีห้องจัดประชุมและบอลรูมรวมที่รองรับผู้เข้างานได้สูงสุดประมาณ 300 คน วิวเมือง แสงธรรมชาติ
พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยสามารถจัดงานได้ทั้งรูปแบบออนไซต์และไฮบริด บริการจุดชาร์จรถไฟฟ้า (EV Charger) และระบบจอดรถอัตโนมัติที่จอดได้กว่า 160 คัน จองห้องพักโปรโมชั่นพิเศษช่วงเปิดโรงแรม ราคาเริ่มต้นที่ 8,000 บาท ฟรีอาหารเช้าและเครดิตโรงแรม 3,000 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 28พ.ย. “แข็งค่า” ที่ระดับ 35.03 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้บ้าง จากโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน นักลงทุนต่างชาติอาจยังไม่รีบปรับสถานะถือครอง จนกว่าจะรับรู้ผลการประชุมกนง. ในวันพรุ่งนี้
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 28พ.ย. ที่ระดับ 35.03 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.13 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท แม้ว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง มากกว่าที่เราประเมินไว้ แต่เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจเริ่มชะลอลงบ้าง เมื่อเข้าใกล้โซนแนวรับสำคัญ 35.00 บาทต่อดอลลาร์
ซึ่งเรามองว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้บ้าง จากโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน (ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอเข้าซื้อแถวโซน 34.80-34.90 บาทต่อดอลลาร์)
ขณะเดียวกัน ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติก็ยังมีทิศทางไหลออกสุทธิจากตลาดทุนไทย โดยในฝั่งตลาดบอนด์ เรามองว่า นักลงทุนต่างชาติอาจรอจังหวะบอนด์ยีลด์ไทยปรับตัวลดลงตามบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ในการทยอยขายทำกำไรได้ และนักลงทุนต่างชาติอาจยังไม่รีบปรับสถานะถือครอง จนกว่าจะรับรู้ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้
ส่วนในฝั่งหุ้น บรรยากาศในตลาดการเงินโลกที่ยังไม่กลับมาเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงชัดเจน ทำให้เรามองว่า ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยจะยังคงมีความผันผวนอยู่ (อาจเห็นการซื้อสุทธิกับการขายสุทธิได้)
อนึ่ง เราประเมินว่า ตราบใดที่ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวแถวโซน 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ สูงกว่านั้น ก็จะเปิดโอกาสให้บรรดาผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำได้ ส่งผลให้ เงินบาทก็ยังมีโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำเป็นปัจจัยหนุนฝั่งแข็งค่า (ซึ่งจะช่วยจำกัดไม่ให้เงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนต้าน 35.30 บาทต่อดอลลาร์ ไปได้ง่ายนัก)
ในช่วงนี้ ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.90-35.15 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย (แกว่งตัวในช่วง 35.02-35.14 บาทต่อดอลลาร์) หลังจากที่ในช่วงระหว่างวันเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องมากกว่าที่เราคาด (เราประเมินเงินบาทอาจยังไม่แข็งค่าหลุดโซน 35.30 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีปัจจัยหนุนการแข็งค่าจากการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์
รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังจากราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและทรงตัวเหนือระดับ 2,010 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เงินบาทยังไม่สามารถแข็งค่าเกินระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ ท่ามกลางโฟลว์ซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนจากบรรดาผู้ประกอบการ
บรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติม หลังตลาดกลับมาเปิดทำการจากช่วงวันหยุด Thanksgiving โดยผู้เล่นส่วนใหญ่ต่างรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ รวมถึง ถ้อยแถลงของประธานเฟด ก่อนที่จะมีการปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนอีกครั้ง ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.20%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.34% ท่ามกลางแรงขายทำกำไรของหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่ปรับตัวได้ดีในช่วงก่อนหน้า ASML -0.6% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังเผชิญแรงกดดันจากการขายหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมบางส่วน LVMH -1.4% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน
ในฝั่งตลาดบอนด์ บรรยากาศในตลาดการเงินที่เริ่มกลับมาอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวมากขึ้น รวมถึงมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เริ่มกลับมามองว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยลงได้ราว -1% ในปีหน้า (เริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคมปีหน้า) ได้หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาย่อตัวลงใกล้ระดับ 4.40% อีกครั้ง
ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีโอกาสผันผวนสูงขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด และบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด ยังคงส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดได้นาน อย่างไรก็ดี เรามองว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ดังกล่าวก็จะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดสามารถทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวได้
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง ตามการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งยังได้ช่วยหนุนให้ ค่าเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ทยอยแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 148.5 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง ตามการปรับตัวลดลงของส่วนต่างระหว่างบอนด์ยีลด์สหรัฐฯกับญี่ปุ่น โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ย่อตัวลงใกล้ระดับ 103.2 จุด (กรอบ 103.1-103.5 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และบรรยากาศในตลาดการเงินที่เริ่มกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและทรงตัวเหนือระดับ 2,010 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่งผลให้ ผู้เล่นในตลาดเริ่มทยอยขายทำกำไรทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย Conference Board ของสหรัฐฯ รวมถึง ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนและทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างไร
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แย่งชัยไฟต์ที่ 3 “ก้องศึก” ปะทะเดือด “เพชรทองหล่อ” คู่เอกศึก ONE ลุมพินี 43
เดือดต้อนรับเดือนสุดท้ายของปีกับการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ที่จ่ายค่าตัวนักมวยไทยเรตสูงที่สุดในประเทศ ศึก ONE ลุมพินี 43 พร้อมถ่ายทอดสดสู่สายตาผู้ชมมากกว่า 190 ประเทศ โดยมีคู่แข่งขันฝีมือเยี่ยมทั้งสิ้น 12 คู่ เตรียมปล่อยของเต็มที่บนเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในวันศุกร์ที่ 1 ธ.ค.นี้
คู่เอก “ก้องศึก แฟร์เท็กซ์” มวยซ้ายไหวพริบดี วัย 23 ปี จากเมืองย่าโมโคราช กลับมาแก้มือหลังฟอร์มสะดุดพ่ายในไฟต์ล่าสุด อาสาหยุดความร้อนแรงของ “เพชรทองหล่อ ศิษย์หลวงพี่น้ำฝน” มวยซ้ายลูกเตะหนักวัย 23 ปีเท่ากันจากบุรีรัมย์ ที่ขอลุ้นเก็บแต้มชัย 3 ไฟต์ติดต่อกันให้ได้ โดยทั้งคู่พร้อมวัดฝีมือกันในกติกามวยไทย รุ่นฟลายเวต (125 – 135 ป.)
ก้องศึก vs เพชรทองหล่อ
ขณะที่คู่รอง “พ่อน้องฉลาม” ก้องธรณี ส.สมหมาย มวยซ้ายหนักทุกดอก วัย 27 ปี จากเพชรบูรณ์ เครื่องกำลังร้อนเดินหน้าไม่แพ้ใคร 4 ไฟต์ติด รับมือรุ่นน้องหน้าใหม่ “พาร์ซา อาร์มินิปัวร์” มวยลีลาพลิ้ว วัย 23 ปี จากอิหร่าน ที่ไม่คิดกลัวใคร ขอสร้างเซอร์ไพรส์ในไฟต์เปิดตัวให้จดจำ โดยเตรียมฟาดปากกันในกติกามวยไทย รุ่นฟลายเวต (125 – 135 ป.)
ก้องธรณี vs พาร์ซา
ด้านคู่เอกอินเตอร์ เปิดศึกวัดฝีมือสองดาวรุ่งที่ผ่านไป 2 ไฟต์ยังแพ้ใครไม่เป็น “อัสลามจอน ออร์ติคอฟ” มวยหนุ่มอาวุธแน่นจากอุซเบกิสถาน พบกับ “ชาติอนันต์ สจ.จอยปราจีน” มวยไอคิวเยี่ยมจากบุรีรัมย์ โดยทั้งคู่ต่างมีอายุ 20 ปี เท่ากัน พร้อมมุ่งมั่นรักษาสถิติชนะรวดต่อไป โดยจะพิสูจน์ความแรงกันในกติกา มวยไทย แคตช์เวต 129 ป.
อัสลามจอน vs ชาติอนันต์
นอกจากนี้จะได้ติดตามผลงานของ “ชนะจน พีเค.แสนชัย” มวยเก๋าวัย 35 ปี ลุ้นยืดสถิติไร้พ่ายเพิ่มเป็นไฟต์ที่ 4 เจอกับ “มุสตาฟา อัล เตครีตี” มวยพลังแกร่ง วัย 27 ปี จากอิรัก ร่วมด้วย “เพชรน้ำโขง มงคลเพชร” อีกหนึ่งนักชกจากลาว ขอมาแย่งชิงชัยในไฟต์เปิดตัวกับ “บีเอ็ม แฟร์เท็กซ์” นักชกสายเลือดใหม่ วัย 19 ปี จากสกลนคร
แฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. รับชมการถ่ายทอดสดทาง Watch.ONEFC.com (บางประเทศ), Facebook & YouTube ONE (บางประเทศ) และทางช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น.
โปรแกรมการแข่งขันทุกคู่ศึก ONE ลุมพินี 43
• คู่เอก ก้องศึก แฟร์เท็กซ์ vs เพชรทองหล่อ ศิษย์หลวงพี่น้ำฝน (มวยไทย รุ่นฟลายเวต 125 – 135 ป.)
• คู่รอง ก้องธรณี ส.สมหมาย vs พาร์ซา อามินิปัวร์ (มวยไทย รุ่นฟลายเวต 125 – 135 ป.)
• สิบแสน นกเขากม.11 vs อวอร์ด คาซิมบา (มวยไทย แคตช์เวต 139 ป.)
• โขคดี แม็กจันดี vs ยูซิฟ กาดีร์ (มวยไทย รุ่นอะตอมเวต 105 – 115 ป.)
• ก้าวไกล ช.ห้าพยัคฆ์ vs จอมใจ นักสู้ยิม (มวยไทย แคตช์เวต 124 ป.)
• บีเอ็ม แฟร์เท็กซ์ vs เพชรน้ำโขง มงคลเพชร (มวยไทย แคตช์เวต 122 ป.)
• อัสลามจอน ออร์ติคอฟ vs ชาติอนันต์ สจ.จอยปราจีน (มวยไทย แคตช์เวต 129 ป.)
• ชนะจน พีเค.แสนชัย vs มุสตาฟา อัล เตครีตี (มวยไทย รุ่นไลต์เวต 155 – 170 ป.)
• แรมบ๊อง ส.เถระพัฒน์ vs จีตัว ยีปู (มวยไทย แคตช์เวต 126 ป.)
• คาร์ลอส อัลวาเรซ vs นาคิน แซต (การต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นเฟเธอร์เวต 145 – 155 ป.)
• เรียวสุเกะ ฮอนดะ vs เดฟ บางกุยกุย (การต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นสตรอว์เวต 115 – 125 ป.)
• เฟย์เน เมสกิตา vs บัคไทกูล เคอร์แมนเบโกวา (การต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นสตรอว์เวต 115 – 125 ป.)
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รู้จักอาการ “ช่องปากแห้ง” หรือภาวะ “น้ำลายน้อย” พร้อมวิธีรักษา
ช่องปากแห้ง หรือภาวะน้ำลายน้อย อาจส่งผลต่อความสะอาดและการย่อยอาหารในช่องปากได้ เนื่องจากน้ำลายมีบทบาทสำคัญในการควบคุมเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราในช่องปาก ฉะนั้น ถ้าใครมีน้ำลายน้อย ก็ควรศึกษารายละเอียดพวกนี้เอาไว้
สาเหตุของอาการปากแห้ง
อาการปากแห้งจะเกิดขึ้นเวลาที่ต่อมน้ำลายในปากผลิตน้ำลายออกมาไม่เพียงพอต่อการทำให้ภายในช่องปากเปียกแฉะอยู่เสมอ ซึ่งการที่ต่อมน้ำลายทำงานผิดปกติอาจเป็นผลมาจาก…
- การใช้ยา: มียาอยู่มากมายหลายชนิดที่มีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการปากแห้งขึ้นมาได้ ซึ่งยาที่มีความเสี่ยงจะทำให้เกิดปัญหาก็ได้แก่ยาที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้า โรคความดันโลหิตสูง และโรควิตกกังวล รวมทั้งยาแก้แพ้ ยาแก้คัดจมูก ยาผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และยาแก้ปวด
- มีอายุมากขึ้น: ผู้สูงวัยมักจะมีอาการปากแห้งเมื่อมีอายุมากขึ้น ร่วมกับปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่นการใช้ยาบางชนิด ความสามารถในการดูดซึมยาลดลง ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และมีปัญหาด้านสุขภาพเป็นเวลานาน
- ยาเคมีบำบัดโรคมะเร็ง: ยาเคมีบำบัดอาจทำให้ธรรมชาติของน้ำลายเปลี่ยนไป รวมทั้งทำให้การผลิตน้ำลายลดลงด้วย อาการเช่นนี้อาจเป็นอาการเพียงชั่วคราว ซึ่งเมื่อใช้ยาเคมีบำบัดเสร็จสิ้นแล้ว น้ำลายก็จะกกลับมาทำหน้าที่ตามปกติ นอกจากนี้การฉายรังสีบริเวณศีรษะและคอ ก็อาจทำให้ต่อมน้ำลายเกิดความเสียหาย ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายผลิตน้ำลายได้น้อยลง อาการเช่นนี้อาจเป็นอาการเพียงชั่วคราวหรือถาวรก็ได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณรังสีและบริเวณที่มีการฉายรังสี
- เส้นประสาทได้รับความเสียหาย: อุบัติเหตุหรือศัลยกรรมที่ทำให้เส้นประสาทบริเวณศีรษะและคอเกิดความเสียหาย อาจส่งผลให้เกิดอาการปากแห้งได้
- มีปัญหาทางด้านสุขภาพ: อาการปากแห้งอาจมีสาเหตุมาจากปัญหาสุขภาพ อย่างเช่น โรคเบาหวาน เส้นเลือดในสมองแตก การติดเชื้อราในช่องปาก โรคอัลไซเมอร์ หรือโรคที่เป็นผลมาจากการแพ้ภูมิตัวเอง อย่างเช่น โรคในกลุ่มอาการโจเกร็น (Sjogren’s syndrome) หรือโรคเอดส์ นอกจากนี้การนอนกรนและการหายใจทางปาก ก็อาจทำให้เกิดอาการปากแห้งได้ด้วย
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือการเคี้ยวยาเส้น อาจทำให้มีอาการปากแห้งเพิ่มขึ้นได้
- การใช้ยาคลายเครียด: ยาบ้าหรือยาเมทแอมฟีตะมีน (Methamphetamine) อาจทำให้เกิดอาการปากแห้งขั้นรุนแรงได้ นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดความเสียหายกับฟัน และมีกลิ่นปากแบบ ‘คนเสพย์ยา’ นอกจากนี้การสูยกัญชาก็ทำให้เกิดอาการปากแห้งได้เหมือนกัน
อาการปากแห้ง
อาการสัญญาณต่างๆ ที่บ่งบอกว่ามีอาการปากแห้งหรือภาวะน้ำลายน้อย ก็ได้แก่
- มีความรู้สึกปากเหนียวและแห้ง
- หิวน้ำบ่อยๆ
- มีความรู้สึกเจ็บภายในปาก มีความรู้สึกเจ็บบริเวณมุมปาก หรือมุมปากมีอาการผิวแตก รวมทั้งริมฝีปากมีอาการแห้งแตก
- มีความรู้สึกคอแห้ง
- มีความรู้สึกแสบร้อนภายในปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณลิ้น
- ลิ้นมีอาการแห้ง และแดง
- มีปัญหาในการพูด รวมทั้งในการรับรส การเคี้ยว และการกลืนอาหารด้วย
- มีอาการแสบคอ เจ็บคอ และจมูกแห้ง
- มีกลิ่นปาก
โรคแทรกซ้อนจากอาการปากแห้ง
ถ้าใครมีปริมาณน้ำลายไม่พอเพียงและมีอาการปากแห้ง ก็นำไปสู่โรคแทรกซ้อนต่อไปนี้ได้
- มีปัญหาคราบฟัน ฟันผุ และโรคเหงือกเพิ่มขึ้น
- มีอาการเจ็บในช่องปาก
- ติดเชื้อราในช่องปาก
- เจ็บบริเวณมุมปากรวมทั้งมีอาการแห้งแตก หรือมีอาการริมฝีปากแห้ง
- ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เนื่องจากมีปัญหาในการเคี้ยวและกลืนอาหาร
- อาการปากแห้งอาจทำให้การใส่ฟันปลอมเป็นไปอย่างยากลำบาก
วิธีการรักษาอาการปากแห้ง
ถ้าคุณคิดว่าอาการปากแห้งนั้นเกิดจากการใช้ยาบางชนิด ก็ควรพูดคุยกับคุณหมอดู คุณหมออาจจะปรับขนาดการรับประทานยา หรือเปลี่ยนไปใช้ยาที่ไม่ก่อให้เกิดอาการปากแห้งแทน นอกจากนี้คุณหมออาจจะเขียนใบสั่งน้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นในช่องปาก ซึ่งถ้าน้ำยาบ้วนปากชนิดนั้นไม่ช่วยให้อาการดีขึ้น คุณหมอก็อาจให้คุณกินยาซาลาเจน (Salagen) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำลายออกมา
และคุณสามารถกระตุ้นให้มีน้ำลายไหลออกมามากขึ้นได้ ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
- ดูดอมลูกกวาดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล หรือเคี้ยวหมากฝรั่งที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล
- ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อช่วยให้ปากคงความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
- แปรงฟันโดยใช้ยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์ ใช้น้ำยาบ้วนปากที่ผสมฟลูออไรด์ และไปพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
- หายใจทางจมูก และหลีกเลี่ยงการหายใจทางปากให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
- ติดตั้งเครื่องทำไอน้ำไว้ในห้อง เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับอากาศภายในห้องนอน
- ใช้น้ำลายเทียมที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คำศัพท์น่ารู้: สิ่งของในห้องนอน
1. bolster โบลส์-เตอะ หมอนข้าง
หรือจะใช้คำว่า long pillow แทนก็ได้ค่ะ แต่สำหรับหมอนหนุนหัวต้องเป็น pillow นะ
2. wardrobe วอ-โดรบ ตู้เสื้อผ้า
หรือจะใช้คำว่า closet ก็แปลว่าตู้เสื้อผ้าเหมือนกันค่ะ
3. bunk bed บังค์-เบ้ด เตียงนอน 2 ชั้น
สำหรับเด็กบางคนจะชอบนอนเตียงบนมากกว่าค่ะ เพราะมีความเป็นส่วนตัว แต่ถ้าตื่นไปเข้าห้องน้ำกลางดึก แล้วลืมว่านอนอยู่เตียงบนนี่ยุ่งเลยนะ
4. duvet ดู-เฟ้ท ผ้านวม
ไม่ใช่ผ้านวมธรรมดานะคะ แต่เป็นผ้านวมที่ทำจากขนเป็ด eider ทำให้เรียกได้อีกอย่างว่า eiderdown หรือจะเอาแบบผ้านวมธรรมดาก็ให้ใช้ quilt ค่ะ
5. sheet ชีท ผ้าปูที่นอน
หรือใช้ bedspread ก็ได้ แต่ถ้าจะเรียกผ้าห่มต้องเป็น blanket ค่ะ
6. mystic symbol มิสติค-ซิมโบล ผ้ายันต์
อันนี้อาจเห็นได้หน้าห้องนอนของผู้ใหญ่ที่เชื่อใน เครื่องรางของขลัง (talisman) กันนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
งานเข้า!!! ขุมพลัง Dimensity 9300 ยังเจอปัญหาเมื่อความร้อนขึ้น ลดประสิทธิภาพเกือบ 50%
ขุมพลัง MediaTek Dimensity 9300 จัดว่าเป็นเรือธงของ MediaTek โดยหมายมั่นปั่นมือให้สู้กับ Snapdragon 8 Gen 3 ซึ่งภายในขุมพลังนี้พบว่าไม่มีชิปที่เป็นแบบ Efficiency เลย หลายคนก็เลยสงสัยว่า เมื่อใช้งานแล้วร้อนจะเกิดอะไรขึ้น
ล่าสุด Sahil Karoul หรือ @Wfccftech ได้ปล่อยภาพการทดสอบขุมพลังดังกล่าวบน X ซึ่งพบว่าว่าเกิดการลดประสิทธิภาพของ CPU (CPU Throttling) สูงถึง 46% ซึ่ง CPU รุ่นนี้มีทั้งหมด 100 Threads
ซึ่งพบว่าเมื่อทำงานจนเกิดความร้อนและเค้นมากขึ้น พบว่าคอร์หลักลดประสิทธิภาพ 0.60GHz, ที่เหลือลดลงระหว่าง 1.20 – 1.50GHz ถือว่าดลงมาสูงมากเพราะขุมพลังนี้จะอยู่ที่ 3.25GHz ในแกนหลัก
ทั้งนี้การทดสอบกับมือถือ vivo X100 Pro ซึ่งมีระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ขนาดใหญ่ของเครื่องดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ให้ดีขึ้นเท่าไหร่ แม้จะใช้สถาปัตยกรรมขนาด N4P ขนาด 4 นาโนเมตร เหมือนกับ Snapdragon 8 Gen 3 ก็ตาม
ทั้งนี้เว็บไซต์ Phonearena ได้ใหัความเห็นว่า ถ้า MediaTek อยากจะท้ายชนกัน Snapdragon แต่ตัดขุมพลัง Cortex-A520 ออก อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีเท่าไหร่ ดังนั้นต้องรอติดตามกันว่าใน Dimensity 9400 นั้นจะมีการควบคุมการทำงานของ CPU ที่จะส่งผลเสียเมื่อ CPU ร้อนได้ดีแค่ไหน ต้องรอติดตามกันต่อไป
Note : จากที่ทีมได้ทดลองกับ vivo X100 Pro ในประเทศจีน ก็พบปัญหาเมื่อ CPU ถูกทำงานหนักเกิดความร้อนเช่นกัน แต่ยังไม่เจอเรื่องลดประสิทธิภาพการทำงาน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
นวัตกรรมไทย ‘แบตเตอรี่สังกะสีไอออนแบบเคเบิล’ ชนิดปลอดภัยสูง ตอบโจทย์ตลาด Wearable Devices
‘ศูนย์นาโนเทค’ เผยงานวิจัยการพัฒนากระบวนการผลิต ‘แบตเตอรี่สังกะสีไอออนแบบเคเบิล (cable-shaped Zn-ion batteries)’ สำหรับ Wearable devices ซึ่งผลงานได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ ปัจจุบันความพร้อมของเทคโนโลยีนี้อยู่ในระดับ TRL4 และเตรียมพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ในอีก 6-7 ปีข้างหน้า
หนึ่งในสินค้าที่คอ IT ทั่วโลกต่างจับตาการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่เสมอ คือ Wearable devices อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดสวมใส่ไว้กับร่างกาย เช่น สายรัดข้อมือ แถบป้ายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ smart watch นาฬิกาที่มีฟังก์ชันการทำงานมากกว่าการดูเวลา เพราะเพียงสัมผัสที่หน้าจอก็โทรออก รับสาย ฟังเพลง ดูข้อมูลแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันหลักด้านการดูแลสุขภาพของผู้สวมใส่อย่างการตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ การนับก้าวเดิน ระยะทางการวิ่ง หรือกระทั่งการแจ้งเตือนให้ดื่มน้ำอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม รู้หรือไม่ว่าผู้พัฒนาอุปกรณ์เทคโนโลยีประเภทนี้ยังต้องเผชิญกับข้อจำกัดในการออกแบบค่อนข้างมาก เพราะแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลายยังไม่สามารถบิดงอ ฉีกขาด หรือสัมผัสกับความร้อนสูงได้ เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุไฟลุกหรือระเบิด สาเหตุจากส่วนประกอบภายในแบตเตอรี่สัมผัสกับความชื้นภายนอกดังที่ปรากฏให้เห็นในข่าวอยู่เป็นระยะ
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2023 สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) เผยความสำเร็จในการพัฒนากระบวนการผลิต ‘แบตเตอรี่สังกะสีไอออนแบบเคเบิล (cable-shaped Zn-ion batteries)’ เพื่อการใช้งานใน Wearable devices โดยร่วมมือกับ North Carolina State University
‘แบตเตอรี่สังกะสีไอออนแบบเคเบิล (cable-shaped Zn-ion batteries)’ สำหรับใช้งานใน Wearable devices มีจุดเด่นจากรูปทรงที่บิดงอได้ ทนความร้อนสูง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ดร.นครินทร์ ทรัพย์เจริญดี นักวิจัยทีมวิจัยนวัตกรรมเส้นใยนาโน นาโนเทค สวทช. เกริ่นถึงจุดเริ่มต้นในการทำวิจัยว่า หลังจากทำงานเป็นผู้ช่วยวิจัยในทีมนวัตกรรมเส้นใยนาโนที่ สวทช. ได้มีโอกาสไปศึกษาต่อที่ Wilson College of Textiles, North Carolina State University, USA ในระดับปริญญาเอกด้าน biomedical engineering โดยได้รับทุนรัฐบาลจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ปัจจุบัน คือ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) และได้ร่วมทำวิจัยในด้านอุปกรณ์กักเก็บพลังงาน จึงก่อเกิดเป็นความสนใจในการบูรณาการความเชี่ยวชาญทั้ง 2 ด้าน เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมอุปกรณ์กักเก็บพลังงานในรูปแบบเส้นใย เพื่อลดข้อจำกัดของแบตเตอรี่ที่ใช้งานกันอยู่ทั่วไป ภายใต้การสนับสนุนจาก North Carolina State University, ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. และศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (เอ็นเทค) สวทช.
จากจุดเริ่มต้นความสนใจในครั้งนั้น ดร.นครินทร์ได้เริ่มต้นพัฒนากระบวนการผลิตขั้วไฟฟ้าจากเส้นใยกราฟีนเพื่อใช้เป็นขั้วสำหรับแบตเตอรี่สังกะสีไอออนแบบเคเบิล (graphene based fiber electrode fabrication for cable/ fiber-shaped Zn-ion batteries) ร่วมกับทีมวิจัยตั้งแต่ศึกษาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาในช่วงปี ค.ศ. 2019-2022 และปัจจุบันสามารถพัฒนาจนประสบความสำเร็จในระดับห้องวิจัยเรียบร้อยแล้ว
ดร.นครินทร์ เล่าถึงผลงานว่า ส่วนประกอบหลักของแบตเตอรี่ที่พัฒนาขึ้น คือ ขั้วไฟฟ้าในรูปแบบเส้นใยกราฟีน (graphene fiber) ซึ่งเป็นวัสดุที่มีประสิทธิภาพในการนำไฟฟ้าสูง วัสดุกักเก็บประจุใช้เป็นแมงกานีสไดออกไซด์ (MnO2) และในส่วนของสารอิเล็กโทรไลต์ (electrolyte) ใช้เป็นสารละลายเกลือของสังกะสีที่มีน้ำเป็นตัวทำละลาย เพื่อให้แบตเตอรี่มีความปลอดภัยในการใช้งานสูง แตกต่างจากแบตเตอรี่ชนิดลิเทียมไอไออนทั่วไปที่ใช้ตัวทำละลายอินทรีย์ซึ่งไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเป็นสารอิเล็กโทรไลต์ โดยวัสดุทั้งหมดที่เลือกใช้ในการผลิตแบตเตอรี่สังกะสีไอออนแบบเคเบิลค่อนข้างมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีต้นทุนด้านวัสดุไม่สูง
“ความจุของแบตเตอรี่ที่ทีมพัฒนาได้ในปัจจุบัน คือ 230 mAh/g หรือเทียบเท่ากับแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแบบเหรียญ ซึ่งเพียงพอกับการใช้งานในผลิตภัณฑ์ wearable devices และด้วยผลิตภัณฑ์มีลักษณะเป็นสายเคเบิลขนาดเล็กที่มีความยืดหยุ่นสูง จึงเอื้อให้ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์สามารถสร้างสรรค์ผลงานภายใต้ข้อจำกัดด้านขนาดและรูปทรงของอุปกรณ์ได้เป็นอย่างดี”
ขั้วไฟฟ้าในรูปแบบเส้นใยกราฟีน (graphene fiber)
จากจุดเด่นสำคัญ 2 ประการ คือ ‘ยืดหยุ่น’ และ ‘ปลอดภัย’ ทำให้ผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่สังกะสีไอออนแบบเคเบิลนำไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา สายรัดข้อมือ แถบป้ายอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ประเภทเซนเซอร์หรืออุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ที่มีขนาดเล็ก เช่น เซนเซอร์ตรวจนับจำนวนก้าวสำหรับติดที่รองเท้าออกกำลังกาย อุปกรณ์ระบุตำแหน่งสิ่งของ (tracker) อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องติดไว้ตามร่างกาย หรือการใช้งานกับอุปกรณ์ที่ต้องสัมผัสกับความร้อนสูง เช่น แบตเตอรี่กักเก็บพลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ชนิดพกพา
ดร.นครินทร์ เล่าทิ้งท้ายว่า ณ ตอนนี้ความพร้อมของเทคโนโลยีอยู่ในระดับ TRL4 หรือผลิตในระดับห้องทดลองได้แล้ว คาดว่าจะผลักดันสู่ระดับพาณิชย์ได้ในช่วง 6-7 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นระยะเวลาของการพัฒนาเทคโนโลยีโดยทั่วไป ปัจจุบันทีมวิจัยกำลังหาความร่วมมือจากบริษัทเอกชนผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทสายไฟ เพื่อร่วมกันวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของแบตเตอรี่สังกะสีไอออนแบบเคเบิลให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น โดยคาดว่าเมื่อขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์สู่การผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้แล้ว ผลิตภัณฑ์นี้จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญของผู้พัฒนา wearable devices ที่มองหาแบตเตอรี่ชนิดมีความปลอดภัยในการใช้งานสูง มีความยืดหยุ่น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีต้นทุนด้านวัสดุในการผลิตต่ำได้เป็นอย่างดี
“ปัจจุบันผลงานวิจัยได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติแล้ว 2 ฉบับ คือ Advanced Fiber Materials และ ACS Applied Materials and Interfaces รวมทั้งได้รับอนุสิทธิบัตรสำหรับกรรมวิธีเตรียมขั้วแคโทดที่ประกอบด้วยเส้นใยรีดิวซ์กราฟีนออกไซด์และแกมมา-แมงกานีสไดออกไซด์ (Graphene-Based Fiber Shaped Zinc-Ion Batteries and Graphene-Based Fiber Cathode Fabrication Process Thereof) เรียบร้อยแล้ว”
การวิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น ปลอดภัย และมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งในหัวข้อการวิจัยที่หลายประเทศทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ เพราะจะช่วยเพิ่มลู่ทางในการออกแบบสินค้าเทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ สร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์แก่ผู้บริโภค อีกทั้งยังลดผลกระทบจากข้อกีดกันทางการค้าในการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ นอกจากนี้หากประเทศไทยสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ได้เอง จะช่วยเพิ่มความมั่นคงให้แก่อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ภายในประเทศได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจร่วมวิจัยและพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยี ติดต่อได้ที่ สวทช. อีเมล nakarin@nanotec.or.th
ขอบคุณข้อมูลจาก mreport.co.th
ฟูจิ ฟูใจ สวนดอกไม้วังน้ำเขียว มุมถ่ายรูปห้ามพลาดในหน้าหนาว
ที่ อ.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งภายในอำเภอวังน้ำเขียวเริ่มมีปริมาณนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภายในอำเภอวังน้ำเขียวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวซึ่งถือว่าเป็นฤดูการท่องเที่ยวของอำเภอวังน้ำเขียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาสวนดอกไม้ที่หลายแห่งได้จัดเตรียมดอกไม้เมืองหนาวหลายชนิดไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวริมถนนสาย 304 โดยที่สวนฟูจิ – ฟูใจ ที่ตั้งอยู่ริมถนนสาย 304 บริเวณจุดบริการประชาชน สภ.วังน้ำเขียวนั้น
ต่างมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวจังหวัดนครราชสีมาและต่างจังหวัดเดินทางมาเที่ยวชมและถ่ายรูปกับดอกไม้เมืองหนาวกันอย่างคึกคัก โดยทางสวนฟูจิ-ฟูใจ ได้มีการปลูกดอกไม้เมืองหนาวหลายชนิดบนพื้นที่กว่า 3 ไร่ โดยมีการปลูกดอกมาร์กาวสีม่วงงดงาม ดอกบลูซัลเวีย อกสร้อยไก่ และดอกคัตเตอร์
นอกจากนี้ไฮไลท์ที่ทำให้สวนฟูจิ-ฟูใจเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวก็คือ การเนรมิตรฟูเขาไฟฟูจิขึ้นมาจากกินไม้โดยใช้โทนสีฟ้าและสีขาวให้เหมือนภูเขาไฟฟูจิสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ความสนใจจากนักท่องเที่ยวขึ้นไปถ่ายรูปกันอย่างคึกคัก นอกจากนี้ทางสวนฟูจิ-ฟูใจ ยังได้มีการเตรียมผลผลิตชุมชนของอำเภอวังน้ำเชียว เช่น ข้าวเกรียบเห็ด น้ำผลไม้ ไวน์ เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 28/11/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 33,250.00 | 33,350.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,154.00 | 32,654.64 | 33,850.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,938.60 | 29,389.18 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,723.20 | 26,123.71 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 969.00 | 14,690.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 754.00 | 11,430.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,232.00 | 33,837.12 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 28/11/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.05 | 36.05 | 36.55 | 36.05 | 36.05 | 36.05 | 36.05 | 36.05 | 36.05 | 36.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.28 | 34.28 | 34.78 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.94 | 33.94 | 34.44 | 33.94 | 33.94 | – | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.09 | 34.09 | – | – | – | – | – | – | – | 34.09 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 43.84 | 47.74 | 48.24 | 47.74 | – | – | – | – | – | 43.84 |
เบนซิน 95 | 43.94 | – | – | – | 45.11 | – | 44.44 | 44.09 | – | 43.94 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 44.94 | 43.64 | 42.94 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |