ของขวัญปีใหม่!อสังหาฯ ต่อมาตรการลดค่าโอน-จดจำนองอีก1ปี
ของขวัญปีใหม่! มติครม.ต่ออายุมาตรการลดค่าโอน/จดจำนอง ที่อยู่อาศัยปี67ลดค่าจดจำนอง จาก 1 % เหลือ 0.01 % ค่าโอนจาก 2 % เหลือ 1 % ให้คนซื้อบ้าน/คอนโดรวมถึงบ้านมือสอง ราคาไม่เกิน3ล้านบาทจนถึง31 ธ.ค.67 ผู้ประกอบการชี้ ยาสามัญประจําบ้านแค่รักษาอาการไม่ให้บอบช้ำ
วานนี้ ( 26 ธ.ค.) คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบการดำเนินมาตรการ/โครงการของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
มาตรการลดค่าโอน-จดจำนองปี 2567
มาตรการลดค่าธรรมเนียม จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย ปี 2567
มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยมาตรการดังกล่าวจะให้
ลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 2% เหลือ 1% ค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% (เฉพาะการโอนและจดจำนองในคราวเดียวกัน) สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัย ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ และห้องชุด (ทั้งบ้านมือ 1 และมือ 2) เฉพาะที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อสัญญา โดยไม่รวมถึงกรณีการขายเฉพาะส่วน ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567
นั่นหมายความว่า ผู้ที่ซื้อบ้านและคอนโดราคาไม่เกิน3ล้านบาทรวมถึงบ้านมือสอง ! จะการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 1% และการลดค่าจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากอัตราปกติที่ 1% เหลือ 0.01% โดยเริ่มตั้งแต่วันที่กฎหมายบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2567 ตกตัวอย่าง บ้านราคา 3ล้านบาท ปกติเสียค่าโอน 60,000บาท เสียค่าโอน 30,000บาท ค่าจดจำนองปกติเสีย30,000บาท เสียแค่300 บาท
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของผู้ประกอบการอสังหาฯ ระบุว่า การต่อมาตรการดังกล่าวช่วยได้ไม่มากแค่ไม่ให้บอบช้ำไปกว่านี้ ดีกว่าไม่ต่อเพราะยังไม่ได้มีมาตรการอะไรออกมาช่วย เพราะเป็นมาตรการต่อเนื่องที่กำลังจะหมดอายุ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์รวมไปถึงการจดจำนองกับธนาคารเฉพาะกับที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นเซกเมนต์ที่มีจำนวนซัพพลายมากสุดในตลาด ตั้งแต่ปี 2540 ทุกรัฐบาลที่ผ่านมีการใช้มาตรกรอสังหาฯกระตุ้นเศรษฐกิจ เปรียบเสมือนยาสามัญประจําบ้าน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ศุภาลัยแท็กทีมSCGสร้างบ้านปะการังจากคอนกรีตเหลือใช้ฟื้นฟูระบบนิเวศ
ศุภาลัย พร้อมพันธมิตร SCG และภาคีเครือข่ายสายกรีนนำ “บ้านปะการัง” ที่สร้างด้วยการขึ้นรูปด้วยเทคโนโลยี CPAC 3D จากเศษคอนกรีตเหลือใช้จากไซต์งานก่อสร้างติดตั้งใต้ท้องทะเลในพื้นที่เกาะสากจ.ชลบุรี หวังช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเล
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้เป็นหนึ่งในพันธมิตรสนับสนุนโครงการ “รักษ์ทะเล” ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อให้เกิดความรู้และความเข้าใจในนวัตกรรม ‘บ้านปะการัง’ ที่ขึ้นรูปด้วยเทคโนโลยี CPAC 3D Printing Solution ซึ่งมีความกลมกลืนกับธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล ที่ผ่านกระบวนการย่อยและคัดแยกในโครงการของศุภาลัย นำมาเป็นส่วนผสมผลิตปูนซีเมนต์ เพื่อช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลอย่างยั่งยืน
“ศุภาลัย” ได้ร่วมนำเศษคอนกรีตรีไซเคิลในกระบวนการก่อสร้าง ซึ่งเกิดจากนำลูกปูนที่ใช้ในการทดสอบกำลังอัดคอนกรีตจากหลายโครงการโซนจังหวัดชลบุรี มาเป็นส่วนผสมทดแทนหินปูน ทำให้สามารถสร้าง ‘บ้าน’ หรือฐานเกาะตัวอ่อนปะการังขนาดใหญ่ได้จำนวน 34 ชุด และเมื่อผลิตเสร็จแล้วจึงได้ร่วมดำเนินการจัดวาง ณ ใต้ท้องทะเลเกาะสาก จ.ชลบุรี
โดยหวังว่าการสร้างบ้านปะการังที่เกิดจากการสร้างดีของชาวศุภาลัยครั้งนี้ จะกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตของตัวอ่อนปะการัง และคืนความสมบูรณ์พร้อมรักษาสมดุลของระบบนิเวศแนวปะการังและสัตว์น้ำใต้ท้องทะเลไทยอย่างยั่งยืน
โดยหวังว่าการสร้างบ้านปะการังที่เกิดจากการสร้างดีของชาวศุภาลัยครั้งนี้ จะกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตของตัวอ่อนปะการัง และคืนความสมบูรณ์พร้อมรักษาสมดุลของระบบนิเวศแนวปะการังและสัตว์น้ำใต้ท้องทะเลไทยอย่างยั่งยืน
ศุภาลัย ดำเนินการธุรกิจควบคู่กับยึดหลักธรรมาภิบาล ทั้งในด้านคุณธรรม ความโปร่งใส การมีส่วนร่วมและรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งการคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ อีกทั้งยังนำคอนเซ็ปต์ ‘Built for Real Life บ้านที่คิดจากชีวิตจริง’ ที่เป็นหัวใจหลักของการสร้างที่อยู่อาศัย มาเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ โดยที่บริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนก็สามารถมีส่วนร่วมเพื่อสร้างสิ่งดีๆกลับคืนให้กับโลกนี้ไปด้วยกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 28ธ.ค.ที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาท อาจเริ่มชะลอการแข็งค่าลงบ้าง เนื่องจากผู้นำเข้า- ผู้เล่นในตลาดบางส่วนมองเงินบาทแข็งค่ารอจังหวะทยอยขายทำกำไรก่อนเข้าช่วงวันหยุดยาว
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 28ธ.ค.2566 ที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.38 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า เงินบาทได้แข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราได้ประเมินว่า แต่ก็ยังเป็นการแข็งค่าที่ไม่ห่างจากเป้าสิ้นปีของเราที่ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ไปมากนัก
ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา อาจเริ่มชะลอลงบ้าง เนื่องจากบรรดาผู้นำเข้า รวมถึงผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่มีสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่า) ในช่วงที่ผ่านมา อาจรอจังหวะเงินบาทแข็งค่าขึ้น เพื่อเข้าซื้อเงินดอลลาร์ และทยอยขายทำกำไรสถานะ Long THB ก่อนเข้าช่วงวันหยุดยาวได้ ทำให้เงินบาทก็อาจแข็งค่าไม่เกินโซน 34.10-34.20 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเรามองว่า นักลงทุนต่างชาติอาจรอจังหวะ ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้านเดิมในการทยอยขายทำกำไรได้ เช่นเดียวกันกับในฝั่งตลาดบอนด์ นักลงทุนต่างชาติก็มีโอกาสขายทั้งบอนด์ระยะสั้น ตามการทำกำไรสถานะ Long THB รวมถึงขายบอนด์ระยะยาว ในกรณีที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวมีการปรับตัวลดลงบ้าง ตามบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
ทั้งนี้ หากเงินบาทแข็งค่าหลุดโซนแนวรับที่เราประเมินไว้ จะเปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถแข็งค่าต่อเนื่องถึงโซนแนวรับสำคัญถัดไปที่ 34 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า ภาพดังกล่าวอาจจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ อาทิ ยอดการจ้างงานสหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคมปีหน้า
และที่สำคัญ เราขอเน้นย้ำอีกรอบว่า ควรระวังความผันผวนของค่าเงินบาทในช่วงบ่ายวันนี้ จากปริมาณธุรกรรมที่เบาบางพอสมควร อีกทั้งควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐฯ เช่นกัน
ในช่วงนี้ เราพบว่า ความผันผวนของเงินบาทยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.15-34.40 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาททยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราประเมินไว้ (แกว่งตัวในช่วง 34.26-34.45 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้านระยะสั้นไปได้ หลังจากบรรดาผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในปีหน้าตามที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่
ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ต่อเนื่อง ส่งผลให้ ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.14% ท่ามกลาง ความหวังว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในปีหน้าตามคาด หลังจากที่รายงานข้อมูลดัชนีภาคการผลิตและภาคการบริการโดยเฟดสาขาริชมอนด์ ได้สะท้อนภาพการชะลอตัวลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน อดีตประธานเฟดสาขาดัลลัส ก็ยังได้ให้ความเห็นว่า เฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยลงได้ในไม่ช้า เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession)
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ก็กลับมาปรับตัวขึ้น +0.21% จากบรรยากาศในตลาดการเงินที่อยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง อีกทั้งแนวโน้มการทยอยลดดอกเบี้ยลงของบรรดาธนาคารกลางหลัก ก็มีส่วนหนุนให้บรรดาหุ้นเทคฯ ต่างปรับตัวขึ้น อาทิ SAP +1.2%, Adyen +0.9%
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.80% ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยิ่งมั่นใจว่า เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยลงได้ราว 6 ครั้ง เริ่มตั้งแต่การประชุมเดือนมีนาคมปีหน้า ทว่า เราคงมุมมองเดิมว่า ควรระวังความเสี่ยงที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจพุ่งสูงขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้เราคงมองว่า บอนด์ยีลด์ได้เข้าสู่แนวโน้มขาลงแล้ว แต่ยังมีความผันผวนอยู่บ้าง ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเน้นกลยุทธ์ Buy on Dip และไม่ไล่ราคา โดยพยายามคำนึงถึง จุดคุ้มทุน หรือ Break-even เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนรวม หรือ Total Return ที่จะได้จากการถือครองบอนด์
ทางด้านตลาดค่าเงิน บรรยากาศในตลาดการเงินที่ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) กอปรกับมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังมั่นใจว่าเฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในปีหน้า ได้ส่งผลให้โดยรวม เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ย่อตัวลงสู่ระดับ 101 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 100.9-101.5 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทะลุโซนแนวต้าน 2,070 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้สำเร็จ ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นใกล้โซน 2,090 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่งผลให้บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างทยอยขายทำกำไรทองคำในโซนดังกล่าว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำก็มีส่วนช่วยให้เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงคืนที่ผ่านมา (และเป็นการแข็งค่ามากกว่าที่เราประเมินไว้พอสมควร)
สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ควรจับตา คือ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ โดยในช่วงนี้ที่บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังการลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ของเฟดในปีหน้า ไปพอสมควร ทำให้ต้องระวังในกรณีที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวออกมาดีกว่าคาดไปมาก จนทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้าได้
นอกจากนี้ เรามองว่า ควรระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงบ่ายของวันนี้ เนื่องจากปริมาณธุรกรรมจะเบาบางลงไปมาก ในช่วงก่อนวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 5 เดือนที่ 34.24 ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ และการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ท่ามกลางกระแสการคาดการณ์ของตลาดต่อแนวโน้มและจังหวะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (ตลาดคาดว่า อาจเกิดขึ้นเร็ว ซึ่งแตกต่างจากเฟดที่ได้ส่งสัญญาณว่า จะยืนดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะหนึ่ง)
นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นด้วยเช่นกัน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ เบื้องต้นคาดไว้ที่ 34.15-34.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดและเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของไทย การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
พี่เสนอผมก็สนอง! “เสกสรร” รับคำท้าแลกเดือด “เลียม” ไฟต์อำลาสังเวียนพิกัด 140 ป.
“เสกสรร อ.ขวัญเมือง” ไม่รอช้า ขอตอบรับคำท้า “เลียม แฮร์ริสัน” พร้อมแลกเดือดให้สาแก่ใจในไฟต์อำลาสังเวียนของนักสู้จอมเก๋าจากเกาะอังกฤษ
กลายเป็นประเด็นฮือฮาที่เรียกความสนใจจากแฟนมวยทั่วโลก หลัง “เลียม แฮร์ริสัน” สุดยอดนักชกจอมเก๋าวัย 38 ปี จากแดนผู้ดี โพสต์ผ่านบัญชี X ส่วนตัว liam harrison ระบุว่าตนต้องการดวลเดือดกับ “เสกสรร อ.ขวัญเมือง” ในไฟต์อำลาสังเวียน จนมีแฟนมวยเข้ามาคอมเมนต์และแชร์ออกไปอย่างมหาศาล เพื่อหวังช่วยให้ความต้องการครั้งสุดท้ายบนเส้นทางนักสู้ของ “เลียม” เกิดขึ้นจริง
โดยปรากฏว่าหลังจากโพสต์ไปได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง แฟนมวยทั่วโลก รวมถึง “เลียม” ก็ได้เฮกันสนั่น เมื่อ “เสกสรร” ออกมาเคลื่อนไหวผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว seksan_or_kwanmuang999 ด้วยการโพสต์ภาพสารท้ารบของ “เลียม” พร้อมเขียนข้อความว่า “ผมพร้อมจะแลกเดือดกับคุณแน่นอน ถ้าคุณยินดีขึ้นชกในพิกัด 140 ป.”
ซึ่ง “เลียม” ก็ไม่รอช้ารีบเข้ามาคอมเมนต์ใต้โพสต์ว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก พิกัด 140 ป. ไม่ใช่ปัญหา แล้วเจอกันปีหน้าครับ”
ล่าสุด “เสกสรร” ที่ปัจจุบันกำลังพาครอบครัว เดินทางไปพักผ่อนรับลมหนาวที่จ.เชียงใหม่ ได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุที่เลือกตอบรับคำท้าของ “เลียม” และแสดงความมั่นใจว่าหากไฟต์นี้เกิดขึ้นจริง เกมการชกจะต้องออกมาเดือด ถึงขั้นต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องลงไปกองบนเวที
“ตั้งแต่ผมเข้ามาชกใน ONE ลุมพินี เลียม เขาก็โพสต์ทำนองอยากจะดวลกับผมมาหลายครั้งแล้วครับ แต่ครั้งนี้ผมเห็นเขาบอกว่าไม่อยากเจอกับใครจริงๆ เขาอยากเจอแค่ผมคนเดียว ผมเลยจัดให้ตามคำขอครับ ผมเสนอไปที่พิกัด 140 ป. และเขาก็เข้ามาตอบกลับใต้โพสต์ของผมว่าพร้อมเจอในพิกัดนี้เหมือนกัน”
“ผมเคยเห็นฟอร์มการชกของ เลียม มาหลายไฟต์แล้ว เขาเป็นนักชกสไตล์บู๊ดุเดือดเหมือนกับผมครับ ถ้า ONE ทำให้ไฟต์นี้เกิดขึ้นได้จริง ผมบอกเลยว่าจะต้องเดือดมากแน่นอน และอาจจะมีถึงขั้นไม่ครบยกได้เลยครับ”
สำหรับ “เสกสรร” เพิ่งทำสถิติไร้พ่ายตลอดทั้งปีให้กับตัวเอง ด้วยการเก็บชัยไฟต์ที่ 8 ติดต่อกัน หลังเบียดเอาชนะคะแนนไม่เอกฉันท์ “ริเวอร์ แดซ” ไปอย่างสนุกสุดมัน ในศึกใหญ่ส่งท้ายปี ONE ลุมพินี 46 เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนไฟต์การพบกันระหว่าง “เสกสรร vs เลียม” จะมีโอกาสเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แฟนมวยทั่วประเทศสามารถติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของ ONE ได้ที่เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand, เว็บไซต์ www.onefc.com และอินสตาแกรม ONEChampTh
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
3 ประโยชน์ดีๆ ที่ผู้ชายควรนั่งปัสสาวะ
การยืนปัสสาวะ หรือยืนฉี่ถือเป็นพฤติกรรมปกติ และความเคยชินสำหรับคุณผู้ชาย แต่ทราบหรือไม่ว่าการนั่งฉี่นั้นถูกสุขลักษณะและมีประโยชน์มากกว่า และนี่คือเหตุผลที่ผู้ชายควรนั่งปัสสาวะ
1.ความผ่อนคลาย น่าเสียดายที่การพักเพื่อเข้าห้องน้ำนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว และทำให้เราไม่ได้พักจริงๆ เสมอไป ดังนั้นการนั่งปัสสาวะจึงถือเป็นความผ่อนคลายที่คุณจะได้นั่งลงเพื่อพักจริงๆ
2.คุณสามารถปัสสาวะออกมาทั้งหมดได้ ชายหนุ่มส่วนใหญ่จะสามารถปัสสาวะขณะลุกขึ้นยืนได้ดีพอๆ กับที่พวกเขานั่ง แต่สำหรับผู้ชายบางคนบางครั้งการนั่งลงอาจเป็นวิธีเดียวที่พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาสามารถปัสสาวะออกมาได้หมด
3.คุณสามารถปัสสาวะได้แบบไม่มีเสียง ไม่มีอะไรผิดหากคุณจะรู้สึกภูมิใจกับการปัสสาวะแล้วมีเสียงดัง ซึ่งคุณสามารถทำได้ขณะยืนเข้าห้องน้ำ แต่นอกจากจะทำให้ห้องน้ำเลอะเทอะแล้ว เสียงปัสสาวะของคุณอาจรบกวนคนอื่นในตอนกลางคืนได้ โดยเฉพาะคนสำคัญหรือเพื่อนของคุณหลับอยู่
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Noun คํานามภาษาอังกฤษ มีอะไรบ้าง?
Noun คำนามภาษาอังกฤษ
Noun คืออะไร?
Noun คือ คำนามภาษาอังกฤษ เป็นส่วนหนึ่งของประโยค ที่ใช้เพื่อระบุชื่อของคน สถานที่ สิ่งของ ความคิดเห็น หรือความเป็นไป เป็นต้น Noun ใช้เรียกชื่อสิ่งต่าง ๆ ในโลกที่เราอยู่ เช่น “cat” (แมว), “house” (บ้าน), “friend” (เพื่อน), “love” (ความรัก), และ “idea” (ความคิด) เป็นต้น การเรียนรู้คำนามเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ Noun เป็นส่วนหนึ่งของ Parts of Speech ซึ่งเป็นพื้นฐานแกรมม่า ในการเรียนภาษาอังกฤษ ที่ผู้เรียนควรรู้
สรุป Noun สั้นๆ เข้าใจง่าย
หลักการใช้ Noun แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดังต่อไปนี้
1. Common Noun (นามทั่วไป)
Common Noun เป็นคำนามที่ใช้เรียก คน, สัตว์, สิ่งของ, สถานที่ทั่วๆ ไป, ความคิด, โดยไม่เฉพาะเจาะจง สรุป คือ คำนามทั้งหลายที่ไม่ใช่ Proper nouns (คำนามชี้เฉพาะ) เป็นคำนามทั่วไป เช่น
• คน /สัตว์ / สิ่งของ
girl, dog, pen, table, water, sugar, atom, woman
• สถานที่
temple, post office, road, stadium, school, company
• เหตุการณ์
revolution, journey, meeting
• ความรู้สึก
fear, hate, love
• เวลา
year, minute, millennium
Common Nouns เป็นได้ทั้ง นามนับได้ (Countable) และนามนับไม่ได้ (Uncountable)
1.1 คำนามนับได้ (Countable Noun)
เป็นคำนามที่สามารถนับจำนวนได้ มี 2 รูป คือ เอกพจน์และพหูพจน์
– การใช้นามนับได้เอกพจน์ (Singular) ต้องนำหน้าด้วย article ‘a/an’
a ใช้กับคำที่ขั้นต้นด้วยพยัญชนะ เช่น a book, a pencil, a cat, a table, a knife
an ใช้กับคำที่ขึ้นต้นด้วยสระ a, e, i, o, u เช่น an umbrella, an apple, an owl
– การใช้นามนับได้พหูพจน์ (Plural) อาจจะนำหน้าด้วย articles หรือไม่ก็ได้ เช่น
I like to feed the birds. (เฉพาะเจาะจง ต้องมี articles ‘the)
Cats are interesting pets. (ไม่เฉพาะเจาะจง ไม่ต้องมี article)
1.2 คำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun)
เป็นคำนามที่ไม่สามารถนับได้โดยใช้เลขบอกจำนวน
เช่น rice, sugar, money, water การบอกจำนวนของคำนามนับไม่ได้ สามารถบอกได้ในรูปของภาชนะที่ใช้เก็บสิ่งนั้น เช่น a cup of coffee, a bag of sugar, a bottle of Coke, a bowl of cereal หรือใช้ some, any นำหน้าคำนามนับไม่ได้
2. Proper Nouns (คำนามชี้เฉพาะ)
Proper Nouns เป็นคำนามที่เป็นชื่อเฉพาะของ Common Noun จะต้องขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่เสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของประโยค เช่น
• ชื่อคน (Person Name)
เช่น Daniel, John, Lisa
• ชื่อสถานที่ (Place Name)
เช่น Japan, Bangkok, Sukhumvit Road, Siam Paragon
• ชื่อบอกเวลา (Time name)
เช่น Sunday, January, Christmas
Proper Nouns ปกติจะไม่มี determiner นำหน้า นอกจากอยู่ในรูปของพหูจน์ เช่น the Jones (ครอบครัวโจนส์), the United States, the Himalayas แต่บางคำนามที่ไม่ได้อยู่ในรูปพหูพจน์ก็มี determiner นำหน้า เช่น The White House, the Sahara, the Pacific ( Ocean ), the Vatican, the Kremlin
3. Collective noun (สมุหนาม)
Collective noun เป็นคำนามที่บ่งบอกถึงการรวมตัวกันของคำนาม เช่น กลุ่ม กอง คณะ หมู่ ฝูง ของสมาชิกในกลุ่มนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ คนหรือสัตว์ เช่น
• ดอกไม้ 1 ช่อ (a bouquet of flowers)
• กุหลาบ 1 แปลง (a bed of roses)
• นกนางนวล 1 ฝูง (a flock of seagulls)
• เด็กนักเรียน 1 กลุ่ม (a group of schoolchildren)
4. Material noun (วัตถุนาม)
Material noun คำนามที่เป็นชื่อของวัตถุหรือวัสดุ เช่น แร่ธาตุ
• สิ่งที่มาจากธรรมชาติ (material nouns from nature)
เช่น water, air, silver, gold, iron
• สิ่งที่มาจากสัตว์ (material nouns from animals)
เช่น egg meat honey milk wool
• สิ่งที่มาจากพืช (material nouns from plants)
เช่น cotton oil wood coffee tea
• สิ่งที่มนุษย์เป็นผู้ผลิตขึ้น (man made material nouns)
เช่น acid alcohol butter cheese
5. Abstract noun (คำนามนามธรรม )
คำนามนามธรรม หรือ อาการนาม ใช้บอกสภาวะ, การกระทำ, คุณสมบัติ, ความคิด
5.1 คำนามที่มาจาก verb
• to decide —> decision การพิจารณา
• to arrive–>arrival การมาถึง
• to imagine –> imagination การจินตนาการ
• to prefer –>preferrence ความพึงพอใจ
5.2 คำนามที่มาจาก adj.
• able –> ability ความสามารถ
• deep –>dept ความลึก
• beautiful –> beauty ความสวย
• happy–> happiness ความสุข
5.3 คำนามที่มาจาก noun
• child –> childhood วัยเด็ก, ความเป็นเด็ก
• friend –> friendship มิตรภาพ
• neighbor –> neighborhood ความเป็นเพื่อนบ้าน
• mother –> motherhood ความเป็นแม่
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
ข่าวดี! Microsoft Copilot สามารถใช้ได้กับมือถือ Android แล้ววันนี้
หลังจาก Microsoft เปิดตัว “Copilot” มาสักพักหนึ่ง ซึ่งเป๋นระบบ AI ที่สามารถช่วยทำงานได้หลากหลาย ในที่สุดโปรแกรมนี้นอกจากใช้ได้ผ่าน Microsoft Edge เว็บบราเซอร์ดังของ Microsoft แล้ว ยังมีการปล่อยบน Android แบบเงียบๆ ให้ได้ใช้งาน
สำหรับหน้าตาของ Apps Copilit นั้นจะค้ลายกับโปรแกรมของ ChatGPT ซึ่งสามารถถามตอบ และยังสามารถสร้างสิ่งต่างๆได้ทั้ง การสร้างโมเดล ให้น้องเขาวาดตัวการ์ตูน DALL-E3, สร้างจดหมายหรือรายงานและยังรองรับกับระบบ GPT-4 เพียงแต่ถ้าใครจะใช้มีข้อจำกัดคือ
- ต้องมีบัญชี Microsoft Account (อีเมล Hotmail, Outlook ที่เกี่ยวข้องเป็นต้น)
- ใช้ได้กับ Android เวอร์ชั่น 11 ขึ้นไป เก่ากว่านี้ไม่ได้ และ iOS รอไปก่อน เพราะต้องรอการพัฒนาให้สมบูรณ์
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สับปะรด ผลไม้อร่อย หวานฉ่ำ ประโยชน์ล้ำ พร้อมวิธีกินให้ได้สุขภาพ
ถ้าเอ่ยถึงผลไม้ที่มีหลายตา เชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึงชื่อสับปะรดเป็นลำดับต้นๆ นอกจากผลไม้ชนิดนี้จะมีรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น ให้รสชาติเปรี้ยวหวานและมีกลิ่นหอมแล้ว ยังจัดเป็นผลไม้ที่ให้คุณประโยชน์แก่ร่างกายมากมายอีกด้วย วันนี้เราจึงหยิบเอาประโยชน์ต่างๆ ที่ได้จากการกินสับปะรด พร้อมทั้งวิธีการกินผลไม้ชนิดนี้เพื่อสุขภาพมาฝากทุกคนกันค่ะ
1.ชะลอวัยและลดเลือนริ้วรอย
สับปะรดมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและยังมีความสามารถในการสังเคราะห์คอลลาเจนด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่การทานสับปะรดช่วยชะลอวัยและลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณและลดการผลิตสารเมลานิน ทำให้ผิวแลดูกระจ่างใส
2.ต้านอนุมูลอิสระ
อย่างที่ทราบกันดีว่าการทานสับปะรดช่วยต้านอนุมูลอิสระ จึงมีส่วนช่วยต้านมะเร็งบางชนิดได้ เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งสารชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ได้ดี
3.ลดระดับคอเลสเตอรอล
เนื้อของสับปะรดอุดมไปด้วยกากใยสูง แถมยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและลดระดับไขมันเลวได้ดีเลยทีเดียว จึงแนะนำให้สาวๆ หมั่นทานผลไม้ชนิดนี้เพื่อลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย
4.ควบคุมน้ำหนักได้ดี
นอกจากเนื้อสับปะรดจะมีปริมาณกากใยสูงแล้ว ยังมีส่วนช่วยปรับความสมดุลของระบบย่อยอาหารได้อีกด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่สาวๆ หลายคนเลือกควบคุมน้ำหนักด้วยการทานสับปะรดกันเป็นจำนวนมาก
5.เพิ่มพลังงานในร่างกาย
วันไหนที่รู้สึกเหนื่อยล้าหรือร่างกายอ่อนเพลีย และไม่สดชื่นเหมือนทุกๆ วัน แนะนำให้ทานสับปะรด 2-3 ชิ้น จะรู้สึกถึงความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้มีส่วนช่วยเพิ่มพลังงานในร่างกายนั่นเอง
6.ลดการอักเสบ
ในส่วนของนักวิ่งหรือนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บทางกล้ามเนื้อ แนะนำให้ทานสับปะรดเพื่อบรรเทาอาการ เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีส่วนช่วยลดการอักเสบได้ดี
7.ลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ
หนึ่งในคุณสมบัติที่น่าสนใจของสับปะรดก็คือ ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ ถือเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ดีต่อหัวใจเลยทีเดียว
8.ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ
โพแทสเซียมที่อุดมอยู่ในสับปะรดช่วยป้องกันการปวดกล้ามเนื้อได้ดี ซึ่งคุณสมบัติในข้อนี้จึงมีความคล้ายกับการทานกล้วยซึ่งอุดมไปด้วยโพแทสเซียมและช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อด้วยเช่นกัน
9.ลดอาการปวดประจำเดือน
โพแทสเซียมในสับปะรดยังมีส่วนช่วยลดอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะในช่วงของการมีประจำเดือน การทานสับปะรดจะช่วยลดอาการปวดได้ดี
10.ใช้ในการห้ามเลือด
ผลดิบของสับปะรด มีส่วนช่วยในการห้ามเลือด ช่วยฆ่าพยาธิ และลดอาการทางเดินปัสสาวะขัดได้ดีอีกด้วย
กินสัปปะรดอย่างไรไม่ทำลายสุขภาพ
1.ก่อนทานสับปะรด ควรหั่นเนื้อและแกนกลางของมันด้วย จะช่วยให้ร่างกายได้รับคุณประโยชน์สูงสุด
2.หลังปอกเปลือกเสร็จ ให้แช่สับปะรดในน้ำเกลือประมาณ 2-3 นาที เพื่อลดการเกิดปฏิกิริยากับอวัยวะในช่องปาก ไม่ทำให้แสบลิ้นง่าย
3.ไม่ควรทานสับปะรดในขณะที่ท้องว่า เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
4.ไม่แนะนำให้ทานสับปะรดดิบ เนื่องจากสับปะรดดิบมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายแรง
จะเห็นได้ว่าสับปะรดซึ่งเป็นผลไม้ที่สาวๆ หลายคนชื่นชอบนั้นให้ประโยชน์ที่น่าสนใจมากมายเลยทีเดียว ดังนั้นสาวๆ จึงควรให้ความสำคัญกับการทานอาหารให้หลากหลาย พร้อมทั้งการทานผักผลไม้ทุกวัน จะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สวิตฯ คว้าอันดับ 1 ประเทศดีที่สุดในโลกปี 2023 ไทยอยู่อันดับ 29
เว็บไซต์ usnews จัดอันดับประเทศที่ดีที่สุดในโลก โดยพิจารณาจากคุณภาพชีวิต การประกอบธุรกิจ มรดกทางวัฒนธรรม และอิทธิพลต่อโลก สวิตเซอร์แลนด์ครองอันดับ 1 ประเทศที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2023 ส่วนประเทศไทยติดอันดับ 29 จาก 87 ประเทศ โดยโดดเด่นเรื่องการท่องเที่ยว
5 อันดับแรกประเทศที่ดีที่สุดในโลกปี 2023
1.สวิตเซอร์แลนด์ เป็นประเทศขนาดเล็กที่มีทั้งธรรมชาติอันสวยงาม ร่ำรวย รักษาความเป็นกลางมาอย่างยาวนาน จากประวัติศาสตร์ถือว่าการสร้างประเทศนั้นเกิดจากการรวมตัวเพื่อป้องกันภัย และกลายเป็นประเทศที่เป็นอิสระ มีความมั่นคง สงบสุข และมีความก้าวหน้า อีกทั้งเศรษฐกิจยังแข็งแกร่งมีการว่างงานต่ำ แรงงานทักษะสูง ฯลฯ
2.แคนาดา เป็นดินแดนกว้างใหญ่ ธรรมชาติงดงาม ผู้คนเป็นมิตร อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ภูมิใจในความหลากหลาย แต่ก็เผชิญกับความท้าทายในการสร้างความสามัคคีในสังคมที่มีความแตกต่างทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม และภาษา อีกทั้งยังเป็นดินแดนแห่งศิลปิน ประวัติศาสตร์ และระบบปกครองที่ผสมผสานความเป็นประชาธิปไตยกับสถาบันกษัตริย์
3.สวีเดน ดินแดนไวกิ้ง ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสแกนดิเนเวีย ประวัติศาสตร์ยาวนาน ธรรมชาติงดงาม และสังคมคุณภาพ ชวนมาสัมผัสวิถีชีวิตแห่งสวีเดน สวีเดนสามารถแปลงโฉมจากดินแดนนักรบ เป็นผู้นำด้านสันติภาพ สิทธิมนุษยชน ระบบสวัสดิการดีเยี่ยม และยังใส่ใจสิ่งแวดล้อม จนก้าวเป็นประเทศต้นแบบที่น่าชื่นชม
4.ออสเตรเลีย ดินแดนเก่าแก่ เคยเป็นอาณานิคม สู่การปกครองตนเอง ระบบรัฐสภาผสม มกุฎราชินี ประเทศผู้นำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก วัฒนธรรมออสเตรเลียผสมผสานจากหลายเชื้อชาติ และมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง อายุขัยเฉลี่ยของประชากรค่อนข้างสูง และเมืองใหญ่ๆ มักติดอันดับเมืองน่าอยู่อาศัย ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนการแต่งงานเพศเดียวกันในขณะเดียวกัน ประชาชนออสเตรเลียยังตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี
5.สหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีความสำคัญทั้งทางเศรษฐกิจ การทหาร และวัฒนธรรม โดยมีอิทธิพลอย่างมากทั่วโลก เป็นประเทศที่มีความโดดเด่นทั้งทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และทรัพยากรธรรมชาติ สหรัฐอเมริกา เป็นดินแดนแห่งความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม และสื่อบันเทิงระดับโลก
สำหรับประเทศไทยอยู่อันดับที่ 29 จากทั้งหมด 87 ประเทศ สำหรับประเทศไทยนั้นถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แม้ว่ารายได้จากการท่องเที่ยวจะคิดเป็นเพียง 7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศก็ตาม
ประเทศไทยมีชื่อเสียงในเรื่อง “ดินแดนแห่งรอยยิ้ม” ที่เต็มไปด้วยพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ เมืองใหญ่ที่คึกคักทันสมัย ตั้งคู่กับซากปรักหักพังโบราณ ชายหาดที่งดงาม และวัดวาอารามอันวิจิตรตระการตา นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นต้นตำรับของการนวดไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และอาหารรสเลิศที่ผสมผสานรสชาติ หวาน เปรี้ยว เค็ม ขม เผ็ด ได้อย่างลงตัว
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 28/12/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 33,700.00 | 33,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,183.00 | 33,094.28 | 34,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,964.70 | 29,784.85 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,746.40 | 26,475.42 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 982.00 | 14,887.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 764.00 | 11,582.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,262.00 | 34,291.92 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 28/12/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.55 | 35.55 | 35.85 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 33.78 | 33.78 | 34.08 | 33.78 | 33.78 | 33.78 | 33.78 | 33.78 | 33.78 | 33.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.44 | 33.44 | 33.74 | 33.44 | 33.44 | – | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.59 | 33.59 | – | – | – | – | – | – | – | 33.59 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 42.94 | 47.24 | 49.74 | 47.24 | – | – | – | – | – | 42.94 |
เบนซิน 95 | 43.44 | – | – | – | 44.61 | – | 43.94 | 43.59 | – | 43.44 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.24 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 45.94 | 43.64 | 43.64 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |