คนยุคใหม่ พร้อมมี ‘บ้าน’แค่ไหน? ในยุค ‘เงินเฟ้อ’
เกาะติด ‘การค้นหาบ้าน’ ของคนยุคใหม่ วัยทำงาน Gen Y เมื่อเศรษฐกิจ ติดหล่ม ‘เงินเฟ้อ’ – ‘หนี้เสีย’ พุ่ง แล้ว ผู้บริโภค กลุ่มมิลเลนเนียล จะพร้อมมีบ้านแค่ไหน ?
27 มิถุนายน 2565 – ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (www.ddproperty.com) รายงานว่า ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียล (Millennials) หรือ Gen Y มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ทั้งจากการเป็นวัยทำงาน มีกำลังซื้อสูง รวมทั้งเป็นช่วงวัยที่เริ่มเป็นเจ้าของทรัพย์สินมูลค่าสูงอย่างรถหรือบ้าน แต่ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ถาโถมมากระทบกำลังซื้อในยุคนี้ ก็ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลมีหนี้สะสมและหนี้เสียสูงที่สุดเช่นกัน จึงเป็นคำถาม แล้วตอนนี้กลุ่มมิลเลนเนียลยังอยากมีบ้านหรือไม่? พร้อมเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยมากแค่ไหน?
เจาะ Gen Y ของไทย หนี้่เสียสะสม 3 แสนล้าน
ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียล (Millennials) หรือ Gen Y (ผู้ที่เกิดช่วงปี พ.ศ. 2527–2539) เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยข้อมูลจาก MSCI เผยว่าปัจจุบันทั่วโลกมีประชากรกลุ่มนี้กว่า 1.8 พันล้านคน คิดเป็น 23% ของประชากรทั่วโลก โดยในทวีปเอเชียมีประมาณ 1.1 พันล้านคน หรือคิดเป็น 24% ของประชากรในภูมิภาค ขณะที่ข้อมูลจากสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ณ เดือนพฤษภาคม 2565 รายงานว่ามีประชากรไทยในช่วงวัยดังกล่าวกว่า 12 ล้านคนจากประชากรในประเทศกว่า 64 ล้านคน (แยกตามจำนวนประชากรที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านและมีสัญชาติไทย)
ซึ่งน่าจับตามองในด้านบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ทั้งจากการเป็นวัยทำงาน มีความต้องการและมีกำลังซื้อสูง รวมทั้งเป็นช่วงวัยที่เริ่มเป็นเจ้าของทรัพย์สินมูลค่าสูงอย่างเช่น รถยนต์ คอนโดมิเนียม หรือบ้าน
ข้อมูลจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เผยว่า ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลถือเป็นกลุ่มที่มีหนี้สะสมและหนี้เสียสูงที่สุด โดยมียอดหนี้รวมทั้งประเทศจากกลุ่มนี้ถึง 4.5 ล้านล้านบาท และมีอัตราการเป็นหนี้เสียสะสม 3 แสนล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าแม้จะมีกำลังซื้อสูง แต่ภาระหนี้สินก็สูงตามไปด้วย ท่ามกลางความท้าทายทางการเงินจากปัจจัยแวดล้อมที่รุมเร้าในขณะนี้
ส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลต้องปรับแผนการเงินในยุคเงินเฟ้อให้รัดกุมมากขึ้น ซึ่งรวมถึงวางแผนการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยอย่างรอบคอบ แม้ตอนนี้จะถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมในการซื้อบ้าน/คอนโดฯ เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการสนับสนุนการซื้อที่อยู่อาศัยจากภาครัฐ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสภาพคล่องทางการเงิน รวมทั้งราคาวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ยังเป็นปัจจัยสำคัญหลัก ๆ ที่กลุ่มมิลเลนเนียลต้องพิจารณา
เจาะไลฟ์สไตล์ บ้านแบบไหนตอบโจทย์?
ทั้งนี้ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) อัปเดตเทรนด์ความต้องการที่อยู่อาศัยผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลในยุคนี้ เผยข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตและแนวคิดแผนการเงินที่เปลี่ยนไป เมื่อเผชิญภาวะเศรษฐกิจเปราะบางและเงินเฟ้อยังพุ่งสูง ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลยังพร้อมมีบ้านเป็นของตนเองมากแค่ไหน
- โฟกัสเงินสำรองฉุกเฉิน
หวังสร้างความมั่นคงทางการเงิน สถานะทางการเงินของผู้บริโภคยังคงสั่นคลอนอย่างต่อเนื่อง นอกจากโควิด-19 จะส่งผลให้เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวในอนาคตอันใกล้ เมื่อผนวกกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทำให้ราคาสินค้าและพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น พร้อมกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่อง จึงกลายเป็นความท้าทายที่ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องเตรียมแผนการเงินให้พร้อมรับมือทุกสถานการณ์
โดยเฉพาะในกลุ่มมิลเลนเนียลซึ่งอยู่ในช่วงวัยที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ทำให้การวางแผนใช้จ่ายในช่วง 1 ปีข้างหน้าของกลุ่มมิลเลนเนียลส่วนใหญ่ให้ความสำคัญไปที่การสร้างความมั่นคงทางการเงินมากที่สุด
โดยมากกว่าครึ่ง (57%) ต้องการเก็บเงินไว้เป็นกองทุนเงินสำรองฉุกเฉิน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดในอนาคต ตามมาด้วยนำไปใช้จ่ายภายในครอบครัว (47%) และออมเงินเพื่อนำไปชำระหนี้ที่ค้างอยู่ (45%) ด้านการออมเงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยนั้นได้รับความสนใจมาเป็นอันดับสี่ (39%) สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มมิลเลนเนียลยังต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย เพียงจัดลำดับความสำคัญในการใช้จ่ายและรอให้มีความพร้อมทางการเงินมากพอเสียก่อน
- “ห่วงพ่อแม่–ขาดสภาพคล่อง-ครองความโสด”
เหตุผลหลักที่ไม่ย้ายออก เมื่อพูดถึงความพร้อมในการย้ายออกไปซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองนั้น พบว่าภายในหนึ่งปีข้างหน้ามากกว่าครึ่งของผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลยังไม่พร้อมย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ (54%) เช่นเดียวกับข้อมูลจากแบบสอบถามฯ รอบก่อน โดยมีเหตุผลสำคัญคือต้องการดูแลพ่อแม่อย่างใกล้ชิด (36%) สะท้อนให้เห็นว่าแม้คนรุ่นใหม่จะมีแนวคิดสมัยใหม่ตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไป แต่การปลูกฝังความกตัญญูในสังคมไทยยังคงอยู่
นอกจากนี้เป็นประเด็นมีเงินเก็บไม่มากพอที่จะเช่าหรือซื้อที่อยู่อาศัยที่ต้องการได้ (34%) เนื่องจากความท้าทายทางเศรษฐกิจและปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ล้วนส่งผลกระทบต่อการเงินโดยตรง ตามมาด้วยยังไม่ได้แต่งงาน (30%) จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ ซึ่งเทรนด์การครองตัวเป็นโสดนี้กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น เห็นได้จากข้อมูลสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครองเผยว่า ในปี 2564 มีสถิติการจดทะเบียนสมรสทั่วประเทศเพียง 240,979 คู่ ลดลงจากปี 2563 ที่มีการจดทะเบียนสมรสถึง 271,352 คู่ และ 328,875 คู่ในปี 2562
- หวังภาครัฐลดหย่อนภาษี กระตุ้นคนซื้อบ้าน
มาตรการจากภาครัฐ 3 อันดับแรกที่กลุ่มมิลเลนเนียลต้องการคือ มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้าน ตามมาด้วยการปรับระเบียบข้อบังคับภาครัฐที่ช่วยให้เข้าถึงสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้น และมาตรการควบคุมราคาที่อยู่อาศัยที่บังคับใช้โดยภาครัฐ ซึ่งมาตรการเหล่านี้ไม่เพียงจะช่วยส่งเสริมให้กลุ่มมิลเลนเนียลที่อยากมีบ้าน/คอนโดฯ ได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยสมใจแล้ว ยังกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง นอกจากนี้ เมื่อเจาะลึกถึงรูปแบบอสังหาฯ ที่กลุ่มมิลเลนเนียลต้องการซื้อนั้นมีความคล้ายคลึงกับผู้บริโภคช่วงวัยอื่น
โดยบ้านเดี่ยวได้รับความนิยมมากที่สุด ตามมาด้วยคอนโดฯ ส่วนอันดับ 3 เป็นที่ดิน ต่างจากช่วงวัยอื่นที่สนใจซื้อทาวน์เฮ้าส์ สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มมิลเลนเนียลได้ศึกษาข้อมูลการลงทุนอสังหาฯ มากขึ้น เนื่องจากที่ดินเปล่านั้นมีจุดเด่นตรงที่ความเสี่ยงต่ำและมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในยุคเงินเฟ้อ
- ร่วมลดมลพิษด้วยรถยนต์ไฟฟ้า
มาตรการสนับสนุนให้มีการใช้และผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศ เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น นอกจากจะช่วยลดมลพิษในอากาศแล้วยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันในช่วงที่ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นได้เป็นอย่างดี ดังนั้น นอกจากที่อยู่อาศัยในฝันจะมาพร้อมฟังก์ชั่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว
กลุ่มมิลเลนเนียลยังคำนึงถึงความพร้อมหากต้องการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตอีกด้วย โดยมากกว่า 2 ใน 3 ของกลุ่มมิลเลนเนียลเผยว่า ยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อบ้าน/คอนโดฯ ที่มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นในกลุ่มที่มีรายได้สูง
นอกจากนี้ ความช่วยเหลือในการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าที่คาดหวังจากภาครัฐและผู้พัฒนาอสังหาฯ คือ การเข้าถึงจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครอบคลุมทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและห้างสรรพสินค้าใหม่ทั้งหมด รวมไปถึงเพิ่มความพร้อมในการให้บริการจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในที่จอดรถสาธารณะและที่จอดรถส่วนตัว ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าราบรื่นและสะดวกยิ่งขึ้น ลดอุปสรรคเมื่อต้องการชาร์จไฟระหว่างเดินทาง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ราคาที่ดิน 2565 “สยามสแควร์”ยังแชมป์ ที่ดินแพงพุ่งตารางวาละ3.5ล้าน
เปิดราคาที่ดิน 2565 “สยามสแควร์”ยังแชมป์ ที่ดินแพง วาละ3.5ล้าน สถานีสยามรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว AREAประเมิน มีความเคลื่อนไหวพัฒนา ต่อเนื่อง ขณะจุฬาฯพลิกโฉม ใหม่63ไร่ สยามสแควร์ทุบทิ้งโรงหนังสกาลาเก่าให้ CPNเข้าพื้นที่พัฒนาย่านช็อปปิ้งระดับโลก
ราคาที่ดิน2565 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยบริษัทเอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA)ประเมินราคาที่ดินปี2565 ยังพบความเคลื่อนไหวการขยับขึ้นของราคาที่ดินต่อเนื่อง
โดยทำเลแชมป์ราคาที่ดินสูงสุดในประเทศไทย ปี2565นี้ ยังคงเป็นสยามสแควร์ สถานีสยามรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ราคาที่ดินอยู่ที่ 3.5 ล้านบาทต่อตารางวา จากเดิมที่เคยประเมินไว้ที่3.3ล้านบาทต่อตารางวาส่งผลให้ ย่านศูนย์กลางเมืองของกรุงเทพมหานคร ทั้งเพลินจิต ชิดลม นานาราคาที่ดินขยับตามที่3.3ล้านบาทต่อตารางวา
สำหรับสาเหตุที่สยามสแควร์มีอัตราการปรับขึ้นของราคาที่ดินสวนทางเศรษฐกิจชะลอตัวสถานการณ์โควิด และแผ่รัศมีไปยังพื้นที่ใกล้เคียง เกิดจาก
สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหรือ PMCU มีการขยับพัฒนาพื้นที่ต่อเนื่อง ทั้งนี้จากการบอกเล่าของ PMCUล่าสุด ระบุว่า ได้มีการปรับโฉมสยามสแแควร์ทั้ง63ไร่ ให้เป็น พื้นที่เชิงพาณิชย์สมัยใหม่และเปิดใช้พื้นที่มิกซ์ยูสโครงการพัฒนารูปแบบผสมผสานสยามสเคป(SIAMCAPE) เป็นแลนด์มาร์คใหม์สยามแควร์ศูนย์กลางช็อปปิ้งโลก
แบ่งพื้นที่ขายเป็นซุ้มกลางแจ้งมีการเข้าพื้นที่ทำกิจกรรมต่อเนื่อง ที่สำคัญบริเวณพื้นที่ของโรงหนังสกาลา เนื้อที่7ไร่เศษ ได้ทุบทิ้งเคลียร์พื้นที่เพื่อเตรียมก่อสร้างศูนย์การค้าขนาดย่อมของบริษัทเซ็นทรัลพัฒนาจำกัด(มหาชน)หรือCPN
ส่งผลให้แยกปทุมวันร้อนแรงต่อเนื่อง จากความได้เปรียบที่เป็นแหล่งรวมศูนย์รวมของศูนย์การค้าชั้นนำ รวมตัวกันอยู่ที่นี่
ขยับไปเพียง1-2สถานีจะพบศูนย์การค้าชั้นนำของกลุ่มCPN และการหลอมรวมของการพัฒนาอาคารสำนักงานเกรดเอ โรงแรม จึงไปแปลกใจนักว่าสยามสแควร์ยังคงเป็นทำเลที่มีราคาที่ดินแพงที่สุดในประเทศไทย
ทั้งนี้ ดร.โสภณ ระบุว่า ราคาที่ดิน 2565ช่วงครึ่งปีแรก กำลังฟื้นตัว แต่ลักษณะค่อยเป็นค่อยไปโดยที่ดินราคาสูงสุดของประเทศ ปรับเพิ่มขึ้น 6% ประเมินว่าราคาในปี 2565 จะเพิ่มเป็น 3.5 ล้านบาทในบริเวณ สยามสแควร์ เพลินจิต ชิดลม สุขุมวิทตอนต้น ที่ 8.1% ทำเลที่แพงที่สุดในไทย สยามสแควร์ ปี 2537 ตารางวาละ 4 แสนบาท
“สำหรับสยามแควร์ปรับราคาที่ดิน ปี2565ขึ้น8%เพราะมีรถไฟฟ้าสองสายการเกิดขึ้นของห้างค้าปีกอาคารสำนักงานรองลงมาคือสีลมที่ปรับเพิ่ม6%ในปี 2565”
ขณะ ทำเลกล้วยน้ำไท พระรามที่ 4 เทียบกับเอกมัย สุขุมวิท ในปี 2537 ราคาต่างกันเพียง 10% จาก 2 แสน ต่อตาราางวา เป็น 2.2 แสนบาท ต่อตารางวา ล่าสุดปี 2565 ทำเลเอกมัยเพิ่มเป็น 1.79 ล้านบาทต่อตารางวา เทียบกับกล้วยน้ำไทอยู่ที่ 8 แสนบาทต่อตารางวา เพราะไม่มีรถไฟฟ้าผ่าน
อีกทั้งทำเล แยกอโศก มี เทอร์มินัล21 ศูนย์การค้าแม่เหล็กสำคัญที่ดึงดูดขาช็อปเข้าพื้นที่ อีกทั้งโรงแรมหรูขนาดใหญ่ บริเวณจุดเปลี่ยนถ่ายรถไฟฟ้าสองสาย ทั้ง บีทีเอส สายสีเขียว และ ใต้ดินสายสีน้ำเงิน MRT ตารางวาละ 2.9 ล้านบาท
เมื่อย้อนไปก่อนหน้านี้ หากจำกันได้ พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็น ร้านอาหารอิตาเลียนเก่าแก่บ้านหลังใหญ่ของเศรษฐีผู้ดีเก่าปัจจุบันย้ายออกไปค่อนข้างมากและถูกพลิกโฉมเป็นศูนย์การค้า โดยฝั่งตรงข้ามของเทอร์มินัล21 เป็นโรงแรมของนักลงทุนจากต่างชาติชาวญี่ปุ่นขณะราคาที่ดินกลางซอยสุขุมวิท 21 ตารางวาละ 2.53 ล้านบาท
ส่วนทำเล บริเวณสถานีพร้อมพงษ์ มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก บริเวณดังกล่าวเป็นอาณาจักรของเดอะมอลล์ กรุ๊ปมีการพัฒนาห้างยักษ์มิกซ์ยูส เพิ่ม คือ เอ็มสเฟียร์ นอกจาก ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม-เอ็มควอเทียร์ ที่ยึดสถานี พร้อมพงษ์ทั้งสองฝั่งไว้ก่อนหน้านี้ทำให้ ราคาที่ดิน ปี2565 วิ่งไปที่ตารางวาละ 2.6 ล้านบาท
ที่ดินทำเลใจกลางเมืองมีแนวโน้มปรับขึ้นแต่จะมากน้อยแค่ไหนขึ้นกับความเคลื่อนไหวของการพัฒนาเพราะเชื่อว่าที่ดินทุกตารางเซนติเมตรไม่มีเว้นว่างนอกจากซื้อตึกเก่าเช่าตึกเดิมแล้วทุบทิ้ง !!!
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.36 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.36 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” ผู้เล่นในตลาดการเงินโดยรวมทยอยเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หลังเริ่มคลายกังวลแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงของเฟด
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ผู้เล่นในตลาดการเงินโดยรวมทยอยเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หลังเริ่มคลายกังวลแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงของเฟด อย่างไรก็ดี ในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ย่อตัวลง -0.72% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.30% หลังนักลงทุนบางส่วนเริ่มขายทำกำไรการรีบาวด์อย่างรวดเร็วในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคฯ อาทิ Amazon -2.8%, Alphabet (Google) -1.8% เพื่อรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ GDP, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึง เงินเฟ้อ PCE ที่เฟดติดตาม นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดอย่างใกล้ชิด เพื่อวิเคราะห์โอกาสที่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรง หลังจากที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดเริ่มสะท้อนภาพเศรษฐกิจชะลอลง
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ยังคงปรับตัวขึ้น +0.52% นำโดยการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของหุ้นกลุ่ม Healthcare อาทิ Roche +2.1%, Novartis +1.8% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงหนัก ทำให้ผู้เล่นในตลาดหันมาสนใจหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มี pricing power สูงและผลประกอบการทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจ อย่าง กลุ่ม Healthcare มากขึ้น อย่างไรก็ดีในระยะสั้นผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อรอประเมินแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ ECB
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์โดยรวมปรับตัวผันผวน โดยบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจนใกล้ระดับ 3.20% อีกครั้ง หลังจากที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด อย่าง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) ได้ปรับตัวขึ้น +0.7%m/m ดีกว่าคาด ในดือนพฤษภาคม สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังดูสดใส สอดคล้องกับมุมมองของประธานเฟดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ผู้เล่นบางส่วนยังคงมองว่าเฟดยังสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยได้ตาม Dot Plot อย่างไรก็ดี เรามองว่า ผู้เล่นบางส่วนจะทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวมากขึ้น โดยเฉพาะในจังหวะที่บอนด์ยีลด์มีการปรับตัวสูงขึ้นมาก หรือ รอจังหวะ Buy on Dip เพราะหากมีมุมมองว่า การขึ้นดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยในกรณีเลวร้ายสุด บอนด์ยีลด์ระยะยาวก็จะสามารถทยอยปรับตัวลดลงได้ในที่สุด
ในฝั่งตลาดค่าเงิน บรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมที่ทยอยเปิดรับความเสี่ยงได้กดดันให้ เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 103.9 จุด นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของสกุลเงินฝั่งยุโรป นำโดย เงินยูโร (EUR) ที่ทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.058 ดอลลาร์ต่อยูโร อีกครั้ง ตามความคาดหวังของตลาดต่อแนวโน้มการทยอยขึ้นดอกเบี้ยของ ECB อย่างไรก็ดี แม้ว่า เงินดอลลาร์จะมีการย่อตัวลง แต่ทว่าภาพรวมของตลาดที่เปิดรับความเสี่ยงและการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ยังคงส่งผลให้ราคาทองคำรีบาวด์ย่อตัวลงใกล้ระดับ 1,825 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ยังคงมองราคาทองคำแกว่งตัว sideways และยังขาดปัจจัยหนุนให้กลับมาเป็นขาขึ้นที่ชัดเจน
สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค Conference Board (Consumer Confidence) โดย ตลาดประเมินว่า ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนักและเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย จากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด จะกดดันให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ลดลงแตะระดับ 100 จุด ในเดือนมิถุนายน
ส่วนในฝั่งยุโรป ตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ รวมถึงทิศทางนโยบายการเงินของ ECB & BOE ท่ามกลางความกังวลว่า เศรษฐกิจยุโรปอาจเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะ Stagflation ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินยากมากขึ้น
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า แม้เงินบาทจะพอได้แรงหนุนในฝั่งแข็งค่า จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ทว่า เงินบาทยังคงมีแนวโน้มผันผวน โดยต้องระวังแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ ที่อาจกลับมาได้ทุกเมื่อ หากตลาดพลิกกลับมาปิดรับความเสี่ยง อย่างไรก็ดี เรามองว่า แรงขายหุ้นไทยอาจเริ่มชะลอลง หลังดัชนี SET ได้ย่อตัวมาใกล้โซนแนวรับสำคัญ อีกทั้งภาพตลาดหุ้นฝั่งเอเชียก็ยังดูสดใส หนุนโดยความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจากการทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown (Correlation เงินบาท กับเงินหยวนของจีนในช่วงนี้อยู่ที่ราว 70%) ทำให้เรามองว่า เงินบาทยังมีโอกาสแกว่งตัว sideways โดยมีโซนแนวต้านแถว 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนโซนแนวรับยังคงอยู่ในช่วง 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์
อนึ่ง ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง เราคงแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ ใช้ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.25-35.45 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
รู้จัก “แบคทีเรียผลิตบิวทิเรต” ที่พบในลำไส้คนอายุยืน
ในยุคที่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก้าวหน้า ข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับสุขภาพก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ดังเช่นสุดยอดแบคทีเรียในร่างกายมนุษย์ที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษในญี่ปุ่นขณะนี้ คือ แบคทีเรียผลิตบิวทิเรต (Butyrate-producing bacteria) มารู้จักแบคทีเรียชนิดนี้ และเหตุผลที่นักวิชาการญี่ปุ่นให้ความสนใจเป็นอย่างมากกันเถอะ
รู้จักแบคทีเรียผลิตบิวทิเรต
สุขภาพลำไส้ดีเป็นรากฐานของสุขภาพกายที่แข็งแรง เนื่องจากร้อยละ 70 ของภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกสร้างขึ้นจากลำไส้ แลคติกแอซิด แบคทีเรีย เป็นแบคทีเรียที่คนรู้จักมาอย่างช้านานว่าเป็นแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยทำให้สภาพแวดล้อมในลำไส้ดี ปัจจุบันนี้แบคทีเรียผลิตบิวทิเรตเป็นอีกหนึ่งแบคทีเรียที่ได้รับความสนใจมาก ว่ามีอิทธิพลสำคัญสำหรับสุขภาพของมนุษย์ โดยจากงานวิจัยในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเกียวทังโกะ (Kyotango) ทางตอนเหนือของจังหวัดเกียวโต (เมืองที่มีผู้สูงอายุกว่า 100 ปี สูงเป็น 3 เท่าของค่าเฉลี่ยผู้สูงอายุกว่า 100 ปี ในญี่ปุ่น) โดยพบแบคทีเรียผลิตบิวทิเรตในลำไส้ของผู้สูงอายุในเมืองดังกล่าวในสัดส่วนที่สูง
ภาพนี้เป็นเพียงอิมเมจเท่านั้น
บิวทิเรต เป็นกรดไขมันสายสั้นที่ผลิตโดยแบคทีเรียชนิดนี้ มีบทบาทสำคัญในการเสริมความแข็งแรงให้ขาและสะโพก เพื่อป้องกันไม่ให้ป่วยนอนติดเตียง ช่วยรักษาเยื่อบุลำไส้ให้มีสุขภาพดี เป็นแหล่งพลังงานของเซลล์เยื่อบุผิวเมือกในลำไส้ใหญ่ ซึ่งทำหน้าที่ดูดซึมน้ำ แร่ธาตุ และขับเมือกออกมาเพื่อทำหน้าที่ป้องกันลำไส้ นอกจากนี้กรดไขมันบิวทิเรตยังเสริมอัตราเมแทบอลิซึมของเซลล์เยื่อบุผิวเมือก ส่งผลในการใช้ออกซิเจนในลำไส้ได้ดี และเมื่อจำนวนออกซิเจนน้อยลง แบคทีเรียชนิดดี เช่น บิฟิโดแบคทีเรีย จะทำงานได้ดีขึ้น ในทางตรงข้าม จะกดการเจริญของแบคทีเรียชนิดไม่ดีที่ชอบออกซิเจน กล่าวคือ กรดไขมันบิวทิเรตที่ผลิตโดยแบคทีเรียผลิตบิวทิเรตจะช่วยรักษาสุขภาพลำไส้ให้ดี ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันการติดเชื้อไวรัส ช่วยกดการเจริญของเซลล์มะเร็งลำไส้ และช่วยเพิ่มประสิทธิผลของยาที่ใช้รักษามะเร็ง เป็นต้น
อาหารที่จะช่วยเพิ่มปริมาณแบคทีเรียผลิตบิวทิเรต
แม้จะมีแบคทีเรียประมาณ 1,000 ชนิดในลำไส้ แต่ก็มีแบคทีเรียเพียง 2-3 ชนิดที่ผลิตกรดไขมันบิวทิเรตได้ โดยอาหารที่อาจช่วยเพิ่มปริมาณแบคทีเรียชนิดนี้ในลำไส้ ได้แก่ อาหารที่ประกอบไปด้วยเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำได้ เช่น เมล็ดธัญพืช โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าวสาลี ผัก ผลไม้ และสาหร่ายต่างๆ ได้แก่ วาคาเมะ คอมบุ สาหร่ายฮิจิกิ และสาหร่ายโนริ เป็นต้น
ลำไส้เป็นพื้นฐานสำคัญของทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสุขภาพความงาม การดูแลสุขภาพลำไส้ให้ดีทำได้โดยการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร อาหารที่อุดมไปด้วยแลคติกแอซิด แบคทีเรีย และดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ เป็นต้น เราทุกคนอยากมีชีวิตยืนยาวที่แข็งแรงช่วยเหลือตนเองได้ ดังนั้นมาเริ่มดูแลลำไส้ของเราให้ดีกันตั้งแต่วันนี้กันเถอะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ลุ้นเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย! สาวไทย พร้อมดวลเดือด เกาหลีใต้ ศึกวอลเลย์บอลเนชั่นส์ ลีก 2022
ความเคลื่อนไหวของทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ในการแข่งขันวอลเลย์บอล เนชันส์ ลีก 2022 สัปดาห์ที่ 4 เป็นสัปดาห์สุดท้ายของรอบแรก ระหว่างวันที่ 28 มิ.ย. – 4 ก.ค.65 ที่กรุงโซเฟีย ประเทศบัลแกเรีย
โดยสัปดาห์สุดท้ายของศึกวอลเลย์บอลเนชั่นส์ ลีก 2022 รอบเก็บคะแนน ผ่านไป 2 สัปดาห์ สาวไทย ชนะ 4 แพ้ 4 อยู่อันดับ 8 มีลุ้นเป็น 1 ใน 8 ทีมผ่านเข้ารอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก
ล่าสุดทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ลงซ้อมที่สนาม Arena Armeets Sofia ใช้เวลา ชั่วโมงครึ่ง หลังการซ้อม “โค้ชด่วน” ดนัย ศรีวัชรเมธากุล หัวหน้าผู้ฝึกสอนเผยว่า การซ้อมเน้นการรับบอล ปรับการเคลื่อนที่ให้เร็วขึ้น เพราะเกาหลีใต้ตีบอลไม่หนัก แต่เล่นบอลรวดเร็ว”
“เราจะมีการประชุมทีมศึกษาเกมของเกาหลีใต้ ที่แพ้ตุรกี 1- 3 เซต เพราะเป็นเกมที่ดีที่สุดของเกาหลีใต้ ด้านความฟิตนักกีฬาฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ พร้อมขอเวลาอีก 2 วัน ประเมินนักกีฬาที่พร้อมที่สุดลงสนามพุธนี้
ด้าน “กัปตันพู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์ กล่าวถึงทีมด้วยรวมว่า ทีมปรับสภาพได้ดี ร่างกายทีมฟื้นตัวได้เร็ว เรื่องสนามโดยส่วนตัวน่าจะสว่างกว่านี้ แต่ก็ไม่มีปัญหา
โปรแกรมในสัปดาห์ที่ 3 จะแข่งขันที่ประเทศบัลแกเรีย อยู่กลุ่ม 6 ร่วมกับ เกาหลีใต้, โดมินิกัน, บราซิล และอิตาลี เตรียมส่งกำลังใจเชียร์กันได้ตามวันและเวลาดังนี้
วันที่ 29 มิถุนายน เวลา 21.00 น. ไทย พบ เกาหลีใต้ (GMM ถ่ายทอดสด)
วันที่ 30 มิถุนายน เวลา 17.30 น. ไทย พบ โดมินิกัน (GMM ถ่ายทอดสด)
วันที่ 2 กรกฎาคม เวลา 20.30 น. ไทย พบ บราซิล (ช่องวัน ถ่ายทอดสด)
วันที่ 3 กรกฎาคม เวลา 20.30 น. ไทย พบ อิตาลี (ช่องวัน ถ่ายทอดสด)
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สแลง ENG จ๊าบๆ จากยุค 2000 ต้นๆ
นี่มันยุคไหนแล้ว นี่มันยุคของเด็ก 2000 นะค้าบบ พวก 90’s จะพูดอะไรก็ต้องทันสมัยหน่อยแล้วป่าวว ไม่ได้นะ! อย่าให้เด็กๆมาขิงเราชาว 90’s มาเลยค่ะ
วันนี้แอดนำขบวนพาไปดูสแลงของเด็กยุคนี้กันหน่อยสิ้ ว่าเขาพูดอะไรกันบ้าง เผื่อเราจะดูคูลๆแสบๆกับเด็กเขาบ้าง
Bling bling
– เครื่องประดับราคาแพงที่วิบวับแวววาว
ต้องขอเล่าที่มาที่ไปนิดนึงคำว่า Bling Bling เนี่ยมีที่มาจากว่าเป็นคำที่ใช้ในเพลงแรพ เพื่อทีนักร้องเนี่ยจะโชว์เครื่องประดับของตัวเองที่สวมใส่อยู่ว่าเออเนี่ย เห็นป่าว มันวิบวับเข้าตาขนาดไหน เพราะว่าการวิบวับของมันไม่ได้เกิดเป็นเสียง ได้ จึงต้องมีการคิดคำเพื่อสื่อถึงอาการออกมานั่นเอง
Chillax
– ชิลและผ่อนคลาย
มันมาจากคำว่า Chill and relax รวมร่างกันตามสไตล์ความคูล ให้คำมันสั้นกระชับขึ้นมาเป็น Chillax นั่นเอง
โดยครั้งแรกที่คำนี้ได้มีการปรากฎขึ้นมา คือจากในหนังเรื่อง Final destination 2 ในปี 2002 และหลังจากนั้นก็กลายมาเป็นคำที่เอามาใช้กันแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน
I see what you did there
– รับมุก, เก็ทมุก
คำๆนี้มันเริ่มต้นมาจากการเป็นมีมที่เกิดขึ้นใหม่มาในช่วงปี 2000 นี่แหละ แต่ถ้าย้อนกลับไปถึงการใช้คำนี้จริงๆ มันมีจุดเริ่มต้นมาจากซีรีย์คอมเมดี้ชื่อดังอย่าง “Friends” ในบทสนทนาที่โจอี้ควรจะพูดกับฟีบี้ว่า “If we don’t get this woman to a hospital, she’s going to die” แต่เขากลับพูดว่า “If this woman doesn’t get to a hospital, she’s not gonna live.” ฟีบี้จึงตอบกลับว่า “Oh, ok, I see what you did there.” ถึงนี่จะเป็นแค่มุกหรือคำพูดสั้นๆ แต่มันก็กลายเป็นคำที่แพร่หลายไปทั่ว และใช้ต่อกันจนเป็นอีกหนึ่งมีมในปัจจุบัน
Noob
– ชื่อเรียกคนที่เพิ่งเข้าวงการ (อะไรบางอย่าง) มาใหม่ หรือเรียกง่ายๆว่า กาก, อ่อน
noob หรือ n00b พวกนี้จะเป็นคนที่ใหม่กับอะไรมากๆ แต่ไม่ต้องการที่จะเรียนรู้อะไรเพิ่มอีกแล้ว
Sketchy
– ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ
คำๆนี้มาจากคำว่า “Sketch” ที่ซึ่งแปลว่าการร่างภาพวาด ทำให้ Sketchy หมายถึงอะไรที่ยังทำไม่เสร็จเรียบร้อย เหมือนเป็นงานที่อยู่ในขั้นตอนของการร่างอยู่ ไม่มีดีเทลหรือรายละเอียดของงานชัดเจน
That’s hot
– คูล ปัง เริ่ด
ทุกยุคทุกสมัย จะต้องมีการคิดคำพูดที่เอาไว้พูดเวลาอะไรที่มันเริ่ดๆ ปังๆ แต่คำว่า That’s hot นี้มันมาจากนักร้องชื่อดังอย่าง Paris Hillston ในช่วงปี 2003 ที่เธอได้พูดเอาไว้ในซีรีย์ชื่อ The simple life
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
Spotify เริ่มทดสอบฟีเจอร์ดูว่าเพื่อนฟังเพลงอะไรแบบ realtime คาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้
Spotify เป็นอีกโปรแกรมฟังเพลงยอดนิยมอีกทางเลือกหนึ่ง มีการทดลองฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด โดยล่าสุดฟีเจอร์ใหม่ที่ยังอยู่ระหว่าทดสอบ มีชื่อว่า Community ซึ่งสามารถติดตามการแสดงผลเรื่องของเพื่อนของเรา (Friends Activities) หนึ่งในลูกเล่นที่มีคือ สามารถรู้ว่าเพื่อนเราเปิด Playlist หรือเพลงอะไรได้
การเปิดตัวฟีเจอร์นี้เผื่อเกิดเพลงไหนที่เพื่อนคุณฟังแล้วเพราะอยากรู้ว่าชื่อเพลงอะไร ไม่ต้องถามเพื่อนได้เลย และทำให้สามารถรู้ข้อมูลแบบเจาะจงได้มากขึ้น และคาดว่าการทำฟีเจอร์นี้จะทำให้ช่วยให้เพิ่มผู้ใช้งานเติบโตมากขึ้นได้ ซึ่งเพิ่มเติมจากการแชร์เพลงเข้า Social Media เป็นต้น
อย่างไรก็ตามฟีเจอร์นี้ยังทดสอบอยู่และต้องลุ้นกันต่อไปว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง แลพพร้อมให้ใช้งานเมื่อไหร่
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สวรรค์นักดื่ม: แค่ตกแต่งไม่เท่าไร บาร์ Tiki ดังริมหาดทรายก็ใกล้แค่เอื้อม
บรรยากาศของวันหยุดพักผ่อนที่คุณได้นั่ง ๆ นอน ๆ ผ่อนคลายอยู่ริมทะเลกับเครื่องดื่มในมือที่มีร่มกระดาษปักอยู่ในแก้ว อาจเป็นหนึ่งในสิ่งที่หลายคนคิดถึงในวันทำงานเหนื่อย ๆ แต่แม้ทะเลเมืองไทยเองจะมีมากมายที่ก็เดินทางไม่ได้ยากนัก แต่วันหยุดของคุณอาจกำลังเดินทางมาช้าหน่อยไม่ถึงสักที ไม่ต้องกังวลไป เพราะแค่เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งนิดหน่อย คุณก็สามารถสร้างบาร์ ให้จิบค็อกเทลสดชื่น ๆ พักผ่อนได้ แล้วก็กลับไปทำงานที่ออฟฟิศต่อในตอนเช้า โดยไม่ต้องเสียค่าเดินทางแต่อย่างใด
สระน้ำเพื่อความสดชื่น
บาร์สไตล์ทิกิ (Tiki Bar) จำนวนมาก เป็นการจำลองบรรยากาศของเกาะและทะเลที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ โดยตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ จุดประสงค์ของสถาปัตยกรรมเหล่านี้คือการหลีกหนี (escapism) สภาพที่เป็นอยู่ สระน้ำหรือบ่อน้ำจึงเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่ถ้าไม่ตั้งอยู่ตรงกลางอย่างโดดเด่น ก็เป็นจุดตัดโลกภายนอกกับโลกแห่งบาร์บนเกาะที่มีแต่ความสนุกสนานผ่อนคลาย โดยการสร้างทางเข้าเป็นสะพานให้เดินข้ามจากโลกฝั่งหนึ่งมาสู่โลกที่อีกฝั่ง
ตัดขาดจาก “เมือง” ภายนอก
เพราะเราไม่ได้อยู่ที่เมืองเดิมอีกต่อไปแล้ว! นี่คือทะเล นี่คือเกาะ คุณต้องการได้ยินแค่เสียงบาร์เทนเดอร์เขย่าเครื่องดื่ม เสียงน้ำไหล เสียงชนแก้ว และเสียงดนตรีที่สนุกสนาน เราจึงแนะนำให้คุณเก็บเสียงไม่ให้ภายนอกเข้าสู่ภายในและไม่ให้ภายในออกไปภายนอกให้ได้มากที่สุด โดยคุณสามารถตัดหน้าต่างทั้งหมดออกไปจากการออกแบบได้เลย เพื่อสร้างโลกอีกใบที่ตัดขาดจากภายนอกอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังอาจใช้โคมไฟที่ไม่สว่างมาก สร้างบรรยากาศสลัว สะท้อนสีของแก้วและเครื่องดื่มในแก้วให้ดูสดใสสมกับอยู่ริมทะเลได้ด้วย
หวาย ไผ่ และสารพัดของตกแต่ง
หวายและไผ่คือเพื่อนซี้ของคุณ สำหรับการออกแบบตกแต่งบาร์ริมทะเล เลือกเก้าอี้หรือม้านั่งหวายเพื่อเป็นมุมถ่ายรูปสำหรับเพื่อน ๆ สร้างบาร์ไม้ไผ่ไว้มิกซ์เครื่องดื่ม หรือไปให้สุดด้วยการสร้างอาคารทั้งหลังขึ้นมาจากไผ่เลยก็น่าลอง! นอกจากนี้เพื่อยกระดับบรรยากาศขึ้นไปอีก คุณยังสามารถนำต้นไม้อย่างมะพร้าว (ไม่ว่าจะจริงหรือปลอม) มาตั้งไว้บริเวณนั้นได้ด้วย ข้อควรระวังคือหากใช้ไผ่สำหรับงานภายนอก ควรใช้วัสดุที่ผ่านเทคโนโลยีการกัดมอดและแมลงมาแล้วเพื่อความทนทาน
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 28/06/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 30,400.00 | 30,500.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,969.00 | 29,850.04 | 31,000.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,772.10 | 26,865.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,575.20 | 23,880.03 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 886.00 | 13,431.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 689.00 | 10,445.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,040.00 | 30,926.40 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 28/06/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 44.65 | 44.65 | 46.15 | 45.85 | 46.05 | 44.65 | 44.65 | 44.65 | 45.85 | 44.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 44.38 | 44.38 | 45.88 | 45.58 | 45.78 | 44.38 | 44.38 | 44.38 | 45.58 | 44.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 43.54 | 43.54 | 45.04 | 44.74 | 44.94 | – | 43.54 | 43.54 | 44.74 | 43.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 37.24 | 37.24 | – | – | – | – | – | – | – | 37.24 |
เบนซิน 95 | 52.06 | – | – | – | 53.91 | – | 52.56 | 53.16 | – | 52.06 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | – | 34.94 | – | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 46.36 | 47.86 | 51.69 | 50.56 | 50.59 | – | – | – | – | 46.36 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |