เรนวูด กรุ๊ปปั้นมิกซ์ยูส5หมื่นล้านบูมไลฟ์สไตล์อัลตราลักชัวรีปทุมธานี
“เรนวูด ปาร์ค” มิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ภายใต้เครือเรนวูด กรุ๊ป ก่อตั้งโดย “ชาญชัย รวยรุ่งเรือง” หรือ เหยียน ปิน นักธุรกิจชาวจีนเฟสแรก5หมื่นล้านบูมไลฟ์สไตล์อัลตราลักชัวรีย่านปทุมธานี
วรพนิต รวยรุ่งเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เรนวูด กรุ๊ป ประเทศไทย ทายาทของ “ชาญชัย รวยรุ่งเรือง” กล่าวว่า ช่วงเกิดโควิด-19 มีแนวคิดพัฒนาธุรกิจในประเทศไทย บ้านหลังที่ 2 ของครอบครัว โดยมีแผนพัฒนาโครงการ “เรนวูด ปาร์ค” เมกะโปรเจกต์มิกซ์ยูสเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์อัลตราลักชัวรีแบบครบวงจรในจังหวัดปทุมธานี บนพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ เฟสแรกมูลค่า 50,000 ล้านบาท
เรนวูด ปาร์ค ตอกย้ำความแข็งแกร่งของไทยในฐานะแลนด์มาร์กที่สำคัญของการผสานสองวัฒนธรรมสองซีกโลกเข้าไว้ด้วยกัน ด้วยการเนรมิตรสถาปัตยกรรมทั้งโลกตะวันตกและตะวันออกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะมาไว้ในโครงการ ภายใต้แนวคิด A Living Community : Where Every Generation Finds Home and Harmony ตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดรับกับทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเป้าหมายคือการมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของโลก
โครงการ เรนวูด ปาร์ค ประกอบด้วย โซนที่พักอาศัย โรงเรียนนานาชาติ KIS International School สนามกอล์ฟ Robinswood Golf Club โซนไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้ สเปซ สปอร์ตคอมเพล็กและสปอร์ตโฮเทล โดยในส่วนที่พักอาศัย มีโครงการบ้านเอ็กซ์คลูซีฟ 4 โครงการ ตอบโจทย์ความต้องการบ้านพักอาศัยที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว
เฟสแรก มี 2 โครงการที่เริ่มเปิดตัว โครงการแรก “เรดวูด เอสเตท” คฤหาสน์สั่งสร้างกับแนวคิดบ้านจัดสรรแบบ Bespoke Design ทำบ้านพักในฝันให้เป็นความจริง จับต้องได้กับดีไซเนอร์ระดับประเทศและระดับโลกเน้นความอัลตราลักชัวรี มีจำนวน 41 หลังในสนามกอล์ฟ Robinswood Golf Club บนที่ดินขนาดตั้งแต่ 1 ไร่ครึ่ง ถึง 3 ไร่ พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 1,500 ตารางเมตร ราคา 300 ล้านบาท
โครงการที่สอง “เรนวูด เซรีโน” บ้านระดับพรีเมี่ยมลีฟวิ่งเน้นความเป็นส่วนตัว มี 101 หลัง ขนาดพื้นที่ใช้สอย 300 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 40 ล้านบาท ปัจจุบันขายไป 50% หลังเปิดจองกลางปี 2566
ในเฟสแรกได้ร่วมลงทุนกับครอบครัว “รักตพงศ์ไพศาล” เปิดโรงเรียน KIS International School ในรูปแบบ Boarding School แห่งแรกในไทย รองรับความต้องการของครอบครัวที่พักอาศัยในโครงการและพื้นที่โดยรอบ เปิดสอนเทอมแรกเดือน ส.ค. 2567
รวมทั้งพัฒนา “โรบินส์วูด กอล์ฟ คลับ” สนามกอล์ฟมาตรฐานระดับโลกขนาด 18 หลุม ความยาวระดับ 7,591 หลา ให้บริการเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“สนามนี้ ออกแบบมาเพื่อรองรับการแข่งขันทัวร์นาเมนต์กอล์ฟระดับโลก พร้อมก้าวสู่การเป็นสนามกอล์ฟที่ดีที่สุดของเอเชีย ด้วยการออกแบบผสมผสานเทคโนโลยีทันสมัย”
เฟสแรกใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นจากเดิมที่วางไว้ 30,000 ล้านบาท เป็น 50,000 ล้านบาท เนื่องจากต้องลงทุนระบบสาธารณูปโภคน้ำ ไฟฟ้า ด้วยการทำโรงไฟฟ้าย่อยเข้ามาโดยร่วมกับ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) โดยอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด
เฟสถัดมาจะเปิดอีก 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยวพักอาศัย “เรนวูด โซเนีย” ขนาดที่ดิน 80 ตารางวา ราคา 15-20 ล้านบาท และ“เรนวูด แซงเทีย” คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 400 ยูนิต คาดเปิดจองต้นปี 2567 และทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2570 รองรับกลุ่มผู้ปกครองที่ส่งลูกหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนนานาชาติ
ส่วนเฟสที่สอง ของโครงการเรนวูด ปาร์ค ใช้งบการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการ“ไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้ สเปซ” โครงการ“สปอร์ต คอมเพล็กซ์ ” ขนาดใหญ่ พร้อม “สปอร์ต โฮเทล” เพื่อรองรับการเก็บตัวของกลุ่มนักกีฬาระดับโลกด้วย ส่วนที่ดินที่เหลือในโครงการ อนาคตอาจพัฒนาโครงการบ้านสไตล์ญี่ปุ่น รองรับสมาชิกสนามกอล์ฟเข้ามาเช่า
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
“การ์เด้น ออฟ อีเดน”มิกซ์ยูสระดับลักชัวรีแลนด์มาร์คใหม่บนเกาะภูเก็ต
“มาร์ติน พัลเลอรอส” สุดยอดนักออกแบบสไตล์ทรอปิคอล เผยดีไซน์แลนด์มาร์คใหม่บนเกาะภูเก็ตโปรเจกต์ ‘การ์เด้น ออฟ อีเดน’ โครงการลักชัวรีมิกซ์ยูสบนเกาะภูเก็ต กับการสร้างสรรค์ด้วยคอนเซปต์ ‘Biophilic Design’ชูการใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติอย่างแท้จริง
มาร์ติน พัลเลอรอส สถาปนิกผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากการสร้างสรรค์ผลงานโรงแรม รีสอร์ท และที่พักอาศัยระดับโลกทั่วโลก ที่ติดอันดับท้อปของแต่ละจุดหมายปลายทาง และคว้ารางวัลมาได้มากมาย อาทิ Andaz Bali, Twinpalms Residences, Mont Azure และ Twinpalms Resort Phuket วันนี้มาร์ตินได้ประกาศการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่อีกครั้ง กับโปรเจกต์ ‘Gardens of Eden’ (การ์เด้น ออฟ อีเดน) มิกซ์ยูสระดับลักชัวรี่แลนมาร์คแห่งล่าสุดบนเกาะภูเก็ต โดยได้เข้าร่วมกับ Amal Development (อมอล ดีเวลลอปเม้นท์) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รุ่นบุกเบิก ในฐานะผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ Tierra Design (เทียร์ร่า ดีไซน์) บริษัทออกแบบระดับโลก
ชื่อเสียงของมาร์ตินเกิดขึ้นจากความเชี่ยวชาญของเขาในการสร้างความสัมพันธ์ทางชีวภาพระหว่างรูปแบบ ฟังก์ชั่น ธรรมชาติ และผู้คน นำเสนอการออกแบบเชิงชีวะได้อย่างลงตัว ทำให้เขาเป็นสถาปนิกที่เป็นที่ต้องการตัวอย่างมากในหมู่นักพัฒนาโครงการไฮเอนด์ระดับนานาชาติ ซึ่งเขาได้นำทักษะด้านสถาปัตยกรรมและการจัดสวนเหล่านั้น มาใช้เนรมิต ‘Gardens of Eden’ จุดหมายปลายทางอันหรูหราแห่งใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติในภูเก็ต ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนธันวาคม 2566 นี้
มาร์ตินเผยว่า เนื่องจากความกังวลเรื่องภาวะโลกร้อนที่เพิ่มมากขึ้น ความสำคัญของการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนจึงทวีคูณขึ้นเช่นกัน การออกแบบแนวไบโอฟิลิก (Biophilic Design) ซึ่งมีคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผสานโซลูชั่นการอนุรักษ์พลังงาน เป็นงานถนัดของเขา จึงเป็นแนวคิดหลักในการกำหนดแนวทางการออกแบบ Gardens of Eden คอมเพล็กซ์สุดอลังการที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 122,000 ตารางเมตรของภูมิทัศน์ธรรมชาติ
อยู่ห่างจากหาดบางเทา 50 เมตร มาร์ตินเริ่มต้นด้วยการแบ่งสัดส่วน 70% ให้เป็นพื้นที่สำหรับสวนสาธารณะ ทะเลสาบ สวน ที่ซึ่งเขาตั้งใจจะปั้นให้เป็นโอเอซิสเขตร้อนที่แท้จริงและหาได้ยากในโครงการอื่น ๆ ในปัจจุบัน โดยสวรรค์ทางธรรมชาติแห่งนี้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การพักผ่อนอันหรูหราของผู้พักอาศัย ล้อมรอบสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าบูติก สปา ห้องออกกำลังกาย และบริการต้อนรับ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
“ในฐานะสถาปนิก ความสนใจของผมอยู่ที่อาคาร ผมมองอาคารเป็นรูปปั้น แต่ในฐานะภูมิสถาปนิก ผมพิจารณาบริบทแล้วพิจารณาพื้นที่ มันเป็นแนวทางที่แตกต่าง และมันเปลี่ยนวิธีการออกแบบของผมโดยสิ้นเชิง โดยเป้าหมายคือการสร้างประสบการณ์ที่ดีสำหรับแขกหรือผู้พักอาศัยนั่นเอง”
สำหรับเฟสแรกของโปรเจกต์ Gardens of Eden คือ ‘Eden Residences’ (อีเดน เรสซิเดนเซส) ที่พักอาศัยริมชายหาด 141 ยูนิต ประกอบด้วยอะพาร์ตเมนต์ 1–3 ห้องนอนในตัวเลือกชั้นเดียวและสองชั้น รวมถึงเพนต์เฮาส์ 4 ห้องนอน มาร์ตินแชร์มุมมองว่า Eden Residences จะนำเสนอความหรูหราของธรรมชาติและภูมิทัศน์สีเขียว โดยเน้นย้ำถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติมากที่สุด เพื่อให้ผู้พักอาศัยและผู้มาเยือนสามารถเพลิดเพลินกับความออร์แกนิกของธรรมชาติ พร้อมเปิดรับพลังงานแห่งการบำบัดจากการใช้ชีวิตสีเขียว
“ความหรูหราเป็นเรื่องเกี่ยวกับพื้นที่เหนือกาลเวลาและการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสถาปัตยกรรมกับธรรมชาติ เพราะนั่นคือสิ่งที่จะไม่มีวันล้าสมัยและจะคงอยู่ตลอดไป ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติกำลังกลายเป็นสิ่งที่หายากในชีวิตของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ และการมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติก็เป็นรูปแบบหนึ่งของความหรูหราในตัวของมันเอง” มาร์ตินกล่าว
ดังนั้น วิธีที่เราออกแบบ Eden Residences คือด้านหน้าหันหน้าไปทางทะเลอันดามัน และด้านหลังหันหน้าไปทางคลองที่สวยงาม การใช้องค์ประกอบเหล่านี้ เราสร้างบทสนทนาโดยมีสวนและอะพาร์ตเมนต์อยู่ระหว่างนั้น เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์กับแง่มุมต่าง ๆ ของธรรมชาติให้สูงสุด
เพื่อเน้นการออกแบบ Eden Residences ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น จึงมีการใช้วัสดุจากธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรมเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ นอกจากนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่ยั่งยืน ไม้ที่มีคาร์บอนเป็นลบอย่างไม้หุ้มและหินแกรนิตที่มาจากท้องถิ่น ได้ถูกนำมาใช้เป็นวัสดุหลักสำหรับโครงการนี้เช่นกัน
การตกแต่งภายในอะพาร์ตเมนต์ Eden Residences ยังได้ร่วมมือกับ White Jacket สตูดิโอออกแบบที่ได้รับรางวัลในสิงคโปร์ซึ่งมีผลงานสร้างชื่อมากมาย อาทิ Naumi Hotel, JW Marriott, Rosewood Hotel Ningbo ในจีน และ Kimpton Naranta Bali ในอินโดนีเซีย
Patricia Ho Douven ผู้ก่อตั้ง White Jacket กล่าวว่า “เราให้ความสำคัญกับพื้นที่และความรู้สึกถึงสถานที่ในการพัฒนาการออกแบบภายในและรายละเอียดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เป้าหมายของเราคือการเน้นการใช้สีและพื้นผิวอย่างมีกลยุทธ์ในผนังที่โดดเด่นของเรา ซึ่งทำหน้าที่เป็นแกนหลักของแนวคิดภายในของเรา Eden Residences เป็นแรงบันดาลใจสำหรับผู้ที่รักที่จะดื่มด่ำกับธรรมชาติและความรู้สึกมีสติ ในขณะเดียวกันก็ชื่นชมสไตล์การออกแบบที่หรูหราและมีประโยชน์ใช้สอยครบครัน”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 29พ.ย. “แข็งค่า” ที่ระดับ 34.68 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจเริ่มชะลอการแข็งค่าขึ้นได้ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ ผลการประชุม กนง.วันนี้ ประเด็นสำคัญ “การปรับคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ”
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 29พ.ย.2566 “แข็งค่า” ที่ระดับ 34.68 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.93 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า เงินบาทได้แข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราคาด โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้น เข้าใกล้จุดสูงสุดในปีนี้ ดังนั้น ในช่วงระหว่างวัน เราประเมินว่า เงินบาทก็อาจยังพอได้แรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำได้บ้าง
อย่างไรก็ดี เงินบาทอาจเริ่มชะลอการแข็งค่าขึ้นได้ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ ผลการประชุม กนง. โดยเราประเมินว่า หาก กนง. เริ่มส่งสัญญาณพร้อมหยุดการขึ้นดอกเบี้ย และปรับลดมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและความเสี่ยงด้านสูงของอัตราเงินเฟ้อ (หรือ มีมุมมองที่ Hawkish น้อยลง) ก็อาจส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ไทยมีการย่อตัวลงได้บ้าง
ซึ่งภาพดังกล่าวจะหนุนให้ นักลงทุนต่างชาติอาจทยอยขายทำกำไรการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ไทย ขณะที่ ในฝั่งหุ้น การปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ไทย ก็อาจทำให้ หุ้นไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น และหนุนให้ นักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้าซื้อหุ้นไทยได้บ้าง ซึ่งความไม่สอดคล้องของฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ (หากเกิดขึ้นได้จริง) ก็อาจทำให้ เงินบาทเริ่มชะลอการแข็งค่าและแกว่งตัว sideway ได้
การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินบาทที่มากกว่าระดับแนวรับที่เราได้ประเมินไว้ในสัปดาห์นี้ ทำให้ เรามองว่า แนวรับถัดไปจะอยู่ในช่วง 34.50 บาทต่อดอลลาร์ (ซึ่งเข้าใกล้เป้าสิ้นปีของเราแถว 34.25 บาทต่อดอลลาร์ มากขึ้น) ส่วนโซนแนวต้านจะอยู่ในช่วง 34.90-35.00 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม อาทิ ตลาดมีการปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟด
ในช่วงนี้ ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.55-34.85 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นมาก (แกว่งตัวในช่วง 34.67-34.95 บาทต่อดอลลาร์) ซึ่งเป็นการแข็งค่ามากกว่าที่เราได้ประเมินไว้ โดยเงินบาทได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าจากการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังจากราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและทรงตัวเหนือระดับ 2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์
ในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ บรรดาหุ้นเทคฯ และหุ้นเติบโตขนาดใหญ่ อาทิ Tesla +4.5%, Microsoft +1.1% ต่างปรับตัวขึ้น หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลง ตามความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนที่เริ่มออกมาสนับสนุนแนวโน้มเฟดทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในปีหน้า นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ยังได้แรงหนุนจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย Conference Board ที่ปรับตัวขึ้น ดีกว่าคาด รวมถึงแนวโน้มการใช้จ่ายในช่วงเทศกาล Thanksgiving ที่จะขยายตัวได้ดี ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq รีบาวด์ขึ้น +0.29% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.10%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ย่อตัวลง -0.30% กดดันโดยแรงขายหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม Hermes -2.0%, LVMH -1.8% ที่เผชิญการปรับลดเป้าราคาและแนวโน้มผลประกอบการจากบรรดานักวิเคราะห์ ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังเผชิญแรงกดดันจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ยังคงสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด จนกว่า ECB จะมั่นใจว่าสามารถคุมปัญหาเงินเฟ้อได้
ในฝั่งตลาดบอนด์ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนซึ่งออกมาสนับสนุนแนวโน้มการทยอยลดดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า หลังอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวลงมากขึ้น ได้หนุนให้ ผู้เล่นในตลาดยิ่งมั่นใจว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยลงได้ราว -1% ในปีหน้า (เริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคมปีหน้า) ทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงต่อเนื่องใกล้ระดับ 4.30% ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า ความระมัดระวังความเสี่ยงที่ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจผันผวนสูงขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด และบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด ยังคงส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดได้นาน อย่างไรก็ดี เรามองว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ดังกล่าวก็จะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดสามารถทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวได้
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง ตามการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งยังได้ช่วยหนุนให้ ค่าเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องใกล้ระดับ 147 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง (Target แรกของ Trade Idea Short USDJPY ที่เรานำเสนอไปก่อนหน้า) โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ย่อตัวลงใกล้ระดับ 102.7 จุด (กรอบ 102.6-103.3 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและทรงตัวเหนือระดับ 2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เข้าใกล้จุดสูงสุดในปีนี้มากขึ้น ส่งผลให้ ผู้เล่นในตลาดเริ่มทยอยขายทำกำไรทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) ซึ่งแม้ว่า เราและบรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะประเมินว่า กนง. จะมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% แต่ประเด็นสำคัญที่ควรติดตามอย่างใกล้ชิด คือ การปรับคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของทาง กนง. ท่ามกลางความไม่แน่นอนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวนสูง
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานการประชุม ECB ล่าสุด เพื่อประกอบการพิจารณาแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB
และในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 รวมถึง รายงานยอดสต็อกน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางของราคาน้ำมันดิบ โดยเฉพาะ ราคาน้ำมันดิบ WTI ได้ในระยะสั้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 4 เดือนที่ 34.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ (แข็งค่าสุดนับตั้งแต่ 7 ส.ค. 66) ก่อนจะกลับมาเคลื่อนไหวที่ระดับประมาณ 34.64-34.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.50 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.94 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาท สกุลเงินเอเชีย และสกุลเงินหลักแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ หลังจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด สะท้อนท่าทียอมรับว่า วัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐฯ อาจจะสิ้นสุดไปแล้ว และเปิดโอกาสสำหรับการปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 34.55-34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. สัญญาณฟันด์โฟลว์ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/66 (prelim.) ของสหรัฐฯ และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ของเฟด
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สปีดเต็มที่! “นวพรรณ” คว้าเงิน ศึกสเก็ตบอร์ด “ไทยแลนด์ ทรอปิคอล ดาวน์ฮิล เรซ 2023”
“น้องมะปราง” นวพรรณ อังอินสมบัติ นักสเก็ตบอร์ดสาวไทย โชว์สปีดเต็มพิกัดทำเวลาเข้าป้ายเป็นอันดับ 2 คว้าเหรียญเงิน สเก็ตบอร์ดดาวน์ฮิลหญิง ในศึก “ไทยแลนด์ ทรอปิคอล ดาวน์ฮิล เรซ 2023” ที่เขาอีโต้ จ.ปราจีนบุรี ด้าน “หนุ่มฝรั่งเศส” ควง “สาวฟิลิปปินส์” คว้าเหรียญทอง ประเภทชายและหญิงไปครอง
สมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย โดยคุณภูริต ภิรมย์ภักดี นายกสมาคมฯ ร่วมกับ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด, บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 สาขาปราจีนบุรี จัดการแข่งขันกีฬาสเก็ตบอร์ดดาวน์ฮิลนานาชาติ รายการ “ไทยแลนด์ ทรอปิคอล ดาวน์ฮิล เรซ 2023” (Thailand Tropical Downhill Race 2023) ที่เขาอีโต้ บริเวณองค์พระพุทธทวารวดีศรีปราจีน สิรินธรโลกนาถ ต.เนินหอม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ระหว่างวันที่ 25-26 พ.ย.66 ที่ผ่านมา
สำหรับการแข่งขันรายการนี้มีนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขัน 104 คน แบ่งเป็นนักกีฬาไทย 53 คน และนักกีฬาต่างชาติ 51 คน จาก 12 ประเทศ โดยรอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 26 พ.ย.66 บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
ประเภทสเก็ตบอร์ดดาวน์ฮิลหญิง “น้องมะปราง” นวพรรณ อังอินสมบัติ นักสเก็ตบอร์ดสาวไทย โชว์สปีดเร่งความเร็วเข้าป้ายด้วยเวลา 1.45.314 นาที คว้าเหรียญเงินมาครอง ส่วนเหรียญทอง เป็นของ ไรเดลล์ เกรซ อบาริโก จากฟิลิปปินส์ เวลา 1.40.218 นาที และเหรียญทองแดง เป็นของ เป็ง เซียวหลิง จากจีน เวลา 1.50.469 นาที ขณะที่ นวลสมร พิมพ์เชื้อ คว้าอันดับ 4 ด้วยเวลา 2.27.888 นาที
ทางด้านประเภทสเก็ตบอร์ดดาวน์ฮิลชาย อาเดรียน พาเนล หนุ่มฝรั่งเศส เร่งสปีดเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 1.27.167 นาที คว้าเหรียญทอง ไปครอง ส่วนเหรียญเงิน เป็นของ แฮร์รี คลาร์ค จากออสเตรเลีย เวลา 1.27.245 นาที และเหรียญทองแดง แซค มิลล์ส-กู๊ดวิน จากออสเตรเลีย เวลา 1.27.388 นาที ขณะที่ นักสเก็ตบอร์ดหนุ่มไทย ที่ทำผลงานดีที่สุด คือ แชนนอน ทูลลี จบอันดับ 5
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“แพ้กุ้ง” จะหายแพ้ได้ไหม?
หลายคนที่เคยเป็นคนที่ชอบรับประทานอาหารทะเลอย่าง “กุ้ง” มาก ต้องน้ำตาตก เพราะจู่ๆ ก็มีอาการแพ้กุ้งขึ้นมา ทั้งที่เป็นตั้งแต่เด็ก และแบบที่เพิ่งมีอาการแพ้เอาตอนโต คำถามที่หลายคนสงสัยคือ คนที่แพ้กุ้ง จะสามารถกลับมากินกุ้งได้ตามปกติโดยไม่มีอาการแพ้ เรียกง่ายๆ ว่าจะหายแพ้กุ้งได้หรือไม่
Sanook! Health มีคำตอบจาก Rama Channel มาฝากกัน
แพ้กุ้ง จะหายแพ้ได้ไหม?
ผศ. พญ.ทิชา ฤกษ์พัฒนาพิพัฒน์ สาขาวิชาโรคภูมิแพ้อิมมูโนวิทยาและโรคข้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ก่อนที่จะทราบกันว่าคนที่มีอาการแพ้กุ้ง จะกลับมากินกุ้งได้ตามปกติได้หรือไม่ ต้องดูที่ลักษณะของอาการแพ้กุ้งที่เกิดขึ้นกันก่อน
อาการแพ้กุ้งรุนแรง
อาการแพ้กุ้งรุนแรง หรือเฉียบพลัน นั่นคือ กินปุ๊บ มีอาการแพ้เกิดขึ้นปั๊บ โดยอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ ได้แก่
- มีลมพิษ ผื่นแดง ผื่นคัน
- หอบ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก
- อวัยวะต่างๆ มีอาการบวม
- ปวดท้อง ท้องเสีย
- ช็อก หมดสติ
- คลื่นไส้ อาเจียน
หากกินกุ้งแล้วมีอาการดังกล่าว ไม่สามารถกลับมากินกุ้งซ้ำได้อีก ต้องหลีกเลี่ยงจริงจัง
หากเป็นอาการแพ้กุ้งที่ไม่ได้เกิดขึ้ยโดยเฉียบพลัน และไม่ได้อาการเกิดขึ้นอย่างที่กล่าวมาข้างต้น มีความเป็นไปได้ว่า อาจไม่ได้แพ้กุ้งตั้งแต่แรก แต่แพ้สิ่งอื่นๆ ที่อาจมาพร้อมกุ้ง หรือแพ้อาหารอื่นๆ ที่ไม่ใช่กุ้ง แต่รับประทานไปพร้อมกัน
แพ้กุ้งสายพันธุ์หนึ่ง เลี่ยงไปกินกุ้งอีกสายพันธุ์หนึ่งได้หรือไม่?
อีกคำถามที่คนชอบกินกุ้งสงสัย บางคนมีอาการแพ้เฉพาะกุ้งบางสายพันธุ์ บางคนแพ้กุ้งตัวเล็ก แต่ไม่แพ้กุ้งตัวใหญ่ บางคนแพ้กุ้งแม่น้ำ ล็อบสเตอร์ แต่ไม่แพ้กุ้งตัวเล็กๆ ถ้าเป็นเช่นนี้จะสามารถรับประทานกุ้งสายพันธุ์ที่ไม่มีอาการแพ้ต่อไปได้หรือไม่
คำตอบคือ กว่า 50% ของผู้ป่วยที่เข้ารับการตรวจกับแพทย์ และได้รับการยืนยันแล้วว่ามีอาการ “แพ้กุ้ง” อย่างแน่นอน จะแพ้กุ้ง “ทุกสายพันธุ์” มีอีก 50% ที่จะมีอาการแพ้กุ้งแค่บางสายพันธุ์ แต่เราจะรู้ว่าเราเป็นกลุ่มที่มีอาการแพ้ทุกสายพันธุ์ หรือบางสายพันธุ์ได้ ต้องได้รับการยืนยันผลตรวจจากแพทย์เท่านั้น ตัวเราเองไม่มีทางรู้ได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น หากเป็นกลุ่มที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรง ไม่แนะนำให้รับประทานกุ้ง “ทุกสายพันธุ์” จนกว่าจะได้รับการยืนยันจากแพทย์จริงๆ ว่าแพ้กุ้งแค่บางสายพันธุ์จริงๆ เท่านั้น
กินยาแก้แพ้ดักไว้ก่อน จะกินกุ้งได้ไหม?
คนที่แพ้กุ้งหลายคนใช้วิธีกินยาแก้แพ้ดักก่อนล่วงหน้า แล้วจึงเริ่มลงมือกินกุ้ง โดยหวังใจว่าฤทธิ์ของยาแก้แพ้ที่กินเข้าไปก่อนจะช่วยไม่ให้เกิดอาการแพ้กุ้งหลังกินได้
คำตอบคือ หากเป็นผู้ป่วนที่มีอาการแพ้รุนแรง มีอาการแพ้เกิดขึ้นทันทีหลังกินกุ้ง จะไม่สามารถกินยาแก้แพ้ก่อนกินกุ้งได้ เพราะยาแก้แพ้ไม่สามารถบดบังปฏิกิรยาภูมิคุ้มกันรุนแรงได้ และเสี่ยงอันตรายกว่าเดิม เพราะผู้ป่วยที่เชื่อว่ากินยาแก้แพ้แล้วจะไม่เป็นอะไร อาจกินกุ้งมากขึ้นโดยไม่ได้ระมัดระวังตัวเอง อาการแพ้กุ้งแบบนี้เป็นอาการที่เกิดจากปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่จำอาหารที่แพ้ไม่มีวันลืม แสดงว่าไม่มีวันที่จะกินได้อีกไม่ว่าวิธีใดก็ตาม
แพ้กุ้ง หรือไม่ได้แพ้กุ้ง?
ผู้ป่วยบางรายอาจไม่ได้มีอาการแพ้กุ้งอย่างที่ตัวเองเข้าใจ โดยอาการที่พบได้ในคนไทย คือ โรคลมพิษเรื้อรัง ที่ผิวมีอาการแพ้ไว อาจมีผื่นขึ้นหลังการกินกุ้ง หรืออาจจะไม่ได้มีความสัมพันธ์กับการกินกุ้งเลยก็ได้ อาจเป็นอาการแพ้จากอาหารทะเลโดยทั่วไปที่อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่ายกว่าอาหารชนิดอื่นๆ อาจมีผื่นขึ้หลังกิน หรือไม่กินกุ้งก็ได้ หากเป็นอาการแบบนี้ สามารถกินยาแก้แพ้ก่อนกินกุ้งได้ โดยมีตุดประสงค์เพื่อลดอาการผื่นขึ้นจากการระคายเคืองที่เกิดจากอาหารโดยทั่วไป ซึ่งอาจไม่ใช่แค่กุ้งเท่านั้น
กล่าวโดยสรุปคือ คนที่แพ้กุ้ง ต้องรู้อาการของตัวเองว่ามีอาการแบบไหน มีอาการรุนแรงเฉียบพลัน กินกุ๊บเป็นปั๊บ และเป็นทุกครั้งที่กินกุ้งหรือไม่ ถ้าใช่ ก็ควรหลีกเลี่ยงการกินกุ้งไปตลอดชีวิต ไม่สามารถหายแพ้ได้ แต่หากไม่ได้มีอาการรุนแรง แพ้บ้างไม่แพ้บ้าง ต้องเข้ารับการตรวจให้แน่ใจกับแพทย์เท่านั้น เพื่อให้ทราบว่าแพ้กุ้งจริงหรือไม่ และหาทางรักษาอย่างถูกวิธีกันต่อไป เพื่อจะได้กลับมากินกุ้งได้อย่างสบายใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คำศัพท์น่ารู้: Symptoms-อาการเจ็บป่วย
1. ache เอค แปลว่า อาการปวด เป็นการปวดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่รุนแรงมากนัก
สามารถใช้ร่วมกับส่วนอื่นๆของร่างกาย เพื่อแสดงว่าเราปวดตรงส่วนไหน เช่น ปวดหัว (headache) ปวดท้อง (stomachache) หรือถ้าใครเจ็บหัวใจก็ใช้ heartache ก็ได้นะคะ ><
2. acute อะ-คิ้วท์ แปลว่า อาการป่วยที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
โดยทั่วไปแล้วจะใช้คู่กับ illness เป็น acute illness นะคะ แต่สำหรับอาการป่วยเรื้อรังต้องเป็น chronic illness
3. allergy แอล-เล่อ-จี แปลว่า โรคภูมิแพ้
อาการที่เกิดจากโรคภูมิแพ้ คือการมีผื่นคัน (rash) ขึ้นตามตัวนั่นเอง
4. bloody nose บลัดดี้-โนส แปลว่า เลือดกำเดาไหล
เรียกสั้นๆว่า nosebleed ได้ค่ะ มักจะเกิดจากจมูกไปกระแทกกับของแข็ง
5. diarrhea ไดอา-เรีย แปลว่า ท้องเสีย
สาเหตุมักเกิดจากอาหารเป็นพิษ (food poisoning) หรือไม่ก็เกิดจากภูมิแพ้อาหาร (food allergy)
6. dizzy ดิซ-ซี่ แปลว่า เวียนหัว
อาการเวียนศีรษะ สามารถใช้คำว่า headache หรือ light-headed ก็ได้
7. faint เฟ้นท์ แปลว่า เป็นลม
นอกจาก faint แล้วยังใช้คำว่า pass out, blackout หรือ lose consciousness (หมดสติ) ได้ เพราะคำเหล่านี้มีความหมายเดียวกันนะ
8. fatigue ฟะ-ทิ้ก แปลว่า ความเหนื่อยล้า
สาเหตุหลักเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ (lack of sleep) และการออกกำลังกายหักโหมเกินไป (excessive physical activity)
9. rash แร๊ช แปลว่า ผื่นคัน
เมื่อมีผื่นขึ้นจะทำให้เกิดอาการคัน (itch) จนเราต้องเกา (scratch) แต่อาจทำให้อาการแย่ลงได้
10. vomit วอ-มิท แปลว่า อาเจียน
อาการป่วยจำพวกท้องเสีย หรือวิงเวียนศีรษะอาจทำให้เกิดการอาเจียนออกมาได้
ขอเพิ่มเติมนิดนึงค่ะ
phlegm เฟล็ม แปลว่า เสมหะ
ไม่ถึงขั้นเป็นอาการป่วย แต่มักจะเกิดขึ้นเมื่อเราเป็นไข้หวัด (flu)
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
ไมโครซอฟท์เปิดตัว Surface Laptop Studio 2 ในไทย
ไมโครซอฟท์เริ่มเปิดจอง Surface Laptop Studio 2 ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ได้แก่ Banana IT, IT City, JIB, D-Kan, Power Buy และร้านค้าอย่างเป็นทางการของไมโครซอฟท์ทาง Lazada และ Shopee
สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้า ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2566 รับฟรี ปากกา Surface Slim Pen 2 (มูลค่า 4,990 บาท) ที่ออกแบบมาให้ทำงานวาด เขียน ลงสี และงานสร้างสรรค์อื่นๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติบนหน้าจอ Surface
“Surface Laptop Studio 2 เป็นแล็ปท็อปสมรรถนะสูงที่ตอบโจทย์ทุกการทำงาน และพร้อมดึงความคิดสร้างสรรค์ของทุกคนให้ออกมาโลดแล่น” วสุพล ธารกกาญจน์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดและปฏิบัติการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “Surface รุ่นนี้นับเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดที่เราเคยทำตลาดมา และเราก็ตื่นเต้นมากที่ลูกค้าในประเทศไทยจะได้สัมผัสกับทั้งพลังของฮาร์ดแวร์ ความคล่องตัวจากงานออกแบบที่ไม่เหมือนใคร และ Copilot ผู้ช่วยอัจฉริยะที่มากับ Windows 11”
Surface Laptop Studio 2
Surface Laptop Studio 2 เป็นดีไวซ์ตระกูล Surface ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดย ตัวเครื่องใช้วัสดุอลูมิเนียมอโนไดซ์ หน้าจอระบบทัชสกรีน PixelSense™ ขนาด 14.4 นิ้วที่ให้สีสันสมจริง รีเฟรชเรทสูงสุดถึง 120Hz พร้อมเทคโนโลยี Dolby Vision IQ® และ HDR ส่วนกล้องเว็บแคม Studio Camera ให้ความละเอียดระดับ Full HD และใช้เลนส์มุมกว้างทำงานผสานกับ AI ในตัว ขณะที่ระบบเสียงก็กระหึ่มด้วยลำโพง Omnisonic® และเทคโนโลยี Dolby Atmos®
Laptop Studio 2 จะมอบพลังที่เปลี่ยนทุกไอเดียของคุณให้เป็นจริง ด้วยสมรรถนะที่แรงขึ้นถึง 2 เท่าจากโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ H-class เจนเนอเรชั่นที่ 13 ที่พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม Intel® Evo™ ส่วนประสิทธิภาพด้านกราฟิกก็แรงขึ้น 2 เท่าตัวเช่นกัน จากชิปกราฟิก NVIDIA® GeForce RTX™ 4050 ที่รองรับเทคโนโลยี ray tracing พร้อมให้เฟรมเรทที่ไหลลื่นกว่าเดิมด้วย AI สำหรับทั้งการสร้างคอนเทนต์และเกมใหม่ล่าสุด นอกจากนี้ Surface Laptop Studio 2 ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 18 ชั่วโมง และจุข้อมูลได้สูงสุด 1TB บนไดรฟ์ SSD ความเร็วสูง จึงพร้อมรับมือกับทุกภารกิจตลอดวัน
ส่วนตัวเครื่องอลูมิเนียมอโนไดซ์เงางามยังปรับได้ถึง 3 โหมด จึงสามารถเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานจากแล็ปท็อปแบบจอสัมผัส ไปเป็นหน้าจอสำหรับความบันเทิงโดยเฉพาะ หรือแปลงร่างเป็นแคนวาสเพื่อการวาดภาพได้อย่างลงตัว
- ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในโหมดแล็ปท็อป: Surface Laptop Studio 2 มาพร้อมคีย์บอร์ดเต็มรูปแบบและทัชแพดที่มีระบบสัมผัสแม่นยำขึ้น พร้อมระบบ haptic ที่ตอบสนองกับทุกสัมผัส จึงตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างครอบคลุมและเหนือชั้น
- สร้างสรรค์ผลงานและไอเดียสุดล้ำในโหมดสตูดิโอ: วาดภาพ จดบันทึก และสเก็ตช์ภาพระหว่างระดมความคิด ด้วยปากกา Surface Slim Pen 2 บนหน้าจอสัมผัสที่คมชัด พร้อมที่เก็บและแท่นชาร์จปากกาในช่องใต้คีย์บอร์ดด้านหน้า
- ดูหนัง เล่นเกม หรือพรีเซนต์งานในโหมดสเตจ: ด้วยบานพับแบบ Dynamic Woven Hinge เพียงยกหน้าจอดันมาด้านหน้า ก็สามารถชมหรือพรีเซนต์คอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างสวยงาม
ข้อมูลการสั่งจองล่วงหน้า
Surface Laptop Studio 2 เปิดให้สั่งจองล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ผ่านทาง Banana IT, IT City, JIB, D-Kan, Power Buy และร้านค้าอย่างเป็นทางการของไมโครซอฟท์ทาง Lazada และ Shopee โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 15 ธันวาคม 2566 และมีรุ่นย่อยให้เลือกดังต่อไปนี้
- Intel® Core™ i7, 16GB RAM, 512GB SSD, NVIDIA® GeForce RTX™ 4050 ราคา 95,990 บาท
- Intel® Core™ i7, 32GB RAM, 1TB SSD, NVIDIA® GeForce RTX™ 4050 ราคา 112,990 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
5 ประโยชน์ของ “ชาขาว” ชาจากธรรมชาติ บำรุงสุขภาพ
หากกล่าวถึงชา แล้วละก็ย่อมนึกถึงรสชาติ และกลิ่นอันหอมสดชื่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งประเภทของชาล้วนมีมากมายในปัจจุบันที่ให้ผู้บริโภคได้เลือกดื่มตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็น ชาดำ ชาเขียว ชาอู่หลง รวมถึง “ชาขาว” นี้ด้วย แต่ชาขาวจะมีคุณประโยชน์แก่ร่างกายอย่างไรบ้าง Hello คุณหมอนำข้อมูลมาฝากกัน
รู้จักกับที่มาของ “ชาขาว” ก่อนนำมาปรุงเป็นเครื่องดื่ม
ชาขาว (White Tea) ถูกทำมาจากพืชที่มีชื่อเรียกว่า Camellia sinensis ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน และอินเดีย ส่วนมากผู้คนมักนิยมไปเก็บเกี่ยวต้นชานี้ในฤดูใบไม้ผลิ ของเขตทางเหนือฝูเจี้ยน ถึงแม้จะมาจากพันธุ์พืชเดียวกันกับชาเขียว ชาดำ แต่ยังคงมีความแตกต่างกันอยู่บ้างเล็กน้อย
เนื่องจากชาขาวเป็นชาที่ผ่านกระบวนการการแปรรูปหรือผ่านขั้นตอนการสกัดมาน้อยกว่าชาประเภทอื่นๆ จึงทำให้ยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นชา ทั้งกลิ่น และรสชาติคงเดิมไว้ ไม่เปลี่ยนแปลงมากเหมือนกับชาอื่นๆ
ประโยชน์ทั้ง 5 ของ “ชาขาว” ที่คุณควรรู้ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
โพลีฟีนอล (Polyphenols) เป็นหนึ่งในโมเลกุลจากพืชที่เป็นตัวต้านสารอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่คอยซ่อมแซมเซลล์ที่ได้รับความเสียหาย ต้านการอักเสบ และเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย เพราะสารจากธรรมชาติเหล่านี้จะสามารถเข้าไปปกป้องไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยได้
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
ในการวิเคราะห์ของนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า ผู้ที่ดื่มชาขาวในปริมาณ 3 ถ้วยขึ้นไป ต่อวัน สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจลดลงถึง 21% เพราะสารโพลีฟีนอลมีคุณสมบัติช่วยปรับปรุงหลอดเลือดให้เกิดการไหลเวียน และลดระดับคอเลสเตอรอลที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคหัวใจ
- ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
เมื่อถูกสภาพแวดล้อมรอบข้างทำร้ายผิว โดยเฉพาะรังสียูวีจากแสงแดด อาจสามารถส่งผลทำร้ายผิวคุณได้โดยตรง จนเซลล์ผิวเกิดความเสียหายอย่างหนักกลายเป็นริ้วรอยเหี่ยวย่น ซึ่งการดื่มชาขาวอย่างสม่ำเสมออาจช่วยปกป้องผิวชองคุณได้ด้วยจากใยอาหาร ไฟเบอร์ และสารประกอบในใบชา
- ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปาก
ชาขาวเป็นแหล่งรวมของสารประกอบที่มีประโยชน์หลายประเภท ซึ่งแน่นอนว่าฟลูออไรด์ (Fluoride) แคเทชิน (Catechin) และ แทนนิน (Tannin) ก็อยู่ในใบชานี้ด้วย เมื่อเกิดการรวมกัน ทำให้การทำงานของโมเลกุล 3 ชนิดนี้ เข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ที่ก่อให้เกิดอาการฟันผุ และทำให้พื้นผิวของฟันมีความแข็งแรงขึ้น ป้องกันอาหารที่มีความเป็นกรดเข้ามากัดกร่อนทำลายชั้นฟันภายใน
- ชะลอการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ในการศึกษาหนึ่งพบว่า สารสกัดจากชาขาวมีส่วนช่วยในการชะลอ หรือหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็งในลำไส้ใหญ่ได้ และป้องกันเซลล์ที่ได้รับความเสียหายจากสารอันตรายได้ แต่ถึงอย่างไรคงจำเป็นต้องมีการพิสูจน์และทดลองของสารจากธรรมชาติในต้นชานี้ต่อไป เพื่อผลลัพธ์ที่แน่ชัด
- ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการดื่มชา
องค์การอาหาร และยาแห่งสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration ; FDA) ชี้ว่า ภายในชาขาว อาจมีส่วนผสมของคาเฟอีนร่วมอยู่ด้วย แต่มีปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเทียบกับ ชาเขียว (Green tea) และ ชาดำ (Black tea) เพราะชาดังกล่าวนี้ อาจมีปริมาณของคาเฟอีนสูงถึง 30-50 มิลลิกรัม
ดังนั้นผู้ที่แพ้คาเฟอีน อาจมีพฤติกรรมถึงอาการที่แตกต่างกันไป และหากคุณเคยมีประวัติการแพ้สารนี้ โปรดหลีกเลี่ยงการดื่มชาดังกล่าว และหันมารับประทานน้ำผัก ผลไม้ทดแทน จะเป็นการดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
มาแล้วเหมยขาบหรือน้ำค้างแข็งแรกของปีที่ยอดดอยอินทนนท์
เกิดปรากฎการณ์ เหมยขาบขึ้นครั้งแรก บนยอดดอยอินทนน์จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงต้นฤดูหนาวของปี 2566 สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาสัมผัสอากาศหนาวบนยอดดอย
ที่บริเวณยอดดอยอินทนทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เกิดปรากฏการณ์แม่คะนิ้ง หรือน้ำค้างแข็ง หรือที่ชาวเชียงใหม่เรียกว่าเหมยขาบ เกาะอยู่บนยอดหญ้าริมทาง บริเวณลานจอดรถหน้าสถานีเดาห์กองทัพอากาศ บนยอดดอย ถือเป็นเหมยขาบวันแรกของต้นฤดูหนาวปี 2566 ที่ถือว่ามาช้ากว่าทุกปี โดยอุณหภูมิตำสุดเช้าวันนี้ ที่บริเวณยอดดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของประเทศไทย และที่บริเวณกิ่วแม่ปาน วัดได้ 6 องศาเซลเซียส ทำให้นี้นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปยอดดอยเพื่อชมแสงพระอาทิตย์แรกของวัน ต่างประทับใจเนื่องจากได้พบเห็นปรากฎการณ์เหมยขาบดังกล่าว
ทั้งนี้พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ที่พาครอบครัว คนรัก และเพื่อนฝูงขึ้นมาท่องเที่ยวบนยอดดอยอินทนนท์ในระยะนี้ประมาณ 5,000 คน ต่อวัน ขณะที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือมีรายงานว่าในช่วงวันที่ 28 – 29 พฤศจิกายน บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้าโดยเฉพาะบริเวณยอดดอย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 29/11/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 33,500.00 | 33,600.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,170.00 | 32,897.20 | 34,100.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,953.00 | 29,607.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,736.00 | 26,317.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 977.00 | 14,811.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 760.00 | 11,521.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,249.00 | 34,094.84 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/11/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.05 | 36.05 | 36.55 | 36.05 | 36.05 | 36.05 | 36.05 | 36.05 | 36.05 | 36.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.28 | 34.28 | 34.78 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.94 | 33.94 | 34.44 | 33.94 | 33.94 | – | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.09 | 34.09 | – | – | – | – | – | – | – | 34.09 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 43.84 | 47.74 | 48.24 | 47.74 | – | – | – | – | – | 43.84 |
เบนซิน 95 | 43.94 | – | – | – | 45.11 | – | 44.44 | 44.09 | – | 43.94 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 44.94 | 43.64 | 42.94 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |