ลุยจัด ‘งานสถาปนิก65’ อิมแพคเมืองทองฯ ฟื้นอุตสาหกรรม คาด สะพัด 2 หมื่นล.
ลุยจัดงาน “สถาปนิก’65” 26 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2565 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี หนุนอุตสาหกรรมออกแบบ – ก่อสร้างเติบโต คาดเงินสะพัด 2 หมื่นล้านบาท
28 มีนาคม 2565 – อีกหนึ่งงานใหญ่ “สถาปนิก’65 (Architect’22)” ภายใต้แนวคิด CO-WITH CREATORS: พึ่งพา-อาศัย ซึ่งจะมีผู้แสดงสินค้าชั้นนำจากไทยและต่างประเทศ กว่า 450 บริษัท ตบเท้านำทัพนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้างร่วมงานเต็มพื้นที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในช่วงวันที่ 26 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2565
โดยนายชนะ สัมพลัง นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานในพิธีแถลงข่าวฯ เปิดเผยว่า การจัดงานสถาปนิกในทุก ๆ ปี ถือว่ามีส่วนสำคัญในการช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมออกแบบ-ก่อสร้าง สถาปัตยกรรมของประเทศไทย และเป็นสื่อกลางที่ดีที่สุดให้กับคนในแวดวงและผู้บริโภคได้มาเจอกัน เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ในวิชาชีพทางสถาปัตยกรรม และเป็นเวทีที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนางานด้านการออกแบบและสถาปัตยกรรมไทยที่มีองค์ความรู้ใหม่ ๆ เกิดขึ้นเสมอ จนเป็นสัญลักษณ์ของการจัดงานที่ทุกคนจดจำ
สำหรับ ปีนี้ มีความพิเศษและยิ่งใหญ่กว่าเดิม เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้ก้าวเดินหน้าต่อในยุคโควิด โดยอาศัยความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้ และการพึ่งพาอาศัยศักยภาพของกันและกัน ระหว่างสถาปนิก x นักสร้างสรรค์ (Creators) ในสาขาอาชีพต่าง ๆ จนเกิดการ Cross-culture และ Cross-function นำมาสู่แนวคิดหลักของงาน คือ “CO-WITH CREATORS: พึ่งพา-อาศัย”
โดยแนวคิดนี้มาจากประธานจัดงาน 3 ท่าน จาก 3 ภูมิภาค คือ ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เล็งเห็นความสำคัญของการ “พึ่งพา-อาศัย” จากการได้ทำงานร่วมกันท่ามกลางแนวคิด ภาษา และวัฒนธรรมที่แตกต่าง ระหว่างสถาปนิกและนักสร้างสรรค์ในสาขาอาชีพอื่น ๆ จากภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในมุมมองสถาปัตยกรรมใหม่ ๆ หรือ เรื่องราวใหม่ ๆ ที่อาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน และมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกัน คือ การต่อยอดและพัฒนางานในอุตสาหกรรมออกแบบ-ก่อสร้าง และสถาปัตยกรรม อย่างไม่สิ้นสุด
ด้าน นายศุภแมน มรรคา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะผู้จัดงานฯ กล่าวว่าสถาปนิก’65 เป็นงานจัดแสดงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่และครบครันที่สุดในอาเซียน ถือเป็น 1 ในงานจัดแสดงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้แสดงสินค้าและผู้ชมงานจากทั่วโลก โดยปีนี้มีบริษัทที่ตอบรับเข้าร่วมจัดแสดงเต็มพื้นที่กว่า 50,000 ตารางเมตร รวมกว่า 450 บริษัท แบ่งเป็นผู้จัดแสดงสินค้าจากต่างประเทศกว่า 5% อาทิ อิตาลี เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ อินเดีย มาเลเซีย ฯลฯ
ทั้งนี้ การจัดงานในปีนี้มีการจัดแสดงพื้นที่ในรูปแบบพิเศษ “Thematic Pavilion” เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความร่วมมือกันระหว่าง “ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ x ซัพพลายเออร์วัสดุก่อสร้าง” ที่นำผลิตภัณฑ์ของแต่ละแบรนด์มาสร้างสรรค์เป็นพื้นที่จัดแสดงที่เทียบเคียงกับงานดีไซน์ระดับโลก เพื่อมุ่งสร้างประสบการณ์พิเศษที่ไม่เหมือนทุก ๆ ปี ให้กับเหล่านักออกแบบ นักสร้างสรรค์ ผู้จัดแสดงสินค้า และผู้เข้าชมงาน พร้อมยกระดับการจัดงานสู่สากล อาทิ ผลงานสร้างสรรค์ร่วมกันระหว่าง VG x PHTAA ที่นำเสนอพื้นที่แบบบ้านทรงไทยยกใต้ถุน โดยใช้วัสดุรางน้ำฝนและหลังคาไวนิล TOA X ARiA Design Architects ที่เล่นกับรูปทรงประหลาดตาอันแสดงถึงศักยภาพของวัสดุที่ส่งเสริมการออกแบบอย่างยั่งยืน WDC X ACa ตีโจทย์การออกแบบเพื่อการอยู่อาศัยในห้องต่าง ๆ ออกมาเป็น Conceptual Space ผ่านวัสดุกระเบื้องหลายรูปแบบ และ EDL x Sher Maker ผลงานออกแบบที่ชวนให้มองถึงแง่มุมในการใช้วัสดุแบบใหม่ ๆ ผ่านพื้นที่ปิดล้อมเชิงประสบการณ์
ทางด้านความพร้อมของผู้แสดงสินค้าต่างเตรียมขนทัพผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานงานด้านดีไซน์ และนวัตกรรมเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้อยู่อาศัย อาทิ เทรนด์ Health & Wellness ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ประเภท Hygienic Product อย่าง TOA Organic Care สีที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติแทนปิโตรเลียม ไร้สารก่อภูมิแพ้ กลิ่นอ่อนพิเศษ ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก USDA สหรัฐอเมริกา รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย จาก TOA, ลามิเนตที่สามารถต้านเชื้อไวรัสได้ถึง 100% รายแรกของโลก จาก GREENLAM LAMINATES, นวัตกรรมผ้า Anti-microbial Collections ที่บรรจุคุณสมบัติพิเศษด้วยเทคโนโลยีจากสวิสเซอร์แลนด์ ยับยั้งเชื้อไวรัสได้ 96% และแบคทีเรียได้ถึง 99% จาก PASAYA
นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมจากต่างประเทศอีกมากมาย อาทิ แผงโซลาร์เซลล์ Tesla และ Powerwall ที่ช่วยให้ผลิตไฟฟ้าไว้ใช้งานเป็นของตนเองได้ จาก SOLAR D, ผลิตภัณฑ์หินตกแต่งจากบราซิล โดย RICA STONE & MARBLE, ชุดครัว อ่างล้างมือ และแผ่นตกแต่งปิดผิว โดยทีมนักออกแบบชาวญี่ปุ่น จาก sanwacompany และการประชันระหว่างเครื่องมือช่างแบรนด์อันดับหนึ่งจากฝั่งอเมริกาและญี่ปุ่น อย่าง BLACK+DECKER และ MAKITA, APTICO วัสดุปิดผิวนำเข้าจากประเทศออสเตรีย ด้วยเทคโนโลยีพื้นผิวสัมผัสเนื้อแมตต์ (Ultra-matt Finish) คุณภาพระดับ Food Grade สามารถป้องกันรอยนิ้วมือและรอยขีดข่วนต่าง ๆ ลบรอยขีดข่วนได้ด้วยความร้อน ป้องกันแบคทีเรีย กันสารเคมี ทำความสะอาดได้ง่าย จาก EDL
ในส่วนของแบรนด์ดังที่มาร่วมจัดแสดงภายในงาน อาทิ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ – ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด นำเสนอผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิด “SCG for Smart Living, Smart City” สัมผัสกับนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยทั้งในบ้าน อาคาร และเทคโนโลยีการก่อสร้างจาก SCG ที่จะช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าสำหรับวันนี้และในอนาคต
สำหรับพื้นที่จัดแสดงภายในงานสถาปนิก’65 จะมีไฮไลท์ คือ โซนนิทรรศการ “Dwell Well อยู่ได้ อยู่ดี” ที่จัดแสดงโซลูชันที่หลากหลายที่ไม่เพียงตอบโจทย์การอยู่อาศัยและการก่อสร้างในยุคปัจจุบัน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์เมืองที่น่าอยู่และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด นำเสนอ สี JORAKAY BIOSPHERE PREMIUM ที่อยู่ในกลุ่มของสี Natural Color ผลิตจากวัสดุจากธรรมชาติ Lime Base ลดปัจจัยที่ทำให้เกิดโลกร้อนโดยการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในเวลาแห้งตัว ช่วยระบาย และถ่ายเทความร้อนได้ดี ทนต่อทุกสภาพอากาศ มลภาวะและรังสี UV ไม่มีกลิ่นของสารระเหย (NON VOCs) และปราศจากสารก่อมะเร็ง (No Formaldehyde) ปลอดภัยกับสุขภาพ เข้าอยู่ได้ภายใน 24 ชั่วโมง เหมาะสำหรับงานทาสีบ้านใหม่และงานรีโนเวท
นายศุภแมน กล่าวเสริมว่า “มีความมุ่งหวังว่าอุตสาหกรรมออกแบบ สถาปัตยกรรม อสังหาริมทรัพย์ และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จะเริ่มกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากตลาดซบเซาเป็นเวลานานจากสถานการณ์โควิด โดยเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากผู้แสดงสินค้าจากต่างประเทศที่ตอบรับเข้าร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็น อิตาลี เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ฯลฯ ซึ่งที่ผ่านมางานสถาปนิกจะเป็นอีกหนึ่งเวทีที่สามารถกระตุ้น หรือ ชี้วัดดัชนีทางเศรษฐกิจได้ และในฐานะผู้จัดงานฯ มีความมั่นใจว่าการจัดงานสถาปนิก’65 จะสามารถดำเนินการได้อย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดตามมาตรฐานที่ ศบค. กำหนด โดยคาดการณ์ว่าตลอดการจัดงาน 6 วัน จะมีจำนวนผู้เข้าชมงานกว่า 300,000 คน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่มาเดินชมงานจะมีความหลากหลายมากกว่าการจัดงานที่ผ่านมา เนื่องจากได้ฐานผู้ติดตามกลุ่มนักสร้างสรรค์ (Creators) ที่มาร่วมครีเอทผลงานกับสถาปนิกในครั้งนี้ และมีเม็ดเงินสะพัดหลังจบงานกว่า 2 หมื่นล้านบาท”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ข่าวดี! ธอส.จัดประมูลบ้านออนไลน์ 4.4 Grand Sale ราคาต่ำสุด 4.5 หมื่นบาท
ธอส. เตรียมจัดงานประมูลออนไลน์บ้านมือสอง 4.4 Grand Sale คัดทรัพย์ดีทั่วประเทศมากถึง 3,661 รายการ มาเปิดประมูลผ่าน G H Bank Smart NPA ราคาเริ่มต้นประมูลลดสูงสุด 50% และราคาต่ำสุดเพียง 45,000 บาทเท่านั้น เริ่มประมูลพร้อมกันวันที่ 4 เม.ย.65 นี้
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. เตรียมจัดงาน 4.4 Grand Sale งานประมูลออนไลน์บ้านมือสอง ธอส. ผ่าน Application : G H Bank Smart NPA ในวันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2565 ระหว่างเวลา 09.00 – 17.00 น. โดยคัดทรัพย์ใหม่ คุณภาพดีทั่วประเทศ รวมถึง 3,661 รายการ
ทั้งประเภททาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ห้องชุด อาคารพาณิชย์ และที่ดินเปล่า มาประมูลในราคาเริ่มต้นที่ให้ส่วนลดพิเศษสูงสุด 50% จากราคาปกติ แบ่งเป็นทรัพย์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,086 รายการ
โดยรายการทรัพย์ที่มีราคาเริ่มต้นประมูลต่ำสุดอยู่ที่เพียง 45,000 บาท ได้แก่ ห้องชุด ชั้นที่ 4 ขนาดเนื้อที่ 26.25 ตารางเมตร โครงการปลาทอง 79 ใน อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี
รายการทรัพย์เด่นที่น่าสนใจมากมาย อาทิ ทรัพย์ประเภทห้องชุด ขนาดเนื้อที่ 26.75 ตารางเมตร ในโครงการลุมพินีทาวน์ชิปรังสิต-คลอง 1 ซี.ดี.อี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ราคาเริ่มต้นประมูลที่ 875,000 บาท ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก และเดินทางได้หลายเส้นทาง ทั้งทางถนนรังสิต-นครนายก และถนนลำลูกกา และสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสายสีแดงได้
และทรัพย์ประเภททาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น ขนาดเนื้อที่ 27 ตารางวา ในโครงการหมู่บ้านเดอะคัลเลอร์พรีเมี่ยม บางนา-วงแหวน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ราคาเริ่มต้นประมูลที่ 2,805,000 บาท
ซึ่งเป็นทรัพย์ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน เช่น คลับเฮาส์ สระว่ายน้ำ ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถเดินทางได้สะดวก ทั้งถนนเลียบทางด่วนบางพลี-สุขสวัสดิ์ และทางด่วน (วงแหวนกาญจนาภิเษก)
ส่วนทรัพย์ในภูมิภาคได้นำออกประมูลจำนวน 2,575 รายการ โดยรายการทรัพย์เด่นที่น่าสนใจ ได้แก่ ทรัพย์ประเภท ทาวน์เฮ้าส์ 1 ชั้น ขนาดเนื้อที่ 24.10 ตารางวา ในโครงการหมู่บ้านเอสซี วิลเลจ ปลวกแดง-วังตาผิน 3 อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ราคาเริ่มต้นประมูลที่ 1,140,000 บาท
โดยเป็นทรัพย์ที่อยู่ในย่านที่สามารถเดินทางเข้า-ออกนิคมอุตสาหกรรมได้อย่างสะดวก อยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ รวมถึงใกล้สถานศึกษาและสถานที่สำคัญทางราชการเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ทรัพย์ที่มีราคาจำหน่ายต่ำสุด ได้แก่ ทรัพย์ประเภทที่ดินเปล่า เนื้อที่ 172 ตารางวา ในโครงการบ้านไร่แลนด์ 11 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ราคาเริ่มต้นประมูล 86,000 บาทเท่านั้น
และที่ทรัพย์ที่มีราคาลดสูงสุด 50% ราคาเริ่มต้นประมูลเหลือเพียง 285,000 บาท จากราคาปกติ 570,000 บาท ได้แก่ ทรัพย์ประเภทบ้านแฝด 1 ชั้น ขนาดเนื้อที่ 19.50 ตารางวา ในโครงการออมสินโชคชัย อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา
สำหรับผู้ที่ชนะการประมูลในครั้งนี้จะต้องวางเงินประกันการซื้อทรัพย์ตามจำนวนเงินที่ธนาคารกำหนดและทำสัญญาจะซื้อจะขายภายใน 5 วันทำการ นับถัดจากวันที่จัดประมูลออนไลน์
และยังสามารถใช้ “ผลิตภัณฑ์สินเชื่อสำหรับทรัพย์ NPA” อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นานสูงสุด 24 เดือน และสามารถเข้าอยู่อาศัยได้ในระหว่างผ่อนดาวน์ เพียงชำระเงินประกันการเข้าอยู่อาศัยไม่ต่ำกว่า 1.5% ของราคาประมูลได้อีกด้วย
ผู้ที่สนใจสามารถดูทรัพย์จริงก่อนประมูลได้ทุกวัน หรือรับชมภาพทรัพย์ผ่าน Application : G H Bank Smart NPA หรือ www.ghbhomecenter.com
พร้อมกับลงทะเบียนและวางเงินประกันเข้าร่วมประมูลเพียง 5,000 บาท ต่อ 1 รายการทรัพย์ที่เข้าร่วมประมูลผ่าน Application : GHB ALL ภายในวันที่ 30 มีนาคม 2565 (ชื่อเจ้าของบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ GHB ALL จะต้องเป็นชื่อบุคคลเดียวกับผู้เข้าร่วมประมูล)
ซึ่งการประมูล จะแบ่งออกเป็น 5 รอบ รอบละ 60 นาที ดังนี้
-รอบที่ 1 เวลา 9.00-10.00 น. เป็นทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด นครศรีธรรมราช ปราจีนบุรี พัทลุง ระยอง สงขลา สระแก้ว และ สิงห์บุรี
-รอบที่ 2 เวลา 10.30-11.30 น. เป็นทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ กรุงเทพฯ จ.นนทบุรี และ ปทุมธานี
-รอบที่ 3 เวลา 12.00-13.00 น. เป็นทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และสุราษฎร์ธานี
-รอบที่ 4 เวลา 13.30-14.30 น. เป็นทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.กำแพงเพชร ชัยนาท เชียงราย เชียงใหม่ ตาก นครนายก นครสวรรค์ น่าน พระนครศรีอยุธยา พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน ลพบุรี ลำปาง ลำพูน สระบุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี อ่างทอง อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี
-รอบที่ 5 เวลา 15.00-16.00 น. เป็นทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.กระบี่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ ชุมพร ตรัง นครพนม นครราชสีมา นราธิวาส บุรีรัมย์ ปัตตานี พังงา ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ยะลา ร้อยเอ็ด ระนอง เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี และอุบลราชธานี
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูลสามารถดาวน์โหลด Application : G H Bank Smart NPA และลงทะเบียนเข้าร่วมประมูลและวางเงินประกันเข้าร่วมประมูลได้ถึงวันที่ 30 มีนาคม 2565
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศและติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ Application : GHB ALL และ www.ghbank.co.th
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
SCB 10X เผยแนวคิดสำนักงานใหญ่บน Metaverse ใน The Sandbox
SCB 10X เผยแนวคิดสำนักงานใหญ่บน Metaverse ใน The Sandbox สะท้อนความเป็นไทยสู่โลกดิจิทัลไร้พรมแดนมุ่งสร้างระบบนิเวศและคอมมูนิตี้ที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนในโลกเสมือนจริง
เอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 10X) มุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจรูปแบบใหม่ในโลกอนาคต โฟกัสการลงทุนในธุรกิจด้าน Disruptive Technology โดยเฉพาะ Metaverse และ Web 3.0 ล่าสุด เผยโฉมตัวอย่างสำนักงานใหญ่ (Headquarters) ใน The Sandbox แพลตฟอร์มโลกเสมือนจริงที่พัฒนาบนเทคโนโลยีบล็อกเชน นับเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินแห่งแรกในโลกที่ริเริ่มพัฒนาสำนักงานใหญ่บนโลกเสมือนจริงใน The Sandbox โดยพัฒนาภายใต้แนวคิดที่ต้องการสะท้อนภาพความเป็นไทยสู่เวทีสากลและโลกดิจิทัลที่ไร้พรมแดน เน้นประโยชน์ใช้สอยพื้นที่สำนักงานใหญ่ใน 3 ด้าน ได้แก่ 1. Virtual Hub พื้นที่แบ่งปันความรู้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและการมีส่วนร่วม 2. Virtual Land พื้นที่สำหรับพันธมิตรทางธุรกิจในการทำกิจกรรมร่วมกันและพัฒนาต่อยอดโครงการอื่น ๆ ในอนาคต และ 3. พื้นที่แสดงผลงานและสนับสนุนศิลปินชาวไทยสู่ตลาดโลก ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าเยี่ยมชมได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2565 นี้
ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด กล่าวว่า “เราให้ความสนใจและโฟกัสการลงทุนในกลุ่มธุรกิจด้าน Disruptive Technology ได้แก่ เทคโนโลยีด้านการเงิน (Fintech) โดยเฉพาะบล็อกเชน (Blockchain) ที่เกี่ยวกับด้าน Financial Services รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) Web 3.0 และ Metaverse โดยเราเล็งเห็นว่า Metaverse และ Web 3.0 จะเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดประตูสู่โลกอนาคตเพื่อต่อยอดทางธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ และช่วยให้สามารถเข้าถึงโอกาสการเติบโตที่ไร้ขีดจำกัดบนโลกเสมือน ที่ไม่จำกัดเพียงแค่อุตสาหกรรมการเงินเท่านั้น โดยแนวคิดในการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ (Headquarters) บน The Sandbox ครั้งนี้ นับเป็นการตอกย้ำพันธกิจของเราที่มุ่งมั่นสร้างการเติบโตในรูปแบบใหม่ ๆ ให้แก่องค์กร ผ่านการนำขีดความสามารถทางเทคโนโลยี ตลอดจนความรู้ความเชี่ยวชาญของบุคลากรของ SCB 10X ผสานกับการร่วมมือเป็นพันธมิตรร่วมกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลกเพื่อร่วมกันสร้างชุมชนและระบบนิเวศที่แข็งแกร่งบนโลก Metaverse เตรียมพร้อมรองรับการเติบโตในโลกอนาคต”
นางมุขยา พานิช Chief Venture and Investment Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) กล่าวว่า “SCB 10X มองเห็นโอกาสการเติบโตบนโลก Metaverse อย่างมาก ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากการที่หลายบริษัทชั้นนำและแบรนด์ชื่อดังจากทั่วโลกเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งบนโลกเสมือนอย่างต่อเนื่อง โดยจุดประสงค์หลักที่มีแนวคิดในการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ (Headquarters) บน The Sandbox แพลตฟอร์มโลกเสมือนจริงที่พัฒนาบนเทคโนโลยีบล็อกเชน คือ เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับสร้างรากฐานระบบนิเวศและคอมมูนิตี้ที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน (Community-Driven) บนโลก Metaverse รวมถึงมุ่งสนับสนุน ส่งเสริม และผลักดันความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินชาวไทยสู่ตลาดโลก นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่สำหรับเชื่อมผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกให้สามารถเข้ามามีส่วนร่วมบนโลกเสมือนจริง พร้อมต่อยอดและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงอุตสาหกรรมการเงิน เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ตามจินตนาการอย่างไร้ขีดจำกัด โดยแบ่งประโยชน์การใช้สอย 3 ด้านหลัก ได้แก่
1. Virtual Hub พื้นที่แบ่งปันความรู้ (Event & Knowledge Sharing) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและการมีส่วนร่วม
2. Virtual Land พื้นที่สำหรับพันธมิตรทางธุรกิจในการทำกิจกรรมร่วมกันและพัฒนาต่อยอดโครงการอื่น ๆ ในอนาคต
และ 3. พื้นที่แสดงผลงานและคอนเสิร์ตที่มุ่งสนับสนุนและผลักดันศิลปินชาวไทยสู่ตลาดโลก ในรูปแบบต่างๆ เช่น NFT Gallery เป็นต้น”
“แนวคิดการออกแบบสำนักงานใหญ่บนโลกเสมือนจริงของ SCB 10X ได้สะท้อนภาพความเป็นไทยสู่เวทีสากลและโลกดิจิทัลที่ไร้พรมแดน ผ่านสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงของไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งจำลองภาพความเป็นไทยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ “อดีต” รากฐานอันงดงามของอนาคต “ปัจจุบัน” ประตูสู่เชื่อมเครือข่ายพันธมิตรที่ไม่รู้จบ และ “อนาคต” การเติบโตอันก้าวกระโดดแห่งอนาคต ซึ่งในแต่ละโซนถูกจัดสรรให้มีประโยชน์ใช้สอยแตกต่างกัน โดยสำนักงานใหญ่บนโลกเสมือนจริงของ SCB 10X นับเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินแห่งแรกในโลกที่ริเริ่มพัฒนาสำนักงานใหญ่บนโลกเสมือนจริงใน The Sandbox”
“การสร้าง สำนักงานใหญ่บนโลกเสมือนจริงนับเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินแห่งแรกในโลกที่ริเริ่มพัฒนาสำนักงานใหญ่บนโลกเสมือนจริงใน The Sandbox โดยอยู่ภายใต้การหารือร่วมกับหน่วยงานกำกับทางการอย่างใกล้ชิด และคาดว่าจะพร้อมให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าเยี่ยมชมอย่างเป็นทางการภายในไตรมาส 4 ปี 2565 นี้ นอกจากนี้ เรายังให้ความสนใจศึกษาเรื่องการลงทุนเกี่ยวกับ Metaverse และมีแผนที่จะจัดกิจกรรม Metaverse Hackathon เร็ว ๆ นี้ เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งเวทีสำหรับผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้าน Metaverse สามารถมาปลดปล่อยพลังและความคิดสร้างสรรค์ โดยเราหวังว่ากิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการวางรากฐานในการสร้างระบบนิเวศอันแข็งแกร่ง และผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับ Metaverse อีกด้วย” นางมุขยา กล่าวเสริม
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“อาฒยา” พุ่งขึ้นยึดมือ 5 ของ โลก หลังผงาดแชมป์ LPGA
“โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล อันดับโลกเลื่อนขึ้น 9 อันดับไปอยู่ที่ 5 ในการประกาศจัดอันดับคะแนนสะสมโลกกอล์ฟหญิงล่าสุด เมื่อวันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 หลังจากสร้างผลงานคว้าแชมป์แรก ในการเล่นอาชีพแอลพีจีเอ ทัวร์ รายการ เจทีบีซี คลาสสิค เป็นอันดับโลกสูงสุดของนักกอล์ฟไทยในขณะนี้
ส่วน “โปรเมียว” ปาจรีย์ อนันต์นฤการ ที่จบอันดับ 4 ร่วมในรายการนี้ เลื่อนขึ้น 10 อันดับ ไปอยู่ที่ 60 ของโลก
ด้าน “โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ หล่นจากอันดับ 13 ไปอันดับ 14 เช่นเดียวกับ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล หล่นไปอันดับ 33 ในขณะที่ “โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล เลื่อนขึ้นอันดับ 40 โปรจัสมิน สุวัณณะปุระ เลื่อนขึ้นอันดับ 98
สำหรับ 4 อันดับแรกไม่มีการเปลี่ยนแปลง โค จิน-ยอง อันดับ 1 เนลลี คอร์ดา จากสหรัฐอเมริกา อันดับ 2 ลีเดีย โค จากนิวซีแลนด์อันดับ 3 และ อี มินจี จากออสเตรเลีย อันดับ 4
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
โควิด-19 vs ไข้เลือดออก อาการแตกต่างกันอย่างไร
ในช่วงที่โควิด-19 ก็ยังระบาด แต่ไข้เลือดออกก็ไม่เคยไปไหน เราจะแยกสองโรคนี้ออกจากกันได้อย่างไร
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า “ช่วงนี้เราเริ่มมีสัญญาณผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ในปีที่แล้ว มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเสียชีวิตทั้งหมด 6 ราย แต่ในปีนี้ ผ่านมาเพียงแค่ 3 เดือน มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเสียชีวิตไปแล้ว 3 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิตก็เป็นโรคไข้เลือดออกร่วมกับโควิด-19 ด้วย”
อีกทั้งยังกล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่ไปสนใจที่โรคโควิด-19 มากจนละเลยว่ามีโรคไข้เลือดออกอยู่ ทั้งๆ ที่อัตราการเสียชีวิตของทั้ง 2 โรคนี้นั้น ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ ไข้เลือดออกก็สามารถรักษาให้หายได้ โดยจะมีลักษณะอาการของโรคที่ต่างกัน เช่น ไข้เลือดออกจะมีไข้สูง
โควิด-19 vs ไข้เลือดออก อาการแตกต่างกันอย่างไร
ไข้เลือดออก
- มีไข้สูง (อุณหภูมิมากกว่า 38.5 องศาเซลเซียส) นานประมาณ 2-7 วัน
- ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยเนื้อตัว
- เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้อง โดยเฉพาะบริเวณใต้ชายโครงขวา
- อาจมีถ่ายดำ หรือถ่ายเป็นเลือด
- มีจุดเลือดออกสีแดงเล็กๆ ตามผิวหนัง
- มักไม่พบอาการไอ มีน้ำมูก หายใจลำบาก หรือปอดอักเสบ
โควิด-19
- มีไข้ (อุณหภูมิมากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส)
- ปวดเมื่อยเนื้อตัว
- เจ็บคอ ไอแห้ง หรือมีเสมหะ มีน้ำมูก นานติดต่อกัน 7 วัน
- หอบเหนื่อย หายใจลำบาก
- ปอดอักเสบในรายที่รุนแรง
- บางรายมีอาการท้องเสีย
- ไม่พบจุดเลือดออกตามผิวหนัง
ไม่แน่ว่าเป็นไข้เลือดออก หรือโควิด-19 ควรทำอย่างไร
Sanook Health แนะนำขั้นตอนเบื้องต้นในการสังเกตตัวเองง่ายๆ ดังนี้
- หากในวันแรกที่มีอาการลองตรวจ ATK แล้วยังมีผลเป็นลบ (ขึ้นขีดสีแดงขีดเดียว) ไม่มีจุดแดงขึ้นตามตัว อุณหภูมิในร่างกายสูงไม่เกิน 38.5 องศาเซลเซียส อาจลองสังเกตอาการต่ออีก 1 วัน
- ตรวจ ATK อีกครั้งในเช้าวันรุ่งขึ้น หรือเมื่อรู้สึกว่าอาการแย่ลง ถ้าผลเป็นบวก (ขึ้นขีดแดงสองขีด) ควรไปโรงพยาบาลที่มีประกันสังคม หรือมีสิทธิรักษาบัตรทองอยู่ทันที
- หากอาการไม่ดีขึ้นเลยใน 1-2 วันที่ผ่านมา ควรพบแพทย์
- ถ้าไข้สูงมาก และไข้ลดเฉพาะหลังกินยาลดไข้เท่านั้น เมื่อยาหมดฤทธิ์ก็กลับมาไข้สูงอีกเท่าเดิม บวกกับอาการอื่นๆ ที่เข้าข่ายไข้เลือดออก ควรพบแพทย์ทันทีไม่ต้องรอ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ระวัง catfish ให้ดีสำหรับคนที่ชอบเล่น dating online app
Catfishing คืออะไร?
Catfishing หมายถึงเวลาที่บุคคลนำข้อมูลและรูปภาพมาจากบุคคลอื่น และใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อสร้างเอกลักษณ์ใหม่ให้กับตนเอง ในบางกรณี Catfisher ขโมยข้อมูลประจำตัวของบุคคลอื่น ซึ่งรวมถึงภาพ วันเดือนปีเกิด และที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ และแสร้งทำเป็นว่าเป็นของตนเอง จากนั้นก็ใช้อัตลักษณ์นี้เพื่อหลอกให้ผู้อื่นเชื่อมโยงกับพวกเขาหรือทำธุรกิจออนไลน์ ในแอพหาคู่ บุคคลเพียงคนเดียวจะตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีด้วย Catfishing โดย Catfisher อาจพัฒนาเอกลักษณ์ที่พวกเขารู้สึกว่าจะดึงดูดเป้าหมาย Catfishing เป็นเรื่องธรรมดาในฟอรัมและเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ เนื่องจาก Catfisher สามารถซ่อนตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาบางส่วนหรือทั้งหมดได้โดยไม่ต้องถูกสอบสวน ผู้คนมักจะปลอมโปรไฟล์บางแง่มุมเพื่อล่อให้เป้าหมายของพวกเขา ซึ่งมักจะรวมถึงการใช้รูปโปรไฟล์ที่ขโมยมาจากคนอื่นเพื่อให้ดูน่าดึงดูดยิ่งขึ้น
ทำไมถึงเรียกว่า Catfishing ?
Catfishing มีมาหลายปีแล้ว เพราะการปลอมแปลงข้อมูลประจำตัวของคุณบนอินเทอร์เน็ตทำได้ง่ายมาก คำว่า “Catfish” กลายเป็นที่นิยมหลังจากสารคดีชื่อ Catfish ได้รับการปล่อยตัวในปี 2010 หลังจากนั้น MTV ได้เปิดตัวซีรีส์เรื่อง “Catfish” ในปี 2012
จะทราบได้อย่างไรว่าเรากำลังโดน Catfishing
- บัญชีผู้ใช้มีผู้ติดตามน้อยหรือผู้ติดตามไม่มีตัวตนจริง ๆ
- ปฏิเสธการโทรและวิดิโอคอล
- ไม่ค่อยเปลี่ยนรูปโปรไฟล์หรือรูปโปรไฟล์เหมือนเดิมตลอด
- หลีกเลี่ยงการนัดหมายในที่สาธารณะ
ภัยร้ายในโลกไซเบอร์มีมากขึ้นทุกวัน จึงเป็นเรื่องที่ดีถ้าทุกคนจะรู้เอาไว้และหมั่นสังเกตคนที่เข้ามาคุยด้วยเสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
เอชพีXช้อปปี้ หนุนเอสเอ็มอีทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล
เอชพี ลงบันทึกความร่วมมือ ช้อปปี้ ส่งเสริมเอสเอ็มอีไทยทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์แบบพร้อมเร่งเกียร์สู้สมรภูมิอีคอมเมิร์ซอย่างเข้มแข็ง ผ่านโครงการ HP x Shopee Seller Program
จากผลกระทบของโควิด-19 ที่ส่งผลให้ร้านค้าและผู้ประกอบการต่างจำเป็นต้องปรับตัวและผันจุดโฟกัสมาสู่การทำกิจการบนช่องทางออนไลน์เพื่อรองรับกับรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ความต้องการในโซลูชั่นเทคโนโลยีอันทันสมัยสูงมากขึ้น
ล่าสุด เอชพี อิงค์ ประเทศไทย (HP) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าไอทีแบบครบวงจร ร่วมลงบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับ ช้อปปี้ ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน เปิดตัวโครงการ HP x Shopee Seller Program มอบผลิตภัณฑ์คุณภาพชั้นนำจาก เอชพี อาทิ เมาส์ แล็ปท็อป และเครื่องพิมพ์ ในราคาสุดพิเศษให้แก่ผู้ขายช้อปปี้ เพื่อช่วยเสริมความคล่องตัวให้ผู้ประกอบการและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี สามารถรองรับกับความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภคในยุคหลังโควิด-19 จนสามารถเร่งการเติบโตบนช่องทางอีคอมเมิร์ซได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายชาร์ลส์ อัลวิน เกรกอรี่ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคช่องทางออมนิชาแนล (Country Head of Omnichannel Sales) บริษัท เอชพี อิงค์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ผลกระทบของการล็อกดาวน์ที่เกิดจากการระบาดใหญ่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างปฏิเสธไม่ได้ ในลักษณะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่อย่างไรก็ดีความต้องการของสินค้าในหมวดหมู่คอมพิวเตอร์และแล็ปท็อปมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งก่อนเกิดโรคระบาด โดยปัจจัยหลักเป็นผลพวงมาจากมาตรการ Work from Home หรือการทำงานที่บ้าน เนื่องจากครึ่งหนึ่งของพนักงานทั่วโลกยังคงทำงานจากระยะไกลภายใต้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ผนวกกับภาพรวมของเหล่าผู้ประกอบการที่หันมามองหาอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์สำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ ส่งผลให้ความต้องการต่อคอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัวมีความต้องการมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ เอชพี จึงได้ลงบันทึกความร่วมมือ หรือ MOU กับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอันดับหนึ่งของนักช้อปชาวไทยอย่าง ช้อปปี้ พร้อมเปิดตัวแคมเปญ HP x Shopee Seller Program เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางพิเศษในการจัดจำหน่ายไลน์ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีของ เอชพี ที่ครบครันอย่าง คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป และเครื่องพรินเตอร์ฺ ที่มาพร้อมโซลูชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ภายใต้ข้อเสนอราคาสุดพิเศษเฉพาะผู้ขายบน ช้อปปี้ เท่านั้น”
โดยจุดมุ่งหมายสำคัญในการริเริ่มโครงการ HP x Shopee Seller Program ก็เพื่อต้องการเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญในการช่วยเร่งดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันให้แก่ผู้ประกอบการไทย ให้สามารถปรับธุรกิจเท่าทันกับกระแสพฤติกรรมของผู้บริโภคในวิถีชีวิตใหม่ อีกทั้งยังช่วยเสริมความคล่องตัวให้ธุรกิจเอสเอ็มอีในประเทศสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบรับกับความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที
โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือของทั้งสองพันธมิตรในครั้งนี้จะเปรียบเสมือนการเริ่มจุดไฟเพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ประกอบการและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ให้สามารถยกระดับธุรกิจอีคอมเมิร์ซของตนเองด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และดีไวซ์คุณภาพชั้นนำระดับโลกของเอชพี สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเอชพีที่ต้องการสร้างสรรค์เทคโนโลยีระดับโลกเพื่อช่วยให้ชีวิตทุกคนดีขึ้น”
นายศิวกร สิริวงศ์ภาณุพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ช้อปปี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “จากภาพรวมเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดมีมูลค่าแตะ 3 หมื่นล้านดอลล่าร์ในปีที่ผ่านมา เป็นผลพวงมาจากความนิยมของผู้คนที่หันมาเลือกจับจ่ายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซเพิ่มมากขึ้น โดยอีคอมเมิร์ซถือเป็น 68% ของอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลทั้งหมด ในขณะเดียวกันกว่า 34% ของผู้ค้าดิจิทัลในไทย เผยว่าอีคอมเมิร์ซเป็นหนึ่งในฮีโร่ที่ช่วยให้ธุรกิจของพวกเขาสามารถฝ่าวิกฤตทางการตลาดไปได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงปีที่ผ่านมา ดังจะเห็นได้ว่า ทั้งร้านค้าและผู้ประกอบการได้หันมาพึ่งพาอีคอมเมิร์ซในการทำธุรกิจเพิ่มมากขึ้น”
“ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ช้อปปี้ มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการขยายโอกาสให้กับผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เราจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน อย่าง เอชพี ในการริเริ่มโครงการ HP x Shopee Seller Program เพื่อเดินหน้าตามเจตนารมณ์ที่ต้องการอยู่เคียงข้างร้านค้า ผู้ประกอบการ และแบรนด์พันธมิตร ให้สามารถสร้างการเติบโตอันยั่งยืนบนอีคอมเมิร์ซได้สำเร็จ
โดยเหล่าผู้ขายบนช้อปปี้ สามารถเข้าถึงกองทัพผลิตภัณฑ์ชั้นนำจาก เอชพี ในราคาสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่คัดสรรมาเพื่อผู้ขายบนช้อปปี้โดยเฉพาะ โดยช้อปปี้ เชื่อมันเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการในครั้งนี้จะไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มศักยภาพและขยายโอกาสให้แก่ผู้ขายบนช้อปปี้เท่านั้น แต่จะเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญที่จะช่วยพัฒนาให้อีคอมเมิร์ซในประเทศไทยเติบโตไปได้อย่างก้าวไกลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย”
สำหรับโครงการ HP x Shopee Seller Program ที่ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วในช่วงมหกรรม Shopee 4.4 Shocking Sale วันช้อป โปรช็อก ทั้งสองพันธมิตรได้เตรียมความพิเศษมามอบให้กับเหล่าผู้ขายบนช้อปปี้โดยเฉพาะ เพื่อช่วยยกระดับความสามารถในการรองรับกับความต้องการอันท่วมท้นบนโลกอีคอมเมิร์ซ โดยตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2565 เป็นต้นไปเหล่าผู้ประกอบการสามารถล็อกอินเข้าไอดีร้านค้าบนช้อปปี้ เพื่อพบกับดีลดียืน 1 จากกองทัพผลิตภัณฑ์ของเอชพีที่จะมาพร้อมกับ ส่วนลดสุดพิเศษสูงสุด 30% และสิทธิผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
7 ประโยชน์สุดเจ๋งจากกาแฟ ช่วยให้ผิวดีจนคุณต้องตะลึง
ดูเหมือนว่ากาแฟจะเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้เลยในทุกๆ เช้าก่อนไปทำงาน จะเห็นได้จากร้านกาแฟที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในบ้านเรา ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ก็ออกมายืนยันแล้วว่า การดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะนั้นให้ประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอย่างมากมาย แต่หนุ่มๆ ทราบกันหรือไม่ว่ากาแฟนั้นก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวของคุณเช่นเดียวกัน มาดูกันเลยดีกว่าว่าประโยชน์ 7 ข้อของกาแฟที่ช่วยให้คุณผิวดีนั้นมีอะไรกันบ้าง
1. ชะลอการเสื่อมโทรมของเซลล์ผิวไม่ให้แก่ก่อนวัย
ในเมล็ดกาแฟนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายโดยมลภาวะต่างๆ ซึ่งเป็นตัวการของริ้วรอยเหี่ยวย่น แก่ก่อนวัย แต่ปัญหานี้ก็รับมือได้ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในเมล็ดกาแฟ ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้หน้าใส ยับยั้งรอยเหี่ยวย่น ช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรงขึ้น และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่มีการนำส่วนผสมของเมล็ดกาแฟมาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้ากันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน
2. ลดอาการบวมอักเสบของผิวหนัง
คาเฟอีนในกาแฟมีคุณสมบัติสำคัญในการลดการอักเสบ กระตุ้นการหดตัวของเส้นเลือด ช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนโลหิตใต้ผิว ลดอาการบวม รอยแดง และรอยหมองคล้ำบนผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม
3. ช่วยฟื้นฟูผิวจากการถูกแสงแดดทำลาย
มีผลการวิจัยระบุว่าสารต้านอนุมูลอิสระในเมล็ดกาแฟนั้น มีส่วนช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากการถูกรังสียูวีในแสงแดดทำลาย ซึ่งเป็นการช่วยลดริ้วรอยต่างๆ และ ลดปัญหาฝ้า กระ จากแสงแดดได้อีกต่างหาก
4. กระชับรูขุมขน
สรรพคุณสุดเจ๋งของกาแฟอีกตัวหนึ่งนั่นก็คือ ประสิทธิภาพในการกระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวหนุ่มๆ เรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ก็เพราะคาเฟอีนในกาแฟ จะไปกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวหนุ่มๆ ดูเปล่งปลั่งและยืดหยุ่นขึ้น
5. ช่วยลดเซลลูไลท์ได้ด้วยนะ
คาเฟอีนในเมล็ดกาแฟมีคุณสมบัติช่วยลดการสะสมของเหลวใต้ผิวหนัง ช่วยกระตุ้นการแตกตัวของเซลล์ไขมัน ดึงน้ำส่วนเกินออกจากผิวหนัง ทำให้ผิวส่วนที่มีปัญหาเซลลูไลท์ดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น
6. ช่วยลดรอยบวมคล้ำใต้ตา
ปัญหาถุงใต้ตาบวมช้ำ ซึ่งอาจเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ การแพ้สารต่างๆ หรือแม้แต่พันธุกรรม คาเฟอีนในเมล็ดกาแฟช่วยคุณบรรเทาได้ ด้วยสรรพคุณลดการบวมอักเสบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดการสะสมของเลือดบริเวณถุงใต้ตา ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้ครีมบำรุงผิวรอบดวงตาส่วนใหญ่ จึงมีส่วนผสมของคาเฟอีนรวมอยู่ด้วย
7. ช่วยดีท็อกซ์สารพิษ เผยหน้าใสกิ๊ง
คาเฟอีนในกาแฟยังมีส่วนช่วยในการล้างสารพิษที่สะสมอยู่ใต้ผิว ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเหลวในร่างกาย ซึ่งเมื่อสารพิษถูกขับออกจากร่างกายแล้ว ผิวของคุณก็จะดูกระจ่างใส เรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
เห็นถึงประโยชน์ของเมล็ดกาแฟต่อผิวกันไปแล้ว คอกาแฟคงได้ข้ออ้างดีๆ มาสนับสนุนการดื่มกาแฟทุกเช้ากันแล้วล่ะซิ ส่วนใครที่ไม่ชอบดื่มกาแฟก็ไม่ต้องน้อยใจกันไป เพราะคุณก็สามารถมีสุขภาพผิวที่ดีได้ ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากเมล็ดกาแฟ รับรองว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่ต่างกันอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 29/03/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 30,700.00 | 30,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,989.00 | 30,153.24 | 31,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,790.10 | 27,137.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,591.20 | 24,122.59 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 895.00 | 13,568.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 696.00 | 10,551.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,061.00 | 31,244.76 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/03/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 40.05 | 40.05 | 40.55 | 40.05 | 40.05 | 40.05 | 40.05 | 40.05 | 40.05 | 40.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 39.78 | 39.78 | 40.28 | 39.78 | 39.78 | 39.78 | 39.78 | 39.78 | 39.78 | 39.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 38.94 | 38.94 | 39.44 | 38.94 | 38.94 | – | 38.94 | 38.94 | 38.94 | 38.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.24 | 32.24 | – | – | – | – | – | – | – | 32.24 |
เบนซิน 95 | 47.46 | – | – | – | 47.91 | – | 47.96 | 47.96 | – | 47.46 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.34 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | 30.34 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | 30.34 | – | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 35.96 | 35.96 | 36.79 | 36.36 | 36.39 | – | – | – | – | 35.96 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |