กลุ่มเกษมบัณฑิต งัดที่ดิน 34 ไร่ ทำเล “กรุงเทพกรีฑา” ร่วมทุนอสังหา ผุดบ้านหรู
แลนด์ลอร์ดใหญ่ เจ้าของ “ม.เกษมบัณฑิต” กระโดดร่วมลงขัน “บริทาเนีย” งัดที่ดิน 34 ไร่ ย่านกรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า ปั้นโครงการบ้านหรูเป็นครั้งแรก ผุด “แกรนด์ บริทาเนีย” มูลค่า 1.5 พันล้าน รับเทรนด์ขาขึ้นอสังหาฯ
2 พฤษภาคม 2566 – หลัง บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) ประกาศเปิดกว้างร่วมทุนแลนด์ลอร์ดทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาโปรเจกต์อสังหาฯ สร้างโอกาสเติบโตแบบ Win-Win ร่วมกัน ล่าสุด มีรายงานว่า บริทาเนีย สามารถปิดดีลร่วมทุนบิ๊กแลนด์ลอร์ดได้แล้ว โดยพบเป็น กลุ่ม เกษมบัณฑิต ผู้รับใบอนุญาตและก่อตั้ง “มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต” ซึ่งเตรียมเนรมิตที่ดินกว่า 34 ไร่ ปั้นโครงการบ้านเดี่ยว “แกรนด์ บริทาเนีย กรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า” มูลค่าโครงการกว่า 1,500 ล้านบาท
นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ผู้พัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้แนวคิด “CRAFT a life you love” ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้ประกาศโมเดลธุรกิจ “Your Land to New Business” เปิดโอกาสให้เจ้าของที่ดินในทำเลศักยภาพทั่วประเทศ ได้ร่วมทุน (Joint Venture) พัฒนาโครงการบ้านจัดสรรร่วมกัน เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
ล่าสุด บริษัทได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัท เกษมบัณฑิต จำกัด เจ้าของที่ดินผืนศักยภาพฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออกตระกูลดัง “สุวรรณดี” ผู้ริเริ่มและก่อตั้งมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร “แกรนด์ บริทาเนีย กรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า” (Grand Britania Krungthep Kreetha – Romklao)
ลุยโมเดลสร้างการเติบโตก้าวกระโดด
โครงการดังกล่าวออกแบบเป็นโครงการบ้านเดี่ยว และบ้านซีรีส์ใหม่ 2 ชั้น ระดับ High-End ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอย 205 – 285 ตารางเมตร จำนวน 128 ยูนิต โดยมีพื้นที่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ บนถนนร่มเกล้า สามารถเลือกเดินทางได้หลากหลายเส้นทาง เชื่อมกับถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า และถนนมอเตอร์เวย์ เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 8.5 กม. รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์เพียง 10 กม. ใกล้โรงพยาบาลสิรินธร โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ร่มเกล้า โรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง มีแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งบิ๊กซี The Paseo Mall โรบินสัน
“การร่วมทุนกับกลุ่มเกษมบัณฑิตในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของพันธมิตรในศักยภาพของ BRI กับการเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของประเทศที่มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความสุขให้แก่ผู้อยู่อาศัย และวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่มีความชำนาญ เข้าใจดีมานด์ของตลาด มุ่งมั่นในการปรับและพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบสนองความความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดด และช่วยผลักดันให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ” นายสุรินทร์ กล่าว
ตระกูล สุวรรณภักดี ชิมลางอสังหาฯ ครั้งแรก
ดร. สุวัฒน์ สุวรรณดี ผู้บริหารใหญ่กลุ่มเกษมบัณฑิต เปิดเผยว่า บริษัทมองหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง มีความสามารถเพื่อร่วมกันสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกันในอนาคต โดยบริทาเนีย เป็นบริษัทมหาชนที่มีความมั่นคงมีศักยภาพ และเชื่อมั่นในประสบการณ์ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรในทุกเซ็กเมนท์ ที่จะมาช่วยยกระดับที่อยู่อาศัยของคนไทย ผ่านการออกแบบ ดีไซน์ ฟังก์ชัน นวัตกรรมที่ตรงใจ และยังเล็งเห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ “แกรนด์ บริทาเนีย” ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีศักยภาพสูง ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องบริษัทจึงมั่นใจและตัดสินใจร่วมทุนพัฒนาโครงการประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นครั้งแรก
ดร.เสนีย์ สุวรรณดี ผู้บริหารใหญ่กลุ่มเกษมบัณฑิต กล่าวเสริมว่า ในอดีตที่ผ่านมาเราเคยอยู่ในธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาก่อนที่จะผันตัวเองเข้าสู่วงการด้านการศึกษาที่จัดการศึกษาภาคเอกชนตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา จนถึงระดับมหาวิทยาลัย ความร่วมมือกับ บมจ.บริทาเนีย ที่เป็นมืออาชีพในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ มีประสบการณ์และความสำเร็จอย่างสูงในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่เราก้าวกระโดดมาเข้าร่วมทำธุรกิจอสังหาฯ ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่
เรามองว่าธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ยังมีทิศทางการเติบโต และผู้บริโภคยังมีความต้องการที่พักอาศัยอย่างต่อเนื่อง เพราะที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต การร่วมทุนในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพย์สินที่ถือครองอยู่ให้สูงขึ้น และยังเป็นโอกาสอันดีในการเรียนรู้ประสบการณ์และองค์ความรู้ในด้านการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่จากบริทาเนีย
ทั้งนี้ บริษัท เกษมบัณฑิต จำกัด เป็นบริษัทที่รับใบอนุญาตในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ที่เปิดสอนในระดับปริญญาตรี-โท-เอกกว่า 50 หลักสูตร มีนักศึกษาทั้งไทยและต่างชาติกว่า 10,000 คน ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตมี 2 วิทยาเขตคือวิทยาเขตพัฒนาการ และวิทยาเขตร่มเกล้า
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“บัณฑิต สะเพียรชัย” นั่งรองประธานบอร์ด OTO ลุยเพิ่มทุน 800 ล้านบาท
ที่ประชุมคณะกรรมการ OTO ตั้ง “บัณฑิต สะเพียรชัย” นั่งรองประธานบอร์ด นอกจากนี้ที่ประชุมยังอนุมัติการเสนอขายหุ้นกู้วงเงินรวมไม่เกิน 2,000 ล้านบาท พร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 800 ล้านบาท
นายคณาวุฒิ วรรทนธีรัช ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) OTO เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติแต่งตั้ง “นายบัณฑิต สะเพียรชัย” เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ แทน นายสุภสิทธิ์ รักกสิกร ที่ลาออก และอนุมัติแต่งตั้ง นายบัณฑิต ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2566
“การแต่งตั้ง นายบัณฑิต ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และเคยบริหารบริษัทขนาดใหญ่ด้านพลังงานหมุนเวียนของเมืองไทย ทำให้มั่นใจว่าจะช่วยผลักดันธุรกิจของ OTO ที่กำลังมุ่งสู่ Climate Tech หรือเทคโนโลยีที่ควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเป็นการขยายการลงทุน EV Bike ลงทุน Carbon Credit และการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้าง New S Curve ผลักดันธุรกิจของบริษัทในอนาคต” นายคณาวุฒิ กล่าว
พร้อมกันนี้ได้อนุมัติการออกและเสนอขาย “หุ้นกู้” วงเงินรวมไม่เกิน 2,000 ล้านบาท โดยจะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 15 มิ.ย.66 กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record Date) ในวันที่ 17 พ.ค. 66 นี้
นอกจากนี้ ยังมีมติอนุมัติการลดทุนจดทะเบียน 55,000,005 บาท จากเดิม 895,000,000 บาท เป็น 839,999,995 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญจดทะเบียนที่ยังไม่ได้จำหน่าย จากนั้นจะ “เพิ่มทุนจดทะเบียน” 50,000,000 บาท เป็น 889,999,995 บาท
โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 50,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท จัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด ราคาเสนอขายหุ้นละ 16 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งหมดไม่เกิน 800 ล้านบาท
หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ที่เสนอขาย ประกอบด้วย
Capital Asia Investments PTE.LTD. จำนวน 20,000,000 หุ้น
นายยศวีย์ วัฒนธีระกิจจา 20,000,000 หุ้น
นายนพพร วิฑูรชาติ 5,000,000 หุ้น
นางสาวรฐา วีรพงษ์ 5,000,000 หุ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 3พ.ค.ที่ระดับ 34.06 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังพอแกว่งตัวเหนือโซนแนวรับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ได้บ้าง (แนวรับถัดไป คือ 33.80 บาทต่อดอลลาร์) ขณะที่โซนแนวต้านจะอยู่ในช่วง 34.20-34.30 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 3พ.ค.2566 ที่ระดับ 34.06 บาทต่อดอลลาร์
“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.22 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และโฟลว์ขายทำกำไรทองคำ
ขณะที่แรงซื้อเงินดอลลาร์จากผู้เล่นบางส่วนในตลาดยังช่วยหนุนให้เงินบาทแกว่งตัวเหนือโซนแนวรับแรก 34.00 บาทต่อดอลลาร์ได้บ้าง (ส่วนหนึ่งอาจเป็นการขายทำกำไร Long THB ของผู้เล่นบางส่วน)
ส่วนในวันนี้ เราประเมินว่า โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจเริ่มชะลอลงบ้าง หลังจากที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นพอสมควรในช่วงคืนที่ผ่านมา
เนื่องจากบรรยากาศในตลาดการเงินกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง ซึ่งหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวลงแรง คือ
กลุ่มพลังงานและการเงิน ทำให้ภาพดังกล่าวอาจส่งผลกดดันตลาดหุ้นไทยซึ่งมีหุ้นทั้งสองกลุ่มเป็นสัดส่วนใหญ่ได้เช่นกัน โดยนักลงทุนต่างชาติอาจเลือกที่จะยังไม่รีบเข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เงินบาทก็ยังมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่า อาทิ โฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ
รวมถึงโฟลว์ซื้อเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) จากผู้เล่นบางส่วน หลังเงินเยนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง และโฟลว์ธุรกรรมจากผู้เล่นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรง
ทำให้เราประเมินว่า ค่าเงินบาทยังพอแกว่งตัวเหนือโซนแนวรับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ได้บ้าง (แนวรับถัดไป คือ 33.80 บาทต่อดอลลาร์)
ขณะที่โซนแนวต้านจะอยู่ในช่วง 34.20-34.30 บาทต่อดอลลาร์ (สอดคล้องกับแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วัน)
อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในคืนนี้ เพราะหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจพลิกกลับมาดีกว่าคาด ก็อาจหนุนให้เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น
หรือผู้เล่นในตลาดกลับมามองว่าเฟดยังมีโอกาสอยู่บ้างในการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ ซึ่งภาพดังกล่าวอาจกดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลงสู่โซนแนวรับได้เช่นกัน
โดยทั้งโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวและการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้าง
ในช่วงนี้ เราคงมองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูงทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.90-34.25 บาท/ดอลลาร์
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) มากขึ้น โดยดัชนี S&P500 ปรับตัวลงกว่า -1.16% ท่ามกลางความกังวลปัญหาสภาพคล่องของบรรดาธนาคารขนาดเล็ก-กลาง กดดันให้หุ้นกลุ่มธนาคารต่างปรับตัวลดลง (Wells Fargo -3.8%, BofA -3.0%)
นอกจากนี้ ความกังวลปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ (Debt Ceiling) ที่ยังไม่มีท่าทีว่าสภาคองเกรสจะหาทางออกร่วมได้สำเร็จ ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยปัจจัยดังกล่าว
รวมถึงความกังวลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนได้กดดันให้ราคาน้ำมันดิบดิ่งลงแรงกว่า -5% ทำให้บรรดาหุ้นกลุ่มพลังงานต่างปรับตัวลงแรงเช่นกัน (Chevron -4.3%, Exxon Mobil -4.0%)
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ยังคงปรับตัวลงกว่า -1.24% กดดันโดยการปรับตัวลงรุนแรงของหุ้นกลุ่มพลังงาน (BP -8.6%, TotalEnergies -5.1%,) หลังราคาน้ำมันดิบดิ่งลงกว่า -5%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังเผชิญแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร (BNP -2.8%, Santander -2.6%)
เนื่องจากผู้เล่นในตลาดยังไม่มั่นใจว่าปัญหาเสถียรภาพระบบธนาคารยุโรปจะคลี่คลายลงไปได้ หลังปัญหาดังกล่าวยังคงส่งผลกระทบต่อระบบธนาคารสหรัฐฯ
ส่วนทางตลาดบอนด์ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างต้องการถือพันธบัตรรัฐบาลเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น กอปรกับการปรับตัวลงแรงของราคาน้ำมันดิบ
ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.43% ใกล้โซนแนวรับแรกแถว 3.30%-3.40% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาอีกครั้ง โดยเรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจแกว่งตัวในโซน 3.30%-3.50% จนกว่าจะรับรู้ผลการประชุมเฟดในวันพฤหัสฯ นี้
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 101.8 จุด หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้ง ยอดคำสั่งซื้อภาคโรงงาน (Factory Orders) และ
ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดมองว่าเฟดอาจจะหยุดการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยได้ หลังการขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.25% ในการประชุมเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ก็เริ่มเผชิญแรงกดดันจากความกังวลปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ มากขึ้นในช่วงนี้
ส่วนในฝั่งราคาทองคำ การปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด ได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้าน 2,025 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง
ซึ่งเรามองว่า การรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำจะหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเช่นกันในคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง ยอดการจ้างงานภาคเอกชน ซึ่งสำรวจโดย ADP ที่อาจช่วยสะท้อนว่ายอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) จะออกมาประมาณไหนในวันศุกร์นี้
รวมถึง รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ที่จะอาจยังคงชี้ว่า ภาคการบริการของสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง (ภาคการบริการ คิดเป็นสัดส่วนราว 70% ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ)
ส่วนในฝั่งเอเชีย ตลาดประเมินว่า ธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) อาจพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.75% หลังอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลงชัดเจน ขณะเดียวกัน ภาพรวมเศรษฐกิจก็เริ่มมีทิศทางชะลอตัวลงและเผชิญแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเช่นกัน
และในฝั่งไทย เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI เดือนเมษายน อาจชะลอลงสู่ระดับ 2.55% ตามการปรับตัวลดลงของราคาพลังงานและราคาเนื้อสัตว์
อย่างไรก็ดี ราคาสินค้าและบริการอื่นๆ ยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจและต้นทุนที่ยังสูงอยู่ ซึ่งอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ก็อาจทรงตัวที่ 1.75% ทั้งนี้ แม้อัตราเงินเฟ้อจะชะลอลงแต่เราคงมองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 2.00%
นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการและคาดการณ์ผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งหากผลประกอบการส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาดก็อาจหนุนให้บรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงต่อได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทแข็งค่าทดสอบแนว 34.00 ก่อนจะกลับมาปรับตัวที่ระดับ 34.04 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.25 น.) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.21 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ก่อนผลการประชุมเฟด
ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังจากที่ข้อมูลการเปิดรับสมัครงานเดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ ลดลงไปที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี นอกจากนี้การแข็งค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกที่กลับขึ้นไปยืนเหนือแนว 2,000 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ได้อีกครั้งด้วยเช่นกัน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 33.95-34.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมเฟด ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ของไทย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี PMI และ ISM ภาคบริการเดือนเม.ย.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“สาวฮอกกี้ไทย” โชว์เหนือ ถล่มเจ้าภาพยับ 9-0 ฝั่งทีมชาย สู้เต็มที่แล้วพ่าย อินโดนีเซีย
“สาวฮอกกี้ไทย” โชว์เหนือ ถล่มเจ้าภาพยับ 9-0 ฝั่งทีมชาย สู้เต็มที่แล้วพ่าย อินโดนีเซีย
การแข่งขัน กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา เมื่อ 2 พ.ค.66 ฮอกกี้ในร่ม เป็นวันที่สองของการแข่งขัน โดยยังคงเป็นเกมรอบแรก ในรอบแบ่งกลุ่ม แข่งขันแบบพบกันหมด โดยทีมหนุ่มและสาวไทย ที่ต่างคว้าชัยเหนือฟิลิปปินส์มาได้ในเกมแรก มีคิวลงสนามทั้งคู่
แมตช์ที่ 2 ของสาวไทย ดีกรีแชมป์เอเชีย ยังคงเล่นได้อย่างดุดัน เมื่อไล่ต้อนเอาชนะเจ้าภาพ กัมพูชาขาดลอย 9-0 ทำให้เก็บชัย 2 นัดติด มี 6 คะแนนเท่ากับ มาเลเซีย และ สิงคโปร์ ที่ชนะ 2 นัดรวดเช่นกัน ด้านทีมหนุ่มไทย พ่าย อินโดนีเซีย 0-3 ทำให้ผ่าน 2 เกม ชนะ 1 แพ้ 1 มี 3 คะแนน อยู่อันดับที่ 3
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“ท้องเสีย” ควร-ไม่ควรทานอาหารอะไรบ้าง?
อากาศร้อนชื้นของบ้านเรา เป็นอุณหภูมิที่ดีที่เชื้อแบคทีเรียในอาหารเจริญเติบโตได้ดี ดังนั้นนอกจากจะต้องรักษาความสะอาดของอาหารที่เราทานให้ดีแล้ว ต้องระมัดระวังอาหารตามร้านอาหารต่างๆ ให้ดีด้วย เลือกร้านที่ไว้ในในคุณภาพได้ และสังเกตรูป รส และกลิ่นของอาหารที่ทานทุกครั้ง แต่หากใครที่โชคร้ายเกิดอาการท้องเสียขึ้นมา ก็ไม่เป็นไร แต่หลังอาการท้องเสีย ต้องระมัดระวังอาหารที่ทานมากเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดอาการถ่ายท้องอย่างต่อเนื่องจนอาจมีอาการหนักขึ้นจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อในโรงพยาบาลได้
อาหารสำหรับผู้ที่มีอาการท้องเสีย
ก่อนอื่นต้องทดแทนปริมาณน้ำที่สูญเสียไปด้วยน้ำเกลือแร่ (ที่เป็นคนละชนิดกับน้ำเกลือแร่สำหรับนักกีฬา) ให้เลือกดื่มน้ำ (ต้มสุก) ผสมผงน้ำตาลเกลือแร่โออาร์เอส (ORS) สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา ร้านขายของชำ หรือร้านสะดวกซื้อทั่วไป ดื่ม ½-1 แก้วโดยค่อยๆ จิบทีละน้อย จิบบ่อยๆ แต่หากไม่สามารถหาซื้อผงน้ำตาลเกลือแร่ได้ ให้ผสมเกลือป่น 1 ช้อนชา กับน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ผสมในน้ำต้มสุก 1 ขวด หรือประมาณ 750 ซีซี
นอกจากน้ำผสมผงเกลือแร่ ORS แล้ว ควรทานอาหารเหล่านี้
- อาหารรสชาติอ่อนๆ จืดๆ ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม น้ำซุป
- อาหารไขมันต่ำ เช่น ไก่ไม่มีหนัง เนื้อปลา กุ้งสับต้มสุก
เมื่ออาการท้องเสียเริ่มดีขึน จึงเริ่มทานอาหารที่มีกากใยอาหาร เช่น ผัก ผลไม้ (หลีกเลี่ยงผลไม้รสเปรี้ยว เพื่อเลี่ยงอาหารเสาะท้อง) ข้าวกล้อง ธัญพืชต่างๆ แต่ยังคงงดทานอาหารรสจัดไปก่อนอย่างน้อย 1 สัปดาห์
อาหารที่ควรเลี่ยง เมื่อมีอาการท้องเสีย
- อาหารประเภทนมทั้งหมด นมสด นมวัว นมเปรี้ยว โยเกิร์ต
- ผัก ผลไม้ และน้ำผลไม้
- อาหารรสจัด เช่น ส้มตำ ต้มยำ ฯลฯ
- อาหารที่ย่อยยาก เช่น เนื้อสัตว์ที่มีไขมัน แป้งที่มีส่วนผสมของเนย อาหารทะเลเช่น หอย ปลาหมึก เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนที่มีอาการท้องเสียบ่อยครั้ง อาจเป็นคนธาตุอ่อน การทานอาหารที่มีกากใยอาหารสูงอย่าง ข้าวกล้อง และธัญพืชต่างๆ รวมถึงผักผลไม้ (รสไม่เปรี้ยว) สามารถทำให้การขับถ่ายกลับมาเป็นปกติได้ และสำหรับใครที่ท้องเสียจากการทานยาปฏิชีวนะมากเกินไป นั่นหมายถึงยาเหล่านั้นอาจเข้าไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียดีๆ ในลำไส้จนหมด จึงต้องเติมแบคทีเรียที่ดีต่อลำไส้เข้าไปอย่างการดื่มนมเปรี้ยว หรือทานโยเกิร์ต ที่มีเชื้อจุลินทรีย์ที่มีวิตอยู่ด้วย ควรสังเกตข้างผลิตภัณฑ์ให้ดีว่ามีเชื้อจุลินทรีย์ที่มีชีวิตอยู่หรือไม่
วิธีหลีกเลี่ยงอาการท้องเสีย
- ลดการทานอาหารรสจัด เช่น เค็มจัด เปรี้ยวจัด เพื่อลดอาการเสาะท้อง
- ลดการทานอาหารหมักดอง เพราะมีความเสี่ยงต่อการพบเชื้อแบคทีเรียที่เกิดจากกระบวนการหมักดองที่ไม่มีประสิทธิภาพ
- เลือกทานอาหารจากร้านอาหาร หรือเลือกวัตถุดิบในการทานอาหารที่สะอาด น่าเชื่อถือ ล้างทำความสะอาด และปรุงให้สุก 100% ก่อนทานอาหารทุกครั้ง
- ไม่ทานอาหารที่ปรุงสุกข้ามวัน และเก็บรักษาในอุณหภูมิที่ไม่เย็นมากพอ เพราะอาจก่อให้เกิดเชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้ท้องเสียได้
- ไม่ทานอาหารมากจนเกินไป เช่น การทานบุฟเฟ่ต์ หรือการอดอาหารมื้อหนึ่ง แล้วมาทานอีกมื้อหนึ่งมากขึ้น เพราะการทานอาหารครั้งเดียวในปริมาณมาก จะทำให้ผนังหน้าท้องขยายมากยิ่งขึ้น และส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร ควรเปลี่ยนมาทานอาหารครั้งละน้อยๆ แต่ให้บ่อยขึ้นจะดีกว่า และควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียดทุกครั้งก่อนกลืน ไม่รีบทาน รีบกลืนจนเกินไป เพราะอาจทำให้กระเพาะอาหารย่อยอาหารได้ยาก เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร จนทำให้ท้องอืด อาหารไม่ย่อยได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คำศัพท์น่ารู้: ถนนหนทาง
วันนี้เพื่อนๆได้ไปเที่ยวไหนกันรึเปล่าเอ่ย DailyEnglish นำคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆบนท้องถนนมาฝากกันครับ ใครขับรถออกนอกบ้านละก็ต้องเจอกับสิ่งเหล่านี้แน่นอนเลย มาดูศัพท์ on the road กันครับ
1. crosswalk – ครอส-ว้อค
คือ ทางม้าลาย นั่นเองครับ ถ้าให้ตรงๆหน่อยก็เรียกว่า zebra crossing นอกจากนี้ยังสามารถเรียกว่า pedestrian crossing ก็ได้นะครับ
2. expressway – เอกซ์เพรส-เวย์
แปลว่า ทางด่วน ที่เราสามารถจ่าย ค่าผ่านทาง (toll) เพื่อให้ถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็ว
3. junction – จังค์-ชัน
คือ ทางแยกครับ เป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้บ่อยบนท้องถนน สามารถใช้คำว่า intersection หรือ crossroad ได้เพราะมีความหมายเดียวกัน
สำหรับ 3 ทางแยกก็ให้เรียกว่า three way junction 4 ทางแยกก็ four way junction ครับ ถ้าให้ใช้แบบไม่เป็นทางการหน่อยก็เรียกทางแยกนั้นตามรูปร่างได้เลย เช่น Y-junction หรือ T-junction
4. overpass – โอเวอร์-แพส
แปลว่า สะพานลอย ที่ตั้งอยู่บนถนน ข้ามได้ทั้งคนและรถยนต์ เป็นศัพท์แบบ American English แต่ถ้าจะให้ใช้แบบ British English คงต้องเรียกว่า flyover สองคำนี้แตกต่างจาก bridge (สะพาน) ตรงตำแหน่งที่ตั้งนี่แหละ เพราะ bridge นอกจากจะเป็นสะพานบนถนนแล้วยังสามารถใช้ข้ามแม่น้ำได้ด้วย
5. roundabout – ราวน์-ดะเบาท์
แปลว่า วงเวียน เป็นวงกลมที่จะอยู่ตรงกลางทางแยก สังเกตเห็นใช่มั้ยครับ เวลาขับรถจะต้องขับในวงเวียนไปในทิศทางเดียวกันหมด
6. side street – ซายด์-สตรีท
คือ ซอย ที่อยู่ข้างถนนหลัก สามารถใช้ alley ได้เช่นเดียวกัน แต่ alley จะเป็นคล้ายๆกับตรอกมากกว่าซอยเพราะเล็กกว่าครับ
นอกจากคำศัพท์ที่เกี่ยวกับถนนหนทางเหล่านี้แล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่พบเห็นบ่อยบนท้องถนน คือ traffic light (สัญญาณไฟจราจร)
ช่วงซัมเมอร์นี้ขับขี่รถบนถนนอย่างระมัดระวังกันด้วยนะ พบกันใหม่กับ DailyEnglish คราวหน้า จะเป็นคำศัพท์น่ารู้แบบไหนต้องติดตามกันต่อไปนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
นักวิเคราะห์ดังเผย MacBook Air 15 นิ้ว อาจจะเปิดตัวงาน WWDC23 ที่จะถึงนี้
ถึงแม้ว่า Apple เคยพูดออกมาว่าในงาน WWDC ทุกครั้งจะเน้นการเปิดตัว Software แต่สำหรับครั้งนี้มีการเปิดเผยและคาดการณ์กับ Mark Gurman จากสำนักข่าว Bloomberg เปิดเผยว่า นอกจาก iOS 16, macOS 14, watchOS 10, tvOS 17 และอุปกรณ์ AR/VR แล้ว คาดว่าจะมีการเผยโฉม MacBook Air 15 นิ้วในงานนี้
โดยรายละเอียดของข้อมูลนี้มีการเชื่อมต่อกับ MacBook รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัว WWDC เป็นครั้งแรกในเรื่องของ MacBook Air ในรุ่นที่ 15 นิ้วจะมีการเผยโฉมครั้งนี้ในวันที่ 5 มิถุนายน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการเปิดเผยว่าจะมีการเปิดตัวตั้งแต่ปี 2021 แล้วแต่ก็ไม่มา
อย่างไรก็ตามเดือนที่แล้ว Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์อีกคนหนึ่งได้เผยว่า MacBook Air ใหม่ทั้งขนาด 13 – 15 นิ้วที่จะเปิดตัวในปีนี้จะมีการเพิ่มการออกใส่ GPU รุ่นใหม่แต่ชิปยังคงเป็น M2 เหมือนเดิม
ทั้งนี้ต้องดูว่า MacBook Air ขนาด 15 นิ้วที่เปลี่ยนแปลงในเรื่องขนาดหน้าจอ 15 นิ้วจะได้อะไรแตกต่างจากรุ่น 13 นิ้วแค่ไหนอกจากหน้าจอใหญ่
ส่วนรายละเอียดของ MacBook Air ขนาด 13 นิ้วที่เปิดตัวในงาน WWDC22 ในปีที่แล้วจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 13 นิ้วมี Webcam ความละเอียด 1080p, พร้อมกับรอยบากที่หน้าจอ รองรับ MagSafe , USB-C รองรับ Thunderbolt 3 ทั้งหมด 2 ช่อง, ช่องเสียบหูฟัง, Keyboard Magic Keyboard และมาพร้อมกับ Touch ID และมี Trackpad แบบ Force Touch มีให้เลือก 4 สีคือ Midnight, Starlight, Space Grey และ Silver กับขุมพลัง M2
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
10 ประโยชน์ของดอกคำฝอย และโทษของดอกคำฝอย
นอกจาก เจียวกู่หลาน ที่กำลังเป็นที่พูดถึงอยู่ในโลกออนไลน์ในขณะนี้แล้ว สมุนไพรดีๆ ที่หลายคนการันตีถึงสรรพคุณอันดีงามอีกอย่างหนึ่ง หรือ ดอกคำฝอย นี่แหละค่ะ ดอกคำฝอยมีลักษณะอย่างไร และมีประโยชน์อะไรที่เราอาจไม่เคยทราบบ้าง มาดูกันเลย
ดอกคำฝอย มีลักษณะเป็นอย่างไร
ดอกคำฝอย เป็นดอกไม้จากพืชล้มลุกชนิดหนึ่ง ที่มักปลูกมากกันทางภาคเหนือ ลำต้นสั้น ทนต่อสภาพอากาศ ดอกมีลักษณะกลม กลีบดอกเล็กเรียว และมีดอกเล็กย่อยออกมาหลายดอก สีเหลืองจนไปถึงส้ม หรือส้มแดงเมื่อแก่จัด
ประโยชน์ของดอกคำฝอย
- ลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันไขมันอุดตันเส้นเลือด
- บำรุงประสาท และระงับประสาท ช่วยผ่อนคลายสมองให้หลับสบาย
- ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง เพิ่มประสิทธิภาพในการไหลเวียนของโลหิตตามร่างกาย
- บำรุงโลหิต สลายลิ่มเลือด
- บำรุงหัวใจ ช่วยให้เลือดไหลไปหล่อเลี้ยงที่หัวใจมากยิ่งขึ้น
- รักษาอาการไข้หลังคลอดของคุณแม่
- แก้หวัดน้ำมูกไหล
- บำรุงโลหิตประจำเดือนของเหล่าคุณผู้หญิง
- ยับยั้งเชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด
โทษของดอกคำฝอย
แม้ว่าดอกคำฝอยจะเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณแทบจะครอบจักรวาล แต่ก็ยังมีข้อควรระวังก่อนทานเช่นกัน ดอกคำฝอยมักถูกใช้เป็นส่วนประกอบของยาสมุนไพร โดยจัดรวมกลุ่มใช้ด้วยกันกับยา หรือพืชตัวอื่นๆ จะไม่ใช้ดอกคำฝอยเดี่ยวๆ เพราะต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม มิเช่นนั้นอาจส่งผลกระทบต่อระบบเลือดได้
หากทานดอกคำฝอยมากเกินไป หรือติดต่อกันนานเกินไป อาจส่งผลให้มีอาการโลหิตจางได้ ซึ่งทำให้มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย วิงเวียนศีรษะ หรืออาจทำให้โลหิตประจำเดือนมามากผิดปกติ
นอกจากนี้ใครที่กำลังรับประทานยา หรือรับการรักษาโรคที่เกี่ยวกับลิ่มเลือด หรือกำลังทานยาสลายลิ่มเลือดอยู่ ไม่ควรทานดอกคำฝอย เพราะจะยิ่งเพิ่มการสลายลิ่มเลือดให้ออกฤทธิ์มากเกินไปจนอาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้
ใครที่ร่างกายแข็งแรงเป็นปกติดี สามารถทานดอกคำฝอยได้ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์จากดอกคำฝอยมากมาย ทั้งเครื่องดื่มผสมดอกคำฝอย ชงเป็นชาจากกลีบดอกที่แห้ง หรือจะสกัดออกมาเป็นน้ำมันดอกคำฝอย ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ดีต่อสุขภาพทั้งสิ้น แต่ใครที่มีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 03/05/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,350.00 | 32,450.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,095.00 | 31,760.20 | 32,950.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,885.50 | 28,584.18 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,676.00 | 25,408.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 943.00 | 14,295.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 733.00 | 11,112.28 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,171.00 | 32,912.36 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 03/05/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.65 | 35.65 | 36.14 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.38 | 35.38 | 35.84 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.34 | 33.34 | 33.74 | 33.34 | 33.34 | – | 33.34 | 33.34 | 33.34 | 33.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.79 | 33.79 | – | – | – | – | – | – | – | 33.79 |
เบนซิน 95 | 43.44 | – | – | – | 43.51 | – | 43.94 | 43.61 | – | 43.44 |
ดีเซล B7 | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล B20 | 32.94 | 32.94 | 33.44 | – | 32.94 | – | 32.94 | – | – | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.06 | 42.16 | 44.04 | 43.66 | 43.66 | – | – | – | – | 42.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |