RHYTHM เอกมัย เอสเตท คอนโดฯแลนด์มาร์กใหม่เอกมัย-ทองหล่อ
เอพี ไทยแลนด์ ภายใต้คำมั่นสัญญา (brand promise) “ชีวิตดี ๆ ที่เลือกเองได้”
ล่าสุด เตรียมส่งมอบคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่โครงการใหม่ล่าสุดแบรนด์ “RHYTHM เอกมัย เอสเตท” มูลค่า 3,350 ล้านบาท
สำหรับแฟนคลับเอพี โครงการนี้ต่อยอดจุดยืนของแบรนด์ RHYTHM ภายใต้แนวคิด “The New Perspective” กับความตั้งใจส่งมอบชีวิตดี ๆ ที่เลือกเองได้ในมุมมองใหม่ที่แตกต่างไปจากบริบทเดิม
ทั้งนี้ “ริธึ่ม เอกมัย เอสเตท” เป็นคอนโดมิเนียมร่วมทุนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จโครงการที่ 16 ระหว่างบริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) กับพันธมิตรยักษ์อสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่น “มิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนส์” บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป
การเปิดตัวโครงการนี้ถือเป็นการกลับมาของแบรนด์ริธึ่มในรอบ 3 ปี หลังจากโอนกรรมสิทธิ์โครงการแรกบนทำเล “RHYTHM เอกมัย” ไปเมื่อปี 2562 ปัจจุบันมีอัตราการเข้าอยู่ (occupation rate) มากถึง 90% ราคารีเซลอยู่ที่ 200,000-230,000 บาท/ตารางเมตร
ดีไซน์ที่เก็บรายละเอียดทุกเม็ด ทำให้เอพีมั่นใจว่าโครงการนี้จะเป็นแลนด์มาร์กใหม่ให้กับโซนเอกมัยอย่างแน่นอน
“มิสเตอร์โฮม” ร่วมอีเวนต์คณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมโครงการพบว่ามีความแตกต่าง 3 จุดที่ทำให้เหนือกว่าในทุกมุมมอง
เริ่มจาก “The Vertical Home” ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางแบบแนวตั้ง สง่างามด้วยสถาปัตยกรรมตัวอาคารที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ elevated lobby ล็อบบี้สูง 7 ชั้น ดีไซน์ประสบการณ์ใหม่ด้วยบันไดไต่ระดับ ฟังก์ชั่นนี้เห็นแล้วหลงรักเลยสำหรับสายออกกำลังกาย เพราะปรับเป็นลู่จ็อกกิ้งได้สบาย ๆ
พร้อมยก feature lobby ซึ่งทำหน้าที่เป็นเมนล็อบบี้ขึ้นไปอยู่ชั้น 7 ควบคู่ไปกับการออกแบบ grand terrace ที่เป็นเหมือนเฉลียงขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
โซนห้องพักอาศัยได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ (customized layout) มีมากถึง 6 รูปแบบกับ 53 เลย์เอาต์ให้เลือก เพื่อเปิดรับมุมมองวิวเอกมัย-ทองหล่อในมิติที่ดีที่สุดอีกด้วย
ถัดมา “The Perfect Balance Between Art & Nature” อีกหนึ่งความพิเศษที่ทำให้โครงการมีภาพสะท้อนสุนทรียศาสตร์ในการอยู่อาศัย ด้วยการผสานเสน่ห์ของงานศิลปะเข้ากับความสวยงามของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการอนุรักษ์ต้นจามจุรีเก่าแก่อายุ 50 ปี จำนวน 3 ต้น ที่เปรียบเสมือนปอดฟอกอากาศ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีคุณค่ากับคนในชุมชนเอกมัย
การต่อยอดต้นจามจุรีด้วยการเข้ามาอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางโครงการผ่านงานศิลปะ การเลือกใช้หินอ่อนที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง rainforest green marble ถือเป็นวัสดุชิ้นเอกที่อยู่ในพื้นที่
และ “finest facilities” พื้นที่ส่วนกลางจุดต่าง ๆ ประดับด้วยหินอ่อนสีเขียว ผสมสายแร่สีน้ำตาลที่มีเส้นสายคล้ายเถาวัลย์และกิ่งไม้
การเลือกใช้ wall covering ระดับสากลมาตกแต่งในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น Vincent Van Gogh Collection ลวดลายคอลเล็กชั่นนี้มีแรงบันดาลใจมาจากผลงานศิลปะทรงคุณค่าของวินเซนต์ แวน โก๊ะ
และ Bearded Leopard Collection จากแบรนด์ Moooi ประเทศเนเธอร์แลนด์ ความพิเศษอยู่ที่รายละเอียดของแผ่นฟอยล์สีทองที่สลับกับเนื้อสีดำ ให้ความรู้สึกเหมือนขนของเสือดาว
เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งเลือกเฟ้นจาก Pomme Chan’s Cabinet & Cushion Design ผลงานศิลปินไทยที่โด่งดังในระดับอินเตอร์อย่าง “ปอม ชาญ” Enjoy The RHYTHM Of Leisure Through Finest Facilities
สิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็มเทียบเท่าโรงแรม 5 ดาว ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางแนวตั้งกับ elevated lobby ล็อบบี้ 7 ชั้น เริ่มจาก welcome foyer พื้นที่รับรองแขกที่ชั้น G ต่อเนื่องด้วย coworking space แบ่ง 2 โซน private และ public รองรับการใช้งานตามไลฟ์สไตล์
และ feature lobby space ขนาดใหญ่บนชั้น 7 เชื่อมต่อกับพื้นที่ flexible lobby และ grand terrace บรรยากาศเฉลียงบ้านขนาดใหญ่พื้นที่กว่า 750 ตารางเมตร พร้อมห้องกระจกแยกส่วน อาทิ tea pavilion ประดับงานเพนต์ต้นจามจุรีโดยศิลปินไทย และ theater Pavilion มุมชมภาพยนตร์แบบส่วนตัว
ด้านบนมี triplex rooftop บนชั้น 31-32 กับชั้น rooftop ประกอบด้วย 3 sky “sky fitness-sky lounge-sky wellness spa” มาพร้อมระบบ white ion bath bath มาตรฐานเทียบเท่าสปาชั้นนำ
ไฮไลต์อยู่ที่ 360ํ infinity edge pool ว่ายน้ำได้รอบอาคารแบบ 360 องศา พร้อม crystal hallway ทางเดินอุโมงค์ใต้น้ำที่ให้มุมมองใหม่ มิสเตอร์โฮมขอเรียกว่าเป็น aquarium pool ก็แล้วกัน ประมาณว่าลูกเด็กหญิงชายว่ายน้ำโดยคุณพ่อคุณแม่ยืนอยู่อุโมงค์ใต้น้ำแล้วถ่ายคลิปเจ้าตัวเล็กกำลังแหวกว่ายอย่างมีความสุข
ในมุมความเป็นส่วนตัวห้องชุดมีจำนวนจำกัด 303 ยูนิต พิเศษสำหรับลูกค้าลงทะเบียนนัดหมายล่วงหน้า รับส่วนลด on top มูลค่า 200,000 บาท พร้อมฟรีทุกค่าใช้จ่าย ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ราคาเริ่มต้น 7.9 ล้านบาท
“เอพี ไทยแลนด์-ชีวิตดี ๆ ที่เลือกเองได้”
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
“ธนาสิริ กรุ๊ป” เพิ่มทุน รองรับการซื้อที่ดิน-ขยายงานโครงการใหม่ปี 66
THANA แจงมติการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 พร้อมจัดสรรหุ้นสามัญด้วยการเพิ่มทุนจดทะเบียน 25 ล้านหุ้น รองรับการซื้อที่ดินใหม่ หนุนกระแสเงินสดหมุนเวียนของบริษัท และตั้งเป้าขยายงานทั้งพัฒนาโครงการใหม่ และสร้างบริการหลังการขายที่แตกต่าง ภายใต้แนวคิด “ธนาสิริ เราดูแล”
นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THANA) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ชี้แจงถึงการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ว่า บริษัทได้นำเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาวาระที่เกี่ยวกับการเพิ่มทุนจดทะเบียน จากทุนจดทะเบียนเดิม 253,212,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 278,533,200 บาท โดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 25,321,200 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท“สำหรับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท เพื่อเป็นเงินทุนรองรับการซื้อที่ดิน และการขยายตัวของธุรกิจ ทั้งลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2566 และการมุ่งสร้างบริการหลังการขายที่แตกต่าง ภายใต้แนวคิด “ธนาสิริ เราดูแล” แล้วนั้น ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ และปรับโครงสร้างเงินทุนให้มีศักยภาพมากขึ้น ทั้งยังเป็นการบริหารความเสี่ยง รวมถึงช่วยเพิ่มสภาพคล่องในกิจการให้มีความเหมาะสม เสริมสร้างความมั่นคงในกระแสเงินสด และฐานะทางการเงินของบริษัท ขณะเดียวกัน จากการที่บริษัทมีฐานะทางการเงินดีขึ้น และมีแนวโน้มทำกำไรให้มีศักยภาพมากขึ้น ส่งผลทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้นในอนาคต ซึ่งผู้ถือหุ้นจะได้รับประโยชน์จากมูลค่ากิจการที่เพิ่มขึ้นตามมา”
นับเป็นหนึ่งบทพิสูจน์ที่สำคัญสำหรับ THANA ในการบริหารความยืดหยุ่นขององค์กรเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม จากการพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท นอกเหนือจากการเพิ่มทุนจดทะเบียนดังกล่าว บริษัทยังจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน โดย 10 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน (โดยเศษของหุ้นปัดทิ้ง) ซึ่งกำหนดราคาเสนอขาย 2.85 บาท โดยวันที่ 3 ตุลาคม 2565 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น และวันที่ 31 ตุลาคม จนถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 เป็นวันที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท
ขอบคุณข้อมูลจาก mgronline.com
ปิดฉาก 3 ปีคุม ‘โควิด’ รัฐโหมงบฯ เงินกู้ – งบกลางฯ รวม 2.5 ล้านล้าน
รัฐบาลใช้เม็ดเงินเกือบ 2.5 ล้านล้านดูแลโควิด-19 ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจาก 6 แหล่งเงิน ทั้งจากเงินกู้ฯ – งบกลางฯ พ.ร.ก.ช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการให้สินเชื่อ สศช.เผยยอดเบิกจ่ายเงินกู้ตาม พ.ร.ก. 5 แสนล้านเบิกจ่ายแล้วกว่า 80%
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้างรัฐบาลแต่ละประเทศต้องใช้เงินกู้ และงบประมาณจำนวนมากในการเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ทั้งทางด้านสาธารณสุข และฟื้นฟู รวมถึงเยียวยาเศรษฐกิจเช่นเดียวกับประเทศไทยที่มีการใช้ทั้งงบประมาณ และการกู้เงินเพื่อนำมาใช้ในสถานการณ์นี้โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2563 – 2565) คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการอนุมัติวงเงินในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้นกว่า 2.493 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็น 6 แหล่งเงิน ประกอบไปด้วยการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 4 ฉบับ ได้แก่
1.พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 วงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท
2. พ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา พ.ศ. 2563 โดยให้ ธปท. สามารถปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจในอัตราร้อยละ 0.01 ต่อปี วงเงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs
นอกจากนั้นในระบบงบประมาณได้มีการนำงบกลางมาใช้ในการแก้ปัญหาโควิด-19 ในด้านต่างๆ รวมทั้งการซื้อวัคซีนโดยใน 2 ปีงบประมาณรัฐบาลและรัฐสภาเห็นชอบร่วมกันในการจัดทำ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ใน 2 ปีงบประมาณ หรือ “งบกลางฯโควิด”
ในปีงบประมาณ 2564 และปีงบประมาณ 2565 วงเงินรวม 56,625.6 ล้านบาท แบ่งเป็นงบกลางฯโควิดปี 2564 วงเงิน 40,325.6 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2565 วงเงิน 16,300 ล้านบาท
ในขณะเดียวกันได้มีการอนุมัติงบกลางจากรายการสำรองจ่าย กรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วน ในปี 2563 – 2565 วงเงินรวม 37,198.06 ล้านบาทโดยมีการใช้จ่ายหลากหลายรายการทั้งการจ่ายค่าตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์ ไปถึงค่าใช้จ่ายให้กับการดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับหน่วยงานความมั่นคงในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19
3.พ.ร.ก.สนับสนุนสภาพคล่องเพื่อดูแลเสถียรภาพตราสารหนี้ภาคเอกชน พ.ศ. 2563 โดยให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่อง เพื่อลดความเสี่ยงของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน (Corporate Bond Liquidity Stabilization Fund: BSF) เข้าไปซื้อตราสารหนี้เพื่อเสริมสภาพคล่องแก่บริษัทผู้ออกหุ้นกู้ที่มีคุณภาพ แต่ประสบปัญหาสภาพคล่องชั่วคราว (Temporary liquidity shortage) จากการแพร่ระบาดของโควิดเพื่อให้บริษัทสามารถ rollover หุ้นกู้ต่อไปได้ ทั้งนี้ ธปท. สามารถซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้ไม่เกิน 4 แสนล้านบาท
ต่อจากนั้นเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยืดเยื้อมากขึ้นรัฐบาลได้ออก พ.ร.ก.ฉบับที่ 4 ได้แก่ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564 (พ.ร.ก. กู้เงินฯเพิ่มเติม) วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งขาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ฯ กล่าวว่าการอนุมัติโครงการเงินกู้ต่างๆตาม พ.ร.ก.นั้นสิ้นสุดลงแล้วตามกำหนดระยะเวลาที่ พ.ร.ก.กำหนดให้มีการอนุมัติโครงการต่างๆภายในวันที่ 30 ก.ย. 2565 ซึ่งเป็นวันที่สิ้นสุดปีงบประมาณ
จากนั้นเป็นขั้นตอนของการเบิกจ่ายวงเงินในโครงการต่างๆที่ได้มีการอนุมัติไปแล้วซึ่งขณะนี้มีการเบิกจ่ายเงินกู้ฯตาม พ.ร.ก.เงินกู้ฯ 5 แสนล้านแล้วกว่า 80% จึงมั่นใจว่าช่วงที่เหลือของปีนี้จะสามารถเบิกจ่ายได้ครบตามเป้าหมายที่วางไว้ซึ่งกำหนดว่าจะต้องเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
เปิดรูปแบบการแข่งขัน “วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2022” รอบ 2
“วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย” มีลุ้นไปได้ไกลกว่ารอบสอง ศึกลูกยางชิงแชมป์โลก 2022
วันที่ 3 ตุลาคม 2565 ความเคลื่อนไหวหลังจากที่ วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ผ่านเข้าสู่รอบสอง หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในศึกลูกยางชิงแชมป์โลก 2022 ได้สำเร็จ ซึ่งการแข่งขันในรอบที่ 2 จะยังเป็นการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่ม ทีมจากกลุ่ม เอ จะอยู่ร่วมสายกับทีมที่มีจากกลุ่ม ดี เป็นกลุ่ม อี และทีมจากกลุ่ม บี จะอยู่สายจากทีมที่มาจากกลุ่ม ซี ในกลุ่ม เอฟ
โดยรอบที่ 2 นี้ จะนำผลงานของ 4 ทีมที่เจอกันมาจากรอบแรกติดตัวเข้ามาด้วย และจะทำการแข่งขันแบบพบกันหมดอีกรอบ (แข่งทีมละ 4 นัด – ทีมจากกลุ่มเดียวกันไม่ต้องเจอกันอีก ยึดผลงานที่เจอกันจากรอบแรก) เพื่อคัดเอาทีมอันดับ 1-4 ที่มีผลงานดีที่สุด ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ
ทั้งนี้ ทีมชาติไทย ที่อยู่ในกลุ่ม บี แข่งขันครบ 5 เกมในรอบแรก ทำผลงานชนะ 4 แพ้ 1 มี 10 คะแนน จบการแข่งขันในอันดับที่ 2 ของกลุ่ม ผ่านเข้ารอบที่ 2 จะอยู่ในกลุ่ม เอฟ ร่วมกับ โดมินิกัน, ตุรกี, โปแลนด์ (ไม่ต้องแข่งกับ 3 ทีมนี้), สหรัฐอเมริกา, เซอร์เบีย, เยอรมนี และ แคนาดา ผลงานของทีมสาวไทย ที่จะติดตัวเข้าไปในรอบที่ 2 คือชนะ 2 แพ้ 1 มี 4 คะแนน (ชนะ ตุรกี 3-2 เซต, ชนะ โดมินิกัน 3-2 เซต และแพ้ โปแลนด์ 0-3 เซต)
สำหรับโปรแกรมรอบ 2 ของ สาวไทย มีดังนี้
วันที่ 4 ตุลาคม 2565 ทีมชาติไทย พบ แคนาดา เวลา 20.00 น.
วันที่ 5 ตุลาคม 2565 ทีมชาติไทย พบ เยอรมนี เวลา 20.00 น.
วันที่ 7 ตุลาคม 2565 ทีมชาติไทย พบ เซอร์เบีย เวลา 20.00 น.
วันที่ 8 ตุลาคม 2565 ทีมชาติไทย พบ สหรัฐอเมริกา เวลา 20.00 น.
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
หูเสือ ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
หูเสือ งานวิจัยและสรรพคุณ 35ข้อ
ชื่อสมุนไพร เนียมหูเสือ
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ใบหูเสือ (ทั่วไป,ภาคกลาง),หอมด่วนหลวง,หอมด่วนหูเสือ (ภาคเหนือ),เนียมหูเสือ (ทั่วไป,ภาคอีสาน),ผักฮ่านใหญ่(ไทยใหญ่),โฮ่อิ๋มเช่าชี่ปอ, โฮว่ฮีเช่า,เนียมอีไหลหลึง(จีน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Plectranthus amboinicus (Lour.) Spreng.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Coleus aromaticus Benth., Coleus amboinicus Lour. Coleuscrassifolius Benth.,
ชื่อสามัญ Indian borage, French thyme, Country borage, Mexican mint, Spanish thyme, Oreille.
วงศ์ LAMIACEAE – LABIATAE
ถิ่นกำเนิดเนียมหูเสือ
หูเสือเป็นพืชพื้นถิ่นของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในแถบประเทศไทย พม่า ลาว กัมพูชา ฯลฯ แล้วมีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังเขตร้อนต่างๆ ทั่วโลก เช่น อินเดีย , จีน ตอนใต้ รวมถึง บางประเทศในทวีปแอฟริกา สำหรับในประเทศไทย สามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศแต่พบได้มากในภาคเหนือ โดยมักจะพบขึ้นตามที่ชื้นแฉะทั่วไปหรือตามที่รกร้างต่างๆที่มีความชื้นสูง
ประโยชน์และสรรพคุณเนียมหูเสือ
- ต้นนำมาตำหรือบดใช้ซักผ้า หรือสระผมได้
- ใบสามารถนำไปทำเป็นยานัตถุ์ได้ เพราะมีกลิ่นหอม
- นำมาใส่ในยุ้งข้าวเพื่อไล่แมลงก็ได้
- ช่วยบำรุงร่างกาย
- แก้พิษฝีในหู
- แก้ปวดหู
- แก้หูน้ำหนวก
- ช่วยเจริญอาหาร
- แก้ไข้หวัดในเด็ก
- แก้โรคหืด
- บำรุงร่างกาย
- แก้ไอเรื้อรัง หืดหอบ
- แก้อาการปวด
- ลดไข้
- ช่วยรักษาอาการหวัดคัดจมูก
- รักษาหิด
- แก้ลมชักบางประเภท
- แก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ
- กินหลังคลอดขับน้ำคาวปลา
- ช่วยขับลม
- แก้ปวดท้อง
- อาหารไม่ย่อย
- แก้แมลง สัตว์ กัดต่อย
- รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
- รักษาอาการบวม
- แก้ปวดข้อ
- ใช้ขยี้ทาห้ามเลือด
- รักษาแผลเรื้อรัง
- ช่วยดับกลิ่นปาก
- แก้ปวดฟัน
- ป้องกันฟันผุ
- ใช้เป็นยาบำรุงเลือดลม
- บำรุงร่างกายขับน้ำนมหลังคลอด
- ช่วยย่อยอาหาร
- แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
หูเสือเป็นสมุนไพรที่คนไทยและคนจีนรับประทานเป็นอาหารมาอย่างยาวนาน เนื่องจากหูเสือมีกลิ่นหอมชวนให้รับประทาน โดยรับประทานเป็นผักสดแกล้มกับอาหาร เพื่อดับกลิ่นคาวและทำ ให้อาหารมีกลิ่นหอมหรือนำ ยังมีการนำใบของต้นหูเสือ มาใช้เป็นเครื่องเทศประกอบอาหารไทย ฝรั่ง โดยกลิ่นหอมของใบหูเสือจะมีกลิ่นคล้ายกับเครื่องเทศ “ออริกาโน” (Oregano) ที่ใช้โรยหน้าพิซซ่า ซึ่งสามารถนำมาใช้แทนออริกาโนได้
ลักษณะทั่วไปเนียมหูเสือ
หูเสือจัดเป็นไม้ล้มลุกมี อายุ 2-3 ปี สูงประมาณ 0.3-1 เมตร ลำต้นอวบน้ำ หักได้ง่าย ลำต้นและกิ่งค่อนข้างกลม ต้นอ่อนมีขนหนาแน่น เมื่อแก่ขนจะค่อยๆหลุดร่วงไป ใบ เป็นใบเดี่ยว สีเขียวอ่อน ออกตรงข้าม ใบรูปไข่กว้างค่อนข้างกลม หรือรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ใบกว้าง 2.5-5 เซนติเมตร ยาว 3-8 เซนติเมตร ใบขยี้ดมมีกลิ่นหอมฉุน ปลายใบกลมมน โคนใบกลมหรือตัด ขอบใบจักเป็นคลื่นมนรอบๆใบ ใบหนา อวบน้ำ ผิวใบมีขนอ่อนนุ่มปกคลุมทั่วทั้งใบ แผ่นใบนูน เส้นใบลึก ก้านใบยาว 2-4.5 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อ ยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร อยู่ตามปลายกิ่งหรือยอด ดอกย่อยติดหนาแน่นเป็นวงรอบแกนกลาง เป็นระยะๆ มีขน ช่อหนึ่งๆ มีดอกประมาณ 6-8 ดอก ทยอยบานทีละ 1-2 ดอก กลีบดอกมี 5 กลีบ กลีบดอกสีม่วงขาว รูปเรือ ยาว 8-12 มิลลิเมตร โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดยาว 3-4 มิลลิเมตร ปลายแยกเป็น 2 กลีบ กลีบบนสั้น ตั้งตรง มีขน กลีบล่างยาว เว้า ก้านเกสรเพศผู้เชื่อมติดกันเป็นหลอด ตอนโคนล้อมก้านเกสรเพศเมียไว้ กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูประฆัง ยาว 2-4 มิลลิเมตร มีขน และมีต่อม ปลายแยกเป็น 5 แฉก แฉกบนรูปไข่กว้าง ปลายแหลม แฉกข้างๆ รูปหอกแคบ แฉกล่างยาวกว่าแฉกอื่นเล็กน้อย ใบประดับรูปไข่กว้าง ยาว 3-4 เซนติเมตร ปลายแหลม ก้านสั้น ผล มีเปลือกแข็ง เล็ก กลมแป้น สีน้ำตาลอ่อน ผิวเรียบ กว้างประมาณ 0.5 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 0.7 มิลลิเมตร
การขยายพันธุ์เนียมหูเสือ
หูเสือสามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการปักชำยอด หรือต้นโดยเลือกกิ่งที่แข็งแรงแล้วนำมาตัดใบออกบางส่วน แต่อย่างตัดให้กิ่งโดนก้านใบเพราะจำทำให้ตาที่จะแตกยอดใหม่ถูกต้องไปด้วยจากนั้นจึงนำมาปักลงในดินที่เตรียมไว้ให้ลึกประมาณ 5-10 เซนติเมตร แล้วรดน้ำให้ชุ่มทุกๆวัน จากนั้น 1-2 สัปดาห์ จะเริ่มมีรากออกมาและแตกกิ่งก้านสาขาไปเรื่อยๆ ทั้งนี้ หูเสือสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินอุดมสมบูรณ์ที่มีอินทรียวัตถุสูง แต่ก็สามารถขึ้นได้ทุกสภาพดินเป็นพืชที่ชอบความชื้นมาก และชอบแสงแดดปานกลาง
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
ใบสดคั้นเอาน้ำมาหยอดหู แก้ปวดหู แก้พิษฝีในหู แก้หูน้ำหนวก บำรุงเลือดลม ให้ใช้รากหูเสือนำมาต้มกับน้ำกิน แก้ปวดฟัน ป้องกันฟันผุ ด้วยการนำรากหูเสือมาแช่กับน้ำธรรมดา แล้วนำมากินและอมบ่อย ๆ ใบนำมาขยี้ดม จะช่วยแก้อาการคัดจมูกเนื่องจากหวัดได้ แก้อาการไอ ไอเรื้อรัง แก้เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ ระบุให้ใช้ใบสดประมาณ 4-5 ใบ นำมาฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปต้มกับน้ำ 1 ลิตร กินครั้งละครึ่งแก้ววันละ 3 เวลา ต้มดื่มเรื่อย ๆ หรือใช้ใบหูเสือสดประมาณ 4-5 ใบ นำมาสับกับหมูไม่ติดมันให้ละเอียด ใช้ต้มกินแบบแกงจืด ใส่เกลือป่น โดยให้กินทั้งน้ำและเนื้อ 2 มื้อ เช้าและเย็น ส่วนตำรับยาแก้ไอในเด็ก ระบุให้นำใบหูเสือมานวดกับเกลือ คั้นเอาน้ำใส่ช้อนทองเหลืองอุ่นให้เดือด แล้วนำมาให้เด็กกิน ช่วยขับลม แก้อาการปวดท้อง อาหารไม่ย่อยโดยใช้ยางจากใบใช้ผสมกับน้ำตาลกิน ใบนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ กินหลังคลอดจะช่วยขับน้ำคาวปลา แก้อาการท้องอืดในเด็กโดยนำต้นและใบนำมาขยี้ใช้ทาท้องเด็ก ใช้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ด้วยการนำใบหูเสือมาล้างให้สะอาด ตำแล้วนำมาโปะตรงที่เป็นแผล จะช่วยทำให้แผลไม่เปื่อย ไม่พอง และไม่ลุกลาม ใบนำมาคั้นเอาใช้เป็นยาทารักษาแผลเรื้อรัง แผลที่มีน้ำเหลือง น้ำหนอง หรือเป็นตุ่มพุพอง ใบนำมาขยี้ทารักษาหิด ไปใช้ภายนอกนำมาขยี้ทาหรือใช้เป็นยาพอกแก้แมงป่องต่อย ตะขาบกัด ช่วยรักษาอาการบวม โดยใช้ใบตำพอกแก้ปวดข้อ
การศึกษาทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์กระตุ้นความอยากอาหาร ศึกษากระตุ้นความอยากอาหารของหูเสือ (Coleus aromaticus ) ในอาสาสมัครสุขภาพดีจำนวน 32 คน (เพศชาย 24 คน และ เพศหญิง 8 คน) แบ่งเป็น 4 กลุ่ม (กลุ่มละ 8 คน โดยในแต่ละกลุ่มให้มีอาสาสมัครเพศชาย 6 คน และอาสาสมัครเพศหญิง 2 คน) กลุ่มที่ 1 ให้เป็นกลุ่มควบคุม กลุ่มที่ 2 – 4 ให้ดื่มน้ำคั้นสดใบหูเสือความเข้มข้น 12, 18 และ 24% ตามลำดับ โดยให้ดื่มขนาด 170 มล. หลังจากนั้น 30 นาทีทำการเก็บตัวอย่างเลือดของอาสาสมัครเพื่อวิเคราะห์ค่าทางชีวเคมี และประเมินความอยากอาหารของอาสาสมัคร โดยใช้แบบสอบถาม visual analog scale ผลจากการทดลองพบว่า อาสาสมัครที่ดื่มน้ำคั้นสดใบหูเสือความเข้มข้น 12 และ 18% มีค่าระดับฮอร์โมน leptin ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมความอิ่มหรือทำให้ไม่อยากอาหารลดลง โดยกลุ่มที่ดื่มน้ำคั้นสดใบหูเสือที่ความเข้มข้น 12% ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม แต่ในกลุ่มที่ดื่มน้ำคั้นสดใบหูเสือเข้มข้น 24% ระดับฮอร์โมน leptin จะมีค่าเพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับผลการประเมินความรู้สึกอยากอาหารของอาสาสมัคร โดยพบว่า อาสาสมัครในกลุ่มที่ดื่มน้ำคั้นสดใบหูเสือความเข้มข้น 12 และ 18% จะมีความรู้สึกอยากอาหารเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม แต่ในกลุ่มที่ดื่มน้ำคั้นสดใบหูเสือความเข้มข้น 24% จะมีความอยากอาหารลดลง ผลจากการทดลองแสดงให้เห็นว่าการดื่มน้ำคั้นสดใบหูเสือมีฤทธิ์กระตุ้นความอยากอาหารได้ แต่การดื่มที่ความเข้มข้นสูงเกินไปก็จะทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม และขนาดความเข้มข้นที่พอเหมาะสำหรับดื่มเพื่อกระตุ้นความอยากอาหารคือ 12% และยังมีรายงานผลการศึกษาวิจัยในต่างประเทศของต้นหูเสืออีกหลายเรื่อง เช่น น้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด ทั้งประเภท gram-positive และ gram-nagative และน้ำยาที่สกัดจากเนียมหูเสือสามารถยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบ ยั้บยั้งเชื้อราและยีสต์ ยับยั้งเอนไซม์ protease ที่เกิดจากเชื้อ HIV เป็นต้น
การศึกษาทางพิษวิทยา
ในการทดสอบความเป็นพิษ พบว่าน้ำยาสกัดจากจากต้นหูเสือ ทั้งต้นโดยใช้เอทานอล 50% เมื่อฉีดเข้าช่องท้องหนูถีบจักรในอัตราสูงกว่า 1 มก. ทำให้หนูตาย 50%(LD50) แสดงว่ามีความเป็นพิษมาก
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
- สตรีมีครรภ์และสตรีที่ให้นมบุตรไม่ควรรับประทานต้นหูเสือรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปต่างๆ จากต้นหูเสือ
- ในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ต้นหูเสือเสมอเพราะอาจส่งผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้
- ไม่ควรรับประทานส่วนต่างๆของต้นหูเสือทั้งรับประทานแบบสดๆหรือรูปแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆของต้นหูเสือในปริมาณที่มากและนานจนเกินไปเพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้
ขอบคุณข้อมูลจาก disthai.com
เด็กไทยเก่งจีน หมวด อาหารไทย : 30 อาหารไทยรสเด็ดในภาษาจีนกลาง (泰国菜)
ส้มตำ ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวานไก่ ผัดไทย ข้าวเหนียวมะม่วง แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้ววว…
นอกจากธรรมชาติอันสวยงามของประเทศไทยและอัธยาศัยของผู้คน มีนักท่องเที่ยวชาวจีนไม่น้อยเลยที่ติดใจเมืองไทยของเราเพราะ 泰国菜 Tàiguó cài (ไท่กั๋วช่าย) หรือ ‘อาหารไทย’ รสเด็ดเหล่านี้ วันนี้สถาบันภาษาจีนเลิร์นนิ่งอีสท์เลยรวบรวมชื่อภาษาจีนของเมนูอาหารไทยยอดนิยมมาฝากกันแบบครบสูตรทั้งตัวจีน พินอิน และคำอ่านภาษาไทย ใครเปิดร้านอาหารไทยก็อย่าลืมนำไปเพิ่มไว้ในเมนู เผื่อจะได้ลูกค้าชาวจีนเพิ่มนะคะ ^^
ส่วนใครที่อยากรู้ว่าเมนูอาหารไทยยอดนิยมต่างๆในภาษาจีนเรียกว่าอะไร ก็เลื่อนลงมาด้านล่างได้เลยค่ะ!!!
รวมมิตร 30 เมนูอาหารไทยยอดนิยมในภาษาจีนกลาง
พร้อมพินอินและคำอ่านภาษาไทย
- ต้มยำกุ้ง 冬阴功汤 dōngyīngōng tāng (ตงอินกงทัง)
- ต้มแซ่บกระดูกหมู 酸辣排骨汤 suānlà páigǔ tāng (ซวนล่าผายกู๋ทัง)
- ต้มข่าไก่ 椰奶鸡汤 yēnǎi jītāng (เยหน่ายจีทัง)
- แกงเขียวหวานไก่ 绿咖哩鸡 lǜ kāli jī (ลวู่คาหลี่จี)
- พะแนงไก่ 帕能咖哩鸡 pànéng kāli jī (พ่าเหนิงคาหลี่จี)
- แกงส้มกุ้ง 酸辣虾汤 suānlà xiā tāng (ซวนล่าเซียทัง)
- ปูผัดผงกะหรี่ 黄咖哩炒蟹 huáng kāli chǎo xiè (หวงคาหลี่ฉ่าวเซี่ย)
- ปลากะพงทอดน้ำปลา 鱼露炸鲈鱼 yúlù zhá lúyú (หยูลู่จ๋าหลูหยู)
- ปลานึ่งมะนาว 清蒸柠檬鱼 qīngzhēng níngméng yú (ชิงเจิงหนิงเหมิงหยู)
- กุ้งแช่น้ำปลา 鱼露拌生虾 yúlù bàn shēng xiā (หยูลู่ปั้นเชิงเซีย)
- คอหมูย่าง 碳烤猪颈肉 tàn kǎo zhū jǐngròu (ถ้านข่าวจูจิ่งโร่ว)
- ข้าวเหนียวหมูปิ้ง 烤肉糯米饭 kǎoròu nuòmǐfàn (ข่าวโร่วนั่วหมี่ฟ่าน)
- น้ำพริกปลาทู 鲭鱼辣酱 qīngyú làjiàng (ชิงหยูล่าเจี้ยง)
- ก๋วยเตี๋ยวเรือ 泰式船面 Tàishì chuán miàn (ไท่ชื่อฉวนเมี่ยน)
- ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ 冬阴功面 dōngyīngōng miàn (ตงอินกงเมี่ยน)
- เย็นตาโฟ 酿豆腐 niàng dòufu (เนี่ยงโต้วฝุ)
- ข้าวซอย 泰北咖哩面 Tàiběi kāli miàn (ไท่เป่ยคาหลี่เมี่ยน)
- ขนมจีนน้ำยาลูกชิ้นปลา 咖哩鱼丸米线 kāli yúwán mǐxiàn (คาหลี่หยูหวานหมีเซี่ยน)
- ผัดไทย 泰式炒粿条 Tàishì chǎo guǒ tiáo (ไท่ชื่อฉาวกั่วเถียว)
- ผัดกะเพราหมูสับ 嘎拋炒豬肉 gāpāo chǎo zhūròu (กาเพาฉ่าวจูโร่ว)
- ข้าวผัดสับปะรด 菠萝炒饭 bōluó chǎofàn (ปัวหลัวฉ่าวฟ่าน)
- ข้าวผัดต้มยำ 泰式酸辣炒饭 Tàishì suānlà chǎofàn (ไท่ชื่อซวนล่าฉ่าวฟ่าน)
- ข้าวผัดปู 蟹肉炒饭 xièròu chǎofàn (เซี่ยโร่วฉ่าวฟ่าน)
- ส้มตำ 青木瓜沙拉 qīng mùguā shālā (ชิงมู่กวาชาลา)
- ยำรวมมิตรทะเล 凉拌海鲜 liángbàn hǎixiān (เหลียงปั้นห่ายเซียน)
- ยำวุ้นเส้น 凉拌粉丝 liángbàn fěnsī (เหลียงปั้นเฝิ่นซือ)
- ยำมาม่า 凉拌方便面 liángbàn fāngbiàn miàn (เหลียงปั้นฟางเปี้ยนเมี่ยน)
- ข้าวเหนียวมะม่วง 芒果糯米饭 mángguǒ nuòmǐfàn (หมางกั๋วนั่วหมี่ฟ่าน)
- ไอศกรีมกะทิ 椰子冰淇淋 yēzi bīngqílín (เยจึ่ปิงฉีหลิน)
- ชาไทย 泰式奶茶 Tàishì nǎichá (ไท่ชื่อหน่ายฉา)
ขอบคุณข้อมูลจาก learningeast.com
จัดเต็ม YouTube อาจบังคับให้สมัคร Premium หากต้องการชมคลิปความละเอียด 4K
Google มีความพยายามอย่างมากที่จะผลักดันให้ผู้ใช้งานทั่วไปอัปเกรด YouTube ไปใช้แบบ Premium ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มโฆษณาให้เยอะขึ้น หรือโปรโมค YouTube Premium มากขึ้น แต่ไม่เพียงเท่านั้น Google ยังหาทางอื่นที่จะดึงผู้ใช้งานมาสมัคร Premium ให้มากขึ้นกว่าเดิมอีก
ผู้ใช้งาน Reddit ชื่อ u/Ihatesmokealarms ได้เผยแพร่ภาพสกรีนช็อตจากแอป YouTube บน iPhone พบตัวเลือก 2160p (4K) แต่จะเปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้ใช้งานแบบ “Premium” เท่านั้น แถมมีปุ่มอัปเกรดเป็นพรีเมียมให้อยู่ด้านข้างด้วย
ด้าน Google ยังไม่ยืนยันว่าจะจำกัดความละเอียด 4K เอาไว้ให้ใช้งานเฉพาะผู้ใช้งานแบบพรีเมียมอย่างเดียวหรือไม่ เป็นไปได้ว่าบริษัทอาจแค่กำลังทดสอบเพื่อดูปฏิริยาตอบรับจากผู้ใช้งานอยู่
ขอบคุณข้อมูลจาก beartai.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 03/10/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,850.00 | 29,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,934.00 | 29,319.44 | 30,450.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,740.60 | 26,387.50 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,547.20 | 23,455.55 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 870.00 | 13,189.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 677.00 | 10,263.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,004.00 | 30,380.64 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 03/10/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.65 | 34.65 | 34.75 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.38 | 34.38 | 34.48 | 34.38 | 34.38 | 34.38 | 34.38 | 34.38 | 34.38 | 34.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.54 | 33.54 | 33.64 | 33.54 | 33.54 | – | 33.54 | 33.54 | 33.54 | 33.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 31.94 | 31.94 | – | – | – | – | – | – | – | 31.94 |
เบนซิน 95 | 42.06 | – | – | – | 42.51 | – | 42.56 | 42.56 | – | 42.06 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | – | 34.94 | – | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 44.96 | 44.96 | 44.26 | – | – | – | – | 43.66 |
แก๊ส NGV | 43.66 | 43.66 | – | – | – | – | – | – | – | 43.66 |