สาระน่ารู้ประจำวันที่ 30 ตุลาคม 2566

เอฟเฟกต์!กำลังซื้อหดGen Y & Gen Zหันเช่าบ้าน-คอนโดแทนซื้อ

SCB EIC เผยพฤติกรรม Gen Y & Gen Z เปลี่ยน หลังกำลังซื้อหดหันเช่าบ้าน-คอนโดแทนซื้อ ส่วนใหญ่รายได้ต่ำกว่า 5หมื่น/เดือน มองหาที่พักค่าเช่าไม่เกิน 1หมื่น/เดือน ขาดความพร้อมกำลังซื้อลด ลง ขาดเงินออมในการชำระค่าดาวน์ รวมถึงขาดความมั่นใจทางด้านรายได้ในอนาคต

กัญญารัตน์ กาญจนวิสุทธิ์ นักวิเคราะห์อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เผยว่า สัดส่วนการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของคนไทยลดลง เป็นผลมาจากแรงกดดันหลายด้าน ทั้งราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น หนี้ครัวเรือนสูง และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ในปี 2014-2022 จำนวนบ้านในกรุงเทพฯ และปริมณฑลขยายตัวเฉลี่ย 2.6% ต่อปี และกระจายตัวออกไปยังปริมณฑลมากขึ้น สอดคล้องตามแนวโน้มการขยายตัวของความเป็นเมือง โดยขนาดครัวเรือนเฉลี่ยเล็กลงไปตามการเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น 

ส่งผลให้สัดส่วนการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยลดลง สะท้อนข้อจำกัดในการครอบครองที่อยู่อาศัย โดยราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากราคาที่ดิน และต้นทุนก่อสร้าง ประกอบกับหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ยังเป็นแรงกดดันในการซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ระดับปานกลางลงมา และกลุ่มที่มีความเปราะบางทางการเงิน
 

ผลสำรวจ SCB EIC พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ยังนิยมการซื้อที่อยู่อาศัยมากกว่าการเช่า สะท้อนค่านิยมในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาผู้ตอบแบบสอบถามที่ยังวางแผนเช่า จะพบว่า สาเหตุหลักมาจากงบประมาณไม่พอสำหรับการซื้อ โดยส่วนใหญ่มีรายได้ต่ำกว่า 50,000 บาท/เดือน ทั้งนี้ค่าเช่าที่พักต่อเดือนเพียงพอสำหรับการผ่อนที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลางลงมา โดยส่วนใหญ่มองหาที่พักค่าเช่าไม่เกิน 10,000 บาท/เดือน และรองลงมา 10,001-20,000 บาท/เดือน แต่ยังขาดความพร้อมในการขยับขยายมาซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ทั้งการมีเงินออมไม่มากเพียงพอสำหรับชำระค่าเงินดาวน์ รวมถึงขาดความมั่นใจทางด้านรายได้ และความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายในอนาคต

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาผู้ตอบแบบสอบถามอีก 19% ที่ยังวางแผนเช่าที่อยู่อาศัยแทนการซื้อ จะพบว่า สาเหตุหลัก ในการวางแผนเช่าที่อยู่อาศัยมาจากงบประมาณที่ไม่เพียงพอสำหรับการซื้อ โดยส่วนใหญ่ 73% ของกลุ่มที่งบประมาณไม่พอสำหรับการซื้อ มีรายได้ต่ำกว่า 50,000 บาท/เดือน หรือเป็นกลุ่มที่มีรายได้ระดับปานกลางลงมา สะท้อนความต้องการในตลาดเช่าที่อยู่อาศัยในภาวะเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ระหว่างการฟื้นตัว ท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ ทั้งราคาที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวสูงขึ้น ภาระหนี้ครัวเรือน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งยังเป็นข้อจำกัดในการซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ระดับปานกลางลงมา และกลุ่มที่มีความเปราะบางทางการเงิน 

นอกจากนี้ Gen Y และ Gen Z มีแผนเช่าที่อยู่อาศัยมากกว่าช่วงอายุอื่น ๆ โดยเมื่อพิจารณาผลสำรวจแยกตามกลุ่มช่วงอายุ พบว่า 23% ของกลุ่ม Gen Y และ Gen Z มีแผนเช่าที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากกว่า Gen X และ Baby boomer ซึ่งมีแผนเช่าที่อยู่อาศัยที่ 18% และ 12% ตามลำดับ

โดยความนิยมของกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่มีแผนเช่าที่อยู่อาศัยมากกว่าช่วงอายุอื่น ๆ นี้ มาจากเหตุผลต่าง ๆ เช่น ยังไม่พร้อมซื้อที่อยู่อาศัยจากข้อจำกัดด้านสถานภาพ ทางการเงิน ต้องย้ายที่อยู่อาศัยตามที่ทำงานใหม่ ยังไม่ตัดสินใจลงหลักปักฐานทำเลใดทำเลหนึ่งอย่างแน่ชัด รวมถึงการมีทัศนคติที่ไม่ได้ต้องการครอบครองที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

แม้ว่าความสามารถในการจ่ายค่าเช่าที่พักต่อเดือนเพียงพอสำหรับการผ่อนชำระที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลางลงมา แต่ผู้เช่าที่อยู่อาศัย ยังขาดความพร้อมทางด้านการเงินในการขยับขยายมาซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ทั้งนี้ผู้ตอบแบบสอบถามที่เช่าที่อยู่อาศัยแทนการซื้อส่วนใหญ่ 72% มองหาที่พักที่มีค่าเช่าไม่เกิน 10,000 บาท/เดือน และรองลงมา 21% มองหาที่พักค่าเช่า 10,001-20,000 บาท/เดือน

 แม้ระดับค่าเช่าที่พักต่อเดือนดังกล่าวจะเพียงพอสำหรับการผ่อนชำระที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลางลงมาได้ แต่ผู้ตอบแบบสอบถามที่เช่าที่อยู่อาศัยแทนการซื้อส่วนใหญ่ 52% ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะทำให้ขยับขยายมาซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ได้แก่ ความพร้อมทางด้านการเงิน ขณะที่ปัจจัยด้านอื่น ๆ อย่างการลงหลักปักฐาน การเตรียมเกษียณ และการแต่งงานหรือมีบุตร ยังเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญน้อยกว่าความพร้อมทางด้านการเงิน สะท้อนว่าการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งก่อให้เกิดภาระหนี้มูลค่าสูง 

และเป็นการผ่อนชำระในระยะยาว ยังต้องอาศัยความเชื่อมั่นในด้านความพร้อมทางด้านการเงิน โดยเฉพาะการมีเงินออมมากเพียงพอสำหรับชำระค่าเงินดาวน์สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัย อีกทั้ง ความมั่นใจทางด้านรายได้ที่จะเพิ่มขึ้น และความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายในอนาคต ให้สามารถมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะสามารถผ่อนชำระที่อยู่อาศัยในระยะยาวได้ ก็ยังมีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยอีกด้วย
  

 • ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ครัวเรือนไทยที่มีรายได้ต่ำกว่า 50,000 บาท/เดือน ในปี 2021 คิดเป็นสัดส่วนใหญ่ 89% ของจำนวนครัวเรือนไทยโดยรวม ขณะที่สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ของครัวเรือนไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 79% ปรับตัวสูงขึ้นขึ้นจากปี 2013 ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 76%
 

    • ค่าใช้จ่ายต่อรายได้ของครัวเรือนไทยที่อยู่ในระดับสูงดังกล่าว กดดันให้ระดับการออมของครัวเรือนไทยยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ระดับปานกลางลงมา และกลุ่มที่มีความเปราะบางทางการเงิน ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการซื้อที่อยู่อาศัยตามมา

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


เพอร์เฟคเผยโฉม “มาร์เก็ต อเวนิว” แจ้งวัฒนะ–ราชพฤกษ์

แกรนด์ โอเพ่นนิ่ง! พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิด “มาร์เก็ต อเวนิว” แจ้งวัฒนะ–ราชพฤกษ์ ราคาเริ่มต้น 7.19 ล้านย่านการค้าแห่งใหม่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์เฟสแรก บนทำเลติดถนนหอการค้าไทยสร้างความคึกคัก ชุมชนกว่า 20,000ครอบครัว

นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้ลงทุนพัฒนา“ถนนหอการค้าไทย” บนทำเลแจ้งวัฒนะ-ชัยพฤกษ์ให้กลายเป็นทำเลแห่งการอยู่อาศัยส่งผลให้ปัจจุบันทำเลดังกล่าวมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีทั้งโครงการที่อยู่อาศัยชั้นดี ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อซูเปอร์มาร์เก็ต และยังมีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้านนทบุรีรวมถึงโรงเรียนนานาชาติ SISB นนทบุรี แห่งใหม่เกิดขึ้น

นอกจากโครงการที่อยู่อาศัย บริษัทยังได้พัฒนาย่านการค้าแห่งใหม่ “มาร์เก็ตอเวนิว แจ้งวัฒนะ–ราชพฤกษ์” บนถนนหอการค้าไทยเพื่อตอบโจทย์กลุ่มนักธุรกิจที่มองหาโอกาสการลงทุนในทำเลที่มีกำลังซื้อสูงรวมถึงเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันให้กับผู้ที่อาศัยอยู่บนถนนหอการค้าไทย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากเจ้าของธุรกิจ SMEรวมถึงนักลงทุนที่ซื้อไว้เพื่อปล่อยเช่า สามารถปิดการขายเฟสแรกและจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ส่งมอบเฟสแรกที่ก่อสร้างแล้วเสร็จได้ในเดือนพ.ย.นี้

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ยังพร้อมเปิดตัว “มาร์เก็ต อเวนิวแจ้งวัฒนะ–ราชพฤกษ์” อย่างเป็นทางการในวันที่ 28 ต.ค.นี้โดยจะเปิดให้ลูกค้าสามารถเข้าชมโครงการได้เป็นครั้งแรกเพื่อสัมผัสบรรยากาศจริง ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากCovent Garden Market ย่านการค้าของลอนดอนประเทศอังกฤษโดยมีการจำลองหอนาฬิกาบิ๊กเบนของเมืองลอนดอนมาเป็นแลนด์มาร์คสัญลักษณ์ของโครงการ และยังจัดแลนด์สเคปเป็นสวนพักผ่อนสไตล์อังกฤษ

นอกจากทำเลที่ตั้งบนถนนหอการค้าไทยครอบคลุมพื้นที่ใกล้เคียงที่มีชุมชนรวมกว่า 20,000 ครอบครัว จะเป็นจุดขายสำคัญแล้วรูปแบบโครงการเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้โครงการได้รับการตอบรับอย่างดีในการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

โครงการยังจะเปิดให้จองเฟสใหม่ด้วยราคาเริ่มต้น 7.19 ล้านบาท พร้อมรับเงินลงทุนสูงสุด 500,000 บาท“มาร์เก็ต อเวนิว แจ้งวัฒนะ–ราชพฤกษ์”เป็นโครงการอาคารพาณิชย์พร้อมการพักอาศัย จำนวน 150 ยูนิต บนพื้นที่27 ไร่ โดยเป็นอาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้น ขนาดที่ดินมาตรฐาน 21.5 ตร.ว.พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม. ที่มีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมแบบยุโรป

ภายในตัวอาคารออกแบบให้ใช้ประโยชน์สูงสุดได้ทุกตารางเมตร โดยชั้น 1และชั้นลอย เป็นพื้นที่พาณิชย์เพื่อการทำธุรกิจ ส่วนชั้น 2 และ ชั้น 3ออกแบบให้เป็นได้ทั้งพื้นที่พักอาศัยหรือพื้นที่พาณิชย์ซึ่งสามารถตกแต่งเป็นโฮมออฟฟิศได้โครงการมีพื้นที่สำหรับจอดรถได้มากกว่า 250 คันรองรับลูกค้าและผู้มาติดต่อได้อย่างสะดวก

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 30ต.ค.”แข็งค่า”ที่ระดับ 36.12 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทมีโน้มผันผวนไปตามทิศทางเงินดอลลาร์ ราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบ จับตาใกล้ชิดทั้งสงครามและค่าเงินหยวน

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 30ต.ค.ที่ระดับ  36.12 บาทต่อดอลลาร์
“แข็งค่าขึ้น”
จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  36.21 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในกรอบ 36.08-36.26 บาทต่อดอลลาร์) ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ที่ได้แรงหนุนจากความกังวลสถานการณ์สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส

ที่ทวีความร้อนแรงมากขึ้น ขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงบ้างหลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ล่าสุด ไม่ได้เร่งตัวขึ้นชัดเจน และยังคงทำให้ผู้เล่นตลาดต่างมองว่าเฟดอาจจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว (ตลาดให้โอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ ไม่เกิน 30% )

 ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากความต้องการถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอยู่บ้าง ท่ามกลางภาวะสงครามที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ แม้ว่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าคาดก็ตาม

ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอจับตา การประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก (เฟด BOE และ BOJ) รวมถึง รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ และจีน พร้อมติดตามรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และสถานการณ์สงครามอย่างใกล้ชิด

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪ ฝั่งสหรัฐฯ – จากการประเมินถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งต่างกังวลต่อแนวโน้มภาวะการเงิน (Financial Conditions) ที่ตึงตัวมากขึ้น ตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ 

รวมถึงมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ (โอกาส 97% จาก CME FedWatch Tool) และ

สถานการณ์สงครามที่ยังมีความไม่แน่นอนและเสี่ยงที่จะบานปลายมากขึ้น ทำให้ เรามองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินเฟด (FOMC) จะมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% 

อย่างไรก็ดี เราจะจับตาการส่งสัญญาณต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินของเฟด ผ่านถ้อยแถลงของประธานเฟดในช่วงหลังรับรู้ผลการประชุม และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดท่านอื่นๆ ในสัปดาห์นี้

 เนื่องจากผู้เล่นในตลาดยังคงให้โอกาสราว 30% ที่เฟดจะสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยได้ในช่วงต้นปีหน้า และผู้เล่นในตลาดยังคงมองว่า เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน (Higher for Longer)

ทั้งนี้ เราคาดว่า มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อทิศทางนโยบายการเงินของเฟด อาจขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (ISM Manufacturing and Services PMIs) เดือนตุลาคม 

และรายงานข้อมูลตลาดแรงงาน อย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) โดยหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดและสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง ก็อาจยิ่งทำให้ ผู้เล่นในตลาดกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและแนวโน้มเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงมากขึ้น

 ทั้งนี้ ควรระวังการตีความข้อมูลการจ้างงาน โดยรายงานยอดการจ้างงานอาจไม่สามารถสะท้อนภาวะการจ้างงานได้ดีนัก หลังการประท้วงหยุดงานของกลุ่มสหภาพยานยนต์ (UAW) เริ่มคลี่คลายลง ทำให้อาจมียอดการจ้างงานจากกลุ่มยานยนต์เพิ่มขึ้นหลายหมื่นราย และ

นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า ควรจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้

▪ ฝั่งยุโรป – เรามองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษและอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอลงชัดเจนในช่วงที่ผ่านมา อาจทำให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เลือกที่จะ “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25% ทั้งนี้ ควรจับตาการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินจากผู้ว่าฯ BOE อย่างใกล้ชิด

 โดยถ้อยแถลงดังกล่าวก็อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางของเงินปอนด์อังกฤษได้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของยูโรโซน อย่าง อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 และอัตราเงินเฟ้อ CPI โดยเรามองว่า หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ยังคงสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจยูโรโซนที่ไม่สดใสนัก

 และจากแนวโน้มการชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อยูโรโซน ทำให้เรามั่นใจว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วที่ระดับ 4.00% (Deposit Facility Rate) ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวก็อาจเป็นปัจจัยกดดันเงินยูโร ทำให้เงินยูโรมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลง 

ทว่าสำหรับเงินยูโร อาจต้องจับตาทิศทางตลาดหุ้นยุโรปอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่จะมีการรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน

▪ ฝั่งเอเชีย – เราประเมินว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะตัดสินใจ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.10% และจะยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบาย Yield Curve Control อย่างไรก็ดี เราจะจับตาว่า BOJ จะมีการส่งสัญญาณพร้อมทยอยปรับนโยบายการเงินหรือไม่ หลังอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมาย 2% พอสมควรมาเป็นเวลานาน ขณะเดียวกันเงินเยนญี่ปุ่นก็อ่อนค่าลงใกล้ระดับ 150 เยนต่อดอลลาร์

ส่วนทางฝั่งธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) เราก็มองว่า จากแนวโน้มการชะลอตัวลงของทั้งภาพรวมเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ อาจทำให้ BNM “คง” อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.00% เช่นกัน 

นอกจากนี้ ตลาดจะรอลุ้นรายงานดัชนี PMI ของจีน ในเดือนตุลาคม โดยหากรายงานดัชนี PMI ของจีนสะท้อนภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ก็อาจช่วยหนุนให้ผู้เล่นในตลาดเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์จีน ซึ่งจะส่งผลให้เงินหยวนจีนและสกุลเงินฝั่งเอเชียทยอยแข็งค่าขึ้นได้

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า มีแนวโน้มผันผวนไปตามทิศทางเงินดอลลาร์ ราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบ โดยต้องจับตาสถานการณ์สงครามอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจยังมีทิศทางไม่ชัดเจน จนกว่าตลาดจะกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งจะขึ้นกับรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนและสถานการณ์สงคราม

นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางเงินหยวนจีน โดยเงินหยวนจีนมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ในกรณีที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของจีนสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่อง

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า สถานการณ์สงครามที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น อาจหนุนการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ เงินดอลลาร์ ทองคำ และพันธบัตรรัฐบาล

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์อาจผันผวนไปตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มนโยบายการเงินเฟด โดยเงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้น หากภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งกว่าคาดและเฟดยังย้ำจุดยืนพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดได้นาน

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงนี้ ตลาดการเงินยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน สถานการณ์สงครามที่ยังคงร้อนแรงอยู่ รวมถึงปัญหาหนี้ภาคอสังหาฯ ของจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย

อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.85-36.60 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.00-36.25 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“มาร์ติน” ซิวชัยโมโตจีพีไทยแลนด์, “สมเกียรติ” สร้างประวัติศาสตร์โพเดียมโฮมเรซ

สุดยอดมอเตอร์สปอร์ต 2 ล้อโลก “โมโตจีพี” ดวลความเร็วสนาม 17 รายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” สุดเดือดบนแผ่นดินไทย ยอดผู้ชมทะลุ 1.79 แสน ฮอร์เก มาร์ติน นักบิดสแปนิชจาก พรีม่า พรามัค เรซซิ่ง ระเบิดฟอร์มเหมาชัยชนะในรุ่น โมโตจีพีไปครอง ไล่จี้ ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า แชมป์โลกชาวอิตาเลียนจาก ดูคาติ เหลือเพียง 13 คะแนน ด้าน“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย สร้างประวติศาสตร์คว้าโพเดียมในบ้านเกิดอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรก พร้อมสร้างสถิติเป็นนักบิดไทยคนไทยในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นโพเดียมใน “โฮมกรังด์ปรีซ์” ได้สำเร็จ

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2023 สนาม 17 รายการ โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ดวลความเร็วอย่างยิ่งใหญ่ต่อหน้าแฟนความเร็วชาวไทย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2566  โดยไฮไลต์ของอยู่ที่การรวมเอานักบิดระดับพระกาฬกว่า 80 คน จากการแข่งขันทั้งสิ้น 3 รุ่นได้แก่ โมโตจีพี, โมโตทู และ โมโตทรี มาดวลคันเร่งให้แฟนชาวไทยได้ชมกันอย่างสุดมันส์

สถานการณ์ในรุ่น โมโตจีพี อยู่ในช่วงสำคัญของการลุ้นแชมป์โลกระหว่าง ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า จ่าฝูงชาวอิตาเลียนจาก ดูคาติ เลโนโว ทีม ซึ่งมีคะแนนนำคู่แข่งคนสำคัญอย่าง ฮอร์เก มาร์ติน นักบิดสแปนิชจาก พรีม่า พรามัค เรซซิ่ง หลังผ่านรอบ “สปรินต์” ในวันเสาร์เพียง 18 คะแนนเท่านั้น

ตำแหน่งโพลในเรซนี้เป็นของ มาร์ติน ขนาบข้างด้วย ลูก้า มารินี นักบิดอิตาเลียนจาก มูนนีย์ วีอาร์46 เรซซิ่ง ทีม และ อเลช เอสปาร์กาโร นักบิดสแปนิชจาก อพริเลีย เรซซิ่ง ในกริดที่ 3 ส่วน บันยาญ่า ได้เริ่มเกมในกริดที่ 6

เกมเรซนี้มีความพลิกผันตลอด 26 รอบสนาม โดย มาร์ติน สามารถบิดคว้าชัยชนะไปครองอย่างสุดมันส์ด้วยเวลา 39 นาที 40.045 วินาที เฉือน บันยาญ่า ที่ไล่บี้เข้าเข้าชัยในอันดับ 3 แต่ได้รับการเลื่อนขึ้นมาคว้าอันดับ 2 ตามหลัง 0.253 วินาที แทนที่ของ แบรด บินเดอร์ นักบิดแอฟริกาใต้จาก เรดบูล เคทีเอ็ม แฟ็คตอรี เรซซิ่ง ทีม ที่พลาดเหยียบแทร็กลิมิตในรอบสุดท้าย ขณะที่ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร นักบิดเฟรนช์จาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี และ มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 8 สมัยจาก เรปโซล ฮอนด้า ตามเข้าป้ายในอันดับ 6 และ 7

ผ่านการแข่งขันสนามนี้ บันยาญ่า ยังรั้งจ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมมีทั้งสิ้น 389 คะแนน โดน มาร์ติน ไล่บี้เข้ามาเหลือเพียง 13 คะแนน ขณะที่เหลือการแข่งขันอีกทั้งสิ้น 3 สนามนี้ปีนี้ ส่วน มาร์โก เบซเซ็คคี นักบิดอิตาเลียนจาก มูนนีย์ วีอาร์46 เรซซิ่ง ทีม รั้งอันดับ 3 ตามหลัง 79 คะแนน

ด้านเกมการแข่งขันในรุ่น โมโตทู ซึ่งแฟนชาวไทยติดตามเชียร์ทั่วประเทศ ปรากฏว่า “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ออกสตาร์ตจากกริดที่ 5 ทะยานขึ้นมารั้งอันดับ 3 ในช่วงต้นเรซ ก่อนบิดเข้าเส้นชัยในอันดับดังกล่าว ตามหลังผู้ชนะอย่าง เฟร์มิน อัลเดเกร์ นักบิดสแปนิชจาก เบต้า ทูล สปีดอัพ 9.794 วินาที ขณะที่อันดับ 2 เป็นของ เปโดร อคอสต้า นักบิดสแปนิชจาก เรดบูล เคทีเอ็ม อาโย ตามหลัง 3.481 วินาที

จากผลงานยอดเยี่ยมในโฮมเรซ ส่งผลให้ “ก้อง” สมเกียรติ ปลดล็อกขึ้นโพเดียมในบ้านเกิดอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรก พร้อมสร้างสถิติเป็นนักบิดไทยคนไทยในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นโพเดียมใน “โฮมกรังด์ปรีซ์” ได้สำเร็จ โดยเจ้าของหมายเลข 35 รั้งอันดับ 5 นตารางคะแนนสะสมในรุ่น โมโตทู มีทั้งสิ้น 143.5 คะแนน

ผลการแข่งขันในรุ่น โมโตทรี ต้องมาวัดกันถึงโค้งสุดท้าย ปรากฏว่าชัยชนะตกเป็นของ ดาวิด อลอนโซ นักบิดดาวรุ่งชาวโคลัมเบีย จาก แกสแกส อัสพาร์ ทีม ด้วยเวลา 32 นาที 45.307 วินาที เฉือนอันดับ 2 อย่าง ไทโยะ ฟูรุซาโตะ นักบิดญี่ปุ่นจาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย เพียง 0.266 วินาทีเท่านั้น อันดับ 3 เป็นของ คอลลิน วายเยอร์ ดาวรุ่งดัตช์จาก ลิควิด โมลี ฮัสควาน่า อินแท็คจีพี ตามหลัง 0.359 วินาที

ส่วนนักบิดดาวรุ่งชาวไทยที่ลงบิดด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ดในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ปรากฏว่า “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง – โบเอ บิดเข้าป้ายอันดับ 27 ตามด้วย “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ในอันดับ 28

ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี รายการ โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023 ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง โดย ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์จัดการแข่งขันประกาศจำนวนผู้เข้าชมอย่างเป็นทางการตลอดสุดสัปดาห์ทั้งสิ้น 179,811 คน

สนามถัดไปของศึก โมโตจีพี 2023 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 พฤศจิกายน 2566  ที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ในรายการ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


วิธีลดกลิ่นปากจากกระเทียม สะตอ หอมหัวใหญ่ ทุเรียน กะปิ ปลาร้า

อาหารไทยใส่เครื่องปรุง และเครื่องเทศมากมายที่ทำให้มีรสชาติอร่อยและเข้มข้น แต่ก็ต้องแลกมากับกลิ่นอันรุนแรงในอาหารสุดอร่อยเหล่านั้นที่ทำให้บางครั้งเราก็ต้องอดใจไม่กินเพราะกลัวปากเหม็น หรือถ้าหากอยากกินและเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องพยายามหาวิธีทางมาลดกลิ่นปาก ซึ่งในหลายๆ ครั้งแปรงฟันและบ้วนปากก็ยังไม่อาจลดกลิ่นเหล่านั้นลงได้

ดร.วนะพร ทองโฉม นักวิชาการโภชนาการ กลุ่มสาขาวิชาโภชนาศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี แนะนำวิธีลดกลิ่นปากจากอาหารกลิ่นแรงเหล่านี้กัน


กระเทียม

สาเหตุของกลิ่นกระเทียมมาจากเอนไซม์ในกระเทียมที่ถูกเปลี่ยนเป็นสารอัลลิซินที่เกิดจากการตัดหรือเคี้ยว ซึ่งสารนี้เป็นสารประกอบในกลุ่มซัลเฟอร์ ซึ่งทำให้เกิดกลิ่นปากและลมหายใจ ซึ่งกลิ่นนี้อาจจะอยู่ได้ถึง 72 ชั่วโมง หรือ 3 วันเลยทีเดียว

แม้ว่าจะทำให้มีกลิ่นแรง แต่สารอัลลิซินในกระเทียมช่วยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ในการต้านอนุมูลอิสระ ลดความดันโลหิต และไขมันในเลือด

วิธีลดกลิ่นกระเทียม

  1. ดื่มนม โดยเฉพาะนมที่มีไขมัน จะสามารถลดกลิ่นได้ดีกว่านมพร่องมันเนย หรือนมขาดมันเนย เพราะนมมีน้ำและไขมันเป็นส่วนประกอบ ที่สามารถละลายสารประกอบของสารซัลเฟอร์ที่ละลายทั้งในน้ำ และในน้ำมันได้ทั้งคู่ ทำให้ลดการระเหยของกลิ่นกระเทียมได้
  2. น้ำผลไม้ หรือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น น้ำมะนาว น้ำส้ม เพราะน้ำผลไม้มีความเป็นกรด กรดจะสามารถเข้าไปยับยั้งเอนไซม์ที่เปลี่ยนสารในกระเทียมที่มีกลิ่นออกมาได้


สะตอ

สะตอเป็นพืชตระกูลถั่วฝัก มีสารพฤกษเคมีที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และลดน้ำตาลในเลือด สะตอก็มีสารที่มีองค์ประกอบซัลเฟอร์ที่มีทำให้มีกลิ่นปากและลมหายใจเช่นเดียวกัน และร่างกายของเราจะมีการขับออกทางปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะของเรามีกลิ่นสะตอด้วย

วิธีลดกลิ่นสะตอ

กินมะเขือเปราะ เพราะมีสารพฤกษเคมี และเอนไซม์โพลีฟีนอล ออกซิเดส ที่ทำปฏิกิริยากับส่วนประกอบซัลเฟอร์ ช่วยลดกลิ่นของสะตอได้


หอมหัวใหญ่

หอมหัวใหญ่เป็นพืชกลุ่มเดียวกับกระเทียม มีสารประกอบซัลเฟอร์ หรืออัลลิซินที่ทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัวได้เหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบของอาหารสำหรับจุลินทรีย์สุขภาพ ที่ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำได้ดียิ่งขึ้นด้วย

วิธีลดกลิ่นหอมหัวใหญ่

หากรับประทานหอมหัวใหญ่ดิบในสลัด สามารถรับประทานควบคู่ไปกับผักกาดหอมได้ ผักกาดหอมดิบมีสารพฤกษเคมี และเอนไซม์โพลีฟีนอล ออกซิเดส ที่ช่วยลดกลิ่นของหอมหัวใหญ่ได้


ทุเรียน

ทุเรียนมีสารประกอบซัลเฟอร์ที่ระเหยได้ง่าย ทำให้มีกลิ่นติดปากและลมหายใจเมื่อรับประทานเข้าไป หากรับประทานมากๆ อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน และโรคหัวใจและหลอดเลือด

วิธีลดกลิ่นทุเรียน

สามารถรับประทานแอปเปิ้ลควบคู่ไปกับการทุเรียนได้ เพราะแอปเปิ้ลมีสารพฤกษเคมี และเอนไซม์โพลีฟีนอล ออกซิเดส ที่จะไปทำปฏิกิริยากับสารซัลเฟอร์ ทำให้ช่วยลดกลิ่นของทุเรียนได้


กะปิ ปลาร้า

กะปิ และปลาร้า ผ่านการถนอมอาหารด้วยการหมัก ทำให้มีกลิ่นจากการหมักเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีโซเดียมสูงที่ทำให้ไต และหัวใจของเราทำงานหนักมากขึ้นอีกด้วย

วิธีลดกลิ่นกะปิ และปลาร้า

เปลือกของผลไม้อย่างส้ม และมะนาว จะมีน้ำมันหอมระเหย ที่ช่วยลดกลิ่นของกะปิ และปลาร้าได้ โดยรับประทานส้ม หรือมะนาวฝานบาง (ติดเปลือก) เคี้ยวในปากหลังรับประทานกะปิ หรือปลาร้า

นอกจากนี้ถ้ามีกลิ่นติดมือ หรือผิวหนังของเรา สามารถใช้เปลือกส้ม หรือมะนาวมาถูบริเวณที่มีกลิ่น และล้างด้วยน้ำสะอาดตามได้ด้วยเช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เปิดมุมลับราชบุรี! หุบผาสวรรค์ ดินแดนลอยฟ้าสุดอันซีน

ราชบุรี ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ทางธรรมชาติอยู่เยอะมาก และยังมีมุมลับ มุมอันซีนที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยเห็นมาก่อน รอให้นักเดินทางได้ไปพิชิต ดั่งเช่นที่หุบผาสวรรค์ แหล่งท่องเที่ยวลับๆ ที่เราจะพาทุกคนไปชมกันในวันนี้

การไปเที่ยวหุบผาสวรรค์แห่งนี้จะต้องอาศัยการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดเขา ผ่านบันไดกว่า 265 ขั้น ใช้เวลาขึ้นลงประมาณ 1 ชม. – 1.30 ชม. แล้วแต่กำลังและการแวะถ่ายรูปของแต่ละคน 

สิ่งก่อสร้างบนยอดเขาในบริเวณนี้มีชื่อว่าหุบผาสวรรค์ เป็นศาสนสถานที่รวบรวมเอาความงดงามของแต่ละสถานที่มาผนวกรวมกัน ทั้งพุทธ คริสต์ และฮินดู โดยสิ่งปลูกสร้างต่างๆ จะสร้างอยู่บนยอดเขาที่สามารถเดินเท้าขึ้นไปสักการะได้ ทั้งรูปปั้นพระเยซูคริสต์ พระพุทธรูป และพระเจดีย์องค์ใหญ่สไตล์ฮินดู 

นอกจากนี้ยังมีวิวธรรมชาติสวยๆ ให้ได้ชมจากมุมสูง กับภาพของภุเขาที่เขียวขจีสมบูรณ์มองไปแล้วสวยงามหายเหนื่อยคุ้มค่ากับการเดินทางแน่นอน หากมีโอกาสลองแวะไปเที่ยวกันครับ

ที่ตั้ง : ตำบลดอนทราย อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/t6bydfv16ggAhvP96

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Phrasal Verb คืออะไร แปลตรงตัวความหมายเปลี่ยน

ฝึกพูดภาษาอังกฤษให้เหมือนเจ้าของภาษา ด้วยเคล็ดลับการใช้ Phrasal verb หรือสำนวนภาษาอังกฤษที่เจ้าของภาษามักใช้กัน ช่วยทำให้การพูดภาษาอังกฤษดูเป็นธรรมชาติ และเป็นกันเองมากขึ้น มาเริ่มทำความเข้าใจก่อนว่า Phrasal verb คืออะไร ทำไมแปลตรงตัวแล้ว ความหมายเปลี่ยนในบทความนี้กันเลย

Phrasal verb คืออะไร ทำไมแปลตรงตัว ความหมายเปลี่ยน

คำกริยาภาษาอังกฤษที่มีสองคำขึ้นไป ประกอบด้วยคำกริยา (Verb) และคำบุพบท (Preposition/ Adverb) รวมกัน เรียกว่า Phrasal verb ทำให้เกิดความหมายใหม่ขึ้น ซึ่งน้อง ๆ อาจเคยเจอมาบ้างแล้ว แต่รู่หรือไม่ว่าคำเหล่านั้นเป็น Phrasal verb เช่น account for, look out, put down, clean up, hand in, take after และ keep off

โครงสร้าง Phrasal verb ประกอบด้วยอะไรบ้าง

Phrasal verb เป็นคำวลีที่นิยมใช้พูดคุยกันแบบไม่เป็นทางการ เมื่อคุณได้เข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ เรียนต่างประเทศ หรือท่องเที่ยวต่างประเทศ ก็จะพบว่ามีเจ้าของภาษามักใช้ Phrasal verb กันบ่อยในชีวิตประจำวัน โดยมีโครงสร้างง่าย ๆ ดังนี้

Verb + Adverb = Phrasal verb
ตัวอย่าง Catch (Verb) + on (Adverb) แปลว่า ทำความเข้าใจ
Pay (Verb) + for (Adverb) แปลว่า ชำระเงิน, ชดเชยสำหรับบางสิ่งบางอย่าง

Verb + Preposition = Phrasal verb
ตัวอย่าง Ask (Verb) + around (Preposition) แปลว่า ถามคำถามเดียวกันกับหลาย ๆ คน
Bring (Verb) + somebody + down (Preposition) แปลว่า ทำให้เสียใจ

Verb + Preposition + Preposition = Phrasal verb
ตัวอย่าง Add (Verb) + up (Prepositon) + to (Preposition) แปลว่า มีค่าเท่ากับ, ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่ากับ
Do (Verb) + away (Preposition) + with (Preposition) แปลว่า

ตัวอย่างประโยค Phrasal verb ที่ใช้แล้วดูเก่งอังกฤษ

1. Do your coat up before you go outside. It’s snowing!
หิมะกำลังตก! คุณต้องแต่งตัวให้มิดชิดก่อนออกไปข้างนอก

2. It’s a fancy restaurant so we have to dress up.

นั่นเป็นภัตตาคารหรู ดังนั้นพวกเราควรแต่งตัวให้ดูดี

3. It’s time to do away with all of these old tax records.
ถึงเวลาที่จะต้องทิ้งบัญชีภาษีเก่า ๆ พวกนี้แล้วล่ะ

4. I am counting on you to make dinner while I am out.
ฉันรอคุณทำอาหารเย็นให้เสร็จ ระหว่างที่ฉันออกไปข้างนอก

5. The money must have fallen out of my pocket.
เงินของฉันต้องร่วงหล่นออกจากกระเป๋าสตางค์ของฉันแน่ ๆ

6. We don’t know where he lives. How can we find out?
พวกเราไม่รู้ว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน แล้วเราจะหาเขาเจอได้ยังไง?

7. Jason always gets away with cheating in his maths tests.
เจสันมักรอดจากการโกงข้อสอบวิชาคณิตได้ทุกครั้ง

8. My father gave me away at my wedding.
พ่อเป็นคนพาฉันเดินเข้าไปในแต่งงานของฉัน

9. When I was young, we went without winter boots.
เมื่อตอนฉันยังเด็ก พวกเราออกไปข้างนอกโดยไม่ใส่รองเท้าบูทในช่วงหน้าหนาว

10. If you keep those results up you will get into a great college.
ถ้าคุณพยายามทำคะแนนให้ได้สูง ๆ คุณจะสามารถสอบเข้าวิทยาลัยดี ๆ ได้

สรุปการใช้ Phrasal verb

อยากพูดภาษาอังกฤษเก่ง ไม่ยากอย่างที่คิดใช่ไหมล่ะ? เพียงเท่านี้คุณก็เข้าใจที่มา และโครงสร้างของ Phrasal verb มากขึ้นว่า ซึ่งมีหลักการง่าย ๆ แค่ 3 โครงสร้างเท่านั้น ได้แก่ Verb + Adverb, Verb + Preposition และ Verb + Preposition + Preposition ก็จะได้คำที่มีความหมายใหม่ เอาไว้ใช้พูดกับเพื่อน ๆ และชาวต่างชาติได้อย่างมั่นใจแล้ว

นอกจากนี้ อย่าลืมเลือกใช้ Phrasal verb ให้เหมาะสมกับสถาณการณ์ เพื่อให้ตรงบกับความหมายที่คุณอยากสื่อออกไปด้วยล่ะ จะได้พูดคุยกันได้สนุก และอาจได้เพื่อนใหม่เพิ่มด้วย เราขอแนะนำให้คุณฝึกพูดบ่อย ๆ จะได้ไม่เขิน และใช้ Phrasal verb ได้อย่างคล่องแคล่ว คุณสามารถเข้าร่วมกิจกรรม Social Club ซึ่งไม่จำเป็นว่า ต้องเป็นนักเรียนของเรา ก็เข้ามาฝึกภาษาอังกฤษในหัวข้อที่สนใจได้ ฟรี!

เรียนรู้เคล็ดลับการใช้ Phrasal verb ช่วยพัฒนาการพูดภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้น

ทดลองเรียนภาษาอังกฤษกับ วอลล์สตรีท อิงลิช สถาบันสอนภาษาอันดับ 1 ที่สาขาใกล้บ้านคุณได้เล้ยย เรามีอาจารย์เจ้าของภาษาผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำทั้งแบบ Face to face และออนไลน์ในคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ All Access ที่พร้อมช่วยคุณพัฒนาทักษะฟัง พูด อ่าน เขียนให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

References:
Englishclub.com
Dictionary.cambridge.org

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


5+1 พฤติกรรมควรเลี่ยง เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่มือถือเสื่อมเร็วขึ้น

แบตเตอรี่มือถือเป็นอุปกรณ์ที่มีอายุการใช้งานจำกัด ซึ่งการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ หนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่มือถือมากที่สุดคือพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ พฤติกรรมบางอย่างอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ พฤติกรรมที่ควรเลี่ยงเพื่อไม่ให้แบตเตอรี่มือถือเสื่อมเร็วขึ้น มีดังนี้

พฤติกรรมชาร์จแบตเตอรี่มือถือที่อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น มีดังนี้

  • ชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้ทั้งคืน การชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้ทั้งคืนโดยที่แบตเตอรี่เต็มแล้วนั้น จะทำให้แบตเตอรี่ได้รับพลังงานมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้ ทางที่ดีควรถอดปลั๊กชาร์จเมื่อแบตเตอรี่เต็มแล้ว
  • ชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ทุกครั้ง การชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ทุกครั้งนั้น จะทำให้แบตเตอรี่ทำงานหนักขึ้น ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้ ทางที่ดีควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เหลือประมาณ 20-30% ก่อนชาร์จใหม่
  • ใช้แบตเตอรี่จนหมดเกลี้ยง การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงจนเครื่องดับนั้น จะทำให้แบตเตอรี่ได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้ ทางที่ดีควรชาร์จแบตเตอรี่เมื่อแบตเตอรี่เหลือประมาณ 20-30%
  • ใช้เครื่องในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง อุณหภูมิสูงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ การใช้เครื่องในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง เช่น กลางแดดจัด หรือในรถยนต์ที่จอดตากแดด จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้
  • ใช้เคสที่หนาหรือปิดช่องระบายอากาศ เคสที่หนาหรือปิดช่องระบายอากาศ อาจทำให้เครื่องร้อนขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้
  • ใช้แอปพลิเคชันที่กินพลังงานสูง แอปพลิเคชันที่กินพลังงานสูง เช่น แอปพลิเคชันเล่นเกม หรือแอปพลิเคชันตัดต่อวิดีโอ จะทำให้แบตเตอรี่ทำงานหนักขึ้น ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้

นอกจากพฤติกรรมการใช้งานแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่มือถือ เช่น สภาพอากาศ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ และคุณภาพของแบตเตอรี่ โดยแบตเตอรี่มือถือรุ่นใหม่ๆ มักจะมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ก็ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่มือถือให้นานที่สุด

แนวทางการดูแลแบตเตอรี่มือถือให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น มีดังนี้

  • อัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด การอัปเดตซอฟต์แวร์มักจะมาพร้อมกับการปรับปรุงประสิทธิภาพและความปลอดภัย ซึ่งอาจรวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของแบตเตอรี่ด้วย
  • ใช้เครื่องในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิปกติ ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป
  • ปิดการใช้งานแอปพลิเคชันที่ไม่ใช้ แอปพลิเคชันที่เปิดอยู่แม้ว่าจะไม่ใช้งานอยู่ ก็ยังคงใช้พลังงานแบตเตอรี่อยู่ ดังนั้นควรปิดการใช้งานแอปพลิเคชันที่ไม่ใช้เพื่อประหยัดพลังงานแบตเตอรี่
  • ปรับความสว่างหน้าจอให้เหมาะสม ความสว่างหน้าจอเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้พลังงานแบตเตอรี่มากที่สุด ดังนั้นควรปรับความสว่างหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการใช้งาน
  • ใช้โหมดประหยัดพลังงาน โหมดประหยัดพลังงานจะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่โดยลดการใช้พลังงานของอุปกรณ์
  • เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เมื่อจำเป็น เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพจนไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว ก็ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เพื่อยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“ไข่ต้ม” กับ 9 ประโยนช์ดีๆ ต่อร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน-ลดเสี่ยงโรคหัวใจ

ไข่ต้ม แสนธรรมดาๆ นี้ มีประโยชน์ต่อร่างกายครอบจักรวาลมาก ทั้งช่วยสร้างกล้ามเนื้อ เสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงกระดูก เล็บ เส้นผม สายตา สมอง และ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

ไข่ต้ม อาหารแสนธรรมดาที่มีประโยชน์มหาศาล

ดร.อชิรญา  คำจันทร์ศุภสิน นักปฏิบัติการวิจัย สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ เมื่อ 14 มีนาคม 2565 ว่า ไข่ต้ม เป็นอาหารที่มีประโยชน์ มีคุณค่าทางโภชนาการ ราคาถูก และหารับประทานได้ง่าย

9 ประโยชน์ของ ไข่ต้ม

  1. ไข่ต้ม อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย

ไข่ต้ม ให้สารอาหารหลัก คือ โปรตีน แต่ก็มีสารอาหารที่ดีต่อร่างกายอื่นๆ เช่น แร่ธาตุ วิตามิน รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยดูแลสุขภาพร่างกายของเราให้แข็งแรงอีกด้วย

  1. กินไข่ต้มแทนการกินไข่ดิบ

ไข่ขาวดิบ จะมีสารที่ชื่อว่า อะวิดิน ที่อาจจะเข้าไปจับกับสารอาหารที่กลุ่มของวิตามินดีที่ชื่อว่า ไบโอติน จึงเข้าไปขัดขวางการดูดซึมของไบโอตินในร่างกายได้

นอกจากนี้ ไข่ดิบ ทั้งไข่ขาวและไข่แดง อาจเสี่ยงต่อเชื้อซาลโมเนลล่า อาจก่อให้เกิดอาการท้องเสีย ท้องร่วง คลื่นไส้ และอาเจียนได้

  1. ไข่ต้ม ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ

ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำหนัก 50 กรัม จะมีโปรตีนอยู่ที่ 6-7 กรัม และมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายของเรามากถึง 9 ชนิด ปริมาณโปรตีนปกติที่คนเราต้องการ คือ 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม แต่สำหรับคนที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ นักกีฬา อาจต้องการโปรตีนมากกว่าเดิม หรือราวๆ 1.2-1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

  1. ไข่ต้ม เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง

ไข่ไก่ 1 ฟอง มีแคลเซียม ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของความต้องการในแต่ละวันของเรา จะอยู่ที่ 15.8% ในขณะที่นม 1 แก้ว จะมีแคลเซียมอยู่ที่ประมาณ 25-30% นอกจากนี้ในไข่ต้มยังมีฟอสฟอรัส ถึงประมาณ 1 ใน 4 ของปริมาณที่เราต้องการในแต่ละวัน รวมทั้งยังมีวิตามินดี ที่ช่วยส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียมเข้าไปบำรุงกระดูกอีกด้วย

  1. ไข่ต้ม เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

สารอาหารที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกายที่มีอยู่ในไข่ต้ม จะประกอบไปด้วย กลุ่มวิตามิน ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินดี หรือสังกะสี

  1. ไข่ต้ม ช่วยบำรุงเล็บ และเส้นผม

 เล็บ และเส้นผมของเรามาจากส่วนที่เป็นโปรตีน ดังนั้นถ้าเราได้รับปริมาณโปรตีนที่มากเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย รวมไปถึงสารอาหารกลุ่มของ ซิงค์ วิตามินดี และอื่นๆ ก็จะช่วยเสริมในการสังเคราะห์เส้นผม เล็บ และผิวหนังของเราได้

  1. ไข่ต้ม ช่วยบำรุงสายตา ช่วยป้องกันจอประสาทตาเสื่อม

สารสำคัญในไข่แดง เช่น ในกลุ่มของ ลูทีน และ ซีแซนทีน ที่จะอยู่ในจอประสาทตาของเรา ดังนั้นหากรับประทานสารอาหรกลุ่มนี้ที่มีอยู่ในไข่แดง รวมถึงผักและผลไม้ที่มีสีเหลืองส้ม เช่น แคร์รอต ฟักทอง ก็จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของจอประสาทตาของเราได้

  1. ไข่ต้ม ช่วยบำรุงสมอง ลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์

เป็นเพราะว่าในไข่ต้มมีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายของเราอย่างหลากหลาย หนึ่งในสารอาหารที่สำคัญที่อยู่ในไข่ คือ โคลีน เป็นสารที่มีอยู่ในส่วนที่อยู่ในเยื่อหุ้มสมอง เยื่อหุ้มเซลล์ประสาท เมื่อเราได้รับโคลีนเข้าไป จึงเข้าไปช่วยบำรุงระบบประสาทและสมองของเราให้ดีขึ้น และมีส่วนที่จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคสมองต่างๆ ได้ หนึ่งในนั้นก็คือโรคอัลไซเมอร์

อาจจะพูดไม่ได้เต็มปากว่าการรับประทานไข่ต้มจะช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ 100% และสามารถลดความเสี่ยงต่อโรคที่เกิดขึ้นในสมองได้

หากใครอยากเพิ่มโคลีนให้กับร่างกาย แต่อยากหลีกเลี่ยงไข่แดง ยังสามารถรับประทานอาหารอื่นๆ ที่มีโคลีนได้ เช่น เนื้อสัตว์ หัวใจ สมอง ผักใบเขียว ถั่วต่างๆ

  1. ไข่ต้ม ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ

ไขมันที่อยู่ในไขมัน ประกอบด้วยไขมันทุกชนิด ทั้งไขมันอิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งมีไขมันที่ดีอย่าง โอเมก้า 3 หากเรารับประทานอาหารที่มีความหลากหลาย ได้รับไขมันที่หลากหลาย ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้

ถ้าเรามีสุขภาพที่แข็งแรงดี ไม่ได้มีโรคประจำตัวอันตรายใดๆ สามารถรับประทานไข่ต้มได้วันละ 1 ฟอง หรืออาจมากกว่านี้ได้หากมั่นใจว่าร่างกายของเราไม่มีปัญหากับการรับประทานไข่ต้มมาก เช่น ไม่เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง หรือเบาหวาน หรือไม่มีข้อจำกัดอื่นๆ ที่แพทย์ประจำตัว หรือแพทย์ที่ตรวจสุขภาพของเราห้ามเอาไว้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 30/10/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a34,050.0034,150.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,206.0033,442.9634,650.00
ทองรูปพรรณ 90%1,985.4030,098.66n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,764.8026,754.37n/a
ทองรูปพรรณ 50%993.0015,053.88n/a
ทองรูปพรรณ 40%772.0011,703.52n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,286.0034,655.76n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 30/10/2566


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9538.2538.2538.7538.2538.5538.2538.2538.2538.2538.25
แก๊สโซฮอล์ 9137.9837.9838.4837.9838.2837.9837.9837.9837.9837.98
แก๊สโซฮอล์ E2035.9435.9436.4435.9436.2435.9435.9435.9435.94
แก๊สโซฮอล์ E8536.0936.0936.09
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.4449.2449.4449.2444.44
เบนซิน 9546.0447.5146.5446.1946.04
ดีเซล B729.9429.9430.2429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.2443.3447.9443.3442.9441.24
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า