สาระน่ารู้ประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2567

บ้านหรูติดหล่ม!รีเจกต์เรตพุ่งฉุดยอดไตรมาส2ร่วง!แห่อัดโปรฯระบายสต็อก

2-3ปี ที่ผ่านมาผู้ประกอบการอสังหาฯแห่กันพัฒนาบ้านหรูเพื่อเจาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ส่งผลให้การแข่งขันรุนแรงในทุกระดับราคาโดยเฉพาะบ้านระดับราคา 10-20 ล้านบาทล่าสุดซัพพลายล้นตลาดแถมเจอปัญหารีเจกต์เรตลามขึ้นมาฉุดยอดไตรมาส2ร่วงแห่อัดโปรฯระบายสต็อก

ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาฯ ปีนี้ยากลำบากและท้าทาย โดยเฉพาะตลาดแนวราบ เนื่องจาก ปัจจัยแรก ซัพพลายแนวราบสูงมาก ปัจจัยที่สอง ภาวะหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ปัจจัยที่สามยอดการปฏิเสธสินเชื่อสูง  ซึ่งเอสซีฯ  ต้องปรับตัวให้เร็วเพื่อให้สามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้

อย่างไรก็ดี เวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อบ้านและคอนโดมิเนียม เพราะดีเวลลอปเปอร์ทุกคนอยากลดสต็อก เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์ใน 2-3 เดือนข้างหน้ายังอยู่ในภาวะยากลำบากหรือไม่ จึงจัดโปรโมชั่นออกมาอย่างมากเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย

เมื่อการแข่งขันสูงขึ้นบริษัทต้องปรับตัวด้วยการจัดกิจกรรมที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้นจากเดิมรอลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโครงการที่เซลส์แกลลอรีของโครงการ ก็ต้องวิ่งมาหาลูกค้าตามศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าต่างๆ มากขึ้น สะท้อนเห็นการทำงานที่ต้องมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ณัฎฐกิตติ์ ศิริรัตน์ หัวหน้าสายงานการตลาด กล่าวเสริมว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังตลาดแข่งขันรุนแรงยิ่งขึ้น โดยบริษัทพยายามทำราคาสินค้าตอบโจทย์กำลังซื้อของลูกค้าเท่าที่จะทำได้ภายใต้ต้นทุนการพัฒนาโครงการที่เพิ่มขึ้น  ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทไม่มีปัญหาเรื่องการจอง โดยลูกค้าจองมาก แต่ติดปัญหา “กู้ไม่ผ่าน” ทำให้ยอดการปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้น 12% จากเดิมอยู่ที่ 7-8% ลามจากกลุ่มกลาง-ล่างมาถึงกลุ่มบ้านราคา 10 ล้านบาท ขณะที่กลุ่ม 5-10 ล้านบาท ยอดการปฏิเสธสินเชื่อเท่าเดิม ส่งผลให้เฉลี่ยยอดการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้น

“จริงๆ ไม่ใช่ว่าลูกค้ากู้ไม่ได้ เพียงแต่ว่าลูกค้ากู้ไม่ได้อย่างที่ลูกค้าคาดหวังมากกว่า เช่น กู้ซื้อบ้าน 70 ล้านบาท แต่ได้วงเงินกู้ไม่เยอะอย่างที่อยากได้ กลายเป็นว่าลูกค้าไม่พร้อมที่จะวางเงิน สมมติกู้ได้ 50 ล้านบาท ต้องเติมเงินเพิ่มอีก 20 ล้านบาท ก็มองว่าอาจไม่ใช่จังหวะที่จะซื้อ ทำให้ครึ่งปีหลังต้องรุกทำการตลาดหนักหน่วงขึ้นจากการทำอีเวนต์พร้อมกับเปิดโครงการใหม่เร็วขึ้น”

ทางด้าน นฑา กิตติอักษร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า ตลาดอสังหาฯ ระดับลักชัวรีการแข่งขันรุนแรง แต่ยังคงไปต่อได้ หากสามารถพัฒนาโครงการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สิ่งสำคัญที่สุด หนีไม่พ้น เรื่องโลเคชั่น

ล่าสุดเปิดตัว 2 โครงการ ได้แก่ มิลฟอร์ด ลาดพร้าว  จำนวน 84 ยูนิต ราคา 18-30ล้านบาท และ มิลฟอร์ด โฮม สตูดิโอ ลาดพร้าว ทาวน์โฮม จำนวน 3 ยูนิต ราคายูนิตละ 30 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท

“สิ่งที่สร้างความแตกต่างของเมเจอร์ฯ คือ การทำตลาดนิชมาร์เก็ต เน้นคุณภาพ ในระดับราคาที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย”

สอดคล้อง ณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 2567 ยังเต็มไปด้วยความท้าทายจากปัจจัยเสี่ยงทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยแนวโน้มความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคลดลง ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัว ส่วนหนึ่งเพราะได้รับแรงกดดันจากการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินสูง 60% เช่นเดียวกับอัตราการขอสินเชื่อใหม่ที่ปรับตัวลดลง

แม้กระทั่งโครงการแนวราบได้รับผลกระทบจากการปฏิเสธสินเชื่อเช่นเดียวกันกับคอนโดมิเนียม รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง เป็นตัวกดดันทำให้การกู้ยากมากขึ้น และในภาวะปัจจุบันธนาคารยังเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อซึ่งน่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งต้นทุนการพัฒนาที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง การควบคุมต้นทุน จะเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญ ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้

“ปัจจุบันบ้านแนวราบบางโครงการ ยอดขายอืดไม่ต่างจากโครงการคอนโดมิเนียม ในปีนี้แบรนด์ใหญ่ๆ ต่างก็พยายามปรับตัวและระบายสต็อกของตัวเอง”

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


3ภารกิจสุนทร สถาพรนายกส.บ้านจัดสรรชงแบงก์รัฐช่วยบ้านหลังแรก LTV ซอฟท์โลน

เปิด 3ภารกิจเร่งด่วน”สุนทร สถาพร”นายกสมาคมบ้านจัดสรรป้ายแดง วอนแบงก์รัฐช่วยบ้านหลังแรกเพื่อพิจารณาสินเชื่อแก่ผู้กู้ LTV ซอฟท์โลน แก้ปัญหา รีเจ็กต์เรต หนี้เสีย หวังช่วยคนที่ต้องการซื้อบ้านในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ลุ้นงบฯรัฐกระตุ้นจ้างงานปลุกกำลังซื้อครึ่งปีหลัง

หลังจากได้เลือกนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เมื่อวันศุกร์ (26 ก.ค.) ที่ผ่านมา ทางสมาชิกได้เลือกนายสุนทร สถาพร ขึ้นเป็นนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร คนที่12  ต่อจากนายวสันต์ เคียงศิริที่หมดวาระ

 “สุนทร สถาพร”  นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า  หลังจากได้รับตำแหน่งมีวาระเร่งด่วน 3เรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผ่อนคลายความเดือนร้อนของคนที่ต้องการซื้อบ้านแต่เผชิญปัญหากู้ไม่ผ่านได้อย่างไรบ้าง 

เรื่องแรกการเจรจากับสถาบันการเงินของรัฐ ให้พิจารณาผ่อนปรนกลุ่มที่เคลียร์หนี้สินสามารถปล่อยสินเชื่อได้ทันทีไม่จำเป็นต้องรอเป็นเวลานาน รวมทั้งพิจารณารายได้อื่นๆ นอกเหนือจากเงินเดือนประกอบ โดยเฉพาะกลุ่มผู้กู้ไม่เกิน7 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการบ้านหลังแรก ไม่จำเป็นต้องทุกระดับราคา อยากให้สถาบันการเงินของรัฐเข้ามาปล่อยกู้ทำให้สถาบันการเงินของเอกชนเกิดความมั่นใจมากขึ้นในการพิจารณาสินเชื่อแก่ผู้กู้รายย่อยที่ต้องการซื้อบ้านไม่เกิน7 ล้านบาท
 

เรื่องที่สอง อยากให้พิจารณาผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ Loan-to-Value: LTV ในระยะสั้น1-2ปีเพราะคนจะซื้อบ้านหลังที่2,3ก็ต่อเมื่อคนมีความต้องการและมีศักยภาพด้วย หมายความว่า มีความจำเป็นต้องการที่อยู่หลังที่2หรือหลังที่3 ซึ่งมีคนกลุ่มนี้จำนวนมากที่ต้องการซื้อบ้านใกล้ที่ทำงาน ใกล้โรงเรียนลูก เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้เวลาและเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางมากขึ้น ส่วนพ่อแม่อยู่อาศัยในบ้านหลังแรกที่อยู่นอกเมือง ทั้งนี้เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ 

เรื่องที่สามซอฟต์โลนจากสถาบันการเงินของรัฐ เกี่ยวเนื่องจากเรื่องแรก เพราะดอกเบี้ยที่ลูกค้าจ่ายในปัจจุบัน5-6% ถือว่าค่อนข้างสูง มีความเป็นไปได้ไหมที่สถาบันการเงินของรัฐจะปล่อยซอฟต์โลนแล้วแต่รัฐพิจารณา เพื่อให้ตลาดอสังหาฯขับเคลื่อนไปได้จากกำลังซื้อในประเทศทำให้เกิดการจ้างงานการก่อสร้างเศรษฐกิจจะได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ 

สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาฯครึ่งหลังปี2567 ภาพรวมตลาดอสังหาฯน่าจะดีขึ้น จากงบฯรัฐกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนปลุกกำลังซื้อครึ่งปีหลัง แต่ผู้ประกอบการไม่ควรประมาท ต้องระมัดระวังเรื่องกระแสเงินสด ไม่ลงทุนเกินตัว

 เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว และยังคงมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ทั้งแง่ของภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อที่เปราะบาง ต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพ(efficiency)3ด้าน ซึ่งประกอบด้วย คุณภาพ ระยะเวลาและต้นทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางความไม่แน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 30 ก.ค. “แข็งค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 35.98 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทมีโมเมนตัมผันผวนอ่อนค่า จับตาทิศทางเงินดอลลาร์ ทิศทางราคาทองคำ ควรระวังความผันผวนจากทิศทางเงินเยน และฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 30 ก.ค. 2567 ที่ระดับ  35.98 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  36.06 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า  แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าเริ่มกลับมามีกำลังมากขึ้นและอาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านแรกแถว 36.25 บาทต่อดอลลาร์ (โดยเฉพาะหากเงินบาทสามารถผันผวนอ่อนค่าทะลุโซน 36 บาทต่อดอลลาร์ไปได้)

ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางเงินดอลลาร์และทิศทางราคาทองคำที่จะขึ้นกับมุมมองของตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ขณะเดียวกัน ควรระวังความผันผวนจากทิศทางเงินเยนญี่ปุ่น และฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจยังพอได้แรงหนุน หาก 1) ตลาดการเงินยังอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงจากความผิดหวังรายงานผลประกอบการ 2) ตลาดปรับลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ และ 3) เงินเยนญี่ปุ่นอ่อนค่าลงจากความผิดหวังผลการประชุม BOJ

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.80-36.50 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.90-36.10 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในกรอบ 35.82-36.06 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะผันผวนไปตามทิศทางเงินดอลลาร์ ซึ่งในช่วงวันจันทร์ที่เป็นวันหยุดของตลาดการเงินไทยนั้น

เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น ตามการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) เผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่เชื่อว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมสัปดาห์นี้ได้

ส่วนเงินยูโร (EUR) ก็ถูกกดดันจากภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นยุโรป และคาดการณ์ของผู้เล่นในตลาดที่คาดหวังการทยอยลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) นอกจากนี้ เงินเยนญี่ปุ่นก็พลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง ตามการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาดก่อนรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และนอกเหนือจากปัจจัยเงินดอลลาร์ เงินบาทยังผันผวนไปตามโฟลว์ธุรกรรมทองคำ หลังราคาทองคำมีการเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways (ปรับตัวขึ้นในช่วงคืนวันศุกร์ ก่อนที่จะทยอยปรับตัวลดลงในช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา)

สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ตลาดการเงินจะอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงและรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ก็ออกมาดีกว่าคาด แต่เงินดอลลาร์กลับไม่ได้แข็งค่าขึ้นชัดเจน หลังเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากการลดสถานะ JPY-Carry Trade หรือ Short JPY

สำหรับสัปดาห์นี้ เราประเมินว่า ควรเตรียมรับมือความผันผวน จากผลการประชุมธนาคารกลางหลัก (BOJ, เฟด และ BOE) รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ และรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ (The Magnificent Seven)

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ผลการประชุม FOMC ของเฟด โดยในการประชุมครั้งนี้ เราคาดว่า เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25-5.50% อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดก็ต่างคาดหวังว่า เฟดอาจเริ่มส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในการประชุมครั้งถัดๆ ไป

เช่น การประชุมเดือนกันยายน ทำให้เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน หากตลาดผิดหวังกับการสื่อสารต่อแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งในกรณีดังกล่าว อาจเห็นเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นได้

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม (ISM Manufacturing PMI) เดือนกรกฎาคม และรายงานข้อมูลตลาดแรงงาน อย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings)

อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ในกลุ่ม The Magnificent Seven

อย่าง Microsoft, Meta, Amazon และ Apple ซึ่งผลประกอบการของหุ้นเทคฯ ใหญ่ดังกล่าว จะส่งผลต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้พอสมควร หากตลาดผิดหวังกับรายงานผลประกอบการ โดยอาจกดดันให้ตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) และหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อได้

▪ฝั่งยุโรป – เราประเมินว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25% เพื่อให้มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอลงได้ต่อเนื่องสู่เป้าหมายของ BOE หลังอัตราการเติบโตของค่าจ้างยังคงอยู่ในระดับสูงอยู่ ทว่า BOE ก็อาจตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 5.00% ได้ (เราคาดว่ามติของ BOE จะสูสีมาก หรือ เรียกได้ว่า very close call)

โดยหาก BOE ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้จริง และส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยในอนาคต ก็อาจกดดันให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ผันผวนอ่อนค่าลงได้ไม่ยาก ยิ่งหากผลการประชุม FOMC ของเฟด สะท้อนว่า เฟดยังไม่รีบปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างที่ตลาดคาดหวัง (ตลาดจะรับรู้ผลการประชุม FOMC ก่อนผลการประชุม BOE)

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผ่านรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาสที่ 2 (คาดการณ์ครั้งแรก) และอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน  

ฝั่งเอเชีย – ไฮไลท์สำคัญ คือ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยผลการประชุมของ BOJ อาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ได้อย่างมีนัยสำคัญ หลังในช่วงที่ผ่านมา เงินเยนได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องพอสมควร ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่า BOJ อาจดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น

เช่น ลดปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือ แม้กระทั่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุมเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ โดยหากผู้เล่นในตลาดต่างผิดหวังกับผลการประชุม BOJ ก็อาจกดดันให้เงินเยนผันผวนอ่อนค่าลงได้ไม่น้อยกว่า 1.4% (ค่าเฉลี่ยของการอ่อนค่าของเงินเยน ในช่วงที่ตลาดผิดหวังกับผลการประชุม BOJ ในปีนี้)

และสามารถหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้พอสมควรในระยะสั้น นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ซึ่งจะสะท้อนภาพกิจกรรมทางเศรษฐกิจของบรรดาบริษัทขนาดใหญ่เป็นหลัก

▪ฝั่งไทย – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิต และดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (Business Sentiment) เดือนกรกฎาคม พร้อมรอติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ระดับประมาณ 35.97-35.99 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.44 น.) เทียบกับระดับปิดในตลาดต่างประเทศวานนี้ที่ 35.99 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทชะลอการแข็งค่าลงบางส่วน (หลังแข็งค่าไปใกล้ๆ ระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือนที่ 35.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ ที่ทำไว้ในช่วงกลางเดือนก.ค. ที่ผ่านมา) ตามจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก และแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ ก่อนการประชุมเฟด และ BOJ (30-31 ก.ค.)  

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.90-36.10-36.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกและสกุลเงินอื่นในภูมิภาค การปรับโพสิชันก่อนการประชุมธนาคารกลางหลายแห่ง (ทั้ง BOJ, Fed และ BOE) ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/67 ของยูโรโซน และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนมิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค. 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


จบรองแชมป์กลุ่ม! “บาส-ปอป้อ” พ่าย “คู่เกาหลีใต้” แบดมินตันโอลิมปิก 2024

การแข่งขัน แบดมินตัน โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่สนามอาดิดาส อารีน่า กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม 2567

ประเภทคู่ผสม รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มืออันดับ 6 ของโลก พบกับ โซว ซอนแจ กับ แช ยูจุง คู่มืออันดับ 3 ของโลกจากเกาหลีใต้ และคู่แชมป์โลกล่าสุด

เกมแรก ทั้งสองทีมเล่นเกมเร็วใส่กัน คู่ผสม ฉีกนำก่อน 10-6 อย่างไรก็ตาม คู่เกาหลีใต้ มาทำ 5 คะแนนรวด แซงนำ 11-10 ก่อนรักษาสกอร์เอาชนะไปได้ก่อน 21-16

เกมสอง “บาส-ปอป้อ” ออกมาเล่นเกมเร็วกว่าเดิมไล่ตบทิ้งห่าง 6-1 ก่อนฉีกทิ้งหาย 13-2 พร้อมทั้งเอาชนะไปได้ 21-10 ไล่ตีเสมอ 1-1 เกม

เกมตัดสิน เกมกลับมาสูสีอีกครั้งเสมอ 6-6 ก่อนที่ คู่เกาหลีใต้ จะเล่นอย่างเหนียวแน่นฉีกหนีไปเป็น 11-8 พร้อมทั้งคุมเกมเอาชนะไปได้ 21-15 ทำให้เอาชนะไปได้ 2-1 เกม

จากความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ทำให้ คู่ผสมไทย มีผลงานชนะ 2 และแพ้ 1 จบอันดับ 2 ของกลุ่ม ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ตามหลัง เกาหลีใต้ ที่คว้าชัยรวด 3 เกม

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


8 สัญญาณเตือนที่บอกว่าคุณคือ “เดอะแบก” เกินไปแล้ว

คุณเคยได้ยินคำว่า “มากเกินไปก็ไม่ดี” ไหม คุณมีคุณสมบัติส่วนตัวแบบไหนที่คิดว่าตรงกับคำนี้บ้าง หลายคนอาจตอบว่า ขยัน อดทน ใจกว้าง มุ่งมั่น หรือเห็นอกเห็นใจ แม้ว่าจริงอยู่ที่การมีคุณสมบัติเหล่านี้มากเกินไปอาจกลายเป็นจุดอ่อนได้ หากเราไม่ระวัง แต่สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามคือการพึ่งพาตนเองมากเกินไป

การพึ่งพาตนเองมากเกินไปอาจทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยวและห่างเหินจากคนรอบข้าง เราอาจทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเราไม่ไว้ใจหรือไม่ต้องการพวกเขา ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้มักเกิดจากประสบการณ์ในอดีตที่ทำให้เราเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเองเท่านั้น ต่อไปนี้คือ 8 สัญญาณบ่งบอกว่าคุณอาจกำลังพึ่งพาตนเองมากเกินไป

1.คุณเป็นคนที่เก็บตัวมาก

เคยมีใครบอกคุณบ้างไหมว่า “คุณลึกลับซับซ้อนมาก” หรือ “คุณเป็นเหมือนหนังสือเล่มปิด” แล้วก็บอกให้คุณลองเปิดใจบ้าง? แม้ว่าทุกคนจะมีสิทธิ์ที่จะเป็นส่วนตัว (และสิทธิ์นี้ควรได้รับการเคารพ) แต่การเป็นคนส่วนตัวกับการปิดกั้นตัวเองจากคนอื่นโดยสิ้นเชิงนั้นเป็นคนละเรื่องกัน

2.คุณเป็นคนที่ทำงานหนักมาก หรือเป็นพวกขยันเกินไป

ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบทำอะไรอยู่ตลอดเวลา และมักจะทุ่มเทให้กับงานหรือการเรียน การที่คุณ “พึ่งพาตนเองมากเกินไป” อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง คุณอาจมุ่งเน้นไปที่อาชีพและการเรียน เพราะกลัวที่จะมีชีวิตส่วนตัวนอกเหนือจากนั้น คุณอาจทำให้ตัวเองยุ่งอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะมีข้ออ้างในการยกเลิกนัด หรือไม่ใช้เวลากับคนที่คุณรัก หรือเพื่อที่จะได้อยู่คนเดียวเป็นเวลานาน

3. คุณไม่ยอมมอบหมายงาน

ทุกครั้งที่คุณอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจหรือบทบาทผู้นำ จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของคุณคือการไม่ยอมมอบหมายงานให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นงาน การเรียน หรือกิจกรรมสังคม ส่วนใหญ่แล้วคุณมักจะรับผิดชอบงานสำคัญๆ เองทั้งหมด และมอบหมายเพียงงานง่ายๆ ที่ไม่สำคัญให้คนอื่น หรือไม่เช่นนั้น คุณก็มีนิสัยชอบควบคุมทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่างานทุกอย่างเสร็จตามที่คุณต้องการ สรุปคือคุณไม่ไว้ใจคนอื่นให้ทำสิ่งที่คุณต้องการ และอยากทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ซึ่งนำไปสู่ข้อต่อไป

4.คุณไม่ค่อยขอความช่วยเหลือจากใคร

ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญกับปัญหาหนักหนาแค่ไหน คุณก็ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใครเลย ไม่ใช่เพราะคุณหยิ่งหรือถือตัว แต่เป็นเพราะคุณไม่อยากต้องพึ่งพาคนอื่น คุณอาจมีปัญหาเรื่องการไว้ใจผู้อื่น และเชื่อในเจตนาดีของพวกเขา รวมถึงกลัวว่าจะกลายเป็นภาระหรือสร้างความรำคาญให้คนอื่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณของการพึ่งพาตนเองมากเกินไป

5.คุณคุ้นเคยกับการทำทุกอย่างด้วยตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นการไปซื้อของ การดูหนัง การทำธุระ หรือการออกไปทานข้าวข้างนอก คุณมักจะทำทุกอย่างคนเดียว คุณใช้เวลาและเงินของคุณเองตามที่คุณต้องการ และคุณจะออกไปข้างนอกกับคนอื่นก็ต่อเมื่อพวกเขาชวนคุณเท่านั้น แม้ว่าการมีเวลาอยู่กับตัวเองและรู้สึกสบายใจกับการอยู่คนเดียวเป็นสิ่งสำคัญ แต่การเข้าสังคมและใช้เวลากับคนที่รักก็สำคัญเช่นกัน

6.คุณตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง

คุณตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ ของชีวิตด้วยตัวเองทั้งหมด และแทบไม่เคยขอความคิดเห็นจากคนอื่นเลย คุณไม่ได้พิจารณาว่าคนอื่นคิดว่าอะไรดีที่สุด เพราะคุณอยากตัดสินใจด้วยตัวเองเพียงคนเดียว และถึงแม้คุณอาจคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ดี แต่จริงๆ แล้วมันแสดงให้เห็นว่าความพึ่งพาตนเองมากเกินไปของคุณกำลังทำให้คุณห่างเหินจากคนรอบข้าง

7. คุณพบปัญหาในการรักษาความสัมพันธ์ระยะยาว

ไม่ว่าจะเป็นความรักหรือมิตรภาพ คุณมักประสบปัญหาในการรักษาความสัมพันธ์ระยะยาว และหากคุณซื่อสัตย์กับตัวเอง คุณรู้ดีว่าเป็นเพราะคุณมักรักษาระยะห่างทางอารมณ์กับคนที่คุณใส่ใจ คุณรู้สึกไม่สบายใจที่จะเปิดใจหรือใกล้ชิดกับพวกเขา และมักกังวลว่าใช้เวลาร่วมกันมากเกินไป นอกจากนี้ คุณยังเคยได้รับคำติชมว่าไม่เก่งในการทำให้คนรู้สึกต้องการหรือขาดไม่ได้ และไม่เคยพยายามรักษาคนที่จากไป

8. คุณไม่ชอบคนขาดความมั่นใจ

เมื่อใดก็ตามที่คุณเห็นใครสักคนแสดงอาการขาดความมั่นใจ แม้เพียงเล็กน้อย คุณจะรีบถอยหนีทันที คุณไม่ชอบเมื่อเพื่อนขอให้คุณใช้เวลากับพวกเขาบ่อยขึ้น หรือเมื่อญาติพี่น้องส่งข้อความหรือโทรหาคุณบ่อยๆ คุณรู้สึกอึดอัดหรือหายใจไม่ออกเมื่อคนอื่นพยายามเข้าใกล้ และมักจะปฏิเสธพวกเขาอย่างรวดเร็ว เหตุผลก็คือ คุณคิดว่าการขาดความมั่นใจเป็นสัญญาณของความอ่อนแอ และในความคิดของคุณ ไม่มีใครควรต้องพึ่งพาคนอื่นนอกจากตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ การทะเลาะกับเพื่อน การถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง หรือประสบการณ์อันเจ็บปวดอื่นๆ ที่ทำให้คุณเป็นแบบทุกวันนี้ ก็ไม่เป็นไร คุณเก่งที่สามารถรับมือกับมันได้ด้วยวิธีของคุณเอง แต่คุณไม่จำเป็นต้องปล่อยให้มันกำหนดตัวตนและมุมมองของคุณต่อโลกการเป็นคนเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองเป็นเรื่องดี แต่การพึ่งพาคนอื่นบ้างก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ มนุษย์ทุกคนต้องการความรัก การมีเพื่อนร่วมทาง และรู้สึกเป็นที่ยอมรับ ชื่นชม และเข้าใจ และไม่ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหน เราก็ไม่สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง

ดังนั้นแม้ว่ามันอาจจะยากในตอนแรก แต่เราต้องพยายามเปิดใจกับคนรอบข้าง และยอมรับที่จะไว้ใจผู้อื่นอีกครั้ง ขอความช่วยเหลือเมื่อเราต้องการ มันอาจน่ากลัวที่จะต้องการใครสักคนหรืออยากให้ใครสักคนอยู่ใกล้ แต่การมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและมีความหมายกับผู้อื่นคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตคุ้มค่า

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


วิธีสังเกตว่า “Facebook Page” ไหนเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่มิจ ดูแค่ติ๊กถูกคงไม่พอ!

ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่ามิจฉาชีพนั้นก็มาในหลากหลายรูปแบบางคนก็กำลังเดือดร้อนอยู่ก็อจจะถูกหลอกแบบง่ายๆ และยิ่ง Facebook เองก็มี Page ปลอมต่างๆ มากมายที่เราต้องสกรีน วันนี้ Sanook Hitech มีวิธีสังเกต Page Facebook ปลอม! ที่สังเกตได้ง่ายว่า อันไหนแท้และอันไหนปลอมที่มากกว่าการดูติ๊กถูกเท่านั้น มาฝากกันพร้อมแล้วมาดูกันเลย 

วิธีสังเกต Facebook Page ปลอมจากมิจฉาชีพ

ดูจาก URL ของเว็บไซต์

สำหรับคนที่เข้าผ่านคอมพิวเตอร์การแสดงผลชื่อ Page จะขึ้นอยู่กรอบบนเสมอ ถ้าเป็น Page จริงจะแสดงว่า https://www.facebook.com/ชื่อPage เป็นต้น ตัวอย่างง่ายๆ Facebook Page Sanook Hitech คือ https://www.facebook.com/SanookHitech เป็นต้น รวมถึง Page ราชการเช่น กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี – บก.ปอท. คือ https://www.facebook.com/jahooktcsd/?locale=th_TH เป็นต้น

หากเป็น https://www.facebook.com/profile.php?id=xxxxxx ให้คิดไว้ก่อนว่าเป็น Page ปลอมแน่นอน!

ดูจากรูปประกอบของ Page


สังเกตให้ดีกับ Page ถ้าเข้าไปแล้วดูแล้วแปลกๆ เช่นรูปภาพของหน่วยราชการเช่น Page ที่เปิดอันแรกคือ Page ปลอม จะมีโลโก้ที่ไม่เหมือนกัน แลไม่มีการ Post อะไรนอกจากซื้อบูสต์, กดแผนที่ไปก็ไปไหนก็ไม่รู้ ใส่เบอร์โทรฯ ที่แปลกๆ นั่นให้รู้ไว้ก่อนว่า Page ปลอม หรือถ้าเป็นร้านค้าก็อ้างถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงมาอิงกับสินค้าของตน ก็เป็นไปได้ว่า “นั่นคือ Page ปลอม”

แต่หากไม่แน่ใจว่ากดเข้าไปแล้วจะมีปัญหาหรือไม่เช่นกลัวคอมพิวเตอร์ถูกโจมตี้ แนะนำให้เข้าในโหมดซ่อนตัวตัน หรือ Incognito Window ครับ

บูสต์โฆษณามากกว่าปกติ

การบูสต์เป็นอีกสิ่งที่ทำให้เราเห็นเนื้อหาของ Page นั้นๆ บ่อย แต่ว่า ถ้าบูสต์มากไปและลงโฆษณาชวนเชื่อว่าของถูก หรือ หลอกให้ทำอะไรเช่น การแจ้งความออนไลน์ทาง Facebook นั้นไม่ใช่ความจริง แต่เราขอแยกออกเป็น 2 เรื่องก่อน

  • การซื้อของแม้ว่า Facebook จะมี Market Place แต่โดยมากแบรนด์ใหญ่ๆ จะมีช่องทางซื้อของตัวเองที่ไม่อยู่บน Facebook
  • สำหรับการแจ้งความนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เผยออกมาก่อนหน้านี้ จะไม่มีการแจ้งความออนไลน์ผ่านทาง Facebook จะต้องผ่านเว็บไซต์ https://thaipoliceonline.com เฉพาะคดีเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี เท่านั้น! 

หลอกเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้

สุดท้ายบางครั้งเราจะเห็นว่าเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ ทั้งดารา, ผู้ประกาศข่าว, YouTuber มักจะเป็นจะเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ ที่นำมาหลอกคุณเสมอ บางครั้งอาจจะไม่ได้ใช้แค่ภาพวิดีโอปกติ แต่นำเสียงมาดัดแปลงด้วย AI ก็มีเยอะมากมายเต็มไปหมด ถ้า มีการเห็นจากบูสต์

แล้วเราจะป้องกันได้อย่างไร

นอกจากวิธีสังเกต Page ปลอมแล้ว เรามีวิธีป้องกันง่ายๆ ดังนี้

  • อย่าหลงเชื่อโฆษณากับของที่ลดราคามากๆ
  • อ่านข่าวนอก Facebook บ้างก็ดีนะ
  • หากไม่มั่นใจอะไร ก็อปชื่อ Page ไปค้นที่ Google ก่อน
  • เครื่องหมายติ๊กถูกควรสังเกตไว้ 

แค่นี้คุณก็ปลอดภัยจากภัยต่างๆ จาก Facebook แล้วครับ ครั้งหน้า Sanook Hitech จะมี Tips อะไรมานำเสนออีกอย่าลืมกลับมาติดตามกันต่อครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


50 แคปชั่นความสุข แคปชั่นภาษาอังกฤษ สร้างแรงบันดาลใจ ทำให้แต่ละวันสดใสขึ้นทันที

แคปชั่นความสุข Happiness Caption

“The most important thing is to enjoy your life – to be happy. It’s all that matters.” 
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสนุกกับชีวิต – มีความสุข มันคือสิ่งสำคัญที่สุด”

“Nothing can bring you happiness but yourself.” 
“ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้คุณมีความสุขได้ นอกจากตัวคุณเอง”

“Never regret anything that made you smile.” 
“อย่าเสียใจกับสิ่งที่ทำให้คุณยิ้ม”

Today I will focus on stressing less and feeling blessed 
วันนี้ฉันจะไม่มีความเครียดและทำให้ตัวเองมีความสุข

“Happiness is the best makeup.” 
“ความสุขคือเครื่องสำอางที่ดีที่สุด”

“Happiness is a state of mind. It’s just according to the way you look at things.” 
“ความสุขคือสภาวะของจิตใจ ขึ้นอยู่กับว่าคุณมองสิ่งต่างๆ อย่างไร”

“If you want to be happy, be.” 
“หากคุณอยากมีความสุข จงเป็นตัวเอง”

“Independence is happiness.” 
“ความเป็นอิสระคือความสุข”

“Think of all the beauty still left around you and be happy.” 
“คิดถึงความสวยงามที่ยังคงเหลืออยู่รอบตัวคุณและจงมีความสุข”

“Simplicity makes me happy.” 
“ความเรียบง่ายทำให้ฉันมีความสุข”

Happiness is seeing life for what it is in all the little moments.
ความสุขคือการมองเห็นชีวิตตามที่เป็นอยู่แม้ในช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ

“Life is too short to spend it at war with yourself.”
“ชีวิตสั้นเกินกว่าที่จะใช้เวลาไปกับการมีปัญหากับตัวเอง”

The happiness you’re looking for is all around you, don’t forget to notice it.
ความสุขที่คุณมองหาอยู่รอบๆ ตัวคุณ อย่าลืมมองหามัน

“Happiness is when what you think, what you say, and what you do are in harmony.”
“ความสุขคือ เมื่อสิ่งที่คุณคิด สิ่งที่คุณพูด และสิ่งที่คุณทำมีความสอดคล้องกัน”

“Happiness is the secret to all beauty. There is no beauty without happiness.”
“ความสุขคือความลับของความงามทั้งหมด ไม่มีความงามใดที่ไม่มีความสุข”

“Happiness isn’t a goal… it’s a by-product of a life well lived.”
“ความสุขไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นผลพลอยได้จากการใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า”

“There is no path to happiness. Happiness is the path.”
“ไม่มีหนทางไปสู่ความสุข ความสุขคือหนทาง”

“Happiness comes in waves. It’ll always come back.”
ความสุขมักจะมาเป็นระลอกคลื่น และจะกลับมาเสมอ

Be happy it’ll drive your enemies crazy.
การที่เรามีความสุข มันจะทำให้ศัตรูของคุณคลั่ง

The secret to being happy is to find peace where you are even if you’re not yet where you want to be 
เคล็ดลับในการมีความสุขคือการค้นหาความสงบในที่ที่คุณอยู่ แม้ว่าคุณจะยังไม่ถึงจุดที่คุณต้องการก็ตาม

“The only thing that will make you happy is being happy with who you are.”
“สิ่งเดียวที่จะทำให้คุณมีความสุขคือการมีความสุขกับตัวเอง”

The happiest people make the best of what they have instead of crave what they don’t.
คนที่มีความสุขที่สุดคือคนที่ทำสิ่งที่ดีที่สุดจากสิ่งที่พวกเขามี แทนที่จะสนใจในสิ่งที่พวกเขาไม่มี

แคปชั่นความสุขที่แท้จริง True Happiness Caption

True happiness is found by living in the present moment

ความสุขที่แท้จริงพบได้จากการใช้ชีวิตในปัจจุบัน

“There is only one happiness in life, to love and be loved.”

ความสุขในชีวิตมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือการรักและการถูกรัก

“Keep your face always toward the sunshine and the shadow will fall behind you.”

“หันหน้าเข้าหาแสงแดดเสมอ แล้วเงาจะตกอยู่ข้างหลังคุณ”

“True happiness is found inside the heart.”

“ความสุขที่แท้จริงนั้นพบได้ภายในหัวใจ”

“True happiness… is not attained through self-gratification, but through fidelity to a worthy purpose.”

ความสุขที่แท้จริงไม่ได้มาจากการแสวงหาความสุขส่วนตัว แต่มาจากการซื่อสัตย์ต่อเป้าหมาย

Being grateful for all that you have leads you towards true happiness

การรู้สึกขอบคุณในสิ่งที่คุณมีจะนำคุณไปสู่ความสุขที่แท้จริง

You’ll instantly discover true happiness when you stop looking for reasons to be unhappy

คุณจะค้นพบความสุขที่แท้จริงทันทีเมื่อคุณหยุดมองหาเหตุผลที่จะไม่มีความสุข

“Happiness is the spiritual experience of living every minute with love, grace, and gratitude.”

“ความสุขคือประสบการณ์ทางจิตวิญญาณในการใช้ชีวิตทุกนาทีด้วยความรัก ความสง่างาม และความกตัญญู”

“True happiness arises, in the first place, from the enjoyment of one’s self, and in the next, from the friendship and conversation of a few select companions.”

ความสุขที่แท้จริงเกิดขึ้นจากความสนุกสนานในตัวเองเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงเกิดขึ้นจากมิตรภาพและการสนทนากับเพื่อน

แคปชั่นความสุขตลกๆ Funny Happiness Caption

“Always keep your chin up, otherwise you’re just staring at your boobs all day.”
“เงยหน้าขึ้นไว้เสมอ ไม่เช่นนั้นคุณจะต้องนั่งมองหน้าอกตัวเองทั้งวัน”


“Some people call me crazy. I prefer the term happy with a twist.”
“บางคนเรียกฉันว่าบ้า ฉันชอบคำว่ามีความสุขแบบมีเงื่อนไขมากกว่า”


“Breathe in the good shit, breathe out the bullshit.”
“หายใจเข้าเพื่อรับสิ่งที่ดี และหายใจออกเพื่อเอาสิ่งที่ไร้สาระออกไป”


“They say money doesn’t bring happiness, but everyone still goes out there to see it for themselves.”
“พวกเขาบอกว่าเงินไม่สามารถซื้อความสุขได้ แต่ทุกคนยังคงออกไปหาเงินเพื่อความสุขด้วยตนเอง”


“Life is short. Smile while you still have teeth.”
“ชีวิตสั้น จงยิ้มในขณะที่ยังมีฟันเต็มปาก”


“Whenever I have a problem, I sing. Then I realize that my voice is worse than my problem.”
“ทุกครั้งที่ฉันมีปัญหา ฉันจะร้องเพลง จากนั้นฉันก็ตระหนักว่าเสียงของฉันแย่กว่าปัญหานั้นเสียอีก”


“Never let anyone treat you like you’re regular glue. You’re glitter glue.”
“อย่าปล่อยให้ใครปฏิบัติกับคุณเหมือนว่าคุณเป็นคนธรรมดา ถ้าในความจริงแล้วคุณเป็นคนที่เปล่งประกาย”


“It’s okay if you don’t like me. Not everyone has good taste.”
“ไม่เป็นไรถ้าคุณไม่ชอบฉัน ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีรสนิยมดี”


“The older you get the better you get… unless you’re a banana.”
“ยิ่งคุณอายุมากขึ้น คุณจะยิ่งเก่งขึ้น… เว้นแต่คุณจะเป็นคนประเภทบ้าบอและโง่เขลา”


“Laughter is the best medicine. But if you’re laughing without any reason, you need medicine.”
“เสียงหัวเราะเป็นยาที่ดีที่สุด แต่ถ้าคุณหัวเราะโดยไม่มีเหตุผล คุณก็ต้องใช้ยา”
 

แคปชั่นเสียงหัวเราะ Laughter Caption

 
“Life is better when you cry a little, laugh a lot, and are thankful for everything you’ve got.”
“ชีวิตจะดีขึ้นเมื่อคุณร้องไห้บ้าง หัวเราะบ้าง และรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณมี”


“The most wasted of all days is one without laughter.”
“วันเวลาที่เสียเปล่าที่สุดคือวันที่ไม่มีเสียงหัวเราะ”


“Trouble knocked at the door, but hearing laughter, hurried away.”
“ปัญหากำลังเคาะประตู แต่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ พวกมันก็รีบหนีไป”


“Laughter is timeless, imagination has no age, and dreams are forever.”
“เสียงหัวเราะไม่มีวันสิ้นสุด จินตนาการไม่มีอายุ และความฝันคงอยู่ชั่วนิรันดร์”


“Laughter is an instant vacation.”
“เสียงหัวเราะเป็นเหมือนวันหยุดพักผ่อน”


“Laughter is the sound of the soul dancing.”
“เสียงหัวเราะคือเสียงของวิญญาณที่เต้นรำ”


“Life is better when you’re laughing.”
“ชีวิตจะดีขึ้นเมื่อคุณหัวเราะ”


“You don’t stop laughing because you grow older. You grow older because you stop laughing.”
“คุณไม่ได้หยุดหัวเราะเพราะคุณแก่ตัวลง คุณแก่ตัวลงเพราะคุณหยุดหัวเราะ”


“And finally, in all of living have much of fun and laughter. Life is to be enjoyed, not just endured.”
“และสุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนมีความสนุกสนานและเสียงหัวเราะในชีวิต ชีวิตมีไว้เพื่อความสุข ไม่ใช่เพื่อความอดทน”

ขอบคุณข้อมูลจาก women.trueid.net


“สับปะรด” มากวิตามิน ลดเสี่ยงมะเร็ง

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข หนุนช่วยเกษตรกรหลังปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตามฤดูกาลตกต่ำ แนะกินสับปะรดในปริมาณ 6-8 ชิ้นคำ ต่อวัน สับปะรดอุดมด้วยเบต้าแคโรทีน ใยอาหารและวิตามินซี ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงมะเร็ง

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย และโฆษกกระทรวง เปิดเผยว่า ขณะนี้สับปะรดไทยกำลังประสบปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตามฤดูกาลตกต่ำส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูก ทางหนึ่งที่จะช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนและดีต่อสุขภาพตนเอง คือการส่งเสริมคนไทยหันมากินผลไม้ให้มากขึ้น

สับปะรด ช่วยเรื่องโรคมะเร็งได้จริงหรือ ?

สับปะรด เป็นผลไม้อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ใน 1 วันควรกินผลไม้ให้หลากหลาย 3-5 ส่วนต่อวัน สับปะรดมีคุณค่าทางโภชนาการ อุดมด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และใยอาหาร ช่วยบำรุงสายตา ต้านการอักเสบ เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก เลือกกินสับปะรดแทนการกินขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน และเครื่องดื่มรสหวาน เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า

จากรายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 5 พ.ศ 2557 พบว่า  คนไทยยังคงกินผลไม้ไม่เพียงพอ พบว่าคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปกินผลไม้เพียงพอต่อวัน เพียงร้อยละ 30.5 กินผักและผลไม้เพียงพอต่อวัน เพียงร้อยละ 25.9 กลุ่มอายุ 30-59 ปี กินผักและผลไม้เพียงพอร้อยละ 29.0-30.6 จะลดลงในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และลดลงมากที่สุดในกลุ่มผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไป กินผักและผลไม้เพียงพอ ร้อยละ 11 ทั้งๆ ที่ควรกินผลไม้ให้มากขึ้น เพราะทุกวัยต้องการวิตามินและแร่ธาตุ โดยเฉพาะวัยสูงอายุมีการเสื่อมของเซลล์มากกว่าวัยอื่นๆ และเป็นวัยที่ต้องการวิตามินและแร่ธาตุเพื่อยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระที่เป็นสารทำลายเซลล์และเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง อีกทั้งยังต้องการใยอาหารเพื่อช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลและกระตุ้นการการขับถ่ายช่วยให้ท้องไม่ผูก การกินสับปะรดจึงดีต่อร่างกาย แต่ที่พิเศษในระยะนี้ ยังดีต่อใจ เพราะได้ร่วมช่วยเหลือเป็นกำลังใจแก่พี่น้องเกษตรกรอีกด้วย

ปริมาณสับปะรดที่ควรทาน

แพทย์หญิงนภาพรรณ วิริยะอุตสาหกุล ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กล่าวว่า สับปะรด 1 ส่วน มี 6-8 ชิ้นคำ ใน 1 วันสามารถกินได้ ปริมาณพอดี 6-8 ชิ้นคำและกินผลไม้อื่นๆเพิ่มให้ได้ครบ 3-5 ส่วนต่อวัน ผลไม้ 1 ส่วนประมาณ 60 กิโลแคลอรี ขึ้นกับความหวานของแต่ละชนิด ยกตัวอย่างเช่นใน 1 วัน กินกล้วยน้ำว้า 1 ผล ฝรั่ง ½ ผล มะม่วง ½ ผล มะละกอ 6-8 ชิ้นคำ รวมกับสับปะรด ก็จะครบ 5 ส่วนพอดีหรืออาจกินเป็น กล้วย 2 ผล ฝรั่ง 1 ผล รวมกับสับปะรดก็จะครบ 5 ส่วนพอดี 

ทั้งนี้ในการกินผลไม้ให้หลากหลายชนิดขึ้นกับความสะดวกในการจัดหาของผู้บริโภค ในกรณีผู้สูงอายุ กินผลไม้ได้ วันละ 1-3 ส่วนก็เพียงพอแล้ว ดังนั้น ในแต่ละมื้อควรกินอาหารจานหลักอุดมด้วยผัก และตามด้วยผลไม้ 1-2 ส่วนให้หลากหลาย หากเลือกกินสับปะรดให้ได้คุณค่าทางโภชนาการ ควรกินครั้งละ 6-8 ชิ้นคำ หลังมื้ออาหาร แทนขนมหวานที่ทำจากแป้งและน้ำตาล ซึ่งจะทำให้รับวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระตามที่ต้องการ หากต้องการดื่มน้ำสับปะรด ควรเลือกแบบที่ปั่นรวมกากไปด้วย ไม่ปรุงแต่งกลิ่น รสชาติ

ลดความเสี่ยงเกิด “มะเร็ง” ต้องทำอย่างไร ?

  1. ลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เพราะเกิดการสะสมไขมันในผู้หญิงมากๆ ก็อาจเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็งเต้านม ส่วนเกิดการสะสมในผู้ชายก็อาจทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งต่อมลูกหมากได้
  2. ลดการรับประทานอาหารที่เป็นจำพวกของหมักดอง , ปิ้งย่าง ซึ่งอาหารเหล่านี้จะทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งหลอดอาหาร , มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
  3. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีราขึ้น เนื่องจากในอาหารเหล่านี้จะมีสารอัลฟาทอกซินซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งตับอ่อน
  4. ไม่รับประทานอาหารที่สุกๆ ดิบๆ อาทิ ปลาจ่อม ก้อยปลา หรืออื่นๆ เพราะจะทำให้เกิดเป็นโรคพยาธิ , โรคพยาธิใบไม้ตับ ทั้งยังเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในตับได้อีกด้วย
  5. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้เสี่ยงเกิดโรคมะเร็งตับ หากดื่มและสูบบุหรี่ด้วย ก็เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งช่องปาก , ช่องคอ , กล่องเสียง และหลอดอาหาร
  6. ลด หรือหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ที่จะทำให้เป็นมะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง ส่วนการเคี้ยวยาสูบ ทำให้เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งช่องปากและช่องคอได้
  7. ห้ามตากแดดจัด หรืออยู่กลางแดดเป็นเวลานานจนเกินไป เพราะอาจทำให้เสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 30/07/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a40,500.0040,600.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,623.0039,764.6841,100.00
ทองรูปพรรณ 90%2,360.7035,788.21n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,098.4031,811.74n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,180.0017,888.80n/a
ทองรูปพรรณ 40%918.0013,916.88n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,718.0041,204.88n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 30/07/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9538.3538.3538.9538.3538.3538.3538.3538.3538.3538.35
แก๊สโซฮอล์ 9137.9837.9838.8837.9837.9837.9837.9837.9837.9837.98
แก๊สโซฮอล์ E2036.2436.2436.9436.2436.2436.2436.2436.2436.24
แก๊สโซฮอล์ E8535.9935.9935.99
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม46.9449.8449.8449.8446.94
เบนซิน 9546.2449.8146.7446.3946.24
ดีเซล32.9432.9433.4432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า