‘รับสร้างบ้าน’บูมตลาด2แสนล้านชงรัฐหนุนมาตรการปลุกแรงซื้อ-ฟื้นเศรษฐกิจ!
จากตัวแปร “ต้นทุน” และ “กำลังซื้อ”ของผู้บริโภคที่อาจจะฉุดรั้งมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านให้ชะลอตัว! รวมทั้งข้อจำกัดในการขอสินเชื่อ สมาคมรับสร้างบ้าน ร่วมกับ ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯฉายภาพตลาด “รับสร้างบ้าน” มูลค่า2แสนล้านมีศักยภาพ และเป็นกลไกสำคัญช่วยฟื้นเศรษฐกิจ
วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIC กล่าวว่า จากข้อมูลพื้นที่การออกแบบอนุญาตก่อสร้างแนวราบ ประมาณการได้ว่าในปี 2566 พื้นที่ปลูกสร้างบ้านเดี่ยวทั่วประเทศ สัดส่วน 85% ของบ้านแนวราบมีพื้นที่ 26.80 ล้านตร.ม. เป็นบ้านสร้างเอง 16.80 ล้านตร.ม. โดยมีบ้านเดี่ยวที่สร้างจำนวน 67,000 หน่วย เป็นบ้านสร้างเอง 42,000 หน่วย ประมาณการพื้นที่ 400 ตร.ม.ต่อหน่วย สัดส่วนสร้างเอง 60% บ้านจัดสรร 40% ประเมินมูลค่าบ้านเดี่ยวทั่วประเทศ 322,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยวสร้างเอง 201,600 ล้านบาท จากประมาณการค่าก่อสร้าง 12,000 บาทต่อตร.ม.
จากข้อมูลข้างต้น ปี 2566 พื้นที่ปลูกบ้านเดี่ยว ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล สัดส่วน 75% ของบ้านแนวราบ พื้นที่ 7.80 ล้านตร.ม. เป็นบ้านสร้างเอง 6,000 หน่วย สัดส่วนบ้านสร้างเอง 30% บ้านจัดสรร 70% ประมาณการมูลค่าบ้านเดี่ยวทั่วประเทศ 100,000 ล้านบาท เป็นบ้านสร้างเอง 30,000 ล้านบาท ประมาณการมูลค่าตลาดบ้านสร้างเองในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีสัดส่วน 15% ของตลาดทั้งประเทศ
สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดรับสร้างบ้านมีศักยภาพ เนื่องจากมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับตัวเลขสินเชื่อที่อยู่อาศัยปลูกสร้างบ้านทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2561 จนถึง 9 เดือนแรกปี 2566 ของ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พบว่า ทั้งจำนวนบัญชีและมูลค่า เพิ่มขึ้นเป็น 163,838 แสนล้านบาท จากเดิม 112,789 แสนล้านบาท
ขณะที่ดัชนีราคาค่าก่อสร้างขยายตัวต่อปีเพิ่มขึ้น 2-3% อย่างมีนัยสำคัญ เป็นผลมาจากต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ค่าแรงงานที่ขยับขึ้น ส่งผลให้คนอยากมีบ้านรีบตัดสินใจ แต่ขณะเดียวกันผู้ประกอบการรับสร้างบ้านต้องระมัดระวังต้นทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากรายได้ของคนลดลงจากภาวะหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น
“แม้จะมีปลาในบ่อเยอะ แต่ปลาไม่จับง่ายเหมือนเดิม ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายของผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน”
โอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมรับสร้างบ้าน ฉายภาพว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศมาจากโครงการจัดสรรมีมูลค่า 800,000 ล้านบาท เป็นบ้านสร้างเอง หรือ รับสร้างบ้านทั่วประเทศมูลค่า 200,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบริษัทที่ไม่เป็นสมาชิกสมาคมรับสร้างบ้านและผู้รับเหมาทั่วไป 187,500 ล้านบาท ส่วนบริษัทรับสร้างบ้านในสมาคมฯ มีมูลค่า 12,500 ล้านบาท ที่ผ่านมา ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจผันผวนมากนักเมื่อเทียบกับโครงการบ้านจัดสรร สังเกตได้ว่า ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจยังคงมีดีมานด์การสร้างบ้านจากคนที่มีกำลังซื้อนิยมสร้างบ้านมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท มีสัดส่วน 27%
“เวลาเศรษฐกิจไม่ดีคนมีเงินมักจะออกมาสร้างบ้าน สังเกตได้จากตัวเลขไตรมาสแรกปีนี้ บ้านราคาตั้งแต่ 10-20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น และไตรมาสสองระดับราคามากกว่า 20 ล้านบาท ขยับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถือว่าเป็นโอกาสของบ้านหลังใหญ่”
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่ผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านต้องรับมือต่อจากนี้ นั่นคือ ความต้องการปลูกสร้างบ้านของผู้บริโภคมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ในกลุ่มบ้านระดับราคา ราคา 5-10 ล้านบาท และ 2.5-5 ล้านบาท ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มและต้นทุนในการทำธุรกิจพุ่งสูง ทั้ง ค่าขนส่ง ค่าแรงงาน ค่าวัสดุก่อสร้าง และอื่น ๆ รวมถึงดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้ราคาบ้านมีแนวโน้มขยับขึ้น 3-5% จะบริหารจัดการอย่างไร
“ต้นทุนก่อสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้บริษัทรับสร้างบ้านต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้บริโภคที่กำลังวางแผนสร้างบ้าน ชะลอ หรือ เลื่อนการตัดสินใจออกไป เพราะกลุ่มลูกค้ารับสร้างบ้าน 50% ใช้เงินสด อีก 50% ยื่นขอสินเชื่อจากธนาคาร”
โอฬาร กล่าวว่า สมาคมฯ จึงเตรียมนำเสนอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการด้านภาษีต่างๆ เพื่อกระตุ้นตลาด อาทิ มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้บริโภคที่ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินตัวเอง สามารถนำมูลค่าสร้างบ้านที่ระบุไว้ในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง ตามเอกสารอากรแสตมป์ (อ.ส.4) นำไปลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาในรอบภาษีปีถัดไปได้ในอัตราลดหย่อนล้านละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
ขณะเดียวกันก็ “ลดข้อจำกัด” ในการประกอบธุรกิจ เช่น ลดอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับปลูกสร้างบ้าน เป็นต้น เพื่อผลักดันให้ตลาดรับสร้างบ้านในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นจากมาตรการของภาครัฐที่จะออกมา
“การลดหย่อนภาษีจะช่วยเร่งการตัดสินใจของผู้บริโภค กระตุ้นตลาดให้ฟื้นกลับมาดีขึ้น และเชื่อมั่นว่าเป็นแนวทางที่เห็นผลเร็วที่สุด แม้ว่ากำลังซื้อส่วนใหญ่ในตลาดยังมีความกังวล แต่หากมีมาตรการของรัฐบาลออกมากระตุ้น สร้างความเชื่อมั่นได้ จะทำให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มเรียลดีมานด์ ที่สร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงกล้าตัดสินใจมากขึ้น”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
เนสโทปาเปิดตัวแพลตฟอร์มซื้อ-ขาย-เช่าอสังหาฯพร้อมมาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น
เนสโทปา เปิดตัวแพลตฟอร์ม บริการซื้อ-ขาย-เช่าอสังหาฯ ชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยีที่สะดวก ใช้งานง่าย สามารถอัพเดทข้อมูลแบบเรียลไทม์ประเดิมปักหมุดในประเทศไทยเป็นแห่งแรกของเอเชีย พร้อมบริการมาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น ให้กับดีเวลลอปเปอร์ตั้งเป้าเป็นอันดับ 1ในปี68
นางสาวภัทราพร ธีรสถาพร ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท เนสโทปา จำกัด หรือ Nestopa เปิดเผยว่า ในปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีการเข้าถึงสื่อออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่ามีหลายอย่างที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการอยู่อาศัย ได้แก่ การค้นหาข้อมูลที่พักอาศัยบนช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ เล็งเห็นว่าตลาดนี้ยังขาดผู้ให้บริการที่สามารถเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มทั้งชาวไทยและต่างชาติได้ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมความต้องการดังกล่าว
บริษัทฯ จึงเปิดตัวแพลตฟอร์ม Property marketplace “Nestopa” ครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อให้บริการด้านค้นหาอสังหาริมทรัพย์ สำหรับซื้อ-ขาย-เช่า ภายใต้แนวคิด “Find your next place ค้นหาบ้านใหม่ ไม่ยากอย่างที่คิด” ซึ่งสามารถค้นหาอสังหาริมทรัพย์ได้ตั้งแต่ประเภท ราคา ขนาดพื้นที่ ทำเลที่ตั้งใกล้สถานที่สำคัญ เช่น โรงเรียน, โรงพยาบาล, รถไฟฟ้าBTS, MRT ฯลฯ
“Nestopa เป็นแพลตฟอร์มที่นำเทคโนโลยี XML, API และ AI เข้ามาใช้บริหารจัดการ เพื่อรองรับความต้องการผู้ใช้งานทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งจากจุดเด่นนี้จึงทำให้แพลตฟอร์มของเรามีข้อมูลรองรับในการให้บริการซื้อ-ขาย-เช่า ได้อย่างครบถ้วน สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานในตลาดได้อย่างสะดวก รวดเร็วแบบ Real time โดยสามารถเข้าใช้บริการได้ทั้งบนเว็บไซต์, มือถือระบบ Android และ iOS”
Nestopa เริ่มเปิดให้ใช้บริการเมื่อเดือนเมษายน 2566 ปัจจุบันมีอสังหาริมทรัพย์ลงประกาศมากกว่า 150,000 รายการทั่วประเทศครอบคลุมทั้งคอนโดมิเนียม, ทาวน์โฮม, อาคารสำนักงาน, บ้านเดี่ยว, พูลวิลล่า, โรงแรม, ที่ดิน, คลังสินค้า ฯลฯ ซึ่งผู้ขายสามารถลงประกาศขายบนแพลตฟอร์มได้ฟรี โดยไม่จำกัดระยะเวลาและจำนวนรายการ
นอกจากบริการต่างๆ ข้างต้นแล้ว ในด้านกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ Nestopa ยังมีบริการด้าน Marketing Solutions ให้กับ ดีเวลลอปเปอร์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้แก่ Branding consultant, Online performance campaign, Property event, Content marketing โดยทีมงานมืออาชีพในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปีในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขายหรือฝ่ายการตลาด เป็นต้น เพื่อช่วยเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของลูกค้า อีกทั้งขยายช่องทางการขายได้อย่างครอบคลุม ทำให้สามารถดำเนินงานได้บรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้
นายเควิน สปีคแมน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนสโทปา จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าด้วยจุดแข็งของแพลตฟอร์ม อีกทั้งบริการต่างๆ ที่ครอบคลุม 360 องศา เราจะสามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของเมืองไทยภายในปี 2568 อย่างแน่นอน โดยในปี 2567 ตั้งเป้าจะมีผู้เข้าใช้บริการถึง 1.5 ล้านคนต่อเดือน และ 3.5 ล้านคนต่อเดือนภายในปี 2568
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้31ต.ค. “ แข็งค่า”ที่ระดับ 35.92 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทอาจถูกชะลอการแข็งค่าลงด้วยโฟลว์ขายทำกำไรบรรดาผู้เล่นในตลาด และแรงซื้อเงินดอลลาร์ ของผู้นำเข้าบางส่วน วันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามอย่างใกล้ชิดคือ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้31ต.ค. 2566 ที่ระดับ 35.92 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.95 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมองว่า เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้เร็วกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็ได้แรงหนุนจากโฟลว์ขายทำกำไรทองคำ รวมถึง การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น ในช่วงก่อนตลาดรับรู้ผลการประชุม BOJ
ทำให้ เรามองว่า ตลาดค่าเงินอาจผันผวนสูงได้ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ โดยเฉพาะในกรณีที่ BOJ ไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น อย่างที่ตลาดกำลังคาดหวังและได้สะท้อนในการแข็งค่าขึ้นของเงินเยนล่าสุด ซึ่งจะทำให้ เงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง
นอกจากนี้ เราประเมินว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทนั้น อาจถูกชะลอลงด้วยโฟลว์ขายทำกำไรสถานะ Short USDTHB (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น) ของบรรดาผู้เล่นในตลาด และแรงซื้อเงินดอลลาร์ ของผู้นำเข้าบางส่วน ทำให้ เงินบาทอาจมีโซนแนวรับแถว 35.80 บาทต่อดอลลาร์ แต่หากเงินบาทแข็งค่าหลุดระดับดังกล่าว ก็มีโอกาสแข็งค่าทดสอบโซน 35.60 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก
เรายังคงมองว่า ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน สถานการณ์สงครามที่เสี่ยงทวีความรุนแรงและบานปลาย ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย
อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.75-36.00 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 36.85-35.97 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ซึ่งเผชิญแรงขายทำกำไร หลังบรรยากาศในตลาดการเงินเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น
ขณะเดียวกัน การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเร็วของเงินเยนญี่ปุ่นสู่ระดับ 149.15 เยนต่อดอลลาร์ จากการเก็งกำไรของผู้เล่นในตลาดช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุม BOJ ในวันอังคารนี้ ก็มีส่วนกดดันเงินดอลลาร์เช่นกัน นอกจากนี้ เงินบาทยังคงได้แรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังสามารถแกว่งตัวเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หลังรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนโดยส่วนใหญ่นั้นออกมาดีกว่าคาด และอาจทำให้ผลกำไรในไตรมาสที่ 3 ยังขยายตัวต่อได้ สวนทางกับที่ผู้เล่นในตลาดได้คาดการณ์ว่า ผลกำไรอาจหดตัวลงในไตรมาสที่ 3 ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุมเฟด รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.20%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 รีบาวด์ขึ้น +0.36% หนุนโดยการรีบาวด์ขึ้นของหุ้นกลุ่ม Healthcare (Sanofi +3.3%, Novo Nordisk +2.7%) ซึ่งเผชิญแรงเทขายหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว หลังภาพรวมเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้น
ในฝั่งตลาดบอนด์ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาด รวมถึงความคาดหวังว่า รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจออกมาสดใส จะยังหนุนแนวโน้มเฟดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับสูงได้นาน (Higher for Longer) ได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.90% อีกครั้ง ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้จังหวะที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเข้าซื้อสะสม เนื่องจาก Risk-Reward มีความน่าสนใจ
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลง ตามแรงขายทำกำไรสถานะ Long เงินดอลลาร์ หลังตลาดการเงินกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง นอกจากนี้ การกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่นล่าสุด ก็มีส่วนกดดันเงินดอลลาร์เช่นกัน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 106.2 จุด (กรอบ 106-106.6 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงต่อเนื่อง แต่การกลับมาเปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาดและการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ส่งผลให้ ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำ กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังคงแกว่งตัวในโซน 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามอย่างใกล้ชิดคือ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดย เราประเมินว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะตัดสินใจ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.10% และจะยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบาย Yield Curve Control
อย่างไรก็ดี เราจะจับตาว่า BOJ จะมีการส่งสัญญาณพร้อมทยอยปรับนโยบายการเงินหรือไม่ หลังอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมาย 2% พอสมควรมาเป็นเวลานาน ขณะเดียวกันเงินเยนญี่ปุ่นก็อ่อนค่าหนักในปีนี้
นอกจากนี้ ทางฝั่งจีน ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของจีน ในเดือนตุลาคม โดยหากรายงานดัชนี PMI ของจีนสะท้อนภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ก็อาจช่วยหนุนให้ผู้เล่นในตลาดเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์จีน ซึ่งจะส่งผลให้เงินหยวนจีนและสกุลเงินฝั่งเอเชียทยอยแข็งค่าขึ้นได้
ทางฝั่งยุโรป ตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ผ่านรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 และรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน
และในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB Consumer Confidence) และรายงานดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (Employment Cost Index) ซึ่งอาจช่วยสะท้อนถึงแรงกดดันต่อเงินเฟ้อจากค่าจ้างได้
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินในช่วงนี้ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สุดช็อก! “จอห์นสัน” นักฮอกกี้น้ำแข็งเสียชีวิตหลังโดนใบมีดรองเท้าคู่แข่งปาดคอ
เกิดเรื่องเศร้าในวงการกีฬาเมื่อ อดัม จอห์นสัน นักฮอกกี้น้ำแข็งชาวสหรัฐอเมริกา ของ น็อตติ้งแฮม แพนเทอร์ส ในลีกอังกฤษ ได้เสียชีวิตหลังได้รับบาดเจ็บโดนใบมีดปาดเข้าที่คอระหว่างแข่งขัน
เหตุการณ์สลดเกิดขึ้นในเกมที่ น็อตติ้งแฮม แพนเทอร์ส มีโปรแกรมไปเยือน เชฟฟิลด์ สตีลเลอร์ส ในเกมชาลเลนจ์ คัพ ที่สนาม ยูทิลิตี้ อารีน่า, เมืองเชฟฟิลด์ เมื่อวันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา
โดยจังหวะดังกล่าว อดัม จอห์นสัน (หมายเลข 47) ปะทะกับ แมตต์ เพทเกรฟ ก่อนที่จะโดนใบมีดที่รองเท้าของคู่แข่งบาดเข้าที่บริเวณคอจนเลือดไหล ซึ่งเจ้าตัวลุกขึ้นมาพยายามเดินกลับไปที่ซุ้มม้านั่งสำรอง แต่สุดท้ายก็ล้มลงก่อนที่ทีมแพทย์จะรีบเข้าไปช่วยเหลือ และนำตัวส่งโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตามสุดท้าย นักฮอกกี้วัย 29 ปี ที่เสียเลือดมากก็เสียชีวิตลง ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว และเพื่อนร่วมทีม ทางด้าน น็อตติ้งแฮม แพนเทอร์ส ต้นสังกัดได้ออกแถลงการณ์ว่า “สโมสรเสียใจกับการที่ต้องประกาศว่า อดัม จอห์นสัน ได้เสียชีวิตลงแล้วจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในสนาม”
“เราขอส่งกำลังใจ และความเสียใจไปยังครอบครัวของเขา และเพื่อนๆ ทุกคนในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ ทุกคนในสโมสรรวมถึงผู้เล่น, ทีมงาน และผู้บริหาร ต่างเสียใจกับการจากไปของเขาเป็นอย่างมาก”
สำหรับ อดัม จอห์นสัน นักฮอกกี้น้ำแข็งชาวสหรัฐอเมริกา เคยลงเล่นในลีก NHL บ้านเกิดให้กับ พิตต์สเบิร์ก เพนกวินส์ ในปี 2019 จากนั้นย้ายไปเล่นในหลายประเทศ ก่อนที่จะมาจากโลกนี้ไปในวัยเพียงแค่ 29 ปี
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ทานอาหารเสริมอย่างไร ไม่ให้ตับอักเสบ-ติดเชื้อในกระแสเลือด
ใครๆ ก็อยากสวย อยากแข็งแรง นอกจากอาหารที่ทานกันอยู่ทุกวัน เลยอยากได้ตัวช่วยที่จะเห็นผลดี เห็นผลเร็ว เมื่ออาหารที่ทานอยู่ทุกวันไม่เห็นผลชัดเจน หลายคนจึงหันไปพึ่งอาหารเสริมที่โฆษณาว่า ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่เราต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสวยๆ งามๆ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ลดไขมัน เรื่องผิวพรรณของคุณผู้หญิง ไปจนถึงสุขภาพร่างกายทั้งสมอง หัวใจ ระบบประสาท ระบบโลหิต ระบบย่อยอาหาร รวมไปถึงระบบขับถ่าย และรักษาโรคบางโรค เช่น มะเร็ง
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า ไม่ใช่ว่าอาหารเสริมทุกชนิดบนโลกจะไม่ดี ไม่ใช่อย่างนั้นเลยค่ะ อาหารเสริมดีๆ จากผู้ผลิตระดับโลกก็มีเช่นเดียวกัน แต่ก็ต้องยอมรับด้วยว่าบางชนิดก็ไม่ได้ผลิตตรงตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น ผลงานวิจัยที่นำมาอ้างอิงก็ยังไม่ชัดเจน และมีความเป็นไปได้สูงที่คนที่ซื้อทานยังไม่ทราบวิธีทานอาหารเสริมที่ถูกต้อง
อันตรายจากอาหารเสริม
- ไอคิวต่ำลง เนื่องจากอาหารเสริมบางชนิดแนะนำให้ทานแทนอาหารหลัก ซึ่งไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย และพัฒนาการสมอง ในวัยที่ต้องใช้สมองในการร่ำเรียน และทำงาน หากร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ก็อาจส่งผลให้สมองมีพัฒนาการที่แย่ลงได้
- อาหารเสริม ไม่ว่าจะโฆษณาว่าทำมาจากธรรมชาติ 100% ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีสารเคมีปะปนระหว่างการผลิต ดังนั้นการที่เราทานอาหารเสริมติดต่อกันนานๆ อาจมีความเป็นไปได้ว่าเรารับเอาสารเคมีเข้าสู่ร่างกายติดต่อกันเป็นเวลานานเช่นกัน ซึ่งทำให้ตับทำงานหนักขึ้น เพื่อกรอง และคัดเลือกเอาสารอาหารที่จำเป็น และเกินความจำเป็นออก การทานอาหารเสริมมากเกินไปทำให้ตับทำงานหนักมากเกินไป จนอาจมีความเสี่ยงที่ตับและไตจะเสื่อม อักเสบ จนติดเชื้อในภายหลังได้
- การทานอาหารเสริมจากแหล่งผลิตที่ต่ำกว่ามาตรฐาน และ/หรือผลิตจากงานวิจัยที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างชัดเจน เราอาจกำลังเป็นหนูทดลองให้เขาอยู่ก็เป็นได้ เมื่อเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย ผู้ผลิตเหล่านี้อาจไม่สามารถช่วยเหลือ หรือรับผิดชอบอะไรเราได้เลย
ดังนั้นเรามาดูวิธีการทานอาหารเสริม เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้รางกายได้รับอันตรายกันดีกว่าค่ะ
- ทานอาหารเสริมตามคำแนะนำที่ฉลากข้างผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัด
อาหารเสริมแต่ละชนิดมีวิธีการทานไม่เหมือนกัน วิตามินรวมอาจต้องทานตอนเช้าครั้งเดียว แต่อาหารเสริมบางประเภทต้องทานวันละ 2-3 ครั้ง ดังนั้นควรอ่านฉลากอย่างละเอียดก่อนทานเสมอ
- ความต่อเนื่องในการทานอาหารเสริมก็สำคัญ
เราอาจเคยได้ยินว่าควรทานอาหารเสริม หรือวิตามินเดือนเว้นเดือน หรือ 3 เดือน เว้น 3 เดือน เพื่อไม่ให้ตับพัง อันที่จริงแล้วจะบอกว่าไม่ผิดแต่ก็ไม่ถูก เพราะอาหารเสริม หรือวิตามินบางชนิดสามารถทานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เพื่อให้เห็นผลอย่างชัดเจนได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการทานอาหารเสริมเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง หากรับประทานจนเห็นผลเป็นที่พอใจแล้ว สามารถหยุดการทานได้เช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับสารอาหารบางชนิดมากจนเกินไป ดังนั้นก่อนทานอาหารเสริมควรสอบถามเภสัชกรให้ละเอียดก่อนทาน
- ไม่จำเป็นต้องทานอาหารเสริมหลายตัวในคราวเดียวกัน
หากเราอยากบำรุงผิวพรรณ สามารถเลือกทานวิตามินอี หรือน้ำมันอีฟนิ่ง พริมโรส ที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวพรรณใกล้เคียงกัน โดยไม่ต้องทาน 2 ตัวนี้พร้อมกัน ป้องกันการทานวิตามินซ้ำซ้อน หรือมากเกินไปโดยไม่มีความจำเป็น
- คอลลาเจน กลูต้า ยังไม่มีงานวิจัยรับรองชัดเจน
วิตามินอื่นๆ อาจมีรายงานชัดเจนว่าช่วยในเรื่องของอะไรได้บ้างอย่างชัดเจน แต่สำหรับคอลลาเจน และกลูต้าในรูปแบบของอาหารเสริม ที่ยังไม่มีผลงานวิจัยที่สามารถยืนยันถึงคุณสมบัติ และความปลอดภัยต่อร่างกายอย่างแท้จริงนั้น สามารถบอกได้ว่าผลลัพธ์ และความเสี่ยง อยู่ที่ตัวผู้บริโภคเองล้วนๆ
- สำรวจความจำเป็นก่อนทาน
อาหารเสริม ก็คืออาหารเสริม หมายถึงร่างกายขาดเราถึงต้องเสริม หากร่างกายของเราไม่ได้ขาดสารอาหารอย่างชัดเจนจนถึงขั้นต้องหามาทานเสริม ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปซื้อมาทาน หากคุณไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ทานอาหารไม่ค่อยมีประโยชน์ พักผ่อนน้อย หรือมีปัญหาใดปัญหาหนึ่งกับร่างกายจริงๆ อาจปรึกษาแพทย์เพื่อมองหาอาหารเสริมที่เหมาะสมกับร่างกายของเราจริงๆ ได้ การปรึกษาแพทย์ก่อนซื้ออาหารเสริมมาทาน นอกจากจะสามารถช่วยหาอาหารเสริมที่เหมาะกับร่างกายของเราจริงๆ แล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และลดภาวะการรับสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไปได้ด้วย
อาหารเสริมไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกายจนทำให้ตับไตวาย หากเราทานอย่างมีความรู้ ศึกษาหาข้อมูลเยอะๆ หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทาน ดังนั้นควรเลือกทานอาหารเสริมกันอย่างมีสตินะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เขาช้างเผือก เตรียมเปิดให้พิชิตแล้ว 1 พฤศจิกายน 2566 นี้
ถือได้ว่าเป็นข่าวดีที่หลายๆ คนรอคอยเลยโดยเฉพาะสำหรับสายเดินป่า เพราะในตอนนี้ทางอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิได้ประกาศเปิดการเดินศึกษาธรรมชาติที่เขาช้างเผือก จังหวัดกาญจนบุรีแล้ว ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 31 มการม 2567
โดยใครที่ประสงค์จะไปพิชิตเขาช้างเผือกจะต้องจองคิวกับทางอุทยานก่อนเสมอ โดยมีวิธีการจองดังนี้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ – Thongphaphum National Park
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
แคปชั่นตั้งสเตตัสวันฝนตก เป็นภาษาอังกฤษ
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการจ้า ช่วงนี้ฝนตกให้เราได้ชุ่มฉ่ำกันแทบทุกวัน >,< ใครที่ยังไม่มีสเตตัสโดน ๆ แคปชั่นคูล ๆ ไว้โพสต์รูปฝนโปรยปราย ตาม วอลล์สตรีท อิงลิช มาทางนี้ แล้วเลือกข้อความที่ชอบเอาไปใช้ได้เลย
- Rain will make the flowers grow. – สายฝนจะทำให้ดอกไม้เจริญเติบโต
- After the rain, the grass will always grow. – หลังฝนตก ทุ่งหญ้าก็ย่อมจะเติบโต
- Do not fear. The rain is only here to help you grow. – อย่าไปกลัว ฝนมาเพื่อช่วยให้เราเติบโต
- Sleep is so much easier when it rains. – การนอนหลับทำได้ง่ายขึ้นท่ามกลางฝนตก
- Let the rain wash away, all the pain of yesterday. – ให้สายฝนล้างความเจ็บปวดของเมื่อวาน
- On the other side of the clouds is a bright blue sky. – ในอีกฝั่งของเมฆดำ ก็ยังมีท้องฟ้าที่สดใส
- It’s okay to cry, the sky does it too. – มันไม่เป็นไรเลยที่จะร้องไห้ เพราะท้องฟ้าก็เป็นเหมือนกัน
- It’s felt like summer when I kissed you in the rain. ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูร้อนเมื่อจูบคุณท่ามกลางสายฝน
- Some people feel the rain, others just get wet. – บางคนรู้สึกถึงสายฝนที่ชุ่มฉ่ำ แต่บางคนอาจแค่รู้สึกเปียกปอน
- If you want the rainbow, you gotta put up with the rain. – หากคุณต้องการสายรุ้ง คุณก็ต้องอดทนกับสายฝน
- The sun after the rain is much beautiful than the sun before the rain. – ดวงอาทิตย์หลังฝนตกงดงามกว่าก่อนฝนตก
- The best thing one can do when it’s raining is to let it. – สิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้เมื่อฝนตก คือ การปล่อยให้มันเป็นไป
- The smell of rain can help reduce stress and raise the mood up to 60%. – กลิ่นของสายฝนช่วยลดความเครียดและเพิ่มบรรยากาศได้ 60%
- Surround yourself with people who are with you when it rains, not just when it shines. – อยู่รายล้อมไปด้วยคนที่อยู่กับคุณยามฝนตก ไม่ใช่อยู่ด้วยแค่ตอนท้องฟ้าสดใส
- Life is not about waiting for the storm to pass, it’s about learning to dance in the rain. – ชีวิตไม่ใช่การรอให้พายุพัดผ่านไป แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะเต้นสนุกท่ามกลางสายฝน
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
ตัวช่วยคนกลัวผี! “Oshimaland” เว็บไซต์ที่ชี้เป้าโรงแรมที่เชื่อกันว่ามีผีสิงอยู่
ฮาโลวีนปีนี้หลายคนอาจจะเลือกไปฉลองด้วยการท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ จะดีกว่าไหมถ้ามีเว็บไซต์เช็คโรงแรมที่มีผีได้ ใช่แล้ว เว็บไซต์ที่จะพูดถึงในบทความนี้มีชื่อว่า Oshimaland เป็นเว็บไซต์สัญชาติญี่ปุ่นที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมที่เชื่อกันว่ามีผีสิงอยู่
โดยข้อมูลเหล่านี้มาจากคำบอกเล่าของผู้คนที่เคยพักในโรงแรมเหล่านั้น หรือเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับโรงแรมเหล่านั้น
ในเว็บไซต์ Oshimaland แบ่งโรงแรมออกเป็น 2 ประเภท คือ
- โรงแรมที่ประกาศว่ามีผีสิงอยู่
- โรงแรมที่ยังไม่ประกาศว่ามีผีสิงอยู่ แต่มีผู้คนเคยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผีในโรงแรมเหล่านั้น
นอกจากนี้ยังแสดงผลข้อมูลของโรงแรมที่ยังไม่ประกาศว่ามีผีสิงอยู่ จะมีการระบุชื่อโรงแรม ที่ตั้ง และเรื่องราวเกี่ยวกับผีที่สิงอยู่ และรวมถึงราคาเช่นเดียวกัน ทั้งนี้จะมีเครื่องหมายรูปผีพร้อมกับ Rate แสดงผลให้เห็นด้วย โดยเกิดจากการเขียนรีวิวและแสดงผลภาพและวิดีโอที่รีิวออกมาเช่นเดียวกัน โดยสามารถหาได้ทั่วโลก
และที่เด็ดกว่านี้คือ Oshimaland สามารถใช้ได้ทั่วโลก โดยรองรับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ตัวอย่างโรงแรมที่ผีดุในประเทศไทยที่ระบุไว้ใน Oshimaland มีดังนี้
- โรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เคยเป็นสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมหมู่
- โรงแรมเก่าแก่ในย่านเมืองเก่า เคยเป็นสถานที่คุมขังนักโทษ
- รีสอร์ทบนเกาะร้าง เคยเป็นสถานที่เกิดเหตุอาถรรพ์
- หรือข้อมูลเช่นถนนที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย หรือสถานที่มีการยิงกันเชีนในสยามพารากอน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลใน Oshimaland เป็นเพียงคำบอกเล่าของผู้คนเท่านั้น ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ดังนั้น จึงควรใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลเหล่านี้ เราควรใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลต่างๆจากเว็บไซต์นี้เช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
4 ผลไม้น้ำตาลสูง ผู้ป่วยเบาหวาน-หัวใจและหลอดเลือด-คนลดน้ำหนัก ควรเลี่ยง
ใครว่ากินผลไม้อย่างเดียวแล้วจะช่วยลดน้ำหนักได้ล่ะจ๊ะ เพราะผลไม้บางประเภทมีน้ำตาลมากกว่าอาหารอีกนะ แล้วถ้ากินเยอะๆ ก็อาจจะทำให้อ้วนได้อีก แถมยังเพิ่มอันตรายให้กับผู้ป่วยเบาหวาน โรคหัวใจ และหลอดเลือดอีกด้วย ถ้างั้นเราวันนี้เรามาดูกันดีว่าผลไม้ที่มีน้ำตาลมากบ้าง
1. มะม่วง ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงสุกหรือดิบ ปริมาณน้ำตาลจากมะม่วงก็ยังคงเยอะอยู่ดี ซึ่งมะม่วง 1 ผลนั้นมีปริมาณน้ำตาลถึง 13.45 กรัม เลยทีเดียว
2. กล้วย โดยแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีน้ำตาลแตกต่างกันออกไป หากเทียบกันในปริมาณ 100 กรัมแล้ว กล้วยไข่มีปริมาณน้ำตาลสูงถึง 34.1% ตามมาติด ๆ ด้วยกล้วยหอม 31.4% กล้วยหักมุก 26.3% และกล้วยน้ำว้า 26.1% ตามลำดับ
3. อินทผลัม ผลไม้ดับร้อนหวานเย็นชื่นใจ ที่นิยมนำไปตากแห้งแล้วกินเล่นก็ดี หรือกินดิบ ๆ ก็ได้ เห็นหวาน ๆ แบบนี้แล้ว ทราบหรือไม่ว่าในปริมาณ 100 กรัม ของอินทผลัม มีน้ำตาลสูงถึง 55.30 กรัม เลยทีเดียว
4. องุ่น ผลไม้ตัวจิ๋ว ที่น้ำตาลไม่จิ๋วอย่างที่ควร โดยพบว่าในองุ่น 100 กรัม จะมีน้ำตาลอยู่ถึง 16 กรัมเชียวล่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 31/10/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 33,900.00 | 34,000.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,196.00 | 33,291.36 | 34,500.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,976.40 | 29,962.22 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,756.80 | 26,633.09 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 988.00 | 14,978.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 769.00 | 11,658.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,276.00 | 34,504.16 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 31/10/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.55 | 38.55 | 39.05 | 38.55 | 38.55 | 38.25 | 38.55 | 38.25 | 38.25 | 38.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.28 | 38.28 | 38.78 | 38.28 | 38.28 | 37.98 | 38.28 | 37.98 | 37.98 | 38.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.24 | 36.24 | 36.74 | 36.24 | 36.24 | – | 36.24 | 35.94 | 35.94 | 36.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.39 | 36.39 | – | 36.39 | – | – | – | – | – | 36.39 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 45.04 | 49.84 | 49.94 | 49.84 | – | – | – | – | – | 45.04 |
เบนซิน 95 | 46.34 | – | – | – | 47.51 | – | 46.84 | 46.19 | – | 46.34 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 48.64 | 43.64 | 42.94 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |