ผ่าอาณาจักรพระราม 4 ในมือ ‘เฟรเซอร์ส’ 1.7 แสนล้านบาท
ผ่าอาณาจักร เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ภายใต้ “ทีซีซี แอสเซ็ทส์” ของเจ้าสัวเจริญ หลังไทยเบฟ แลกหุ้นอสังหาฯ ดันพระราม 4 เรือธง มูลค่า 1.7 แสนล้าน วัน แบงค็อก จุดพลุ โกลบอลแลนด์มาร์ค จุดหมายปลายทางระดับโลก
การปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ “ไทยเบฟ” ภายใต้ร่มเงาของ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่แจ้งต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสิงคโปร์ว่า บมจ.ไทยเบฟขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในบริษัท “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้” (Frasers Property) ในสิงคโปร์ ให้กับบริษัท “ทีซีซี แอสเซ็ทส์” (TCC Assets) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งในเครือของไทยเบฟเช่นกัน
ธุรกรรมครั้งนี้ มีเป้าหมายส่งเสริมสถานะของไทยเบฟให้มีความชัดเจนมากขึ้น ด้วยการถอนตัวออกจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือมองว่าเป็นลักษณะการแลกหุ้นระหว่างกัน เพื่อจัดระเบียบธุรกิจให้เป็นหมวดหมู่ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ในทางกลับกันจะส่งผลดีให้ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้” มีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์มากขึ้น
เปิดอาณาจักรเฟรเซอร์ส
ย้อนไปก่อนหน้านี้ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือชื่อเดิม บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในปี 2533 และในปี 2545 ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาและบริหารจัดการโรงงานอุตสาหกรรมให้เช่า และอาคารคลังสินค้าให้เช่าบริเวณพื้นที่ในและนอกนิคมอุตสาหกรรม
ปี 2562 เปลี่ยนแปลงชื่อและชื่อย่อสัญลักษณ์การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็น บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” และเริ่มต้นดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติ โดย “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้” เป็นหนึ่งในบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ที่มี นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นผู้พัฒนา และผู้บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 5 ประเภท ประกอบด้วย เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และโรงแรม ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และอสังหาริมทรัพย์
“เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้” ดำเนินธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย
- กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม
- กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชยกรรม โดยเฉพาะอาณาจักรมิกซ์ยูสบนถนนพระราม4 ที่ดินผืนใหญ่ของสำนักทรัพย์สินพระมหากษัติย์ที่เจ้าสัวเจริญ เล็งเห็นถึงความสำคัญของถนนสายประวัติศาสตร์ จึงมุ่งมั่นยกระดับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บนพื้นที่นี้ สู่โกลบอลแลนด์มาร์ค จุดหมายปลายทางระดับโลกที่มีมูลค่ารวมกว่า 1.7 แสนล้านบาท
ทั้งยังสร้างมาตรฐานใหม่ในทุกโครงการ สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศและมุ่งมั่นก้าวสู่ระดับโลก ให้สอดคล้องกับ Sustainable Development Goals: SDGs พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
วันแบงค็อกเรือธงอาณาจักรพระราม4
โครงการที่สร้างชื่อและเป็นธุรกิจเรือธง คือ วัน แบงค็อก (One Bangkok) โครงการอภิมหาโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส มูลค่า 1.2 แสนล้าน หัวมุมถนนวิทยุตัดกับถนนพระรามที่ 4 เนื้อที่108 ไร่ พื้นที่รวมเกือบ 2 ล้านตารางเมตรใหญ่ที่สุดในไทย ตั้งอยู่ทำเลศักยภาพของสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ จุดหมายปลายทางของการอยู่อาศัย การทำงานและการช้อปปิ้งหลอมรวมไว้ในที่เดียว
นายปณต เคยประเมินว่าในอนาคต จะเกิดการเปลี่ยนแกนศูนย์กลางธุรกิจครั้งสำคัญมาอยู่ที่พระราม 4 ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงเพราะสะท้อนได้จากการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่มักเกิดขึ้นบนถนนพรราม4 จำนวนมาก
นอกจากกลุ่มของเฟรเซอร์สฯแล้วยังมีคอนโดมิเนียมหรู อาคารสำนักงานชั้นนำ รวมถึงที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้คือ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” โครงการมิกซ์ยูส มูลค่า 36,700 ล้านบาท จากการร่วมทุนระหว่าง “กลุ่มดุสิตธานี” และ “เซ็นทรัลพัฒนา” ตั้งอยู่หัวมุมถนนสีลมตัดกับพระรามที่ 4 และเมื่อยืนอยู่บนถนนพระรามที่4 จะเห็น ทั้งสองโครงการตั้งหันหน้าประชันอยู่เยื้องๆ กัน หากทั้งสองโครงการเปิดให้บริการเต็มพื้นที่เชื่อว่าจะสร้างแรงกระเพื่อมอย่างมาก
โครงการวันแบงค็อกเริ่มเปิดอย่างไม่เป็นทางการในบางส่วนของระยะแรกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 และมีกำหนดเปิดให้บริการระยะแรกในเดือนตุลาคม 2567 คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้งโครงการในปี 2570 ซึ่งเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญเติมเต็มโครงการ ของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ที่พัฒนามาก่อนหน้านี้ บนถนนพระราม 4
ขณะในส่วนของพื้นที่ สำนักงานและพื้นที่อยู่อาศัย ของวันแบงค็อกจะมีลูกค้าจับจองจำนวนมากโดยเฉพาะนักธุรกิจชาวต่างชาติรวมถึงพื้นที่ช้อปปิ้งที่แบรนด์ดังระดับโลกเข้ามาเป็นแม่เหล็กที่จะเปิดในเฟสแรกช่วงปลายปีนี้ และการเชื่อมโครงข่ายทางพิเศษบริเวณด่านลุมพินีรับการจราจร นอกจาก MRT สายสีนํ้าเงิน ขณะราคาที่ดินขยับไปที่กว่า 2 ล้านบาทต่อตารางวา
จากถนนวิทยุตัดกับถนนพระราม 4 มาที่ กลุ่มอาคารขนาดใหญ่ ฝั่งของถนนพระราม 4 ตัดกับถนนรัชดาภิเษก ที่เรียกเสียงฮือฮาหลังจากเปิดใช้พื้นที่ไปก่อนหน้านี้ ได้แก่ เดอะ ปาร์ค (The PARQ) โครงการมิกซ์ยูส มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท พื้นที่ขนาด 24 ไร่ พื้นที่ใช้สอย 130,000 ตร.ม. ซึ่ง ตั้งอยู่ ต่อเนื่องกับศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอาคารสำนักงาน FYI Center อาคารสำนักงานแห่งแรกที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2559
สำหรับเดอะ ปาร์ค มีพื้นที่อาคารรวม 320,000 ตารางเมตร มีจุดเด่นออกแบบอาคารสำนักงานด้วยขนาดพื้นที่ต่อชั้นใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ และปราศจากเสา มีพื้นที่มากกว่า 7,000 ตารางเมตรถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่ง มีสวนทอดยาวกว่า 200 เมตร และยังมีสวนลอยฟ้ากลางแจ้ง ขนาด 3,400 ตารางเมตร มีพื้นที่ให้เช่า 71,000 ตารางเมตร เป็นพื้นที่สำนักงานระดับพรีเมียม มีขนาดของยูนิตหลากหลายตั้งแต่ 2,400 ถึง 5,100 ตารางเมตร ขณะเดียวกันยังมีพื้นที่ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และศูนย์อาหารระดับคุณภาพ บนพื้นที่ขนาดรวม 11,000 ตารางเมตร
พลิกโฉมศูนย์สิริกิติ์ ดึงนอีเว้นท์ระดับโลก
พื้นที่ติดกัน เป็นศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โฉมใหม่ ใช้งบกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท บนที่ดินที่ราชพัสดุกรมธนารักษ์ เพิ่มพื้นที่จัดงานอีเว้นท์ระดับโลกและเป็นแลนด์มาร์คสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ เป็นสถานที่จัดงานอเนกประสงค์ ที่เหมาะกับการจัดงานทุกประเภทบนเนื้อที่ 53 ไร่ พื้นที่ใช้สอยกว่า 300,000 ตารางเมตร และพื้นที่จัดงานกว่า 78,500 ตารางเมตร มีฮอลล์ขนาดใหญ่ 8 ห้อง เชื่อมเข้าพื้นที่ของศูนย์ฯแบบไร้รอยต่อด้วยMRT สายสีนํ้าเงิน นอกจากนี้พื้นที่ติดกันยังมีอาคารไทยเบฟ อาคารสำนักงานเกรดพรีเมียมขนาดใหญ่ให้เช่าบริเวณเดียวกัน
ขณะอาคารที่สร้างความภูมิใจให้กับ เฟรเซอร์สพร็อพเพอร์ตี้ ตั้งอยู่ตรงข้ามศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และเดอะปาร์ค คือ อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ (FYI Center) เป็นอาคารแรกบนที่ดินสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ที่จุดประกายการพัฒนาบนถนนพระราม4 ให้เกิดการขยายตัวของแหล่งงานและโครงการมิกซ์ยูสของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ที่เกิดขึ้นตามมา
ปัจจุบันมีบริษัทชั้นนำเช่าเต็มพื้นที่ เนื่องจากเป็นอาคารสำนักงานจุดประกายความคิดสร้างสรรค์เชิงธุรกิจ มูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 9 ไร่ ตั้งอยู่บนหัวมุมถนนพระราม 4 ตัดกับถนนรัชดาภิเษก (ไผ่สิงโต) และสามารถเดินทางมายังตัวอาคารได้ด้วยMRTสายสีนํ้าเงิน
สามย่านมิตรทาวน์- สีลมเอจบูมทำเลทอง
ตั้งอยู่บนถนนพระราม 4 เช่นเดียวกัน แต่อยู่ทำเลหัวมุมถนนพระราม 4 ตัดกับถนนพญาไท สามย่านมิตรทาวน์ โครงการมิกซ์ยูส บนที่ดินสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือPMCU มูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาทมีทั้งพื้นที่ค้าปลีก ที่อยู่อาศัย และอาคารสำนักงาน รวม 222,000 ตารางเมตร ปัจจุบันเปิดให้บริการ เมื่อปี2563 ที่เป็นไฮไลต์คือการพัฒนาทางเชื่อมเป็นอุโมงค์จากMRTสถานีสามย่านถึงพื้นที่โครงการ ช่วยเพิ่มศักยภาพการพัฒนาและเป็นแม่เหล็กดึงโครงการที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นโดยรอบ
อีกโครงการ ที่น่าจับตาและเปิดให้บริการไปไม่นาน “สีลมเอจ” ทำเล หัวมุมถนนสีลมตัดกับถนนพระราม 4 ด้านโครงการมิกซ์ยูสมูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท ตั้งอยู่บริเวณ ถือเป็น Extremely Convenient Location การต่อกับรถไฟฟ้า BTS สถานีศาลาแดง และ MRT สถานีสีลม ซึ่งแต่ละวันมีผู้คน เดินทางหมุนเวียนในวันธรรมดา 700,000 คนต่อวัน และในวันหยุด 500,000 คนต่อวัน ภายในระยะทางรัศมี 1.5 กิโลเมตรจากศูนย์การค้าฯ
พระราม 4 “โกลบอล แลนด์มาร์ค”
จากการประเมินของบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าจุดเด่นของย่านพระราม 4 ถือเป็นย่านที่เชื่อมต่อระหว่างย่านธุรกิจที่สำคัญหลายย่าน ได้แก่ สาทร ลุมพินี และสุขุมวิท ซึ่งเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่อยู่ในพื้นที่ใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ และเป็นทำเลที่มีสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เช่น สวนเบญจกิติ สวนลุมพินี ซึ่งในอนาคตจะมี Sky Walk โครงการ Bangkok Super Connector เชื่อมต่อพื้นที่สีเขียวให้เป็นพื้นที่สาธารณะแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ
ส่งผลทำให้เป็นทำเลที่ได้รับความนิยมในการพัฒนาอาคารสำนักงานแห่งใหม่หลายอาคาร เช่น วัน แบงค็อก “สมาร์ทพอร์ต” บริเวณที่ดินท่าเรือกรุงเทพฯ ในย่านคลองเตย บนเนื้อที่ 2,353 ไร่ ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย รวมถึงการพัฒนาโครงการอื่นๆ ตลอดเส้นทางที่ตั้งอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดินบริเวณสถานีสามย่าน สีลม ลุมพินีและสถานีคลองเตย ซึ่งปัจจุบันก็มีโครงการใหม่เกิดขึ้นบริเวณนี้ มองว่าอนาคตย่านนี้จะกลายเป็นอีกหนึ่ง โกลบอล แลนด์มาร์คอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อสังหาฯอ่วม!ครึ่งหลังเจอ2เด้งลูกค้ากู้ไม่ผ่าน-ขอสินเชื่อโครงการยาก
เศรษฐกิจครึ่งแรกปี 2567 โตต่ำ ภาคอสังหาริมทรัพย์เผชิญปัญหาลูกค้ากู้ไม่ผ่านสูงถึง 60-70% ต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งปีหลังพบว่า ดีเวลลอปเปอร์ได้รับผลกระทบจากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนทั้งในรูปแบบของสินเชื่อโครงการ (Project Loan)และการออกหุ้นกู้ทำให้ระดมทุนยาก!
เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ครึ่งปีแรกสถานการณ์การซื้อลดลง ส่วนครึ่งหลังปี 2567 ต้องเฝ้าระวังเพราะภาพรวมเศรษฐกิจและเริ่มมีปัญหาหุ้นกู้ จะเห็นว่าตลาดการเงินอยู่ในภาวะที่เปราะบางขึ้น ทุกบริษัทต้องระมัดระวังมากขึ้น จาก 2 ปัจจัยหลัก ปัจจัยแรก ดีมานด์และซัพพลายในตลาดไม่แอคทีฟ การซื้อขายไม่หวือหวา ปัจจัยที่สอง สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนไหวมากขึ้น
“ครึ่งหลังปีนี้เจอปัญหา 2 เด้ง ธุรกิจต้องเฝ้าระวังเพราะเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ เข้าถึงตลาดเงินยากขึ้น ทำให้เกิดข้อจำกัดในการลงทุน จากปกติบริษัทจะลงทุนมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าตลาดน่าลงทุนหรือไม่ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าสถาบันการเงินหรือตลาดทุนเอื้อต่อการกู้เพื่อนำมาลงทุนพัฒนาโครงการหรือเพิ่มทุนสะดวกไหม ครึ่งปีหลังนี้กระแสข่าวหลายอย่างไม่เอื้อต่อการลงทุน ต้องระวังมากขึ้นเพราะผลกระทบเริ่มลามจากคนซื้อมายังคนขาย”
แนวทางการปรับตัวของเสนาฯ คือ คุมเข้มการลงทุน ดูแลกระแสเงินสดให้ดี เน้นการลงทุนร่วมพันธมิตรไม่ลงทุนคนเดียว ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระลดความเสี่ยงได้ดี ถือเป็นปัจจัยบวก นอกจากนี้้ยังมีโครงการในมือจำนวนมากพอที่จะรองรับความต้องการตลาดโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม ปัจจุบันมีสต็อก 10,000-20,000 ล้านบาท โดย 60-70% เป็นคอนโดมิเนียมจึงเลื่อนเปิดตัวโครงการใหม่ออกไปก่อนจนกว่าถึงเวลาที่เหมาะสมกับสถาณการณ์ตลาด
ขณะเดียวกันโฟกัสสิ่งที่ตนเองมีความชำนาญ เช่น การทำที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ล่าสุดยื่นขอเข้าโครงการการส่งเสริมการลงทุนกิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย (BOI) กว่า 20 โครงการเพื่อช่วยให้ต้นทุนต่ำลง ซึ่งได้รับอนุมัติ 3-4 โครงการ อาทิ เสนาคิทท์ บางนา, เสนา อีโค ทาวน์ รังสิต ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท
“ต้องยอมรับว่าปีนี้เป้ายอดขายยากเพราะตัวเลขการยกเลิกค่อนข้างสูง ครึ่งปีแรกยอดขายได้ 80% จากเป้าหมาย แต่ไม่รู้ว่ายอดโอนเท่าไร ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โตตามภาวะเศรษฐกิจ ต้องรอดูตัวแปรสำคัญอย่างงบประมาณภาครัฐที่ออกมาว่าจะช่วยกระตุ้นได้มากได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งดิจิทัลวอลเล็ต และมาตรการที่ออกมาช่วยให้คนกล้าตัดสินใจซื้อบ้านมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจับตามองคือ กลุ่มคนซื้อส่วนหนึ่งเริ่มชะลอการซื้อ ทั้งที่กู้ผ่าน! สะท้อนเห็นถึงความไม่เชื่อมั่นของคนซื้อที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจในประเทศจึงไม่กล้าที่จะเป็นหนี้ระยะยาวถึง 30 ปี
สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2567 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ที่ระบุว่า ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 ไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก
วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่อยู่อาศัยต่อการเปิดตัวโครงการใหม่หรือเฟสใหม่ลดลง 9.9 จุด จาก 59.0 จุด เหลือ 49.1 จุด เป็นผลมาจากผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัย ไม่เพียงแต่ในไตรมาส 2 เท่านั้น แต่ยังรวมถึงช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ซึ่งปัจจัยสำคัญยังคงเป็นการควบคุมการปล่อยสินเชื่อและหนี้ครัวเรือนที่สูงมากกว่า 90% ของ GDP ซึ่งส่งผลกระทบต่อการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคาร
ปัจจัยเหล่านี้ยังได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และค่าครองชีพที่สูง กระทบอย่างมากต่ออำนาจการซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่อยู่อาศัยในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 อยู่ที่ 45.2 ลดลงจาก 48.3 ในไตรมาสที่ 1 ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจาก 47.6 ในไตรมาสที่ 4 ของปีก่อน
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่อยู่อาศัยช่วง 6 ไตรมาสติดต่อกันนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2566 อยู่ต่ำกว่าค่ามัธยฐานที่ 50.0 ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองเชิงลบ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการลดลงมากที่สุดเป็นอันดับ 2 เทียบไตรมาสต่อไตรมาส
ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการลดลง 4.0 จุด เหลือ 39.5 รองลงมาคือ ดัชนีความเชื่อมั่นด้านการจ้างงาน ลดลง 3.7 จุด เหลือ 48.7 ดัชนีความเชื่อมั่นด้านต้นทุนการพัฒนา ลดลง 1.4 จุด เหลือ 38.9 และดัชนีความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ลดลงจาก 48.6 เหลือ 47.6 ดัชนีความเชื่อมั่นด้านยอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 1.4 จุด เหลือ 47.3
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 31ก.ค. “แข็งค่าขึ้น” ที่ระดับ 35.87 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังเสี่ยงผันผวน ติดตามผลการประชุม BOJ ในวันนี้ ทิศทางค่าเงินเยน รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ค่าเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐ
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 31ก.ค. 2567 ที่ระดับ 35.87 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น อาจเริ่มชะลอลงแถวโซนแนวรับ 35.80 บาทต่อดอลลาร์ (ซึ่งเป็นกรอบล่างของค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ ที่เราประเมินไว้) ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาดบางส่วนในช่วงปลายเดือน
นอกจากนี้ เรามองว่า เงินบาทก็อาจพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้ “เร็วและแรง” หากตลาดผิดหวังกับผลการประชุม BOJ ในวันนี้ จนกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (สถิติในปีนี้ พบว่า เงินเยนสามารถอ่อนค่าได้ราว 1.4% โดยเฉลี่ย หากตลาดผิดหวังกับผลการประชุม BOJ)
นอกจากนี้ ในช่วงตั้งแต่ 19.15 น. ตามเวลาประเทศไทย เงินบาทก็เสี่ยงผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
อาจปรับตัวขึ้นได้ ซึ่งภาพดังกล่าวก็สามารถกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี แม้เราจะประเมินว่า เงินบาทนั้นมีความเสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าลง แต่การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจมีโซนแนวต้านตั้งแต่ช่วง 36.00 บาทต่อดอลลาร์ ไปจนถึงช่วง 36.25 บาทต่อดอลลาร์ ที่บรรดาผู้ส่งออกต่างรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่าลงเพื่อทยอยขายเงินดอลลาร์
ในทางกลับกัน หากเงินบาทสามารถแข็งค่าหลุดโซนแนวรับ 35.80 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้ได้จริง เงินบาทก็สามารถทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องทดสอบแนวรับสำคัญถัดไปแถว 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.75-36.25 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ sideways ก่อนที่จะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว (แกว่งตัวในช่วง 35.84-36.02 บาทต่อดอลลาร์) ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) จากโซน 155 เยนต่อดอลลาร์ สู่โซน 153 เยนต่อดอลลาร์
หลังมีรายงานข่าวในช่วงราว 20.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและปรับลดปริมาณการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งการแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ได้กดดันให้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เงินบาทยังได้แรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำ (XAUUSD) ก็ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทะลุโซนแนวต้านระยะสั้น 2,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามจังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวผสมผสานอีกครั้ง โดยบรรดาหุ้นเทคฯ ยังคงเผชิญแรงขายอย่างต่อเนื่อง นำโดย Nvidia -7.0% ตามการลดความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาดก่อนทยอยรับรู้รายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ในสัปดาห์นี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มการเงินและกลุ่มพลังงานสามารถปรับตัวขึ้นได้ ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ยังคงลดลง -1.28% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.50%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.45% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาสดใส นอกจากนี้ เศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาสที่ 2 ก็ยังขยายตัว +0.6%y/y (+0.3%q/q ดีกว่าคาด) อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคฯ โดยเฉพาะกลุ่ม AI/Semiconductor ยุโรป ก็เผชิญแรงกดดันบ้าง ตามแรงขายหุ้นเทคฯ ธีมดังกล่าวในฝั่งสหรัฐฯ
ในส่วนตลาดบอนด์ ท่าทีของผู้เล่นในตลาดการเงินสหรัฐฯ ที่ยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดต่างยังคงคาดหวังว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ตั้งแต่การประชุมเดือนกันยายน ก็มีส่วนกดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 4.15%
อย่างไรก็ดี โดยรวมบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวในกรอบ sideways ตามที่เราได้ประเมินไว้ก่อนหน้า จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทั้งผลการประชุมเฟด รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ และรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร โดยมีจังหวะทยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงแรก ก่อนที่เงินดอลลาร์จะพลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) จากรายงานข่าวว่า BOJ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและลดปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในการประชุมที่จะถึงนี้ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 104.4 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.4-104.8 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ทยอยปรับตัวขึ้นราว +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับ 2,455 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งต้องระวังความผันผวนในตลาดการเงิน หาก BOJ ไม่ได้ดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และปรับลดปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาล อย่างที่ตลาดคาดหวัง
หรือ มีรายงานข่าวออกมาในช่วงคืนที่ผ่านมา โดยหากตลาดผิดหวังกับผลการประชุม BOJ ก็อาจกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) พลิกกลับมาอ่อนค่าได้พอสมควรในระหว่างวัน นอกจากนี้ ในฝั่งจีน ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing & Services PMIs) เดือนกรกฎาคม
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน เดือนกรกฎาคม
และในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP เดือนกรกฎาคม ซึ่งอาจสะท้อนถึงแนวโน้มยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ที่จะรายงานในวันศุกร์นี้ได้
นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะติดตามอย่างใกล้ชิด และเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้พอสมควรในช่วงนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สรุปเหรียญโอลิมปิก 2024 วันที่ 31 ก.ค. 67, ญี่ปุ่น แซงนำ,ไทยยังต้องลุ้น
โอลิมปิก 2024 หรือ ปารีสเกมส์ 2024 เป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม – 11 สิงหาคม 2567
โดยหลังผ่านการแข่งขันมาแล้วทั้งหมด 4 วัน จากการชิงชัยทองทั้งหมด 57 เหรียญ บรรดาประเทศผู้นำในตารางคะแนนเหรียญ ยังไม่ทิ้งห่างกันมากนัก
สรุปเหรียญโอลิมปิก 2024 ล่าสุด วันพุธที่ 31 กรกฏามคม 2567
อันดับที่ 1 : ญี่ปุ่น ทำไป 7 เหรียญทอง, 2 เหรียญเงิน, 4 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 2 : จีน ทำไป 6 เหรียญทอง, 6 เหรียญเงิน, 2 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 3 : ออสเตรเลีย ทำไป 6 เหรียญทอง, 4 เหรียญเงิน, 1 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 4 : ฝรั่งเศส เจ้าภาพ ทำไป 5 เหรียญทอง, 9 เหรียญเงิน, 4 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 5 : เกาหลีใต้ ทำไป 5 เหรียญทอง, 3 เหรียญเงิน, 3 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 6 : สหรัฐอเมริกา ทำไป 4 เหรียญทอง, 11 เหรียญเงิน, 11 เหรียญทองแดง
ส่วน ไทย ยังต้องรอคอยเหรียญแรกจากการแข่งขันในโอลิมปิกหนนี้ หลังยังเหลือการแข่งขันอีก 12 วัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ไวรัส RSV กับ ไข้หวัด อาการต่างกันอย่างไร
อาการติดเชื้อไวรัส RSV มีอาการคล้ายกับโรคไข้หวัดธรรมดามาก แต่หากเป็น RSV แล้วไม่รีบรักษา อาจมีอาการหนักได้ โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก
เชื้อไวรัส RSV พบการติดเชื้อได้ในเด็กเล็กค่อนข้างบ่อยกว่าในผู้ใหญ่ หากไม่สังเกตอาการให้ดี พ่อแม่อาจคิดว่าเป็นโรคไข้หวัดธรรมดา และอาจไม่ได้ให้เด็กเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี จนทำให้มีอาการหนักขึ้นได้ ดังนั้นการสังเกตอาการและความแตกต่างระหว่างการติดเชื้อ RSV และไข้หวัดธรรมดาจึงเป็นเรื่องสำคัญ
เชื้อ RSV คืออะไร
RSV คือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus: RSV) เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางตา จมูก ปาก และจากการสูดหายใจเอาเชื้อที่อยู่ในอากาศในรูปละอองฝอยจากการไอ จามของผู้ป่วย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะแสดงอาการหลังสัมผัสถูกเชื้อไวรัสในระยะเวลา 4-6 วัน และเมื่อป่วยจะสามารถแพร่กระจายเชื้อได้นาน 3-8 วัน
กลุ่มเสี่ยงเชื้อ RSV
กลุ่มเสี่ยงเชื้อ RSV มักเป็นเด็กเล็ก ผู้ป่วยโรคหอบหืด ผู้ป่วยที่กำลังรับประทานยาลดภูมิคุ้มกัน รวมไปถึงผู้สูงอายุ
อาการของการติดเชื้อ RSV กับ ไข้หวัดธรรมดา แตกต่างกันอย่างไร
ดร.นพ.นพพร อภิวัฒนากุล ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า อาการของผู้ป่วยเมื่อติดเชื้อ RSV มีความใกล้เคียงกับอาการของโรคไข้หวัดธรรมดาค่อนข้างมาก เช่น มีไข้ ตัวร้อน ไอ จาม แต่สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ RSV จะมีอาการเพิ่มเติมที่สามารถสังเกตได้ ดังนี้
- ตัวเขียว
- ไอหนักกว่าปกติ
- หอบเหนื่อย
- หายใจเร็ว หรือหายใจแรง จนหน้าอกบุ๋ม
- มีเสมหะมาก
- เด็กมีอาการซึมลง กินน้อยลง หรืออารมณ์ไม่ดีผิดปกติ
ดังนั้น หากพบว่าเด็กมีอาการดังกล่าว ควรพาเด็กไปพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการตรวจรักษาโดยละเอียด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจมีโอกาสติดเชื้อแบคทีเรียจนอาจผลให้เสียชีวิตได้
วิธีป้องกันการติดเชื้อ RSV
เบื้องต้นสามารถป้องกันการติดเชื้อ RSV ได้เหมือนกับการป้องกันจากโรคไข้หวัดปกติ แต่สิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ได้แก่
- ล้างมือบ่อยๆ ทั้งเด็ก พ่อแม่ และผู้ดูแล และสอนให้เด็กล้างมืออย่างถูกวิธี
- หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในที่แออัด หรือที่ที่มีเด็กรวมอยู่กันเป็นจำนวนมาก
- หากเด็กมีอาการคล้ายไข้หวัด ควรงดพาเด็กออกนอกบ้าน เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อไวรัส
- สอนให้เด็กใส่หน้ากากอนามัย (ในวัยที่ใส่ได้) ทุกครั้งที่มีอาการคล้ายไข้หวัด ไอ จาม
- หากมีเด็กอยู่ร่วมกันมากกว่า 1 คน เช่น พี่น้อง ควรแยกกันเพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อด้วยกันทั้งคู่
- ทำความสะอาดบ้าน สิ่งของ เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น และของใช้ส่วนตัวของเด็กบ่อยๆ
- ดื่มน้ำมากๆ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
มารู้จักวิธีใช้ ตัวเลข ภาษาอังกฤษ ที่ถูกต้องกัน
สำหรับใครก็ตามที่คิดว่า การใช้ ตัวเลข ภาษาอังกฤษ เป็นเรื่องที่ไม่ยากและซ้ำซ้อน อย่างไรก็ตามหากพลาดจุดนี้ไปก็อาจก่อให้เกิดการสื่อสารที่ผิดพลาดได้โดยง่าย เพราะการใช้ตัวเลขในภาษาอังกฤษนั้นมีความหลากหลายมากกว่าที่คิด ดังนั้นในวันนี้เราจึงอยากมาแบ่งปันและชวนให้ทุกคนมารู้จักวิธีใช้ตัวเลขภาษาอังกฤษที่ถูกต้องกันแบบเข้าใจง่าย เพื่อให้ทุกคนได้ใช้ตัวเลขภาษาอังกฤษแบบมือโปรไปอีกขั้น
ตัวเลข ภาษาอังกฤษ แบบบอกจำนวน (Number)
สำหรับหัวข้อแรกเราจะมาพูดถึงตัวเลขภาษาอังกฤษแบบบอกจำนวนกันก่อน เพราะจะเป็นตัวเลขที่เราพบบ่อยมากที่สุดในหมวดหมู่ที่พูดมา โดยจะนำไปใช้เพื่อบอกจำนวนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการบอกถึงอายุ จำนวนสิ่งของ จำนวนเงิน และอื่น ๆ อีกมายมาก ทั้งแบบตัวอักษรและตัวเลข โดยเราสามารถนำไปใช้ได้ตามตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวเลขบอกจำนวนอายุ หรือ ปี
- This camp is for children age 6 through 12.
แคมป์นี้มีไว้สำหรับเด็ก ๆ ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ถึง 12 ปี
- The world’s oldest tortoise is 190 years old.
เต่าที่แก่ที่สุดในโลกมีอายุมากถึง 190 ปี
- I celebrated my twenty-two-party birthday at home.
ฉันได้ฉลองปาร์ตี้วันเกิดครบรอบ 22 ปีที่บ้าน
- The driver faces up to four years in jail and a 40,000 baht fine.
คนขับต้องติดคุกนานถึง 4 ปีและจ่ายค่าปรับอีก 40,000 บาท
โดยเราสามารถดูลำดับและการสะกดตัวเลขได้จากตารางนี้
นับเลขภาษาอังกฤษ 1-100 ต่อไปนี้เป็นการเขียนตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษ 1-100 ตามลำดับและการอ่านออกเสียงตัวเลขภาษาอังกฤษ
ตัวเลข | เขียนตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษ | ตัวเลขภาษาไทย | |
1 | one | หนึ่ง | |
2 | two | สอง | |
3 | three | สาม | |
4 | four | สี่ | |
5 | five | ห้า | |
6 | six | หก | |
7 | seven | เจ็ด | |
8 | eight | แปด | |
9 | nine | เก้า | |
10 | ten | สิบ | |
11 | eleven | สิบเอ็ด | |
12 | twelve | สิบสอง | |
13 | thirteen | สิบสาม | |
14 | fourteen | สิบสี่ | |
15 | fifteen | สิบห้า | |
16 | sixteen | สิบหก | |
17 | seventeen | สิบเจ็ด | |
18 | eighteen | สิบแปด | |
19 | nineteen | สิบเก้า | |
20 | twenty | ยี่สิบ | |
21 | twenty-one | ยี่สิบเอ็ด | |
22 | twenty-two | ยี่สิบสอง | |
23 | twenty-three | ยี่สิบสาม | |
24 | twenty-four | ยี่สิบสี่ | |
25 | twenty-five | ยี่สิบห้า | |
26 | twenty-six | ยี่สิบหก | |
27 | twenty-seven | ยี่สิบเจ็ด | |
28 | twenty-eight | ยี่สิบแปด | |
29 | twenty-nine | ยี่สิบเก้า | |
30 | thirty | สามสิบ | |
ถึง … | |||
100 | one hundred | หนึ่งร้อย | |
หลังจากที่ได้อ่านและรู้ถึงจำนวนตัวเลขในภาษาอังกฤษกันแล้ว ต่อไปเราจะมาดูกันว่า จำนวนสิ่งของในภาษาอังกฤษสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในประโยคได้อย่างไรบ้าง
ตัวเลขบอกจำนวนสิ่งของและจำนวนครั้ง
- There are two books on the table. Just take them!
มีหนังสือ 2 เล่มอยู่บนโต๊ะ เอาไปสิ!
- Tens of thousands of the maids lost their jobs because of new technologies.
แม่บ้านหลายหมื่นคนตกงานเพราะเทคโนโลยีใหม่เข้ามา
- It would be so cool if I could speak more than five languages!
มันคงจะเท่มากเลยนะ ถ้าฉันพูดได้มากกว่าห้าภาษาน่ะ
- I have told myself that a hundred times that I should not fight with my mom.
ฉันบอกตัวเองเป็นร้อยครั้งแล้วว่า ฉันไม่ควรทะเลาะกับแม่
ตัวเลขบอกจำนวนเงิน
- The current balance was over five hundred dollars.
ยอดคงเหลือปัจจุบันมันเคยมีมากกว่าห้าร้อยดอลลาร์อีกนะ
- I was charged 200 baht for taxi fee.
ฉันโดนคิดเงิน 200 บาทเป็นค่าแท็กซี่
- Here’s your change, 200 Thank you for using our service.
นี่เงินทอนของคุณครับ 200 บาท ขอบคุณที่มาใช้บริการของเรา
- She rents the house for 6,000 baht per month.
เธอจ่ายค่าเช่าบ้านราว 6,000 บาทต่อเดือน
ตัวเลข ภาษาอังกฤษ แบบบอกลำดับ (Ordinal Numbers)
ตัวเลขภาษาอังกฤษแบบบอกลำดับจะถูกใช้ในการพูดถึงลำดับโดยตรง รวมถึงวันที่และตำแหน่งต่าง ๆ โดยมีการเรียงลำดับตัวเลขดังต่อไปนี้
ลำดับที่ภาษาไทย | เลขลำดับที่ (ตัวย่อ) | ลำดับที่ภาษาอังกฤษ |
ลำดับที่ 1 | 1st | first |
ลำดับที่ 2 | 2nd | second |
ลำดับที่ 3 | 3rd | third |
ลำดับที่ 4 | 4th | fourth |
ลำดับที่ 5 | 5th | fifth |
ลำดับที่ 6 | 6th | sixth |
ลำดับที่ 7 | 7th | seventh |
ลำดับที่ 8 | 8th | eighth |
ลำดับที่ 9 | 9th | ninth |
ลำดับที่ 10 | 10th | tenth |
ลำดับที่ 11 | 11th | eleventh |
ลำดับที่ 12 | 12th | twelfth |
ลำดับที่ 13 | 13th | thirteenth |
ลำดับที่ 14 | 14th | fourteenth |
ลำดับที่ 15 | 15th | fifteenth |
ลำดับที่ 16 | 16th | sixteenth |
ลำดับที่ 17 | 17th | seventeenth |
ลำดับที่ 18 | 18th | eighteenth |
ลำดับที่ 19 | 19th | nineteenth |
ลำดับที่ 20 | 20th | twentieth |
ลำดับที่ 21 | 21st | twenty first |
ลำดับที่ 22 | 22nd | twenty second |
ลำดับที่ 23 | 23rd | twenty third |
ลำดับที่ 24 | 24th | twenty fourth |
ลำดับที่ 25 | 25th | twenty fifth |
ลำดับที่ 26 | 26th | twenty sixth |
ลำดับที่ 27 | 27th | twenty seventh |
ลำดับที่ 28 | 28th | twenty eighth |
ลำดับที่ 29 | 29th | twenty ninth |
ลำดับที่ 30 | 30th | thirtieth |
ตัวเลขนอกเหนือจากนี้ เลขหลักหน่วยจะสะกดเหมือนกันเสมอ มาดูตัวอย่างกันว่า ตัวเลข ภาษาอังกฤษ แบบบอกลำดับ จะถูกนำไปใช้อย่างไรกันบ้าง
นำไปใช้กับวันที่
- The project has a completion date of December 22nd.
โปรเจกต์จะเสร็จสิ้นวันที่ 22 ธันวาคม
- The company meeting’s is on the 1st of June 2024.
งานประชุมบริษัทคือวันที่ 1 มิถุนายน 2024
นำไปใช้กับลำดับของอย่างใดอย่างหนึ่ง
- The 20th century was considered as a change and new beginnings.
ศตวรรษที่ 20 ถูกพิจารณาว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงและการเริ่มต้นใหม่หลาย ๆ อย่าง
- A third to a half of the population are introverts.
หนึ่งในสามถึงครึ่งหนึ่งของประชากรเป็นคนประเภทเก็บตัว
นำไปใช้บอกลำดับของตำแหน่ง
- He is the third children of this family.
เขาเป็นลูกคนที่สามของครอบครัวนี้
- Your room is upstairs, the second from the left.
ห้องของเธออยู่ด้านบน ห้องที่สองจากทางซ้ายมือ
การใช้ ตัวเลข ภาษาอังกฤษ ในวันที่และเวลา
สำหรับวันที่ เราได้ลงรายละเอียดไว้ด้านบนแล้ว โดยเราจะเน้นตัวเขียนตัวเลขก่อนและตามด้วย 2 ตัวอักษรท้ายสุดของวันที่นั้น ๆ มีหรือไม่มีก็ได้เช่นกัน จากนั้นตามด้วยเดือนและปี หรือขึ้นต้น โดยมีทั้งการเขียนแบบอังกฤษและอเมริกา หากเป็นอเมริกันจะเริ่มต้นด้วยเดือน , วันและปี
แบบอังกฤษ
- 24 December 1988
- 14 April 2017
- 2nd September 2013
- 21st March 1992
แบบอเมริกัน
- January 14, 2011
- September 5, 2021
- June 20th, 2024
- December 13th, 2022
สำหรับเวลาในภาษาอังกฤษ
สำหรับเวลาเราสามารถใช้ได้ทั้งแบบ AM (ช่วงเช้า เริ่มนับเวลาตั้งแต่เที่ยงคืน 24.00 น. ถึงก่อนเที่ยงวัน 11.59 น.) และ PM (ช่วงบ่าย นับตั้งแต่ 12.00 น. ถึงก่อนเที่ยงคืน 23.59 น.) ที่จะมีเพียงตัวเลข 00.00-11.00 เท่านั้น แต่ถ้าเราใช้แบบ 24 ชั่วโมง เราสามารถเขียนตัวเลขนั้น ๆ ได้เลยและตามด้วย hrs. = ชั่วโมง หรือ o’clock = นาฬิกา โดยไม่มีนาที เพื่อทำความเข้าใจกันมากขึ้น มาดูตัวอย่างประโยคไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ยังรวมถึงนาทีอีกด้วยที่เราสามารถใช้ตัวเลขและตามด้วย minutes (นาที) และ seconds (วินาที) ได้เลย
- My sister woke up at 01.30 a.m. because of the nightmare.
น้องสาวของฉันตื่นขึ้นมาตอนตีหนึ่งครึ่งเพราะฝันร้าย
- The students need to go to the next class before 02.00 p.
นักเรียนจะต้องเข้าเรียนคลาสต่อไปก่อนเวลาบ่ายสองโมง
- The gates are locked at ten o’clock. You should be hurry!
ประตูรั้วจะปิดตอน 10 นาฬิกา เธอต้องรีบกันแล้วนะ!
- Yesterday, the sun rose at 7 o’clock.
เมื่อวานนี้ พระอาทิตย์ขึ้นตอน 7 นาฬิกา
การใช้ตัวเลขภาษาอังกฤษในประโยค
- That cat has five kittens and we decided to adopt them.
แมวตัวนั้นมีลูกแมวถึง 5 ตัวและเราก็ตัดสินใจเอาพวกมันมาเลี้ยง
- My son is already five-year-old now.
ตอนนี้ลูกชายของผม 5 ขวบแล้ว
- She is the fifth on the list. Not bad!
ในรายชื่อเธออยู่ลำดับที่ 5 นะ ไม่เลวเลย!
- For climate changes, it’s happened hundreds of times.
สำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง มันเกิดขึ้นหลายร้อยครั้งแล้วล่ะ
- I usually go to sleep at 10:00 p.m. because I need to go to school.
ฉันมักจะหลับตอน 4 ทุ่มเสมอ เพราะว่าฉันต้องไปโรงเรียน
- Today is the 13th of April, and our dad’s birthday.
วันนี้เป็นวันที่ 13 เมษายนและเป็นวันเกิดพ่อของพวกเรา
- She needs to complete her assignment before 10 o’clock.
เธอจำเป็นต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จสิ้นก่อนเวลา 10 นาฬิกา
- Is it possible to make 500 dollars per day?
มันเป็นไปได้หรือที่หาเงินได้มากถึง 500 ดอลลาร์ต่อวัน
- It takes over 30 minutes to go there by driving.
ใช้เวลากว่า 30 นาทีเพื่อไปที่นั่นด้วยรถยนต์
- I have visited a total of eleven countries.
ฉันเคยไปท่องเที่ยวทั้งหมด 11 ประเทศแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
‘NVIDIA’ เปิดตัว ‘Generative AI’ ยกระดับการพัฒนาหุ่นยนต์และ AI
“NVIDIA” เปิดตัวโมเดล “Generative AI” และไมโครเซอร์วิส NIM สำหรับ OpenUSD, เรขาคณิต, ฟิสิกส์ และวัสดุ บริการใหม่ช่วยเร่งเวิร์กโฟลว์ของ Universal Scene Description สำหรับการพัฒนา Digital Twins และวิทยาการหุ่นยนต์ทางอุตสาหกรรม
เป็นความก้าวหน้าครึ่งสำคัญอีกครั้งของวงการเทคโนโลยีและแวดวง AI เมื่อ NVIDIA ประกาศเกี่ยวกับ Universal Scene Description หรือ OpenUSD ซึ่งเป็นการขยายเฟรมเวิร์กการแลกเปลี่ยนข้อมูล Universal 3D ไปใช้กับหุ่นยนต์ การออกแบบอุตสาหกรรมและวิศวกรรม และเร่งความสามารถของนักพัฒนาในการสร้างโลกเสมือนจริงที่มีความแม่นยำสูงสำหรับวิวัฒนาการครั้งต่อไปของ AI
“OpenUSD” ใหม่ ใช้งานผ่าน Generative AI และเฟรมเวิร์กการพัฒนาที่เร่งความเร็วด้วย NVIDIA ซึ่งอยู่บนแพลตฟอร์ม NVIDIA Omniverse™ ขณะนี้อุตสาหกรรมต่างๆ จำนวนมากสามารถพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อแสดงภาพการออกแบบอุตสาหกรรมและโครงการทางวิศวกรรม สำหรับการจำลองสภาพแวดล้อมเพื่อสร้างคลื่นลูกต่อไปของ AI ที่มีร่างกาย และหุ่นยนต์
ไมโครเซอร์วิส NVIDIA NIM™ สำหรับโมเดล AI ที่ใช้สร้างภาษา OpenUSD เพื่อตอบคำถามของผู้ใช้ สร้างโค้ด OpenUSD Python ใช้วัสดุกับวัตถุ 3 มิติ และทำความเข้าใจพื้นที่ 3 มิติ และฟิสิกส์ เพื่อช่วยเร่งการพัฒนาฝาแฝดดิจิทัล นอกจากนี้ ตัวเชื่อมต่อ USD ใหม่ กับรูปแบบข้อมูลหุ่นยนต์และการจำลองทางอุตสาหกรรม และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนายังช่วยให้ผู้ใช้สตรีมชุดข้อมูล NVIDIA RTX™ ray traced เต็มรูปแบบไปยัง Apple Vision Pro
เรฟ เลบาเรเดียน รองประธานฝ่าย Omniverse และเทคโนโลยีการจำลองของ NVIDIA กล่าวว่า “ความรุ่งเรืองของ AI สำหรับอุตสาหกรรมหนักมาถึงแล้ว ด้วยการปรับปรุงและการเข้าถึงไมโครเซอร์วิสของ NVIDIA NIM ที่นำมาสู่ OpenUSD อุตสาหกรรมทุกประเภทสามารถสร้างโลกเสมือนจริงและฝาแฝดดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม พร้อมเตรียมพร้อมสำหรับคลื่นลูกใหม่ของ AI สำหรับวิทยาการหุ่นยนต์”
Generative AI ที่ใช้งานกับ USD ขับเคลื่อนด้วย NVIDIA NIM
โมเดล Generative AI แรกของโลกสำหรับการพัฒนา “OpenUSD” ที่พัฒนาโดย “NVIDIA” จะวางจำหน่ายในรูปแบบ ไมโครเซอร์วิส NVIDIA NIM โมเดลดังกล่าวช่วยให้นักพัฒนาสามารถรวม copilots และ AI agents ทั่วไปเข้ากับเวิร์กโฟลว์ USD ขยายความเป็นไปได้ในโลก 3 มิติ และช่วยเร่งการนำ USD มาใช้ในขอบเขตใหม่ของภาคอุตสาหกรรม เช่น การผลิต ยานยนต์ และหุ่นยนต์
ไมโครเซอร์วิสที่พร้อมแสดงตัวอย่าง ได้แก่:
USD Code NIM – ตอบคำถามความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ OpenUSD และสร้างโค้ด OpenUSD-Python โดยอัตโนมัติตามข้อความแจ้งที่ป้อนลงในแอปสำหรับการดู OpenUSD เช่น USDView จาก Pixar หรือแอปพลิเคชันที่ใช้ NVIDIA Omniverse Kit เพื่อแสดงภาพข้อมูล 3D ที่เกี่ยวข้อง
USD Search NIM – ช่วยให้นักพัฒนาค้นหาไลบรารีขนาดใหญ่ของ OpenUSD, 3D และข้อมูลรูปภาพโดยใช้ภาษาธรรมชาติหรืออินพุตรูปภาพได้
USD Validate NIM – ตรวจสอบความเข้ากันได้ของไฟล์ที่อัปโหลดกับเวอร์ชันที่เผยแพร่ของ OpenUSD และสร้างรูปภาพที่เรนเดอร์ด้วย RTX อย่างสมบูรณ์ และ path-traced image ซึ่งขับเคลื่อนโดย NVIDIA Omniverse Cloud API
ไมโครเซอร์วิส NIM ที่เพิ่งประกาศใหม่ซึ่งจะพร้อมใช้งานเร็วๆ นี้ ได้แก่:
USD Layout NIM – ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมฉากที่ใช้ OpenUSD จากด้วยพร้อมท์ข้อความที่อยู่บนพื้นฐานของ spatial intelligence
USD SmartMaterial NIM – ทำนายและใช้วัสดุที่เหมือนจริงกับวัตถุการออกแบบที่ใช้ซอฟต์แวร์ CAD (Computer-Aided Design) ต่างๆ
fVDB Mesh Generation NIM – สร้าง mesh ที่ใช้ OpenUSD เรนเดอร์โดย Omniverse Cloud API จากข้อมูลพอยต์คลาวด์
fVDB Physics Super-Res NIM – ดำเนินการ AI SuperResolution บนเฟรมหรือลำดับของเฟรมเพื่อสร้างการจำลองฟิสิกส์ที่มีความละเอียดสูงตาม OpenUSD
fVDB NeRF-XL NIM – ช่วยสร้างโมเดล 3D ขนาดใหญ่จากภาพ 2D หลายๆ ภาพใน OpenUSD โดยใช้ Omniverse Cloud APIs
Foxconn ผู้นำด้านการผลิตระดับโลกที่มีโรงงานมากกว่า 170 แห่งทั่วโลก ได้รับประโยชน์จากแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ของ NVIDIA โดยใช้ไมโครเซอร์วิส NIM และ Omniverse เพื่อสร้างฝาแฝดทางดิจิทัลของโรงงานที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
“ฝาแฝดทางดิจิทัลจะช่วยให้เราเร่งการผลิตในระลอกต่อไปของอุตสาหกรรมการผลิตและเครื่องจักรอัตโนมัติ” Dr. Zhe Shi หัวหน้าฝ่ายดิจิทัลของ Foxconn และหัวหน้าแพลตฟอร์มการผลิตอัจฉริยะกล่าว “NVIDIA Omniverse และไมโครเซอร์วิส NIM ใหม่ จะทำให้การพัฒนาฝาแฝดทางดิจิทัลเป็นไปในวงกว้างมากขึ้น และช่วยให้ทีมงานของเราสร้างโรงงานเสมือนจริงบนพื้นฐานกายภาพได้เร็วกว่าที่เคย”
WPP ผู้นำระดับโลกด้านบริษัทด้านการตลาดและบริการการสื่อสาร เป็นผู้บุกเบิกไมโครเซอร์วิส NIM ของ USD Search และ USD Code โดยนำไปใช้ในกระบวนการสร้างเนื้อหาที่เปิดใช้งานด้วย AI เชิงสร้างสรรค์ที่สร้างขึ้นบน NVIDIA Omniverse สำหรับลูกค้า เช่น บริษัท Coca-Cola
“ความงดงามของนวัตกรรมคือการที่มันเข้ากันได้กับวิธีการทำงานของเรา และมันใช้ประโยชน์จากมาตรฐานแบบเปิด ซึ่งไม่เพียงเร่งการทำงานในอนาคตเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราสามารถต่อยอดและขยายประโยชน์ของการลงทุนก่อนหน้านี้ทั้งหมดของเราในมาตรฐาน เช่น OpenUSD” Stephan Pretourius ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ WPP กล่าว “การใช้ไมโครเซอร์วิส NVIDIA NIM กับ NVIDIA Omniverse ทำให้เราสามารถเปิดตัวเครื่องมือการผลิตที่เป็นนวัตกรรมใหม่ร่วมกับบริษัทต่างๆ เช่นบริษัท Coca-Cola ได้รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”
USD Connector นำ Generative AI มาสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ
USD Connector ใหม่สำหรับรูปแบบข้อมูลหุ่นยนต์และการสตรีมข้อมูลไปยัง Apple Vision Pro เปิดประตูสู่การทำงานร่วมกันของ OpenUSD และการเขียนขั้นสูงไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น
NVIDIA และ ซีเมนส์ ผู้นำระดับโลกในด้านระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรมและซอฟต์แวร์ กำลังขยายขอบเขตการทำงานร่วมกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับปริมาณงานทางอุตสาหกรรมมากขึ้นโดยใช้ OpenUSD ซีเมนส์จะไปป์ไลน์ OpenUSD เข้ากับพอร์ตโฟลิโอเทคโนโลยีการจำลอง Simcenter เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจตามหลักฐานเชิงประจักษ์และการทำงานร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก
การบูรณาการนี้ช่วยให้สามารถแสดงภาพข้อมูลการจำลองที่ซับซ้อนได้แบบเรียลไทม์และมีความเที่ยงตรงสูง โดยให้ข้อมูลเชิงลึกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ภายในสภาพแวดล้อมการทำงานในโลกแห่งความเป็นจริง งานนี้จะต่อยอดความพยายามของซีเมนส์ในการรวม Omniverse เข้ากับพอร์ตโฟลิโอการจัดการวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ Teamcenter
NVIDIA ยังได้เปิดตัวตัวเชื่อมต่อจาก Unified Robotics Description Format เป็น OpenUSD ช่วยให้นักวิทยาการหุ่นยนต์สามารถนำข้อมูลหุ่นยนต์ของตนข้ามแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างราบรื่น รวมถึงสำหรับการออกแบบ การจำลอง และ Reinforcement Learning เพื่อก้าวต่อไปของระบบนิเวศ OpenUSD ทาง NVIDIA ได้ประกาศชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ OpenUSD Exchange ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างตัวเชื่อมต่อข้อมูล OpenUSD ที่แข็งแกร่งของตนเองได้
เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาและ API ใหม่เพื่อสตรีมฉาก OpenUSD ขนาดใหญ่จากแอปพลิเคชันที่สร้างบนแพลตฟอร์ม Omniverse ไปจนถึง Apple Vision Pro ผ่านทาง เครือข่ายการจัดส่งกราฟิก NVIDIA มีจำหน่ายแล้ว ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูล
“OpenUSD กำลังปฏิวัติวิธีที่เราสร้างและโต้ตอบกับเนื้อหา 3 มิติ” Steve May ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Pixar และประธาน Alliance for OpenUSD (AOUSD) กล่าว “ขณะนี้ ด้วยบริการและ API ใหม่เหล่านี้สำหรับ OpenUSD ที่สร้างโดย NVIDIA เราคาดว่าจะเห็นการเติบโตที่รวดเร็วและการยอมรับ USD ซึ่งปูทางให้ผู้ใช้และอุตสาหกรรมใหม่ๆ มีส่วนร่วมกับระบบนิเวศของเราได้ง่ายขึ้น”
โมเมนตัมระบบนิเวศ OpenUSD
เมื่อปีที่แล้ว NVIDIA ได้ร่วมก่อตั้ง AOUSD ร่วมกับ Pixar, Adobe, Apple และ Autodesk โดยตอนนี้ทาง AOUSD, NVIDIA และผู้ร่วมมือรายอื่นๆ ได้ประกาศเปิดตัว OpenUSD ใหม่ ใหม่ ความคืบหน้าของข้อกำหนดหลักของ OpenUSD และสมาชิกรายใหม่
ความพร้อมใช้งาน
ไมโครเซอร์วิส USD Search, USD Code และ USD Validate NIM มีให้ดูตัวอย่างบน NVIDIA API catalog – ขณะนี้มีตัวเชื่อมต่อ OpenUSD to URD พร้อมให้ใช้งานแล้วบน NVIDIA Isaac Sim™
นักพัฒนาสามารถเริ่มต้นและบูรณาการ Generative AI เข้ากับเวิร์กโฟลว์ OpenUSD เข้ากับเครื่องมือพัฒนา Omniverse ใหม่ และขั้นตอนการทำงานอ้างอิงสำหรับสร้างไปป์ไลน์ข้อมูลสังเคราะห์ที่เปิดใช้งาน AI ด้วย OpenUSD เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Generative AI ล่าสุดและการประมวลผลแบบเร่งความเร็วโดย รับฟังการสนทนาอย่างเป็นกันเองของ Jensen Huang, CEO และผู้ก่อตั้ง NVIDIA ที่ SIGGRAPH การประชุมคอมพิวเตอร์กราฟิกชั้นนำ ซึ่งจะจัดขึ้นจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม ที่เมืองเดนเวอร์
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
รู้จัก “อาร์ติโชค” ราชาผักโปรตีนสูง ช่วยดูแลตับ ลดเสี่ยงมะเร็ง
ก้าวเข้าสู่วัยกลางคน หลายคนเริ่มห่วงใยสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของน้ำตาล ไขมัไม่ดีในเลือด ฯลฯ “อาร์ติโชค” ผักที่มีรูปร่างแปลกตา อาจเป็นคำตอบที่กำลังมองหา เพราะนอกจากรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว อาร์ติโชคยังอัดแน่นไปด้วยสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการ โดยเฉพาะเป็นผักที่มีโปรตีนสูง ซึ่งมีประโยชน์ต่อการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรงมาไขข้อข้องใจไปพร้อมกันว่า อาร์ติโชคจะช่วยดูแลสุขภาพของคุณได้อย่างไรบ้าง
อาร์ติโชคคืออะไร
อาร์ติโชคเป็นผักชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็นมากมาย เช่น วิตามินซี วิตามินเอ และธาตุเหล็ก นอกจากนี้ยังมีโพแทสเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย นอกจากจะมีสารอาหารครบถ้วนแล้ว อาร์ติโชคยังมีโปรตีนสูงกว่าผักชนิดอื่นๆ โดยมีปริมาณ 3.5 กรัมต่อหน่วยบริโภค ดังนั้นการบริโภคอาร์ติโชคเป็นประจำนอกจากจะได้รับโปรตีนแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจอีกด้วย ทำให้อาร์ติโชคเป็นอาหารที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพและเพิ่มปริมาณโปรตีนจากพืชในอาหาร
ประโยชน์ด้านสุขภาพของอาร์ติโชค
1.อุดมไปด้วยใยอาหารถึง 7 กรัม ซึ่งคิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของปริมาณใยอาหารที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ใยอาหารชนิดนี้มีส่วนช่วยให้อิ่มนานหลังรับประทานอาหาร ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอล และยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็งอีกด้วย
2.อุดมไปด้วยวิตามินเค ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อมีแผล และยังช่วยซ่อมแซมบาดแผลได้อีกด้วย ถ้าไม่อยากให้กระดูกเปราะเมื่ออายุมากขึ้น อย่าลืมทานอาหารที่มีวิตามินเคบ่อยๆ นะคะ โดยเฉพาะคุณผู้หญิง การขาดวิตามินเคอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดกระดูกหักได้
3.อัดแน่นไปด้วยโฟเลต ซึ่งเป็นวิตามินบีที่มีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพสมอง จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Frontiers in Neuroscience พบว่า ผู้ที่ได้รับโฟเลตเพียงพอจากอาหารมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์น้อยลง แม้ว่าจะมีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้มากมาย นักวิจัยเชื่อว่า โฟเลตอาจช่วยลดความเครียดออกซิเดทีฟ และยับยั้งการก่อตัวของแผ่นใยโปรตีนผิดปกติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์
นอกจากนี้โฟเลตยังช่วยให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง นับเป็นสารอาหารสำคัญในการป้องกันโรคโลหิตจาง และลดความเสี่ยงต่อความผิดปกติแต่กำเนิดบางอย่าง เช่น ความผิดปกติของไขสันหลัง กะโหลกศีรษะ และสมอง ในระหว่างตั้งครรภ์
4.แหล่งแมกนีเซียมชั้นเยี่ยม อาร์ติโชคขนาดกลางเพียง 1 หัว ให้แมกนีเซียมถึงหนึ่งในสี่ของปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต เสริมสร้างกระดูก สร้างโปรตีน และยังช่วยให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.อุดมไปด้วยโพแทสเซียม โดยอาร์ติโชคมีปริมาณโพแทสเซียมใกล้เคียงกับกล้วยหอมขนาดกลางเลยทีเดียว เช่นเดียวกับแมกนีเซียม โพแทสเซียมมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของกระดูกและไต และยังช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกายอีกด้วย การได้รับโพแทสเซียมในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายขับโซเดียมส่วนเกินออกทางปัสสาวะ ซึ่งส่งผลดีต่อการควบคุมความดันโลหิต
6.ให้ฟอสฟอรัสประมาณ 9% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน ฟอสฟอรัสเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายใช้และเก็บพลังงาน สร้างกระดูกและฟัน และช่วยกรองของเสียในไต
7.คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระคือสารประกอบที่พบในผักและผลไม้ ช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ทำลายเซลล์ นอกจากจะเป็นแหล่งของวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดีแล้ว อาร์ติโชคยังมีสารต้านอนุมูลอิสระเฉพาะตัวอีก 2 ชนิด ได้แก่ ซินาริน (Cynarin) และ ซิลิมาริน (Silymarin) ซินาริน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบเฉพาะในอาร์ติโชค มีประโยชน์หลายประการ เช่น ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล บำรุงตับ และลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแข็งตัวและมะเร็งบางชนิด ส่วนซิลิมารินนั้นมีการศึกษาเกี่ยวกับบทบาทในการบำรุงตับ
ทำอย่างไรจะได้รับประโยชน์จากอาร์ติโชค
การนำอาร์ติโชคทั้งหัวมาประกอบอาหารก็ไม่ยุ่งยากมากนักสามารถนำมาต้ม นึ่ง อบ ย่าง ผัด หรือทำในหม้อแรงดันได้ตามชอบ นอกจากนี้อาร์ติโชคยังเข้ากันได้ดีกับผักโขม หรือจะเพิ่มทางเลือกเพื่อสุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดอาร์ติโชคอย่างไวตาเนเจอร์พลัส ตรีผลาและสารสกัดอาร์ติโชค (Vitanature+ Triphala with Artichoke Extract) ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง
ขอบคุรข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 31/07/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 40,750.00 | 40,850.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,640.00 | 40,022.40 | 41,350.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,376.00 | 36,020.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,112.00 | 32,017.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,188.00 | 18,010.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 924.00 | 14,007.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,736.00 | 41,477.76 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 31/07/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.35 | 38.35 | 38.95 | 38.35 | 38.35 | 38.35 | 38.35 | 38.35 | 38.35 | 38.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.98 | 37.98 | 38.88 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.24 | 36.24 | 36.94 | 36.24 | 36.24 | – | 36.24 | 36.24 | 36.24 | 36.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.99 | 35.99 | – | – | – | – | – | – | – | 35.99 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 46.94 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 46.94 |
เบนซิน 95 | 46.24 | – | – | – | 49.81 | – | 46.74 | 46.39 | – | 46.24 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |