เวนคืนไฮสปีดไทย-จีนติดหล่มอัพเดทจุดไหนบ้างเช็คเลย
อัพเดท ไฮสปีดไทย-จีน หรือรถไฟไทย-จีน อ่วม!มรสุมรอบด้านข้อพิพาทผลอุทธรณ์ประมูลงาน–ปรับแบบสถานีอยุธยายังไม่รู้จบหลายสัญญาติดหล่มพรฎ.เวนคืนยักษ์รับเหมาเข้าพื้นที่ไม่ได้ขณะสัญญา4-1 บางซื่อ-ดอนเมือง รฟท.ผ่าทางตันจ้างซีพีสร้างแทนเหตุทับซ้อนไฮสปีด3สนามบิน
“เวนคืนไฮสปีดไทย-จีนหรือรถไฟไทยจีนติดหล่ม”โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงภูมิภาคระยะที่1ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา(ไฮสปีดไทย-จีน)จำนวน14สัญญาระยะทาง253กิโลเมตร(กม.)วงเงิน179,400ล้านบาทของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้เส้นทางภายในปี2569หลังกดปุ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี2562
ปมเหตุความล่าช้ามาจากการระบาดโควิด-19ต้นทุนค่าก่อสร้างผันผวนรฟท.ส่งมอบพื้นที่ล่าช้าหลายสัญญาผู้รับจ้างเข้าพื้นที่ไม่ได้ต้องรอพระราชกฤษีกา(พรฎ.) เวนคืนที่ดิน ประกาศใช้ เพราะต้องทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)ใหม่อีกรอบ จากการร้องเรียนประชาชนและแนวเส้นทางผ่านพื้นที่สำคัญของหน่วยงานราชการ
อีกทั้งเกิดข้อพิพาทระหว่างผู้รับจ้างด้วยกันขั้นตอนต้องรอศาลชี้ขาด รวมทั้งพื้นที่ทับซ้อนระหว่างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)และรถไฟไทย-จีนบริเวณสัญญา4-1ช่วงบางซื่อ-ดอนเมืองที่กระทรวงคมนาคมโดยรฟท.ต้องเข้าไปแก้ไข
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ”ว่าสำหรับความคืบหน้าปัจจุบันอยู่ระหว่างการรอลงนามสัญญากับผู้รับเหมาก่อสร้าง จำนวน 2 สัญญา ประกอบด้วย สัญญา 3-1 งานโยธา ช่วงแก่งคอย-กลางดง และช่วงปางอโศก- บันไดม้าระยะทาง 30 กม. วงเงิน 9,930 ล้านบาท โดย บมจ.อิตาเลียนไทย ดิเวล็อปเมนท์ เสนอราคาต่ำสุดที่ 9,349 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลางที่ 11,386 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างศาลปกครองพิจารณาข้อพิพาทผลอุทธรณ์ของบริษัทบีพีเอ็นพี จำกัด (นภาก่อสร้าง) หากจะลงนามสัญญาได้เมื่อไรขึ้นอยู่กับศาลฯเป็นผู้พิจารณา
ส่วนสัญญา 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.3 กม. วงเงิน 9,913 ล้านบาท โดยบมจ.อิตาเลียนไทย ดิเวล็อปเมนต์ อยู่ระหว่างหาข้อสรุปทางกฎหมายในการปรับแบบสัญญาให้สอดคล้องกับรายงานประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ช่วงผ่านสถานีอยุธยาเพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับการเป็นพื้นที่มรดกโลก คาดว่าจะลงนามสัญญาภายในต้นปี 2565 หลังจากนั้นผู้รับจ้างจะเริ่มดำเนินการเข้าพื้นที่ก่อสร้างต่อไป
ขณะที่สัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.21 กม. วงเงิน 18,000 ล้านบาท ปัจจุบัน รฟท.ได้จ้างบริษัทเอเชีย เอราวัน จำกัด (บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด) บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง เนื่องจากเป็นพื้นที่ทับซ้อนร่วมกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง–สุวรรณภูมิ–อู่ตะเภา) โดยรฟท.จะเป็นผู้จ่ายค่าชดเชยให้เอกชนตามสัญญา ซึ่งเอกชนอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการเข้าพื้นที่ก่อสร้างทำให้ไม่ต้องรอลงนามสัญญา
ด้านความคืบหน้าอีก 3 สัญญา ที่อยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้าง ประกอบด้วย สัญญา 4-2 ช่วงดอนเมือง – นวนคร ระยะทาง 21.80 กม. วงเงิน 10,570 ล้านบาท ลงนามสัญญาจ้างเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 ดำเนินการโดย บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ,สัญญา 4-4 ศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย วงเงิน 6,573 ล้านบาท ลงนามสัญญา จ้างเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564
ดำเนินการโดยบริษัท อิตาเลียน ไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ,สัญญา 4-6 ช่วงพระแก้ว – สระบุรี ระยะทาง 31.60 กม. วงเงิน 9,429 ล้านบาท ลงนามสัญญาจ้างเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 ดำเนินการโดย บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันเอกชนผู้รับจ้างอยู่ระหว่างรอพรฎ. เวนคืนที่ดินมีผลบังคับใช้เพื่อดำเนินการเข้าพื้นที่ก่อสร้าง ทำให้ยังไม่ได้ออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (NTP)
หากเอกชนดำเนินการเข้าพื้นที่ก่อสร้างก่อนพรฎ.เวนคืนที่ดินมีผลบังคับใช้ อาจจะต้องขอขยายเวลาการก่อสร้างในสัญญาออกไปอีก ส่วนอีก 1 สัญญา เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 คือ สัญญา 4-3 ช่วงนวนคร – บ้านโพ ระยะทาง 23.00 กม. วงเงิน 11,525 ล้านบาท ดำเนินการโดย กิจการร่วมค้า CNN ปริมาณงานตามแผนงาน 3.29% ผลงานสะสม 0.36% ล่าช้ากว่าแผนงาน 2.93%เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
CBRE เจาะเทรนด์อสังหาฯ ปี 2565 เมื่อ ‘โอมิครอน’เขย่าตลาด
เจาะเทรนด์อสังหาฯ ปี 2565 ตลาดคอนโดมิเนียม – สำนักงาน – ค้าปลีก – โรงแรม และพื้นที่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ จะไปทางไหน? เมื่อ “โอมิครอน” เขย่าตั้งแต่ต้นปี CBRE แนะจับตาหลายประเด็นแง่การลงทุน
28 ม.ค. 2565 – เป็นคำถามว่าทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 จะไปทางไหน ? จากการที่โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทย
ล่าสุด ซีบีอาร์อี ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก ได้เผยแนวโน้มสำคัญและปัจจัยเสี่ยงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ธุรกิจต่าง ๆ ควรจับตามองในปี 2565 ทั้งในตลาดที่พักอาศัย ตลาดพื้นที่สำนักงาน ตลาดพื้นที่ค้าปลีก ตลาดพื้นที่อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ รวมถึงตลาดโรงแรม
นางสาวรุ่งรัตน์ วีระภาคย์การุณ กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ให้ความเห็นว่า “ปี 2565 เป็นอีกหนึ่งปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวและเคลื่อนไหวในเชิงรุกมากขึ้น และเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ ลูกค้ามีการคัดเลือกอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้นรวมถึงมีความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้นด้วย ในขณะที่นักลงทุนและผู้พัฒนาโครงการจะต้องเผชิญความท้าทายในการนำเสนอสินค้าที่เหมาะสมเข้ามาสู่ตลาดที่มีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องรับรู้ถึงแนวโน้มใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อปรับกลยุทธ์และการดำเนินการให้เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง”
3 ปัจจัยความไม่แน่นอนของธุรกิจอสังหาฯไทย
นายรัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2565 อยู่ที่ 3.4% เพิ่มขึ้นจาก 0.9% จากปี 2564 โดยจะขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าและผลการดำเนินงานของภาคการส่งออกเป็นหลัก นโยบายและมาตรการของรัฐบาลต่อสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงสองไตรมาสแรกของปี 2565 จะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะเข้าสู่ปีที่ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนเริ่มแพร่กระจายแล้ว และเนื่องจากปัจจุบันยังเป็นช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอน จึงมีความเสี่ยงที่สำคัญหลายประการที่น่าจับตามองในปีนี้
ความเสี่ยงของการเกิดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่และการตอบสนองของวัคซีนต่อเชื้อไวรัสจะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจและความเชื่อมั่นของตลาด การรับมือในระดับรัฐบาลและปฏิกิริยาของผู้คนต่อสถานการณ์จะเป็นเรื่องที่สำคัญ การตัดสินใจของรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายด้านการเงิน มาตรการกระตุ้น ข้อบังคับ รวมถึงการตัดสินใจที่สำคัญอื่น ๆ จะเป็นตัวกำหนดความเคลื่อนไหวของตลาด จากการที่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ รวมถึงการหยุดชะงักของธุรกิจอื่น ๆ ในช่วงสองปีที่มีโควิด-19
ประกอบกับความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า ทำให้รายได้สุทธิของประชากรในประเทศเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างที่ไม่เคยมาก่อน รวมทั้งการฟื้นตัวของตลาดแต่ละภาคธุรกิจจะเกิดขึ้นไม่เท่ากันและจะปรับตัวในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
ตลาดที่พักอาศัย – คอนโดมิเนียม
ปีที่แล้วเป็นปีที่ซบเซาสำหรับตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางกรุงเทพมหานคร ไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่เป็นเวลาต่อเนื่องเกือบ 3 ไตรมาส ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่ความต้องการที่พักอาศัยแนวราบยังคงแข็งแกร่ง โดยเป็นผลมาจากความนิยมของผู้ซื้อเพื่ออยู่เองที่เปลี่ยนไปสู่ที่พักอาศัยที่มีความหนาแน่นต่ำ มีพื้นที่ใหญ่ขึ้น และยืดหยุ่นมากขึ้นในปีนี้ ผู้พัฒนาโครงการจะพิจารณาเรื่องการเปิดโครงการใหม่อย่างรอบคอบ ซึ่งต้องมุ่งเน้นไปที่การตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้ซื้อในประเทศ เนื่องจากผู้ซื้อเพื่อเก็งกำไรนั้นหายไปจากตลาด
ซีบีอาร์อีคาดว่าอัตราการขายในตลาดคอนโดมิเนียมจะยังคงชะลอตัว เนื่องจากผู้ซื้อที่เป็นผู้พักอาศัยเองมักจะใช้เวลาในการตัดสินใจและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนมากกว่าสำหรับตลาดที่มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง เช่น โครงการใกล้มหาวิทยาลัยหรือโครงการที่มีเครือโรงแรมบริหาร (Branded Residence) จะยังคงมีผลการดำเนินการที่ดีต่อไป ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและนโยบายอื่น ๆ ที่มาช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่ความสามารถในการซื้อยังคงเป็นปัจจัยสำคัญและผู้ซื้อยังคงมองหาข้อเสนอที่ดีที่สุด เนื่องจากผู้ซื้อมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้นถึงสถานการณ์ที่ผู้พัฒนาโครงการเผชิญอยู่
นางสาวอาทิตยา เกษมลาวรรณ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า “ปีนี้ความต้องการจากผู้ซื้อที่ซื้อเพื่อพักอาศัยเองจะมีความซับซ้อนมากขึ้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องใช้กุลยทธ์เชิงรุกมากขึ้นเพื่อขายยูนิตที่ยังคงเหลือ ขณะเดียวกันยังต้องสร้างจุดขายที่แตกต่างให้กับตัวโครงการอีกด้วย โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ซื้อที่ซื้อเพื่อพักอาศัยเอง ที่เปลี่ยนแปลงไป เทรนด์ที่พักอาศัยจะเน้นไปที่พื้นที่ขนาดใหญ่และฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้องกับความต้องการที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดโควิด-19 อาทิ ห้องอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว พื้นที่สีเขียวหรือเปิดโล่ง การมีสุขภาพที่ดี และเทคโนโลยี”
“สำหรับตลาดรีเซลล์หรือตลาดที่พักอาศัยมือสอง สถานการณ์โควิด-19 กลับมีผลดีบางประการในแง่ของการทำให้มีการปล่อยยูนิตที่หายากออกมาเสนอขาย ซึ่งยูนิตเหล่านี้จะหาซื้อไม่ได้ในช่วงเวลาที่สภาพตลาดเป็นปกติ ขณะเดียวกันความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งมีสาเหตุจากหลายปัจจัย เช่น การมอบความสะดวกสบายให้แก่ลูกหลาน และการเติมเต็มในการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ซื้อชาวไทยที่ไม่มีภาระทางการเงินตัดสินใจขยายพอร์ตการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของตนให้กว้างขึ้น” นางสาวปพิณริยา พึ่งเขื่อนขันธ์ หัวหน้าแผนกซื้อขายที่พักอาศัยรายย่อย กล่าวเสริม
สรุปเทรนด์ที่น่าจับตามองตลาดที่อยู่อาศัย
- ผู้ประกอบการหันมาตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อในประเทศที่ซื้อเพื่อพักอาศัยเอง
- ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เช่น โครงการระดับบนที่มีเครือโรงแรมมาบริหาร (Branded Residence) จะไปได้ดี
- ผู้ซื้อยังคงมองหาข้อเสนอที่ดีที่สุดเนื่องจากยังคงมีแรงกดดันในเรื่องกำลังซื้อ
ตลาดพื้นที่สำนักงาน
สำหรับตลาดพื้นที่สำนักงานควรที่จะมีแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้นในการนำรูปแบบการทำงานแบบผสมผสาน(ไฮบริด)มาใช้ในที่ทำงาน เพื่อให้มั่นใจว่าการทำงานจะมีประสิทธิภาพ มีการควบคุมค่าใช้จ่าย และยังคงรักษาการมีส่วนร่วมและความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานไว้ บทบาทหน้าที่ของสำนักงานใหญ่จะได้รับการทบทวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินว่าจำเป็นต้องใช้พื้นที่จริงเท่าใดและจะใช้พื้นที่แต่ละตารางเมตรให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร
นอกจากนี้ มาตรฐานในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม (ESG) จะมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากบริษัทข้ามชาติต่าง ๆ ได้มีการกำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ในปี 2573 เป็นต้นไป การเปลี่ยนแปลงด้านการใช้ประโยชน์พื้นที่สำนักงานจะทำให้อาคารสำนักงานเก่าหลายแห่งไม่เหมาะสำหรับการเป็นสถานที่ทำงานยุคใหม่ รวมทั้งรักษาและดึงดูดพนักงานที่มีความสามารถได้ ด้วยจำนวนโครงการสำนักงานใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง อาคารสำนักงานเก่าหลายแห่งในกรุงเทพฯ ที่ยังไม่ได้รับการปรับปรุงหรือปรับโฉมใหม่จะกลายเป็นอาคารที่ล้าสมัย
“ผู้เช่าพื้นที่จำเป็นต้องสำรวจตัวเลือกต่าง ๆ ในการย้ายหรือขยายพื้นที่สำนักงานไปยังอาคารที่มีคุณภาพสูงที่จะแล้วเสร็จในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากแนวโน้มความนิยมในสำนักงานรุ่นใหมาที่มีพื้นที่ที่มีคุณภาพดีขึ้น นอกจากนี้ กลยุทธ์การจัดพื้นที่ทำงาน (Workplace Strategy) จะเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับผู้เช่าเพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานในอนาคต เจ้าของอาคารสำนักงานที่เข้าสู่ตลาดที่มีการแข่งขันสูง จำเป็นต้องเตรียมพร้อมในเชิงรุกด้วยการยกระดับและนำเอาองค์ประกอบใหม่ ๆ เข้าไว้ในโครงการเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้าน ESG สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องทำคือการรักษาอัตราการใช้พื้นที่ในอาคาร มากกว่ามุ่งเน้นไปที่ราคาต่อตารางเมตรที่สามารถปล่อยเช่าได้” นางสาวรุ่งรัตน์กล่าวเสริม
สรุปเทรนด์ที่น่าจับตามองอาคารสำนักงาน
- แนวทางที่ชัดเจนมากขึ้นในการทำงานรูปแบบไฮบริด (ผสมผสานการทำงานในสำนักงานและจากสถานที่อื่น)
- ผู้เช่าและเจ้าของอาคารจะเริ่มนำเอานโยบายด้านความยั่งยืนมาใช้เนื่องจาก ESG มีความสำคัญ
- อาคารสำนักงานใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาทำให้การแข่งขันสูงขึ้น ขณะที่ผู้เช่ามองหาพื้นที่สำนักงานที่มีคุณภาพ
ตลาดพื้นที่ค้าปลีก
ตลาดค้าปลีกเป็นหนึ่งในตลาดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากโควิด-19 และได้รับผลกระทบโดยตรงจากข้อจำกัดต่าง ๆ ที่รัฐบาลกำหนด อุตสาหกรรมค้าปลีกของไทยจึงต้องพัฒนาและปรับตัวไปพร้อมกับข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านั้น หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐในปี 2564 เป็นเรื่องที่น่าติดตามว่ารัฐบาลจะมีนโยบายใดในปี 2565 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตลาดให้เพิ่มสูงขึ้น โครงสร้างของสัญญาและข้อกำหนดในการเช่าพื้นที่ที่มีความยืดหยุ่นจะได้รับความสำคัญเพิ่มขึ้นมากเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนในตลาด
นอกจากนี้ ผู้เช่าต้องตัดสินใจว่าจะปรับตัวอย่างไรให้ดีที่สุด เนื่องจากการซื้อขายหลายช่องทาง (Omnichannel) และการเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมกับเทรนด์นี้ส่งผลต่อกลยุทธ์ของหน้าร้าน ธุรกิจที่มีการยืดหยุ่นปรับตัวอย่างธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มยังคงขยายสาขาอย่างระมัดระวัง และมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เช่น การลดขนาดพื้นที่ การเปลี่ยนรูปแบบร้าน และการขายผ่านระบบออนไลน์ ซีบีอาร์อีเชื่อว่าจะมีการลงทุนในเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นการช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การจำลองภาพเสมือนจริง (Virtual Reality) และระบบควบคุมอัตโนมัติ
นางสาวจริยา ถ้ำตรงกิจกุล หัวหน้าแผนกพื้นที่ค้าปลีก ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ให้ความเห็นว่า “ผู้ค้าปลีกจะมองหาหนทางในการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทอื่นเพื่อนำประสบการณ์ใหม่ ๆ มาสู่แบรนด์ของตน ในส่วนของเจ้าของพื้นที่ค้าปลีกจะจำเป็นต้องทำงานร่วมกับผู้เช่าอย่างใกล้ชิดเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในเงื่อนไขการเช่า ในขณะเดียวกันต้องเปิดรับแนวทางใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้คนกลับเข้ามาที่โครงการ”
สรุปเทรนด์ที่น่าจับตามองพื้นที่ค้าปลีก
โครงสร้างสัญญาและข้อกำหนดในการเช่าที่มีความยืดหยุ่น
เจ้าของพื้นที่ค้าปลีกและผู้ค้าปลีกปรับตัวไปพร้อม ๆ กันภายใต้ข้อจำกัดต่าง ๆ
การจัดโปรโมชั่นหน้าร้าน กิจกรรมที่จัดขึ้นในพื้นที่ค้าปลีก และการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า
ตลาดพื้นที่อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์
ในตลาดพื้นที่อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ซัพพลายเชนจะยังคงมีการเปลี่ยนแปลงต่อไปในปี 2565 เนื่องจากบรรดาผู้ผลิตยังคงสร้างความยืดหยุ่นให้เกิดขึ้นในเครือข่ายของตนเองเพื่อปกป้องธุรกิจจากสภาวะหยุดชะงักในอนาคต การย้ายฐานการผลิตให้อยู่ใกล้ซัพพลายเออร์อาจช่วยสร้างการเติบโตให้กับทั้งพื้นที่อุตสาหกรรมและพื้นที่โลจิสติกส์ในประเทศไทย
อสังหาริมทรัพย์ด้านโลจิสติกส์จะให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้นในแง่ของการปฏิบัติงาน เช่น โครงการเกี่ยวกับความปลอดภัยที่หน้าไซต์งาน และความเป็นอยู่ที่ดี โดยจะมุ่งเน้นไปที่สวัสดิการของพนักงาน ความถี่และความซับซ้อนของการเปลี่ยนแปลงข้อจำกัดด้านการเดินทางทั้งในไทยและต่างประเทศส่งผลกระทบด้านลบต่อการเดินทางมาดูที่ดินหรือโครงการ การลงนามในสัญญา และเกิดการชะลอการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์และธุรกรรมการเช่าต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในประเทศ
นายอาดัม เบลล์ หัวหน้าแผนกพื้นที่อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ให้ความเห็นว่า “ผู้เช่าพื้นที่ควรทำสัญญากับเจ้าของพื้นที่ล่วงหน้าเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขึ้นตามความต้องการเฉพาะของธุรกิจตนเอง (Built-to-Suit) ขณะเดียวกันเจ้าของพื้นที่จะจำเป็นต้องจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้เช่าที่ต้องการพื้นที่ที่ทันสมัยและเป็นไปตามมาตรฐานด้าน ESG นอกจากนี้ ดาต้าเซ็นเตอร์กำลังเป็นตลาดที่มาแรงในไทยเนื่องจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซและแพลตฟอร์มออนไลน์ เจ้าของพื้นที่จึงควรศึกษาข้อกำหนดต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสการลงทุนที่อาจเกิดขึ้น”
สรุปเทรนด์ที่น่าจับตามองพื้นที่อุตสาหกรรม
- ผู้ผลิตจะเพิ่มความยืดหยุ่นของซัพพลายเชนที่อยู่ในเครือข่ายเพื่อปกป้องธุรกิจของตน
- บริษัทต่าง ๆ จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยที่หน้าไซต์งาน สวัสดิการพนักงาน และการใช้สาธารณูปโภค ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ESG
- นโยบายนการเดินทางระหว่างประเทศยังเป็นอุปสรรคอาจทำให้ต้องชะลอการตัดสินใจซื้อและเช่าที่ดินและสินทรัพย์ใหม่ ๆ
ตลาดโรงแรม
ปีนี้จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ไทยต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศยังคงผันผวนอยู่ โรงแรมจะต้องนำเสนอโปรโมชันและแพ็กเกจใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดความต้องการในประเทศ สิ่งที่ท้าทายยิ่งขึ้นในปัจจุบันคือ “Staycation” หรือการไปพักผ่อนในสถานที่ใกล้ ๆ ไม่ใช่เทรนด์ใหม่อีกต่อไป ภายในสิ้นปี 2565 จะมีห้องพักใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 7,400 ห้องที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในกรุงเทพฯ ซึ่งจะทำให้ปริมาณห้องพักของโรงแรมในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น 6.7%
สถานการณ์ในปัจจุบันและปัจจัยที่ขับเคลื่อนความต้องการจะทำให้ผู้พัฒนาโรงแรมเกิดคำถามสำคัญว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ เปิดเพียงบางส่วน หรือควรระงับโครงการเหล่านี้ไว้ก่อน เจ้าของและผู้บริหารโรงแรมจะให้ความสำคัญกับอัตราการเข้าพักและการควบคุมต้นทุนเพื่อให้ถึงจุดคุ้มทุนเป็นอย่างน้อย และหาช่องทางอื่นในการสร้างรายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม การสร้างความร่วมมือและการจัดกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ เมื่อมีโอกาสเหมาะสม ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อวันจากห้องพักที่ขายได้ (ADR) มีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับเดียวกับช่วงปลายปี 2564 โดย ADR จะเพิ่มขึ้นเป็นครั้งคราวในช่วงวันหยุดยาวความช่วยเหลือจากรัฐบาลและความเข้าใจจากผู้ให้สินเชื่อจะยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็น
นายอรรถกวี ชูแสง หัวหน้าแผนกธุรกิจโรงแรม ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า “การควบคุมต้นทุนผ่านกลยุทธ์การบริหารสินทรัพย์ (Asset Management) ที่เหมาะสมจะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการอยู่รอดในปีนี้ เนื่องจากตลาดโรงแรมยังคงซบเซา การเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน เพราะโรงแรมอาจไม่สามารถเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในช่วงที่เหลือของปี 2022”
สรุปเทรนด์ที่น่าจับตามองตลาดโรงแรม
- ปี 2565 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่โรงแรมจะนำเสนอโปรโมชั่นและแพ็กเกจใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าในประเทศ
- โรงแรมใหม่จะพิจารณาเรื่องความเหมาะสมในการเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ เปิดเพียงบางส่วน หรือเลื่อนการเปิดออกไป
- เจ้าของและผู้บริหารโรงแรมจะให้ความสำคัญกับอัตราการเข้าพักและการควบคุมต้นทุน
ตลาดการลงทุน
ความคาดหวังด้านราคาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายที่ไม่ตรงกันเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ธุรกรรมการลงทุนในช่วงสองปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นไม่มากนัก ซีบีอาร์อีคาดการณ์ว่าช่องว่างของความคาดหวังด้านราคาจะแคบลงและมีโอกาสที่จะเกิดธุรกรรมด้านการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ด้วยความคาดหวังที่ว่าปี 2565 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัว และเนื่องจากความคาดหวังด้านราคาเปลี่ยนแปลงไป ซีบีอาร์อีเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะให้ความสนใจไทยเพิ่มขึ้น
นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะมองหาผู้ร่วมทุนเพื่อช่วยสนับสนุนในด้านการเงินสำหรับโครงการใหม่ ๆ ขณะที่ธนาคารในไทยยังคงมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อในช่วงนี้ และแม้ตลาดคอนโดมิเนียมเป็นตลาดที่เป็นที่นิยมสำหรับการร่วมทุน แต่เป็นที่คาดการณ์ว่าในปีนี้ ตลาดอื่น ๆ อาจได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อน โดยเฉพาะตลาดพื้นที่สำนักงานและตลาดพื้นที่อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์
นายบาร์นาบี้ สเวนสัน หัวหน้าแผนกการลงทุนและที่ดิน ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า“นักลงทุนควรพิจารณาอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าทั้งในตลาดโรงแรมและตลาดพื้นที่สำนักงาน ที่การปรับปรุงอาคารในส่วนที่จำเป็นและการพัฒนาสินทรัพย์อาจช่วยสร้างโอกาสในการซื้อจากเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้นำสินทรัพย์ออกเสนอขาย โครงการใหม่ทั้งที่อยู่ระหว่างการพัฒนาหรืออยู่ในขั้นตอนการวางแผนอาจแสวงหาแหล่งเงินทุนใหม่ เนื่องจากเป็นที่คาดว่าผู้ให้สินเชื่อแบบดั้งเดิมภายในประเทศจะยังคงมีความระมัดระวังอยู่”
สรุปเทรนด์ที่น่าจับตามองเรื่องการลงทุน
- ช่องว่างของความคาดหวังด้านราคาที่ลดลงจะทำให้มีโอกาสการลงทุนมากขึ้นหลังจากที่มีธุรกรรมการลงทุนไม่นักในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
- นักลงทุนต่างชาติยังคงมองหาซื้อสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ในประเทศไทย
- ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อจะทำให้เกิดการร่วมทุนมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาท ติดตามผลการประชุมอีซีบีและบีโออี
เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.70 ในสัปดาห์นี้ ติดตามธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) มีกำหนดการประชุมในวันพฤหัสบดี
คอลัมน์ มันนี่วีก (Money…week) โดย…กฤติกา บุญสร้าง, มนัสวิน ฐิติสมบูรณ์ สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย
สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทยประเมินว่า เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.70 ในสัปดาห์นี้ ภายหลังจากการประชุมเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า กดดันค่าเงินบาทและค่าเงินสกุลเอเชียอ่อนค่าอย่างหนัก สำหรับสัปดาห์นี้ ฝั่งสหรัฐฯ ตลาดรอคอยตัวเลขตลาดแรงงาน ซึ่งจะมีการประกาศอัตราการว่างงานและการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันศุกร์นี้
ด้านนโยบายการเงิน ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) มีกำหนดการประชุมในวันพฤหัสบดี ท่ามกลางแรงกดดันแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวของเฟด ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าอีซีบีจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกรฎาคม และคาดการณ์ว่าบีโออีจะขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
สำหรับประเทศไทยในสัปดาห์นี้ ธปท. จะประกาศดุลบัญชีเดินสะกันในเดือนธันวาคม ซึ่งมีแนวโน้มโดนกดดันจากดุลการค้าที่ขาดดุล 354 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมกราคม โดยตลาดคาดการณ์ว่าจะเร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.48% ท่ามกลางราคาเนื้อสัตว์และค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น
ภาพรวมตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงวันที่ 24-28 มกราคม 2022 ค่าเงินบาทไทยอ่อนค่าลงภายหลังจากเฟดประกาศเตรียมขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม และจะลดขนาดงบดุลภายหลังจากขึ้นดอกเบี้ยแล้วอย่างน้อย 1 การประชุม เนื่องจากให้น้ำหนักกับการจัดการเงินเฟ้อ และประเมินว่าตลาดแรงงานฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ปัจจุบัน ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 4-5 ครั้งในปีนี้ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ ท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยจีพีดีในไตรมาสที่ 4 เติบโต 6.9% Annualized QoQ ดีกว่าคาดมาก
ด้านความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรงขึ้น จากการที่สหรัฐฯ เรียกทูตกลับจากยูเครนพร้อมพิจารณามาตรการแทรกแซงต่อปูติน ในขณะที่ยุโรปประกาศเตือนรัสเซียว่าจะดำเนินการตอบโต้ความก้าวร้าวของรัสเซีย ท่ามกลางท่าทีแข็งกร้าวและข้อเรียกร้องหลายประการของรัสเซียต่อนาโต้ กดดันให้ราคาน้ำมันดิบเบรนด์พุ่งขึ้นเหนือ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ราว 11% ของอุปทานน้ำมันโลก นอกจากนี้ ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ปะทุขึ้นระหว่างอียูและจีน โดยอียูยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลกในกรณีที่จีนกีดกันทางการค้าต่อสินค้าจากลิทัวเนีย นับตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นมา เนื่องจากลิทัวเนียอนุมัติให้ไต้หวันตั้งสำนักงานตัวแทนภายใต้ชื่อไต้หวัน ซึ่งแตกต่างจากปกติที่ใช้ชื่อเมืองไทเป ทำให้จีนประกาศลดลำดับความสัมพันธ์กับลิทัวเนียและเรียกทูตกลับประเทศ
ด้านจีนเผชิญกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ทำให้ธนาคารกลางจีนผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่อง ด้วยการลดดอกเบี้ยธุรกรรมให้กู้ยืมสภาพคล่องระยะ 1 วัน 7 วัน และ 1 เดือน และลดดอกเบี้ยการขายคืนพันธบัตรกลับสู่ตลาดเงินระยะ 14 วันลงอย่างละ 10bps เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่รัฐบาลสนับสนุนให้ธนาคารปล่อยกู้เพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปักกิ่ง ก่อนการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวในเดือนกุมภาพันธ์นี้
สำหรับประเทศไทย รัฐบาลอนุมัติงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 5.3 หมื่นล้าน เพื่อดำเนินโครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในขณะที่การส่งออกไทยเดือนธันวาคม 2021 ขยายตัวในระดับสูง แม้ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน ในขณะที่ดุลการค้าพลิกขาดดุล 354 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการนำเข้าขยายตัวเร่งขึ้นมาก
เงินบาทปิดตลาดที่ 33.36 ในวันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2022 ณ เวลา 17.00 น.
ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกเฝ้าติดตามคือการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยที่เฟดได้เฟดส่งสัญญาณเตรียมขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป นั่นก็คือในเดือนมีนาคมนี้ โดยเป้าหมายหลักคือการลดความร้อนแรงของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ใช่การเพิ่มขึ้นแบบชั่วคราวและมีแนวโน้มที่จะคงอยู่ในระดับสูงไปได้นานกว่าที่เฟดเคยประเมินไว้ ขณะที่ตลาดแรงงานก็ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้การกำหนดนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาดดูมีความจำเป็นน้อยลงในสภานการณ์ปัจจุบัน นอกจากนี้คุณโพเวลได้กล่าวถึงเรื่องของการลดขนาดงบดุลว่าสมาชิกเฟดจะเริ่มหารือถึงเรื่องนี้ในการประชุมครั้งหน้า ทำให้ตลาดเห็นพ้องว่าการทำ Quantitative tightening จะมาเร็วกว่าในอดีตอย่างแน่นอน เมื่อผลของการประชุมออกมาเป็นเช่นนี้ตลาดพันธบัตรรัฐบาลก็ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นอายุ 2ปี ที่นักลงทุนใช้เป็นตัวคาดการณ์ของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ได้ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 20 bps จาก 1.02% มาอยู่แถวบริเวณ 1.21% ขณะที่ในตลาดฟิวเจอร์ได้ price in โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยตลอดทั้งปี 2022 จากจำนวน 4 ครั้งขึ้นมาอยู่ที่ 4.8 ครั้ง หรือพูดง่ายๆ คือความน่าจะเป็นของการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 5 อยู่ที่ประมาณ 80% โดยต่อจากนี้นักลงทุนคงต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อที่จะประกาศออกมาตลอดทั้งปี เพราะหากเฟดขึ้นดอกเบี้ย 4-5 ครั้งในปีนี้ตามที่ตลาดได้คาดการณ์แล้ว ไม่สามารถลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อได้ก็จะถือว่าสถานการณ์ในอนาคตอาจจะแย่กว่าที่นักลงทุนได้ price in ไปแล้วก็เป็นได้
ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบเหตุจากที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่มาสนับสนุน โดยเราคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังจำเป็นที่จะต้องอยู่ในระดับต่ำต่อไป เพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ในประเทศยังคงได้รับแรงสนันสนุนจากเม็ดเงินของต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดตราสารหนี้เป็นสัปดาห์ที่สี่ติดต่อกัน โดยกระแสเงินทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยมูลค่าสุทธิประมาณ 9,487 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น 7,486 ล้านบาท ซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 2,011 ล้านบาทและมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 10 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ วันที่ 28 มกราคม 2565 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุ 1, 2, 3, 5, 7 และ 10ปี อยู่ที่ 0.51% 0.70% 0.93% 1.45% 1.82% และ 2.16% ตามลำดับ
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
9 อาการหลังหายจากโควิด-19 ที่ควรไปหาหมอด่วน
หากหายจากโควิด-19 แล้วมีอาการเหล่านี้ อาจมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ควรไปพบแพทย์
หลังหายจากโควิด-19 อาจมีอาการที่บ่งบอกถึงการลดลงของสมรรถภาพทางร่างกาย และ/หรือจิตใจ ซึ่งเป็นผลมาจากการติดเชื้อโควิด-19 เกิดขึ้นได้ มักพบอาการเหนื่อยล้าในผู้ป่วยที่หายจากโควิด-19 ตั้งแต่ 3 เดือนนับจากวันตรวจพบเชื้อ และมีอาการต่อเนื่องอย่างน้อย 2 เดือน
กลุ่มเสี่ยงอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นหลังหายจากโควิด-19
- เพศหญิง
- มีประวัติโรควิตกกังวลหรือซึมเศร้า
- มีประวัติโรคปอดเรื้อรัง
- มีความรุนแรงในระยะติดเชื้อเฉียบพลันมาก
อาการหลังหายจากโควิด-19 ที่ควรไปหาหมอด่วน
- อ่อนเพลียมาก
- มีปัญหาด้านความจำและสมาธิ
- มีอาการเจ็บขณะกลืน
- ต่อมน้ำเหลืองที่คอหรือรักแร้โต กดเจ็บ
- ออกกำลังกายแล้วเหนื่อยเกิน 1 วัน
- ปวดศีรษะ
- นอนหลับไม่สนิท
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- ปวดตามข้อโดยไม่มีการอักเสบ
หากมีอาการอ่อนเพลียร่วมกับอาการข้างต้นนานกว่า 7 วันควรพบแพทย์
คำแนะนำสำหรับอาการอ่อนเพลีย
- เพิ่มกิจกรรมประจำวันทีละน้อยไม่ถึงจุดอ่อนเพลีย
- มีช่วงเวลาพักสม่ำเสมอ
- ถ้ามีอาการอ่อนเพลียหรือล้าให้หยุดพัก
คำแนะนำสำหรับการเริ่มออกกำลังกาย
- ควรเริ่มระดับเบาก่อน
- สังเกตระดับความเหนื่อย หรือชีพจร
- ปรับเพิ่มความหนักแบบค่อยเป็นค่อยไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
บาร์เซโลนา จ่อปิดดีลยืม “โอบาเมยอง” เสริมคมครึ่งซีซันหลัง
สโมสร บาร์เซโลนา ใกล้จะคว้าตัว ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง กองหน้าของ อาร์เซนอล ทีมดังจาก พรีเมียร์ลีก มาร่วมทีมได้สำเร็จก่อนปิดตลาดซื้อขายในวันจันทร์นี้ ตามรายงานจาก สกายสปอร์ต
รายงานระบุว่ายักษ์ใหญ่ของ ลาลีก้า กำลังจะบรรลุข้อตกลงในการขอยืมตัวดาวยิงวัย 32 ปีกับ เดอะกันเนอร์ส ได้แล้ว เหลือเพียงการพูดคุยเรื่องค่าเหนื่อยของนักเตะ ซึ่งหากดีลนี้ประสบความสำเร็จจะช่วยให้ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า เซฟเงินได้เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามจะไม่มีการแนบออปชันซื้อขาดลงไปในสัญญาฉบับนี้ ในขณะที่ อาร์เซนอล เองก็กำลังมองหานักเตะในแนวรุกคนใหม่เพื่อเข้ามาทดแทนช่องว่าของ โอบาเมยอง เช่นเดียวกัน
ทีม ปืนโต ให้ความสนใจ อัลบาโร โมราต้า ของ ยูเวนตุส โดยพวกเขาเพิ่งจะหมดหวังกับการคว้าตัว อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าจาก เรอัล โซเซียดัด เนื่องจากต้นสังกัดของนักเตะต้องการค่าฉีกสัญญาสูงถึง 90 ล้านยูโรหรือประมาณ 75 ล้านปอนด์
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รวมประโยคพูดในชีวิตประจำวัน – General Sentence
เราจะมาดูประโยคทั่วไปที่เราใช้ในชีวิตประจำวันกัน โดยเนื้อหาวันนี้เราจะไม่เน้นการเน้นสอนไวยกรณ์แต่จะยกประโยคทั่วไป นอกจากนี้เพื่อนๆ จะได้คุ้นเคยกับไวยกรณ์มากขึ้นอีกด้วย โดยรูปประโยคที่เราจะยกตัวอย่างในวันนี้เป็น Present simple และ Present continuous เราลองไปดูตัวอย่างกันเลย
ประโยคบอกเล่า
- “I see Bob over there by the newspaper stand.” (ฉันเห็นบ๊อบยืนตรงที่วางหนังสือพิมพ์)
- “I’m going to the library.”(ฉันกำลังไปที่ห้องสมุด)
- “I’m on my way home.” (ฉันอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน)
- “I’m going to the bus stop.” (ฉันกำลังไปที่ป้ายรถเมล์)
- “Jack is going to the store.” (แจ๊คกำลังไปที่ร้าน)
- “Jill is stopping by now.” (ตอนนี้จิวหยุดแล้ว)
- “The meeting is starting now.” (การประชุมกำลังเริ่มต้นตอนนี้)
- “The manager is waiting for you in her office.” (ผู้จักการกำลังรอคุณอยู่ที่ห้องของหล่อน)
- “Tell the receptionist that you are here to see Mr. Cena.” (บอกพนักงานต้อนรับว่า คุณมาเจอคุณซีน่า)
- “I’m pretty busy right now. I’m doing my homework because I have an exam tomorrow.” (ฉันยุ่งมากเลยยตอนนี้ ฉันกำลังทำการบ้านอยู่เพราะพรุ่งนี้ฉันมีสอบ)
- “My project deadline is coming up, so I’m currently in the process of finishing my tasks.” (โปรเจคของฉันใกล้ถึงวันกำหนดส่งแล้ว ดังนั้นฉันจึงต้องรีบเคลียงานของฉัน)
- “I’m taking the day off from work today because I have so many errands. I’m going to the post office to send some packages to my friends.” (ฉันกำลังลาหยุดวันนี้เพราะฉันมีธุระมากมาย ฉันกำลังไปไปรษญีย์เพื่อที่จะส่งของให้เพื่อนๆ)
- “I’m applying for a job at a consulting firm in Taiwan.” (ฉันกำลังสมัครงานเป็นที่ปรึกษาที่ประเทศไต้หวัน)
- “I’m listening to music while thinking about my situation.” (ฉันกำลงัฟังเพลง ในขณะที่กำลังคิดถึงสถาณการณ์ของฉันอยู่)
- “I’m enjoying the beautiful weather without any worries in the world.” (ฉันดื่มด่ำกับความสวยงามโดยที่ไม่กังวัลอะไรในโลกนี้เลย)
- “I’m playing a video game on my computer because I have nothing to do.” (ฉันกำลังเล่นเกมคอมพิวเตอร์เพราะว่าฉันไม่มีอะไรทำ)
- “I’m at the grocery store buying ingredients for tonight’s dinner.”(ฉันอยู่ที่ร้านของชำและกำลังซื้อวัตถุดิบในการทำอาหารค่ำนี้)
ประโยคปฏิเสธ
- “I don’t like to eat chicken.” (ฉันไม่ชอบกินไก่)
- “My sister doesn’t eat pasta.” (น้องสาวฉันไม่กินพาสต้า)
- “You don’t buy apples.” (คุณไม่ซื้อแอปเปิ้ล)
- “I’m not going to party.” (ฉันจะไม่ไปปาร์ตี้)
- “I’m not buying new phone.” (ฉันจะไม่ซื้อโทรศัพท์ใหม่)
- “My mom doesn’t read comics.” (แม่ของฉันไม่อ่านหนังสือการ์ตูน)
- “Ann and I don’t go to school.” (แอนและฉันไม่ไปโรงเรียน)
- “Cows don’t live in the sea.” (วัวไม่ได้อาศัยอยู่ในทะเล)
- “We are not going to Japan next year.” (พวกเราจะไม่ไปประเทศญี่ปุ่นปีหน้า)
- “I’m not studying Chinese at this moment.” (ฉันไม่ได้เรียนภาษาจีนตอนนี้)
- “They don’t play football.” (พวกเขาไม่เล่นฟุตบอล)
- “My cat doesn’t chase mice.” (แมวของฉันไม่ไล่จับหนู)
- “Her friend doesn’t speak English.” (เพื่อนของหล่อนไม่พูดภาษาอังกฤษ)
- “This man doesn’t smoke.” (ผู้ชายคนนี้ไม่สูบบุหรี่)
ประโยคคำถาม
“How are you doing?” or “How are you?”
“How is your day going?” or “How are you today?”
“What are you doing now?”
“Where do you live?”
“What is this movie all about?”
“What is your concerns?”
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
ลบด่วน บริษัทความปลอดภัยตรวจพบมัลแวร์ที่มาพร้อมแอปชื่อ ‘2FA Authenticator’ บน Google Play Store
Pradeo บริษัทด้านความปลอดภัยมือถือสำรวจพบแอปพลิเคชันใน Google Play Store ที่ตามชื่อเหมือนจะช่วยให้ผู้ใช้ปลอดภัยมากขึ้น แต่จริง ๆ แล้วตัวแอปกลับแอบปล่อยมัลแวร์ที่แฮกเกอร์ใช้ โดยแอปดังกล่าวมีชื่อว่า ‘2FA Authenticator’
2FA หรือที่รู้จักในชื่อ two-factor authentication (การยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน) ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อยืนยันตัวตนของผู้ใช้เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น แต่แอปพลิเคชัน 2FA Authenticator กลับมีจุดประสงค์ที่แท้จริงคือการติดตั้งมัลแวร์อันตรายที่ชื่อ ‘Vultur’ ลงบนอุปกรณ์ของผู้ใช้
Vultur จะมุ่งเป้าไปที่แอปบริการทางการเงินเพื่อที่มันจะสามารถขโมยข้อมูลธนาคารรวมถึงเงินของผู้ใช้ ซึ่ง Pradeo แนะนำว่า หากใครเผลอติดตั้งแอปพลิเคชันดังกล่าวลงบนสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตของตนเองควรรีบลบแอปนี้ทิ้งทันที
Pradeo ค้นพบว่า 2FA Authenticator จะมีการขออนุญาตผู้ใช้เพื่อเข้าถึงความสามารถบางอย่าง และสามารถเพิ่มสิทธิ์การเข้าถึงต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง เช่น การถ่ายรูปและวิดีโอผ่านกล้องของอุปกรณ์ผู้ใช้, ยกเลิกการล็อกหน้าจอ, สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้, ทำงานเมื่อเปิดเครื่องแบบอัตโนมัติ หรือการเข้าถึงและใช้งานไบโอเมตริก หรือลายนิ้วมือของผู้ใช้ เป็นต้น
แอป 2FA Authenticator มีความสามารถในการบันทึกทุกสัมผัสที่ผู้ติดตั้งใช้กับอุปกรณ์ ทำให้แฮกเกอร์สามารถทราบถึงพาสเวิร์ดของผู้ใช้ได้
อย่างไรก็ตามหลังจาก Pradeo ได้แจ้งทีม Google Play เกี่ยวกับการค้นพบแอป 2FA Authenticator ที่มาพร้อมมัลแวร์ หลังจากนั้น 15 วันแอปดังกล่าวก็ถูกถอดออกจาก Google Play Store ในวันที่ 27 มกราคมเรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าตัวแอปจะถูกถอดออกไปแล้ว แต่ใครที่ติดตั้งแอป 2FA Authenticator ไปแล้ว ตัวแอปจะยังคงค้างอยู่บนเครื่องของคน ๆ นั้น และควรลบทิ้งทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ADIDAS หยิบวัสดุสุดพิเศษ สร้างสนามเทนนิสพร้อมตีเหนือแนวปะการัง
หลังนำเสนอผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกีฬาเทนนิสมามากมายทั้งรองเท้าและเสื้อผ้า ล่าสุด Adidas เปิดตัว สนามเทนนิสลอยน้ำ สร้างความตระหนักรู้เรื่องมลภาวะในมหาสมุทร ด้วยการเลือกใช้วัสดุสุดพิเศษ
ด้วยความร่วมมือกับองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม Parley for the Oceans สนามเทนนิสที่ตั้งอยู่เหนือแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ประเทศออสเตรเลียแห่งนี้สร้างขึ้นจากพลาสติกรีไซเคิล เพื่อนำเสนอเครื่องแต่งกายชุดล่าสุดจาก Adidas และ Parley for the Oceans ซึ่งผลิตขึ้นจากพลาสติกรีไซเคิลเช่นเดียวกัน
สำหรับแนวคิดของสนามเทนนิสนี้ ก็คือการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของปัญหาขยะพลาสติก
“เครื่องแต่งกายเทนนิสชุดใหม่ของ Adidas ที่จะถูกใส่โดยเหล่านักเทนนิสผู้เข้าร่วม Australian Open ในเมืองเมลเบิร์น ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงามของแนวปะการัง the Great Barrier Reef ได้รับการออกแบบโดยนักสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ผลิตร่วมกับ Parley Ocean Plastic” โฆษก Adidas กล่าว
“ทำงานร่วมกันมากกว่าแข่งขันกัน” (collaboration over competition) คือคุณค่าหลักที่ Adidas ยึดถือเพื่อสร้างสรรค์โซลูชั่นสำหรับความยั่งยืน ที่จะไปไกลกว่าเพียงธุรกิจและอิทธิพล
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 31/01/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,250.00 | 28,350.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,830.00 | 27,742.80 | 28,850.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,647.00 | 24,968.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,464.00 | 22,194.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 824.00 | 12,491.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 641.00 | 9,717.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,896.00 | 28,743.36 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 31/01/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.05 | 34.05 | 34.85 | 34.05 | 34.35 | 34.05 | 34.55 | 34.05 | 34.05 | 34.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 33.78 | 33.78 | 34.58 | 33.78 | 34.08 | 33.78 | 34.28 | 33.78 | 33.78 | 33.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 32.84 | 32.84 | 33.74 | 32.84 | 33.24 | – | 33.34 | 32.84 | 32.84 | 32.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 26.14 | 26.14 | – | – | – | – | – | – | – | 26.14 |
เบนซิน 95 | 41.46 | – | – | – | 42.21 | – | 42.46 | 41.96 | – | 41.46 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 32.04 | 30.64 | 30.84 | 29.94 | 30.54 | 30.24 | 30.64 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | 32.04 | 30.64 | 30.84 | 29.94 | 30.54 | 30.24 | 30.64 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | 32.04 | – | 30.84 | – | 30.54 | 30.24 | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 35.96 | 35.96 | 38.49 | 37.16 | 37.59 | – | – | – | – | 35.96 |
แก๊ส NGV | – | – | – | – | – | – | – | – | – | – |