กรมที่ดินปลื้ม 1 ปียอด e-QLands ขอรังวัด-จดทะเบียนทะลัก 453,206 เรื่อง
กระทรวงมหาดไทยแจง เสียงตอบรับดีเยี่ยม หลังเปิดให้บริการระบบ e-QLands เมื่อต้นปี 2564 ปัจจุบันมียอดใช้บริการทะลุ 450,000 รายการ
วันที่ 30 พฤษภาคม 2565 แอปพลิเคชั่นจองคิวของกรมที่ดิน “e-QLands” ได้รับการเสียงตอบรับจากประชาชนทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา) เป็นประธานเปิดตัว (Kick Off) ไปเมื่อต้นปี 2564 ที่ผ่านมา โดยกรมที่ดินได้พัฒนาแอปพลิเคชั่น “e-QLands” ขึ้น เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนด้วยการจองคิวล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์ 24 ชั่วโมง ทั้งการจองคิวจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือการจองคิวรังวัดที่ดิน ที่สามารถจองคิวสำนักงานที่ดินล่วงหน้าได้ทุกแห่งทั่วประเทศ
โดยผู้ใช้บริการสามารถอัพโหลดเอกสารต่าง ๆ ลงในแอปเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องล่วงหน้า นัดหมายเวลาที่ตนเองสะดวก ทำให้การทำธุรกรรมต่าง ๆ สะดวก รวดเร็ว และใช้เวลาในสำนักงานที่ดินน้อยลงด้วย
นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน เปิดเผยว่า ปัจจุบันประชาชนจองคิวผ่านแอปพลิเคชั่น “e-QLands” เข้าใช้บริการที่สำนักงานที่ดินครบแล้วทั้ง 461 แห่งทั่วประเทศ
ล่าสุด ข้อมูล ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา พบว่าแอปพลิเคชั่น “e-QLands” มียอดดาวน์โหลดสูงถึง 179,143 ครั้ง มีจำนวนคิวขอรังวัดที่ดินผ่านแอปแล้ว 25,491 เรื่อง และจำนวนคิวจดทะเบียน 427,715 เรื่อง รวมทั้งสิ้น 453,206 เรื่อง
โดยกรมที่ดินได้พัฒนาแอปเพื่อรองรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และพัฒนาการให้บริการประชาชนตามนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนภาครัฐสู่การเป็น “รัฐบาลดิจิทัล”
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้บริการจองคิวรังวัดที่ดินหรือจองคิวจดทะเบียนที่ดินล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชั่น “e-QLands” สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้ที่ : https://eqlands.dol.go.th (ดาวน์โหลดฟรี) ได้ทั้งโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หรือสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ DOL Call Center : 0-2141-5555 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
‘ทางเดิน’ เชื่อมชีวิต เมื่อ ‘ประเทศไทย’ ยังตามหลังสากล
เปิด รูปแบบ ‘ทางเดิน’ ตามแนวคิด TOD การพัฒนาของเมืองสากล ที่ กทม.ไม่ติดฝุ่น เพราะเมื่อโครงข่ายทางเดินเท้าดี รถยนต์ส่วนตัวก็ไม่จำเป็น
27 พ.ค.2566 – กรุงเทพมหานคร หรือ กทม. นับเป็นเมืองใหญ่ ศูนย์กลางการปกครอง , ด้านคมนาคม ขนส่งสาธารณะ และเมืองท่องเที่ยว ที่สำคัญไม่แพ้ชาติใดในโลก ทั้งนี้ เส้นทางเดินเท้าที่สวยงาม น่าเดิน กลับเป็นจุดบอด ที่ทำให้เสน่ห์ของเมืองใหญ่เมืองนี้ขาดหายไปอย่างน่าเสียดาย
ซึ่งหากชีวิต คือ การเดินทาง และทุกการเดินทางเริ่มต้นจากการเดินเท้าเสมอ ดังนั้นการมีเส้นทางเดินเท้าสวยงาม น่าเดิน แล้วการสร้างโครงข่ายทางเดินเท้าเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ต่างๆ ของเมืองเข้าสู่สถานีขนส่งสาธารณะ ด้วยโครงข่ายทางเดินเท้าที่ชักชวนให้ประชาชนเดินเท้าเข้ามาใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ แทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลควรเป็นอย่างไร ‘ฐานเศรษกิจ’ พาถอดองค์ประกอบ ของ แนวคิด การออกแบบพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งสาธารณะ TOD (Transit Oriented Development) จุดเริ่มต้นการเดินทางที่ดี ในทุกวันของคนเมือง
1.เดินถึงสถานีภายใน 10 นาที
แนวคิดในการออกแบบโครงข่ายทางเดินเท้าตามแบบ TOD นั้นมักวางโครงข่ายออกเป็น 2 ระยะคือ รัศมี 400 เมตร และรัศมี 800 เมตรจากตัวสถานีขนส่งสาธารณะ ซึ่งทั้ง 2 ระยะนี้จะต้องออกแบบเส้นทางเดินเท้าที่ช่วยให้ประชาชน เดินถึงสถานีภายในเวลาไม่เกิน 10 นาที ซึ่งเป็นช่วงระยะทางและเวลาที่ประชาชนสามารถเดินได้ โดยไม่รู้สึกว่าสถานีขนส่งสาธารณะนั้นอยู่ไกลเกินไป จนรู้สึกไม่อยากเดิน
ในกรณีที่เป็นเขตเมืองที่มีความหนาแน่นผู้อยู่อาศัยสูง จะนิยมสร้างสถานีถัดไปให้ห่างกันประมาณ 800 – 1,200 เมตร เพื่อให้มีรัศมีโครงข่ายทางเดินเท้าครอบคลุมระยะไม่เกิน 800 เมตรจากย่านชุมชน จึงเป็นที่สังเกตว่าสถานีรถไฟฟ้าระบบรางในเมือง มักอยู่ไม่ห่างกัน เราสามารถเดินจากสถานีหนึ่งไปอีกสถานีหนึ่งได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อยมากนัก หรือเลือกได้ว่าจะเดินขึ้นสถานีใดที่ใกล้กับปลายทาง และประหยัดค่าเดินทางมากที่สุด
2.มีสิ่งดึงดูดใจ
ป้ายโฆษณา ต้นไม้ ร้านค้า การออกแบบทางเดินเท้า และทัศนียภาพของเมือง คือสิ่งดึงดูดผู้คนให้หันมาใช้โครงข่ายทางเดินเท้า เข้าสู่ระบบขนส่งสาธารณะ แทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล โดยเฉพาะร้านค้าต่างๆ ริมทางเดิน ถือเป็นสิ่งดึงดูดผู้คนให้หันมาใช้การเดิน เพื่อเข้าถึงร้านค้าเหล่านี้ได้อย่างสะดวกสบายมากกว่าการขับรถส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่มีที่จอดรถรองรับมากพอ
ระหว่างทางเดิน ควรมีเก้าอี้นั่งพักใต้ร่มไม้ และบริเวณหน้าร้านค้า ซึ่งสามารถนั่งพักผ่อนหย่อนใจ หรือใช้เป็นจุดนัดหมายนั่งรอเพื่อน ทำให้ทางเดินเท้าไม่เพียงแต่เป็นเส้นทางสำหรับสัญจรเท่านั้น แต่ยังเป็นเส้นทางเชื่อมโยงสังคมคนเมืองเข้าด้วยกัน
ที่ขาดไปไม่ได้เลยในเส้นทางเดินก็คือ การเดินผ่านอาคารหรือสถานที่ ที่มีสถาปัตยกรรมการออกแบบที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นอาคารเก่าหรือใหม่ ทั้งหมดคือเอกลักษณ์ของเมือง เป็นแลนด์มาร์กหรือจุดท่องเที่ยว และทำให้เมืองน่าเดินสำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่ต้องการเดินทางมาสัมผัสเมืองอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
3.ทางเดินเท้าที่หลากหลาย
การสร้างโครงข่ายทางเดินเท้าลักษณะทางเดินเท้า ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ทางเดินเท้าที่มีขอบทางเดิน ยกสูงจากระดับพื้นถนน และขนานไปกับช่องทางเดินรถเท่านั้น แต่ยังหมายความรวมถึงทางเดินรูปแบบต่างๆ เป็นตัวเลือกสำหรับประชาชนในการเลือกเส้นทางเดินที่มีความหลากหลายเช่น
- เส้นทางเดินลัด ในทุกเมืองเราจะพบเห็นเส้นทางเหมือนตรอก ซอกซอย ขนาดเล็ก ที่ไม่ได้สวยงามเหมือนเส้นทางหลัก แต่สามารถประหยัดเวลาการเดินในชั่วโมงเร่งด่วน ขณะเดียวกันยังเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบเดินในเส้นทางที่พลุกพล่านด้วยผู้คน และมีความสำคัญในแง่การเข้าถึงพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชน เปรียบเสมือนเส้นเลือดฝอยของเมือง ซึ่งทำให้ผู้อยู่อาศัย สามารถเดินเท้าเพื่อเข้าถึงสถานีขนส่งสาธารณะซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจของการเดินทาง ตั้งแต่เปิดประตูออกจากบ้าน
- เส้นทางเดินภายในอาคาร ในการออกแบบพื้นที่ใช้งานแบบผสมผสาน (Mix Used) ในย่านใจกลางเมือง จะเน้นการใช้งานที่หลากหลาย เป็นทั้งสำนักงาน ที่อยู่อาศัย และศูนย์การค้าภายในอาคาร จึงต้องออกแบบเส้นทางเดินภายในอาคารให้เชื่อมโยงกับทางเดินภายนอก
” ดังนั้นเส้นทางเดินภายในอาคารจึงถือเป็นหนึ่งในโครงข่ายทางเดินเท้า เป็นทางเลือกให้ประชาชนสามารถเดินลัดเส้นทางเข้าไปภายในอาคารแล้วเดินออกไปสู่ถนนอีกฝั่งหนึ่ง แทนที่การเดินทางเท้าอ้อมตึกเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง ซึ่งทำให้เสียเวลาเพิ่มขึ้น”
” ตัวอย่างเช่นในพื้นที่สถานีรถไฟฟ้าโอซาก้า ประชาชนสามารถเดินเข้าตัวสถานีได้จากอาคารศูนย์การค้าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเช่น อาคารศูนย์การค้า โยโดบาชิ คาเมร่า และ อาคารแกรนด์ ฟรอนท์ โอซาก้า ซึ่งเป็นอาคารสำนักงาน และศูนย์การค้า ประชาชนสามารถเดินตัดผ่านตัวอาคารเพื่อเข้าสู่ทางเดินสกายวอล์ค เข้าสู่ตัวสถานีได้โดยตรง ซึ่งทางเดินภายในอาคารอื่นในบริเวณใกล้เคียงก็เชื่อมต่อกับสกายวอล์คไปสู่สถานีรถไฟฟ้าด้วยเช่นกัน ”
- เส้นทางเดินใต้ดิน โครงข่ายทางเดินเท้าอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากก็คือ การออกแบบโครงข่ายทางเดินเท้าใต้ดิน ตามแนวทางของ TOD การออกแบบเส้นทางนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเดินลงสู่ตัวสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเท่านั้น แต่ควรออกแบบให้มีการเชื่อมต่อกับชั้นใต้ดินของอาคารต่างๆ ที่อยู่โดยรอบสถานีทำให้ผู้ใช้บริการไม่จำเป็นต้องเสียเวลา เดินออกจากสถานีรถไฟใต้ดินเพื่อเดินต่อไปยังอาคารโดยรอบที่ต้องการ
“ยกตัวอย่างในสถานีรถไฟฟ้าโอซาก้า จะมีโครงข่ายทางเดินใต้เชื่อมกับอาคารที่อยู่ในรัศมี 400 เมตร รวมทั้งสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เช่น สถานีโอซาก้า อุเมดะ, นิชิ อุเมดะ ,คิตะ ชินชิ และ ฮิกาชิ อุเมดะ รวมทั้งเชื่อมต่อไปยังศูนย์การค้าทั้งหมด ด้วยทางเดินใต้ดิน ในช่วงเช้าและเย็นในย่านสถานีรถไฟโอซาก้า เราจะไม่เห็นชาวโอซาก้าเดินบนทางเดินเท้าบนดินมากนัก พวกเขามักเลือกเดินใต้ดินข้ามไปมาระหว่างสถานีรถไฟกับที่ทำงาน เป็นเส้นทางลัดเพราะไม่ต้องรอสัญญาณไฟข้ามถนน อีกทั้งยังใช้หลบฝน และอากาศที่หนาวเย็นของโอซาก้าได้อีกด้วย”
- เส้นทางเดินบนลานกว้าง ลานกว้างที่อยู่ใกล้กับอาคารสูงและสวนสาธารณะ นับเป็นรูปแบบทางเดินเท้าด้วย เช่นกัน เพราะเราสามารถเดินเท้าผ่านพื้นที่ลานกว้างไปยังอาคารที่ต้องการไป ลานกว้างส่วนใหญ่มักจะออกแบบตามหลักภูมิสถาปัตย์ โดยคำนึงถึงทิวทัศน์ของเมือง ทิศทางแสงแดด และกระแสลม ทำให้ช่วงเช้าและเย็น ลานกว้างจะกลายเป็นที่ร่มจากเงาของอาคาร เหมาะสำหรับจัดกิจกรรมสำคัญของเมือง หรือใช้เป็นสถานที่นัดพบและทำกิจกรรมร่วมกันของประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
“ยกตัวอย่างบริเวณสถานีรถไฟใต้ดิน เวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษมีเส้นทางเดินในรูปแบบสวนสาธารณะ และสถานที่ท่องเที่ยว ที่สามารถเดินถึงอาคารสถานีได้หลายแห่งไม่ว่าจะเป็น สวนสาธารณะเซ็นต์เจมส์ และ พาร์เลียเมนท์ สแควร์ การ์เด้น หากเดินทางโดยเรือ ก็สามารถเดินจากท่าเรือเวสต์มินสเตอร์ เลียบแม่น้ำเทมส์ เข้าสู่ตัวสถานีรถไฟใต้ดินเวสต์มินสเตอร์ได้ “
” จุดเด่นของเส้นทางเดินแบบลานกว้างใกล้กับสถานีเวสต์มินสเตอร์ คือ เส้นทางเดินที่เราสามารถมองเห็นหอคอยบิ๊กเบน, ชิงช้าสวรรค์ ลอนดอนอายและสะพานเวสต์มินสเตอร์ พร้อมชมความงามของวิวแม่น้ำเทมส์ได้ในคราวเดียวกัน”
” ทั้งหมดนี้เราจะเห็นได้ว่าการออกแบบโครงข่ายทางเดินเท้า ตามแนวทางของ TOD ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับ การสร้างเส้นทางเชื่อมต่อกับสถานีขนส่งสาธารณะเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างทางเดินที่มีความหลากหลายแก้ประชาชนในเมือง เพราะไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนแตกต่างกัน การเลือกทางเดินชีวิตของแต่ละคนย่อมแตกต่างด้วยเช่นกัน”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
คาดเงินบาทซื้อขาย 33.80-34.50 จับตาจ้างงานสหรัฐฯ
กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 33.80-34.50 จับตาการจ้างงานสหรัฐฯ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.80-34.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.15 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 34.08-34.37 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 1 เดือน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯบ่งชี้ถึงการชะลอความร้อนแรง อีกทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุม FOMC เมื่อวันที่ 3-4 พฤษภาคม โดยระบุว่าผู้กำหนดนโยบายส่วนใหญ่เชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 50bp มีความเหมาะสมสำหรับการประชุมเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมเพื่อควบคุมเงินเฟ้อซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด นอกจากนี้ ช่วงต้นสัปดาห์ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาซึ่งเป็นกรรมการสายเหยี่ยวแต่ไม่มีสิทธิ์โหวตในปีนี้ให้ความเห็นสนับสนุนการหยุดพักการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน เพื่อประเมินผลกระทบของการคุมเข้มนโยบายการเงินต่อภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ในทางกลับกัน ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) คาดว่าอีซีบีจะยุติการใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบภายในเดือนกันยายน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยมูลค่า 6,870 ล้านบาท และ 10,457 ล้านบาท ตามลำดับ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรีคาดว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจกับดัชนี ISM ภาคการผลิตและบริการรวมถึงการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤษภาคมของสหรัฐฯ ความพยายามในการบรรลุข้อตกลงร่วมกันของยุโรปเพื่อใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม รวมถึงการกลับมาเปิดหลายเขตเศรษฐกิจในเซี่ยงไฮ้ โดยในระยะ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯให้ความหวังว่าอัตราเงินเฟ้ออาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและผู้ร่วมตลาดทบทวนการคาดการณ์ทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดสำหรับช่วงปลายปีนี้ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สูญเสีย momentum ด้านขาขึ้น อย่างไรก็ดี ภาวะตลาดการเงินที่จะตึงตัวหลังการเริ่มลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening) ของเฟดในเดือนมิถุนายน และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องอาจจะยังคงจำกัดการฟื้นตัวของเงินบาทในระยะนี้
สำหรับปัจจัยในประเทศ กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 9.9% y-o-y โดยชะลอลงมากกว่าคาด ส่วนมูลค่านำเข้าทะยานขึ้น 21.5% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 1.91 พันล้านดอลลาร์ ทางการประเมินแนวโน้มสดใสต่อการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร แต่ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวยังกดดัน อนึ่ง เรามีมุมมองเชิงบวกต่อเงินทุนไหลเข้าขณะตลาดคลายกังวลเรื่องนโยบายเฟดในช่วงสั้นแต่ต้องระวังกระแสเงินร้อนที่จะสร้างความผันผวนให้กับค่าเงิน
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง” นักว่ายน้ำมืออาชีพที่เด็กรุ่นหลังควรยึดเป็นแบบอย่าง
13 เมษายน ของทุกปีช่วงนี้จะเป็นเทศกาลที่มีความสุขมากที่สุดของคนไทย แต่กับครอบครัว จันทร์กระจ่าง 13 เมษายน ในปี พ.ศ. 2529 นั้นพิเศษกว่าทุกปี ความสุขของครอบครัวนี้นั้นทวีคูณขึ้นเป็นหลายเท่า เมื่อเด็กหญิง “อุ้ม” ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง ได้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงเทศกาลแห่งสายน้ำของไทย เหมือนโชคชะตาได้กำหนดมาแล้ว เพราะบังเอิญแบบไม่น่าเชื่อว่าอีก 36 ปีต่อมา เด็กสาวที่เกิดในช่วงเทศกาลแห่งสายน้ำของไทย ได้กลายเป็นตำนานนักกีฬาว่ายน้ำที่ดีที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย และเธอเป็นนักว่ายน้ำคนแรกที่ก้าวเข้าใกล้คำว่า นักว่ายน้ำมืออาชีพมากที่สุด ในวันที่กีฬาว่ายน้ำยังไม่เข้าใกล้คำว่า กีฬาอาชีพแม้เพียงสักนิด
Take your Mark
ถึงในวัยเด็กจะชอบเล่นน้ำมากขนาดไหน แต่ชีวิตของ “อุ้ม” ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง ก็ไม่เฉียดใกล้ที่จะได้เริ่มต้นการเป็นนักว่ายน้ำเลย จนกระทั่งในวัย 8 ปี ถึงได้เริ่มเรียนว่ายน้ำเป็นครั้งแรกในชีวิต เธอรอจนถึงอายุ 10 ปี ถึงได้เริ่มออกแข่งขัน ซึ่งในช่วงแรกของการแข่งขันเธอก็ไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในระดับนักว่ายน้ำแถวหน้าของรุ่นเลยด้วยซ้ำ จุดพลิกผันคือตอนขึ้นชั้น มัธยม 3 อุ้มที่มีพัฒนาการด้านการว่ายน้ำอย่างต่อเนื่อง เริ่มได้ขึ้นมามีชื่อติดธงเป็นตัวแทนนักว่ายน้ำเยาวชนทีมชาติไทยแต่ยังคงอยู่ในระดับมือ 2 เท่านั้น และเธอมาผงาดขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของประเทศในรุ่นอายุของตัวเองจริง ๆ ก็ตอนขึ้นชั้นมัธยม 5 ไปแล้วซึ่งถือว่าค่อนข้างช้ากว่ามาตรฐานนักว่ายน้ำหญิงทีมชาติไทยโดยทั่วไปอยู่พอสมควร แต่นั้นเป็นแค่เรื่องราวในขั้นเตรียมตัวออกสตาร์ทในเส้นทางชีวิตการว่ายน้ำของเธอ ซึ่งเรื่องราวความสำเร็จของเธอหลังจากเริ่มต้นออกตัวจาก บล็อกสตาร์ท ไปแล้วนั้นน่าสนใจกว่านี้มาก
มุมมองของนักว่ายน้ำ 3 ยุค
ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง ติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในซีเกมส์ ปี 2003 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่วงการว่ายน้ำไทยครองบัลลังก์จ้าวอาเซียน หลังจากนั้นเธอติดทีมชาติมาอย่างต่อเนื่อง จนผ่านเข้าสู่ยุคที่ว่ายน้ำไทยมีผลงานระดับปานกลาง ๆ และติดทีมต่อเรื่อยมาจนกระทั่งใน 3-4 ปี หลังสุดที่คนทั่วไปมองว่าเป็นยุคตกต่ำแบบเต็มตัวของว่ายน้ำไทย
เธอเล่าถึงความรู้สึกในการแข่งขันแต่ละยุคว่ามันต่างกันไปหมด ตอนเป็นนักว่ายน้ำตัวหลัก ตัวความหวัง จะมีทั้งความเครียด ความกดดัน เพราะอาจต้องแบกความหวังของคนทั้งชาติ แต่ในช่วงหลัง เธอเปรียบเสมือนพี่ที่คอยดูแลน้อง คอยให้คำปรึกษา คอยจัดการเรื่องต่าง ๆ และพยายามสนุกไปกับการแข่งขันมากว่า แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยไม่ว่ายุคไหนก็คือ เธอทำเต็มที่ทุกครั้งที่ลงสนามในนามทีมชาติไทย
ส่วนความเห็นของเธอต่อวงการว่ายน้ำไทยเราในปัจจุบัน เธอเชื่อว่าเราอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ผลัดใบ เช่นเดียวกับเพื่อนบ้านหลายประเทศที่ประสบปัญหาเดียวกัน ซึ่งทีมว่ายน้ำไทยเราเองก็มีดาวรุ่งที่เปี่ยมศักยภาพที่ยังคงต้องใช้เวลาบ่มเพาะอีกสักระยะ เพื่อที่จะก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จเหมือนรุ่นพี่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราเองก็ยังต้องพัฒนาในเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่บางจุดเรายังล่าช้าอยู่ควบคู่ไปด้วย ซึ่งปัจจุบันทางสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทยเองก็พยายามพัฒนาตรงจุดนี้อยู่แล้วเช่นเดียวกัน
นักว่ายน้ำผู้ประสบความสำเร็จมากที่สุด
เธอลงแข่งขันรายการเอเชียน เอจ กรุ๊ป ที่ประเทศอินเดีย และสามารถคว้าได้ถึง 10 เหรียญทอง กับ 1 เหรียญทองแดง และสามารถคว้ารางวัลนักว่ายน้ำยอดเยี่ยมของกลุ่ม A มาครองได้สำเร็จอีกด้วย อีกหนึ่งความมหัศจรรย์ และเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จในตัวเธอได้เป็นอย่างดีก็คือ 89 เหรียญทอง 18 เหรียญเงิน และ 10 เหรียญทองแดง ในกีฬาแห่งชาติ ที่เธอเริ่มต้นแข่งขันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 จนถึงครั้งล่าสุดในปี พ.ศ. 2561 มันช่างเป็นความสำเร็จที่ต่อเนื่องยาวนานระดับปรากฎการณ์ ชนิดที่หาคนที่จะลอกเลียนแบบได้ยากจริงๆ
ขณะที่ซีเกมส์ ในยุคปัจจุบันการลงแข่งขันและได้รับเหรียญรางวัลสักเหรียญก็ถือว่าน่าดีใจแล้ว แต่ ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง ในวัย 36 ปี ผ่านซีเกมส์มาแล้วทั้งหมด 10 ครั้ง คว้าเหรียญซีเกมส์รวม 42 เหรียญ แบ่งเป็นเหรียญทอง 15 เหรียญ เหรียญเงิน 19 เหรียญ และเหรียญทองแดง 8 เหรียญ โดยเฉพาะซีเกมส์ปี 2011 ที่อินโดนีเซีย ครั้งนั้นเธอคว้าคนเดียวได้ถึง 5 เหรียญทอง
เงือกสาว 3 โอลิมปิกเกมส์
ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง ลงแข่งโอลิมปิกมาแล้วทั้งหมด 3 สมัย ใน 3 ทวีป ซึ่งถือว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของนักว่ายน้ำหญิงไทย โดยโอลิมปิก 3 สมัยของเธอเกิดขึ้นที่ ปักกิ่ง ปี 2008 ลอนดอน ปี 2012 และริโอเดอจาเนโร ปี 2016 เธอเล่าว่าตื่นเต้น และกดดัน ทุกครั้งที่ลงแข่งในโอลิมปิกเกมส์ เพราะมันเป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งบรรยากาศในโอลิมปิกทั้ง 3 ครั้ง ไม่เหมือนกันเลย ให้ประสบการณ์ที่ต่างออกไปทุกครั้ง ทั้งระบบการจัดการแข่งขัน การปรับตัวให้เข้ากับเวลาในท้องถิ่นนั้น ๆ ทำให้เธอต้องปรับสภาพร่างกายให้พร้อมกับการแข่งขันทุกครั้ง ซึ่งประสบการณ์จากการแข่งขันในแต่ละครั้ง มีส่วนช่วยให้เธอเรียนรู้ พัฒนาตนเอง ให้ใกล้เคียงกับนักกีฬาระดับมืออาชีพมากขึ้นเรื่อยๆ
นักว่ายน้ำมืออาชีพ
ถ้านับรวมในสมัยเป็นเยาวชนทีมชาติด้วยแล้ว ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง ติดทีมชาติมาแล้วเกินครึ่งชีวิต กีฬาว่ายน้ำซึ่งไม่เคยเป็นกีฬาอาชีพเลยในเมืองไทย แต่ถ้าจะมีใครใกล้เคียงกับคำว่า “นักว่ายน้ำมืออาชีพ”มากที่สุดก็คงเป็นตัวเธอนี่แหละ เพราะตั้งแต่ติดทีมชาติครั้งแรกสุดมาจนถึงทุกวันนี้ เธอดำรงชีพอยู่ได้ด้วยการว่ายน้ำแทบจะอย่างเดียวเลย ว่ากันว่าเงินอัดฉีดรวมทุกรายการที่เธอรับใช้ชาติ และต้นสังกัดต่างๆ ตลอด 19 ปีนั้น มีผู้สัดทัดกรณีในวงการว่ายน้ำเคยคำนวนเอาไว้ว่าอยู่ในหลักสิบล้านบาท เพราะความสำเร็จของเธอนั้นต่อเนื่องยาวนานจริง ๆ ไม่รวมกับเงินเดือนของนักกีฬาทีมชาติที่ก็มีให้อยู่ตลอด อีกทั้งเธอยังควบตำแหน่งเป็นทั้งนักกีฬา และผู้ฝึกสอนให้กับสังกัดอย่าง ชมรมว่ายน้ำสิงห์อีกด้วย ซึ่งในส่วนนี้ก็มีเงินเดือนให้อีกเช่นกัน นอกจากเงินเดือนแล้ว ต้นสังกัดยังมีการส่งฝึกซ้อม และแข่งขันในต่างประเทศเป็นการสนับสนุนอีกทาง
อีกหนึ่งงานพิเศษของเธอ คือการรับเป็น Part-Time Coach ให้กับโรงเรียนนานาชาติชื่อดังอย่าง บางกอกพัฒนา ในส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็แทบไม่มีปัญหาเพราะว่าเธอมีผู้สนับสนุนเป็น SPEEDO แบรนด์ว่ายน้ำระดับโลกคอยช่วยเหลือมาตลอด กระทั่งในเรื่องเรียน เธอก็ยังเป็นนักกีฬาทุนมาตลอดได้เรียนมหาวิทยาลัยดี ๆ โดยที่ไม่ต้องรบกวนเงินที่บ้านเลย จากความสำเร็จทั้งหมดที่กล่าวมามันเกิดจากความเป็นมืออาชีพ และความรักในกีฬาว่ายน้ำของเธออย่างแท้จริง ทำให้เธอสามารถยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวให้ดีขึ้น สามารถซื้อบ้าน และรถใหม่ให้ คุณพ่อ คุณแม่ อยู่สบายมากขึ้น รวมถึงซื้อรถ และคอนโดให้กับตัวเอง ซึ่งทั้งหมดมันเกิดจากอาชีพ นักว่ายน้ำที่รักของเธอ
เป้าหมายปัจจุบัน และอนาคต
ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง ไม่เคยจินตนาการตัวเองในแบบที่ไม่ใช่นักว่ายน้ำมาก่อนเลย แต่เธอก็แอบชอบอยากลองทำงานเบื้องหลังเกี่ยวกับด้านนิเทศศาสตร์อยู่เหมือนกัน เพราะถึงแม้มันจะเหนื่อยแต่เธอก็คิดว่ามันน่าจะสนุกดี ในศึกว่ายน้ำชิงแชมป์โลก 2019 ที่กวางจู ประเทศเกาหลีใต้ เหมือนเป็นรายการที่นำพาโลกปัจจุบัน และโลกอนาคตของเธอมาบรรจบกัน
เธอลงแข่งทั้งในประเภทการแข่งขันปกติ และประเภท Master (รุ่นการแข่งขันแบบกลุ่มอายุเริ่มต้นที่ 25 ปีขึ้นไป) ซึ่งทั้ง 2 ประเภทมันต่างกันอย่างสิ้นเชิงในการแข่งขันปกติมันยังคงมีความกดดันอยู่บ้าง เพราะเป็นรายการใหญ่ มีความจริงจังที่เธอยังต้องการทำเวลาให้บรรลุเป้าหมายข้ามผ่านกำแพงเวลา 2 นาที ในท่าฟรีสไตล์ 200 เมตรไปให้ได้ แต่กับการแข่งขันในรุ่น Master เป็นคนละเรื่องกันเลย มันเป็นเกมแห่งมิตรภาพ ถึงจะแข่งกันเต็มที่แต่บรรยากาศก็สนุกสนาน นั้นทำให้เธอเริ่มเห็นภาพตัวเองในอนาคต ที่สามารถทำงานอย่างอื่นแบบที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกสอน หรืองานด้านนิเทศศาสตร์ โดยที่ยังสามารถแวะกลับมาหา และเล่นกีฬาว่ายน้ำที่รักได้อย่างแบบมีความสุขอยู่เสมอในรูปแบบการแข่งขันแบบ Master ซึ่งครั้งที่ผ่านมาเธอ เพื่อน และรุ่นน้อง น่าจะสนุกกันมาก เพราะแบกเหรียญทอง พร้อมทำลายสถิติโลก Master กลับบ้านกันถ้วนหน้าแบบชื่นมื่นสุด ๆ
เกิดมาเพื่อรู้และเป็นผู้ให้ความรู้
ณัช แปลว่า เกิดมาเพื่อความรู้ และผู้ให้เกิดความรู้ ฐานันตร์ แปลว่าตำแหน่ง สถานะ หรือลำดับชั้น คงไม่มีคำไหนอธิบายความเป็นตัวเธอได้ดีกว่าชื่อของเธอเองอีกแล้ว เพราะวันนี้ตัว ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง ดำรงตำแหน่งอยู่ในทั้ง 2 สถานะทั้งนักกีฬา และผู้ฝึกสอน ในการเป็นนักว่ายน้ำ เธอมักบอกอยู่เสมอว่า ว่ายน้ำสอนเธอให้ได้เรียนรู้ถึงสิ่งใหม่แบบไม่เคยจบสิ้น ซึ่งเธอเองก็ยังคงสนุกที่ได้เรียนรู้มันต่อไปเรื่อย ๆ แบบไม่เคยเบื่อ ในขณะเดียวกันอีกหนึ่งบทบาท หรือตำแหน่งในปัจจุบันอีกอย่าง ที่เธอได้เริ่มทำมาตลอดในหลายปีหลัง ก็คือเป็นผู้ให้ความรู้ หรือผู้ฝึกสอนว่ายน้ำนั้นเอง ซึ่งเธอได้ใช้ความรู้ และประสบการณ์กว่า 20 ปี ในการรับใช้ชาติของเธอ ถ่ายทอดความรู้ให้กับนักว่ายน้ำเยาวชนรุ่นหลัง เพื่อพัฒนานักว่ายน้ำรุ่นใหม่ให้ขึ้นมาสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย เหมือนที่เธอเคยได้ทำมาแล้วในอดีต
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
5 ประโยชน์ดีๆ ของ “พริก” คนชอบกินเผ็ดมีเฮ
อาหารรสเผ็ด อาจสร้างความทรมานในช่องปากให้กับคนกินจนต้องปาดเหงื่อปาดน้ำตากันไปเป็นชั่วโมงๆ และอาจจะไม่สบายท้องนักหลังกินเสร็จ แต่คนที่ชอบกินเผ็ดอาจมีเฮ เมื่อรู้ว่าอาหารรสเผ็ดก็มีประโยชน์ต่อร่างกายได้เหมือนกัน
ประโยชน์ของพริก
สารแคปไซซินอาจมีส่วนช่วยเผาผลาญแคลอรี่และไขมันในร่างกายได้ จึงเป็นรสชาติอาหารของผู้ที่กำลังลดน้ำหนักได้ดี จึงทำให้สารแคปไซซินเป็นส่วนประกอบของยาที่ช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายด้วย
- บรรเทาอาหารไข้หวัด
พริกมีวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในการป้องกันการติดเชื้อ ที่อาจนำไปสู่การเจ็บป่วย แต่มีข้อสังเกตคือ วิตามินซีไม่ใช่ยาที่ใช้รักษาโรคไข้หวัด แต่อาจมีส่วนช่วยลดอาการรุนแรงของไข้หวัด บรรเทาอาการหวัด และทำให้ฟื้นตัวได้ไว ร่นเวลาการเจ็บป่วยได้
- ลดการอักเสบ ลดความเสี่ยงของมะเร็ง
ในพริกมีสารต้านอนุมูลอิสระที่นอกจากจะช่วยในเรื่องของผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดอาการอักเสบในร่างกาย และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งได้อีกด้วย
- ช่วยให้อายุยืน
สารอาหารในพริก ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น จึงทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีอายุยืนยาวขึ้นได้ด้วย
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
พริกจะช่วยลดการจับกลุ่มของเกล็ดเลือด ช่วยละลายลิ่มเลือด ทำให้เลือดไม่จับตัวเป็นก้อนจนอุดตันหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดและหัวใจ
กินพริกอะไรดี
สารแคปไซซิน ในพริกแต่ละชนิดอาจมีไม่เท่ากัน โดยพริกที่คนไทยนิยมกินกันบ่อยๆ จะมีปริมาณสารแคปไซซินเรียงจากมากที่สุด ไปน้อยที่สุด ดังนี้
- พริกขี้หนู
- พริกเหลือง
- พริกชี้ฟ้า
- พริกหยวก
- พริกหวาน
เป็นต้น
ข้อควรระวังในการรับประทานพริก
- ความเผ็ดของพริกไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน ลำไส้อักเสบ เป็นต้น
- การรับประทานพริกมากเกินไป อาจทำให้ปวดท้อง ท้องเสีย หรือระคายเคืองกระเพาะอาหารได้
- ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบจากสารแคปไซซิน ควรปรึกษาคุณหมอก่อนการรับประทาน เนื่องจากอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาอาการแพ้ โดยเฉพาะกับสตรีตั้งครรภ์และอยู่ในช่วงให้นมบุตร
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ตัวอย่างการใช้ Direct/Indirect speech
Direct speech คือการพูดถึงคำพูดของคนอื่นโดยยังคงรูปแบบเดิมไว้เป๊ะๆ หรือพูดตามที่เราจำได้:
ตัวอย่าง: Barbara said, “I didn’t realize it was midnight.”
บาร์บาร่าพูดว่า “ฉันไม่รู้เลยว่ามันเที่ยงคืนแล้ว”
Indirect speech นั้นคือเวอร์ชั่นที่คำพูดของคนที่เรานำมาอ้างนั้นถูกเปลี่ยนแปลงแล้ว
ตัวอย่าง: Barbara said she hadn’t realized it was midnight.
บาร์บาร่าพูดว่าเธอไม่รู้เลยว่ามันเที่ยงคืนแล้ว (สังเกตว่าแกรมม่าเปลี่ยนไป)
หากต้องการใช้ Direct Speech ลองทำตามคำแนะนำ 5 ข้อของเราดูนะ
1. ดูว่าประโยคนั้นเป็นประเภทไหน (ประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม ประโยคคำสั่ง)
2. ใช้ไวยากรณ์แบบใด
3. ต้องเปลี่ยนบุคคลหรือไม่? (คำสรรพนาม)
4. ต้องย้อนเวลาในไวยากรณ์หรือไม่?
5. ต้องการเปลี่ยนเวลาหรือสถานที่หรือไม่?
ตัวอย่าง: He said: ” I go for a walk every evening”
เขาบอกว่า “ฉันออกไปเดินเล่นทุกเย็น”
He said (that) he went for a walk every evening
เขาบอกว่าเขา(นั้น)ออกไปเดินเล่นทุกเย็น
Ex: He said: ”I will call you tomorrow”
ตัวอย่าง: He said:”I will call you tomorrow”
เขาบอกว่า “ผมจะโทรหาคุณพรุ่งนี้”
He said (that) he would call me the next day
เขาบอกว่าเขา(นั้น)จะโทรหาคุณวันต่อมา
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
เคลียร์ให้ชัด! เซลฟี่ติดรูปคนอื่นแชร์ผ่านโซเชียล ผิด กม. PDPA หรือไม่
ประธานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เคลียร์ชัด ถ่ายรูปเซลฟี่ ติดบุคคลอื่น แล้วโพสต์ แชร์ ผ่านโซเชียลผิด ไม่ผิด กม. PDPA เพราะไม่มีเจตนา สร้างความเสียหายให้บุคคลอื่น หวั่นโลกโซเชียลสร้างกระแสทำสังคมสับสน
นายเธียรชัย ณ นคร ประธานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่ากรณีมีการแชร์ข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดีย ว่าถ่ายรูปเซลฟี่ ติดบุคคลอื่น แล้วโพสต์ แชร์ ผ่านโซเชียล โดยที่เขาไม่ยินยอม ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ที่มีผลบังคับใช้วันที่ 1 มิถุนายน 2565 นั้นถือเป็นข้อมูลที่สร้างความสับสนให้กับสังคม โดยเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล คือการมุ่งคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ให้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ โดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
กรณีถ่ายรูปเซลฟี่ ติดบุคคลอื่น แล้วโพสต์ แชร์ ผ่านโซเชียล ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA เพราะไม่ได้สร้างความเสียหายให้บุคคลอื่น หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเกินสมควร อย่างไรก็ตามหากบุคคลอื่น เห็นว่ารูปที่โพสต์แชร์ เป็นรูปที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งให้ผู้โพสต์นำลงจากโซเชียลได้
เช่นเดียวกับกรณี ติดกล้องวงจรปิดภายในบ้านนั้นเพื่อดูแลความปลอดภัย ไม่มีเจตนาทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ไม่ผิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยภาพวิดีโอที่เก็บบันทึกไว้ในฮาร์ดดิสก์ ระยะหนึ่งก็ถูกลบออกไป ส่วนการติดกล้องวงจรปิดนอกบริเวณบ้านอาจต้องมีการแจ้งให้ทราบว่าบริเวณดังกล่าวมีการติดกล้องวงจรปิด เพื่อแสดงเจตนาว่ามีการเก็บบันทึกภาพเพื่อความปลอดภัย หากมีบุคคลนำไปฟ้องร้องก็ต้องพิสูจน์ว่าภาพวิดีโอที่เก็บไว้ถูกนำไปใช้สร้างความเสียหายหรือไม่
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“กระเบื้องฟอกอากาศ AIR ION” นวัตกรรมจัดการฝุ่น PM 2.5 แบบไม่ต้องใช้ไฟจาก COTTO
เครื่องฟอกอากาศดูจะเป็นปัจจัยหลักที่หลายคนต้องมีติดที่อยู่อาศัยกันแล้วในยุคสมัยนี้ เพราะอันตรายจากฝุ่น PM 2.5 ที่ดูยังส่งผลกระทบอยู่ต่อเนื่อง ยังไม่รวมถึงมลภาวะทางอากาศอื่น ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต แต่นอกจากเครื่องฟอกอากาศที่ต้องเปิดใช้งานไฟฟ้าตลอดเวลาแล้ว ล่าสุด COTTO มีผลิตภัณฑ์กระเบื้องที่สามารถจัดการฝุ่น PM 2.5 และสร้างมวลอากาศได้ดีจนคุณต้องทึ่ง
AIR ION คือกระเบื้องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพการลดฝุ่นได้มากถึง 89% ภายในระยะเวลา 30 นาที หลังติดตั้ง AIR ION อย่างน้อย 40% ของพื้นที่ พร้อมทั้งเพิ่มมวลอากาศสดชื่นภายในบ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เคล็ดลับของนวัตกรรมกระเบื้องฟอกอากาศนี้คือส่วนผสมจากแร่ธาตุธรรมชาติ Tourmaline บนผิวหน้ากระเบื้อง ซึ่งสามารถปล่อยประจุไอออนลบได้ในระดับ 3,000 ions/cm3 ผ่าน 4 ขั้นตอนการทำงานของ AIR ION ได้แก่
- กระเบื้องฟอกอากาศจะปล่อยประจุไอออนลบในบริเวณพื้นที่ติดตั้ง
- ประจุไอออนลบจะเข้าทำปฏิกิริยาดักจับฝุ่นละอองในอากาศ
- เมื่อตรงเข้าจับแล้ว ฝุ่นต่าง ๆ จะถูกนำไปตกลงพื้น
- เมื่อฝุ่นตกลงพื้น ก็จะคืนอากาศบริสุทธิ์ให้คุณได้หายใจในอากาศที่สะอาดยิ่งขึ้น
หากคุณกำลังมองหากระเบื้องสวย ๆ สำหรับก่อสร้างอาคารใดอยู่ AIR ION นับว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่ง เพราะสามารถตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 31/05/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,850.00 | 29,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,934.00 | 29,319.44 | 30,450.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,740.60 | 26,387.50 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,547.20 | 23,455.55 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 870.00 | 13,189.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 677.00 | 10,263.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,004.00 | 30,380.64 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 31/05/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 43.85 | 43.85 | 44.85 | 44.85 | 44.85 | 43.85 | 43.85 | 43.85 | 44.85 | 43.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 43.58 | 43.58 | 44.58 | 44.58 | 44.58 | 43.58 | 43.58 | 43.58 | 44.58 | 43.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 42.74 | 42.74 | 43.74 | 43.74 | 43.74 | – | 42.74 | 42.74 | 43.74 | 42.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.74 | 36.74 | – | – | – | – | – | – | – | 36.74 |
เบนซิน 95 | 51.26 | – | – | – | 52.71 | – | 51.76 | 51.76 | – | 51.26 |
ดีเซล B7 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล B20 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | – | 32.94 | – | 32.94 | 32.94 | – | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.36 | 44.36 | 48.39 | 47.26 | 48.39 | – | – | – | – | 44.36 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |