FTREIT ผู้นำกองทรัสต์อุตสาหกรรม จ่อลงทุนในทรัพย์สินศักยภาพสูงต่อเนื่อง
FTREIT ผู้นำกองทรัสต์อุตสาหกรรม รับไฟเขียวจากผู้ถือหน่วยทรัสต์ทุกวาระในประชุมสามัญประจำปี 2566 โชว์ผลการดำเนินงานเติบโตมั่นคง จ่อลงทุนในทรัพย์สินศักยภาพสูงต่อเนื่อง
บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FIRM” ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ “FTREIT” ได้จัดประชุมสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ ประจำปี 2566 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) เพื่อรายงานผลการดำเนินงานของ FTREIT ปีงบประมาณ 2565 (1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565) ให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เพื่อพิจารณา
สำหรับผลการดำเนินงานปีงบประมาณ 2565 ของ FTREIT มีรายได้รวม 3,645.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% และกำไรจากการลงทุนสุทธิจำนวน 2,518.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราการเช่าเฉลี่ยของกองทรัสต์สามารถปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อน มาอยู่ที่ 86.4% ทั้งนี้ได้จ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์จากการดำเนินงานปี 2565 รวม 4 ครั้ง เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 0.7070 บาทต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะเดียวกัน การประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ในครั้งนี้ยังมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ของ FTREIT โดยออกหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมจํานวนไม่เกิน 919,016,114 หน่วย ซึ่งเป็นการขอมติเป็นการทั่วไปเพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้สามารถเพิ่มทุนเพื่อนำเงินมาลงทุนในทรัพย์สินศักยภาพสูงเพิ่มเติมตามความเหมาะสม
ปัจจุบันทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการของ FTREIT ประกอบด้วยอาคารโรงงานและคลังสินค้ารวม 668 ยูนิต บนพื้นที่ให้เช่ารวม 2.13 ล้านตารางเมตร ส่งผลให้ FTREIT เป็นกองทรัสต์อุตสาหกรรมที่มีขนาดพื้นที่ให้เช่าสุทธิใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 1 และมีสัดส่วนพื้นที่ Freehold สูงที่สุดในประเทศไทย ทุกโครงการตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ, สมุทรปราการ, จังหวัดในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี), พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี, และ ปราจีนบุรี โดยทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการมีมูลค่ารวมกว่า 46,319.4 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
‘แสนสิริ’ประกาศเปิด 52 โครงการ 7.5หมื่นล้าน
‘เศรษฐา ทวีสิน’ นำทัพแสนสิริ ประกาศแผนธุรกิจปี 2566 ลุยเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ มากสุดในวงการอสังหาฯ 52 โครงการ มูลค่าทะลุ 7.5 หมื่นล้านบาท หลังเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยไปต่อ เดินหน้าทำนิวไฮ ทั้งยอดขาย รายได้ และ กำไร ทุบสถิติปีนี้
30 ม.ค.2566 – เรียกได้ว่า เป็นการประกาศแผนธุรกิจ ที่สั่นสะเทือนวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยไม่น้อย สำหรับ ‘แสนสิริ’ หลังจาก ‘เศรษฐา ทวีสิน’ กางแผนเสริมแกร่ง ปี 2566 ด้วยจำนวนการเปิดโครงการใหม่มากที่สุดในประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา และ มากที่สุดในวงการอสังหาฯขณะนี้ ที่จำนวน 52 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 75,000 ล้านบาท เพื่อเป้าหมายทำ ALL-Time High ทั้งยอดขาย – รายได้ – และกำไร
แสนสิริ ชี้ เศรษฐกิจไทย หนุนความมั่นใจธุรกิจอสังหาฯ
ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2565 นับได้ว่าเป็นปีแรกที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจน ภายหลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ปัจจัยสำคัญมาจากการได้รับวัคซีน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ดีการฟื้นตัวกลับมายังคงไม่เต็มที่ ทำให้มีทั้งโอกาสทางธุรกิจและปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าติดตามและเตรียมรับมือในอีกหลากหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่จะมีผลกระทบต่อประเทศไทย แนวโน้มราคาพลังงานและราคาโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นกดดันให้ต้นทุนและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
อย่างไรก็ดี แม้ปีที่ผ่านมาจะเป็นปีที่มีความท้าทายของการดำเนินธุรกิจภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน แต่แสนสิริสามารถเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนประสบความสำเร็จ ด้วยยอดขายรวมถึง 50,000 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 50% จากปีที่ผ่านมา และยอดโอน 36,800 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา
ทุบสถิติ เปิดโครงการใหม่มากที่สุด มูลค่า 7.5 หมื่นล.
บิ๊กบอสใหญ่แสนสิริ ยังกล่าวว่า ในปี 2566 บริษัทยังมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจและเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสนสิริเชื่อว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนในอนาคต
โดยวางแผนเปิดตัว 52 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 75,000 ล้านบาท ซึ่งจะนับเป็นการทุบสถิติเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ และคอนโดมิเนียม 22 โครงการ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2566 ไว้ที่ 55,000 ล้านบาท เป้าหมายรายได้รวม 40,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์รวมถึงเป้าหมายกำไรสุทธิ ที่จะทุบสถิติ ALL-Time High พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
ทั้งนี้ การเปิดตัว 52 โครงการใหม่ มูลค่ารวมสูงถึง 75,000 ล้านบาท ของ แสนสิริ จะเป็นการเติบโตขึ้นจากปีก่อน 74% และโตขึ้นจากช่วงเกิดโควิดถึง 1,000% หรือ 10 เท่าตัว ครอบคลุมทุกโปรดักส์ ทั้งคอนโดมิเนียม – บ้านเดี่ยว – บ้านแฝด – ทาวน์โฮม ทุกเซกเมนต์ระดับราคารองรับทุกความต้องการ และครอบคลุมในทุกทำเล เจาะกลุ่ม real demand
“นาราสิริ พหล – วัชรพล” โครงการไฮไลท์แพงสุด
โดยเฉพาะแนวราบ วางแผนเปิดตัว 30 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 50,700 ล้านบาท โดยโครงการแนวราบที่เป็นไฮไลท์ในปีนี้ ได้แก่ การเปิดตัว “นาราสิริ พหล – วัชรพล” มูลค่าโครงการ 5,300 ล้านบาท
อีกทั้ง ในปีนี้แสนสิริยังมีความเคลื่อนไหวของการเปิดตัว 9 แบรนด์ใหม่จากแสนสิริ ตั้งแต่แบรนด์ที่อยู่ใน Sansiri Luxury Collection ที่จะขยายพอร์ตลักซ์ชัวรี เซกเมนต์ของแสนสิริให้โตขึ้นแบบก้าวกระโดด ได้แก่ No.19 (นัมเบอร์ นายทีน) และ Sirinsiri (สิริณสิริ) แบรนด์ใหม่ในระดับพรีเมียม เซกเมนต์ ได้แก่ Narinsiri (ณริณสิริ) และ Ombré (ออมเบร) รวมทั้งแบรนด์คอนโดมิเนียมใหม่ ได้แก่ HUB (ฮับ) และ Cabanas (กาบานาส) ทำเลหัวหิน ที่จะเริ่มทยอยเปิดตัวแบรนด์ใหม่ต่างๆ ในปีนี้ เพื่อตอกย้ำ Forward Thinking Brand และความเป็น First Mover ของแสนสิริ
ลุยเปิดคอนโดใหม่ 22 โครงการ
ขณะการเปิดตัวคอนโดมิเนียมนั้น ในแผน แสนสิริวางไว้ 22 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 24,300 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อนถึง 151% โดยคอนโดมิเนียม ที่เป็นไฮไลท์ในปีนี้ ได้แก่ การเปิดตัว New Luxury Condominium ในสุดยอดทำเลศักยภาพ อาทิ ทำเลใจกลางเมืองอย่าง “อารีย์” และ “ราชเทวี” การเปิดตัวคอนโดมิเนียม แบรนด์ใหม่ที่เป็น One of a kind Project หรือแบรนด์ใหม่ที่มีความโดดเด่นบนโลเคชั่นเดียว อาทิ Cabanas Huahin และ อีก 2 แบรนด์คอนโดมิเนียมไลฟ์สไตล์ในย่านสุขุมวิท ประเดิมต้นปีด้วยการรุกตลาดคอนโดฯ ในไตรมาสแรก ด้วยการรีเฟรชแบรนด์ “ดีคอนโด”
รุก 6 จังหวัดใหม่ภูมิภาค-เมืองท่องเที่ยว
นอกจากนี้ แสนสิริ ยังวางกลยุทธ์ การรุกตลาดต่างจังหวัดต่อเนื่อง ใน 6 จังหวัด ได้แก่ หัวหิน, ภูเก็ต, เชียงใหม่, หาดใหญ่, ขอนแก่น และชลบุรี ารตอบรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในจังหวัดต่างๆ มาแล้ว โดยในปีนี้จะเปิดตัวโครงการในต่างจังหวัดทั้งหมด 12 โครงการ มูลค่ารวม 8,500 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 32.75 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า นักลงทุนต่างชาติขายบอนด์ระยะสั้น-ยาวต่อเนื่อง หลังผลประชุมสัปดาห์ก่อน คาดแนวต้านยังคงอยู่แถว 32.90-33.00 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (31ม.ค.2566)ที่ระดับ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”
จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 32.70 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทนั้นมาจากทั้งการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ท่ามกลางภาวะระมัดระวังตัวของผู้เล่นในตลาด
รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว นอกจากนี้ เรายังคงเห็นแรงขายบอนด์ระยะสั้นและระยะยาวจากฝั่งนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง หลังการประชุม กนง. ในสัปดาห์ก่อนหน้า
ทำให้ เราประเมินว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แต่มีโอกาสผันผวนในฝั่งอ่อนค่าลงได้บ้าง แต่มองว่า เงินบาทจะไม่อ่อนค่าไปมาก โดยโซนแนวต้านยังคงอยู่แถว 32.90-33.00 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างรอผลการประชุมของบรรดาธนาคารกลางหลัก ทำให้เราอาจยังไม่เห็นการปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน อย่างไรก็ดี หากตลาดพลิกกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ในกรณีที่รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนออกมาดีกว่าคาด ก็อาจช่วยให้เงินดอลลาร์ไม่ได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ลดแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทได้บ้าง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.65-32.85 บาท/ดอลลาร์
ผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวมากขึ้นและเลือกที่จะลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงลง ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุมของบรรดาธนาคารกลางหลัก รวมถึงรับรู้ผลการดำเนินงานของบรรดาบริษัทจดทะเบียน (กว่า 100 บริษัทในดัชนี S&P500 จะมีการประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้)
ส่งผลให้ดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลงกว่า -1.30% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน (Chevron -2.9%, Exxon Mobil -1.8%) ตามการปรับตัวลงหนักกว่า -2% ของราคาน้ำมันดิบ WTI สู่ระดับ 78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เนื่องจากทางการรัสเซียยังคงอนุญาตให้บรรดาบริษัทน้ำมันสามารถส่งออกน้ำมันในปริมาณและระดับราคาเท่าไหร่ก็ได้ หลังจากที่รัสเซียเผชิญมาตรการกำหนดเพดานราคาขายน้ำมันจากบรรดาชาติฝั่งตะวันตก
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปิดตลาด -0.17% โดยผู้เล่นในตลาดต่างลดสถานะการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงลงบ้าง ก่อนที่จะรับรู้ผลการประชุมของบรรดาธนาคารกลางหลัก ซึ่งในฝั่งของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า ECB อาจขึ้นดอกเบี้ย +0.50% พร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังอัตราเงินเฟ้อในฝั่งยุโรปยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 9%
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นและแกว่งตัวเหนือระดับ 102.2 จุด หลังผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะถือเงินดอลลาร์ พร้อมลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลักและผลการดำเนินงานของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้ แม้ว่า ผู้เล่นในตลาดจะอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว แต่ทองคำกลับไม่ใช้สินทรัพย์ที่ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะถือ เนื่องจากปัจจัยสำคัญที่ผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตา คือ แนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลัก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อทิศทางราคาทองคำ
นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ปรับตัวลดลงสู่โซนแนวรับแถว 1,935 ดอลลาร์ต่อออนซ์
เราประเมินว่า การย่อตัวลงของราคาทองคำใกล้โซนแนวรับอาจทำให้ผู้เล่นบางส่วนเข้าไปซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวได้บ้าง ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ในช่วงคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจฝั่งเอเชียจากรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing and Services PMIs)
โดยในฝั่งจีน ตลาดมองว่า การทยอยผ่อนคลายมาตรการคุมการระบาด COVID จะช่วยหนุนให้ทั้งภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการของจีนฟื้นตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมเดือนมกราคมที่ระดับ 49.9 จุด (จาก 47 จุด ในเดือนก่อนหน้า) และดัชนี PMI ภาคการบริการที่ระดับ 51.5 จุด (จาก 41.6 จุด ในเดือนก่อนหน้า)
ส่วนในฝั่งไทย เราประเมินว่าภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงอาจส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตอุตสาหกรรมของไทย สอดคล้องกับการชะลอตัวลงที่ชัดเจนของภาคการส่งออก โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมกราคมอาจลดลงสู่ระดับ 51 จุด
อย่างไรก็ดี ความหวังการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน อาจช่วยหนุนให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ (Business Sentiment) ในเดือนมกราคม ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50 จุดได้
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งหากรายงานผลประกอบการส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ก็อาจช่วยหนุนให้บรรยากาศในตลาดการเงินเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นได้บ้าง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ประเดิมวันนี้ ศึก แบดมินตัน “ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส 2023”
แบดมินตันรายการ “ปริ้นเซส สิริวัณณวรี ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส 2023″ ทัวร์นาเมนต์ระดับบีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 300 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 มกราคม – 5 กุมภาพันธ์ 2566 ณ อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ โดยจะระเบิดความมันส์วันนี้เป็นวันแรก
สำหรับนักแบดมินตันไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย ชายเดี่ยว “กัน” กันตภณ หวังเจริญ และ “โอ๊ต” สิทธิคมน์ ธรรมศิลป์ , หญิงเดี่ยว นำโดย “จิว” ลลินรัตน์ ไชยวรรณ และ “เมย์” ศุภนิดา เกตุทอง , ชายคู่ นำโดย “เอ็ม” สุภัค จอมเกาะ กับ “สกาย” กิตตินุพงษ์ เกตุเรน รวมไปถึงคู่ดาวรุ่งอย่าง “เบน” นันทกานต์ ยอดไพสง กับ “โอ๊ต” เฉลิมพล เจริญกิจอมร”
“ประเภทหญิงคู่ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ , คู่พี่น้องอย่าง “อันนา” นันทกาญจน์ กับ “มูนา” เบญญาภา เอี่ยมสอาด และ “เอิร์ธ” พุธิตา สุภจิรกุล กับ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน ,
ประเภทคู่ผสม นำโดย “เอ็ม” สุภัค จอมเกาะ กับ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน และคู่ดาวรุ่งอย่าง “ไตเติ้ล” รุษฐนภัค อูปทอง กับ “เจน” เฌอย์นิชา สุดใจประภารัตน์”
แฟนๆชาวไทยสามารถไปเชียร์แบบติดขอบสนามได้ที่อาคารนิมิบุตร โดยคู่แรกจะเริ่มเวลา 10.00 น. หรือรับชมการถ่ายทอดสดได้ทาง TrueVisions และ ช่องทรูโฟร์ยู หมายเลข 24
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“นอนมากแต่ยังง่วง” เพราะกำลังนอนอย่าง “ไร้คุณภาพ” หรือเปล่า?
หากเมื่อคืนคุณนอนเพียง 4-5 ชั่วโมงแล้วต้องตื่นแต่เช้ามาทำงาน รับรองว่าคุณจะต้องง่วงนอนแน่ๆ แต่หากช่วงนี้คุณเองก็นอนมากกว่า 6-7 ชั่วโมง ไม่ได้นอนน้อยแต่อย่างใด แต่ยังรู้สึกง่วงระหว่างวันตลอดเวลา นั่นอาจหมายความว่าคุณกำลังนอนอย่าง “ไร้คุณภาพ” อยู่หรือเปล่า?
นอนอย่าง “ไร้คุณภาพ” คืออะไร?
การนอนอย่างมีคุณภาพไม่ได้หมายถึงระยะเวลาที่เรานอนมากเพียงพออย่างเดียว แต่นั่นต้องรวมถึงว่าร่างกายของเราได้พักผ่อนจากการนอนหลับอย่างเต็มที่จริงๆ ดังนั้นหากคุณนอน 8 ชั่วโมง แต่ร่างกายของคุณไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ คุณอาจง่วงนอนเหมือนนอนไปแค่ 5 ชั่วโมงก็ได้
ทำอย่างไร ถึงจะนอนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ?
การนอนให้หลับสนิท จะทำให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่โดยไม่เสียเวลาที่นอนไปอย่างเปล่าประโยชน์ หากอยากนอนให้ได้อย่างเต็มที่ แนะนำวิธีเหล่านี้
- นอนเท่าที่ร่างกายต้องการ หากลืมตาตื่นแล้วก็ให้ลุกขึ้นจากเตียง ไม่ต้องนอนต่อ
- เข้านอน และตื่นนอนให้ตรงเวลาในทุกๆ วัน จนติดเป็นนิสัย
- อย่าทำกิจกรรมหนักๆ ก่อนนอน เช่น ออกกำลังกาย เพราะจะทำให้ร่างกายตื่นตัวจนอาจจะนอนไม่หลับ
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลังเที่ยง และแอลกอฮอล์ตั้งแต่บ่ายถึงค่ำ
- ลดสิ่งก่อกวนสมาธิในห้องนอน เช่น แสงไฟจ้า เสียงโทรทัศน์ วิทยุ
- งดการมองจอมือถือ และคอมพิวเตอร์ก่อนเข้านอนราวๆ 30 นาที
- หลีกเลี่ยงการนอนงีบระหว่างวันเกิน 30 นาที
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ปล่อยไฟเตือนน้ำมันโชว์บ่อยๆ ทำเครื่องพังจริงไหม?
ทราบหรือไม่ว่าการปล่อยให้น้ำมันเชื้อเพลิงเกลี้ยงถังบ่อยๆ นอกจากจะเสี่ยงทำให้รถดับกลางทางได้แล้วนั้น ยังอาจถึงขั้นทำให้ “ปั๊มติ๊ก” พัง ต้องเสียเงินค่าซ่อมโดยใช่เหตุอีกด้วย
โดยปกติแล้วในถังน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีชิ้นส่วนที่เรียกว่า “ปั๊มเชื้อเพลิง” (Fuel Pump) หรือที่ภาษาช่างมักเรียกกันติดปากว่า “ปั๊มติ๊ก” เพื่อใช้ดูดน้ำมันเชื้อเพลิงในถังป้อนให้กับเครื่องยนต์ โดยการทำงานของปั๊มติ๊กจะทำให้มีเสียงดัง ติ๊กๆ จึงเป็นที่มาว่าทำไมถึงเรียกกันว่าปั๊มติ๊กนั่นเอง
ทีนี้การที่มีน้ำมันไหลผ่านปั๊มติ๊กจะช่วยให้ปั๊มติ๊กไม่ร้อนและมีการหล่อลื่นอยู่ตลอดเวลา แต่หากปล่อยให้น้ำมันเชื้อเพลิงเกลี้ยงถังอยู่บ่อยๆ จนเห็นไฟเตือนน้ำมันโชว์เป็นเรื่องปกตินั้น จะทำให้ปั๊มติ๊กทำงานหนักและระบายความร้อนได้ไม่ดี เมื่อบ่อยเข้าก็จะทำให้มอเตอร์พังและได้รับความเสียหายได้ จนกระทั่งปั๊มติ๊กหยุดการทำงานไปในที่สุด ผลก็คือ เครื่องยนต์ดับ สตาร์ทไม่ติด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้แม้ในขณะรถกำลังเคลื่อนที่อยู่ก็ตาม
ส่วนการเปลี่ยนปั๊มติ๊กก็จะมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ประมาณ 8 ร้อยบาท ขึ้นไปจนถึง 5-6 พันบาท ขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น บางรุ่นสามารถเปลี่ยนเฉพาะมอเตอร์ได้ บางรุ่นจำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งชุดพร้อมลูกลอย แม้ว่าระยะเวลาในการเปลี่ยนจะไม่มากนัก (หากอู่มีอะไหล่พร้อมมักใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็เสร็จ) แต่เจ้าของรถมักจะเสียเวลาทั้งวันเนื่องจากไม่สามารถสตาร์ทเครื่องเพื่อขับไปยังอู่ได้นั่นเอง
ดังนั้น เพื่อเป็นการถนอมปั๊มติ๊ก ควรเติมน้ำมันให้ได้ระดับมากกว่า 1 ใน 4 ของถังทุกครั้ง และไม่ปล่อยให้น้ำมันพร่องจนไฟเตือนน้ำมันโชว์ กรณีรถใช้ก๊าซ LPG หรือ NGV ควรสลับมาใช้น้ำมันเป็นระยะ เพื่อให้ระบบฉีดจ่ายน้ำมันยังคงทำงานได้อย่างสมบูรณ์
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
บทสนทนาภาษาอังกฤษ “ชวนเพื่อนไปเที่ยว” ควรพูดอย่างไร?
ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับวันหยุดสุดสัปดาห์
When is your next holiday? วันหยุดของ เธอครั้งหน้าเมื่อไหร่นะ
What do you plan to do on holidays? เธอวางแผนจะทำอะไรในวันหยุด
What will you do on holidays? คุณจะทำอะไรในวันหยุด
Where do you want to go? คุณอยากไปที่ไหน
Where are you going? คุณจะไปไหนหรอคะ
ชวนเพื่อนออกมาข้างนอก
เริ่มต้นจากสถานการณ์การชวนใครคนหนึ่งออกมาข้างนอก พูดชวนเพื่อนออกมาข้างนอกภาษาอังกฤษ
Are you up to anything this evening? คุณมีอะไรทำไหมคืนนี้คะ?
Have you got any plans for …? คุณมีแผนการสำหรับ…ไหม?
Have you got any plans for this evening? คุณมีแผนการสำหรับเย็นนี้ไหมคะ?
Have you got any plans for tomorrow? คุณมีแผนการสำหรับพรุ่งนี้ไหมคะ?
Have you got any plans for the weekend? คุณมีแผนการสำหรับสุดสัปดาห์นี้ไหมคะ?
Are you free …? คุณว่างไหม…?
Are you free this evening? เย็นนี้ คุณว่างไหมคะ?
Are you free tomorrow afternoon? พรุ่งนี้ช่วงบ่าย คุณว่างไหมคะ?
Are you free tomorrow evening? พรุ่งนี้ช่วงเย็น คุณว่างไหมคะ?
What would you like to do this evening? เย็นนี้คุณอยากจะทำอะไรคะ?
Do you want to go somewhere at the weekend? คุณอยากจะไปที่ไหนในสุดสัปดาห์นี้คะ?
Would you like to join me for something to eat? คุณอยากจะมารับประทานอาหารกับฉันไหมคะ?
Do you fancy going out tonight? คืนนี้คุณอยากไปเที่ยวกลางคืนไหมคะ?
What will you do this holiday? วันหยุดนี้คุณจะทำอะไร
Where do you like to go? คุณชอบไปเที่ยวที่ไหนเหรอ
Which one are you thinking about? เธออยากไปที่ไหนล่ะ
I wanted to go to Koh Chang. ฉันอยากไปเกาะช้าง
การพูดตอบรับตกลงหรือปฏิเสธ
การพูดภาษาอังกฤษ สำหรับการตอบตกลงรับการนัดหมาย หรือการปฎิเสธนัด หากเราติดภารกิจหรือไม่สะดวก เพื่อนๆ สามารถตอบได้ดังนี้
การพูดตอบตกลง
Sure. แน่นอน
I’d love to. ฉันก็อยากมาร่วมด้วย
Sounds good. ก็ฟังดูดีนะ
That sounds like fun. ฟังดูน่าสนุกนะ
การพูดปฏิเสธ
Sorry, I can’t make it. ขอโทษนะ, ฉันไปไม่ได้
I’m afraid I already have plans. ฉันมีแผนอื่นเรียบร้อยแล้ว
I’m too tired. ฉันเหนื่อยแล้ว
I’m staying in tonight. ฉันจะอยู่บ้านคืนนี้
I’ve got too much work to do. ฉันมีงานมากมายที่ต้องทำ
I need to study. ฉันอยากเรียน
I’m very busy at the moment. ฉันยุ่งมากเลยตอนนี้
สนทนาภาษาอังกฤษในการนัดหมายเพื่อพบเจอ
การพูดตกลงเรื่องเวลาและสถานที่ จุดนัดหมาย
What time shall we meet? เราควรจะพบกันตอนกี่โมง
Let’s meet at … พบกันตอน…
Let’s meet at eight o’clock. เจอกันตอนแปดโมงนะ
Where would you like to meet? เจอกันที่ไหนดี
I’ll see you … at 4 o’clock. เจอกันที่… เวลา 4 โมง
… in the restaurant = ในร้านอาหาร
… at the cinema = ที่โรงภาพยนต์
I’ll meet you there. ฉันจะไปพบคุณที่นั่น
See you there! แล้วเจอกันที่นั่น!
Let me know if you can make it. บอกฉันด้วยถ้าคุณมาได้
I’ll call you later. ฉันจะโทรหาคุณภายหลัง
What’s your address? ขอทราบที่อยู่คุณหน่อย
ประโยคสนทนาเมื่อพบกันแล้ว
I’m running a little late. ฉันมาช้าไปหน่อย
I’ll be there in … minutes. ฉันจะไปถึงที่นั่นในอีก…นาที
… five = ห้า
… ten = สิบ
… fifteen = สิบห้า
Have you been here long? คุณมานานแล้วหรือ
Have you been waiting long? คุณรอนานแล้วหรือ
ประโยคบอกให้เพื่อน เดินทางปลอดภัย ภาษาอังกฤษ
“เดินทางปลอดภัยนะเธอ” ภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ จะพูดแบบไหนได้บ้างน๊า
- Have a safe flight.
เดินทางปลอดภัยนะ (เดินทางโดยเครื่องบิน) - Enjoy the journey.
เที่ยวให้สนุกนะ - Let me know when you land.
ถึงแล้วบอกด้วยนะ (เดินทางโดยเครื่องบิน) - Enjoy your trip.
เที่ยวให้สนุก - Have a safe trip.
เดินทางปลอดภัย - Bon voyage and there safe!
เดินทางปลอดภัยนะ - Enjoy the journey.
เที่ยวให้สนุกนะ - Have a nice trip.
เที่ยวให้สนุกนะ - Enjoy your holiday.
สนุกกับวันหยุดพักผ่อนนะ - Have a good trip.
เที่ยวให้สนุกนะ - Have a great journey home.
ขอให้เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ - Have a pleasant holiday.
ขอให้เป็นวันหยุดที่สนุกสนานนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
เหตุผลดี ๆ ที่ไม่ควรพลาด! ร่วมออกงานสถาปนิก’66
เหลืออีกไม่กี่เดือนแล้ว สำหรับงานสถาปนิก’66 งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งปีนี้ก็ได้จัดขึ้นมาเป็นปีที่ 35 แล้ว ทางสมาคมสถาปนิกสยามฯ และบริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ก็ได้เตรียมเซอร์ไพรส์พิเศษต้อนรับทั้งผู้จัดแสดงสินค้าและผู้เข้าร่วมงานไว้อย่างยิ่งใหญ่
สำหรับผู้แสดงสินค้าคนไหนที่ยังลังเลอยู่ ยังไม่ตัดสินใจ วันนี้เราหยิบเอาเหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานสถาปนิก’66
นี่คืองานที่รวบรวมนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการด้านการออกแบบ-ก่อสร้างครบวงจร รวมความเป็นที่สุดไว้ทุกตารางเมตรของพื้นที่จัดงาน บนพื้นที่ 75,000 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
คุณจะได้เจอกับบรรดากลุ่มเป้าหมายในวงการก่อสร้างมากกว่า 250,000 คน ตลอด 6 วันจัดแสดง ไม่ว่าจะเป็นสถาปนิก, นักออกแบบ, วิศวกร, ผู้รับเหมา, นักลงทุนในอสังหาฯ และผู้จัดจำหน่าย รวมถึงกลุ่มเจ้าของบ้านและกลุ่มคนรักบ้านอีกด้วย
ครั้งแรก! กับการร่วมมือกันระหว่าง 4 สาขาวิชาชีพสถาปัตยกรรมและสภาสถาปนิก ซึ่งคุณจะได้เจอกับสมาชิกจากทั่วประเทศเยอะที่สุดเท่าที่เคยมีมาของการจัดงานสถาปนิก ครบทุกสาขาวิชาชีพ ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมหลัก, มัณฑนศิลป์, ภูมิสถาปัตยกรรม, สถาปัตยกรรมผังเมือง และสมาชิกจากสภาสถาปนิก มางานนี้งานเดียวครบ จบ คุ้ม!
นี่คืองานสถาปนิกที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 35 และเป็นการจัดหนักจัดเต็มของสมาคมสถาปนิกสยามฯ ที่จะทำให้งานปีนี้ยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง!
เวทีประชันเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้างจากหลากแบรนด์ชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ มากกว่า 800 ราย
เติมเต็มแรงบันดาลใจ ต่อยอดไอเดียในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ จุดประกายความคิดจากนักออกแบบชั้นนำทั่วโลก ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์และเปิดไอเดียใหม่ ๆ ในการออกแบบ เพื่อใช้พัฒนาในการทำงานของคุณ
อย่ารอช้า เพราะโอกาสครั้งสำคัญในการต่อยอดธุรกิจของคุณมาถึงแล้ว พิเศษสุด! หากคุณจองพื้นที่ภายในเดือนธันวาคมปีนี้ รับข้อเสนอสุดพิเศษ ที่คุณปฏิเสธไม่ลงอย่างแน่นอน!
งานสถาปนิก’ 66 งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างใหญ่ที่สุดในอาเซียน ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 25 – 30 เมษายน 2566 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
สำหรับผู้สนใจจองพื้นที่ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม
ที่ https://architectexpo.com/2023/en/about-the-expo/#space-reservation หรือ โทร. 02-717-2477 อีเมล info@TTFintl.com
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 31/01/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,800.00 | 29,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,930.00 | 29,258.80 | 30,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,737.00 | 26,332.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,544.00 | 23,407.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 869.00 | 13,174.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 676.00 | 10,248.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,000.00 | 30,320.00 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 31/01/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.65 | 36.65 | 37.55 | 36.65 | 36.65 | 36.65 | 36.65 | 36.65 | 36.65 | 36.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.38 | 36.38 | 37.28 | 36.38 | 36.38 | 36.38 | 36.38 | 36.38 | 36.38 | 36.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.74 | 34.74 | 35.64 | 34.74 | 34.74 | – | 34.74 | 34.74 | 34.74 | 34.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.19 | 35.19 | – | – | – | – | – | – | – | 35.19 |
เบนซิน 95 | 44.06 | – | – | – | 44.51 | – | 44.56 | 44.51 | – | 44.06 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.84 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.84 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.84 | – | 34.94 | – | 34.94 | – | 34.74 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 45.86 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |