ตลาดรีเทล”ราชพฤกษ์” เดือด “โมเดอร์นฟอร์ม” บุกเจาะกำลังซื้อโซนตะวันตกกทม.
ตลาดรีเทล ราชพฤกษ์ เดือด! “โมเดอร์นฟอร์ม” ปักหมุด สาขาใหม่ ยกเฟอร์นิเจอร์บ้าน ครัว สำนักงานพรีเมียม เจาะกลุ่มกำลังซื้อสูงโซนกรุงเทพฝั่งตะวันตก หลัง ยักษ์ เซ็นทรัล โรบินสัน โลตัส ขยับ
ถนนราชพฤกษ์ ทำเลทอง โซนตะวันตกของกรุงเทพมหานคร ปัจจุบัน เติบโตสูง มีการขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน เกิดขึ้นต่อเนื่อง และที่ขยับตาม รองรับความเจริญกำลังซื้อ คงหนีไม่พ้น รีเทล ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจค้าปลีก
ที่ประกาศเปิดตัวไปไม่นาน มานี้ ได้แก่ เซ็นทรัลเวสต์วิลล์(เซ็นทรัลราชพฤกษ์) จะเปิดให้บริการอีก2ปีข้างหน้า , โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ราชพฤกษ์ เครือเซ็นทรัลรีเทลที่เปิดให้บริการแล้ว รวมถึงโลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) ยังไม่รวม ถึง โชว์รูม รถยนต์หรู วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน และอาคารสำนักงาน ที่ขยายสาขาตามมา ทำให้ทำเลนี้ กลายเป็นสมรภูมิเดือด ของตลาดรีเทล ส่งผลให้ราคาที่ดินย่านดังกล่าวขยับสูง
เช่นเดียวกับโมเดอร์นฟอร์ม ที่ขยายสาขาปักหมุดโชว์รูมระดับพรีเมียมประกาศเจาะกลุ่มกำลังซื้อสูง ทำเลราชพฤกษ์ ในเวลานี้
นาย กิติพัฒก์ เนื่องจำนงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MODERN เปิดเผยว่า โมเดอร์นฟอร์มมีเป้าหมายเติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคในหลากหลายมิติรวมถึงสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า พร้อมเดินหน้าขยายสาขาเปิดโชว์รูมใหม่บนทำเลราชพฤกษ์
ด้วยพื้นที่โซนกรุงเทพตะวันตกเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง เรียกได้ว่าเป็น New CBD รองรับการขยายตัวของเมืองหลวงในอนาคตจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นระบบเครือข่ายคมนาคมที่สะดวก มีโครงการระดับเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐและเอกชนเกิดขึ้นมากมาย รวมถึงการขยายตัวของโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์หลายโครงการตามเทรนด์การขยายของเมือง
สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพด้านกำลังซื้อที่สูงของประชากรในย่านนี้ โมเดอร์นฟอร์มจึงได้เลือกเปิดโชว์รูมบนทำเลราชพฤกษ์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มทุกความสุขของการใช้ชีวิตให้กับผู้บริโภคที่อยู่ในโซนนี้
สอดคล้องกับ นางสาว มนัสวี อุดมมงคล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายการตลาดและการขายปลีก กล่าวเสริม “โมเดอร์นฟอร์ม ราชพฤกษ์ เป็นโชว์รูมใหม่ใจกลางโซนกรุงเทพตะวันตก เพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในย่านราชพฤกษ์ ภายใต้แนวคิด “Western Destination for Modern Living” บนพื้นที่กว่า 500 ตารางเมตร ครบครันทั้งเฟอร์นิเจอร์บ้าน ครัว และสำนักงาน
ออกแบบและตกแต่งโชว์รูมในบรรยากาศโปร่งโล่งสบาย จัดแบ่งพื้นที่เป็นโซนตามประเภทสินค้าและฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น ตอบโจทย์ทุกความต้องการเรื่องการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่บ้านแบบลักซ์ชัวรี่เฮาส์ บ้านเดี่ยวขนาดกลาง หรือทาวน์โฮม และ Home Office Furniture
ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายกลุ่มลูกค้า ทั้งแบบ Work from Home ลูกค้า SMEs หรือลูกค้าองค์กรด้วยคอนเซ็ปท์ Modernize Showroom รูปแบบเฟอร์นิเจอร์หลากดีไซน์ หลายขนาด ที่จัดวางเพื่อสร้างแรงบันดาลในการตกแต่งที่อยู่อาศัย เริ่มจากพื้นที่ Living Area สำหรับทุกรูปแบบการอยู่อาศัยที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีเพื่อตอบโจทย์การพักผ่อนได้อย่างแท้จริง
อาทิ โซนโซฟาที่ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย ทั้งขนาด โทนสีและวัสดุ เพื่อรองรับทุกความต้องการ และรีไคลเนอร์หลากหลายดีไซน์ พร้อมไอเดียสำหรับพื้นที่ขนาดเล็กด้วยเฟอร์นิเจอร์ขนาดกะทัดรัด พร้อมโต๊ะกลางและชั้นวางเข้าเซ็ต รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่สามารถออกแบบให้เข้ากับทุกพื้นที่ตามต้องการ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“อสังหา”ดูดกำลังซื้อต่างชาติ “ออริจิ้น” นำทัพเอเจนท์บุก 12ประเทศทั่วโลก
ทั่วโลกเปิดประเทศ บิ๊ก“อสังหา”ดูดกำลังซื้อต่างชาติ “ออริจิ้น” นำทัพเอเจนท์ กว่า 130 บริษัท รุกหนักตลาดผู้ซื้อต่างชาติ 12 ประเทศทั่วโลก
การเปิดประเทศหรือรีโอเพนนิ่งของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ประกอบกับมาตรการและนโยบายสนับสนุนของภาครัฐ มากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะดึงกำลังซื้อตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งในกลุ่มนักลงทุนและอยู่อาศัยเองของชาวต่างชาติให้กลับมาอีกครั้งขณะกำลัง ซื้อในประเทศต้องยอมรับว่ามีความเปราะบาง สถาบันการเงิน เข้มงวดปฏิเสธสินเชื่อ มีผลกระทบมาจากภาระหนี้ครัวเรือน วินัยการใช้จ่าย
แน่นอนว่า ตลาดที่มีกำลังซื้อสูงจะเป็นกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ที่สะท้อนความต้องการ ซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนและอยู่อาศัย เพราะคอนโดมิเนียมไทยต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ได้ ตามสัดส่วน ที่กฎหมายกำหนด ที่สำคัญมีราคาถูก สร้างผลตอบแทนระยะยาวได้สูง เมื่อเทียบกับหลายประเทศ
รวมถึงในสายตาต่างชาติ ยังมองไทย เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง ทั้ง ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภัยสงคราม การเมือง การเดินทางสะดวก อาหารอร่อย มีแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ ค่าครองชีพต่ำ สาธารณสุขดี มิตรไมตรีมีเต็มเปี่ยม ฯลฯ โดยเฉพาะคนจีนที่คาดการณ์ว่าจะเดินทางเข้าไทยในช่วงปีหน้า หากรัฐบาลเขามีการผ่อนปรนเกี่ยวกับโควิด
ประเมินว่า ปีหน้าการแข่งขันเจาะตลาดลูกค้าต่างชาติของดีเวลลอปเปอร์ไทยคงจะคึกคักมากขึ้น พิจารณาจากการเตรียมความพร้อมจากหลายค่าย หลังหยุดนิ่งมานานสำหรับตลาดอสังหาฯของคนต่างชาติ
ที่ประกาศ บุก ตลาดผู้ซื้อต่างชาติ ชัดเจน และมีการเตรียมความพร้อม นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI สะท้อนว่า บริษัทจึงได้จัดงาน “Origin Agent Day” รวบรวมบริษัทตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีสำนักงานในประเทศไทยและทั่วโลกกว่า 130 บริษัท รวมกว่า 190 คนเข้าร่วมงาน
“อสังหาริมทรัพย์เมืองไทยยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองช่วงหลังเกษียณ และเพื่อลงทุนปล่อยเช่า เนื่องจากผู้ซื้อชาวต่างชาติมองว่าอสังหาริมทรัพย์ในทำเลศักยภาพของไทยมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศของตัวเอง มีการจัดการระบบสาธารณสุขที่ดีไม่แพ้ชาติชั้นนำอื่นๆ มีค่าครองชีพที่ไม่สูงเกินไป สิ่งสำคัญที่จะช่วยตอบสนองดีมานด์ดังกล่าวได้ คือการทำให้ทั้งตัวแทนขายและชาวต่างชาติมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลโครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพในทำเลศักยภาพของเครือออริจิ้นได้มากยิ่งขึ้น”
ภายในงาน Origin Agent Day ได้มีการให้ข้อมูลภาพรวมทิศทางการดำเนินธุรกิจของเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ข้อมูลทำเลศักยภาพ รายละเอียดโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวคุณภาพจากหลากหลายเซ็กเมนท์ ที่มีฟังก์ชัน การออกแบบ สิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคในระดับสากล
มุ่งหวังว่าโครงการจะสามารถเข้าถึง 12 ชาติชั้นนำที่เป็นตลาดศักยภาพและสนใจอสังหาริมทรัพย์ไทย อาทิ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย พม่า ญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรปบางประเทศ
นายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงก่อน โควิด (COVID-19) โครงการของบริษัทได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อชาวต่างชาติเป็นอย่างดีทั้งในโซนกรุงเทพฯและโซนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จึงเชื่อมั่นว่าการจัดงาน Origin Agent Day
ในช่วงที่นานาประเทศสำคัญกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จะช่วยให้ตัวแทนขายรับทราบข้อมูลที่สำคัญ และนำเสนอโครงการของบริษัทให้ได้รับการตอบรับที่ดีอีกครั้ง สร้างยอดขายในตลาดผู้ซื้อต่างชาติที่ 1,000 ล้านบาทได้ตามเป้าหมาย และสร้างยอดขายต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 1/2566
สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย
1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 112 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 3/2565)
เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin) โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 172,000 ล้านบาท
2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก
3.ธุรกิจบริการ (Service Business)เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์
4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ธุรกิจพลังงาน ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 35.03 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทมีโอกาสผันผวนฝั่งอ่อนค่าตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และควรระวังแรงขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงและสกุลเงินฝั่งเอเชียในระยะสั้น
เงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.03 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 34.75 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด ณ วันที่ 2 ธันวาคม)
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดยังคงได้แรงหนุนจากความหวังการผ่อนคลายมาตรการ Zero COVID ในจีน รวมถึงแนวโน้มเฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย
สัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรจับตา สัญญาณเงินเฟ้อสหรัฐฯ ผ่านดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อ เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของเฟด และควรติดตามสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในจีน
โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินสถานการณ์เงินเฟ้อสหรัฐฯ ผ่าน ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในเดือนพฤศจิกายน โดยตลาดคาดว่า ความต้องการสินค้าที่ลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐฯ
รวมถึง ปัญหา Supply Chain ที่คลี่คลายลงไปมาก จะช่วยลดแรงกดดันต่อราคาสินค้าฝั่งผู้ผลิต โดย PPI อาจชะลอลงสู่ระดับ 7.2% จาก 8.0% ในเดือนก่อนหน้า สะท้อนว่า แรงกดดันต่อเงินเฟ้อทั่วไป
ส่วนราคาสินค้า (Goods Inflation) ก็มีแนวโน้มชะลอลง อย่างไรก็ดี แรงกดดันเงินเฟ้อในฝั่งการบริการ (Services Inflation) อาจยังคงอยู่ในระดับสูง หลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ โดย ISM (Services PMI) เดือนพฤศจิกายน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.5 จุด ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้มาก และดัชนีราคาภาคการบริการก็ยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 70 จุด
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะสั้นและระยะยาวจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) ซึ่งเรามองว่า ต้องระวังในกรณีที่ ดัชนี PPI ไม่ได้ชะลอลงตามคาด หรือเงินเฟ้อคาดการณ์กลับเร่งตัวขึ้น ก็อาจทำให้ตลาดพลิกกลับมากังวลแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและกลับสู่ภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ได้
▪ฝั่งยุโรป – ตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยตลาดมองว่า เจ้าหน้าที่ ECB จะยังคงส่งสัญญาณสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ในอัตราชะลอลง (+50bps จาก +75bps) หลังอัตราเงินเฟ้อยูโรโซนชะลอลง แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบาย Deposit Facility Rate ของ ECB อาจปรับขึ้นใกล้ระดับ 3.00% ได้ในปีหน้า จากระดับล่าสุด 1.50%
▪ ฝั่งเอเชีย – ตลาดมองว่า ภาคการค้าระหว่างประเทศของจีนจะซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัดจากผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 ในจีนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นและภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง โดยยอดการส่งออก (Exports) ในเดือนพฤศจิกายน อาจหดตัวมากขึ้นถึง -4.3%y/y ส่วนยอดการนำเข้า (Imports) ก็อาจหดตัวกว่า -7.1%y/y
สอดคล้องกับการปรับตัวลดลงต่อเนื่องของดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่สะท้อนภาวะหดตัวในอัตราเร่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ดี ภาพเศรษฐกิจจีนที่ยังคงซบเซาจะช่วยลดแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ โดยตลาดมองว่า เงินเฟ้อทั่วไปของจีนจะชะลอลงสู่ระดับ 1.6% ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) สามารถใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อพยุงเศรษฐกิจได้ หากปราศจากแรงกดดันเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ในส่วนนโยบายการเงิน ตลาดประเมินว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps สู่ระดับ 3.10% ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า RBA อาจจบรอบขาขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 3.10% หรือ ปรับขึ้นอีกเล็กน้อยสู่ระดับ 3.25% ในการประชุมครั้งถัดไป หลังภาพเศรษฐกิจและเงินเฟ้อออสเตรเลียนั้นชะลอลงมากขึ้น
ส่วนธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ก็อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในอัตราชะลอลง +25bps (จาก +50bps ในครั้งก่อนๆ) ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้นสู่ระดับ 6.15% หลังเงินเฟ้อเริ่มชะลอลงมากขึ้น
อีกทั้งสกุลเงินรูปีอินเดีย (INR) ก็เริ่มแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ลดแรงกดดันต่อ RBI ในการเร่งขึ้นดอกเบี้ย เพื่อช่วยประคองค่าเงิน
ฝั่งไทย – เราประเมินว่า แนวโน้มการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทยที่ได้รับอานิสงส์จากการบริโภคในประเทศจะช่วยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ยังคงอยู่ในระดับ 3.2% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) จะทรงตัวที่ระดับ 6.0% (คิดเป็นการเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า +0.3%)
ทั้งนี้ เงินเฟ้อของไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องจากระดับฐานราคาสินค้าและบริการที่สูงในปีนี้ ขณะที่แรงกดดันด้านอุปทานก็เริ่มคลี่คลายลง ทำให้แม้เงินเฟ้อจะอยู่ในระดับสูงกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
แต่ก็ไม่ได้น่ากังวลมากนัก ทำให้เราคงมองว่า ธปท. จะทยอยเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งละ 25bps จนแตะระดับ 2.00% ได้ในปีหน้า
นอกจากนี้ ภาพการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจไทยจะสะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือนพฤศจิกายน ที่อาจปรับตัวขึ้นแตะระดับ 47 จุด
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสผันผวนฝั่งอ่อนค่าตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และควรระวังแรงขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยง
และสกุลเงินฝั่งเอเชียในระยะสั้น ในกรณีที่ตลาดกลับมาปิดรับความเสี่ยง นอกจากนี้ หากราคาทองคำย่อตัวลง ก็อาจมีโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้น หากตลาดกลับมาปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) จากความกังวลแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยเฉพาะในกรณีที่ดัชนี PPI รวมถึงคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐฯ ไม่ได้ชะลอลงมาก
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์อาจได้แรงหนุน หากตลาดกังวลสถานการณ์ COVID-19 ในจีน อาทิ ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น จนทางการจีนไม่สามารถผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดไปได้มาก
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.50-35.20 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.90-35.10 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ไม่ใช้งานแล้ว! “กาตาร์” เจ้าภาพสั่งรื้อ “สเตเดี้ยม 974” สนามแข่งบอลโลกทันที
ถือว่าใช้งานเสร็จเรียบร้อยสำหรับ “สเตเดี้ยม 974” สังเวียนแข้งที่ถูกสร้างขึ้นเป็นหนึ่งในสนามหลักทั้ง 8 สนาม เพื่อใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ
ซึ่งเกมล่าสุดที่ “ทัพแซมบ้า” บราซิล เป็นฝ่ายถล่มเอาชนะ “โสมขาว” เกาหลีใต้ ไปได้แบบขาดลอย 4-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา จะถือเป็นครั้งสุดท้ายที่สนามกีฬาแห่งนี้จะได้ถูกใช้งาน
โดยทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้ออกมายืนยันว่าพร้อมที่จะรื้อถอนสนามกีฬาแห่งนี้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น หลังจากที่มันถูกสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อที่จะใช้สำหรับจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก เพียงแค่ 7 เกมเท่านั้น
สำหรับ “สเตเดี้ยม 974” มีความจุ 40,000 ที่นั่ง ตั้งอยู่ที่บริเวณท่าเรือ ของเมือง ราส อาบู อาบูด ในกรุงโดฮา ถูกสร้างขึ้นด้วยตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 974 ตู้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์การเดินเรือ อันเป็นมรดกทางอุตสาหกรรมของกาตาร์ นอกจากนี้ยังเป็นการลดต้นทุน เมื่อเทียบกับการสร้างสนามทั่วไป
นอกจากนี้ สนามแห่งนี้ยังเป็นเพียงสนามเดียวที่ถูกจัดการแข่งขันคู่ที่เตะในช่วงเย็นเท่านั้น ซึ่งอุณหภูมิจะค่อนข้างเย็นกว่าตอนกลางวัน เนื่องจากไม่มีเครื่องปรับอากาศ ซึ่งทาง กาตาร์ประเมินแล้วว่าจะไม่สร้างสนามใหญ่โต เพราะต้องใช้งบประมาณในการดูแลจำนวนมาก เหมือนที่ แอฟริกาใต้, บราซิล, รัสเซีย เคยประสบปัญหามาก่อน
สำหรับ โครงสร้างพื้นฐานของ สนามกีฬา สเตเดี้ยม 974 สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้เนื่องจากมันเป็นตู้คอนเทนเนอร์ และทางประเทศกาตาร์ จะนำวัสดุ และอุปกรณ์ต่างๆ ส่งต่อให้กับประเทศที่ต้องใช้อุปกรณ์เหล่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
7 สัญญาณอันตราย เมื่อคุณออกกำลังกาย “มากเกินไป”
การออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดี แต่จะให้โทษแก่ร่างกายเมื่อออกกำลังกายมากเกินไป มีวิธีสังเกตอย่างไร Sanook! Health มีคำตอบค่ะ
7 สัญญาณอันตราย เมื่อคุณออกกำลังกาย “มากเกินไป”
1. รู้สึกอ่อนเพลีย หมดแรง ไม่กระปรี้กระเปร่า
2. ภูมิคุ้มกันลดลง จากการใช้พลังงานในร่างกายมากเกินไป และพักผ่อนไม่เพียงพอ
3. อารมณ์ไม่แจ่มใส ไม่เบิกบาน เพราะมองว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่จำเป็น “ต้องทำ” และกดดันตัวเองให้ทำ มากกว่าจะมองว่าเป็นการผ่อนคลาย
4. นอนไม่หลับ มีเรื่องให้คิด หรือจิตใจไม่สงบ ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา
5. อารมณ์แปรปรวน ไม่มั่นคง หงุดหงิดงุ่นง่านมากขึ้น
6. ปวดเมื่อย ทรมานไปทั้งตัว หรือเฉพาะส่วนที่ออกกำลังกายอย่างหนัก และส่วนที่สึกหรอหรือบาดเจ็บ ไม่ได้รับการเยียวยารักษา หรือซ่อมแซม
7. กระหายน้ำมากผิดปกติ เหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจเป็นลมหมดสติ
โทษของการออกกำลังกายมากเกินไป
1. ร่างกายมีความผิดปกติ เจริญเติบโตไม่เต็มที่ หรือหยุดการเจริญเติบโต
2. รูปร่างภายนอกดูดี แต่ระบบร่างกายภายในกลับรวน เช่น ประจำเดือนขาด มาไม่สม่ำเสมอ อวัยวะภายในร่างกายทำงานมากผิดปกติ
3. ในกรณีที่ทานโปรตีน หรือเวย์โปรตีนควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย หากไม่ควบคุมสารอาหารให้มีความสมดุล อาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร รับโปรตีนมากเกินไป ส่งผลให้ตับ และไตทำงานหนัก
4. กล้ามเนื้อบริเวณที่ออกกำลังกายอาจเกิดอาการบาดเจ็บ หากไม่หยุดทำการรักษา อาจถึงขั้นพิการ และใช้งานไม่ได้ตลอดชีวิต เช่น กล้ามเนื้อหัวไหล่ นิ้วมือ เข่า ข้อศอก ข้อเท้า เอ็นร้อยหวาย ฯลฯ
5. หากไม่ได้ตรวจร่างกายก่อนออกกำลังกาย และเข้าใจว่าตัวเองไม่ได้มีความผิดปกติ หรือโรคภัยอะไรร้ายแรง แล้วหักโหมออกกำลังกายอย่างหนัก อาจเป็นการกระตุ้นให้โรคนั้นๆ กำเริบเร็วขึ้น เช่น โรคหัวใจ เป็นต้น
ดังนั้น เราควรออกกำลังกายแต่พอดี ในระดับที่เหมาะสมกับร่างกายของเรา วัยของเรา นอกจากนี้ยังต้องทานอาหารให้ครบหมู่ อย่าทานแต่อาหารชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นเวลานานๆ เพื่อให้ได้สารอาหารที่หลากหลาย
สุดท้าย พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อจะได้มีแรง และพลังงานมาใช้ในการออกกำลังกายต่อไป หากเกิดอาการผิดปกติเมื่อไร ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที เท่านี้คุณก็ออกกำลังกายอย่างมีความสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างแท้จริงแล้วล่ะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
มาแชร์ประสบการณ์ Resignation หรือการลาออกในภาษาอังกฤษ
เพื่อนๆ อาจจะมีโอกาสได้ใช้กัน เมื่อต้องเจอกับสภาพแวดล้อมหรือการทำงานที่ไม่เหมาะสมกับตัวเอง ทำให้มีความคิดที่อยากจะลาออกจากที่เดิมเพื่อค้นหาบริษัทหรือตำแหน่งที่น่าสนใจต่อไป
ซึ่งคำศัพท์หรือประโยคที่เกี่ยวข้องกับการลาออกในภาษาอังกฤษนั้นมีมากมาย จะมีทั้ง Quit และ To resign = ลาออก แต่ว่า resign ฟังแล้วเป็นทางการมากกว่า quit เช่น
• I’d like to quit my job at the end of this year.
สิ้นปีนี้ผมอยากลาออกจากงานของผม
• It is with much regret that I must resign.
ฉันรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่จะต้องลาออก
• I’m thinking of resigning.
ผมกำลังคิดว่าจะลาออก
สำหรับประโยคอื่น ๆ ในการลาออกที่ไม่มีคำว่า Quit / Resign ก็มีในแต่ละเหตุผลจากที่ทำงาน ดังนี้
I’ve been trying, but I don’t think I’m up to this job.
ฉันได้ลองพยายามแล้วแต่ฉันไม่คิดว่าฉันจะเหมาะกับงานนี้
I’ve been here for too long. I want to change my environment.
ฉันอยู่ที่นี่มานานเกินไป ฉันอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศ (สิ่งแวดล้อม)
Bonus
สำหรับเพื่อนๆที่ลาออกแล้วสมัครงานใหม่ซึ่งที่ทำงานใหม่จะต้องถามคำถามที่ว่า Why are you leaving or have left your job? หรือ ทำไมคุณถึงลาออกหรือกำลังจะลาออกจากงานเก่าแน่นอน
หลายๆ บริษัทมักจะถามคุณอยู่แล้วว่าทำไมคุณกำลังจะออกจากงาน หรือคุณออกจากที่เก่าเพราะอะไร ทั้งนี้เพื่อที่จะได้รู้ว่าคุณลาออกมาเองหรือถูกให้ออกจากงานเนื่องจากความผิดพลาดในการทำงานบางอย่างหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม คำตอบของคุณควรจะทำให้คุณดูดีอยู่ดี ไม่ว่าจะมาจากเหตุผลอะไรก็ตาม
มาดูตัวอย่างคำตอบกัน
คุณกำลังมองหาความก้าวหน้า — “There isn’t room for growth with my current employer, and I’m ready to move on to a new challenge.”
ผมไม่มีโอกาสได้ก้าวหน้าในที่ทำงานเดิมเลยครับ และผมเองพร้อมแล้วที่จะเจอความท้าทายใหม่ๆ
คุณคิดว่างานเก่าไม่ใช่งานในฝัน — “I’ve decided that my current work role is not the direction I want to go in my career and my current employer has no opportunities in the direction I’d like to head.”
ผมคิดว่างานเก่านั้นไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ผมต้องการจะเติบโต และนายจ้างก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้กับทิศทางที่ผมต้องการจะไปครับ
คุณเพิ่งเรียนจบ — “I recently received my degree, and I want to maximize my educational background in my next position.” ผมเพิ่งได้รับปริญญามา และผมต้องการใช้ความสามารถจากพื้นฐานการศึกษาที่ผมมีกับงานใหม่นี้ครับ
ไม่มีใครอยากลาออกจากงานด้วยความรู้สึกที่ย่ำแย่ดังนั้นลองเอาประโยคเหล่านี้ไปปรับใช้เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้กันนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
Google เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาเพื่อผู้พิการแห่งแรกในสหราชอาณาจักร
Google เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งแรกในสหราชอาณาจักรเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้พิการ โดยร่วมกับสถาบันแห่งชาติเพื่อผู้พิการทางสายตา (RNIB) สถาบันแห่งชาติเพื่อผู้พิการทางการได้ยิน (RNID) และมูลนิธิเพื่อผู้พิการ Everyone Can ศูนย์แห่งนี้ตั้งอยู่ ณ กรุงลอนดอน
โดยถือเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาเพื่อผู้พิการแห่งแรกของ Google ที่ตั้งอยู่นอกสหรัฐอเมริกา
ภายในศูนย์นี้ นักวิจัยของ Google ช่วยกันพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยผู้พิการใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายขึ้น อย่างปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีสำหรับผู้พิการ โดยมีเป้าหมายทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นที่แพร่หลายไปถึงผู้ที่ไม่ได้มีความพิการด้วย
ตัวอย่างของเทคโนโลยีเหล่านี้ คือ เทคโนโลยีบทบรรยาย (Subtitle) ที่เดิมทีพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้พิการทางการได้ยิน แต่กลายมาเป็นเทคโนโลยีสำคัญสำหรับคนทั่วโลก
หรือ Project Relate แอปสำหรับผู้มีปัญหาทางการพูดที่เพิ่งเปิดตัวในสหราชอาณาจักร ที่มีความสามารถในการตีความลักษณะการพูดของผู้มีปัญหาทางการพูดให้สามารถสื่อสารอย่างคล่องแคล่วได้
Google เผยว่าพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้โดยได้รับความช่วยเหลือจากผู้พิการตัวจริง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
10 ประโยชน์ดีๆ ของลูกหม่อน มัลเบอร์รี่ ป้องกันมะเร็ง-เบาหวาน
ผลไม้ในบ้านเรามีหลากหลายชนิดมากจริงๆ นะคะ ทานยังไงก็ไม่ครบเสียที เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่เคยทาน “ลูกหม่อน” หรือ “มัลเบอร์รี่” เราเพิ่งได้ทานเมื่อไม่กี่วันก่อนเองค่ะ รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ทานเพลินมากๆ ให้สีชมพูอมม่วงสวย น่านำมาทำขนมสุดๆนอกจากราคาสบายกระเป๋า รสชาติสดชื่นแล้ว ยังมีประโยชน์ดีๆ อีกเพียบเลยด้วยนะ
10 ประโยชน์ดีๆ ของลูกหม่อน มัลเบอร์รี่
- ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ปริมาณน้ำตาลต่ำ และปรับปรุงการเผาผลาญของไขมันในร่างกาย จึงเหมาะกับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก หรือเป็นผู้ป่วยเบาหวาน
- บำรุงหัวใจให้แข็งแรง
- มีฤทธิ์เย็น ช่วยดับร้อน และให้ความสดชื่น ด้วยรสเปรี้ยวหวานที่เป็นเอกลักษณ์
- บำรุงสายตา ทำให้เส้นประสาทตาดี สายตาแจ่มใส
- แก้อาหารท้องผูก ทำให้ถ่ายได้ง่ายขึ้น
- แก้อาการปวดเกร็งตามเท้า ข้อมือ ข้อเข่า
- บำรุงเส้นผมให้ดกดำ เงางาม
- ลดความดันโลหิต
- ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โรคมะเร็ง และต่อต้านอาการขาดเลือดในสมอง
- ป้องกันโรคโลหิตจาง
เห็นอย่างนี้แล้ว เย็นนี้อย่าลืมหา “ลูกหม่อน” หรือ “มัลเบอร์รี่” มาทานกันเยอะๆ นะคะ จะทานสดๆ หรือนำมาดัดแปลงเป็นส่วนประกอบของขนมหวานต่างๆ ก็ได้ ทานเพลินกันได้ทั้งบ้านเลยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 6/12/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,350.00 | 29,450.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,901.00 | 28,819.16 | 29,950.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,710.90 | 25,937.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,520.80 | 23,055.33 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 855.00 | 12,961.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 665.00 | 10,081.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,970.00 | 29,865.20 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 6/12/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.05 | 35.05 | 35.35 | 35.35 | 35.35 | 35.05 | 35.05 | 35.05 | 35.35 | 35.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.78 | 34.78 | 35.08 | 35.08 | 35.08 | 34.78 | 34.78 | 34.78 | 35.08 | 34.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.34 | 33.34 | 33.64 | 33.64 | 33.64 | – | 33.34 | 33.34 | 33.64 | 33.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.54 | 32.54 | – | – | – | – | – | – | – | 32.54 |
เบนซิน 95 | 42.46 | – | – | – | 43.21 | – | 42.96 | 42.91 | – | 42.46 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 35.54 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 35.54 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | – | 35.54 | – | 34.94 | 34.94 | 33.64 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 44.26 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 16.59 | 16.59 | – | – | – | – | – | – | – | 16.59 |