ธอส.ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตลาดอสังหาฯ ออกแคมเปญสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเริ่มต้น 1.00% ต่อปี

ธอส. ส่งโปรแรงร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยตามนโยบายรัฐบาล กับสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษเริ่มต้น 1.00% ต่อปี และเงินฝากดอกเบี้ยสูง 1.75% ต่อปี ในงานมหกรรมทางการเงินออนไลน์ : Welfare Marketing Beyond 2025
ท่ามกลางเศรษฐกิจประเทศผันผวน กดกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ หดตัว ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง สนับสนุนคนไทยมีบ้านเป็นของตนเอง ส่งโปรแรงสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำ และเงินฝากดอกเบี้ยสูง ประกอบด้วย

(1) สินเชื่องาน Welfare Marketing Beyond 2025 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 เดือนแรก 1.50% ต่อปี
(2) สินเชื่อซ่อม – แต่ง และสินเชื่อซ่อม – แต่ง Plus อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.00% ต่อปี และ
(3) เงินฝากอัตราดอกดอกเบี้ยสูง 1.75% ต่อปี ในงานมหกรรมทางการเงินออนไลน์ : Welfare Marketing Beyond 2025 รูปแบบ Live Streaming ผ่านช่องทาง Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ วันพุธที่ 11 มิถุนายน 2568 เวลา 12.00-13.00 น. พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรม จำนวนมาก
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยตลอดระยะเวลากว่า 71 ปี ได้ทำให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 4.6 ล้านครอบครัว พร้อมร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ตามนโยบายรัฐบาล และกระทรวงการคลัง เตรียมจัดงาน “มหกรรมทางการเงินออนไลน์ : Welfare Marketing Beyond 2025” ในรูปแบบ Live Streaming ผ่านช่องทาง Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในวันพุธที่ 11 มิถุนายน 2568เวลา 12.00-13.00 น.
เพื่อสนับสนุนและเพิ่มโอกาสให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมากขึ้น โดยภายในงาน ธนาคารจัดโปรโมชันสุดพิเศษ ทั้งผลิตภัณฑ์สินเชื่อ และเงินฝาก สำหรับลูกค้าธนาคาร ข้าราชการ พนักงานหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรของรัฐ รวมถึงพนักงานเอกชนที่หน่วยงานทำข้อตกลงโครงการสวัสดิการเงินกู้ที่อยู่อาศัย ประเภทไม่มีเงินฝากกับ ธอส. ประกอบด้วย
(1) สินเชื่องาน Welfare Marketing Beyond 2025 : ครอบคลุมทุกวัตถุประสงค์การกู้ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ คงที่ 5 เดือนแรกเพียง 1.50% ต่อปี สำหรับลูกค้าที่มีความประสงค์ที่จะทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA/MLTA)
โดยผู้ที่สนใจสามารถจองสิทธิ์ภายในงานวันที่ 11 – 14 มิถุนายน 2568 ยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2568 และทำนิติกรรมภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 พิเศษ ! สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินนิติกรรมสูงสุด 7 ลำดับแรก รับฟรี!! พัดลมทาวเวอร์ 1 รางวัลต่อ 1 ท่าน

(2) สินเชื่อซ่อม – แต่ง และสินเชื่อซ่อม – แต่ง Plus : สำหรับลูกค้าปัจจุบันของธนาคารที่ต้องการกู้เพิ่มเพื่อปรับปรุง ต่อเติม หรือซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย อาทิ รีโนเวทบ้านใหม่ เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ หรือติดตั้ง Solar Roof ให้กู้เพิ่มรวมวงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท ต่อราย โดยวงเงิน 100,000 บาทแรก อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 – 3 เท่ากับ 1.00% ต่อปี และวงเงิน 200,000 บาท
ถัดมา อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 – 3 เท่ากับ 1.99% ต่อปี และปีที่ 4 – 5 เท่ากับ 3.50% ต่อปี ยื่นกู้ง่ายๆ โดยไม่ต้องจดทะเบียนการจำนองเพิ่มที่สำนักงานที่ดิน ลูกค้าที่สนใจสามารถยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พิเศษ สำหรับผู้จองสิทธิ์ภายในงานวันที่ 11 – 14 มิถุนายน 2568 วงเงินทำนิติกรรม 300,000 บาท และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 รับฟรี!! กระเป๋าลดโลกร้อน 1 ท่าน ต่อ 1 ใบ
(3) เงินฝากออมทรัพย์ GHB Welfare Savings : อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.75% ต่อปี เปิดบัญชีเงินฝากได้ตั้งแต่วันที่ 11 – 30 มิถุนายน 2568 พิเศษ !! ฝากเงินตั้งแต่ 100,000 บาท แต่ไม่ถึง 500,000 บาท ต่อรายการ รับฟรีกระบอกน้ำ ธอส.
1 ท่าน ต่อ 1 ใบ และฝากเงิน 500,000 บาทขึ้นไป ต่อรายการ รับฟรี ร่มพับ 3 ตอน 1 ท่าน ต่อ 1 คัน
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม SPECIAL TALK กับ SPECIAL GUEST พบกับคุณพีท กันตพร หาญพาณิชย์ กรรมการ กรรมการบริหาร และรองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) และ
บริษัทในเครือ ในหัวข้อ “สวัสดิการสินเชื่อบ้านดีๆ มีให้พนักงาน”, กิจกรรม HR Talk with G H Bank กับ HR จากบริษัทพันธมิตร
ในหัวข้อ “เจาะลึกสวัสดิการสินเชื่อบ้าน สร้างสุขให้องค์กร” พิเศษ !! สำหรับลูกค้าที่ร่วมสนุกกับกิจกรรม Lucky Award จะได้สิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลมากมาย อาทิ เครื่องฟอกอากาศ, บัตรน้ำมัน ปตท., บัตร HomePro และบัตร Starbucks
“งานในครั้งนี้จัดขึ้นผ่านช่องทางดิจิทัล รองรับการขยายฐานลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยมุ่งเน้นความสะดวกและเข้าถึงง่าย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงการคลัง ที่มุ่งหวังให้สถาบันการเงินของรัฐมีบทบาทสำคัญ
ในการปล่อยสินเชื่อเพื่อให้เม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจประเทศผ่านการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์” นายกมลภพ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อสังหาฯ มิกซ์ยูส-โรงแรม คัมแบ็คแรง ดันธุรกรรมพุ่งรอบทศวรรษ

โรงแรม มิกซ์ยูสกลับมาเป็นแม่เหล็กดึงดีมานด์ นักลงทุนแห่ช้อนสินทรัพย์คุณภาพสูงรับการท่องเที่ยวฟื้น- ชูทำเลศูนย์กลางเมือง รีโนเวตสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว
แม้ตลาดอสังหาฯ จะเผชิญแรงสะเทือนจากเศรษฐกิจโลกและภัยธรรมชาติ แต่ “อสังหาฯ มิกซ์ยูสและโรงแรม” กลับพลิกเกมฟื้นตัวแรงในปี 2568 กลายเป็นแม่เหล็กใหม่ของนักลงทุนรายใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศ
ล่าสุด CBRE ประเทศไทย เป็นตัวแทนในการซื้อขายโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่บนถนนรัชดาภิเษก ประกอบด้วย โรงแรม Swissotel Bangkok Ratchada (407 ห้อง) และ อาคารสำนักงาน Le Concorde Office Tower พื้นที่รวมกว่า 51,000 ตร.ม. ให้กับ แอสเสท เวิลด์ คอร์ปอเรชั่น (AWC) ซึ่งเตรียมลงทุนรวม 8.7 พันล้านบาท เพื่อรีโนเวตยกระดับโครงการ
“การฟื้นตัวของภาคโรงแรม และความต้องการอสังหาฯ ที่สร้างรายได้ทันที คือปัจจัยหลักที่ผลักดีลนี้ให้เกิดขึ้น” บานาบี้ สเวนสัน หัวหน้าแผนกบริหารสินทรัพย์ CBRE ประเทศไทย
ทำเลรัชดา-สีส้ม จุดตัดใหม่ของทุน
ย่านรัชดาไม่เพียงเป็นแหล่งธุรกิจใหม่ของเมือง แต่ยังได้รับแรงหนุนจากการเปิดให้บริการของ MRT สายสีส้มในปี 2568 ซึ่งจะเชื่อมต่อกับใจกลางเมืองอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็น “จุดหมายของการลงทุน” สำหรับโครงการที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ทั้งในรูปแบบมิกซ์ยูส รีเทล และโรงแรม
“ย่านนี้มีแบรนด์โรงแรมน้อย แต่มีกำลังซื้อสูง รีแบรนด์ถูกทางคือโอกาสโตเท่าตัว” อรรถกวี ชูแสง หัวหน้าแผนกธุรกิจโรงแรม CBRE ประเทศไทย
โรงแรมฟื้นแรง ธุรกรรมสูงสุดรอบ 10 ปี
ข้อมูลจาก CBRE ระบุว่า ธุรกรรมการซื้อขายโรงแรมในปี 2568 พุ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะทรัพย์แบบ Freehold และ Leasehold ในกรุงเทพฯ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในภาคการท่องเที่ยวและศักยภาพการรีโนเวตสินทรัพย์เพื่อสร้างมูลค่าใหม่
- อัตราการเข้าพักเฉลี่ย (มี.ค. 68): 75.5%
- ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืน: 4,397 บาท (+2.5% จากปีก่อน)
- โอกาสใหม่ในตลาดอสังหาฯ ฟื้น-แต่ต้องเฉพาะเจาะจง
CBRE มองว่า การเลือกลงทุนในอสังหาฯ ที่สามารถสร้างรายได้ได้ทันที เช่น โรงแรม สำนักงาน และมิกซ์ยูส ยังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญของนักลงทุนรายใหญ่ โดยเฉพาะในทำเลศักยภาพสูง ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจ และระบบคมนาคมขนาดใหญ่ เทรนด์ใหม่ไม่ใช่แค่ Location แต่คือสินทรัพย์ที่รีโนเวตแล้วเติบโตได้
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 9มิ.ย.“อ่อนค่าลง” ที่ระดับ 32.72 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัวแบบ Sideways Up ควรจับตา ทิศทางราคาทองคำที่ยังเป็นปัจจัยเสี่ยง Two-Way Risk อาจทำให้เงินบาทแข็งค่า หรือ อ่อนค่ากว่าที่ประเมินไว้
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 9มิ.ย. 2568ที่ระดับ 32.72 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่านับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในกรอบ 32.58-32.80 บาทต่อดอลลาร์)
หลังรายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม ออกมาที่ระดับ 139,000 ตำแหน่ง ดีกว่าที่ตลาดคาด และดีกว่ายอดการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP ที่ออกมาช่วงต้นสัปดาห์ หนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด
ส่งผลให้ ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ต่างปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ก็กดดันให้ ราคาทองคำ (XAUUSD) ย่อตัวลง ทว่า ราคาทองคำยังคงได้แรงหนุนจากแรงซื้อ Buy on Dip ของผู้เล่นในตลาด ส่วนเงินดอลลาร์ก็ย่อตัวลงบ้าง ในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย วันจันทร์นี้ หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ จีน
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ Sideways ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาผสมผสาน ทั้งนี้ ยอดการจ้างงานล่าสุดที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดคงเชื่อว่า เฟดจะไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย (โอกาส 80% ในการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ปีนี้)
สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรติดตาม รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ อีกทั้ง ควรรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB)
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ในเดือนพฤษภาคม ที่จะช่วยสะท้อนถึงผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกันนั้นผู้เล่นในตลาดจะติดตามภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims)
โดยเฉพาะในส่วนของ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Jobless Claims) ที่จะช่วยสะท้อนถึงความยาก ง่ายของการหางาน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) ในเดือนมิถุนายน ที่อาจได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่ผ่อนคลายมากขึ้น
ซึ่งในรายงานเดียวกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectations) ระยะ 1 ปี และ 5-10 ปี นอกเหนือจากประเด็นในข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามพัฒนาการของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ
กับบรรดาประเทศคู่ค้า และปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ อาทิ สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงร้อนแรงอยู่
ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษและทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ผ่านรายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษในเดือนพฤษภาคม และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือนเมษายน
โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า BOE อาจยังไม่เร่งรับปรับลดดอกเบี้ย เพื่อรอประเมินแนวโน้มนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาพรวมเศรษฐกิจอังกฤษ โดย BOE อาจกลับมาลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน
และมีโอกาสราว 44% ที่จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 25bps ในปีนี้ พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และรายงานดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (Sentix Investor Confidence) ในเดือนมิถุนายน เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของ ECB
โดยผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า ท่าทีของประธาน ECB ล่าสุด ที่ส่งสัญญาณว่า หลังการลดดอกเบี้ยล่าสุด นโยบายการเงินของ ECB ก็อยู่ในเหมาะสม เพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่ยังอยู่ในระดับสูง สะท้อนว่า ECB อาจไม่เร่งรีบปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม เช่นกัน โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดคาดว่า ECB อาจลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 1 ครั้ง 25bps ในช่วงไตรมาสที่ 4 (โอกาส 85% ที่จะกลับมาลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนตุลาคม)
▪ ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมิน ผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงาน อัตราเงินเฟ้อ CPI ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) รวมถึง ยอดการค้าระหว่างประเทศ ทั้ง ยอดการส่งออกและนำเข้า ในเดือนพฤษภาคม
▪ฝั่งไทย – เราประเมินว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือนพฤษภาคม อาจปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 55.4 จุด ในเดือนก่อนหน้า ท่ามกลางความหวังแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า ซึ่งอาจส่งผลดีต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นมีกำลังมากขึ้น หลังเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น พร้อมกับการย่อตัวลงของราคาทองคำ หลังรายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ล่าสุด ออกมาดีกว่าคาด (แต่ในรายละเอียดเชิงลึก อาจยังสะท้อนภาพการชะลอตัวและความเปราะบางของตลาดแรงงานสหรัฐฯ )
ทว่า เงินบาทก็อาจอ่อนค่าอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรืออาจกล่าวได้ว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวแบบ Sideways Up จนกว่า ผู้เล่นในตลาดจะมั่นใจมากขึ้นว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยไม่ถึง 2 ครั้งในปีนี้ (เช่น ปรับลดโอกาสการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปีนี้ จากล่าสุด 80%)
ซึ่งอาจต้องเห็นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาด เพิ่มเติม หรือความชัดเจนของการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะนโยบายการค้า โดยเงินบาท (USDTHB) จะยังมีโซนแนวต้านแถว 32.95-33.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับจะอยู่แถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ เราขอย้ำมุมมองเดิมว่า ควรจับตา ทิศทางราคาทองคำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากราคาทองคำยังเป็นปัจจัยเสี่ยง Two-Way Risk ที่อาจทำให้เงินบาทแข็งค่า หรือ อ่อนค่า กว่าที่ประเมินไว้ ตามทิศทางราคาทองคำ อนึ่งเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าจากแรงขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมได้บ้าง และเมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 33.00-33.10 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจแกว่งตัว Sideways จนกว่าผู้เล่นในตลาดจะกลับมาเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชัดเจน พร้อมปรับลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ได้
เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.45-33.00 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.65-32.85 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.72-32.74 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.07 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 32.61 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าลงตามการร่วงลงของราคาทองคำในตลาดโลก สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่ปรับตัวขึ้นตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมในช่วงที่ตลาดรอติดตามการเจรจาการค้าระหว่างผู้แทนระดับสูงของสหรัฐฯ และจีนที่ลอนดอนในวันนี้
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.60-32.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ฟันด์โฟลว์ต่างชาติ สัญญาณเกี่ยวกับการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับจีน ข้อมูล CPI และ PPI ของจีน รวมถึงตัวเลขการคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐฯเดือนพ.ค.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
พิมพิชยา-วริศรา เด่นสุดในเกม! พาทีมชาติไทยตบฝรั่งเศส 3-1 ศึกวอลเลย์บอล VNL 2025

บีม พิมพิชยา กับ วริศรา สีทาเลิศ ทำแต้มรวม 37 คะแนน นำทัพ วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ปิดสนามแรกสวยหรูด้วยชัยชนะเหนือ ฝรั่งเศส 3-1 เซต ในศึก วอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีก 2025 (VNL 2025) เตรียมลุยแมตช์ต่อไปดวล ญี่ปุ่น วันที่ 18 มิ.ย.นี้ที่ฮ่องกง
ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ประเดิมเก็บชัยชนะได้สำเร็จในการแข่งขัน วอลเลย์บอลเนชันส์ ลีก 2025 (VNL 2025) สนามแรก ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน หลังโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม เอาชนะทีมชาติฝรั่งเศส 3-1 เซต ด้วยคะแนน 25-14, 19-25, 25-23 และ 25-21 คว้า 3 คะแนนเต็ม อย่างสวยงาม
เกมนี้สองนักตบตัวหลักของทีมชาติไทย “บีม” พิมพิชยา ก๊กรัมย์ และ “น้องเฟิร์น” วริศรา สีทาเลิศ ทำผลงานโดดเด่นอย่างมาก โดยทั้งคู่ทำแต้มเป็น อันดับ 1 และ 2 ของทีม ช่วยกันพาทีมคว้าชัยได้อย่างแข็งแกร่ง
พิมพิชยา ก๊กรัมย์ (เบอร์ 16) ในตำแหน่งบีหลัง ยังคงแสดงให้เห็นถึงความเฉียบขาดในเกมรุก ตบทำแต้มจากการโจมตีได้ 16 คะแนน บวกกับอีก 2 แต้มจากการบล็อก และ 1 แต้มจากการเสิร์ฟ รวมทั้งหมด 19 คะแนน ด้วยอัตราประสิทธิภาพสูงถึง 20.63%
ด้าน วริศรา สีทาเลิศ (เบอร์ 6) หัวเสาดาวรุ่งวัย 20 ปี ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง ตบทำแต้มจากเกมรุกได้ 14 คะแนน เสริมด้วย 2 คะแนนจากการเสิร์ฟ รวมทั้งหมด 16 คะแนน พร้อมอัตราประสิทธิภาพสูงถึง 21.43% นับเป็นการแจ้งเกิดเต็มตัวในรายการระดับโลก
ชัยชนะนัดนี้ไม่เพียงช่วยเก็บ 3 แต้มแรกในทัวร์นาเมนต์ แต่ยังเป็นการเรียกขวัญและความมั่นใจให้กับทีมชาติไทย ก่อนจะลงสนามนัดถัดไป พบกับ ทีมชาติญี่ปุ่น ในวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ที่ฮ่องกง ในศึก VNL 2025 สนามที่สอง
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
5 เหตุผลที่ทำให้คุณมี “กลิ่นตัวแรง” กว่าคนปกติ

เรื่องกลิ่นตัว เราเชื่อว่ามีกันทุกคน ยิ่งในอากาศร้อนๆ อย่างบ้านเรา แค่ก้าวขาออกมาจากห้องน้ำ บางทีก็เหงื่อซึมกลางหลังเรียบร้อยแล้ว แต่ในบรรดากลิ่นตัวก็จะมีแบ่งระดับออกไปอีก แบบที่ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายก็พอจะเอาอยู่ในระหว่างวันได้ กับแบบที่ใช้อะไรก็เอาไม่อยู่ เคยสงสัยไหมคะว่าทำไมกลิ่นตัวของคุณรุนแรงกว่าคนรอบข้างที่อาจจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน หรือแม้กระทั่งอาจจะใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายเหมือนกัน แต่ผลลัพท์ที่ได้แตกต่างกัน
กลิ่นตัว มาจากไหน?
เหงื่อธรรมดาๆ โดยลำพังจากต่อมเหงื่อที่อยู่ตามแขนขา ลำตัว แผ่นหลัง จริงๆ แล้วไม่ได้มีกลิ่นนะคะ เป็นเหงื่อที่มาจากต่อมเหงื่อที่ชื่อว่า Eccrine sweat gland ที่อยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายทั่วไป ร้อนเมื่อไรก็มีเหงื่อออกมาช่วยปรับอุณหภูมิของร่างกายเมื่อนั้น แต่ที่เหงื่อมีกลิ่น มาจาก 2 สาเหตุใหญ่ๆ คือ
– เหงื่อที่ผสมกับจุลินทรีย์ และแบคทีเรียที่อยู่ตามผิวหนัง
– เหงื่อที่มาจากต่อมเหงื่อที่ชื่อว่า Apcocrine sweat gland ซึ่งมักเป็นเหงื่อที่มีลักษณะใสๆ เช่นกัน แต่มีความเหนียวเหนอะหนะมากกว่าเหงื่อปกติเล็กน้อย และมีกลิ่นที่รุนแรงกว่า โดยต่อมเหงื่อชนิดนี้จะอยู่บริเวณ รักแร้ ขาหนีบ ใต้ราวหน้าอก ใบหู เป็นต้น
5 เหตุผลที่ทำให้คุณมีกลิ่นตัวแรงกว่าคนปกติ
1.อาหารรสจัด
ไม่ว่าจะเป็นเผ็ดจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด หรืออาหารที่มีส่วนผสมของเครื่องเทสเยอะๆ เครื่องเทศกลิ่นแรงอย่าง กระเทียม (ที่ทำให้ปากเหม็นไปด้วย) หัวหอม ข่า ตะไคร้ เครื่องแกะกะหรี่ พริก พริกไทย หรือผลไม้ที่มีสารกำมะถันอย่าง ทุเรียน สะตอ ชะอม ฯลฯ อาหารเหล่านี้มีส่วนเพิ่มดีกรีกลิ่นตัวให้มากกว่าคนที่ไม่ได้ทาน หรือคนที่ทานน้อยกว่า แถมรสชาติเผ็ดร้อนยังเป็นการขับเหงื่อออกมาเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก
2.น้ำหนักเกินมาตรฐาน
ลองสังเกตดูว่าคนอ้วนมักมีกลิ่นตัวแรงกว่าคนที่ผอมกว่า เพราะนอกจากคนอ้วนจะมีโอกาสที่อวัยวะภายนอกมีส่วนอับชื้น สร้างกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามรักแร้ ชั้นพุง ขาหนีบ ข้อพับต่างๆ มากกว่าคนผอมแล้ว ต่อมเหงื่อตามรักแร้ ขาหนีบ ยังผลิตเหงื่อออกมามากกว่าคนผอมอีกด้วย
3.อาหารมัน อาหารทอด
อาหารมัน อาหารทอด เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (ว่าง่ายๆ ก็อ้วนนั่นแหละ) แถมยังกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้ ขาหนีบอีกด้วย
4.เนื้อแดง
เนื้อแดงอย่างเนื้อวัว และเนื้อสัตว์ใหญ่อื่นๆ มีส่วนทำให้มีกลิ่นตัวแรงขึ้น เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ทานเนื้อแดง หรือเทียบกับช่วงที่ไม่ได้ทานเนื้อแดงในคนๆ เดียวกัน
5.ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ไม่เหมาะกับตัวเอง
ของแบบนี้ก็เหมือนเครื่องสำอางทั่วไปนะคะ หากใช้อันนี้ไม่โอเค ก็ลองเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอที่ใช่ แบบโรลออนไม่รอด ก็ลองแบบสเปรย์ แบบเทคโนโลยีล้ำๆ ไม่รอด ก็ลองสารส้มธรรมดาๆ ดูบ้าง อาจจะเหมาะกับเราสักอย่าง
เคล็ดลับช่วยลดกลิ่นตัวในแต่ละวัน
ระหว่างที่กำลังลดอาหารรสจัด อาหารมัน เนื้อแดง และลดน้ำหนักอยู่ อาจลองเคล็ดลับเหล่านี้ที่ช่วยลดกลิ่นตัวระหว่างวันได้
- สวมเสื้อผ้าที่มีความโปร่งสบาย ทั้งเนื้อผ้าที่มีการระบายอากาศได้ดี และการออกแบบที่ไม่คับแน่นจนเกินไป โดยเฉพาะคนที่มีน้ำหนักเกิน หรือคนอ้วน ที่อาจมีปัญหากับแขนเสื้อรั้งรักแร้ อาจยิ่งทำให้รักแร้อับชื้นผลิตเหงื่อออกมามากขึ้น รวมไปถึงกางเกงคับแน่นขาก็ควรหลีกเลี่ยงด้วย
- หากรู้สึกว่าเหงื่อออกบ่อยๆ ให้พกผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย พร้อมกระดาษทิชชู่เปียกติดตัวไว้ด้วย ระหว่างวันก็เช็ดทำความสะอาดร่างกายตามรักแร้ ขาหนีบ ราวหน้าอก แล้วใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายทับ ใครที่สะดวกอาบน้ำก็อาบน้ำได้เลย
- สครับผิวระหว่างอาบน้ำบ้าง เพื่อเป็นการขจัดขี้ไคล เซลล์ผิวที่ตายแล้ว รวมไปถึงกำจัดแบคทีเรียบางส่วนออกไปจากผิว โดยอาจขัดตัว 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์ก็ได้
- อย่าใส่เสื้อผ้าตัวเดิมซ้ำๆ ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทุกวัน ตอนซักผ้าก็ดูแลบริเวณรักแร้ คอเสื้อ ชุดชั้นใน เป้ากางเกงอย่าให้มีกลิ่นอับชื้นจากเหงื่อซ้ำๆ บางครั้งกลิ่นอาจมาจากเสื้อผ้าที่ซักไม่สะอาดพอ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ไอทีครึ่งปีหลังสัญญาณบวก ‘คอมมาร์ต’ เตรียมจัดงาน 3-6 ก.ค.นี้

“เออาร์ไอพี” ผนึกกำลังพันธมิตรจัดงาน “คอมมาร์ต” รอบกลางปี เคาะวันที่ 3-6 ก.ค.นี้ มองไอทีครึ่งปีหลังสัญญาณบวก ลุ้นการมาของ AI PC การอัปเกรดคอมพ์ และซีพียูเจนใหม่ ช่วยกระตุ้นดีมานด์ผู้บริโภค
นายบุญเลิศ นราไท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เออาร์ไอพี เผยว่า เออาร์ไอพีและพันธมิตรแบรนด์และผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอที เตรียมจัดมหกรรมสินค้าไอทีคอมมาร์ต รอบกลางปี 2568 ซึ่งจะมาในคอนเซ็ปต์ “COMMART UNLIMIT โปรน็อนสต๊อป ช้อปไม่จำกัด” อัปเดตเทคโนโลยี AI Gen ล่าสุด ที่มากับความแรงไปอีกขั้น
พร้อมโปรโมชั่นจัดเต็มรองรับคอมใหม่ที่มาพร้อม Windows 11 ลุ้น แลก รับส่วนลดที่หน้างานได้ทุกวัน จัดเต็มครบทุกแบรนด์สินค้าไอทีชั้นนำ วันที่ 3-6 กรกฎาคม 2568 ณ EH 98-99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ที่เดิม
สำหรับสถานการณ์ตลาดไอที ทั่วโลกได้เห็นว่ามีสัญญาณที่ดีขึ้นจากยอดจัดส่ง PC ทั่วโลกใน Q1/2025 จากการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีสู่ AI PC ซึ่งมีความชัดเจนเพิ่มขึ้น จากการอัปเดตเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างการการยกเลิกสนับสนุน Windows 11 ของ Microsoft ในช่วงเดือน ต.ค. 68 นี้ ส่งผลให้มีเครื่อง PC กว่า 240 ล้านเครื่องทั่วโลก ที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ มีโอกาสต้องเปลี่ยนคอมใหม่
ส่วนเทรนด์ไอทีในครึ่งปีหลังของ 2568 นี้ ที่เริ่มเห็นชัดขึ้นในงานคอมมาร์ตครั้งนี้ ได้แก่ โน้ตบุ๊ค ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพรองรับการใช้งาน AI เต็มรูปแบบ ทั้งชิป CPU Intel Core Ultra 200 Series และ AMD Ryzen AI 300 Series มากับการ์ดจอใหม่ล่าสุด ให้เลือกทั้ง RTX 5080 และ 5090 มีให้ลองและเป็นเจ้าของได้ในงาน
ด้านคอมประกอบ มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่ออัปเกรดสู่ประสิทธิภาพการใช้งาน AI ที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะฝั่ง GPU ทั้ง Nvidia 5000 Series , intel arc Series และ AMD Radeon RX 9000 Series ที่เปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่เช่นกัน และมีสต๊อกสินค้าพร้อมขายเพิ่มขึ้นในงานคอมมาร์ตครั้งนี้
อุปกรณ์ DIY เทรนด์การตกแต่งหน้าจอแสดงผลขนาดเล็กลงบนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มีความชัดเจนมากขึ้น ในคอนเซ็ปต์ Everything has a screen จากเคสติดจอ จะเริ่มเห็นจอติดพัดลม ที่ช่วยตรวจสอบประสิทธิภาพระหว่างทำงานและเพิ่มความสวยงาม
ขณะที่ จอมอนิเตอร์ แบบ OLED กำลังมาแทนที่หน้าจอ LED ด้วยความละเอียดและภาพที่ดีขึ้น แถมประหยัดพลังงาน และมีตัวเลือกเพิ่มขึ้น ในราคาที่ถูกลง ซึ่งในงานสามารถเทียบสีจอของจริงได้ก่อนตัดสินใจซื้อ
ปัจจุบันตลาดไอทีมีทิศทางการเติบโตที่ดีในกลุ่ม Gaming และ Gadget ที่เพิ่มความสามารถของ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม PC รวมถึงเครื่องเล่นเกมคอนโซลรุ่นใหม่ อย่าง Nintendo Switch2 ที่เริ่มวางขายในช่วงนี้ด้วย ขณะที่อุปกรณ์เกมมิ่ง Gaming Handheld กำลังได้รับความนิยม และมีให้เลือกมากขึ้น ในคอมมาร์ตถือจะเป็นโอกาสดีที่เปิดให้ทดลองใช้งานจริง
สำหรับงาน COMMART UNLIMIT ครั้งนี้ เชื่อว่าจะได้เห็นสินค้าจากเทคโนโลยี AI ที่หลากหลายและจำนวนมากยิ่งขึ้น จากหลากหลายแบรนด์สินค้า ที่พร้อมนำมาแสดงและขายภายในงาน ตอกย้ำความเป็นมหกรรมสินค้าไอที ที่ใหญ่ที่สุดในไทย ที่รวบรวมเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ เกดเจด และอุปกรณ์ต่อพ่วงจากแบรนด์ต่างๆ ไว้มากที่สุดที่จะทำให้ผู้ที่สนใจได้สัมผัสสินค้าใหม่ก่อนใครได้ภายในงานเดียว
นายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อไอซีทีและการจัดงาน บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวเสริมว่า งาน COMMART UNLIMIT มีโปรโมชั่นสุดคุ้ม โดยร่วมกับพันธมิตรได้เตรียมข้อเสนอ เฉพาะช้อปสินค้าในงานเท่านั้น รวมถึงกิจกรรมพิเศษไว้มากมาย ทั้งก่อนและระหว่างงาน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
เห็นด้วยยังไงให้เป๊ะ? ถอดรหัส การใช้ agree แบบเจ้าของภาษายกนิ้วให้

การกล่าวให้ผู้สนทนาทราบถึงการเห็นด้วยของเราเองนั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้งในแต่ละวัน ซึ่งการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อสื่อความหมายว่าเราเห็นด้วยนั้นก็มีหลายรูปแบบ บทความนี้จะอธิบาย การใช้ agree ในภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องตามหลักเจ้าของภาษา โดยเน้นโครงสร้างที่แตกต่างกัน เช่น agree with, agree on, agree about, agree to และ agree that พร้อมแจกแจงการใช้ในแต่ละกรณีอย่างชัดเจน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถเลือกใช้ได้เหมาะสมตามบริบท ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็น การตอบรับข้อตกลง หรือการพูดถึงข้อเท็จจริง นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างประโยคที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ เรียนภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ ด้วยตัวเอง ผู้ที่ เรียนภาษาอังกฤษไม่มีพื้นฐานเลย หรือผู้ที่กำลังลงคอร์ส เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ จุดเด่นของบทความคือเนื้อหาที่อ่านเข้าใจง่าย ใช้คำศัพท์ไม่ซับซ้อน เหมาะกับทุกระดับ โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นที่ต้องการฝึกใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นธรรมชาติและมั่นใจมากขึ้นในการสื่อสาร
1) คำว่า agree ตามด้วยอะไรได้บ้าง?
คำว่า agree สามารถตามด้วยบุคคล ความคิดเห็น ข้อเสนอ หรือประเด็นต่างๆ ได้ แต่การเลือกใช้คำหรือโครงสร้างที่ตามหลัง agree ต้องขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณต้องการจะ “เห็นด้วย” ด้วย เช่น
– agree with + บุคคล หรือความคิดเห็น เช่น I agree with you.
– agree on/about + หัวข้อ ประเด็น เช่น We agree on the plan.
– agree to + เงื่อนไข ข้อเสนอ ข้อตกลง เช่น She agreed to the terms.
– agree that + ประโยคบอกเล่า เช่น I agree that this is important.
2) วิธี การใช้ agree with / agree on / agree about / agree that / agree to
Agree with ใช้เมื่อเห็นด้วยกับใครบางคน หรือเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเขา เช่น:
– I agree with my manager about the budget.
– We agree with your suggestion completely.
Agree on / Agree about ใช้เมื่อเห็นด้วยกับ “หัวข้อ” หรือ “ประเด็น” บางอย่างร่วมกัน:
– We finally agreed on the travel plan.
– They agreed about the need to change policy.
ทั้ง agree on และ agree about ใช้ในบริบทที่เราต้องการเน้นความเห็นพ้องในประเด็นเดียวกัน ช่วยให้บทสนทนาดูชัดเจนขึ้น
Agree to ใช้เมื่อเห็นด้วยหรือตอบรับข้อเสนอ ข้อตกลง หรือเงื่อนไข:
– I agreed to join the project.
– She didn’t agree to the new policy.
Agree that ใช้เพื่อแสดงความเห็นด้วยกับข้อความหรือความจริงบางอย่าง โดยตามด้วยประโยคเต็ม:
– I agree that learning English opens new opportunities.
– We all agree that communication is key.
3) ตัวอย่างประโยค การใช้ agree แบบเข้าใจง่าย
– I totally agree with my friend about the movie.
– Do you agree on the solution to the problem?
– They agreed to postpone the meeting.
– We agree that teamwork is essential.
การฝึกประโยคเหล่านี้เป็นประจำจะช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์และทำให้ เรียนภาษาอังกฤษ ได้อย่างเข้าใจมากยิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
กิน “มังคุด” ลดอันตรายจาก “ทุเรียน” ได้จริงหรือ?

หน้าร้อนแบบนี้ กำลังเป็นหน้าทุเรียนที่ทำให้ใครหลายคนอดใจไม่ไหว แต่หากบริโภคมากเกินไปอาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้ การแนะนำให้รับประทาน “มังคุด” เพื่อช่วยลดอันตรายที่เกิดจากทุเรียน ได้ผลจริงหรือไม่?
อันตรายจากการรับประทานทุเรียนมากเกินไป
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ทุเรียนจัดอยู่ในอาหารกลุ่มผลไม้ที่มีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ รวมทั้งเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรต หากต้องการกินทุเรียนให้ได้รับประโยชน์และคุณค่าทางสารอาหารที่เหมาะสม ไม่ควรกินทุเรียนเกินวันละ 2 เม็ด ไม่กินถี่ทุกวัน และลดอาหารกลุ่มข้าวแป้ง ของหวานในมื้อที่กินทุเรียน
ถ้าใครชอบกินทุเรียนมาก โดยกินครั้งละประมาณ 2-3 พู หรือ 4-6 เม็ด เท่ากับร่างกายจะรับพลังงานสูงถึง 520-780 กิโลแคลอรี ซึ่งเทียบเท่ากับกินข้าวมันไก่ 2 จาน หรือเท่ากับการกินอาหาร 2 มื้อ
นอกจากนี้ คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง ควรระมัดระวังเรื่องการกินทุเรียนมากกว่าคนทั่วไป อาจกินได้แต่ต้องกินในปริมาณน้อยกว่าคนปกติและไม่บ่อย เพราะการกินทุเรียนปริมาณมากหรือกินทุเรียนบ่อยๆ จะส่งผลต่อปริมาณน้ำตาลและไขมันในเลือดของผู้ป่วยได้
กินทุเรียนกับแอลกอฮอล์?
พญ.สายพิณ โชติวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กล่าวว่า การกินทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อาจทำให้ตัวร้อนไม่สบายตัว แต่ถ้ากินมากแล้วเมาหลับไปร่างกายจะขาดน้ำอย่างรุนแรง เมื่อถึงจุดหนึ่งสมองจะเสียน้ำมาก ระดับเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ สมองทำงานไม่ดี และอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น อาการหน้าร้อนวูบวาบ สั่น ง่วงซึม อาเจียน คลื่นไส้ หากหมดสติและนำส่งโรงพยาบาลไม่ทันอาจเสียชีวิตได้
เช่นเดียวกับทางด้านกรมอนามัย ที่ย้ำว่า ไม่ควรกินทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เนื่องจากทุเรียนเป็นอาหารที่มีไขมัน และคาร์โบไฮเดรตสูง ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ให้พลังงานสูงเช่นเดียวกัน เมื่อกินทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่างกายจะได้รับพลังงานที่มากเกินไป ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดกระบวนการเผาผลาญเพิ่มขึ้น ซึ่งต้องใช้น้ำจำนวนมาก ทำให้ร่างกายเกิดความร้อนสูงมากกว่าปกติ อาจเป็นผลทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
กิน “มังคุด” ลดอันตรายจากทุเรียนได้?
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า สรรพคุณ-ของทุเรียน ราชาแห่งผลไม้ (King of Fruits) ตามตำรายาไทยระบุว่า เนื้อทุเรียน มีรสหวาน ร้อน ช่วยบรรเทาอาการจุกเสียด บำรุงกำลัง และเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ตามองค์ความรู้ภูมิปัญญาพื้นบ้านแนะนำว่า หากรับประทานทุเรียนแล้ว ให้รับประทานมังคุดตาม เนื่องจากทุเรียนมีฤทธิ์ร้อน ทำให้ร่างกายร้อนขึ้น และมังคุดเป็นราชินีแห่งผลไม้ (Queen of Fruits) มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย รับประทานคู่กันช่วยให้ร่างกายเกิดความสมดุล
อย่างไรก็ตาม พญ.นภาพรรณ วิริยะอุตสาหกุล ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ความเชื่อที่ระบุว่ากินมังคุด เพื่อลดความร้อนหลังจากกินทุเรียนนั้น ช่วยในแง่ของอาหารร้อนอาหารเย็น แต่ในแง่โภชนาการมังคุด และทุเรียนมีน้ำตาลสูง ดังนั้นไม่ควรกินในปริมาณที่มากเกินไป ยังมีอันตรายจากปริมาณของน้ำตาลที่ค่อนข้างสูงอยู่ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคอ้วน ไขมันอุดตัน ยังไม่แนะนำวิธีนี้ หากอยากลดอันตรายจากทุเรียน อาจจะดื่มน้ำเปล่าตามเยอะๆ จะช่วยได้เช่นกัน
เมื่อบริโภคทุเรียนอย่างจำกัดปริมาณให้เหมาะสมแล้ว ก็ควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ เพื่อเผาผลาญแป้งและน้ำตาล ควบคุมการบริโภค อย่างเคร่งครัด จึงจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 09/06/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 51,200.00 | 51,300.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,310.00 | 50,179.60 | 52,100.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,979.00 | 45,161.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,648.00 | 40,143.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,489.50 | 22,580.82 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,158.50 | 17,562.86 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,430.05 | 51,999.56 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 09/06/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 32.55 | 32.55 | 33.05 | 32.55 | 32.55 | 32.55 | 32.55 | 32.55 | 32.55 | 32.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.18 | 32.18 | 32.68 | 32.18 | 32.18 | 32.18 | 32.18 | 32.18 | 32.18 | 32.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 30.34 | 30.34 | 30.84 | 30.34 | 30.34 | – | 30.34 | 30.34 | 30.34 | 30.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 28.69 | 28.69 | – | – | – | – | – | – | – | 28.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 41.14 | 48.84 | 49.84 | 48.84 | – | – | – | – | – | 41.14 |
เบนซิน 95 | 40.84 | – | – | – | 48.81 | – | 41.34 | 40.99 | – | 40.84 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.94 | 46.14 | 49.84 | 46.14 | 46.14 | – | – | – | – | 43.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |