สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 01 ตุลาคม 2563

กรมโยธาฯ ชี้แจง“คัดค้านการเปลี่ยนผังเมืองรวมสงขลาจากสีเขียวเป็นสีม่วง”

กรมโยธาธิการและผังเมือง ชี้แจง“คัดค้านการเปลี่ยนผังเมืองรวมจังหวัด สงขลาจากสีเขียวเป็นสีม่วง” เผย เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น รวม ตัว ที่ศาลากลางจังหวัด ยื่นหนังสือคัดค้าน

ตามที่ เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น รวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัดสงขลา ยื่นหนังสือคัดค้านการเปลี่ยนผังเมืองรวมจังหวัดสงขลาจากสีเขียว ซึ่งเป็นประเภทชนบทและเกษตรกรรรม เป็นสีม่วง เพื่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม ในพื้นที่ 3 ตำบล คือ ตำบลนาทับ ตำบลสะกอม ตำบลตลิ่งชัน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นผู้ขับเคลื่อน เนื่องจากเห็นว่าการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมาไม่มีความชอบธรรม และไม่เป็นไปตามกระบวนการรับฟังความคิดเห็นประชาชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2548 ดังนั้น การดำเนินการของกรมโยธาธิการและผังเมือง และสำนักงานจังหวัดสงขลาที่จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาผังเมืองรวมในเขตจังหวัดสงขลา ในวันที่ 28 กันยายน 2563 จึงเป็นการดำเนินการอันมิชอบ ภายใต้การตัดสินใจของรัฐบาลบนฐานข้อมูลอันผิดพลาดที่ ศอ.บต. จัดทำขึ้น

ทั้งยังผิดขั้นตอนตามพระราชบัญญัติผังเมือง พ.ศ.2562 จึงเสนอให้กรมโยธาธิการและผังเมือง และสำนักงานจังหวัดสงขลา ยุติกระบวนการทั้งหมดที่กำลังดำเนินการเพื่อเปลี่ยนผังเมืองรวมจังหวัดสงขลาจากสีเขียวให้เป็นสีม่วง เพียงเพื่อตอบสนองผลประโยชน์กลุ่มทุนที่ต้องการใช้พื้นที่ อำเภอจะนะ ตั้งเป็นเขตนิคมอุตสาหกรรม นั้นด้านนายอนวัช  สุวรรณเดช รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ขอชี้แจงประเด็นการคัดค้านการเปลี่ยนผังเมืองรวมจังหวัดสงขลา พ.ศ. 2559  ดังนี้ 

1. ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 เรื่องสรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 1/2563 ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เสนอเรื่องผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อการขับเคลื่อนโครงการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา โดยมีประเด็นดังนี้

1.1 รับทราบและเห็นชอบรายงานผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนฯ ทั้ง 4 ประเภท การลงทุน (สวนอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมสมัยใหม่และเทคโนโลยีแห่งอนาคต เมืองอัจฉริยะ ท่าเรือน้ำลึก ศูนย์กลางการขนส่งและกระจายสินค้า และศูนย์อุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าสะอาด) และรายละเอียด การใช้ประโยชน์พื้นที่เพื่อนำไปสู่การดำเนินการปรับปรุงการใช้ประโยชน์ที่ดินของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป

1.2 ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองและจังหวัดสงขลา ดำเนินการปรับปรุงการใช้ประโยชน์ที่ดินในส่วนพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับแผนเร่งด่วนการลงทุนของภาคเอกชน 3 ตำบล (ตำบลนาทับ ตำบลสะกอม และตำบลตลิ่งชัน อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา) ให้เป็นไปตามความเหมาะสมของพื้นที่ตามแผนเร่งด่วน
การลงทุนของภาคเอกชนและผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อไป ทั้งนี้ ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ส่งผลรายงานผลการศึกษาความคิดเห็นของประชาชนฯ ไปยังหน่วยงานเป็นการเร่งด่วน

1.3 ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ประสานขับเคลื่อนมติ ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ไปยังคณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ ในฐานะกลไกเชิงนโยบายตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 เพื่อพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อรองรับการลงทุนตามแผนเร่งด่วนการลงทุนของภาคเอกชนทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ประสานจังหวัดสงขลา
โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มอบหมายให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสงขลาดำเนินการปรับปรุงการใช้ประโยชน์ที่ดิน ตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

2. ดังนั้นเพื่อให้เกิดการพัฒนาจังหวัดตามมติคณะรัฐมนตรีเพื่อการขับเคลื่อนโครงการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา จึงต้องดำเนินการขอแก้ไขกฎกระทรวงผังเมืองรวมจังหวัดสงขลา พ.ศ. 2559 ตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 เพื่อให้ผังสอดคล้องกับแผนงานโครงการ 4 ประเภทการลงทุน ได้แก่ สวนอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมสมัยใหม่และเทคโนโลยีแห่งอนาคตเมืองอัจฉริยะ ท่าเรือน้ำลึก ศูนย์กลางการขนส่งและกระจายสินค้า และศูนย์อุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าสะอาด

โดยต้องนำประเด็นการขอแก้ไขกฎกระทรวงฯ เสนอ คณะกรรมการที่ปรึกษาผังเมืองรวมในเขตจังหวัดสงขลา คณะกรรมการผังเมือง เพื่อพิจารณาให้ความเห็น โดยเมื่อคณะกรรมการผังเมืองให้ความเห็นชอบแล้ว จะต้องปิดประกาศ 30 วันโดยปิดประกาศแผนที่แสดงเขตของผังเมืองรวมที่แก้ไขและรายละเอียดของการแก้ไขไว้ในที่เปิดเผยภายในเขตของผังเมืองรวม โดยในประกาศให้มีคำเชิญชวนให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
แสดงข้อคิดเห็นเป็นลายลักษณ์อักษร ภายในระยะเวลาที่ระบุไว้ในประกาศ

3. ทั้งนี้ เครือข่ายจะนะรักษ์ท้องถิ่น หากมีความเห็นต่างอย่างไร ก็สามารถแสดงข้อคิดเห็น เป็นลายลักษณ์อักษรได้ (ยื่นคำร้อง(เดิม)) ตามกระบวนการแก้ไขกฎกระทรวงฯ ตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการผังเมืองพ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นการแก้ไขผังเมืองรวมเฉพาะบริเวณหรือเฉพาะส่วนหนึ่งส่วนใดให้เหมาะสมกับสภาพการณ์และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในจังหวัดมีสิทธิในการแสดงข้อคิดเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรภายในระยะเวลาที่ระบุในประกาศ เพื่อให้คณะกรรมการผังเมืองพิจารณาคำร้อง และจะได้มีการแจ้งผลการพิจารณาข้อคิดเห็นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ตลาดบ้านหรู ดาวเด่นแนวราบ เอสซีฯ แกร่ง ลุยเปิดใหม่ 4 โครงการ

เอสซี แอสเสท เผยผลประกอบการแนวราบเติบโต 9 เดือน กวาดยอดขาย 1.1 หมื่นล้านบาท ส่งผลไตรมาส 4 เตรียมเปิดใหม่อีก 4 โครงการ มูลค่า 5.9 พันล้านบาท ขณะกลุ่มบ้านมากกว่า 10 ล้านบาท สุดแกร่ง ครองมาร์เก็ตแชร์ตลาดสูงสุด ด้านคอลลิเออร์สฯ ชี้ ตลาดบ้านหรูยังคึกคัก คาดเป็นดาวเด่นถึช่วงปี 2564

นายณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์  หัวหน้าสายงาน การตลาด บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจยอดขายรวมปี 2563 จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 17,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา (มกราคม-กันยายน) บริษัทมียอดขายเฉพาะจากโครงการแนวราบแล้ว 11,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 38-40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเป้าหมายยอดขายโครงการแนวราบในปี 2563 ที่ 12,000 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ในปี 2563 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 14,200 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบทั้งหมด  ส่วนในช่วงไตรมาส 4 บริษัทมีแผนเปิดตัว 4 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 5,900 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด อีสต์ พระราม9  ติดถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก บนพื้นที่ 24 ไร่ 1 งาน 52.2 ตารางวา  มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น  จำนวน 48 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้นที่ 25 ล้านบาทต่อยูนิต และ 2.โครงการ เดอะ เจนทริ พัฒนาการ บนพื้นที่ 12 ไร่ 65.8 ตารางวา มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น สไตล์โมเดิร์น จำนวน 34 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้นที่ 29.9 ล้านบาทต่อยูนิต 3.โครงการเฮด ควอเตอร์ส วิภาวดี มูลค่าโครงการ 100 ล้านบาท เป็นโฮมออฟฟิศสไตล์ Modern Luxury จำนวน 6 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้นที่ 15.99 ล้านบาทต่อยูนิต  และ 4.โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด เวสต์เกต บนพื้นที่ 48 ไร่ 3 งาน 63.6 ตารางวา มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท เป็นบ้าน 2 ชั้น สไตล์โมเดิร์น จำนวน 168 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้นที่ 7.99-20 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า 

“SC มีความแข็งแกร่งในโซนฝั่งตะวันออก และตะวันตกของกรุงเทพ ตลอดเวลามีการพัฒนาบ้านดีไซน์ใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง  จนทำให้ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เราเป็นผู้นำในตลาดบ้าน 10 บาทขึ้นไป มีมาร์เก็ตแชร์สูงเป็นอันดับ 1  “

สำหรับโครงการที่เปิดพรีเซลส์ไปก่อนหน้านี้และได้รับการตอบรับที่ดี ได้แก่ โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-อ่อนนุช บนพื้นที่กว่า 24 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนสุขาภิบาล2  บนทำเลศักยภาพเชื่อมต่อวงแหวน-กาญจนาภิเษก ครบครันสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ  ทั้งสถาบันการศึกษา เช่น ใกล้ Airport Link บ้านทับช้าง , สนามบินสุวรรณภูมิ , ร.ร.นานาชาติชาร์เตอร์ , วิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์, โรบินสัน ลาดกระบัง เพียง 51 ยูนิต ราคา 25-40 ล้านบาท

ขณะ นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แม้ที่ผ่านมา ตลาดที่อยู่อาศัยภาพรวม จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อแผนการดำเนินธุรกิจของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่อย่างไรก็ตาม กลับพบว่า อัตราการขายในกลุ่มแนวราบของหลายบริษัท สามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมาย และบางรายมีการปรับเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น จากความต้องการใหม่ๆ ของผู้บริโภคในแง่ขนาดพื้นที่บ้านและที่ดิน โดยเฉพาะในทำเลหลัก กทม. พบ ณ ครึ่งปีแรก 2563 มีโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่อยู่ระหว่างการขายทั้งสิ้น 59,000 หน่วย จาก 365 โครงการ มูลค่ารวม 4.8 แสนล้านบาท ส่วนอัตราการขายอยู่ที่ระดับ 58% โดยมีหน่วยเหลือขายรวม 25,000 หน่วยเท่านั้น 

ทั้งนี้ ระดับราคาบ้านที่มีความน่าสนใจ จากความโดดเด่นของยอดขาย พบว่า อยู่ในกลุ่มบ้านหรูราคามากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราขายรวมกันได้มากถึง 69% สูงกว่าค่าเฉลี่ยรวม โดย 5 ปีที่ผ่านมา มีหน่วยสะสมที่อยู่ระหว่างการขายทั้งสิ้น 6,300 หน่วย ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะมาร์เก็ตแชร์สูงสุด กระจุกตัวใน 3 บริษัทขนาดใหญ่ โดยสัดส่วน 28% เป็นของบมจ.เอสซี แอสเสท ,รองลงมา 26% บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ,และ 21% บมจ.แสนสิริ  

ขณะในช่วงปี 2563 นั้น พบว่า ช่วงครึ่งปีแรก มีการเปิดตัวโครงการใหม่ในกลุ่มราคาดังกล่าวรวม 900 หน่วย ส่วนครึ่งหลังของปี คาดจะมีการเปิดใหม่อีกประมาณ 600 หน่วย รวมทั้งปีราว 1,500 หน่วย ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยที่แต่ละปีมีการเปิดใหม่รวมกันประมาณ 1,200 หน่วย คาดมาจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งรายใหญ่ และรายใหม่ขนาดกลาง เข้ามาในตลาดมากขึ้น จากความคึกคักของดีมานด์ และอีกแง่ มาจากราคาที่ดินในโซนสำคัญหลายแห่ง ปรับตัวขึ้นสูง ตามแผนเดินหน้าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หลายๆโครงการ ทำให้ต้องมีการพัฒนาโปรดักส์ที่มีราคาปรับขึ้นสูงตามไปด้วย 

“พบผู้ประกอบการ ยังมองหาที่ดินในขนาดเหมาะสม สำหรับ ไม่เกิน 100 หน่วยต่อโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าครอบครัวระดับบน ทั้งกลุ่มบ้านเดี่ยว หรือ ทาวน์โฮมที่เน้นขนาดของพื้นที่ คาดจะเป็นดาวเด่นของตลาดอสังหาฯ ในปีนี้ “

สำหรับอัตราดูดซับในกลุ่มที่อยู่อาศัยราคามากกว่า 10 ล้านบาทนั้น นายภัทรชัย กล่าวว่า มีตัวเลขกลับมาอยู่ในระดับซึ่งสูงกว่าคอนโดมิเนียมเป็นครั้งแรก ที่ประมาณ 4.8% จากปกติช่วง 2-3 ปีก่อนหน้า อยู่ที่ 3 – 3.5% ต่อเดือน/โครงการเท่านั้น  สะท้อนถึงดีมานด์ที่เติบโตดี และคาดว่าจะดีต่อเนื่องยาวไปจนถึงช่วงปี 2564

ทั้งนี้ ทำเลยอดฮิต ในกลุ่มแนวราบราคามากกว่า 10 ล้านบาท ปัจจุบันกระจุกตัวอยู่ใน 4 ทำเลสำคัญ คือ พัฒนาการ ,อ่อนนุช,กรุงเทพกรีฑา และบางนา ซึ่งสามารถเดินทางเข้าไปยังกรุงเทพฯชั้นในได้สะดวก ขณะเดียวกัน ก็เดินทางเชื่อมต่อไปยังโซนตะวันออก อย่างพื้นที่สำคัญของเศรษฐกิจใหม่ อย่าง อีอีซี ได้อย่างง่ายดาย โดยพบในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินปรับตัวขึ้นสูง เฉลี่ยประมาณ 3-6 % ต่อปี 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


บาทเปิด 31.60 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่า

บาทเปิด 31.60 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่า

เงินบาทเปิดตลาด 31.60 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่านักลงทุนรอดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.60 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเย็นวันที่ 30 ก.ย. ที่ระดับ 31.67 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าหลังนักลงทุนเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นจากความหวังเกี่ยวกับมาตรการทางการคลังของสหรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโควิด-19

“บาทแข็งค่าจากเย็นวานนี้ หลังนักลงทุนเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นจากความหวังเรื่องมาตรการคลังของสหรัฐ” นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.55 – 31.70 บาท/ดอลลาร์


“มิว สเปซ เปิดแผนสร้างเทคโนโลยี ดันไทยสู่อุตสาหกรรมอวกาศ”

“มิว สเปซ” เผยแผนพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ หลังจากทำการส่งวัตถุและอุปกรณ์การทดลอง (payload) ขึ้นไปยังอวกาศเป็นครั้ง ที่ 4 ร่วมกับ Blue Origin บนจรวด New Shepard (NS-13)

นายเจมส์ วรายุทธ เย็นบำรุง วิศวกรไทยและประธานกรรมการบริหาร บริษัทด้านอุตสาหกรรมดาวเทียมและเทคโนโลยีอวกาศ เปิดเผยว่า ส่วนประกอบต่าง ๆ ของดาวเทียม HTS (high throughput satellite) กว่า 40%  ผลิตโดย มิว  สเปซ และ ผู้ผลิตภายในประเทศ ด้วยเทคโนโลยีของคนไทยที่ได้มาตรฐานสากล โดยคาดว่าจะสามารถปล่อยดาวเทียมสู่วงโคจรภายในปี 2024  เพื่อให้ มิว สเปซ เป็นผู้ให้บริการดาวเทียมต่างชาติแห่งแรกของไทย เมื่อมีการเปิดเสรีดาวเทียม ดาวเทียมวงโคจรต่ำ หรือ LEO Satellite จะเป็นประโยชน์และมีความสำคัญอย่างมากต่อระบบการสื่อสารในอนาคต อีกทั้ง ยังเป็นการยกระดับเทคโนโลยีทางด้านการสื่อสารของไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เพื่อให้มีศักยภาพทัดเทียมกับนานาชาติ รวมไปถึงการรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ 5G, Cloud storage, Online Transaction และความปลอดภัยในการทำธุรกิจต่าง ๆ ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ มั่นใจว่า มิว สเปซ คือทางเลือกใหม่ของคนไทย ที่จะสามารถพัฒนารูปแบบการให้บริการในทิศทางใหม่ๆ ได้อย่างตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างทั่วถึง พร้อมช่วยทำให้การรับส่งสัญญาณมีประสิทธิภาพและเข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ ได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

เป้าหมายหลักของ มิว เปซ คือการพัฒนาเทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อนำประเทศไทยมุ่งสู่ธุรกิจทางด้านอุตสาหกรรมอวกาศ อย่างเช่น โครงการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ (Autonomous Robot) เพื่อใช้ในภารกิจทางด้านอวกาศในอนาคตอันใกล้  มิว สเปซ จึงมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะสามารถสนับสนุนการค้นหาทรัพยากร ประกอบกับการนำไปพัฒนาต่อยอดด้านการสื่อสารดาวเทียม ให้มีคุณภาพสูงแต่มีค่าใช้จ่ายต่ำ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกรูปแบบและสอดคล้องกับความต้องการในตลาดอย่างลงตัว รวมทั้งเป็นการ สร้างงาน สร้างโอกาส ขยายตลาดแรงงานทักษะสูง ตลอดจนถึงบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถ ในการยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศของไทยสู่นานาชาติ สำหรับไฮไลท์ในการเปิดตัวนี้ คือแผนการสร้าง Spaceship หรือพาหนะทางอวกาศขนาดเล็กลำแรกของไทย โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ 

สร้าง Data Center นอกชั้นบรรยากาศของโลก ซึ่งสามารถลดปัญหาสำคัญของการสร้างศูนย์เก็บข้อมูล เช่น การควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมต่อการปฏิบัติการของระบบภายใต้สภาวะอุณหภูมิต่ำ ซึ่งใช้ปริมาณมากถึง 40% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด การนำ Data Center ออกไปยังสภาวะอวกาศที่เย็นกว่า -270°C ทำให้สามารถกำจัดเรื่องของอุณหภูมิไปได้อย่างมาก

ใช้พลังงานบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ไม่พึ่งพาพลังงานจากโลก โดย Spaceship จะโคจรค้างฟ้า และรับพลังงานจากแสงอาทิตย์บริเวณใต้ท้องตลอดเวลา จึงสามารถปฏิบัติงานด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพลังงานจากโลก

ความปลอดภัย โดยทำให้ spaceship  ที่ลอยค้างฟ้าและเชื่อมต่อกันเป็นโครงข่าย constellation มีความปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่มักเกิดขึ้นบนโลก เช่น ไฟไหม้ หรือ น้ำท่วม ยิ่งไปกว่านั้น การเชื่อมต่อกันเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ครอบคลุมทั้งโลก จะทำให้การเชื่อมต่อมีความลื่นไหลเข้าถึงได้ทุกมุมโลก

ในเดือนสิงหาคมที่ผ่าน มิว สเปซ ได้มีการทดสอบวัสดุที่เหมาะสมต่อการนำมาสร้าง โดยทดสอบความแข็งแรงของวัสดุ จากการจำลองกระสุนปืนชนิดพิเศษ ที่มีความเร็วเทียบเท่ากับความเร็วของเศษขยะอวกาศ อยู่ที่ความเร็วมากกว่า 1,100 m/s ทั้งนี้ ผลทดสอบพบว่า ผ่านมาตราฐานการป้องกันกระสุนในระดับ 3  และมิว สเปซ ได้เตรียมสร้างโรงงานขนาดกลาง ภายในปลายปีนี้ เพื่อให้สามารถเริ่มผลิต Spaceship อย่างเต็มรูปแบบในปี 2021 

มิว สเปซ มีจุดเริ่มต้นมาจาก นายเจมส์ วรายุทธ เย็นบำรุง  กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิว สเปซ แอนแอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด โดยปัจจุบัน เป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมการบินและอากาศยาน จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมการบินและอากาศยาน และปริญญาโทสาขาวิศวกรรมเครื่องกล จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (UCLA) เคยทำงานในตำแหน่งวิศวกรระบบดาวเทียมในโครงการของ นอร์ทธรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) บริษัทด้านอวกาศและเทคโนโลยีการป้องกัน จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีมโครงการระบบพาหนะไร้คนขับ ในขณะที่กำลังรุ่งโรจน์ในหน้าที่ในอุตสาหกรรมการบินระดับท็อปของโลก ได้ตัดสินใจเดินทางกลับสู่ประเทศไทย โดยมีความตั้งใจที่จะนำความรู้ความสามารถกลับมาพัฒนาประเทศ อีกทั้ง ยังมุ่งมั่นที่พัฒนาธุรกิจด้านดาวเทียมและเทคโนโลยีอวกาศของไทยอีกด้วย 

ส่งผลให้ บริษัท มิว สเปซ แอนแอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด กลายเป็นองค์กรผู้ดำเนินกิจการดาวเทียมและเทคโนโลยีอวกาศรายเดียวของประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย โดยเติบโตอย่างรวดเร็วอย่างมีศักยภาพสูง ภายใต้พันธกิจที่จะนำพาธุรกิจและอุตสาหกรรมอวกาศของไทย ให้มีศักยภาพในสามารถในการแข่งขันได้ทัดเทียมกับนานาประเทศ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


33 สรรพคุณของน้ำมันหอมระเหยกระดังงา มีดีอย่างไรบ้าง

อยากรู้ไหมว่าสรรพคุณของน้ำมันหอมระเหยกระดังงา มีดีอย่างไรบ้าง ในวันนี้เราจะมาแชร์เรื่องนี้ให้ได้ทราบกัน ใครที่กำลังรอติดตามอยู่ เราไปดูพร้อมๆ กันเลย น้ำมันหอมระเหยกระดังงา (Ylang Ylang Essential Oil) นิยมนำมาใช้แก้อาการซึมเศร้าและบำรุงระบบประสาทมากที่สุด ทั้งยังถูกนำมาใช้ในทางสุคนธบำบัดอีกด้วย นอกจากนี้น้ำมันหอมระเหยกระดังงาก็ยังมีประโยชน์อีกมากมายเลยทีเดียว

สรรพคุณของน้ำมันหอมระเหยกระดังงา มีอะไรบ้าง

2.บำรุงระบบประสาท ป้องกันความผิดปกติของปลายประสาท

3.แก้อาการซึมเศร้า

4.บรรเทาอาการหอบหืด

5.ช่วยลดระดับความดันโลหิต

6.ลดความตึงเครียด และความวิตกกังวล

7.กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ แก้ปัญหาสมรรถภาพทางเพศเสื่อม


8.ปรับความสมดุลของผิว แก้ปัญหาผิวมัน ผิวแห้งได้อย่างดีเยี่ยม

9.กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม

10.ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ทำให้หลับสนิทมากขึ้น

11.สร้างความผ่อนคลาย

12.บรรเทาอาการปวดศีรษะ และไมเกรน

13.บรรเทาอาการปวดประจำเดือน

14.ลดการอักเสบและการระคายเคือง

15.บำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น

16.ต่อต้านโรคผิวหนังและผื่นผิวหนังอักเสบ

17.ชะลอวัย ป้องกันการเกิดริ้วรอย

18.ลดอาการหงุดหงิดง่ายช่วงก่อนมีประจำเดือน

19.แก้ปัญหาผมร่วง ผมมัน

20.ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด

21.ป้องกันรอยแตกลาย

22.ช่วยดับกลิ่นอับได้ดี ทำให้อากาศสดชื่น

23.ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง

24.นำมาเป็นส่วนประกอบของเทียนหอม

25.ลดกลิ่นปาก

26.แก้ปัญหาในช่องปาก

27.แก้ปัญหาเส้นผมแตกปลาย

28.ช่วยในการขับลม

29.ช่วยให้จิตใจมีความสงบ ลดความกระวนกระวายใจได้ดี

30.บำรุงเส้นผม แก้ปัญหาผมบาง

31.บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย

32.บรรเทาอาการไข้หวัด

33.ลดการเกิดรังแคบนหนังศีรษะ

สรุป น้ำมันหอมระเหยกระดังงา มีสรรพคุณ ดังนี้

ต้องยอมรับเลยว่า น้ำมันหอมระเหยกระดังงา มีประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งก็ดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นมาใช้น้ำมันหอมระเหยกระดังงาเพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีกันดีกว่า นอกจากนี้ก็สามารถนำมาใช้ลดกลิ่นอับในตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ หรือในรถยนต์ได้อีกด้วย ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีมาก เพราะฉะนั้นห้ามพลาดเลยเชียว

ขอบคุณข้อมูลจาก aiofresh.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 28,200.00 28,300.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,827.00 27,697.32 28,800.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,644.30 24,927.59 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,461.60 22,157.86 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 822.00 12,461.52 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 639.00 9,687.24 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,893.00 28,697.88 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 01/10/2563 

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 95 22.25 22.25 22.15 22.25 22.25 22.25 22.25 22.25 22.25 22.25
แก๊สโซฮอล์ 91 21.98 21.98 21.88 21.98 21.98 21.98 21.98 21.98 21.98 21.98
แก๊สโซฮอล์ E20 20.74 20.74 20.64 20.74 20.74 20.74 20.74 20.74 20.74
แก๊สโซฮอล์ E85 18.34 18.34 18.34
เบนซิน 95 29.66 30.11 30.16 29.66 29.66
ดีเซล 21.59 21.59 21.59 21.59 21.59 21.59 21.59 21.59 21.59 21.59
ดีเซล B10 18.59 18.59 18.59 18.59 18.59 18.59 18.59 18.59 18.59 18.59
ดีเซล B20 18.34 18.34 18.34 18.34 18.34 18.34 18.34 18.34
ดีเซลพรีเมี่ยม 26.04 26.06 28.04 28.04 26.04
แก๊ส NGV 14.17 14.17 14.17

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า