ลลิล รายได้ – กำไรโต ลุยเปิดใหม่ 10 – 12โครงการ เป้าขาย 7 พันล.
“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ประกาศแผนงานปี 64 เปิดใหม่10 – 12 โครงการ 6,000 – 7,000 ล้านบาท ตั้งเป้า ยอดขาย 7,000 ล้านบาท ภายใต้ สถานะการเงินแข็งแกร่ง
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงภาพรวมของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย ในปี 2563 ที่ผ่านมาว่าเป็นปีที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างมากในการดำเนินธุรกิจ จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลกหดตัวราว 3.5% ในขณะที่ประเทศไทย GDP ทั้งปีหดตัวไปที่ 6.1%
ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยของไทยก็ได้รับผลกระทบตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการหดตัวที่ต่อเนื่องจากที่มีการชะลอตัวมาตั้งแต่ปี 2562 ในแง่ของบริษัทเน้นกลยุทธ์การทำตลาดแนวราบที่เน้นลูกค้า Real Demand อย่างชัดเจน จึงได้รับผลกระทบที่น้อยกว่า ตลอดจนบริษัทได้พยายามคัดสรรทำเลที่มีศักยภาพ ตลอดจนพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนอง Customer Insights อย่างแท้จริง จึงทำให้บริษัทยังคงสามารถบริหารงานผ่านปีที่ยากลำบากไปได้ โดยยังมีผลประกอบการที่เติบโต แม้ในภาวะตลาดอสังหาฯ โดยรวมที่ซบเซา
โดยบริษัทสามารถทำยอดรับรู้รายได้ได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมียอดรับรู้ทั้งปีที่ 5,765 ล้านบาท เติบโตขึ้น 24.2% ในขณะที่มีกำไรสุทธิที่ 1,333.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.5%
สำหรับในปี 2564 นี้ คาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมของไทยจะขยายตัวได้ราว 3% บวกลบ ทั้งนี้ขึ้นกับการกระจายวัคซีนให้ประชาชนในวงกว้างทำได้รวดเร็วเพียงใด แม้ภาคอสังหาฯ ในปี 2564 จะต้องเผชิญปัจจัยลบหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น กำลังซื้อภายในประเทศที่ยังอ่อนตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ระดับหนี้ครัวเรือนที่ปรับสูงขึ้น ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์
อย่างไรก็ดีภาคอสังหาฯ มีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐที่ได้มีการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทออกไปจนถึงสิ้นปี 2564 รวมถึงสินค้าแนวราบยังได้รับปัจจัยหนุนจาก New Normal ที่ผู้บริโภคบางส่วนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากที่เคยต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวสูง มาซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้จริงกว่า
ทั้งนี้แม้สภาวะตลาดจะไม่เอื้อมากนัก แต่บริษัทยังมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตได้ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 7,000 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 6,000 ล้านบาท
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) (Mr. Churat Chakarakul, Managing Director, Lalin Plc.) กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2564 นี้ จะยังคงให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มแนวราบ ที่เป็น Real Demand โดยมีแผนขยายโครงการใหม่ทั้งในทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ ตลอดจนเป็นการเปิดโครงการใหม่เพื่อทดแทนโครงการเดิมของบริษัทที่กำลังจะปิดโครงการลง
โดยในปี 2564 นี้ มีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 10 – 12 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6,000 – 7,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 7,000 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 6,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นราว 7% จากในปี 2563 ทั้งนี้เตรียมที่จะเปิดโครงการบ้านเดี่ยวหรู รูปแบบใหม่ ภายใต้แบรนด์ บ้านลลิล The Prestige ซึ่งเป็นออกแบบในสไตล์ French Colonial ระดับราคาจะอยู่ในช่วง 5 – 8 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขยายตลาดให้กว้างขึ้น จากที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ภายใต้แบรนด์ Lanceo ซึ่งจะเน้นกลุ่มลูกค้าในช่วง 3 – 6 ล้านบาท
ในปีนี้ จะเป็นการต่อยอดการใช้กลยุทธ์ Lifestyle Marketing โดยมุ่งเน้นการใช้สื่อ Digital Marketing เพิ่มมากขึ้น จากที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา โดยบริษัทมีการยกระดับการจัดการข้อมูลสารสนเทศสู่ Digital Company อย่างเต็มรูปแบบ มีการนำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์หา Customer Insights เพื่อเข้าถึง และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ในปีนี้ทางบริษัทจะมีการต่อยอดมาตรฐาน Lalin’s Quality of Living มีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ (Innovation “Lalin, IL”) ภายในบ้าน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น ระบบ IL – Smart & Security, IL – Ecosystem, และ IL – Lively & Healthy เป็นต้น
ทั้งนี้ ได้ตั้งงบด้านการตลาดในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 3% – 4% ในส่วนของทางด้านการเงิน บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินอย่างมาก โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ที่ลดลงจาก 0.75 เท่า ณ สิ้นปี 2562 มาอยู่ที่ระดับเพียง 0.67 เท่า ณ สิ้นปี 2563 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ราว 1.4 – 1.5 เท่า อย่างมาก และมีเงินสดสำรองเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจอีกราว 1,000 ล้านบาท ตลอดจนมีวงเงินสนับสนุนทางการเงิน (Committed Line) ที่ยังไม่ได้เบิกใช้ จากธนาคารพาณิชย์พันธมิตรต่างๆ อีกมากกว่า 2,000 ล้านบาท
ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัท และความสามารถในการขยายธุรกิจได้อีกมาก โดยไม่มีปัญหาด้านสภาพคล่อง โดยในปี 2564 นี้บริษัทวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 1,000 – 1,200 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และกำไรสะสมของบริษัท ตลอดจนมีการใช้หุ้นกู้ และแหล่งเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน โดยมีการพิจารณาออกในจำนวนและช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดรับกับการขยายธุรกิจ และการเติบโตในระยะยาวของบริษัท
ทั้งนี้ ได้ตั้งงบด้านการตลาดในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 3% – 4% ในส่วนของทางด้านการเงิน บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินอย่างมาก โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ที่ลดลงจาก 0.75 เท่า ณ สิ้นปี 2562 มาอยู่ที่ระดับเพียง 0.67 เท่า ณ สิ้นปี 2563 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ราว 1.4 – 1.5 เท่า อย่างมาก และมีเงินสดสำรองเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจอีกราว 1,000 ล้านบาท ตลอดจนมีวงเงินสนับสนุนทางการเงิน (Committed Line) ที่ยังไม่ได้เบิกใช้ จากธนาคารพาณิชย์พันธมิตรต่างๆ อีกมากกว่า 2,000 ล้านบาท
ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัท และความสามารถในการขยายธุรกิจได้อีกมาก โดยไม่มีปัญหาด้านสภาพคล่อง โดยในปี 2564 นี้บริษัทวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 1,000 – 1,200 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และกำไรสะสมของบริษัท ตลอดจนมีการใช้หุ้นกู้ และแหล่งเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน โดยมีการพิจารณาออกในจำนวนและช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดรับกับการขยายธุรกิจ และการเติบโตในระยะยาวของบริษัท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สิงห์ เอสเตท แตกไลน์ธุรกิจ พุ่งเป้าอุตสาหกรรม-พลังงาน
สิงห์ เอสเตท ประกาศแผนเชิงกลยุทธ์การขยายธุรกิจ เตรียมรุกเข้าธุรกิจพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า ธุรกิจให้บริการด้านวิศวกรรม และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นสามเท่าตัว ภายใน 3 ปี
นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการ บมจ. สิงห์ เอสเตท เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่เรากำลังเข้าสู่เฟสต่อไปของการพัฒนาธุรกิจของสิงห์ เอสเตท โดยจะเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและธุรกิจสร้างสรรค์ใหม่ๆ ที่จะมาต่อยอดและเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อนำสิงห์ เอสเตท ก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในธุรกิจแถวหน้าของประเทศไทย ที่ผนึกกำลังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า และธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่อง สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด และสร้างผลตอบแทนที่ดี
ในช่วงที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท ให้ความสำคัญกับการนำบริษัทเดินทางจากจุดเริ่มต้นในฐานะบริษัทของครอบครัว ที่บริหารจัดการสินทรัพย์และดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูล มาสู่การเป็นบริษัทมหาชน ที่มีการบริหารงานอย่างมืออาชีพ มีสินทรัพย์อยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลาย กระจายอยู่ในหลายภูมิภาค สำหรับตอนนี้ เมื่อเรามองไปที่เส้นทางข้างหน้า เราเชื่อมั่นในอนาคตของประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานที่มั่นทางธุรกิจของสิงห์ เอสเตท ในขณะเดียวกัน เรายังเดินหน้ามองหาโอกาสที่จะสร้างการเติบโตใหม่ๆ ในระดับโลก ไปพร้อมกันด้วย
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า สิงห์ เอสเตท ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ขึ้น 3 เท่าตัว ให้กลายเป็นประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี ภายในระยะเวลา 3 ปี พร้อมกับสร้างธุรกิจให้มีมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้น จาก 65,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 ไปเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสินทรัพย์ 80,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 และในขณะเดียวกัน ก็ตั้งเป้าเพิ่มอัตราผลกำไรในการทำธุรกิจด้วย
“การพัฒนาโครงการขนาดยักษ์หลากหลายโครงการในประเทศไทย และการเดินหน้าบูรณาการธุรกิจต่างๆ ของสิงห์ เอสเตท ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยผนึกกำลังธุรกิจโรงแรม ธุรกิจที่พักอาศัย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม เข้ากับธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า และธุรกิจให้บริการด้านนวัตกรรมที่เกี่ยวเนื่องต่างๆ จะสร้างความได้เปรียบเชิงธุรกิจให้กับสิงห์ เอสเตท ได้อย่างมหาศาล และเพิ่มความสามารถในการคว้าโอกาสทางธุรกิจใหญ่ๆ ที่กำลังจะมีเข้ามา” นางฐิติมากล่าว
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งยืนยันการตัดสินใจที่ถูกต้องของบริษัทฯ ในการวางโครงสร้างธุรกิจเป็น 4 กลุ่มธุรกิจที่เชื่อมโยงกัน “เพื่อจะทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี ได้อย่างสม่ำเสมอ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ยากจะคาดเดา ทั้งในประเทศและทั่วโลก
ในปี 2563 ที่ผ่านมา 3 กลุ่มธุรกิจของสิงห์ เอสเตท คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ธุรกิจโครงการที่พักอาศัย และธุรกิจรีสอร์ตและโรงแรม ทำรายได้คิดเป็นสัดส่วน 96% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทฯ
แนวทางการเดินหน้า 4 กลุ่มธุรกิจของสิงห์ เอสเตท จะสร้างจุดโดดเด่นที่แตกต่าง และทำให้สิงห์ เอสเตท เพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ได้มากกว่า นอกจากนี้ ยังจะช่วยให้มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น จากการเติมเต็มซึ่งกันและกันของกลุ่มธุรกิจต่างๆ การใช้ทรัพยากรร่วมกัน และการบูรณาการธุรกิจ พร้อมกันนี้ ก็จะช่วยให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น จากการที่ธุรกิจในเครือมีวงจรทางธุรกิจที่แตกต่างกัน มีรูปแบบความเสี่ยงไม่เหมือนกัน และเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ประจำและสม่ำเสมอ
“ด้วยความแข็งแกร่งทางการเงินของเราจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของเราที่ต่ำ อยู่ที่ 0.96 เท่า ประกอบกับการมีเครดิตดี สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อีก 25,000 ล้านบาท ทำให้เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่เราจะเดินหน้ากลุ่มธุรกิจที่ 4 ของเรา” นางฐิติมากล่าว
สิงห์ เอสเตท กำลังศึกษาแนวคิดและวิธีใหม่ๆ ระดับโลก นำมาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้เป็นอย่างดีในทุกสถานการณ์ (Resilient Business) ทั้งนี้ สิงห์ เอสเตท มีเป้าหมายที่จะแสวงหาความร่วมมือทั้งภายในประเทศและระดับโลก เพื่อสร้างความเชี่ยวชาญที่มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งความสามารถในการแข่งขัน และช่วยขยายฐานธุรกิจในต่างประเทศให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ของสิงห์ เอสเตท ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกรวม 140,000 ตารางเมตร สร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ประมาณ 15% ของรายได้ทั้งหมดในปี 2563 นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีโรงแรมและรีสอร์ต 39 แห่ง ใน 5 ประเทศ ซึ่งมีห้องพักรวมกัน 4,647 ห้อง สร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ประมาณ 24% ของรายได้ทั้งหมด และมีโครงการที่พักอาศัย 23 โครงการ ประกอบด้วยที่อยู่อาศัยแนวราบ และคอนโดมิเนียม เช่น แบรนด์สันติบุรี The ESSE และแบรนด์อื่นๆ ซึ่งสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ประมาณ 57% ของรายได้ทั้งหมด
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทอ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อนหน้า
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.15-30.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 30.12 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 29.96-30.14 บาท/ดอลลาร์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 10 ปีของสหรัฐฯทะยานขึ้นแตะระดับก่อนวิกฤติโรคระบาด ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการสภาคองเกรส โดยไม่พูดถึงความเสี่ยงจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร แต่แสดงความเห็นว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างไม่ทั่วถึงและยังคงต้องใช้เวลา
อีกทั้งเฟดจะยังคงให้ความสำคัญกับการเยียวยาตลาดแรงงาน นอกจากนี้ เฟดจะส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าก่อนที่จะปรับนโยบายในอนาคต ประธานเฟดระบุว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงถูกตรึงไว้ที่ระดับต่ำและเฟดจะเข้าซื้อตราสารหนี้ในอัตราอย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือนต่อไป อย่างไรก็ดี ท้ายสัปดาห์นักลงทุนยังคงลดพอร์ตสินทรัพย์ทางการเงินหลายประเภท รวมถึง หุ้น และทองคำ เพื่อรอดูสถานการณ์ในตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย มูลค่า 10,300 ล้านบาท และ 1,400 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในเดือนก.พ. เงินบาทอ่อนค่า 0.5% เกาะกลุ่มไปกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค
นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มองว่า ตลาดโลกจะให้ความสนใจกับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการของสหรัฐฯ อาทิ ดัชนีภาคบริการ และการจ้างงานนอกภาคเกษตร หลังประธานเฟดเน้นย้ำว่าเศรษฐกิจยังคงอยู่ห่างไกลจากการบรรุลเป้าหมายของเฟดในด้านการจ้างงานและภาวะเงินเฟ้อ อนึ่ง กรุงศรีมองว่า เพียงความเห็นจากเฟดนั้นไม่พอที่จะลดความปั่นป่วนในตลาดได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงท่าทีที่ค่อนข้างแตกต่างจาก ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) และธนาคารกลางออสเตรเลียซึ่งระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น ขณะที่นักลงทุนอาจต้องการมาตรการเพิ่มเติมที่เป็นรูปธรรมจากเฟดในการรักษาเสถียรภาพของตลาดพันธบัตร โดยหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯยังผันผวนสูง เราคาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะได้แรงหนุนต่อไปในช่วงสั้นๆ
สำหรับปัจจัยในประเทศ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.พ. ขณะที่ธปท.ได้รายงานว่าการบริโภคภาคเอกชนและตลาดแรงงานเดือนม.ค.ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ส่วนการส่งออกที่ไม่รวมทองคำขยายตัวตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยหมวดสินค้าส่งออกที่เติบโตได้ดี ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าเกษตรแปรรูป รวมถึงอิเล็กทรอนิกส์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“ม.กรุงเทพธนบุรี” แนะแนวการศึกษา “ขนไก่แกรนนูลาร์” พร้อมให้สถานที่ฝึกซ้อม
มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี แนะแนวการศึกษา สโมสรแบดมินตันแกรนนูลาร์ เพิ่มเติมจากการให้สถานที่ฝึกซ้อม
วันที่ 28 ก.พ. 64 รศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ได้มอบหมายให้ ครูเอิร์น จิรวรรณ ชัยรุ่งเรือง ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตกรุงเทพธนบุรี มาแนะนำนักกีฬาสโมสรแบดมินตันแกรนนูลาร์ ที่จะเข้าเรียนที่โรงเรียนสาธิตกรุงเทพธนบุรี
ผศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี กล่าวว่า ได้มองเห็นถึงความเสียสละและน้ำใจการทุ่มเทเพื่อสร้างเยาวชนของสโมสรแกรนนูลาร์ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ยินดีที่จะช่วยเหลือในทุกด้านโดยเฉพาะเรื่องของการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญนอกสนาม นอกเหนือจากเรื่องในสนามที่ได้สนับสนุนศูนย์ฝึกฟิตเนส เป็นที่ฝึกซ้อมสำหรับการเตรียมตัวลงแข่งขันรายการต่างๆ
นายเจน ปิยะทัต ที่ปรึกษาสโมสรแบดมินตันแกรนนูลาร์ กล่าวว่า การให้โอกาสนักกีฬาในสังกัดสโมสรเข้ารับการศึกษาตั้งแต่ระดับประถมที่โรงเรียนสาธิตกรุงเทพธนบุรี ที่มีมาตรฐานการศึกษาสูง นับว่าเป็นสิ่งสำคัญช่วยสร้างกำลังใจให้นักกีฬา อีกทั้งยังสามารถต่อยอดเรียนในระดับอุดมศึกษาต่อจนถึงระดับปริญญาเอก
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
แก่กว่าวัย! ลดความเสี่ยงได้แค่นอนให้พอ
แพทย์เวชศาสตร์ป้องกันแนะเคล็ดลับง่ายๆ ให้ห่างไกลความแก่และอาการเจ็บป่วย ด้วยการลดความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ
นายแพทย์อรรถสิทธิ์ อมรถนอมโชค แพทย์ผู้ชำนาญการเวชศาสตร์ป้องกัน หัวหน้าศูนย์เวชธานี Q Life โรงพยาบาลเวชธานี เปิดเผยว่า การนอนเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูการทำงานของเซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย มีข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่าคนที่นอนน้อยไม่ถึงวันละ 7 ชั่วโมง เป็นระยะเวลานาน จะเกิดสภาวะที่เรียกว่า Sleep debt หรือติดหนี้การพักผ่อน
นอกจากนี้ ฮอร์โมน Cortisol ยังไปยับยั้งการทำงานของ Telomere และทำให้หดสั้นลง ซึ่ง Telomere เป็นส่วนปลายของโครโมโซม ทำหน้าที่ปกป้องโครโมโซมไม่ให้ถูกทำลายหรือหดสั้นลงก่อนภาวะที่ควรจะเป็น นั่นหมายถึงความเสื่อมที่เรียกว่า Aging process เป็นสัญญาณของความแก่และการเจ็บป่วย
สำหรับภาวะอดนอนนั้น ยังทำให้ร่างกายไม่ผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยซ่อมแซมดีเอ็นเอในร่างกาย แต่กลับไปกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติชนิด Sympathetic ที่ทำให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น รวมถึงกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ (Inflammation) ซึ่งสารเหล่านี้ถูกผลิตโดยเม็ดเลือดขาว นั่นหมายความว่าเม็ดเลือดขาวต้องทำงานหนักขึ้น แบ่งตัวมากขึ้น ซึ่งยิ่งส่งผลกระทบต่อ Telomere
นายแพทย์อรรถสิทธิ์ แนะนำว่า นอกจากการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 7 – 8 ชั่วโมงแล้ว ยังควรรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดการปรุงแต่ง หลีกเลี่ยงไขมันเลว ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเป็นประจำ และหลีกเครียดความเครียด เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ร่างกายและระบบภายในแข็งแรง ไม่เสื่อมก่อนวัยอันเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยและแก่เร็ว
ประโยคและคำศัพท์ “มือถือ”
ในยุค 5G นี้ โทรศัพท์มือถือก็ได้กลายมาเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตประจำวันของเราทุกคนกันเลยทีเดียว ดังนั้น ในวันนี้เราจะมาพูดถึงประโยคและคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ “โทรศัพท์มือถือ” กันบ้าง
ก่อนอื่นเลย ในภาษาอังกฤษ คำว่า โทรศัพท์มือถือ เราสามารถเรียกได้ 2 แบบ คือ mobile phone ซึ่งเป็นคำที่คนไทยมักใช้กัน แต่ทางฝั่งอเมริกา เขามักจะใช้คำว่า cell phone กัน ซึ่ง cell ก็มาจากคำว่า cellular นั่นเอง
ดังนั้น ลองเปลี่ยนมาใช้คำหลังดูบ้างก็ได้ครับ (เท่ห์ดีออก)
ตัวอย่างเช่น
“I don’t have a signal.”
“My phone doesn’t have any service.” หรือ
“My phone’s signal is not good.”
ถัดมา คือ กรณีที่โทรศัพท์เราเสียหรือใช้งานไม่ได้ จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ก็สามารถใช้ประโยคว่า…
“My cell phone doesn’t work.” หรือ
“My cell phone is dead.”
ประโยคที่สองนี้ อาจหมายถึงโทรศัพท์แบตฯหมดก็ได้นะครับ
แต่หากเป็นกรณีที่ต้องการเจาะจงว่า โทรศัพท์แบตฯหมดหรือแบตฯใกล้หมดแล้ว เราก็สามารถบอกอีกฝ่ายได้ว่า….
“I’m out of battery.” หรือ
“My phone is running out of battery.”
เมื่อแบตฯหมด ก็ต้องชาร์จแบต เราก็สามารถบอกอีกฝ่ายได้ว่า ….
“Let me charge my phone, first”
(ไม่ใช้คำว่า “charge battery” นะครับ)
หากเป็นโทรศัพท์แบบเติมเงินและยอดเงินในโทรศัพท์ใกล้หมด เราก็สามารถบอกอีกฝ่ายได้ว่า….
“My phone is almost out of credit. Can you call me back?”
เมื่อยอดเงินหรือเครดิตหมด ก็ต้องเติมเข้าไปเพิ่ม เราสามารถพูดได้ว่า…
“I will top up my phone.” หรือ
“I will add money to my phone.”
มาถึงตรงนี้แล้ว จะสังเกตได้ว่า หากเรากำลังคุยกับใครด้วยโทรศัพท์มือถืออยู่
ก็เป็นอันรู้กันดีว่า คำว่า ‘phone’ ย่อมหมายถึง ‘mobile phone’ หรือ ‘cell phone’ นั่นเอง
ไม่จำเป็นต้องพูดคำเต็มๆก็ได้นะคร๊าบบบ
อ้อ! ลืมบอกไปอย่างนึง คือ ถ้าเราโทรหาใครไม่ติด เราก็สามารถบอกบุคคลที่สามหรือเพื่อนคนอื่นๆที่อาจจะกำลังอยู่กับเราว่า “His/Her line is busy” ซึ่งหมายถึง ‘สายไม่ว่าง’ นั่นเองครับ
คำถามทดสอบ:
1) ถ้าจะบอกอีกฝ่ายว่า “สัญญาณไม่ค่อยดี” ต้องพูดว่าอย่างไร
a. “I don’t have a signal.”
b. “My phone’s signal is not good.”
c. “My phone doesn’t have any service.”
d. ถูกทุกข้อ
2) ถ้าจะบอกอีกฝ่ายว่า “โทรศัพท์แบตฯหมด” ต้องพูดว่าอย่างไร
a. My phone is dead.
b. My phone ran out of battery.
c. My phone is out of credit
d. ถูกทั้ง a. และ b.
3) The line is busy หมายถึงอะไร
a. โทรศัพท์แบตฯหมด
b. ยอดเงินในโทรศัพท์หมด
c. สายไม่ว่าง
d. โทรศัพท์เสีย
เฉลย
1. (ข้อ d.) ใช้ได้ทุกประโยคที่กล่าวมาเลยครับ
2. (ข้อ d.) สวนข้อ c. หมายถึงยอดเงินในโทรศัพท์หมดครับ
3. (ข้อ c.) หมายถึง ‘สายไม่ว่าง’ นั่นเองครับ (ไม่ใช่สายพันกันจนยุ่ง)
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
ม.มหิดล พัฒนาแอป”กินยาแล้ว”
ม.มหิดล พัฒนาแอป”กินยาแล้ว” เชื่อมนวัตกรรมจัดยาด้วยระบบ AI ตรวจสอบความถูกต้องการจัดยา เพื่อลดความแออัดของโรงพยาบาล และลดการติดเชื้อของเจ้าหน้าที่จัดยา เผยโครงการที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการพัฒนา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นริศ หนูหอม รองหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ร่วมวิจัยในคลัสเตอร์ดิจิทัล ของเครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (Research University Network Thailand หรือ RUN) กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหิดลได้มีความพยายามอย่างยิ่งที่จะเร่งพัฒนางานวิจัย และนวัตกรรมต่างๆ โดยอาศัยความร่วมมือจากหลากหลายหน่วยงานทั้งภายใน และภายนอก เพื่อแก้ไขปัญหา และบรรเทาวิกฤติต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยได้ร่วมสร้างนวัตกรรมระบบข้อมูลยา จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาแอปพลิเคชัน “กินยาแล้ว” เพื่อตรวจสอบชนิดยา และแจ้งเตือนการกินยา ซึ่งจัดทำเสร็จสิ้น และอยู่ในระหว่างการทดลองใช้ และโครงการพัฒนาระบบอัตโนมัติ AI สำหรับตรวจสอบความถูกต้องของการจัดยา เพื่อลดความแออัดของโรงพยาบาล และลดการติดเชื้อของเจ้าหน้าที่จัดยา ซึ่งเป็นโครงการที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการพัฒนา
จุดเด่นของแอปพลิเคชัน “กินยาแล้ว” คือการสามารถอ่านข้อมูลจาก QR Code เพื่อดึงข้อมูลรายการยาเข้าสู่ระบบการแจ้งเตือนเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยลืมกินยา อีกทั้งช่วยให้ผู้ดูแลสามารถทราบเวลาที่จะต้องจัดเตรียมยาให้ผู้ป่วย หรือย้ำเตือนผู้ป่วยไม่ให้ลืมกินยา สำหรับอีกโครงการเป็นการพัฒนาต่อยอดจากโครงการแรก โดยเชื่อมโยงระบบยาจากโรงพยาบาลสู่ผู้ป่วยผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ซึ่งผู้ป่วยสามารถนำ QR Code ที่สร้างจาก Platform ไปรับยาจากร้านขายยาใกล้บ้านได้โดยไม่ต้องรอคิวรับยาที่โรงพยาบาล ซึ่งมีกลไกตรวจสอบความถูกต้องของการจัดยาด้วยระบบอัตโนมัติ AI โดยทีมผู้วิจัยจะดำเนินการยื่นจดสิทธิบัตรทางนวัตกรรมต่อไป
ผู้ป่วยมีความคาดหวังต่อการบริการดูแลรักษาสุขภาพที่มีความสะดวกสบาย และการเข้าถึงบริการที่ง่ายและรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤติ COVID-19 ที่โรงพยาบาลมีความแออัด ซึ่งระบบ AI จะเข้ามาช่วยลดความคลาดเคลื่อนในการจัดยา ตลอดจนช่วยแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์เพื่อให้มีเวลามากขึ้นสำหรับการวางแผนเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ COVID-19 ที่เกิดขึ้นได้ต่อไป
“คนที่อยู่รอดไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุด แต่เป็นคนที่ปรับตัวได้ดีที่สุด อนาคตจะเป็นอย่างไรอยู่ที่เราปรับตัว วิกฤติ COVID-19 ที่ผ่านมา ทำให้เราได้เรียนรู้ และปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากพวกเราคนไทยพร้อมร่วมแรงร่วมใจสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทย สุดท้ายเชื่อว่าเราก็จะสามารถผ่านวิกฤติต่างๆ ไปได้ในที่สุด” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นริศ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ประโยชน์ของน้ำผึ้ง อาหารที่มีดีมากกว่าความหวาน
น้ำผึ้ง ผลผลิตจากธรรมชาติที่เป็นของโปรดของใครหลายๆ คน แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากความหอมหวาน น้ำผึ้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ วันนี้ OfficeMate จะพาคุณไปทำความรู้จักกับน้ำผึ้งให้มากขึ้นอีกนิด ไปดูกันว่านอกจากรสชาติแสนอร่อยแล้ว น้ำผึ้งยังมีดีอะไรอีกบ้าง
กว่าจะมาเป็น ‘น้ำผึ้ง’
น้ำผึ้ง คือ น้ำหวานจากดอกไม้ ได้มาจากการทำงานหนักของเหล่าผึ้งงาน กว่าจะได้น้ำผึ้งสัก 1 ลิตรกลับรัง ผึ้งงานอาจต้องเดินทางไกลหลายกิโลเมตร หรือบินไปกลับกว่า 20,000 ถึง 100,000 เที่ยว เมื่อพบแหล่งน้ำหวาน ผึ้งงานจะดูดน้ำหวานที่อยู่ตามโคนกลีบดอกไม้แล้วเก็บสะสมไว้ในกระเพาะ เมื่อน้ำหวานเข้าไปผสมกับน้ำย่อยหรือเอนไซม์ในกระเพาะก็จะแปรสภาพเปลี่ยนเป็นน้ำผึ้ง เมื่อกลับถึงรัง ผึ้งงานจะคายน้ำหวานที่เปลี่ยนสภาพแล้วแบบปากต่อปากกับผึ้งงานอีกตัวที่มีหน้าที่อยู่เฝ้ารัง จากนั้นจะนำไปเก็บไว้ในหลอดรวงน้ำผึ้ง แล้วปิดปากรูด้วยไขผึ้ง และเก็บน้ำผึ้งไว้เป็นอาหารของพวกมันเอง
การเก็บรังผึ้งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะใช้คบไฟไล่ตัวผึ้งออกก่อน แล้วจึงนำรังไปคั้นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากรังผึ้งธรรมชาติ คือ น้ำผึ้ง รวมถึงผึ้งที่เป็นตัวอ่อน และบางครั้งยังอาจมีเกสรดอกไม้ปนมาด้วย แต่ถ้าเป็นรังผึ้งจากฟาร์มเลี้ยงผึ้ง จะมีกรรมวิธีในการแยกตัวอ่อนและเกสรดอกไม้ออก จึงได้เป็นน้ำผึ้งบริสุทธิ์ สะอาด ปราศจากกากและสิ่งเจือปนต่างๆ สามารถเก็บได้นานกว่าน้ำผึ้งจากรังผึ้งธรรมชาติ แต่ถึงอย่างนั้น น้ำผึ้งจากรังผึ้งธรรมชาติก็ยังคงมีคุณภาพดีกว่าน้ำผึ้งที่ได้จากฟาร์ม
คุณประโยชน์ของ ‘น้ำผึ้ง’ ที่มีมากกว่าความหวาน
สารอาหารในน้ำผึ้งกว่าร้อยละ 80 คือคาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในรูปของน้ำตาลฟรักโทสและน้ำตาลกลูโคส ที่เหลืออีกร้อยละ 20 คือ น้ำ กรดอะมิโน เอนไซม์ เกลือแร่ และวิตามินต่างๆ ไปดูกันดีกว่าค่ะว่าสารอาหารต่างๆ ที่อยู่ในน้ำผึ้ง มีประโยชน์กับร่างกายของเราอย่างไรบ้าง
น้ำผึ้งช่วยเพิ่มพลังงานและทำลายสิ่งแปลกปลอมที่เล็ดลอดเข้ามาในร่างกาย
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะให้พลังงานประมาณ 60 แคลอรี การทานน้ำผึ้งจึงช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย เนื่องจากร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลกลูโคสและฟรักโทสที่อยู่ในน้ำผึ้งและนำไปใช้ได้ทันที เหมาะกับนักกีฬาที่ต้องการพลังงานก่อนลงแข่งขัน น้ำตาลกลูโคสที่อยู่ในน้ำผึ้งยังมีส่วนช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน สามารถช่วยกำจัดและทำลายสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายได้อีกด้วย
น้ำผึ้งช่วยให้นอนหลับสบาย
สำหรับคนที่มีอาการนอนไม่หลับ กรดเดซิโนอิคในน้ำผึ้งจะช่วยคลายเครียดและทำให้คุณอารมณ์ดี การทานน้ำผึ้งก่อนนอนเพียง 1 ช้อนชาเล็กๆ หรือจะผสมน้ำอุ่นแล้วชงดื่ม ก็จะช่วยให้นอนหลับสบาย
น้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ
เอนไซม์ที่อยู่ในน้ำผึ้งมีประโยชน์สามารถย่อยสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตได้ น้ำผึ้งจึงมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยแก้อาการท้องผูกของเด็กและผู้สูงอายุ ส่วนคนวัยหนุ่มสาว ลองผสมน้ำผึ้ง มะนาว และน้ำอุ่น ชงดื่มก่อนนอน จะกระตุ้นการผลิตเมือกในลำไส้ ช่วยกำจัดสารพิษตกค้าง รับรองว่าตื่นมาตอนเช้าจะขับถ่ายสบายท้องแน่นอนค่ะ
น้ำผึ้งช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวพรรณอ่อนนุ่ม
ย้อนกลับไปในอดีต พระนางคลีโอพัตรา ใช้น้ำผึ้งเป็นเครื่องประทินโฉมและบำรุงผิวพรรณ ในปัจจุบันยังมีการนำน้ำผึ้งไปเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางค์หรือเวชภัณฑ์ชนิดต่างๆ ทั้งยังถูกนำไปใช้ในการรักษาโรคผิวหนัง เพราะน้ำผึ้งมีสารที่ชื่อว่า ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ ช่วยต่อต้านแบคทีเรีย กำจัดเชื้อโรคต่างๆ ได้โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อ
สารให้ความชุ่มชื้นในน้ำผึ้งมีประโยชน์ในเรื่องการต่อต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยให้ผิวพรรณอ่อนนุ่ม ปกป้องผิวจากรังสียูวี และช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ให้กับผิวหนังของเราได้
ประโยชน์ของน้ำผึ้งตามตำราแพทย์แผนไทย vs แพทย์แผนจีน
ตามตำราเภสัชกรรมไทย เชื่อว่าน้ำผึ้งช่วยแก้อาการสะอึก ลดไข้ ช่วยให้เจริญอาหาร บำรุงธาตุต่างๆ ในร่างกาย ลดการอักเสบของแผล ดับกลิ่นแผล ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น และยังถือว่าน้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ
ส่วนตำราจากแพทย์แผนจีน มีคัมภีร์ที่ชื่อว่า เปิ่น-เฉา-กัง-มู่ เขียนขึ้นโดยหลี่สือเจิน กล่าวไว้ว่า น้ำผึ้งมีคุณประโยชน์ 5 ประการ คือ ขับร้อน, บำรุงส่วนกลาง คือ กระเพาะอาหารและม้าม, ขับพิษ รักษาแผล, ลดความแห้งแก้ไอ และแก้ปวด ทั้งยังเชื่อว่าน้ำผึ้งที่มาจากเกสรดอกไม้ต่างชนิดกัน จะมีสรรพคุณต่างกันอีกด้วย เช่น
- น้ำผึ้งจากเกสรดอกลำไย : ช่วยบำรุงเลือด บำรุงสมอง ช่วยเรื่องความจำ และทำให้นอนหลับ
- น้ำผึ้งจากเกสรดอกลิ้นจี่ : กระตุ้นน้ำลาย แก้กระหาย ช่วยบำรุงไตและหัวใจ
- น้ำผึ้งจากเกสรส้ม : ลดบวม ขับพิษ และแก้กระหายน้ำ เป็นต้น
‘น้ำผึ้ง’ ที่ดีที่สุดในโลก
ลักษณะของน้ำผึ้งที่ดีจะต้องข้นหนืด มีความใสและโปร่งแสง สะอาด ไม่มีตะกอนหรือสิ่งเจือปน ไม่มีไขผึ้ง ไม่มีฟอง กลิ่นต้องเป็นกลิ่นหอมของเกสรดอกไม้ ไม่เหม็นหืน หรือมีกลิ่นบูดเปรี้ยว แต่หากจะคัดเกรดน้ำผึ้งอย่างละเอียด ให้ดูที่ความชื้นหรือปริมาณน้ำที่ผสมอยู่ ถ้าน้ำผึ้งมีน้ำผสมอยู่น้อยกว่าร้อยละ 21 จะจัดว่าเป็นน้ำผึ้งที่อยู่ในเกรดดี อย่างน้ำผึ้งเดือน 5 ของไทยเรา ที่เป็นน้ำผึ้งในหน้าแล้ง ความชื้นจะน้อย น้ำผึ้งจึงมีความเข้มข้นมากนั่นเอง
แต่ถ้าถามถึงน้ำผึ้งที่ดีที่สุดในโลก ต้องยกให้น้ำผึ้งที่ได้จากดอกมานูก้า หรือ มานูก้าฮันนี่ (Manuka Honey) เป็นน้ำผึ้งธรรมชาติจากประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ความโดดเด่นของน้ำผึ้งดอกมานูก้าคือสีและรสชาติที่เข้มข้น ทั้งยังมีสาร UMF (Unique Manuka Factor) ซึ่งจะพบในดอกมานูก้าเท่านั้น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารนี้สามารถรักษาโรคผิวหนัง บำรุงผิว รักษาสิว ลดรอยเหี่ยวย่น และช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ น้ำผึ้งมานูก้ายังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้ดีกว่าน้ำผึ้งชนิดอื่นๆ อีกด้วย
ประเทศไทยของเราก็มีน้ำผึ้งคุณภาพดีที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเช่นกัน คือ น้ำผึ้งดอกลำไยจากจังหวัดเชียงราย ซึ่งถือเป็นน้ำผึ้งคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย ผ่านการควบคุมและเก็บผลผลิตด้วยวิธีแบบธรรมชาติ มีกลิ่นหอมของดอกลำไยที่เป็นเอกลักษณ์และรสชาติหวานละมุน ถูกนำไปผลิตและบรรจุเพื่อจำหน่ายในหลายๆ แบรนด์ หนึ่งในนั้นคือ แบรนด์ดอยคำ ที่ใช้ผลผลิตน้ำผึ้งจากจังหวัดเชียงรายเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก officemate.co.th
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 24,500.00 | 24,600.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,587.00 | 24,058.92 | 25,100.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,428.30 | 21,653.03 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,269.60 | 19,247.14 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 714.00 | 10,824.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 555.00 | 8,413.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,645.00 | 24,938.20 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 02/03/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 26.05 | 26.05 | 26.55 | 26.05 | 26.05 | 26.05 | 26.05 | 26.05 | 26.05 | 26.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 25.78 | 25.78 | 26.28 | 25.78 | 25.78 | 25.78 | 25.78 | 25.78 | 25.78 | 25.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 24.54 | 24.54 | 25.04 | 24.54 | 24.54 | – | 24.54 | 24.54 | 24.54 | 24.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.54 | 20.54 | – | – | – | – | – | – | – | 20.54 |
เบนซิน 95 | 33.46 | – | – | – | 33.91 | – | 33.96 | 33.46 | – | 33.46 |
ดีเซล B7 | 26.99 | 26.99 | 27.19 | 26.99 | 26.99 | 26.99 | 26.99 | 26.99 | 26.99 | 26.99 |
ดีเซล | 23.99 | 23.99 | 24.19 | 23.99 | 23.99 | 23.99 | 23.99 | 23.99 | 23.99 | 23.99 |
ดีเซล B20 | 23.74 | 23.74 | 24.14 | – | 23.74 | – | 23.74 | 23.74 | – | 23.74 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 31.44 | 31.46 | 33.64 | 32.84 | – | – | – | – | – | 31.44 |
แก๊ส NGV | 13.35 | 13.35 | – | – | – | – | – | – | – | 13.35 |