เปิดมุมมอง ‘แสนผิน สุขี’ แนวราบ ทางรอดอสังหาฯ?
หากดูจากตัวเลขจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของตลาดอสังหาฯ ที่เกิดขึ้นในปี 2563 ผ่านมา โดยสัดส่วนคอนโดเหลือแค่ 37% จาก 59% ในปี 2561 ขณะที่แนวราบ กลับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 63% จาก 41%สะท้อนว่า‘ แนวราบ ’กลายเป็น ทางรอดที่ดีเวลลอปเปอร์ เลือก
แสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่าอุปทานเปิดตัวใหม่ ของที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลปี 2563 มีจำนวน 72,752 ยูนิต ลดลงจาก 118,037 ยูนิต 38% คอนโด เปิด 25,906 ยูนิต จาก 66,367 ยูนิต ลดลง 61% เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาฯ หันมาทำโครงการแนวราบและชะลอการเปิดตัวโครงการคอนโด ขณะที่ซัพพลายบ้านแฝดเพิ่มขึ้น17% จาก 6,599 ยูนิต เป็น7,701 ยูนิต เนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์กำลังซื้อผู้บริโภคในยุคนี้ เพราะมีลักษณะเหมือนบ้านเดี่ยวแต่ราคาถูกกว่า โดยอยู่ประมาณ 5-7 ล้านบาท ทาวน์โฮม 29,100 ยูนิตและบ้านเดี่ยว 10,045 ยูนิต
ขณะที่อุปสงค์ที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปี 2563 มีจำนวน 64,536 ยูนิต ติดลบ 35% คอนโดติดลบ 47% เหลือ 28,947 ยูนิต ทาว์โฮมมีจำนวน 20,557 ยูนิต ติดลบ28% ส่วนบ้านแฝด และบ้านเดี่ยวจะติดลบน้อย สะท้อนได้อย่างชัดเจนว่า คนที่มีรายได้ระดับกลางล่างได้รับผลกระทบจากภาวะโควิด -19 ค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทอสังหาฯ หลายค่ายปรับตัวมาทำบ้านเดี่ยวมากขึ้น
“ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ผู้ประกอบการขายยากเพราะคนซื้อตัดสินซื้อยากขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบในแง่รายได้ลดลงและการแข่งขันรุนแรงขึ้น ไม่นับรวมยอดการปฏิเสธสินเชื่อแค่ขายนี้ก็เหนื่อยแล้วสำหรับผู้ประกอบการอสังหาฯ ”
แสนผิน กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาตัวเลขการยอดการปฏิเสธสินเชื่อภาพรวมสูงถึง 51% ตัวเลขการปฏิเสธสินเชื่อมากที่สุดคือทาวน์โฮมสูงถึง 54% เหมือนกับขายครึ่งทิ้งครึ่ง แม้แต่บ้านแฝดก็มากเช่นกันคือ 42% ขณะที่บ้านเดี่ยวน้อยกว่า อยู่ที่ 37% เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มีเงินออม ขณะที่ตลาดต่างจังหวัดตัวเลขการปฏิเสธสินเชื่อ 48% ใกล้เคียงกับบ้านแฝด ซึ่งแตกต่างสมัยแรกที่เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม ไปทำตลาดต่างจังหวัดที่ยอดการปฏิเสธสินเชื่อน้อย เพราะลูกค้าต่างจังหวัดยุคนั้นมีเงินออม ฉะนั้นผู้ประกอบการที่ไปต่างจังหวัดจึงไม่ควรลงทุนซื้อพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำโครงการแบบไร่เลื่อนลอย แต่ควรทำโครงการเฉพาะพื้นที่มีศักยภาพแล้วขายหมดไปจะช่วยลดความเสี่ยง
“ปีนี้ตลาดบ้านเดี่ยวยังคงไปต่อได้แค่ต้องดูทำเลดีๆ เพราะกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อ แต่ขณะเดียวกันต้องมีการออกแบบให้รับกับวิถีชีวิตในยุคนิวนอร์มอล ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอนามัยที่ดี และรองรับกลุ่มผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการใช้เครื่องมือดิจิทัล”
ขณะเดียวกันบ้านแฝดถือเป็นเทรนด์ที่เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่อยากได้บ้านเดี่ยวแต่งบและกำลังซื้อจำกัด ซึ่งถือเป็นสินค้าเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะเป็นสินค้าทดแทนตอบโจทย์ลูกค้าในยุคนี้ ส่วนตลาดทาว์โฮมแม้ว่าดูน่ากลัวแต่ยังไปได้เพียงแต่ ผู้ประกอบการต้องดูเรื่องทำเลเลือกทำเลที่เป็นบลูโอเชียนอย่าไปทำเลเรดโอเชียน และควรให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและฟังก์ชันในโครงการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภค
“ยิ่งตลาดมีการแข่งขันมาก ลูกค้าจะได้ประโยชน์ทั้งเรื่องราคาและโปรโมชั่น ประกอบกับธนาคารมีนวัตกรรมการเงินใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสมีบ้านเป็นของตนเองมากขึ้น รวมทั้งการที่รัฐออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆออกมามีส่วนช่วยให้คนกล้าตัดสินใจซื้อ” แสนผินกล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
พลิกโฉม “สนามกอล์ฟหัวหิน” ดึงทุนยักษ์ลุยมิกซ์ยูส 500 ไร่ 6 พันล้าน
เป็นที่ชัดเจนแล้ว “ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย” จะนำที่ดิน “สนามกอล์ฟรถไฟหัวหิน” กว่า 500 ไร่ ติดสถานีรถไฟ ที่ “บจ.บุญรอดบริวเวอรี่” ธุรกิจใต้ปีกตระกูลภิรมย์ภักดีหมดสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2558 เปิดประมูลหาเอกชนรายใหม่มาลงทุนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส
จ้างนิด้าเขย่าผลศึกษาใหม่
โดยว่าจ้าง “นิด้า-สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์” ทบทวนรูปแบบการพัฒนาใหม่ จากผลศึกษาเดิมที่ “นิด้า” ทำไว้เมื่อ 5 ปีแล้ว เพื่อประเมินมูลค่าโครงการเจรจากับผู้เช่าเดิม
ในครั้งนั้นประเมินจะใช้เงินลงทุน 1,101 ล้านบาท ประกอบด้วย ปรับปรุงสนามกอล์ฟ มูลค่า 185 ล้านบาท สร้างคลับเฮาส์ใหม่ มูลค่า 45 ล้านบาท ปรับโรงแรมกอล์ฟอินน์เป็นอาคาร 8 ชั้น 2 อาคาร พร้อมสระว่ายน้ำ มูลค่า 658 ล้านบาท สร้างพูลวิลล่าในพื้นที่นอกสนามกอล์ฟ มูลค่า 213 ล้านบาท ระยะเวลาเช่า 26 ปี แยกเป็นก่อสร้าง 1 ปี และเช่าจัดหาประโยชน์ 25 ปี
สำหรับครั้งล่าสุดนี้ จะเปิดให้มีการลงทุนหลากหลายกิจกรรมมากขึ้น เพื่อให้สอดรับศักยภาพทำเล มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง และเทรนด์ธุรกิจ หลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยจัดรับฟังความคิดเห็นของเอกชนไปแล้ววันที่ 24 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา
ปั้นหัวหินฮับภาคใต้
ผศ.ดร.ประดิษฐ์ วิธิศุภกร ผู้จัดการโครงการ กล่าวว่า ผลการศึกษาจะแล้วเสร็จในเดือน เม.ย.นี้ ทั้งโครงการคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 6,000 ล้านบาท มีผลตอบแทน 12% โดยจะเสนอให้ ร.ฟ.ท.เปิดประมูลเป็นรายแปลง ระยะเวลา 30 ปี เพื่อให้ได้เอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในแต่ละธุรกิจมาพัฒนา ส่วนการเปิดประมูลหาเอกชนมาลงทุนขึ้นอยู่กับ ร.ฟ.ท. แต่คาดว่าคงจะเร็วเพราะไม่ต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุนฯปี 2562 เป็นการดำเนินการตามระเบียบของการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 129 ว่าด้วยการจัดหาประโยชน์ในทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
“สนามกอล์ฟหัวหิน เป็นสนามกอล์ฟแห่งแรกของประเทศไทย ที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ทุกคนรู้สึกว่านี่คือมรดกสำคัญ เมื่อ 5 ปีที่แล้วคีย์การศึกษาคือการอนุรักษ์ความเป็นสนามกอล์ฟแห่งแรกไว้ แต่อินฟราสตรักเจอร์ ยุทธศาสตร์ของประเทศ มีกำหนดชายทะเลทางเพชรบุรี ภาคใต้เป็นริเวียร่าของเอเชีย เรามองว่ากรุงเทพฯมีพื้นที่เป็นเพชรเม็ดงามอยู่ที่สถานีกลางบางซื่อ ภาคใต้จะมีเพชรเม็ดงามอยู่ที่สถานีหัวหิน การพัฒนาต้องผสมผสานระหว่างสนามกอล์ฟเก่าแก่และศูนย์กลางเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นหลังโควิด”
แบ่งประมูลพัฒนา 9 แปลง
“ฐากร ปาลิเอกวุฒิ” สถาปนิกผู้ออกแบบโครงการ กล่าวว่า โครงการเข้า-ออกได้ 2 ทาง คือ ด้านถนนหินเหล็กไฟและถนนหัวหิน 88 มีเนื้อที่ทั้งหมด 503 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่สนามกอล์ฟ 500 ไร่ และโรงแรมกอล์ฟอินน์ 3 ไร่ จำนวน 16 ห้อง อยู่ด้านหลังสถานีรถไฟหัวหิน จากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 2,198 ล้านบาท
“ปัจจุบันที่ดินสนามกอล์ฟจาก 502 ไร่ เหลือพัฒนา 483 ไร่เศษ มีนำที่ดิน 19 ไร่ไปสร้างรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูงในอนาคต”
ด้านการพัฒนาจะแบ่งเป็น 9 แปลง รวมพื้นที่ก่อสร้าง 672,667 ตร.ม. ไล่จากพื้นที่ติดถนนหินเหล็กไฟ จะเป็น แปลง A พื้นที่เชิงพาณิชย์ (TOD) เนื้อที่ 8 ไร่เศษ พื้นที่ 15,000 ตร.ม. พัฒนาเป็นทัวริสทาวน์และออฟฟิศ ลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท, แปลง B ไมซ์ (MICE) เนื้อที่ 16 ไร่เศษ พื้นที่ 15,000 ตร.ม. เช่น ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้านิทรรศการ ลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท
แปลง C ศูนย์สุขภาพ (health community mall) เนื้อที่ 11 ไร่ พื้นที่ 15,000 ตร.ม. ลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท,
แปลง D โรงแรมระดับ 5 ดาว เนื้อที่ 16 ไร่ พื้นที่ 10,000 ตร.ม. จำนวน 200 ห้อง รองรับคนมาใช้บริการสนามกอล์ฟและนักท่องเที่ยว และมีสกายวอล์กเชื่อมจากสถานีรถไฟ ลงทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท
แปลง E พื้นที่สีเขียว (green area) เนื้อที่ 15 ไร่ พื้นที่ 34,800 ตร.ม. ลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท,
แปลง F โรงเรียนนานาชาติ เนื้อที่ 17 ไร่ พื้นที่ 12,000 ตร.ม. ลงทุนประมาณ 350 ล้านบาท,
แปลง G ศูนย์การแพทย์ (health center) เนื้อที่ 34 ไร่ พื้นที่ 23,667 ตร.ม. เช่น ศูนย์สุขภาพครบวงจร มีพูลวิลล่า 20 หลัง กับอพาร์ตเมนต์ 200 ห้อง สำหรับผู้สูงวัยและผู้มาพักฟื้น ลงทุนประมาณ 500-600 ล้านบาท, แปลง H สนามกอล์ฟ เนื้อที่ 363 ไร่ ขนาด 18 หลุม เงินลงทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท และ แปลง I โรงแรมกอล์ฟอินน์ เนื้อที่ 3 ไร่เศษ อยู่ฝั่งตรงข้ามสนามกอล์ฟติดสถานีรถไฟจะปรับปรุงเป็นโรงแรม 8 ชั้น ระดับ 3-4 ดาว 266 ยูนิต ลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท
เบียร์สิงห์สนสนามกอล์ฟ-โรงแรม
“นิวัฒน์ ตั้งก้องเกียรติ” ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า มีนักลงทุนสนใจหลายราย อย่างเช่น บริษัท บุญรอดฯผู้เช่ารายเดิม สนใจสนามกอล์ฟกับโรงแรม กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพสนใจศูนย์สุขภาพ ส่วนของโรงเรียนนานาชาติมีกลุ่มโรงเรียนปัญญาดี ด้านเชิงพาณิชย์มีกลุ่มมาบุญครอง, บมจ.สยามฟิวเจอร์ดีเวลลอปเมนท์ เป็นต้น
ถ้าทำได้อย่างที่คิด คงจะสร้างรายได้ให้กับ ร.ฟ.ท.ได้ไม่น้อยกว่า 1,600 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
เพราะคุณ…คือคนสำคัญของกลุ่มทรู ทรูสเปซ ร่วมกับ ทรูยู มอบประสบการณ์เอ็กซ์คลูซีฟ “True Space your Red Destination”
เพราะคุณ?คือคนสำคัญของกลุ่มทรู ทรูสเปซ ร่วมกับ ทรูยู มอบประสบการณ์เอ็กซ์คลูซีฟ “True Space your Red Destination” ให้ลูกค้าทรูเรดเวิร์คอย่างอิสระ แบบมีสไตล์ ตอบโจทย์ครบทุกฟังก์ชันกับพื้นที่โคเวิร์คกิ้งสเปซ ฟรี!!! ที่ทรูสเปซ ทุกสาขาทั่วประเทศ
เพราะคุณคือคนสำคัญของกลุ่มทรู โดยนางสาวนวลพรรณ บุญเผื่อน (ยืนที่ 3 จากขวา)หัวหน้าสายงานทรูสเปซ บริษัท ทรู สเปซ จำกัด และนางสาวธัญรส จรุงจิตต์ (ยืนที่ 3 จากซ้าย) ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารความสุขและความสัมพันธ์ลูกค้า บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ร่วมเดินหน้ามอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เติมเต็มความสุขให้ลูกค้าเข้าใช้งาน True Space พื้นที่โคเวิร์คกิ้งสเปซที่ตอบโจทย์ครบครันทุกฟังก์ชันการใช้งานได้แล้วทุกสาขาทั่วประเทศ พิเศษ?ส่งแคมเปญ “True Space your Red Destination” ให้ลูกค้าทรูเรดขึ้นไปใช้งานฟรีได้ทุกวันตลอดปี 2564 ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าผู้ถือบัตรทรู ทั้งบลู กรีน ไวท์ ยังสามารถใช้งานครั้งแรกได้ฟรีตามลำดับ (ลูกค้าบลู 3 ครั้งต่อเดือน, กรีน 2 ครั้งต่อเดือน และไวท์ 1 ครั้งต่อเดือน) และนำทรูพอยท์มาใช้แลกเข้าพื้นที่ทรูสเปซ (2 ครั้งต่อเดือน) หรือเป็นส่วนลดแทนเงินสดสำหรับสมัครสมาชิกรายปีทั้งประเภท Basic และ Boss เพื่อเข้าใช้งานโคเวิร์คกิ้งสเปซ พร้อมรับสิทธิพิเศษอีกมากมายจากทรูสเปซ
สิทธิพิเศษเพื่อลูกค้าผู้ถือบัตรทรูสำหรับการเข้าใช้พื้นที่ True Space
ทรูเรด / แบล็ค
ฟรี สำหรับการเข้าใช้พื้นที่ทรูสเปซทุกวัน ทุกสาขา
ใช้ 99 ทรูพอยท์ เป็นส่วนลด 200 บาท หรือ 199 ทรูพอยท์เป็นส่วนลด 400 บาท สำหรับสมัครสมาชิกประเภท Basic หรือ Boss เพื่อรับสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมายจากทรูสเปซ
ทรูบลู / กรีน / ไวท์
ฟรี สำหรับการเข้าใช้งานพื้นที่ทรูสเปซแรกเข้าตามลำดับ ดังนี้ ลูกค้าบลู (3 ครั้งต่อเดือน) ลูกค้ากรีน (2 ครั้งต่อเดือน) และลูกค้าไวท์ (1 ครั้งต่อเดือน)
ในการใช้งานครั้งต่อไป ลูกค้าทั่วไป ใช้ 99 ทรูพอยท์แลกเข้าใช้พื้นที่ทรูสเปซ (2 ครั้งต่อเดือน) และสำหรับนักเรียน/นักศึกษา ใช้ 79 ทรูพอยท์แลกเข้าใช้พื้นที่ทรูสเปซ (2 ครั้งต่อเดือน)
รับส่วนลด 30% สำหรับการเข้าใช้พื้นที่ในครั้งต่อไป
ใช้ 99 ทรูพอยท์ เป็นส่วนลด 200 บาท หรือ 199 ทรูพอยท์เป็นส่วนลด 400 บาท สำหรับสมัครสมาชิกประเภท Basic หรือ Boss เพื่อรับสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมายจากทรูสเปซ
ทรูสเปซ (True Space) ธุรกิจจัดสรรพื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-working space) เพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้งานได้หลากหลายตามฟังก์ชันที่ต้องการ ทั้งแบบพื้นที่ส่วนตัว แบบกลุ่ม หรือประชุมย่อย อำนวยความสะดวกให้คนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา เหล่าสตาร์ทอัพและคนทำงานใช้ประชุม นั่งทำงาน อ่านหนังสือ สอนพิเศษ และเน็ตเวิร์คกิ้งสำหรับทุกคนได้เริ่มต้นหรือต่อยอดธุรกิจได้เป็นอย่างดี โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งมุมเครื่องเขียน อุปกรณ์สำนักงาน ตู้เก็บของ มุมเครื่องดื่ม-ของว่าง ตลอดจนเทคโนโลยี และสื่อดิจิทัลของกลุ่มทรูที่มีให้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้น บางสาขายังเปิดให้บริการอยู่ในพื้นที่เดียวกับ 7-Eleven เพิ่มความสะดวกสบายทุกการจับจ่ายสินค้าที่ง่ายยิ่งขึ้น อาทิ สาขาอโศก สาขามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นต้น #TrueSpaceyourRedDestination
ปัจจุบัน ทรูสเปซเปิดให้บริการทั้งหมด 9 สาขาทั่วประเทศ ได้แก่ สาขาเซ็นเตอร์พอยต์ ออฟ สยามสแควร์ สาขาสยามสแควร์ ซอย 2 สาขามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สาขาไอคอนสยาม สาขาเสริมไทยคอมเพลกซ์ จ.มหาสารคาม สาขามหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา สาขามหาวิทยาลัยรังสิต สาขาอโศก และสาขามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
ขอบคุณข้อมูลจาก ryt9.com
“Thailand By UTMB 2021” เปิดซีซั่น รับนักวิ่งเทรลขาลุย ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก ฟื้นเศรษฐกิจไทย
“Thailand By UTMB” ประกาศเปิดฤดูกาลแข่งขัน ปี 2021 ยิ่งใหญ่ พร้อมต้อนรับนักวิ่งเทรลขาลุยทั่วโลก วิ่งไต่หลังคาประเทศไทย บนดอยอินทนนท์ สัมผัสวัฒนธรรมพื้นบ้าน กลิ่นอายของธรรมชาติหลากหลายตลอดเส้นทางสนามวิ่งมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับจาก UTMB #TheBestDestination
เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 ณ ห้องประชุมชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬา แห่งประเทศไทย (กกท.) หัวหมาก กรุงเทพฯ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา เป็นประธานงานแถลงข่าว เปิดรับสมัครการแข่งขัน Thailand By UTMB 2021
โดยมี นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา, นายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, Mr.Sebastien Bertrand ผู้แทน UTMBI, ดร.ชุมพล ครุฑแก้ว ประธานสมาคมวิ่งเทรลไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้สื่อข่าวร่วมงานอย่างคึกคัก
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า “จากความสำเร็จในการจัดการแข่งขัน Thailand By UTMB 2020 ตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี ( พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ) เราได้เห็นประโยชน์สูงสุดในด้านต่างๆ ของการนำกีฬามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว มีการกระจายรายได้สู่ชุมชนในทางที่ดีมาก นอกจากนี้ จากการทำงานอย่างหนักเรายังต่อยอดและยกระดับสนามวิ่งเทรลในประเทศไทยสู่มาตรฐานโลกได้สำเร็จ”
“สนาม Thailand by UTMB ถือว่าเป็นรายการแข่งขันที่สำคัญของประเทศไทย และเป็นอีกหนึ่งอีเวนท์ที่เราจะผลักดันเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่น ดึงดูดนักกีฬาและนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เดินทางเข้ามาร่วมแข่งขัน หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ดีขึ้น”
“แน่นอนเราตั้งเป้าว่าการแข่งขันครั้งนี้ ตามโครงการ Ultra Trail Thailand Tour เสน่ห์ของสนามแข่งขันวิ่งเทรล ที่นักวิ่งได้สัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ ประสบการณ์ของฝ่ายจัดการแข่งขันที่เรายกระดับมาตรฐานมากขึ้น บวกกับมาตรการป้องกันโรคที่ทั่วโลกยอมรับ จะดึงดูดนักวิ่งนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามา ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจรวมถึงรายได้ของประชาชนได้ตามนโยบายที่ตั้งไว้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าว
ด้าน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “จากภาพรวมของการแข่งขัน Thailand by UTMB ครั้งที่แล้วถือว่ายอดเยี่ยมมาก ถึงแม้มีข้อจำกัดในการจัดแข่งขันในรูปแบบ New Normal Race ภายใต้การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ซึ่งไม่ง่ายและมีความซับซ้อน แต่ได้ช่วยกันผลักดันให้สามารถจัดการแข่งขันได้ และได้เป็นโอกาสอันดีที่ได้แสดงศักยภาพทางด้านสาธารณสุข และความสามารถในการจัดกีฬามวลชน ภายใต้การแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 ถือว่าเป็นประเทศแรกๆ ของโลก สำหรับปี 2021 นี้ได้เริ่มเดินหน้าเตรียมความพร้อมในการจัดการแข่งขันมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว”
“วันนี้พร้อมสำหรับการรับสมัครเหล่านักวิ่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศมาวิ่งไต่หลังคาประเทศไทย ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ กับเส้นทางแข่งขันใหม่ สำหรับระยะ Inthanon 5 (107K), Inthanon 3 (54K) และ Inthanon 10K (12K) และในครั้งนี้ได้นำเสนอข้อมูลการแข่งขันในระบบ 3D จำลองเส้นทางเสมือนจริง ที่เป็นระบบออนไลน์ที่สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของคนในปัจจุบันนี้ ซึ่งแต่ละวันให้เวลากับระบบออนไลน์ค่อนข้างมาก เทคโนโลยีนี้จะทำให้นักวิ่งทุกคนเข้าถึงข้อมูลเส้นทางการแข่งขัน และง่ายต่อการเข้าใจ ซึ่งเราจะพัฒนาสนามแข่งขันนี้ให้มีศักยภาพที่มากขึ้น ทั้งในภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการรับรู้และความน่าสนใจของการจัดแข่งขันได้มากขึ้น และหวังว่าครั้งนี้จะมีนักกีฬาต่างชาติเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เป็นจำนวนมากแน่นอน อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ด้วย”
“สำหรับ การจัดการแข่งขัน Thailand By UTMB ดอยอินทนนท์ ได้รับการยกระดับเป็นหนึ่งในสนามของ Ultra Trail World Tour จากทั้งหมด 28 สนามเทรลทั่วโลก โดยมีการแข่งขัน Inthanon 6 มีระยะทาง 170 กิโลเมตรเท่านั้น ที่จะให้นักวิ่งทั่วโลกเดินทางมาแข่งขันเพื่อจัดอันดับโลกได้ และเป็นหนึ่งใน 3 สนามที่ยังสามารถจัดการแข่งขันรายการ “by UTMB” ได้ในปี 2021 คือ ที่ประเทศจีน สเปน และประเทศไทย (Thailand by UTMB®)กล่าวได้ว่า ผู้ที่ผ่านสนามเหล่านี้ เกือบจะการันตีได้ว่าสามารถผ่านการเข้าร่วมแข่งขัน Ultra Trail Mont Blanc (UTMB) ณ ประเทศฝรั่งเศสได้ถึง 9 เท่า” ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าว
ทั้งนี้ การแข่งขัน Thailand By UTMB 2021 สนาม ดอยอินทนนทร์ จังหวัดเชียงใหม่ จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28 – 31 ตุลาคม 2564 มีการแข่งขันทั้งหมด 5 ระยะทาง คือ Inthanon 6 (169K) ,Inthanon 5 (107K), Inthanon 3 (54K), Inthanon 1 (23K) และ Inthanon 10 (12K) ซึ่งในปีนี้มีเส้นทางแข่งขันระยะ Inthanon 5 (107K), Inthanon 3 (54K) และ Inthanon 10K (12K) เป็นเส้นทางการแข่งขันใหม่ โดยที่ Inthanon 5 (107K), Inthanon 3 (54K) เพิ่มขึ้นมาตามมาตรฐานของทาง UTMB และมีเงินรางวัลให้สำหรับผู้ชนะในการแข่งขัน แต่ยังคงจัดแข่งขันในรูปแบบ New Normal Race ภายใต้การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 อยู่ซึ่งจะเปิดรับสมัครในวันที่ 2 เมษายน 2564 นี้ สามารถเข้าสมัครและดูรายละเอียดการแข่งขันเพิ่มเติมได้ที่ Facebook page : Thailand by UTMB
ปัจจุบัน สนามวิ่งเทรลของประเทศไทย มีดังนี้
ระดับ Ultra Trail World Tour : สนามแข่งขันวิ่งเทรล ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ เก็บคะแนนสะสมจัดอันดับโลก ประเภท Inthanon 6 ระยะทาง 169K
ระดับ Ultra Trail Thailand Series : สนามตะนาวศรี เทรล จังหวัดราชบุรี , สนาม Ultra Trail Phatthalung จังหวัดพัทลุง, สนาม Border Trail @Ta Phraya จังหวัดสระแก้ว และ สนามแข่งขันศรีสะเกษเทรล จังหวัดศรีสะเกษ
นอกจากนี้ ภายในงานแถลงข่าวได้มีการเปิดตัวโครงการ Ultra Trail Thailand Tour ที่จะคัดเลือกสนามวิ่งเทรลจากทั่วประเทศไทย ให้ได้จำนวน 10 สนาม เพื่อยกระดับสู่มาตรฐานระดับสากลต่อไป โดยจะเริ่มเปิดรับสมัครให้ร่วมโครงการในวันที่ 1 เมษายน 2564
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
แนะงดทานสุก ๆ ดิบ ๆ เสี่ยงป่วยโรคหูดับ
“จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไข้หูดับในประเทศไทย ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 22 มี.ค. 64 มีรายงานผู้ป่วยทั้งหมด 46 ราย เสียชีวิต 3 ราย กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ กลุ่มผู้สูงอายุและวัยทำงาน ได้แก่ อายุ 55-64 ปี รองลงมาคือ อายุมากกว่า 65 ปี และอายุ 45-54 ปี ภาคที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจังหวัดที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือ ลำปาง จันทบุรี และพิจิตร ตามลำดับ”
“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพของสัปดาห์นี้ คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสจะพบผู้ป่วยโรคไข้หูดับเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมและวัฒนธรรมการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะงานเลี้ยงในช่วงเทศกาลต่างๆ จึงขอเตือนให้ประชาชนระมัดระวังการป่วยด้วยโรคไข้หูดับ โดยเฉพาะในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งผู้ที่มีโอกาสติดเชื้อโรคไข้หูดับ ได้แก่ ผู้ที่สัมผัสกับหมูที่ติดโรคโดยตรง เช่น ผู้เลี้ยงสัตว์ คนทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้จำหน่ายเนื้อสัตว์ คนชำแหละเนื้อหมู และผู้ที่รับประทานเนื้อหมูดิบ เป็นต้น นอกจากนี้ กลุ่มเสี่ยงที่เมื่อได้รับเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรัง ผู้มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไต มะเร็ง หัวใจ เป็นต้น
โรคไข้หูดับ ติดต่อผ่านทางบาดแผล รอยถลอก และทางเยื่อบุตา จากการรับประทานเนื้อหมูดิบ ปรุงไม่สุกหรือเลือดหมูดิบ โดยจะเริ่มมีอาการหลังได้รับเชื้อไม่กี่ชั่วโมงถึง 5 วัน จะมีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน ถ่ายเหลว คอแข็ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่สูญเสียการได้ยิน ถึงขั้นหูหนวกถาวร ข้ออักเสบ เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังติดเชื้อ รุนแรงถึงติดเชื้อในกระแสเลือดจนเสียชีวิตได้
กรมควบคุมโรค จึงขอแนะนำวิธีป้องกันโรคไข้หูดับ คือ 1.ผู้ที่เลี้ยงสุกร ควรใส่รองเท้าและถุงมือทุกครั้งเมื่อเข้าไปทำงานในคอกสุกร ล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสสุกร และหลีกเลี่ยงการจับซากสุกรที่ตายด้วยมือเปล่า 2.ผู้ที่ทำงานในโรงงานฆ่าสัตว์ ควรสวมใส่เสื้อและกางเกงที่ปกปิดมิดชิด ใส่รองเท้าบู๊ทและถุงมือ เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสุกรโดยตรง และไม่หยิบจับอาหารเข้าปากขณะปฏิบัติงาน 3.ผู้จำหน่ายเนื้อสัตว์ ควรจำหน่ายเนื้อหมูที่มาจากโรงฆ่าสัตว์ที่ได้มาตรฐาน ทำความสะอาดแผงด้วยนํ้ายาฆ่าเชื้อทุกวันหลังเลิกขาย และเก็บเนื้อหมูที่จะขายในอุณหภูมิที่ตํ่ากว่า 10°C 4.ผู้บริโภคควรรับประทานหมูที่ปรุงสุกเท่านั้น และเลือกซื้อเนื้อหมูที่ไม่มีกลิ่นคาวหรือสีคล้ำ ล้างมือด้วยน้ำสบู่ทุกครั้งหลังสัมผัสกับเนื้อหมู
ทั้งนี้ หากมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง หูหนวก ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หลังสัมผัสหมูที่ป่วยหรือรับประทานอาหารที่ปรุงมาจากเนื้อหมูไม่สุก ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีและแจ้งประวัติการรับประทานหมูดิบให้แพทย์ทราบ เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดอัตราการหูหนวกและการเสียชีวิตได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
รวมประโยคภาษาจีนง่ายๆ พร้อมคําอ่าน ใช้สื่อสารได้ในชีวิตประจำวัน
ประโยคภาษาจีนง่ายๆ พร้อมคําอ่าน
รวมประโยคภาษาจีนง่ายๆ พร้อมคําอ่าน ใช้สื่อสารได้ในชีวิตประจำวัน
你好. Nĭ hăo (หนี่ ห่าว)
แปลว่า สวัสดี
你好吗. Nĭ hăo ma. (หนี่ ห่าว มา)
แปลว่า คุณสบายดีไหม
我很好. Wǒ hěn hăo. (หว่อ เหิน ห่าว)
แปลว่า ฉันสบายดี
你叫什么名?Nǐ jiào shénme míng? (หนี่ เจี้ยว เซินเมอ หมิง จื้อ)
แปลว่า คุณชื่ออะไร
我是泰国人. Wǒ shì tàiguó rén. (หว่อ ชื่อ ไท้ กั๋ว เหริน)
แปลว่า ฉันเป็นคนไทย
你是哪儿国人? Nǐ shì nǎ’er guórén? (หนี่ ชื่อ นาร กั๋ว เหริน)
แปลว่า คุณเป็นคนชาติไหน
你吃饭了吗? Nǐ chīfànle ma? (หนี่ ชือ ฟ่าน เลอ มา)
แปลว่า คุณทานข้าวแล้วหรือยัง
你多大? Nǐ duōdà? (หนี่ ตัว ต้า)
แปลว่า คุณอายุเท่าไหร่
我们走吧. Wǒmen zǒu ba. (หว่อ เหมิน เจ่า ปา)
แปลว่า พวกเราไปกันเถอะ
我爱你. Wǒ ài nǐ. (หว่อ อ้าย หนี่)
แปลว่า ฉันรักเธอ
你很可爱 Nǐ hěn kě’ài. (หนี่ เหิน เคอ อ้าย)
แปลว่า คุณน่ารักจัง
你家在哪里?Nǐ jiā zài nǎlǐ? (หนี่ เจีย ไจ้ หนาหลี่)
แปลว่า บ้านคุณอยู่ที่ไหน
对不起. Duìbùqǐ. (ตุ้ย ปู้ ชวี่)
แปลว่า ขอโทษ
谢谢. Xièxiè. (เซี๊ยะ เซี๊ยะ)
แปลว่า ขอบคุณ
没关系. Méiguānxì. (เหม่ย กวาน ซี)
แปลว่า ไม่เป็นไร
不客气. Bù kèqì. (ปู่ เค่อ ชวี่)
แปลว่า ไม่ต้องเกรงใจ
你会讲中文吗?Nǐ huì jiǎng zhōngwén ma? (หนี่ ฮุ้ย เจียง จงเหวิน มา)
แปลว่า คุณพูดภาจีนได้ไหม
你要买什么?Nǐ yāomǎi shénme? (หนี่ เหย้าหม่าย เซิ่นเมอ)
แปลว่า คุณต้องการซื้ออะไร
现在几点了?Xiànzài jǐ diǎnle? (เซี่ยนไจ จี๊ เตี่ยนเลอ)
แปลว่า ตอนนี้กี่โมงแล้ว
祝你生日快乐。 Zhù nǐ shēngrì kuàilè. (จู้ หนี่ เซิงรี่ ไคว้เล่อ)
แปลว่า สุขสันต์วันเกิด
你干什么? Nǐ gànshénme? (หนี่ ก้าน เซิ่นเมอ)
แปลว่า คุณทำอะไร
怎么回事?Zěnme huí shì? (เซิ่นเมอ ฮุ้ย ชี่)
แปลว่า เกิดไรขึ้น
你的电话号码是多少? Nǐ de diànhuà hàomǎ shì duōshǎo? (หนี่ เตอ เตี้ยนฮวา ห่าวมา ชือ ตั๊วเชี่ยว)
แปลว่า เบอร์โทรศัพท์ของคุณคืออะไร
今天怎么样 Jīntiān zěnme yang (จินเทียน เซินเมอ ยั่ง)
แปลว่า วันนี้เป็นไงบ้าง
你有钱吗?Nǐ yǒu qián ma? (หนี่ โย่ว เฉวียน มา)
แปลว่า คุณมีเงินไหม
今天天气很好 Jīntiān tiānqì hěn hǎo. (จินเทียน เทียนชวี่ เหิน ห่าว)
แปลว่า วันนี้อากาศดีมาก
我很高兴认识你 Wǒ hěn gāoxìng rènshi nǐ (หว่อ เหิน เกาชิ่ง เหรินชื่อ หนี่)
แปลว่า ยินดีที่ได้รู้จัก
现在我们在哪里?Xiànzài wǒmen zài nǎlǐ? (เซี่ยน จ้าย หว่อ เมิน จ้าย หน่า หลี่)
แปลว่า ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน
餐厅在哪儿? Cāntīng zài nǎ’er? (ชาน ทิง ไจ้ หนา)
แปลว่า ร้านอาหารอยู่ที่ไหน?
这附近有卫生间吗?Zhè fùjìn yǒu wèishēngjiān ma? (เจ้อ ฟู่ จิ้น โหย่ว เว่ย เซิง เจียน มา)
แปลว่า แถวนี้มีห้องน้ำไหม?
祝你玩得开心! zhù nĭ wán de kāi xīn! (จู้ หนี่ หวาน เตอ คาย ซิน)
แปลว่า ขอให้คุณเที่ยวให้สนุก
ขอบคุณข้อมูลจาก tueetor.com
7 ผลไม้ลดเบาหวาน น้ำตาลน้อย ทานเท่าไรก็ไม่อ้วน
สิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเบาหวาน ดำรงชีวิตได้ลำบากมากยิ่งขึ้น คือเรื่องอาหารการกินนี่ล่ะค่ะ เพราะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไอ้นู่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ดี “น้ำตาล” เจ้ากรรมทำให้แม้แต่ผลไม้ ยังทานไม่ได้หลายอย่าง
แล้วผลไม้อะไรที่น้ำตาลน้อย ทานได้ไม่อ้วน ผู้ป่วยเบาหวาน ก็ทานได้ มาดูกันค่ะ
1. แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลเป็นตัวเลือกแรกๆ ของผู้ที่อยากจะควบคุมน้ำหนัก เพราะนอกจากน้ำตาลน้อยแล้ว ยังมีกากใยสูง ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย และมีวิตามินซี ป้องกันโรคหวัดได้อีกด้วย เคยได้ยินไหมคะ “An apple a day keeps the doctor away” ทานแอปเปิ้ลวันละลูก เราก็ไม่ต้องไปหาหมอค่ะ
2. ชมพู่
ชมพู่มีเส้นใยอาหาร ทั้งแบบละลายน้ำได้ และละลายน้ำไม่ได้ ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย ลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงโรคไขมันอุดตันเส้นเลือด มะเร็ง ลำไส้ใหญ่ และป้องกันโรคหัวใจ ได้อีกด้วย
3. ฝรั่ง
ฝรั่งขึ้นชื่อว่ามีวิตามินซี สูงมาก ป้องกันโรคหวัด ลักปิดลักเปิด ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันความดัน โลหิตสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส และช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
4. แก้วมังกร
แก้วมังกรช่วยบำรุงผิวพรรณให้เรียบเนียน กระจ่างใส ลดโอกาสในการเกิดสิว ช่วยดับกระหาย เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ลดระดับน้ำตาลในเลือด และมีเส้นใยอาหารสูง ขับถ่ายคล่อง
5. มะละกอ
มะละกอมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพ ดี บำรุงผิวพรรณให้สดใส ลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ช่วยบำรุงประสาทและสมอง เป็นยาระบายอ่อนๆ แก้อาการท้องผูก และช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น
6. สับปะรด
สับปะรดช่วยแก้อาการท้องผูก ลดเสมหะในลำคอ รักษาโรคนิ่ว ไตอักเสบ ความดัน โลหิตสูง หลอดลมอักเสบ ลดอาการอักเสบของผิวหนัง และแกนสับปะรด ช่วยขับปัสสาวะได้อีกด้วย
7. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
นอกจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ของฝรั่งอย่าง สตอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เชอร์รี่แล้ว ยังมีผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ของไทยอีกด้วย เช่น ลูกหว้า มะขามป้อม มะยม โทงเทงฝรั่ง ตะขบ เป็นต้น ซึ่งผลไม้ตระกูลเบอร์รี่มักมีใยอาหารสูง ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี ที่ช่วยเรื่องบำรุงสายตา และฟัน แก้อาการเหน็บชา ช่วยลดไขมัน และคอเลสเตอรอล ลดน้ำตาลในเลือด และปริมาณน้ำตาลต่ำ พลังงานต่ำ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักสุดๆ
คราวนี้ก็เลือกทานผลไม้เหล่านี้ได้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวอ้วนกันได้เลยค่ะ แต่ทุกอย่างต้องมีความพอดี และหลากหลาย พยายามทานทุกวัน วันละนิดวันละหน่อย เปลี่ยนผลไม้ทานทุกวันไม่ซ้ำกันบ้าง นอกจากจะได้สารอาหารที่หลากหลายมากขึ้นแล้ว ยังไม่น่าเบื่อจำเจอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้ าทองคำ ประจำวันที่ 02/04/2564
ชนิดทอง
ราคารับซื้อ กรัมละ
ราคารับซื้อ บาทละ
ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%
n/a
25,450.00
25,550.00
ทองรูปพรรณ 96.5%
1,649.00
24,998.84
26,050.00
ทองรูปพรรณ 90%
1,484.10
22,498.96
n/a
ทองรูปพรรณ 80%
1,319.20
19,999.07
n/a
ทองรูปพรรณ 50%
742.00
11,248.72
n/a
ทองรูปพรรณ 40%
577.00
8,747.32
n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%
1,709.00
25,908.44
n/a
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 02/04/2564
ปตท.
บางจาก
เชลล์
เอสโซ่
คาลเท็กซ์
ไออาร์พีซี
พีที
ซัสโก้
เพียว
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 95
26.65
26.65
26.65
26.65
26.65
26.65
26.65
26.65
26.65
26.65
แก๊สโซฮอล์ 91
26.38
26.38
26.38
26.38
26.38
26.38
26.38
26.38
26.38
26.38
แก๊สโซฮอล์ E20
25.14
25.14
25.14
25.14
25.14
–
25.14
25.14
25.14
25.14
แก๊สโซฮอล์ E85
21.09
21.09
–
–
–
–
–
–
–
21.09
เบนซิน 95
34.06
–
–
–
34.51
–
34.56
34.06
–
34.06
ดีเซล B7
26.49
26.49
26.49
26.49
26.49
26.49
26.49
26.49
26.49
26.49
ดีเซล
23.49
23.49
23.49
23.49
23.49
23.49
23.49
23.49
23.49
23.49
ดีเซล B20
23.24
23.24
23.44
–
23.24
–
23.24
23.24
–
23.24
ดีเซลพรีเมี่ยม
31.16
31.26
32.94
32.56
–
–
–
–
–
31.16
แก๊ส NGV
13.43
13.43
–
–
–
–
–
–
–
13.43