กานดา พร็อพเพอร์ตี้ กางแผนปี 64 ผุด 5 โครงการ
“กานดา พร็อพเพอร์ตี้” กางแผนรุก-รับอสังหาฯปี 64 ผุด 5 โครงการบ้านแนวราบ ตั้งเป้ายอดขายทะลุ 3,200 ล้านบาท พร้อมปรับกลยุทธ์รับมือตลาดแข่งขันสูง
นายหัสกร บุญยัง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ “ไอลีฟ” เปิดเผยแผนการดำเนินการในปี 2564 ว่า บริษัทได้ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ สำหรับช่วงปี 2562-2566 ปีละ 1-3 ทำเล และเปิดโครงการใหม่ปีละ 4-8 โครงการ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท โดยในปี 2563 ได้ขยายทำเลโดยการเปิดโครงการใหม่เพิ่มที่โซนเทพารักษ์-บางบ่อ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการไอลีฟ พรีม่า เทพารักษ์-บางบ่อ ทั้งในส่วนที่เป็นโครงการทาวน์โฮม “ไอลีฟ ทาวน์” และโครงการบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด “ไอลีฟ พาร์ค”
นอกจากนี้ ยังได้เปิดโครงการใหม่ในทำเลที่บริษัทมีโครงการเปิดอยู่ก่อนแล้ว ได้แก่ โครงการไอลีฟ ไพร์ม วงแหวน-รังสิตคลอง 4 และโครงการไอลีฟ ไพร์ม 2 ถลาง ภูเก็ต
แม้ว่าในปี 2563 เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี แต่โครงการที่เปิดใหม่ถือว่าได้รับการตอบรับที่น่าพอใจ แต่ละโครงการมีอัตราการขายที่ดีกว่าภาพรวมของตลาดที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ยอดขายในปี 2563 บริษัทสามารถทำไปได้มากกว่า 3,000 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาท และมีรายได้จากการโอน 1,950 ล้านบาท
“แม้ว่ารายได้จะตกจากเป้าที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาทไปเล็กน้อย เนื่องจากมีการชะลอการเปิดโครงการใหม่ในช่วงที่ไวรัสระบาดรุนแรง และอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารที่สูงขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ และยังคงเป็นไปตามแผนที่ต้องการให้บริษัทเติบโตได้อย่างมั่นคง และมีสถานะการเงินแข็งแรง” นายหัสกรกล่าว
สำหรับทิศทางในปี 2564 ภาพรวมของเศรษฐกิจไม่น่าจะแย่กว่าปี 2563 แม้เปิดศักราชใหม่มา จะมีการ Lock Down ในบางจังหวัดหรือบางพื้นที่ เนื่องจากการระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 แต่เชื่อว่าประสบการณ์การ Lock Down ในช่วงปี 2563 จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แต่ละบริษัทในการบริหารจัดการ ประคับประครองสถานะการเงินและบุคลากรของบริษัทได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เศรษฐกิจโดยภาพรวมของปี 2564 น่าจะมีความคล้ายคลึงกับปี 2563 โดยมีการชะลอตัวในครึ่งปีแรก และฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ในส่วนของตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ความต้องการคงไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่มีกลุ่มที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมเปลี่ยนมาซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบมากขึ้น และจากการที่มีผู้เล่นในตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบมากขึ้นจะทำให้การแข่งขันในแต่ละทำเลสูงขึ้น แต่ละบริษัทจะมีการจัดแคมเปญ โปรโมชั่นที่เข้มข้นมากขึ้นเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด ซึ่งจะทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดที่อยู่อาศัยแนวสูง คาดว่าจะยังคงติดลบอยู่ เพราะยอดขายคอนโดมิเนียมใหม่น้อยลง โดยภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะอยู่ในระดับทรงตัว
ในปี 2564 บริษัทยังคงเน้นการเติบโตอย่างมั่นคง และมีสถานะการเงินที่แข็งแรง โดยได้ชะลอการซื้อที่ดินใหม่ และนำที่ดินที่มีอยู่มาพัฒนาโครงการใหม่ โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,300 ล้านบาท และเป้ารายได้อยู่ที่ 2,200 ล้านบาท และมีแผนเปิดโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวม 3,631 ล้านบาท ประกอบด้วย
1. ไอลีฟ ไพร์ม ประชาอุทิศ 90 เป็นโครงการทาวน์โฮมจำนวน 211 ยูนิต มูลค่าโครงการ 441 ล้านบาท
2. ไอลีฟ ไพร์ม 2 พระราม 2 กม.14 เป็นโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดจำนวนรวม 228 ยูนิต มูลค่าโครงการ 805 ล้านบาท
3. ไอลีฟ พัทยา-จอมเทียน ซึ่งเป็นการเปิดโครงการบนทำเลใหม่ในปีนี้ของบริษัท เป็นโครงการทาวน์โฮม จำนวนรวม 384 ยูนิต มูลค่าโครงการ 875 ล้านบาท
4. ไอลีฟ ไพร์ม 2 ประชาอุทิศ 90 เป็นโครงการทาวน์โฮม จำนวน 268 ยูนิต มูลค่าโครงการ 541 ล้านบาท
5. ไอลีฟ ไพร์ม 2 วงแหวน-รังสิตคลอง 4 เป็นโครงการทาวน์โฮม จำนวน 460 ยูนิต มูลค่าโครงการ 969 ล้านบาท
“เมื่อรวมกับโครงการที่เปิดขายมาแล้วก่อนหน้าในปี 2564 บริษัทจะมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายรวมทั้งสิ้น 17 โครงการ ใน 9 ทำเล มูลค่าโครงการรวมประมาณ 9,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีที่ดินรอการพัฒนาสำหรับโครงการในอนาคตมูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท” นายหัสกรกล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ทั้งในด้านการก่อสร้าง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการ เพื่อรองรับการแข่งขันที่สูงขึ้น ในส่วนของการก่อสร้าง ได้เพิ่มจำนวนบ้านสร้างเสร็จพร้อมขายพร้อมโอนให้เพียงพอกับประมาณการยอดขายในช่วงเปิดโครงการ เพื่อที่จะสามารถโอนได้เร็ว เพิ่มกระแสเงินสดให้บริษัทได้เร็วขึ้น และยังเป็นการรองรับพฤติกรรมการซื้อของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการซื้อโดยไม่ต้องผ่อนดาวน์
นอกจากนี้ ในการรองรับการเปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บริษัทได้มีการออกแบบ 8ฟังก์ชั่นการใช้งานภายในบ้าน “8 f(x)” เพิ่มเติม เพื่อรองรับการใช้ประโยชน์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างจากรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป โดยยังคงยึด “4 KANDA CONCEPT” ได้แก่ ECO SMART/ EASY MAINTENANCE/ 3 GENERATIONS/ FLOOD PROTECTION เป็นแนวคิดหลักในการออกแบบ
“สำหรับปัญหาที่เกิดจากการภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการที่ธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ในเชิงรุก โดยการตั้งทีมขึ้นมาทำงานร่วมกับธนาคารต่างๆ อย่างใกล้ชิด และคอยแก้ปัญหาและให้คำปรึกษากับลูกค้าที่กู้ไม่ผ่าน เพื่อยังคงรักษาลูกค้าไว้กับบริษัทในระยะยาว”
นายหัสกร กล่าวอีกว่า นอกจากการขยายทำเลใหม่ๆ แล้ว อีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยสร้างการเติบโตให้กับบริษัทคือการขยายกลุ่มลูกค้าเพิ่ม จากเดิมผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะอยู่ในระดับราคา 2 ล้านบาทขึ้นไปเป็นหลัก ขณะนี้บริษัทกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะขยายกลุ่มลูกค้าในตลาดที่ราคาต่ำกว่า 1.6 ล้านบาทลงมา ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีความต้องการซื้อสูง แต่ยังติดปัญหาเรื่องของต้นทุนการพัฒนาโครงการในปัจจุบันที่เพิ่มสูงขึ้น หัวใจหลักคือ ต้นทุนที่ดินต้องถูก ซึ่งจะต้องขยับออกมานอกเมือง แต่ต้องมีแหล่งงานรองรับ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเรื่องของการขยายกลุ่มลูกค้าในเร็วๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
7 เมกะโปรเจ็กต์ ปั่นที่ดินพุ่ง จ่อประมูลปี 64
เมืองขยายตัวไปตามเส้นทางคมนาคมไป ส่งผลให้ราคาที่ดินขยับสูง ไม่ต่ำกว่า 2-3 เท่า เมื่อความเจริญเข้าสู่พื้นที่โดยเฉพาะรถไฟทางคู่สายเหนือ ทำเลอำเภอเชียงของปลายทางราคาที่ดินขยับไปที่ไร่ละ 10-20 ล้านบาท
แม้ว่ายังไม่มีการก่อสร้างเนื่องจากนักลงทุนซื้อที่ดินพัฒนาโครงการเชื่อมโยงยังสปป.ลาว โดยเฉพาะทุนจีนสอดคล้องกับรถไฟทางคู่สายอีสานบ้านไผ่-นครพนม ดีเวลอปเปอร์ในพื้นที่ เตรียมที่ดินและพัฒนาโครงการอยู่อาศัยรอเชื่อมการเดินทางในอนาคต ซึ่งราคาที่ดิน รัศมีสถานี มหาสารคาม ราคาที่ดินพุ่งไปที่ 15-20 ล้านบาท
เรียกว่า ราคาน้องๆกรุงเทพมหานครในแถบชานเมือง เพราะต้นปีนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เตรียมเปิดประมูลทางคู่ สายใหม่ 2 เส้นทาง สายบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงิน 5.46 หมื่นล้านบาท และเส้นทางและเส้นทาง เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กม. วงเงิน 7.29 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ความเจริญยังไปรออยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซีดันราคาที่ดิน พุ่งสูงจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ขนาดใหญ่รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ปั่นราคาที่ดินในจังหวัด ชลบุรี อย่างอำเภอศรีราชา พุ่งไปที่ไร่ละ 100-120 ล้านบาทโฟกัสบริเวณ เซนทรัล โรบินสันปักหมุด
นอกจาก นี้รฟท.ยังมีแผนสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไฮสปีดดังกล่าว สร้างความคึกคักให้กับพื้นที่และผู้รับเหมา ด้านการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไม่น้อยหน้า
วางแผนเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุน 101,100 ล้านบาท ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ได้ตัวผู้รับจ้างระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2564
คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในธันวาคม 2564 ใช้ระยะเวลาก่อสร้างราว 6 ปี โดยก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2570 แต่กว่าจะเปิดให้บริการราคาที่ดินขยับไปไกลนักพัฒนาที่ดินย่อมซื้อที่ดินตุนขึ้นโครงการรับกำลังซื้อ ชานเมืองทั้งพระประแดง พระราม 2 ราคาตารางวาละไม่ต่ำ 1-2 แสนบาท
ขณะปัจจุบันดำเนินการออกแบบรายละเอียด เตรียมจัดทำเอกสารการประกวดราคา (ทีโออาร์) และใช้เวลา1ปีจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินสิ่งปลูกนับจากออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืน ในท้องที่เขตบางซื่อ เขตดุสิต เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตธนบุรี เขตคลองสาน เขตจอมทอง เขตราษฎร์บูรณะ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร และอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. 2563
ส่วนผลกระทบจากการขัดขวางการเวนคืนย่อมมีทุกโครงการ เชื่อว่ารฟม.สามารถหาทางออกได้ เพราะการแก้ปัญหาจราจรในเขตเมืองโยใช้รถไฟฟ้าไม่สามารถรอได้อีกต่อไป สำหรับรูปแบบการลงทุน จะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการรัฐ (พีพีพี) เบื้องต้นศึกษาเป็นรูปแบบ PPP Gross cost ระยะเวลา 30 ปี เหมือนรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เหนือ) ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ วงเงินลงทุนอยู่ที่ราว 1 แสนล้านบาท โดยจะแบ่งออกเป็น งานโยธาราว 77,385 ล้านบาท ค่าเวนคืนที่ดิน 15,913 ล้านบาท ค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ 32 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง 2,865 ล้านบาท
มาที่หัวเมืองใหญ่ ปีนี้ มีแผนดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบา (แทรม) จังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงท่าอากาศยานนานาชาติ-ห้าแยกฉลองระยะทาง 42 กม. วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาทางเลือกของโครงการรถไฟฟ้าภูเก็ต ช่วงสนามบินภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง ระยะทาง 42 กม. วงเงิน 35,201 ล้านบาท
เนื่องจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีแนวคิดให้ปรับรูปแบบระบบการเดินรถแบบรถโดยสารด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) เพื่อลดภาระต้นทุนค่าก่อสร้าง จากเดิมเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเบา (แทรม) คาดว่าจะเปิดประมูลภายในปลายปี 2564 โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2565 โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี
เช่นเดียวกับ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่ยืนยันเร่งรัดโครงการทางพิเศษ (ทางด่วน) กะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต วงเงิน 14,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา เทศบาลเมืองป่าตองร้องว่าราคาที่ดิน ไร่ละกว่า200-300ล้านบาทแล้วหากลงมือช้ากว่านี้ต้นทุนจะสูง
ขณะความคืบหน้ากรมป่าไม้ได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อดำเนินโครงการฯ แล้ว ทำให้แผนดำเนินการเสร็จเร็วกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ เบื้องต้นกทพ.ได้ส่งรายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พิจารณาภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564
หลังจากนั้นจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2564 คาดว่าจะเปิดประมูลภายในปลายปี 2564 โดยใช้รูปแบบการลงทุนพีพีพี เน็ตคอส ระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี เริ่มก่อสร้างในปี 2567 และเปิดให้บริการปี 2570
สำหรับโครงการทางพิเศษ (ทางด่วน) กะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 3.8 กม. วงเงิน 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้างและงานระบบ 8,000 ล้านบาท ค่าเวนคืนที่ดิน 6,000 ล้านบาท ส่วนรูปแบบการจราจร แบ่งเป็นทางยกระดับทางขึ้น-ลง จำนวน 2 กม. และอุโมงค์ทางลอด ราว 1.8 กม.
โดยแบ่งทิศทางการจราจรด้านละ 2 ช่องจราจร ระหว่างจักรยานยนต์และรถ 4 ล้อ โดยมีแบบริเออร์คอนกรีตกั้นระหว่างกลาง เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุบนถนน คาดจัดเก็บค่าผ่านทางอยู่ที่ 15,40,85,125 บาท สำหรับจักรยานยนต์, รถ 4 ล้อ, รถ 6 ล้อ, รถ 10 ล้อ ขึ้นไป ภายในปี 2570 ที่เปิดให้บริการ คาดปริมาณการจราจรอยู่ที่ 70,000 คันต่อวัน
ส่วนโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 ตอน N2 ปัจจุบันกทพ.ได้เสนอไปที่กระทรวงคมนาคมให้พิจารณาเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ ตอน N 2 (เกษตร-นวมินทร์) ไปก่อน จากเดิมที่กำหนดให้โครงการทางด่วนขั้นที่ 3 ตอน N1และ ตอน N2 ต้องดำเนินการควบคู่กันไป เนื่องจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ค้านการก่อสร้างตอน N1
ทั้งนี้จะเสนอคจร.ภายในเดือนมกราคม 2564 ขณะเดียวกันกทพ.ต้องจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดโครงการฯ ใหม่ โดยใช้งบประมาณศึกษาไม่เกิน 30 ล้านบาท และจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) หลังจากนั้นจะเสนอต่อครม. เห็นชอบ ภายในกลางปี 2564 และเปิดประมูลภายในปี 2564 เริ่มก่อสร้างช่วงต้นปี 2565 ใช้เวลา 3 ปี เปิดให้บริการปี 2568
หากรัฐบาลสามารถรับมือกับสถาน การณ์โควิด-19 ได้ในช่วงต้นปี เชื่อว่า หลายโครงการจะเปิดประมูลได้ตามแผน!!!
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ธปท.-นักวิชาการ ประสานเสียง”เงินบาทผันผวนหนัก”
นายวศิน โรจยารุณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ตีมของอัตราแลกเปลี่ยนในปี 2564 มีคีย์เวิร์ดหรือคำสำคัญอยู่สองคำ คือ ผันผวนสูง และ ต้านทานยาก ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิด “ความผันผวนสูง” ยังคงเป็นเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 หากประเทศใดมีข่าวว่าเกิดการแพร่ระบาดหนัก กระแสเงินทุนจะไหลออกจากประเทศนั้นอย่างฉับพลัน หรือหากมีการประกาศใช้วัคซีน กระแสเงินทุนมีแนวโน้มจะไหลกลับเข้ามา
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของสภาพคล่องล้นโลก จากธนาคารกลางทั่วโลกอัดฉีดเงินเข้ามาเพื่อเยียวยาเศรษฐกิจ ทำให้สภาพคล่องไหลไปสู่สินทรัพย์ต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ในอีกไม่ช้านโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะใช้เม็ดเงินจำนวนมหาศาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาห์สหรัฐอ่อนลง และมีแนวโน้มเคลื่อนย้ายมายังภูมิภาคเอเชียมากขึ้น
อีกคำสำคัญคือ “ต้านทานยาก” โดยมีการศึกษาในธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทเคลื่อนไหวตามสกุลเงินต่างประเทศถึง 85% ไม่เคลื่อนไหวตามสกุลเงินต่างประเทศเพียง 15% หมายความว่าเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนขยับไปมาอย่างรวดเร็วมักเกิดจากปัจจัยภายนอก เวลาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐขยับ เราก็จะปรับตามทันที ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ทั้งสิ้น นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารแห่งประเทศไทยแนะนำว่า ปี 2564 การบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คาดการณ์ได้เลยว่าจะต้องเหวี่ยงสูงแน่นอน
ด้านผศ. ดร.นิพิฐ วงศ์ปัญญา รองคณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเมินว่า เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้น เนื่องจากไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมาตั้งแต่ปี 1997 แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด 19 สร้างปัญหาให้กลไกทางเศรษฐกิจหดตัว แต่ดุลการค้าของไทยยังเกินดุลเพราะกำลังการผลิตของไทยต่ำ การนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และลดลงมากกว่าการส่งออกที่ชะลอตัวลง การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดยังสะท้อนให้เห็นถึงการลงทุนที่ต่ำ ซึ่งการลงทุนที่ต่ำทำให้การนำเข้าต่ำลงไปอีกด้วย
นอกจากนี้ เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น จากการที่เงินเฟ้อของไทยต่ำกว่าเงินเฟ้อของสหรัฐ ในเดือนธันวาคม 2563 เงินเฟ้อของไทยอยู่ที่ -0.27% ในขณะที่เงินเฟ้อของสหรัฐอยู่ที่ 1.2% แสดงให้เห็นถึงระดับราคาสินค้าของไทยถูกกว่าสินค้าของสหรัฐโดยเปรียบเทียบ ส่งผลให้ความต้องการสินค้าไทยมีมากกว่า บาทจึงมีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้น สาเหตุเชิงโครงสร้างที่ทำให้เงินเฟ้อของไทยต่ำคือการผลิตของประเทศมีแนวโน้มต่ำกว่าระดับศักยภาพ จะเห็นได้ว่าทิศทางของเงินบาทจะขึ้นอยู่กับตลาดสินค้าเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามในระยะสั้น ความผันผวนของค่าเงินบาทขึ้นอยู่กับตลาดเงินเป็นสำคัญ ปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์มีมากกว่าปริมาณการซื้อขายสินค้าและบริการมาก เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลานี้ เนื่องจากมีเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ของไทยอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนยังมองว่าไทยมีความเสี่ยงต่ำจากเสถียรภาพทางการเงิน ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดส่งผลให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้น หนี้สาธารณะยังไม่สูงมากจนจะเกิดวิกฤตหนี้ อัตราดอกเบี้ยนโบบายในระดับต่ที่ 0.5% จูงใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดเงินของไทยมากขึ้น มองการค้นพบวัคซีนต้านทานการแพร่ระบาดของโควิค-19 ซึ่งจะถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย แม้จะทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของโลกโดยรวมจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่จะไม่มีผลกระทบต่อค่าเงินบาทมากนัก
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
สื่อดังเผยผลโหวตทีมที่จะคว้าแชมป์ “พรีเมียร์ลีก” ซีซั่นนี้จากแฟนบอล
สื่อชื่อดัง ออกมาเปิดเผยผลโหวตทีมที่จะคว้าแชมป์ “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” ซีซั่นนี้ จากแฟนบอล โดยที่ผลโหวตออกมานั้นไม่ใช่ “ลิเวอร์พูล” แต่อย่างใด
วันที่ 7 ม.ค. 64 เดอะ ซัน (The Sun) สื่อชื่อดัง ออกมาเปิดเผยผลโหวตทีมที่จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2020-21 นี้จากมุมมองของแฟนบอล โดยที่ผลโหวตออกมานั้นไม่ใช่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำทีม เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมนี ที่เป็นทีมแชมป์เก่าและทีมจ่าฝูงในเวลานี้แต่อย่างใด แต่กลับเป็น “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของทาง โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ กุนซือชาวนอร์เวย์ ที่ได้รับคะแนนโหวตเข้ามาเป็นอันดับ 1 ที่ 34.31 % ส่วนทีมคู่อริตลอดกาลในศึกแดงเดือดนั้นตามมาเป็นที่ 2 ด้วยผลโหวต 30.57%
ขณะที่ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้าป้ายที่ 3 ด้วยผลโหวต 18.04 % มาต่อที่อันดับ 4 ผลโหวต 7.56 % ไม่ได้ระบุสโมสร ส่วนที่ 5 “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ 6.15 % และที่ 6 “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ 3.37 %
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
ย้ำสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง สกัดโควิด-19 ลาม
แพทย์ย้ำสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ จะช่วยสกัดโควิด-19 แพร่กระจายเชื้อสู่ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและต่ำ รวมไปถึงลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็น และลดการเดินทาง
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า การสวมหน้ากากอนามัย และรักษาระยะห่าง มีความสำคัญในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เนื่องจากวงจรการแพร่กระจายของเชื้อมีการติดต่อระหว่างคนสู่คน
นพ.โอภาส กล่าวว่า เมื่อเชื้ออยู่ในคน และกำลังแพร่กระจายเชื้อออกไปสู่ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและต่ำ จากนั้นเมื่อรับเชื้อไปก็จะอยู่ในระยะฟักตัวของโรค แม้ไม่มีอาการ แต่สามารถแพร่กระจายเชื้อให้กับผู้อื่นได้ จะมีอยู่ส่วนน้อยที่ป่วยหนักและเสียชีวิต ส่วนหนึ่งคือ หายป่วยและจะมีภูมิคุ้มกันโดยไม่แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น
“สิ่งที่เราต้องการป้องกันคือ ผู้ที่มีเชื้อ หากสวมหน้ากากอนามัยเชื้อจะติดอยู่ที่หน้ากากไม่กระจายไปผู้อื่นและถ้าสวมหน้ากากอนามัย 100% จะเป็นความสำคัญเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตาม หากร่วมกับการเว้นระยะห่างมากกว่า 2 เมตร ก็จะลดโอกาสติดเชื้อได้” นพ.โอภาส กล่าวและว่า การลดกิจกรรมระหว่างบุคคล ลดการเดินทางก็จะเป็นการเว้นระยะห่างอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นหลักการของมาตรการล็อกดาวน์ ที่ต้องการให้ลดกิจกรรมและการเดินทาง
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในผู้ที่ได้รับฉีดวัคซีนแล้วก็จะไม่ติดเชื้อ โรคก็ไม่แพร่กระจายต่อ สำหรับผู้ที่สัมผัสเชื้อในจุดสัมผัสร่วม การล้างมือบ่อยๆ จะช่วยให้ลดความเสี่ยงในการรับเชื้อได้ รวมถึงการสแกนไทยชนะ และหมอชนะ จะทำให้ทราบว่ามีการสัมผัสผู้ติดเชื้อในจุดใดได้ ทั้งหมดนี้เป็นการป้องกันระดับปฐมภูมิ
“ขณะที่ผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระยะฟักตัวของโรค ใช้เวลาประมาณ 7 วัน ในการแสดงอาการ ซึ่งหากมีการกักกันโรคอย่างน้อย 14 วัน และตรวจหาเชื้อเป็นระยะ ก็จะพบผู้ติดเชื้อเพื่อนำสู่การรักษาได้ และอีกประการหนึ่งคือการค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและต่ำ เพื่อค้นหาผู้ป่วยซึ่งกลุ่มนี้เป็นผู้ที่ติดเชื้อแล้ว และเมื่อค้นหาเจอ เข้าสู่การรักษาจนหายก็จะไม่แพร่กระจายเชื้อไปหาผู้อื่น เป็นการป้องกันระดับทุติยภูมิ ส่วนการค้นหาเชิงรุก เนื่องจากผู้ป่วยไม่มีอาการ ก็เลยไม่ได้ไปโรงพยาบาล ดังนั้น การค้นหากลุ่มเสี่ยงเพื่อแยกออกจากคนปกติ ก็เป็นอีกมาตรการหนึ่งเพื่อเป็นการป้องกัน ในระดับตติยภูมิ”
นพ.โอภาส กล่าวและว่า เราสามารถตัดวงจรการแพร่กระจายโรคได้ที่ระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ ซึ่งหากตัดวงจรได้ครบถ้วนโรคก็จะไม่แพร่กระจายออกไป ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่ประชาชนจะช่วยได้คือการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็น และลดการเดินทาง
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
รีบๆหน่อย ภาษาอังกฤษเค้าพูดยังไง
รีบๆหน่อย ภาษาอังกฤษพูดยังไง
เคยเป็นมั้ย เวลาที่เราอยากบอกให้เพื่อนของเราเร่งมือทำอะไรสักอย่าง แต่นึกไม่ออกว่าต้องพูดว่าอะไร นึกออกแต่ Hurry up! ซึ่งก็ใช้ได้แต่ๆ ถ้าฝรั่งพูดประโยคอื่นๆกับเราให้รีบๆทำอะไรสักอย่าง ถ้าเค้าพูดว่า hurry up ก็โอเค พอเข้าใจได้ว่าให้รีบๆทำเนอะ แต่ภาษาอังกฤษไม่ได้มีแค่เพียง Hurry up นี่สิ มีสำนวนอีกเยอะเลยที่เอาไว้ใช้เวลาที่ต้องการให้ผู้อื่น รีบทำอะไรสักอย่าง และจะมีประโยคไหนบ้างต้องรีบหามาอ่านแล้วจะได้ไม่พลาดเวลาที่ฝรั่งพูด
ดังนั้นวันนี้ได้รวบรวมสำนวนที่แปลว่า รีบๆหน่อย มาฝากกัน
Shake a leg สำนวนนี้แปลว่า รีบๆหน่อย เร่งฝีเท้าเร็วเข้า สำนวนนี้ไม่ได้แปลว่าให้เราสั่นขานะ แต่แปลว่า รีบๆทำบางอย่าง โดยมีที่มาจากเวลาที่เราเร่งทำบางอย่างขาก็จะสั่น
ยกตัวอย่างเช่น
- We’ll miss the bus if you don’t shake a leg.
- เราจะตกรถเอานะหากคุณไม่รีบเข้าหน่อย
Get a move on สำนวนนี้ ให้ไวเลย เร่งหน่อย
ยกตัวอย่าง
- If you’re going to catch that train, you need to get a move on.
- หากคุณจะไปให้ทันรถไฟขบวนนั้น คุณต้องเร่งมือหน่อยนะ
No time to wait แปลว่า ไม่มีเวลาแล้ว ระยะเวลาใกล้เข้าจนต้องรีบแบบสุด
No time to wait = you must do quickly whatever it is that you want to do.
ยกตัวอย่าง
- There’s no time to wait, you have to damage it before they find it.
- ไม่มีเวลาแล้ว คุณต้องทำลายมันซะก่อนที่พวกเขาจะเจอมัน
Put your skates on สำนวนนี้ใช้สำหรับการบอกให้รีบทำอะไรสักอย่าง
ยกตัวอย่างเช่น
- You have to put your skates on if you don’t want to miss the meeting this afternoon.
- คุณต้องเร่งมือแล้วละหากคุณไม่อยากพลาดการประชุมบ่ายนี้
Chop-chop แปลว่า รีบๆหน่อย มักใช้ในการบอกหรือสั่งให้ใครสักคนเร่งมือ
Used to tell someone to hurry
ยกตัวอย่างเช่น
- Chop-chop, there are a lot of customers.
- รีบๆหน่อย ลูกค้าเยอะมาก
Make tracks แปลว่า รีบทำบางอย่างหรือรีบออกไปจากบางที่เพื่อที่จะกลับบ้าน
Make tracks = to leave somewhere to go home.
ยกตัวอย่าง
- My daughter is waiting for me at home, so I should make tracks
- ลูกสาวของฉันรออยู่ที่บ้านฉันว่าฉันควรรีบไปแล้วละ
Come on สำหรับคำนี้ได้ยินบ่อยมากให้หนังฝรั่งที่แปลว่า เร็วๆหน่อย
Come on = for telling some to act quickly
ยกตัวอย่าง
- Come on, we’re going to miss the movie.
- เร็วเข้า เดี๋ยวก็ไม่ทันหนังฉายหรอก
เป็นยังไงบ้างกับคำว่า รีบๆหน่อย ที่นอกเหนือจาก Hurry แล้วยังมีหลายคำให้เราได้นำไปใช้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
ผิวหนังอัจฉริยะ สร้าง สัมผัสแห่งดิจิทัล
อุปกรณ์สร้างสัมผัสแห่งดิจิทัล (Digital Touch) กำลังเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาด ช่วยสร้างประสบการณ์ของผู้บริโภคในโลกเสมือนให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ลดข้อจำกัดของการซื้อสินค้าออนไลน์
ดร. ณัฐวุฒิ พงศ์สิริ นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคล (nutavootp@gmail.com) เปิดเผยว่า เทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีอิทธิพลต่อโลกธุรกิจและชีวิตผู้คนมากขึ้น ส่งผลให้ปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพระหว่างบุคคลลดน้อยลงจนแทบจะกลายเป็น ‘สังคมไร้สัมผัส (Touchless Society)’ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น ปริมาณที่เพิ่มขึ้นของการประชุมทางไกลบนระบบคลาวด์ ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมอยู่คนละสถานที่ การเปิดใช้บริการอัตโนมัติที่สนามบินชางฮี ประเทศสิงคโปร์ด้วยระบบ FAST (Fast and Seamless Travel) ผู้โดยสารสามารถเช็คอิน โหลดกระเป๋า และตรวจหนังสือเดินทางได้เองทุกขั้นตอน
หรือการใช้บริการห้างสรรพสินค้าเสมือนจริงที่ eBay และห้างสรรพสินค้า Myer ในออสเตรเลียร่วมกันพัฒนาขึ้น มีสินค้าถึง 12,500 ชิ้น ให้ลูกค้าเลือกสรร สามารถหมุนดูได้ 360 องศา และยังแสดงรายละเอียดของสินค้า ค่าขนส่งและอื่นๆ ลูกค้าสามารถสั่งซื้อผ่านระบบ e-Payment ได้ทันที
ยิ่งการระบาดของโควิด -19 กำลังกระจายไปทั่วโลกส่งผลให้สุขอนามัยเป็นเรื่องสำคัญและกลายเป็นตัวเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยลดปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เช่น บริการโดรนจัดส่งพัสดุทางอากาศของ Amazon Prime Air รวมทั้งโครงการอพอลโล เพื่อทดสอบรถยนต์ไร้คนขับของบริษัทไป่ตู้ ในประเทศจีน ก็พึ่งได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลให้ทดลองใช้ในกรุงปักกิ่ง
การใช้บริการซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ มีข้อดีตรงราคาถูกกว่าซื้อหน้าร้าน และสะดวกรวดเร็ว ถ้าเป็นสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่นผู้บริโภคยังสามารถเพิ่มประสบการณ์เสมือนจริงในการลองใส่เสื้อผ้าก่อนตัดสินใจ เช่น บริษัทสตาร์ทอัพ ซีกริด ในประเทศอิสราเอลได้พัฒนาแอปลองเสื้อผ้าเสมือนจริง ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ให้มีสีสันมากขึ้นลูกค้าอาจเลือกลองชุดกับนางแบบ หรือนายแบบเป็นตัวอย่าง หรือสแกนภาพตัวเองไปลองใส่เสื้อผ้าแต่ละชุดแบบเสมือนจริงก็ได้ เทคโนโลยีนี้ได้เริ่มใช้ในหลายเว็บไซต์ของแบรนด์ดัง เช่น Walmart Marcy’s Asos และ Adidas
อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมในสังคมไร้สัมผัส ยังขาดการเติมเต็มประสบการณ์ที่สำคัญ เนื่องจากผู้บริโภคไม่สามารถจับต้องเพื่อประเมินคุณค่าของสินค้านั้นได้โดยตรง
สัมผัสแห่งดิจิทัล (Digital Touch) จึงเป็นสิ่งที่ขาดหายไปในโลกเสมือนจริง ตัวช่วยที่จะมาปิดช่องว่างดังกล่าว มาจากงานวิจัยของจอห์น โรเจอร์ส และลูกทีมในภาควิชาวิศวกรรมชีวภาพ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้พัฒนาผิวหนังอัจฉริยะ (Smart Skin) ทำจากวัสดุอ่อนนุ่ม ติดอุปกรณ์ส่งแรงสั่นสะเทือนเล็กๆ เมื่อถูกกระตุ้น เชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สาย ซึ่งจะช่วยสร้างความรู้สึกแบบธรรมชาติคล้ายกับการถูนิ้วเบาๆ บนผิวหนังจริง ถ้านำเทคโนโลยีนี้ไปผลิตอวัยวะเทียม จะช่วยเพิ่มความรู้สึกด้านการสัมผัส สามารถรับรู้แรงกด ความร้อน ความเย็น และความเจ็บปวดต่าง ๆ หรือนำไปต่อยอดการใช้บริการห้างสรรพสินค้าเสมือนจริงร่วมกับเทคโนโลยี VR ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกเสมือนว่าได้สัมผัสสินค้านั้นจริงๆ
แม้กระทั่งใช้กับนักแสดงคอนเสิร์ต หรือ นักการเมืองที่ต้องอยู่ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก สามารถสร้างสัมผัสแห่งดิจิทัลผ่านความรู้สึกที่เสมือนได้สัมผัสมือกับผู้ชมทั้งในสถานที่จริงและทางออนไลน์
เจเรมี ไบเลนสัน นักจิตวิทยาห้องทดลองด้านการติดต่อสื่อสารผ่านโลกเสมือน ที่มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด พบว่าผู้ทดลองสัมผัสมือผ่านผิวหนังอัจฉริยะสามารถเข้าใจอารมณ์ความรู้สึก หรือสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการสื่อสารได้อย่างถูกต้องแม่นยำกว่าที่คิดกันไว้ และใกล้เคียงกับการสัมผัสทางกายจริงๆ ในเชิงธุรกิจ
บริษัท Teslasuit ได้ นำผิวหนังอัจฉริยะไปพัฒนา ‘VR Gloves’ ที่จะช่วยให้ผู้เล่นเกมส์ VR ออนไลน์ ‘รู้สึก’ และ ‘สัมผัส’ กับวัตถุ ในมิติต่างๆ เช่น ผิวสัมผัสของวัตถุ แรงสั่นสะเทือนจากวัตถุ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ที่นิ้วของผู้เล่น ทำให้ได้ รับประสบการณ์และความเพลิดเพลินในการเล่นมากขึ้น ขณะเดียวกันถุงมือนี้จะมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับร่างกายผู้เล่นเพื่อวิเคราะห์อัตราการเต้นของหัวใจ ประเมินความเครียด หรือความตื่นเต้นในรูปแบบต่างๆ ที่ผู้เล่นกำลังมีอยู่อีกด้วย
ช่วงเวลาที่สังคมไร้สัมผัสกำลังขยายตัว และปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพมีข้อจำกัดมากขึ้น จากปัญหาด้านสุขภาพอนามัยเทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้สังคมไร้สัมผัสได้รับการเติมเต็มด้วยสัมผัสแห่งดิจิทัล ซึ่งจะทำให้ฉากกั้นแบ่งระหว่างโลกเสมือนจริง กับโลกที่แท้จริงบางลงเรื่อยๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
5 สมุนไพร มีติดบ้านไว้ บรรเทาหวัด
5 ตำรับสมุนไพรอภัยภูเบศร มีติดบ้านไว้ บรรเทา “หวัด-โควิด”
ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ในขณะที่ยังไม่มีวัคซีนในการป้องกัน คนส่วนใหญ่จึงหันมาให้ความสำคัญกับสมุนไพรกันอีกครั้ง โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โดยมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้พัฒนาสมุนไพรในประเทศไทย เพื่อเตรียมการรองรับการแพร่ระบาดของ โรคอุบัติใหม่ อุบัติซ้ำ ที่ไม่มีใครคาดเดาได้
ปัจจุบันประชาชนให้ความสำคัญกับการนำสมุนไพรมาปรุงเป็นอาหารเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน แต่ผลิตภัณฑ์สมุนไพรก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ควรหาติดบ้านไว้ เนื่องจากมีคุณภาพของตัวยาสำคัญที่สม่ำเสมอ และสามารถใช้บรรเทาอาการเบื้องต้นเกี่ยวกับหวัดได้ดี เพราะในช่วงนี้ก็มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ร่วมด้วย จึงขอนำเสนอ 5 สมุนไพรที่มีการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการเพิ่มภูมิคุ้มกันและต้านไวรัส และจะต่อยอดไปสู่ยาพัฒนาจากสมุนไพรในอนาคต ได้แก่
1.ฟ้าทะลายโจร มีการศึกษาวิจัยกันอย่างแพร่หลาย ทั้ง จีน สวีเดน สิงคโปร์ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยนั้นนับว่าเป็นประเทศที่มีการศึกษาวิจัยฟ้าทะลายโจรอย่างกว้างขวาง รวมถึงการนำมาใช้ในระบบสุขภาพด้วย ในการรระบาดโควิด-19 รอบแรก มีการวิจัยพบว่าฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ฆ่าไวรัสและยับยั้งการแบ่งตัว จนนำไปสู่การวิจัยในผู้ป่วยที่มีอาการน้อยจำนวน 6 รายพบว่า ช่วยลดความรุนแรงของอาการได้ ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาระยะที่สอง แต่อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อรักษาโควิดเอง ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องและหากเป็นควรได้รับการรักษาจากสถานพยาบาลเนื่องจากเป็นโรคใหม่ ที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด แต่อย่างไรก็ตามฟ้าทะลายโจรก็ควรมีไว้ติดบ้านเพื่อบรรเทาอาการหวัดที่มีในช่วงนี้ เพราะสามารถช่วยได้ทั้งป้องกันไวรัสเข้าเซลล์ ลดการแบ่งตัว เพิ่มภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ
2. ขมิ้นชัน จากการศึกษาในหลอดทดลอง พบว่า ช่วยลดการอักเสบของปอดที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ทั้งนี้จากการจำลองภาพสามมิติในคอมพิวเตอร์ พบว่า สารสำคัญของขมิ้นชัน และ demethoxycurcumine สามารถแย่งจับกับตำแหน่งของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ที่จะเข้าสู่เซลล์ปอด และตำแหน่งที่มีผลยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้
3.ขิง ซึ่งมีรสเผ็ดร้อน มีคุณสมบัติอุ่น พบฤทธิ์ต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ โดยการใช้พื้นบ้านนำมากินแก้หวัด จากการจำลองภาพสามมิติในคอมพิวเตอร์ พบว่า สารสำคัญ Zingerol และ Gingerol สามารถแย่งจับกับตำแหน่ง main protease ที่ช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ได้
4. มะขามป้อม จากการจำลองภาพสามมิติในคอมพิวเตอร์ พบว่า สาร Phyllaemblicin G7 มีความสามารถในการจับกับขาโปรตีน และตัวรับ ACE2 ในการผ่านเข้าเซลล์ปอดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 โดยสามารถยับยั้งการสร้างและการแบ่งตัวของเชื้อซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการเพิ่มจำนวนของไวรัส
5. ยาจันทน์ลีลา เป็นตำรับยาแก้ไข้ โดยเฉพาะไข้ที่เกิดในช่วงอากาศที่เปลี่ยนแปลง การใช้ตำรับนี้สามารถครอบคลุมการรักษาไข้ได้ ประกอบด้วยตัวยาสมุนไพรหลายชนิดในตำรับ มีตัวยาตรง ช่วยแก้ไข้ ลดความร้อนในร่างกาย และตัวยาช่วย เพื่อลดอาการข้างเคียงของไข้ เช่น ไอ เสมหะ หืดหอบ ในตำรับยังมี “โกฐจุฬาลัมภา” ที่ล่าสุดในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ประเทศจีนได้ใช้เป็นยารมฆ่าเชื้อ และมีการศึกษาการจับกันของเชื้อในคอมพิวเตอร์พบว่า สาร Artemisinin มีคุณสมบัติต้านไวรัสได้ การวิจัยในปัจจุบันพบว่า ยาจันทน์ลีลา สามารใช้ลดไข้ได้ดี เช่นเดียวกับยาพาราเซตามอล รวมทั้งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและลดปวด สำหรับผู้สนใจ สามารถปรึกษาคลินิกออนไลน์ได้ที่ @abhthaimed หรือซื้อออนไลน์ที่ www.abhaishop.com และ ตามร้านขายยาทั่วไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 27,100.00 | 27,200.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,755.00 | 26,605.80 | 27,700.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,579.50 | 23,945.22 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,404.00 | 21,284.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 790.00 | 11,976.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 614.00 | 9,308.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,819.00 | 27,576.04 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 07/01/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 23.25 | 23.25 | 23.25 | 23.25 | 23.25 | 23.25 | 23.25 | 23.25 | 23.25 | 23.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 22.98 | 22.98 | 22.98 | 22.98 | 22.98 | 22.98 | 22.98 | 22.98 | 22.98 | 22.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 21.74 | 21.74 | 21.74 | 21.74 | 21.74 | – | 21.74 | 21.74 | 21.74 | 21.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 18.84 | 18.84 | – | – | – | – | – | – | – | 18.84 |
เบนซิน 95 | 30.66 | – | – | – | 31.11 | – | 31.16 | 30.66 | – | 30.66 |
ดีเซล B7 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 |
ดีเซล | 21.19 | 21.19 | 21.19 | 21.19 | 21.19 | 21.19 | 21.19 | 21.19 | 21.19 | 21.19 |
ดีเซล B20 | 20.94 | 20.94 | 20.94 | 20.94 | 20.94 | – | 20.94 | 20.94 | – | 20.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 28.64 | 28.66 | 30.64 | 30.04 | – | – | – | – | – | 28.64 |
แก๊ส NGV | 13.12 | 13.12 | – | – | – | – | – | – | – | 13.12 |