“ฮับบางซื่อ” แจกสัมปทาน 15 ปี ปลุกลงทุนเทียบชั้นสถานีโตเกียว
กว่า 10 ปีที่รอคอยรถไฟสายสีแดง “ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต” วันนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ประกาศไทม์ไลน์ให้ประชาชนใช้ฟรีปลายเดือน ก.ค.นี้ ก่อนเปิดบริการเต็มรูปแบบ เก็บค่าโดยสาร 1 พ.ย. 2564 เป็นต้นไป
เทียบชั้นสถานีโตเกียว
ไฮไลต์สายสีแดงอยู่ที่ “สถานีกลางบางซื่อ” ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทางด้านระบบรางของประเทศและใหญ่ที่สุดในอาเซียน เป็นจุดเชื่อมทั้งรถไฟฟ้า รถไฟชานเมือง รถไฟทางไกลและรถไฟความเร็วสูง
เฉพาะสถานีดังกล่าวใช้เงินก่อสร้างมากถึง 34,142 ล้านบาท บนที่ดินของ ร.ฟ.ท.กว่า 400 ไร่ รูปแบบเป็นอาคารขนาดใหญ่ 4 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอย 300,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้ 300,000 คนต่อวัน
ล่าสุดกระทรวงคมนาคมสั่งการให้ ร.ฟ.ท. “คิดใหม่ ทำใหม่” แผนหารายได้พัฒนาเชิงพาณิชย์ กับ “สถานีกลางบางซื่อ” ให้คุ้มค่าทุกตารางนิ้ว ทั้งภายในสถานีและโดยรอบอีกกว่า 2,000 ไร่ โดยมี “สถานีรถไฟโตเกียว” ประเทศญี่ปุ่นเป็นต้นแบบ
เพิ่มพื้นที่เช่าสร้างรายได้
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การรถไฟฯต้องบริหารพื้นที่สถานีกลางบางซื่อให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการเดินทาง และต้องบริหารรถไฟฟ้าสายสีแดงได้โดยไม่ขาดทุน พร้อมหารายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดูแลรักษาสถานี นอกจากค่าโดยสารแล้ว
สถานีกลางบางซื่อมีพื้นที่ภายในอาคาร 298,200 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่บริการผู้โดยสารและประชาชน 129,400 ตารางเมตร พื้นที่เชิงพาณิชย์ 51,465 ตารางเมตร ซึ่งได้ปรับใหม่รวมพื้นที่ชั้น 1 และชั้น 3 เป็นส่วนของรถไฟความเร็วสูงด้วย เพื่อนำพื้นที่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ระหว่างรอรถไฟความเร็วสูงเปิดให้บริการ ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่ติดตั้งป้ายโฆษณา 2,360 ตารางเมตร
“วันนี้เรามีสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งลงทุนไปแล้ว 3 หมื่นล้าน อนาคตจะเป็นศูนย์กลางระบบรางจึงต้องบริหารการเดินรถเข้า-ออกสถานีให้ดี ใช้ประโยชน์ให้คุ้ม โดยเร่งให้การรถไฟฯเปิดประมูลหาเอกชนบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีโดยเร็ว เพื่อรองรับสายสีแดงในเดือน พ.ย.นี้ คาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการช่วงแรก 80,000 เที่ยวคนต่อวัน”
ดึงเอกชนปลุกที่ดินรอบสถานี
นอกจากนี้ ยังให้ ร.ฟ.ท.เปิดประมูลที่ดินโดยรอบสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ แบ่งการพัฒนา 9 แปลง โดยมี 5 แปลงพร้อมพัฒนาเพื่อนำร่องเปิดประมูลให้เอกชนพัฒนาภายในปีนี้ ได้แก่ แปลง A 32 ไร่ แปลง E 79 ไร่ และแปลง G 359 ไร่ เป็นพื้นที่ย่าน กม.11 ให้พัฒนาเชิงพาณิชย์ เช่น ศูนย์ราชการ ที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า ฯลฯ
ส่วนแปลง D 32 ไร่ ยังติดสัญญาเช่าและที่ทำการของ ร.ฟ.ท.บางซื่อ และแปลง B 73 ไร่ ยังติดอาคารพาณิชย์ที่สร้างคร่อมทางรถไฟ
ส่วนอีก 4 แปลงยังติดสัญญาเช่าและอุปสรรค โดยแปลง C ติดพื้นที่เช่าสถานีขนส่งหมอชิต 2 กับบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.), แปลง F ติดโรงซ่อมรถจักรบางซื่อ ต้องใช้เวลา 3-4 ปีในการขนย้ายไป อ.แก่งคอย จ.สระบุรี, แปลง H ติดโรงตรวจซ่อมรถโดยสาร และแปลง I เป็นโรงซ่อมรถไฟฟ้า
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า ได้เพิ่มพื้นที่เชิงพาณิชย์ “สถานีกลางบางซื่อ” จากเดิม 5-10% เป็น 30-40% โดยผนวกเอาพื้นที่รถไฟความเร็วสูงสายใต้มาทำเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ด้วย
ขั้นตอนต่อไปจะเปิดให้เอกชนเข้ามาหารายได้ในรูปแบบการประมูลเช่าพื้นที่ทั้งหมด รวมถึงพื้นที่สื่อโฆษณาด้วย เป็นการประมูลทั่วไปไม่ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2562 เนื่องจากไม่รวมการบริหารพื้นที่จอดรถ ซึ่ง ร.ฟ.ท.จะดำเนินการเอง หากรวมต้องประมูลแบบ PPP ซึ่งใช้เวลานาน
“พื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีจะประมูลเป็นสัญญาเดียว บริหารโดยเอกชนรายเดียว ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 15 ปี ตั้งเป้าประมูลเดือน มิ.ย.-ก.ค.ปีนี้ คาดได้เอกชนเดือน ก.ย. โดยทำคู่ขนานไปกับการเปิดให้บริการสายสีแดง ให้มีร้านค้ารองรับผู้มาใช้บริการด้วย”
“บางส่วนจะเป็นผู้โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินมาต่อสายสีแดง อนาคตจะเดินทางสะดวกเพราะได้เจาะผนังสถานีทะลุเชื่อมต่อสถานีบางซื่อของสายสีน้ำเงิน เหมือนสถานีพระราม 9 ที่เชื่อมห้างเซ็นทรัล”
จับตากลุ่มรถไฟฟ้า-ค้าปลีก
แหล่งข่าวจาก ร.ฟ.ท.เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ร.ฟ.ท.ได้จัดรับฟังความคิดเห็นของเอกชนกลุ่มธุรกิจค้าปลีก อาหาร ผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้า การพัฒนาเชิงพาณิชย์ภายในสถานีกลางบางซื่อแล้ว ส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจปริมาณผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการ เพราะเปิดแค่สายสีแดงเท่านั้น จากการประเมินคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการช่วงแรก 30,000 เที่ยวคนต่อวัน และจะเพิ่มขึ้นปีละ 10%
“กระทรวงคมนาคมมีนโยบายปรับการเดินรถไฟทางไกลให้เข้ามายังสถานีกลางบางซื่อมากขึ้น เพื่อดึงคนเข้ามาใช้บริการ เพราะกว่ารถไฟความเร็วสูงจะเปิดก็อีก 4-5 ปี จึงต้องจูงใจเอกชนมาลงทุนพัฒนา ต้องให้เวลาเอกชน 15 ปีขึ้นไป คาดว่ารายที่สนใจมีทั้งเดอะมอลล์ เซ็นทรัล บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพที่บริหารพื้นที่เมโทร มอลล์ในสถานีสายสีน้ำเงิน และกลุ่มบีทีเอส”
รูปแบบบริหารพื้นที่สถานีกลางบางซื่อจะเหมือนสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ที่ให้สัมปทานเอกชน จะมีพื้นที่รีเทล ร้านอาหาร ศูนย์อาหาร ซึ่งสนามบินจะมีดิวตี้ฟรีเป็นแม่เหล็กดึงดูดคน
แต่สถานีกลางบางซื่อจะมีพื้นที่โอท็อป 600 ตารางเมตรอยู่บริเวณทางเดินเชื่อมสายสีน้ำเงิน โดยเปิดพื้นที่เชิงพาณิชย์ช่วงเดือน พ.ย.นี้ แต่ไม่เต็มรูปแบบ จะมีตู้สินค้าหยอดเหรียญให้บริการก่อน เพราะเอกชนต้องใช้เวลาพัฒนา ส่วนที่จอดรถ พนักงานรักษาความปลอดภัยและทำความสะอาด ร.ฟ.ท.จะจ้างเอาต์ซอร์ซ สัญญาปีต่อปี ต้องเร่งประมูลหารายได้มาใช้จ่ายเดือนละ 40 ล้านบาท ผลศึกษาคาดว่าจะมีรายได้เชิงพาณิชย์ใน 10 ปี อยู่ที่ 221-238 ล้านบาทต่อปี
รื้อโมเดลพัฒนา กม.11
การพัฒนาที่ดินรอบสถานีกลางบางซื่อปีนี้จะเปิดประมูล 3 แปลงล่าสุดอยู่ระหว่างทบทวนผลศึกษารูปแบบการพัฒนาร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) ได้แก่ แปลง A ใกล้สถานียังคงเป็นมิกซ์ยูส แปลง E ระหว่างตึกเอสซีจีกับสถานีเป็นคอมเมอร์เชียล เป็นศูนย์การค้าและธุรกิจ
แปลง G พื้นที่ย่าน กม.11 ซึ่งเป็นแปลงใหญ่ 300 ไร่นั้นจะพัฒนาเป็นมิกซ์ยูส แต่จะลดสัดส่วนการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยเน้นออฟฟิศบิลดิ้ง รองรับหน่วยงานราชการเป็นศูนย์ราชการในอนาคตการประมูลจะเปิดให้เช่า 30 ปีเป็นรายแปลง แต่อาจรวบพื้นที่แปลง A กับ E รวมกันเพื่อจูงใจเอกชนมาลงทุน
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
เสนาฯ จับชีพจรคอนโด ปี 64 จากห้องฉุกเฉินยังไปต่อได้ไหม?
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจทรงตัวและกำลังซิ้อแผ่ว! ยังคงเป็นโจทย์หินสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องพยายามดิ้นรนประคับประคองตัวเองเพื่อให้สามารถอยู่รอดต่อไปได้ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้ถอดรหัสการเอาตัวรอดท่ามกลางวิกฤติของ “เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์”
“เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะดีเวลลอปเปอร์ที่พัฒนาสินค้าคอนโดคิดเป็นสัดส่วน 70% ของพอร์ตโฟลิโอ ยอมรับว่า วิกฤติโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายตลาดอสังหาฯ ปี2563 ลดลง 35% ที่กระทบหนักสุด คือ “คอนโดมิเนียม” ลดลงถึง 47% ประเมินว่า สถานการณ์คอนโดขณะนี้เหมือนอยู่ในห้องฉุกเฉิน (ER) ที่พร้อมจะออกจากห้องทันทีสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น แม้ว่าหลายกระแสมองว่าในยุคนิวนอร์มอล และเน็กซ์นอร์มอลนี้พฤติกรรมผู้บริโภคอาจจะไม่ซื้อคอนโด!
ทว่าจากผลประกอบการของค่ายอสังหาฯ ที่ผ่านมากลับทำ “นิวไฮ” หลายรายการ ทั้งนี้เพราะคอนโดเป็นสินค้าประเภทเดียวที่มี “บุญเก่า” หรือ Backlog คือ ยอดรายได้จากการขายมาช่วยในการโอน หากไม่มีโควิดยอดโอนในปี 2563 อาจมากกว่านี้ และยอดปฏิเสธสินเชื่ออาจไม่สูงขนาดนี้
เกษรา ระบุว่า ปัจจัยราคาที่ลดลง หากเทียบปีต่อปี “คอนโด” ลดราคาลง 3-4% ในทุกเซ็กเมนต์อย่างมีนัยสำคัญ สิ่งที่ดี คือ ลดราคาแล้วขายได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคอนโดเป็นปัจจัยสี่ มีความจำเป็นต่อชีวิต ส่งผลให้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปีที่ผ่านมาแย่น้อยกว่าที่คาดการณ์
จากการทำโฟกัสกรุ๊ป พบว่า แม้เศรษฐกิจแย่ แต่ผู้คนยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะคอนโด หรือ บ้าน อย่าลืมว่าผู้คนไม่น้อยยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองก็อยากได้คอนโด บ้าน ซึ่งจะนำเงินอนาคตมาใช้เพราะรู้สึกว่าคงไม่มีราคาที่ดีขนาดนี้แล้ว จะเห็นว่า ผู้ประกอบการทุกค่ายแข่งกันลดราคา อัตราดอกเบี้ยลดลงต่ำ มีมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองต่ำกว่า 3 ล้านบาท ทำให้ดีมานด์คอนโดยังไปได้ โดยเฉพาะเซ็กเมนต์ราคา 1-3 ล้านบาท และระดับราคา 3-5 ล้านบาท
“หลายคนอาจบอกว่ารถไฟฟ้าไปถึงที่โน่นที่นั่นแล้วซื้อบ้านนอกเมืองก็ได้ แต่ถ้ามีเงินเดือน 2 หมื่นบาท และต้องเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าทุกวัน เฉลี่ยวันละ 200 กว่าบาทคุณอยู่ไม่ได้แล้ว ดังนั้นผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งจึงเลือกที่จะซื้อคอนโด ซึ่งคอนโดไม่ใช่แฟชั่น แต่คือความจำเป็นของไลฟ์สไตล์ของคนบางคนทำให้คอนโดยังขายได้และจะเป็นที่อยู่คู่กับกรุงเทพฯ ไปตลอด”
อย่างไรก็ดี ภายใต้สมรภูมิ “สงครามราคา” หากสินค้าไม่แตกต่างชัดเจน! ลูกค้าจะเลือกซื้อของ “ถูกกว่า…ดีกว่า” ส่งผลให้คอนโดราคาถูกกว่าจะขายได้มากกว่า ที่สำคัญพฤติกรรมการซื้อเปลี่ยนไป แทนที่จะซื้อคอนโดติดรถไฟฟ้า อาจยอมนั่งมอเตอร์ไซค์เข้าไปเพื่อให้ได้ราคาลดลงมากกว่าให้ความสำคัญในเรื่องของโลเคชั่นเป็นอันดับแรก
ดังนั้น “ราคา” กลายเป็นปัจจัยการตัดสินซื้ออันดับหนึ่ง ขณะเดียวกันเรื่องของแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความแตกกต่างและน่าเชื่อถือ เพราะ ถ้าไม่มีความแตกต่างสุดท้ายจะอยู่ที่ราคาเป็นหลัก
แนวทางที่ดีเวลลอปเปอร์จะผ่านวิกฤติรอบนี้ไปได้ สิ่งสำคัญ คือ การรักษาสภาพคล่องให้มากพอที่ฝ่าวิกฤติ รวมถึงการ “ลดต้นทุน” ในทุกมิติ เพราะราคากลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในสายตาผู้บริโภค ฉะนั้นถ้าไปจ่ายส่วนอื่นมากแล้วยังต้องลดราคาอีก “มาร์จิ้น” ก็จะไม่เหลือ
เกษรา ย้ำว่า เวลานี้เป็นเวลาที่ดีในการปรับตัว ปรับระบบการบริหารจัดกรองค์กรภายใน ไม่ใช่เพื่อรับกับ “นิวนอร์มอล” เพราะอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะมีเทรนด์ใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง องค์กร จึงต้องปรับตัวตลอดเวลา และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงจะรวดเร็วขึ้นด้วย
“ข้อดีของอสังหาฯ คือของไม่เสีย ไม่เหมือนสินค้าเกษตร แต่อาจจะเจ๊งก่อนได้ ถ้าไม่มีเงินพอจ่ายเจ้าหนี้ สภาพคล่องทางการเงินเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ใช้ได้เสมอในทุกวิกฤติ เช่นเดียวกับทุกครั้งที่เกิดวิกฤติจะมีคนที่ต้องเจ็บหนัก เจ็บน้อย เจ็บเยอะ บางรายอาจต้องขายโครงการทิ้งบ้าง แต่ก็เชื่อว่าบทเรียนเหล่านี้จะทำให้ทุกคนระวังตัวมากขึ้น และทำให้อัตราของคนที่อยู่ไม่ได้น้อยลงไปเรื่อยๆ”
สำหรับ “โอกาส” ที่ธุรกิจอสังหาฯ จะกลับมาบูมเหมือน ปี 2560 -2561 คงต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะหนึ่ง แม้จะคาดการณ์ไว้ปี 2565 แต่เป็นเรื่องที่คาดการณ์ยาก! อยู่ดี แม้จะมีการฉีดวัคซีนก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเปิดการท่องเที่ยวได้ทันที แต่อย่างน้อยถือว่าอยู่ในช่วงไต่ระดับขาขึ้น แต่ทุกอย่างคงไม่กลับมาทันทีภายใน 1-2 ปีนี้แน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดตลาด “อ่อนค่า”ที่ระดับ 31.38 บาท/ดอลลาร์
อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 31.38 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่า”ลงเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 31.36 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าตลาดการเงินโดยรวม ยังไม่มีทิศทางการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน โดยผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ เริ่มขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น หลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่าง S&P500 ปรับตัวขึ้นต่อแตะจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All Time High) ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดก็ยังคงรอปัจจัยใหม่ๆ ที่ยังไม่ได้ถูกรับรู้เข้าไปในราคาสินทรัพย์ อาทิ รายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน หรือ สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 รอบโลก โดยเฉพาะ แนวโน้มการระบาดของ COVID-19 ในฝั่งยุโรป
ภาพของตลาดการเงินที่ยังไร้ปัจจัยบวก หรือ ปัจจัยลบใหม่ๆ ทำให้ ดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 0.15% ส่วน ในฝั่งตลาดยุโรป ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หลังดัชนีตลาดหุ้นยุโรปพยายามทำจุดสูงสุดใหม่ เนื่องจาก สถานการณ์ COVID-19 ยังคงมีการระบาดทีรุนแรง ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นของผู้คนต่อวัคซีน AstraZenecca-Oxford ก็ยังไม่ฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ การแจกจ่ายวัคซีนในยุโรปขาดความคืบหน้า กดดันให้ ดัชนี STOXX50 ของยุโรป ปิดลบ 0.34% ขณะที่ ดัชนีหุ้นอังกฤษ (FTSE100) สามารถปรับตัวขึ้น 0.9% ตามความเชื่อมั่นการฟื้นตัวเศรษฐกิจอังกฤษ หลังการแจกจ่ายวัคซีนสามารถเร่งตัวขึ้นชัดเจน จนควบคุมการระบาดได้ดีขึ้น
ในส่วนตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเพียง 1bos สู่ระดับ 1.67% หลังรายงานผลการประชุมเฟดล่าสุด สะท้อนว่า บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดไม่ได้กังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น และการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวดีขึ้น ก็ไม่ได้ทำให้เฟดจะต้องรีบปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน
ด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดย ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ ระดับ 92.41 จุด กดดันให้ เงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลงเล็กน้อยสู่ ระดับ 1.187 ดอลลาร์ต่อยูโร ส่วนเงินเยน (JPY) ก็อ่อนค่าลงใกล้สู่ระดับ 109.9 เยนต่อดอลลาร์
สำหรับวันนี้ ตลาดจะประเมินภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ที่คาดว่า จะอยู่ที่ระดับประมาณ 7 แสนราย สะท้อนภาพว่า การจ้างงานในสหรัฐฯ ส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามการทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown หลังจากที่สหรัฐฯ สามารถเร่งการแจกจ่ายวัคซีนได้ นอกจากนี้ ตลาดจะจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด ถึงแนวโน้มหรือโอกาสที่เฟดจะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวแข็งแกร่ง
และในฝั่งไทย การระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 กลับมาเป็นปัญหาสำคัญ หลังสายพันธุ์ที่ระบาด ณ ตอนนี้ คือ สายพันธุ์อังกฤษ ที่สามารถแพร่เชื้อได้เร็ว และอาจทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดได้ ทำให้ ผู้เล่นในตลาดอาจเลือกลดความเสี่ยงการถือครองสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้นไทย ไปก่อนในช่วงนี้ อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่า การปรับฐานของตลาดหุ้นไทยอาจไม่รุนแรงมากนัก เพราะนักลงทุนสถาบัน รวมถึง นักลงทุนต่างชาติ ต่างก็รอโอกาสเพิ่มสถานะถือครอง เมื่อตลาดปรับฐาน
สำหรับ ค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทจะเคลื่อนไหวไปตามทิศทางเงินดอลลาร์ รวมถึงสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ ซึ่งคาดว่า โอกาสที่จะเห็นเงินบาทแกว่งตัวเหนือกว่า ระดับ 31.30 บาทต่อดอลลาร์ และอ่อนค่าลงยังมีอยู่สูง โดยจังหวะที่เงินบาทอาจจะอ่อนค่าลงได้มาก อาจเป็นช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ที่คาดว่าจะมีโฟลว์จ่ายเงินปันผลให้นักลงทุนต่างชาติไม่น้อยกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ดังนั้น เงินบาทอาจอ่อนค่าไปได้มากถึง 31.50-31.75 บาทต่อดอลลาร์ หากจังหวะเงินจ่ายปันผล มาพร้อมกับ เงินดอลลาร์ที่ทรงตัวหรือแข็งค่าขึ้น และแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงในไทย ตามความกังวลสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 สายพันธุ์อังกฤษ ซึ่งเราคงมองว่า ไตรมาสที่ 2 อาจเป็นไตรมาสสุดท้ายที่จะเห็นเงินบาทอ่อนค่าหนักในปีนี้ ดังนั้น ผู้ประกอบการควรทยอยปิดความเสี่ยงค่าเงิน พร้อมกับ ใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงค่าเงินเพิ่มเติม อาทิ Options ควบคู่ไปกับการทำ Forward
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.35 – 31.45 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนค่า เงินบาทเช้านี้ (8 เม.ย.) อ่อนค่าทดสอบแนว 31.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 6 เดือน ก่อนจะกลับมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 31.43 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 31.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ในประเทศที่มีแนวโน้มแพร่กระจายออกไปในหลายจังหวัดอย่างรวดเร็ว ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่บันทึกการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ สะท้อนว่า เฟดจะยังไม่คุมเข้มนโยบายการเงินในอนาคตอันใกล้ โดยจะยังคงดอกเบี้ยและวงเงินการทำ QE ไว้ตามเดิมต่อไป
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 31.20-31.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด 19 ในประเทศ และการรายงานข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อันตรายจาก “ไข่หอยเม่น” ที่ควรทราบก่อนกิน
แพทย์เตือน “ไข่หอยเม่น” ตามทะเลธรรมชาติ อาจเสี่ยงเชื้อโรค อาการหนักถึงชีวิตได้ แนะควรเลือกกินไข่หอยเม่นจากแหล่งผลิตหรือฟาร์มเลี้ยงที่มีมาตรฐานเชื่อถือได้เท่านั้น
นพ.วิทวัส ศิริประชัย หรือ จ่าพิชิต ขจัดพาลชน แอดมินเพจ Drama-addict ให้ข้อมูลถึงอันตรายจากไข่หอยเม่น และคำแนะนำในการรับประทานไข่หอยเม่นให้ปลอดภัย ดังนี้
“หอยเม่น เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง วงศ์เดียวกับปลาดาว หากินตามแนวปะการัง มันจะกินพวกสาหร่ายตะไคร่ตามซากปะการัง ซึ่งจะเปิดพื้นที่ให้ปะการังตัวอ่อนได้มีที่ยึดเกาะเพื่อเจริญเติบโต คือช่วยในการฟื้นฟูแนวปะการัง แต่ในทางกลับกัน ถ้ามีหอยเม่นเยอะเกินไป มันก็จะทำลายซากปะการังจนไม่เหลือที่ให้ตัวอ่อนปะการังเจริญเติบโต
“ส่วน ไข่หอยเม่น หรือ อูนิ ที่เราเอามากินกันตามร้านอาหารญี่ปุ่น คืออัณฑะและรังไข่ของหอยเม่น ส่วนมากที่เรากินกัน มาจากการทำฟาร์มหอยเม่น ซึ่งในไทยตอนนี้ก็เริ่มมีการพัฒนาการทำฟาร์มหอยเม่นเพื่อเป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกตัวของบ้านเรา
อันตรายจากไข่หอยเม่นตามธรรมชาติ
ถ้าไปซื้อแบบที่เขาเพาะเลี้ยงในฟาร์มมากิน อันนั้นไม่น่ามีปัญหา แต่การไปจับหอยเม่นตามทะเลมาแกะกินกันเอง โปรดระวังของแถมที่จะตามมา นั่นคือ ปรสิต และเชื้อโรค เคยมีกรณีการติดเชื้อแบคทีเรีย Vibrio parahaemolyticus หลังการกินหอยเม่นนับสิบราย ถ้าติดเชื้อตัวนี้แล้วอาหารหนักๆก็ถึงตายได้เลย
แล้วเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพบการปนเปื้อนของเชื้อดังกล่าวในหอยเม่น ดังนั้นถ้าจะกินหอยเม่นควรเลือกกินจากแหล่งที่เชื่อถือได้และปลอดภัย ควรระมัดระวังในการรับประทานไข่หอยเม่นจากคนขายที่จับตามหาดแล้วเอามาขายเอง
รณรงค์คืนหอยเม่นสู่ธรรมชาติ เพื่อระบบนิเวศน์ที่ดี
นอกจากนี้ กรมทรัพยากรชายฝั่ง ขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นเม่นทะเลขึ้นมาเกยตื้นบนหาด อย่าจับกิน ให้ช่วยกันพามันกลับลงทะเล เพราะจะช่วยกินสาหร่ายตะไคร้และทำให้ปะการังเจริญเติบโตต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ไม่ส่งนักกีฬาแข่ง! เกาหลีเหนือ ประกาศไม่เข้าร่วม อลป.2020 หวั่นโควิด
กลายเป็นข่าวใหญ่ในแวดวงกีฬาโลกทันทีเมื่อ ประเทศเกาหลีเหนือ จะไม่ส่งนักกีฬาเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงเดือนกรกฎาคม นี้
โดยคณะกรรมการโอลิมปิกของประเทศเกาหลีเหนือ ออกมาประกาศยืนยันว่าจะไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันแน่นอน หลังจากที่ทางรัฐบาลของประเทศได้มีการประชุมร่วมกันโดยให้เหตุผลว่าหวั่นสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ที่อาจส่งผลให้คนในชาติต้องเผชิญกับปัญหาในภายหลัง
คิม อิล กุก รัฐมนตรีกีฬาเกาหลีเหนือ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นนี้แบบสั้นๆ ว่า “คณะกรรมการตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมโอลิมปิก ครั้งที่ 32 เพื่อปกป้องนักกีฬาจากวิกฤติการณ์สุขภาพของโลกที่มาจากไวรัสโคโรนา”
ซึ่งอย่างที่รู้กันดีว่า เกาหลีเหนือ ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลก ที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 เนื่องด้วยพวกเขามีคำสั่งปิดประเทศแบบถาวรเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว
สำหรับเกาหลีเหนือ ปัจจุบันมีนักกีฬาโอลิมปิกที่ได้โควตาเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกแล้ว 16 ประเภท จาก 8 ชนิดกีฬา ซึ่งนับตั้งแต่ปี 1992 ที่บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน พวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันมาอย่างต่อเนื่อง โดยหนล่าสุด เมื่อปี 2016 ที่ริโอ เดอจาเนโร ประเทศบราซิล “ทัพกีฬาโสมแดง” สามารถคว้าได้ 2 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ความรู้สึกภาษาอังกฤษ ประโยคบอกความรู้สึก ภาษาอังกฤษ คำศัพท์แสดงอารมณ์
ความรู้สึกภาษาอังกฤษ คำศัพท์ภาษาอังกฤษบอกความรู้สึก วลีความรู้สึก ประโยคบอกความรู้สึก ภาษาอังกฤษ Feeling คำศัพท์แสดงอารมณ์ ภาษาอังกฤษ Emotion ทางเราได้รวบรวมคำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง ติดตามได้ในเนื้อหาในหน้านี้ได้เลยค่ะ
เวลาที่เราต้องการบอกใครว่าเรารู้สึกอย่างไร หรืออยากบอกคนอื่นว่าคน ๆ นั้นเขารู้สึกอย่างไร ส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ เราจะใช้รูปประโยค 2 แบบด้วยกันค่ะ
- แบบที่ 1 Subject + feel + adj.
ยกตัวอย่าง “I feel great!” | “She says she feels tired all the time”
- แบบที่ 2 Subject + V.to be + adj.
ยกตัวอย่าง “You’re angry with me” | “Maybe he was angry”
ซึ่งคำคุณศัพท์ (Adjective) ที่ใช้บอกความรู้สึกมีอยู่มากมาย เพจนี้จึงขอรวบรวม คำคุณศัพท์แสดง ความรู้สึกภาษาอังกฤษ ที่เราสามารถที่จะนำมาบอกความรู้สึก กันค่ะ แต่ถ้าใครมีแนะนำอีก แจ้งได้เลยนะคะ
ตาราง รวบรวม คำคุณศัพท์แสดง ความรู้สึกภาษาอังกฤษ
คำศัพท์ | ความหมาย |
---|---|
afraid | รู้สึกกลัว หรือกังวล |
alive | รู้สึกมีชีวิตชีวา ร่าเริง |
alone | โดดเดี่ยว |
amazed | รู้สึกทึ่ง ประหลาดใจ |
amused | รู้สึกสนุก ขำขันกับบางสิ่ง |
angry | รู้สึกไม่ชอบ โกรธ |
annoyed | รู้สึกรำคาญ หรือโกรธนิดหน่อย |
apologetic | รู้สึกเสียใจ |
appalled | รู้สึกช็อคอย่างมาก / รู้สึกสยอง |
aroused | ตื่นเต้น (จากการถูกกระตุ้น) |
ashamed | รู้สึกละอายใจ |
awe | รู้สึกยำเกรง |
bad | รู้สึกไม่ดี |
betrayed | รู้สึกถูกทรยศ ถูกหักหลัง |
bewildered | รู้สึกงุนงงจนพูดไม่ออก |
bitter | ขมขื่น |
blue | เศร้าใจ |
bored | รู้สึกเบื่อ |
brooding | บูดบึ้ง (กำลังครุ่นคริด หรือวิตกอยู่) |
cheerful | สดชื่น มีความสุข |
clueless | รู้สึกไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย |
combative / quarrelsome | พร้อมทะเลาะ พร้อมหาเรื่อง |
comfortable | สบาย ๆ |
composed | สงบ สำรวม |
confident | รู้สึกมั่นใจ |
confused | สับสน ยังเข้าใจไม่ชัดเจน |
contented | มีความพอใจ อิ่มใจ |
courageous | รู้สึกอยากได้มาก ๆ |
curious | อยากรู้อยากเห็น |
delighted | ดีใจ พอใจ |
determined | มุ่งมั่น ตั้งใจ |
disappointed | ผิดหวัง |
discouraged | รู้สึกหมดกำลังใจ |
disgust | ขยะแขยง |
easy | สบาย ผ่อนคลาย |
empty | รู้สึกว่างเปล่า |
energetic | มีพลัง กระฉับกระเฉง |
enraged | แค้นใจ |
excited | รู้สึกตื่นเต้น |
exhausted | เหนื่อยล้า |
exhilarated | สนุก ตื่นเต้น |
fatigued | เหนื่อยล้า |
frantic | หวาดกลัว ลนลาน |
free | รู้สึกอิสระ ไม่มีข้อจำกัดใด ๆ |
furious | โกรธมาก ๆ มีอารมณ์รุนแรง |
gay | รู้สึกเบิกบาน สำราญใจ |
glad | ดีใจ |
gleeful | ยินดี |
gloomy | เศร้าหมอง |
gratitude / grateful | รู้สึกขอบคุณ |
great | รู้สึกดีมาก ๆ |
greedy | รู้สึกอยากได้ เกิดความโลภ |
guarded | รู้สึกระวัง ตั้งกำแพงตัวเอง |
guilty | รู้สึกผิด สำนึกผิด |
happy | มีความสุข |
hate | เกลียด |
helpless | รู้สึกหมดหนทาง |
hopeful | มีความหวัง |
horrified | สยอง |
important | รู้สึกสำคัญ |
indignant | โกรธมาก |
interested | รู้สึกสนใจ |
joyous | รู้สึกสนุก |
kind | รู้สึกเมตตา |
lifeless | เซื่องซึม ไม่มีชีวิตชีวา |
loathing | ชิงชัง |
lost | สิ้นหวัง |
miserable / depressed | ทุกข์ ไม่มีความสุข |
modest | รู้สึกดี พอประมาณ ไม่โอ้อวด |
optimistic | ในทางที่ดี |
outrage | รู้สึกช็อค เจ็บแค้น |
overjoyed | ดีใจเหลือเกิน |
paralyzed | กลัวจนนิ่งชะงัก |
perplexed | งงและสงสัย |
proud | ภูมิใจ |
puzzled | งุนงง / สับสน |
receptive | เต็มใจรับไว้ |
rejuvenated | กระปรี้กระเปร่า |
sad | เศร้า |
satisfied | พึงพอใจ |
serene | สงบ |
serious | เอาจริงเอาจัง |
sheepish | อับอาย เจื่อน ๆ (จากเรื่องที่ไม่ดีนัก) |
shy / bashful | เขินอาย |
silly | มึน ๆ ไม่ได้จริงจังอะไร |
sneaky | ลับ ๆ ล่อ ๆ เจ้าเล่ห์ |
strange | รู้สึกแปลก ไม่คุ้นชิน |
stumped | อึ้งไปเลย ไปไม่เป็น |
surprised | ประหลาดใจ กับสิ่งที่เกินคาดไว้ |
sympathetic | รู้สึกเห็นอกเห็นใจ |
thrilled | ตื่นตาตื่นใจ |
understanding | รู้สึกเข้าใจได้ |
upset | รู้สึกอารมณ์เสีย |
weepy | เศร้าโศก ความรู้สึกที่พร้อมจะร้องไห้ได้เลย |
withdrawn | รู้สึกไม่อยากจะพูดอะไรกับใคร |
wonder | รู้สึกแปลกใจ |
wonderful | รู้สึกดีเยี่ยม ยอดเยี่ยม |
worthless | ไม่มีค่า |
นอกจากในเรื่องของคำคุณศัพท์แสดงความรู้สึกแล้ว อีกหลากหลายรูปประโยคที่เราใช้บอกความรู้สึก รวมถึงสำนวนในการบอกความรู้สึก
ตัวอย่าง สำนวนภาษาอังกฤษที่ใช้แสดง ความรู้สึกและอารมณ์
(like a) fish out of water – รู้สึกอึดอัด อยู่ผิดที่ผิดทาง
ตัวอย่าง She feels like a fish out of water because she doesn’t know anyone there.
(have a / get a) lump in one’s throat – รู้สึกอยากร้องไห้
ตัวอย่าง his speech was so touching that I had a lump in my throat.
not give a hoot (about) – ไม่รู้สึกสนใจ
ตัวอย่าง I don’t give a hoot about what they say.
as proud/pleased as Punch – รู้สึกดีใจอย่างมาก
ตัวอย่าง My dad was as pleased as Punch about the news.
swallow one’s pride – ความรู้สึกที่ต้องยอมรับในความอับอาย ยอมรับว่าทำผิดไป
ตัวอย่าง When Jill failed the exam, she had to swallow her pride and repeat the course.
take a fancy to – ชอบมาก ชอบแบบไม่มีเหตุมีผล
ตัวอย่าง I take fancy to you
think the sun rises and sets on someone – ความรู้สึกที่ให้ใครคนหนึ่งเป็นคนสำคัญมาก ๆ
ตัวอย่าง She adores her son – she thinks the sun rises and sets on him.
be over the moon – ดีใจสุด ๆ
ตัวอย่าง When he sent me flowers and a note, I was over the moon.
be down in the dumps – ไม่มีความสุข
ตัวอย่าง I have no idea why she is so down in the dumps.
jump for joy – สนุก กระโดดโลดเต้น
ตัวอย่าง I jumped for joy when I was offered a new job.
sinking feeling – รู้สึกว่าเรื่องไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น
ตัวอย่าง I had a sinking feeling when I picked up the bill.
be thrilled to bits / be on cloud nine / be on top of the world – มีความสุขมากสุด ๆ
ตัวอย่าง My mother is thrilled to bits / on cloud nine.
bummed out – เศร้า / เสียใจ
ตัวอย่าง I was pretty bummed out about it
make my day – มีความสุข เป็นวันที่ดีของฉัน
ตัวอย่าง You made my day.
ขอบคุณข้อมูลจาก educatepark.com
ชุดตรวจคัดแยก GM ตัวช่วยส่งออกมะละกอไทย
อุตสาหกรรมแปรรูปมะละกอของประเทศไทยได้รับความเสียหายอย่างมากเนื่องจากตรวจพบการปะปนของมะละกอดัดแปลงพันธุกรรม จึงถูกปฏิเสธสินค้านำเข้าจากประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ญี่ปุ่น เกาหลี และจีนที่ไม่อนุญาตให้นำเข้าพืชดัดแปลงพันธุกรรม (GMO) ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรและอุตสาหกรรมและการส่งออกของไทยเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ผู้ผลิต และแปรรูปจำเป็นที่จะต้องสุ่มตรวจต้นกล้าและผลมะละกอที่เป็นวัตถุดิบ 100% เพื่อคัดแยกก่อนการผลิตและส่งตรวจวิเคราะห์เทคนิค Real-time PCR ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง 2,500-3,000 บาทต่อตัวอย่าง ใช้เวลาอย่างน้อย 5-7 วัน เพื่อรอผลวิเคราะห์ปลอด GM จึงคัดแยกกลุ่มที่ตรวจไม่พบเข้าสู่กระบวนการแปรรูป ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต นอกจากนี้ยังพบความคลาดเคลื่อนของผลการทดสอบจากการรวมตัวอย่างจำนวนมากเพื่อส่งตรวจวิเคราะห์
จากแนวคิดดังกล่าวทางบริษัท สามร้อยยอด จำกัด จึงได้เข้าหารือกับผู้ทำงานวิจัย ที่ประกอบด้วย ดร.ปิยรัตน์ ธรรมกิจวัฒน์, ดร.ปิยนุช ศรชัย และ ดร.ฐิติรัตน์ อัศวมงคลศิริ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม และ 7 มิถุนายน 2560 โดยบริษัท ให้ข้อมูลว่า ตลาดญี่ปุ่นตรวจพบมะละกอ GM จากประเทศไทย ปลายปี 2557 ทำให้ยอดสั่งซื้อลดลง บริษัทฯ ต้องทำโครงการสุ่มตรวจมะละกอจากทุกไร่ 10% และตรวจผลิตภัณฑ์ ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า
ปรากฏว่าต้นปี 2559 เกิดปัญหาการตรวจพบมะละกอ GM อีก ทำให้ต้องเพิ่มการสุ่มตรวจเป็น 100% ก่อนซื้อ และตรวจผลิตภัณฑ์แปรรูปตรวจก่อนการส่งออก ปัจจุบันบริษัทฯ มีแปลงมะละกอของเกษตรกร จำนวนมากกว่า 10,000 ต้นที่ต้องสุ่มตรวจวิเคราะห์ก่อนการซื้อผลมะละกอเพื่อการแปรรูป เป็นมะละกออบแห้ง และ Fruit salad จึงเป็นที่มาโครงการวิจัยเพื่อเพิ่มศักยภาพแข่งขันในภาคธุรกิจการเกษตร “การพัฒนาชุดตรวจคัดแยกมะละกอปลอด GM ในระยะต้นกล้าและผลเพื่ออุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร”
สำหรับการตรวจวิเคราะห์ต้นกล้า และผลมะละกอ เพื่อศึกษาการพัฒนาชุดตรวจสอบสำหรับคัดแยกมะละกอไม่ดัดแปลงพันธุกรรมโดยมี 2 วิธี คือ
1.การคัดแยกมะละกอที่ไม่ดัดแปลงพันธุกรรมจากใบโดยใช้เจลกานามัยซิน และ 2. การคัดแยกมะละกอที่ไม่ดัดแปลงพันธุกรรมจากผลโดยเทคนิค Paper Chromatography Dot Bot Hybridization Assay
(PACHA) และ Reverse PACHA
จุดเด่น การวิจัยพัฒนาชุดตรวจสอบสำหรับคัดแยกมะละกอไม่ดัดแปลงพันธุกรรมใช้หลักการตรวจยีนที่ถ่ายฝากเข้าไปในมะละกอ ได้แก่ ยีนต้านทานสารปฏิชีวะนะ กานามัยซิน (nptII) และยีนคัดกรอง CaMV 35S promoter และ Nos terminatorโดยการประยุกต์เครื่องมืออย่างง่าย เหมาะกับการใช้งานในภาคสนาม มีขั้นตอนการทดสอบที่ง่าย ราคาถูก เกษตรกรและผู้ประกอบการสามารถใช้ทดสอบควบคุมคุณภาพผลิตผลและผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของตลาด ส่งผลต่อความสามารถในการผลิตแข่งขันเชิงพาณิชย์ ลดการปนเปื้อนของมะละกอดัดแปลงพันธุกรรมในสินค้าส่งออกของประเทศไทย ลดการขาดทุนของสินค้าที่ไม่ผ่านการตรวจประเมินความเสี่ยง ช่วยส่งเสริมให้การส่งออกผลไม้ไปยังต่างประเทศมีภาพลักษณ์ที่ดี และเกิดความเชื่อมั่นจากประเทศคู่ค้า และในอนาคตจะช่วยแก้ไขสถานการณ์การปนเปื้อนของพืชดัดแปลงพันธุกรรมในสินค้าส่งออกของประเทศ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สรรพคุณและประโยชน์ของมะระขี้นก
ทุกคนรู้ไหมว่า. . . ทำไมถึงเรียกว่า “มะระขี้นก” คำตอบก็คือว่านกมันชอบมาจิกกินทั้งผลและเมล็ด แล้วก็ถ่ายเมล็ดไว้ตามที่ต่าง ๆ จึงเป็นที่มาของชื่อนี้ ซึ่งลักษณะของมะระขี้นกคล้ายกระสวย ผิวเปลือกขรุขระและมีปุ่มยื่นออกมา โดยผลอ่อนจะมีสีเขียว แต่ถ้าเป็นผลแก่จะออกสีเหลืองอมแดง ปลายของผลจะแตกเป็น 3 แฉก
สรรพคุณของมะระขี้นก
- ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงมีส่วนช่วยในการชะลอความแก่ชราได้
- ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย (ผล)
- ช่วยต่อต้านและป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง (ผล)
- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในตับอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีส่วนช่วยในการลดความอ้วน
- ช่วยป้องกันการหนาตัวของผนังหลอดเลือดแดง
- ช่วยยับยั้งเชื้อเอดส์หรือ HIV (ผล)
- ช่วยรักษาโรคหอบหืด
- ช่วยบำบัดและรักษาโรคเบาหวาน สามารถลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือดได้เป็นอย่างดี โดยจะออกฤทธิ์ทันทีหลังรับประทานประมาณ 60 นาที (ผล)
- ช่วยลดความดันโลหิต (ผล)
- ช่วยให้เจริญอาหาร เพราะมีสารที่มีรสขม ช่วยกระตุ้นน้ำย่อยให้ออกมามากยิ่งขึ้น ทำให้รับประทานอาหารได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น (ผล, ราก, ใบ)
- ช่วยแก้อาการไอเรื้อรัง (ใบ)
- ช่วยลดเสมหะ (ราก)
- แก้อาการปากเปื่อยลอกเป็นขุย (ผล, ใบ)
- ช่วยแก้อาการปวดฟัน ด้วยการใช้รากสดของมะระขี้นกประมาณ 30 กรัมต้มกับน้ำดื่ม หรือใช้เถาแห้งประมาณ 3 กรัมต้มกับน้ำดื่มก็ได้ (ราก, เถา)
- ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ด้วยการใช้ผลสดของมะระขี้นกต้มรับประทาน หรือจะใช้รากสดของมะระขี้นกประมาณ 30 กรัมต้มกับน้ำดื่ม หรือใช้เถาแห้งประมาณ 3 กรัมต้มกับน้ำดื่มก็ได้ (ผล, ราก, ใบ, เถา)
- ช่วยในการย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี
- ช่วยรักษาโรคกระเพาะ ด้วยการใช้ใบสดของมะระขี้นกประมาณ 30 กรัมต้มกับน้ำดื่ม หรือใช้ใบแห้งบดเป็นผงรับประทานก็ได้ (ใบ)
- ช่วยรักษาอาการบิด ถ้าถ่ายเป็นเลือดให้ใช้รากสดประมาณ 120 กรัมต้มกับน้ำดื่ม ถ้าถ่ายเป็นเมือก ๆ ให้ใช้รากสดประมาณ 60 กรัม น้ำตาลกรวด 60 กรัมนำมาต้มกับน้ำดื่ม (ผล, ใบ, ดอก, เถา)
- ช่วยรักษาอาการบิดถ่ายเป็นเลือดหรือมูกเลือด ด้วยการใช้เถาสดประมาณ 1 กำมือ นำมาใช้แก้อาการบิดเลือดด้วยการต้มน้ำดื่ม หรือใช้แก้บิดมูกให้ใส่เหล้าต้มดื่ม (ราก, เถา)
- แก้อาการจุดเสียด แน่นท้อง (ผล, ใบ)
เป็นต้น
มะระขี้นก จะมีรสขมมากกว่ามะระจีน จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้สูงอายุ ด้วยการนำผลอ่อนไปต้มหรือเผากินทั้งลูก แต่ถ้าเป็นผลแก่ก็ต้องนำมาคว้านเมล็ดออกเสียก่อน สำหรับวิธีลดความขมของมะระขี้นกทำได้ด้วยการต้มน้ำให้เดือดจัด ใส่เกลือประมาณหยิบมือ แล้วลวกมะระในน้ำเดือดสักครู่ ก็จะทำให้ลดความขมของมะระลงไปได้และยังคงมีผลสีเขียวสดอีกด้วย
มะระที่สุกแล้วจะมีสารซาโปนิน (Saponin) ในปริมาณมาก การรับประทานอาจทำให้มีอาการอาเจียน ท้องร่วงได้ และอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิต เพราะฉะนั้นห้ามรับประทานแบบสุกๆ
ผู้ที่ห้ามรับประทานมะระขี้นก
ได้แก่ ผู้ที่ม้ามเย็นพร่อง กระเพาะเย็นพร่อง หากรับประทานเข้าไปอาจจะทำให้มีอาการอาเจียน ถ่ายท้อง ปวดท้องได้ และควรรับประทานในปริมาณที่พอดี อย่าทำอะไรเกินเลย เช่นการดื่มน้ำมะระขี้นกก็อย่าขมจัด เพราะจะทำให้ตับทำงานหนัก และสำหรับหญิงตั้งครรภ์อาจจะทำให้ตกเลือดหรือแท้งได้หากรับประทานเกินขนาดหรือกินมะระขี้นกที่เริ่มสุกแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก phuketromanticdining.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 25,750.00 | 25,850.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,668.00 | 25,286.88 | 26,350.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,501.20 | 22,758.19 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,334.40 | 20,229.50 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 751.00 | 11,385.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 584.00 | 8,853.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,728.00 | 26,196.48 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 08/04/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 25.14 | 25.14 | 25.14 | 25.14 | 25.14 | – | 25.14 | 25.14 | 25.14 | 25.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 21.09 | 21.09 | – | – | – | – | – | – | – | 21.09 |
เบนซิน 95 | 34.06 | – | – | – | 34.51 | – | 34.56 | 34.06 | – | 34.06 |
ดีเซล B7 | 26.49 | 26.49 | 26.49 | 26.49 | 26.49 | 26.49 | 26.49 | 26.49 | 26.49 | 26.49 |
ดีเซล | 23.49 | 23.49 | 23.49 | 23.49 | 23.49 | 23.49 | 23.49 | 23.49 | 23.49 | 23.49 |
ดีเซล B20 | 23.24 | 23.24 | 23.44 | – | 23.24 | – | 23.24 | 23.24 | – | 23.24 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 31.16 | 31.26 | 32.94 | 32.56 | – | – | – | – | – | 31.16 |
แก๊ส NGV | 13.43 | 13.43 | – | – | – | – | – | – | – | 13.43 |