ภาษีที่ดิน -ราคาประเมินที่ดินใหม่ ฉุดเซนติเมนต์อสังหาฯ เป็นลบ!
“อสังหาฯ” รับศึกใหม่ ต้นทุนถือครองที่ดิน-พัฒนาโครงการจ่อเพิ่ม หลังแนวโน้ม “ราคาประเมินที่ดิน ” รอบใหม่ ปี 2564-2567 ขยับแรง เฉลี่ยทั้งประเทศ 7-8% ขณะทำเลฮอตกทม.ดีดตัว 10-15% รับรถไฟฟ้าขยายเมือง ซึ่งมีผลต่อเม็ดเงินภาษีที่ต้องจ่ายจริงตามอัตรา 0.3% ทุก 3 ปี
ผ่ามุมคิด
ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยรอรับศึกใหม่ ต้นทุนถือครองที่ดินและพัฒนาโครงการจ่อเพิ่ม หลังแนวโน้มราคาประเมินที่ดินรอบใหม่ ปี 2564-2567 ขยับแรง เฉลี่ยทั้งประเทศ 7-8% ขณะทำเลฮอตกทม.ดีดตัว 10-15% รับรถไฟฟ้าขยายเมือง ซึ่งมีผลต่อเม็ดเงินภาษีที่ต้องจ่ายจริงตามอัตรา 0.3% ทุก 3 ปี ร่วมภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเชิงพาณิชย์ในหน่วยสต๊อกขายไม่หมดตามหลักเกณฑ์ ขณะผู้ประกอบการรุ่นเก๋า นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) สะท้อนปัจจัยดังกล่าว กดดันผู้ประกอบการ เข้าขั้น “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” และซ้ำเติมภาวะ “ตลาดอ่อนแอ” จากวิกฤติเศรษฐกิจและโควิด กระทบหนักเซ็นติเมนต์ตลาด (ความรู้สึกคาดหวัง) ขอรัฐถอยประกาศชั่วคราว ร่วมปลดล็อกมาตรการแอลทีวี ดึงตลาดขึ้นจากหลุมดำ
ราคาประเมินซ้ำเติมตลาด
หากราคาประเมินที่ดินใหม่ ซึ่งจะใช้เป็นเกณฑ์จัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สำหรับรอบปี 2564-2567 สูงขึ้นจริง โดยเฉลี่ยทั้งประเทศ 7-8% ตามข้อมูลก่อนหน้านั้น คงมีผลกระทบค่อนข้างมากสำหรับผู้ประกอบการ ทั้งในแง่ต้นทุนการถือครองและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งเปรียบเป็นการซ้ำเติมตลาด จากความบอบช้ำที่เกิดขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจรวมชะลอตัว และวิกฤติโควิด19 อยู่ก่อนแล้ว และยังมีผลในเชิงเซนติเมนต์ของกำลังซื้อ เรื่องความรู้สึกคาดหวัง จิตวิทยาของผู้ซื้อเข้ามากดดันเพิ่มเติมอีก หลังจากกำลังจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ผ่อนคลายลงจากมาตรการล็อกดาวน์ต่างๆคลี่คลายลง
“นาทีนี้ จนถึงปีหน้า ตลาดอสังหาฯ ควรอยู่ในภาวะนิ่ง และควรถูกระตุ้นเชิงบวกมากกว่าเชิงลบ เพื่อให้เกิดการลงทุนเชิงรุกใหม่ๆอย่างครอบคลุม ซึ่งเรื่องต้นทุน มีความสำคัญอย่างมากทั้งในฝั่งผู้พัฒนาฯและผู้ซื้อ เราไม่อยากผลักให้ผู้บริโภค”
อ่วมคนถือแลนด์แบงก์
ขณะปัจจุบัน บริษัทมีแลนด์แบงก์ในมือรวมหลายแปลง ทั้งในพื้นที่กทม., ปทุมธานี, นครปฐม และชลบุรี โดยปีนี้ ได้รับการผ่อนคลายจากรัฐในการเรียกเก็บภาษีในอัตรา 0.05% จึงยังกระทบไม่มาก แต่หากปีหน้ารัฐยืนยันเรียกเก็บภาษีตามราคาประเมินที่ดินรอบใหม่ที่ประกาศนั้น อาจทำให้ต้องมีการพิจารณาวางแผนการพัฒนาโครงการใหม่ๆ อีกครั้ง เพราะหากไม่เร่งนำที่ดินดังกล่าวมาพัฒนาก็จะกลายเป็นต้นทุนถือครองในระยะยาวในปีถัดๆไป ซึ่งมีความหนักใจไม่น้อย เนื่องจากขัดแย้งกับทิศทางของสภาวะตลาดรวม ที่หากไม่ใช่ทำเลโดดเด่น หรือมีดีมานด์มากพอ ก็เปรียบเป็นการสร้างความเสี่ยง เติมซัพพลายส่วนเกินให้กับตลาดมากขึ้น ผู้ประกอบการแทบจะไม่มีทางไป
“ผู้ประกอบการที่จะกระทบมากๆ คือ รายที่ถือที่ดินรอไว้พัฒนาคอนโดฯกลางเมืองหลายแปลง ซึ่งต้องยอมรับว่า เวลานี้อาจไม่เหมาะสมในการนำออกมาพัฒนา เพิ่มซัพพลายให้ตลาด”
วอนเลื่อนราคาประเมินใหม่
นายสมนึก กล่าวต่อว่า จากเหตุผลเบื้องต้น อยากให้รัฐพิจารณา ชะลอการประกาศราคาใหม่ออกไปก่อน เพื่อเป็นการช่วยพยุงตลาดในภาวะที่ยังอ่อนแอ แม้เชื่อว่าภาครัฐเองคงลำบากใจไม่น้อยต่อการเรียกเก็บภาษีในภาวะเช่นนี้ เพราะจำเป็นต้องจัดเก็บรายได้เช่นกัน ส่วนกรมธนารักษ์ ซึ่งมีการเลื่อนประกาศราคาประเมินใหม่มาแล้ว 1 รอบ ก็มาเข้าจังหวะในช่วงไทม์ไลน์ไม่เหมาะสมพอดี แต่อย่างไรก็ตามด้วยภาวะปัจจุบัน ซึ่งผู้ประกอบกระทบทั้งเศรษฐกิจโลกและโควิด หากมีความเป็นไปได้ ควรชะลอการประกาศราคาใหม่ไปก่อน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มากและคนที่ถือทรัพยสินที่ดิน ที่ขณะนี้ยากต่อการนำออกมาพัฒนาหรือเปลี่ยนมือ รวมถึงหน่วยที่อยู่อาศัยเก่าที่ยังระบายไม่หมดด้วย
หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,606 วันที่ 3 – 5 กันยายน พ.ศ. 2563
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ทำเลริมเจ้าพระยาบูมสนั่น ! โรงแรมหรูเปิด-รถไฟฟ้าสายสีทองวิ่ง
ทำเลเจริญกรุง ริมน้ำเจ้าพระยาบูมสนั่น! คันทรี่ (CGD) สวนโควิด ลุยเปิดตัว 2 โรงแรม หรู “คาเพลลา-โฟร์ซีซั่นส์” ดีเดย์ ต.ค.- พ.ย. “เบน เตชะอุบล”ยันสถานะแข็งแกร่ง ไตรมาส 2 กำไร 544 ล้าน จากการส่งมอบคอนโดโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเดนซ์ กรุงเทพ
ปลายปีนี้ ทำเลริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาคึกคักขึ้นอีกครั้ง หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทั้ง รถไฟฟ้าสายสีทอง เปิดให้บริการเดินรถ ฝั่งธนบุรี ขณะ ฝั่งพระนคร บนถนนเจริญกรุง กำลังมี 2 โรงแรมหรูเปิดให้บริการ เดือนตุลาคมและพฤศจิกายน ตามลำดับ
นายเบน เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)(CGD) ผู้พัฒนาโครงการ “เจ้าพระยา เอสเตท” โครงการมิกส์ยูส ที่มีทั้งคอนโด มิเนียมและโรงแรมระดับ 5 ดาว 2 แห่ง มูลค่าโครงการรวมกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท เริ่มจากโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ เปิดตัวภายในเดือนตุลาคมบนพื้นที่กว่า 35 ไร่ ทอดยาวตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยาถึง 350 เมตร ให้บริการห้องพักในรูปแบบวิลล่าและห้องสวีท รวมทั้งสิ้น 101 ห้อง ทุกห้องสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยาโดยไม่มีอะไรขวางกั้น ภายในครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยเหนือระดับ และสมบูรณ์แบบด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคาเพลลา ทั้งการออกแบบตกแต่งและการบริการที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน ตามปรัชญา Pied terre (ที่พักที่ตั้งอยู่บนทำเลที่สวยที่สุดใจกลางเมือง แต่มีความเงียบสงบเป็นส่วนตัว) โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากตำนานของสายน้ำ “เจ้าพระยา” รวมถึงวิถีชีวิตริมแม่น้ำ “เจริญกรุง” ย่านสร้างสรรค์ (Creative District) แลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ
โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ณ แม่น้ำเจ้าพระยา โรงแรมลักชัวรีริมเจ้าพระยาแห่งใหม่รีสอร์ตใจกลางมืองแบบโลว์ไรซ์ 299 ห้อง เตรียมเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ พื้นที่ของโรงแรม ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังระดับโลก Jean-Michel Gathy เน้นความกลมกลืนระหว่างตัวโรงแรมกับความพริ้วไหวของสายน้ำ บนพื้นที่โครงการกว่า 22 ไร่ ภายในโรงแรมยังมีพื้นที่แสดงศิลปะของศิลปินชาวไทย ที่ทำให้ผู้เข้าพักหลงใหล จนต้องกลับมาเยือนอีกครั้ง
สำหรับ คอนโดโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเดนซ์ กรุงเทพ ณ แม่น้ำเจ้าพระยา ที่โอนห้องให้กับลูกค้าและรับรู้รายได้มาแล้วกว่า 1 พันล้านบาทแล้วนั้น ขณะนี้ยังมี Backlog คงเหลือที่พร้อมจะรอโอนและรับรู้รายได้ได้ทันทีในครึ่งปีหลัง อีกกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพียงพอ
ต่อการคืนหนี้ค่าก่อสร้างทั้งหมดของโครงการจำนวน 1.1 หมื่นล้านที่รวมถึงทั้งส่วนของคอนโดโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเดนซ์ กรุงเทพ ณ แม่น้ำเจ้าพระยา โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ
ณ แม่น้ำเจ้าพระยา และ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ และบริษัทมั่นใจเจรจาปิดดีลได้ลุล่วงตามแผนภายในระยะเวลาอันใกล้นี้
ทั้งนี้ CGD มีศักยภาพที่แข็งแกร่งและสถานบันการเงินพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เริ่มเทิร์นอะราวด์ได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2563 โดยกลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 1,306.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 941.81 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 257.93% จาก 365.14 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการขายอาคารชุดจากโครงการโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นท์ กรุงเทพ ณ แม่น้ำเจ้าพระยา เพิ่มขึ้น 717.71 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 262.22 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยในไตรมาส 2/63 กลุ่มบริษัทมีกําไรสุทธิทั้งสิ้น 544.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 438.03 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 411.66% จากกําไรสุทธิจํานวน 106.41 ล้านบาท ของไตรมาสเดียวกันของปี 2562
ขณะที่รายได้รวมสําหรับงวด 6 เดือนของปี 2563 มีจํานวน 1,114.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 629.37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 129.78% จากจํานวน 484.95 ล้านบาท ของงวดเดียวกันของปี 2562
“ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีกำหนดที่จะเปิดตัวโรงแรมทั้งสองแห่งในช่วงต้นปี 2563 แต่เนื่องจากเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนออกไป และเมื่อสถานการณ์คลี่คลายมีกำหนดจะที่เปิดตัวในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนนี้ ส่วนคอนโดโฟร์ซีซั่นส์ฯ ก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างมาก โดยปัจจุบัน CGD มี Backlog ที่พร้อมจะรอโอนและรับรู้รายได้ได้ทันทีราว 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการคืนหนี้ค่าก่อสร้าง
ทั้งหมดของโครงการเจ้าพระยาเอสเตทจำนวน 1.1 หมื่นล้านบาทที่รวมถึงทั้งส่วนของคอนโดฯและโรงแรมทั้งสอง และบริษัทฯมั่นใจเจรจาปิดดีลได้ลุล่วงตามแผนภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ นอกจากนั้นคอนโดโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเดนซ์ กรุงเทพ ณ แม่น้ำเจ้าพระยา เร่งแผนเปิดขายส่วนที่เหลือล้วนแต่เป็นห้องพรีเมี่ยม ในการขายในช่วงสุดท้ายของโครงการที่มีมูลค่าอีกกว่า 7 พันล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของ CGD และมีศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต”
หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,607 วันที่ 6 – 9 กันยายน พ.ศ. 2563
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ธอส.จัดหนักออกสินเชื่อบ้านผ่อน70ปี
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.เตรียมมาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย “ทูเจน” (Two Gen’s) วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อเสนอ รมว.คลังคนใหม่ เห็นชอบ คาดว่าจะเริ่มเปิดให้ยื่นคำขอสินเชื่อได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้
สินเชื่อทูเจน จะปล่อยกู้ ในอายุสัญญานานถึง 70 ปี จากปกติ 30-40 ปี เพื่อเป็นการลดภาระเงินงวดให้กับลูกค้า โดยหากต้องการกู้ 1 ล้านบาท ต้องมีเงินเดือนสุทธิ 1 หมื่นบาท เงินงวดต่อเดือนคาดว่าอยู่ที่ 3-4 พันบาท เพดานการปล่อยกู้สูงสุดรายละ 5 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก อัตราต่ำสุดในตลาด แต่จะไม่ต่ำกว่าปัจจุบันของ ธอส. ที่ 1.99% ซึ่งต้องสรุปอีกครั้ง
นายฉัตรชัย กล่าวว่า สินเชื่อผ่อนชำระ 70 ปี จะต้องเป็นการกู้ร่วม โดยพิจารณารายได้จากผู้กู้หลักก่อน เช่น บิดา มารดา จากนั้น จากนั้น ผู้กู้ร่วมที่บรรลุนิติภาวะ เช่น บุตรที่กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี จะต้องเป็นผู้รับหน้าที่ผ่อนชำระ หลังผู้กู้หลักเกษียณ โดยแนวทางนี้ จะทำให้ผู้มีรายได้น้อย มีบ้านง่ายขึ้น
สุดช็อก “เบคแคม-วิคตอเรีย” ติดเชื้อ “โควิด-19” คาดที่มาต้นเหตุ
Hoofdstuk 1 ประวัติศาสตร์-ภาษาดัชต์
ภาษาใดๆก็ตาม ย่อมเกี่ยวโยงกับประวัติศาสตร์ของชาตินั้นๆ ในประเทศเล็กๆแห่งหนึ่งในยุโรป ตะวันตก ที่มีพื้นที่เกือบครึ่งต่ำกว่าน้ำทะเลที่ชื่อเนเธอร์แลนด์นี้ ก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เกิดขึ้นกับประวัติศาสตร์ในแต่ละยุคเช่นเดียวกับสภาพทางภูมิศาสตร์ กว่าจะกลายมาเป็น เนเธอร์แลนด์อย่างที่เราเห็นบนแผนที่โลกในปัจจุบัน
ภาษาดัชต์เก่า มีหลักฐานทางโบราณคดี ค้นพบตั้งแต่ปีค.ศ. 1170 เป็นภาษาตระกูล Germanic เช่นเดียวกับเยอรมัน และอังกฤษ ที่เราใช้กันอยู่แพร่หลายนี่เอง การเรียนภาษาดัชต์ จึงไม่ยากเย็นแสนเข็ญอะไรเลย สำหรับคนที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่บ้าง หลักฐานทางงานเขียน หนึ่งที่เป็นที่รู้จัก ถูกค้นพบราวๆ ปี 1100 ในเมือง Kent ประเทศอังกฤษ ในสำนักสงฆ์ Rochester Abbey ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผลงานของพระที่มาจากเขต West Vlaanderen แคว้นในพื้นที่ประเทศ เบลเยี่ยมในปัจจุบัน
hebban olla vogala nestas hagunnan
hinase hi(c) (e)nda thu
uu(at) unbida(n) (uu)e nu
มีคำที่ดูแล้วคล้ายๆ ภาษาดัชต์ยุคใหม่อยู่บ้าง คนที่เรียนมาแล้วอาจพอมองเห็นบ้างเช่น hebban – hebben เฮ็บเบิ้น มี, olla – alle อัลเล่อะ ทุกๆ, vogala- vogels โฟ้เคิ่ล นก, nestas – nesten เน้สเติ่น รังนก(พหูพจน์) , nu – nu นือ ตอนนี้
แปลออกมาได้ว่า นกทั้งหลายต่างก็ยุ่งกับการสร้างรัง แล้วเราสองคนล่ะ ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่
ภาษาดัชต์ในยุคกลาง ปีคริสตศักราช 1150 – 1500 เมื่อคุณนึกตามไปพร้อมกับประวัติศาสตร์ ช่วงนี้ฮอลแลนด์อยู่ในระหว่างการสร้างแคว้นน้อยใหญ่ ภาษาในช่วงนี้ ได้รับอิทธิพลจากทางตอนใต้ คือละตินจากทางฝรั่งเศสเข้ามาด้วย ทำให้มีศัพท์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
พจนานุกรมภาษาดัชต์ที่ใช้เป็นหลักเล่มแรกได้ถูกรวมรวมขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14-17 เป็นช่วง เวลาที่เนเธอร์แลนด์กำลังเป็นรูปเป็นร่าง กำลังรวบรวมประเทศประเทศเข้าด้วยกัน และเริ่มออกล่า อาณานิคม การกำหนดกฏหมายและข้อบังคับ มีผลให้ภาษามีกฏเกณท์มากขึ้น และภาษากลาง ก็ได้ถูกกำหนดขึ้น แต่ถึงกระนั้นสำเนียงต่างๆก็แต่ละถิ่นก็ยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
ในช่วงศตวรรษที่ 16-20 หรือช่วงร้อยกว่าปีที่ผ่านมานี้ หลังจากประเทศก่อร่างสร้างตัวเป็นหลัก เป็นฐาน ดัชต์ยังเริ่มขยายอำนาจออกไปด้วยการเดินเรือค้าขายไปยังประเทศอันไกลโพ้นทะเล ภาษาดัชต์ยังได้เผื่อแผ่พ้นจากประเทศใกล้ๆ อย่างเบลเยี่ยมตอนเหนือ ซึ่งมีประวัติศาตร์เกี่ยวพัน กันมายาวนานแต่แยกตัวออกไป ภาษาดัชต์ในเบลเยี่ยมนั้นถูกเรียกว่า เฟลมิช Flemish หรือ Vlaams ตามที่คนดัชต์เรียกกัน ข้ามทะเลแอตแลนติกไป ในประเทศหมู่เกาะแถบแคริเบียน ก็มีเมืองขึ้น ของเนเธอร์แลนด์ เช่น Aruba, Netherlands Antilles ที่พูดภาษาดัชต์ ถึงแม้จะไม่ได้ ใช้กันแพร่หลายเท่า ภาษา Papiamento พื้นเมืองของชาวเกาะเหล่านั้น
โดยในรายงานของ ไอดีซี ยังคาดการณ์ว่าตลอดระยะเวลา 6 ปีนี้ Salesforce และระบบนิเวศทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง จะสร้างงานให้กับบริษัทที่เป็นลูกค้า Salesforce ในประเทศได้โดยตรงได้ถึง 24,260 ตำแหน่ง รวมไปถึงการใช้งานระบบคลาวด์คอมพิวติ้งของลูกค้าSalesforce จะเพิ่มรายได้สุทธิราว 5 หมื่นล้านบาท (1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) จากธุรกิจใหม่ให้กับเศรษฐกิจในประเทศอีกด้วย นอกเหนือจากการใช้งบประมาณเพื่อการสมัครบริการคลาวด์คอมพิวติ้งแล้ว ธุรกิจและองค์กรจะใช้งบประมาณเพิ่ม เพื่อซื้อสินค้าและบริการเสริมที่พ่วงมาด้วย ซึ่งทำให้ระบบนิเวศของ Salesforce ในประเทศไทยเมื่อปี 2562 เติบโตมากกว่าธุรกิจของ Salesforce เองถึง 4.7 เท่า และภายในปี 2567 คาดว่ามูลค่านี้จะเพิ่มเป็น 7.1 เท่า
ทั้งนี้การจ้างงาน และตำแหน่งงานทางอ้อม (Indirect Job) ซึ่งเกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทานและบริการเพื่อรองรับลูกค้า Salesforce และการที่พนักงานใหม่ในองค์กรใช้จ่ายเงินในระบบเศรษฐกิจทั่วไป จะก่อให้เกิดตำแหน่งงานทางอ้อมอีกกว่า 33,570 ตำแหน่ง นอกเหนือจากการจ้างงานโดยตรงจำนวน 24,260 ตำแหน่งที่กล่าวไป ข้างต้น และในส่วนของผลิตภัณฑ์และบริการที่นำเสนอภายใต้ระบบนิเวศธุรกิจของ Salesforce ในประเทศไทย ได้แบ่งออกเป็นบริการในหมวดธุรกิจเฉพาะ (57%) เป็นหลัก และยังรวมไปถึงการสมัครสมาชิกเพื่อเช่าใช้งานคลาวด์เพิ่มเติม (18%) รวมทั้งบริการซอฟต์แวร์ฮาร์ดแวร์ และเครือข่ายแบบในองค์กร (25%) ด้วย
ไอดีซีคาดการณ์ว่าการลงทุนในระบบคลาวด์คอมพิวติ้งจะให้ผลตอบแทนอย่างมีนัยสำคัญสืบเนื่องไปจนถึงปี 2567 แต่อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลานั้น มูลค่าการใช้จ่ายในระบบคลาวด์คอมพิวติ้งสาธารณะในประเทศไทยจะคิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 5% ของการใช้จ่ายด้านไอทีทั้งหมดของประเทศ ซึ่งหมายความว่า คลาวด์คอมพิวติ้งยังมีโอกาสอีกมากในการเติบโต โดยมี Salesforce และระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตอีกด้วย
ระบบนิเวศที่หลากหลายของ Salesforce คือตัวผลักดันที่ ทำให้ Salesforce สามารถสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยระบบนิเวศของ Salesforce ประกอบด้วยผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ที่หลากหลายซึ่งเป็นส่วนสำคัญในระบบเศรษฐกิจของSalesforce อันได้แก่ บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลกหลายแห่งซึ่งใช้ระบบของSalesforce เป็นตัวช่วยในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นดิจิทัล, ผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (ISVs) ซึ่งใช้แพลตฟอร์ม Customer 360 ของ Salesforce เป็นรากฐานในการสร้างหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังปูทางให้ Salesforce เข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ, กลุ่มคอมมิวนิตี้กว่า 1,200 กลุ่มซึ่งมีเป้าประสงค์และความชำนาญที่แตกต่างกัน, เหล่าตัวแทน Salesforce MVPs กว่า 200 ชีวิต, ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ และผู้สนับสนุนแบรนด์อีกมากมายอีกด้วย
กล้วยดิบสรรพคุณ แก้โรคกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน กินง่ายได้ผลชัวร์
ผงกล้วยดิบ มีสรรคุณ สามารถรักษาโรคกระเพาะอาหาร และกรดไหลย้อนได้ หลายคนอาจจะคงได้ยินถึงสรรพคุณของกล้วยดิบมาแล้วอยู่บ้าง เพราะการกินกล้วยดิบ รักษาโรค เป็นภูมิปัญญาที่ชาญฉลาดของคนไทย ที่สามารถใช้รักษาผู้ที่มีปัญหาของระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะโรคกระเพาะอาหาร หรือมีอาการกรดไหลย้อนได้ กล้วยดิบสรรพคุณ อย่างไรบ้างเราลองมาดูกันค่ะ
ประโยชน์ของกล้วย
กล้วย หรือยากล้วย ถูกจัดให้เป็นยาบัญชีหลักแห่งชาติ ประเภทของสมุนไพร โดยมีตัวยาสำคัญ ได้แก่ ผงกล้วยน้ำว้าแก่ หรือกล้วยหักมุกแก่ดิบ ใช้ในการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยแก้อาการท้องเสียได้นอกจากนี้กล้วย ยังมีแหล่งสารอาหารมากมายที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย โดยเฉพาะในกล้วยน้ำว้า 1 ลูก ขนาดปริมาณ 40 กรัม สามารถให้พลังงาน 59 กิโลแคลอรี เพราะประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน รวมไปถึงวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ เช่น อุดมไปด้วยแร่ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และธาตุเเมกนีเซียมมีวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และที่สำคัญมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และ ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้
สรรพคุณของกล้วย
แทนนิน กล้วยดิบสรรพคุณ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
กล้วยดิบมีปริมาณของสารแทนนิน สูงกว่ากล้วยสุก มีคุณสมบัติสามารถตกตะกอนโปรตีน ช่วยในการสมานเเผล รักษาเเผลในกระเพาะอาหาร และลำไส้ได้ ซึ่งสาเหตุมาจากอาการกรดไหลย้อน
นอกจากนี้กล้วยยังเป็นตัวช่วยในขับถ่ายได้ เพราะมีสารสำคัญ คือ เพคติน คาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ ทำให้มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มกากใยในอุจจาระเเละลำไส้ได้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่ายได้คล่อง โดยไม่ต้องออกเเรงเบ่งหรือทำให้เกิดภาวะท้องผูกสาเหตุของการเกิดโรคริดสีดวง
ผงกล้วยดิบ รักษาอาการกรดไหลย้อน แก้อาการท้องเสีย
กรดไหลย้อน เกิดจากปริมาณกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมีปริมาณมากหรือล้น ไหลย้อนกลับขึ้นไปสู่หลอดอาหาร ส่งผลให้เกิดอาการแสบร้อนกลางหน้าอกหรือมีการเรอเปรี้ยว ร่วมไปถึงทำให้เกิดอาการไอหรือเจ็บหน้าอกได้
เนื่องจากอาการกรดไหลย้อน อาจทำให้เกิดเเผลในหลอดอาหารและกระเพาะอาหารส่วนบนได้ วิธีการกินกล้วยดิบที่ดีอย่างหนึ่ง คือการนำผงกล้วยดิบ ชงดื่ม โดยใช้วิธีชงดื่มครั้งละ 10 กรัม กับน้ำร้อน ปริมาณ 120-200 มิลลิลิตร วันละประมาณ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน และเย็น เป็นประจำทุกวันสม่ำเสมอจนกว่าอาการจะดีขึ้น
ข้อดีของการชงดื่ม คล้ายคลึงกับการกินยาในรูปแบบของยาต้ม ที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีและเร็วกว่า สามารถช่วยรักษาแผลตามทางเดินอาหารส่วนต้นของเราได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยรักษาอาการท้องเสียได้อีกด้วย
กล้วยดิบเเคปซูล รักษาโรคกระเพาะอาหาร
โรคกระเพาะอาการ เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบหรือเกิดการระคายเคืองบริเวณเยื่อบุภายในกระเพาะอาหาร มีอาการปวดแสบร้อน จุกบริเวณลิ้นปี่ และมีอาการของกรดไหลย้อนร่วมด้วย คือมีอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก และเรอเปรี้ยว
สำหรับแคปซูลผงกล้วยดิบ ปริมาณ 300 – 400 มิลลิกรัม ครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 2 เวลา ก่อนอาหารและก่อนนอน เเละดื่มน้ำตามมากๆ
แต่หากรับประทานแล้วมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ให้กินร่วมกับน้ำขิง เพราะคุณสมบัติของขิง มีฤทธิ์ขับลม แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้
หรือแนะนำให้กินร่วมกับขมิ้นชัน ที่มีคุณสมบัติช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และรักษาโรคกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดีด้วย
ข้อควรระวัง กล้วยดิบ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากกล้วยดิบมีปริมาณของสารแทนนินสูง ไม่แนะนำในผู้ที่มีอาการท้องผูกและกินผงกล้วยดิบติดต่อกันเป็นเวลานานเพราะอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกและอืดได้ ดังนั้นเมื่อมีอาการดีขึ้นควรหยุดกินและหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารให้เป็นเวลา กินอาหารให้หลากหลาย และหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอด้วย
เพราะเรื่องของระบบย่อยอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะหากเรามีสุขภาพท้อง หรือระบบย่อยอาหารที่ดี สารอาหารที่ไปหล่อเลี้ยงร่างกายก็ย่อมดีไปด้วย ผงกล้วยดิบแคปซูล สามารถเป็นทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพท้องเราได้
ขอบคุณข้อมูลจาก cheewajit.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,550.00 | 28,650.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,849.00 | 28,030.84 | 29,150.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,664.10 | 25,227.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,479.20 | 22,424.67 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 832.00 | 12,613.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 647.00 | 9,808.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,916.00 | 29,046.56 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 08/09/2563
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 21.75 | 21.75 | 21.75 | 21.75 | 21.75 | 21.75 | 21.75 | 21.75 | 21.75 | 21.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 21.48 | 21.48 | 21.48 | 21.48 | 21.48 | 21.48 | 21.48 | 21.48 | 21.48 | 21.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 20.24 | 20.24 | 20.24 | 20.24 | 20.24 | – | 20.24 | 20.24 | 20.24 | 20.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 18.04 | 18.04 | – | – | – | – | – | – | – | – |
เบนซิน 95 | 29.16 | – | – | – | 29.61 | – | 29.66 | 29.16 | – | 29.16 |
ดีเซล | 21.79 | 21.79 | 21.79 | 21.79 | 21.79 | 21.79 | 21.79 | 21.79 | 21.79 | 21.79 |
ดีเซล B10 | 18.79 | 18.79 | 18.79 | 18.79 | 18.79 | 18.79 | 18.79 | 18.79 | 18.79 | 18.79 |
ดีเซล B20 | 18.54 | 18.54 | 18.54 | 18.54 | 18.54 | – | 18.54 | 18.54 | – | 18.54 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 26.24 | 26.26 | 28.24 | 28.24 | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 14.41 | 14.41 | – | – | – | – | – | – | – | – |