นิปปอนเพนต์ ส่งสี ‘อัลตร้าพรีเมียม’ เขย่าตลาด 4 พันล.
นิปปอนเพนต์ ส่ง “เวเธอร์บอนด์” เขย่าตลาดสีทาบ้านอัลตร้าพรีเมียม 4-5 พันล้าน หลังพบแนวโน้มเติบโตดี
นายวัชระ ศิริฤทธิชัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสีนิปปอนเพนต์ในประเทศไทย ในฐานะผู้ผลิตสีรายใหญ่อันดับ 1 ของเอเชีย อันดับ 4 ของโลกจากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เพื่อตอกย้ำความเป็น The Coatings Expert ผู้เชี่ยวชาญทุกงานสี ที่พร้อมเข้าใจและนำเสนอในทุก Total Coating Solutions นิปปอนเพนต์จึงให้ความสำคัญกับทุกปัญหาที่เกิดขึ้นกับสีทาบ้านหรือสีทาอาคาร ทั้งสีลอกล่อน รอยแตกลายงา การเกิดคราบด่าง คราบเกลือ ซึ่งมาจากหลากหลายสาเหตุ
โดยเฉพาะการเลือกสีที่ดี มีคุณภาพ โดยจากการศึกษาพฤติกรรมลูกค้า ทั้งกลุ่มผู้บริโภค (B2C) และกลุ่มผู้ประกอบการโครงการ (B2B) อาทิ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผู้รับเหมา สถาปนิก ช่างสี เป็นต้น พบว่าลูกค้าให้ความสำคัญกับเรื่องของสีที่ทนทานในการใช้งาน และคุ้มค่ากับการลงทุนเพราะค่าแรงถือเป็นต้นทุนสำคัญ
ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่ม บริษัทฯ จึงเปิดตัว “นิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์” (Nippon Paint Weatherbond) สีทาภายนอก เกรดอัลตร้าพรีเมียม ที่พัฒนาและปรับสูตรใหม่ขึ้นด้วย NIPPON CROSS-LINK TECHNOLOGY เทคโนโลยีสีครบ จบ ทน เพื่อตอบโจทย์เรื่องความครบของฟีเจอร์ที่จำเป็นต่อการใช้งาน โดยอาศัยจุดแข็งของนิปปอนเพนต์ที่เป็น Global Business Network มีเครือข่ายทั่วโลก มีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งในยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของนิปปอนเพนต์
นิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์ สีทาบ้านและอาคาร เกรดอัลตร้าพรีเมียม ทนทานนาน 15 ปี ที่มาพร้อมกับ NIPPON CROSS-LINK TEHNOLOGY เทคโนโลยีสี ครบ จบ ทน จากประเทศญี่ปุ่น เสริมสร้างความแข็งแกร่งของฟิล์มสีผนังบ้านภายนอก ทนทานทุกสภาวะอากาศ หมดปัญหาสีลอกล่อน ป้องกันการเกิดคราบด่างและคราบเกลือ ทั้งยังปกปิดรอยแตกลายงา ให้บ้านสวยเหมือนใหม่อยู่เสมอ และช่วยสะท้อนรังสีแสงอาทิตย์
หากเปรียบเทียบกับการทาสีเกรดทั่วไป อาจต้องทาใหม่ทุก ๆ 2-3 ปี ทั้งค่าสีและค่าแรง เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้สีนิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์ที่ทาครั้งเดียวทนทาน 15 ปี ถือว่ามีค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนต่ำกว่าถึง 40% ”
นายณรงค์ฤทธิ์ มาลัยนวล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ “นิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์” เป็นสีทาภายนอก เกรดอัลตร้าพรีเมียม ที่ถูกพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ชีวิตคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความครบถ้วน ครอบคลุมการใช้งานจริง ทั้งด้าน feature การทำงานและความคุ้มค่า อันประกอบไปด้วย คุณสมบัติหลัก 4 Best คือ
· Best Shield ครบจบปัญหาสีลอกล่อน ทนทานนาน 15 ปี เสริมสร้างความแข็งแกร่งของฟิล์มสี ป้องกันการเกิดคราบด่าง และคราบเกลือที่เป็นสาเหตุของปัญหาสีซีดจางและสีลอกล่อนเป็นฝุ่นผง สีไม่ลอกล่อน ทนทานนาน 15 ปี
· Best Cover ครบจบปัญหารอยแตกลายงา และป้องกันความชื้นซึมเข้าผนัง ด้วยประสิทธิภาพของเทคโนโลยี ครบ จบ ทน ที่จะช่วยปกป้องผนัง จึงหมดปัญหาสีซีดจาง คราบด่าง คราบเกลือ สีบวมพอง และสีลอกล่อนอันมีสาเหตุมาจากผนังที่มีรอยแตกลายงา และเพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ควรใช้คู่กับสีรองพื้นยืดหยุ่นสูง นิปปอนเพนต์ เฟล็กซี่ซีล (Nippon Paint Flexiseal)
· Best Clean ครบจบปัญหาคราบสกปรกบนผนัง จากสภาวะอากาศ ด้วยประสิทธิภาพของฟิล์มสีที่แข็งแกร่ง ยึดเกาะดี ฟิล์มสีสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ (Self-Cleaning) ทำให้ฟิล์มสีสวยเหมือนใหม่อยู่เสมอ ป้องกันคราบสกปรกฝังลึกลงบนฟิล์มสีที่มาจากสภาวะอากาศ ฝุ่น หรือคราบเขม่าควันได้เป็นอย่างดี
· Best Reflection ครบจบปัญหาความร้อนด้วยการสะท้อนรังสีแสงอาทิตย์ จากเทคโนโลยี Solar Reflect เทคโนโลยี Solar Reflect ช่วยสะท้อนรังสีแสงอาทิตย์ได้สูงสุดถึง 94% นอกจากนี้ฟิล์มสียังช่วยลดอุณหภูมิบนพื้นผิวได้สูงสุดถึง 12 องศาเซลเซียส
ด้านกลยุทธ์การตลาดบริษัทฯใช้งบการตลาดราว 5% ของยอดขาย ในการสร้างแบรนด์และการรับรู้ของแคมเปญโฆษณาสีนิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์ ผ่านช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ภายใต้แนวคิด “ครบที่รุ่นนี้ สีเวเธอร์บอนด์” ที่มุ่งสื่อสารสร้างความเข้าใจใน NIPPON CROSS-LINK TECHNOLOGY เทคโนโลยีสี ครบ จบ ทน และฟังก์ชันการใช้งานเพื่อรองรับพฤติกรรมลูกค้าได้อย่างครบครันและถูกต้อง
โดยแคมเปญสีนิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์ เน้นที่สื่อออนไลน์เป็นหลัก และขยายการรับรู้ให้เข้าถึงผู้บริโภค ผ่านสื่อ Out of Home ไม่ว่าจะเป็น Digital Billboard ตามจุดสำคัญต่างๆ รอบกรุงเทพฯ แหล่งชุมชน เป็นต้น นอกจากนี้ทางบริษัทฯ มีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างครบถ้วน ทั้งโมเดิร์นเทรดชั้นนำ และตัวแทนจำหน่ายสีนิปปอนเพนต์ทั่วประเทศ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ weatherbond.nipponpaintdecor.com
สำหรับตลาดสีทาบ้านและสีทาอาคารมีมูลค่าตลาดรวมต่อปีราว 22,000 ล้านบาท ลดลง 5- 7% สำหรับสีน้ำทาบ้านและอาคาร แบ่งออกเป็นตลาดสีทาบ้านระดับบน (Premium) 3,000-4,000 ล้านบาท ระดับปานกลาง (Medium) 4,000-5,000 ล้านบาท และระดับประหยัด (Economy) 2,000-3,000 ล้านบาท โดยตลาดสีทาบ้านระดับบนมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาดได้อีกมาก
อย่างไรก็ดี เชื่อมั่นว่าในครึ่งปีหลังภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้น หลังการฉีดวัคซีนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รวมทั้งแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เชื่อว่าจะช่วยให้การท่องเที่ยวกลับมาคึกคักและทำรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมมีการขับเคลื่อนมากขึ้น หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ส่งผลกระทบทำให้ผู้บริโภคและภาคเอกชนลดการใช้จ่าย ทำให้ลดหรือชะลอการปรับปรุงบ้าน อาคาร โรงงาน สำนักงานต่าง ๆ เป็นต้น ขณะที่โครงการขนาดใหญ่ทั้งแนวราบ และอาคารสูงต่างชะลอการขึ้นโครงการใหม่ รวมถึงการล็อกดาวน์ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ จึงส่งผลกระทบในวงกว้าง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บิ๊กโปรเจกต์ ‘วัน แบงค็อก’ 1.2 แสนล้าน เปิดตัว ลิฟต์ห้องโดยสารคู่ ครั้งแรกของไทย
โครงการ One Bangkok อสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุด มูลค่า 1.2 แสนล้าน ประกาศให้มิตซูบิชิ อิเล็คทริค เป็นผู้ติดตั้งและดูแลระบบลิฟต์และบันไดเลื่อน พร้อมลิฟต์แบบห้องโดยสารคู่ เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
วัน แบงค็อก (One Bangkok) โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจรและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 1.2 แสนล้านบาท และ บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คอร์เปอร์เรชั่น ร่วมลงนามในสัญญาสั่งซื้อและติดตั้งลิฟต์และบันไดเลื่อนชุดใหญ่ พร้อมยกระดับโครงการอาคารสูงในกรุงเทพฯ ให้เทียบเคียงมหานครระดับโลกด้วยการติดตั้งลิฟต์แบบห้องโดยสารคู่ ซึ่งใช้เฉพาะในโครงการชั้นนำของโลก อย่าง รปปงงิฮิลส์ (Roppongi Hills) ในกรุงโตเกียว CCTV New Site ในกรุงปักกิ่ง หรือ เซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ (Shanghai Tower) ในนครเซี่ยงไฮ้ ฯลฯ
สัญญาสั่งซื้อครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นคำสั่งซื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2520 ที่ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค เปิดดำเนินกิจการในประเทศไทย โดยวัน แบงค็อก ถือเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ทันสมัยในรูปแบบเมืองอัจฉริยะ อันประกอบด้วยอาคารสำนักงานเกรดเอ ศูนย์การค้าชั้นนำ โรงแรมระดับลักชัวรี่ ที่พักอาศัย รวมถึงพื้นที่สำหรับกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรมที่เชื่อมต่อทั่วถึงกันทั้งโครงการ โดยมั่นใจว่าจะสามารถดึงดูดเหล่านักธุรกิจและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนได้เป็นจำนวนมหาศาล อีกทั้งช่วยยกระดับให้ประเทศไทยโดดเด่นเป็นสง่าในเวทีโลก และเติบโตในฐานะศูนย์กลางของอาเซียนต่อไป
นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ผู้พัฒนาโครงการ “วัน แบงค็อก” (One Bangkok) กล่าวว่า “เราให้ความสำคัญกับประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการเป็นหลัก ผมมีความเชื่อมั่นว่า มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ ผู้นำระดับโลกในด้านระบบลิฟต์และบันไดเลื่อน จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพันธมิตรที่มีความสำคัญอย่างยิ่งของโครงการ วัน แบงค็อก ด้วยจุดเด่นและองค์ประกอบต่าง ๆ
รวมถึง สินค้าและบริการที่มีคุณภาพและการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยมและได้รับยืนยันด้วยรางวัลมาตรฐานระบบการทำงานหลากหลายรางวัล ตลอดจนชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับมายาวนาน ด้านเทคโนโลยีอันโดดเด่นระดับโลก และการส่งมอบผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัย แข็งแรง ทนทาน และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยศักยภาพดังกล่าวนี้ เราจึงมั่นใจว่ามิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ จะมีส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้โครงการวัน แบงค็อก เป็นแลนด์มาร์คใหม่ที่พลิกโฉมพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ อย่างแท้จริง”
นายมุเนะฮิซะ โอกะโมะโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “เรามีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจาก วัน แบงค็อก (One Bangkok)โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจรและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในการทำสัญญาสั่งซื้อลิฟต์และบันไดเลื่อนชุดใหญ่ ประกอบด้วยลิฟต์จำนวน 250 เครื่อง บันไดเลื่อนจำนวน 28 เครื่อง
ยิ่งไปกว่านั้น โครงการนี้ยังมีการติดตั้งลิฟต์ 2 ชั้นหรือลิฟต์ห้องโดยสารคู่ นวัตกรรมใหม่ที่จะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จำนวน 12 เครื่อง ถือได้ว่าเป็นคำสั่งซื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2520 ที่เราเปิดดำเนินกิจการในประเทศไทย โดยความไว้วางใจจากโครงการ วัน แบงค็อก ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นทั้งในด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การติดตั้ง การบริการ และประสบการณ์ในตลาดลิฟต์และบันไดเลื่อนที่มีมาอย่างยาวนานได้เป็นอย่างดี”
สำหรับ วัน แบงค็อก เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรซึ่งพัฒนาโดย บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด นับเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยภาคเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย ชูมาตรฐานใหม่ทั้งด้านการออกแบบ ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิตในสมาร์ท ซิตี้ (Smart City Living)
โดยตั้งเป้าเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการพัฒนาชุมชนแวดล้อมอย่าง LEED เป็นการสร้างอาคารที่ดีต่อสุขภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ WELL ซึ่งเป็นมาตรฐานแรกของโลกที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้อาคาร พร้อมมุ่งมั่นเป็นแลนด์มาร์คครบวงจรระดับโลกแห่งใหม่ เปี่ยมไปด้วยศักยภาพในการดึงดูดบริษัทชั้นนำ นักท่องเที่ยว และคนไทย โดยประกอบไปด้วย อาคารสำนักงานแบบพรีเมี่ยมเกรดเอ จำนวน 5 อาคาร,ศูนย์การค้าระดับชั้นนำ, โรงแรมระดับลักชัวรี่ จำนวน 5 แห่ง, คอนโดมิเนียมหรูอีกจำนวน 3 โครงการ ทั้งยังมีพื้นที่ศูนย์กลางสำหรับกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรมที่เชื่อมต่อทั่วถึงกันทั้งโครงการ พื้นที่ทั้งหมดมีขนาด 104 ไร่ บนถนนวิทยุและพระราม 4 เมื่อ วัน แบงค็อก พร้อมเปิดเฟสแรก ในปี 2566 จะกลายเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ทันสมัยและมีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจการจัดจำหน่าย ติดตั้งและให้บริการหลังการขายผลิตภัณฑ์ ลิฟต์ บันไดเลื่อนและทางลาดเลื่อนภายใต้ แบรนด์ “มิตซูบิชิ อิเล็คทริค” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยและเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ระดับแนวหน้าในด้านนี้ มาตั้งแต่ปี 2520 งานบริการที่มีคุณภาพและการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยมที่ได้รับยืนยันด้วยรางวัลมาตรฐานระบบการทำงานหลายรางวัล ความทุ่มเทของเราส่งผลให้เราเป็นผู้นำในธุรกิจลิฟต์และบันไดเลื่อนอย่างต่อเนื่องด้วยส่วนแบ่งการตลาดเป็นที่หนึ่งมาตลอดหลายสิบปี ปณิธานของเราคือการส่งต่อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและความปลอดภัยให้กับอาคารต่างๆ ทั่วประเทศ เราพร้อมให้บริการด้วยทีมงานวิศวกรที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญ ทั้งระบบการติดตั้งและการซ่อมบำรุง อีกทั้งยังใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บาทเปิด 31.38 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่า
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.38 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเย็นวานนี้(8เม.ย.) ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.46 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทเช้านี้ปรับตัวแข็งค่าจากเมื่อเย็นวาน เป็นผลจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า หลังเมื่อคืนนี้มีรายงานข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการวางงานรายสัปดาห์ปรับตัวสูงเกินคาด ขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น จึงอาจมี flow จากฝั่งของผู้ส่งออกในการขายดอลลาร์ โดยคืนนี้ ต้องติดตามการรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐเดือนมี.ค.
“ข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสูงเกินคาด ราคาทองคำขึ้น อาจมี flow ส่งออก ขายดอลลาร์” นักบริหารเงินระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.30.31-45 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ด่วน! รอบชิงฟุตบอลช้าง เอฟเอคัพ แข่งแบบปิดป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19
สมาคมฟุตบอล และ ไทยลีก พิจารณาให้มีการแข่งขันฟุตบอลช้าง เอฟเอคัพ นัดชิงชนะเลิศ แบบปิด ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19
ตามที่ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ประกาศให้ 5 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, นนทบุรี, สมุทรปราการ และ นครปฐม เป็นพื้นที่เฝ้าระวังการแพร่ระบาดสูงสุด โดยล่าสุดการกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ออกประกาศขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยงหรือเลื่อนการจัดการแข่งขันกีฬาที่มีการรวมตัวกันของประชาชนจำนวนมาก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด เว้นแต่ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องจัดการแข่งขันโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ให้ดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. อย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกัน และลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด– 19 ที่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ชม, นักกีฬา, ผู้ฝึกสอน, เจ้าหน้าที่ รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนบุคคลทั่วไป สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ บริษัท ไทยลีก จำกัด ฝ่ายจัดการแข่งขัน รวมถึงผู้สนับสนุนได้พิจารณาและคำนึงถึงความปลอดภัยในการลดการรวมตัวของกลุ่มคน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐ และให้การแข่งขันสามารถเกิดขึ้นได้ตามกำหนดเดิม ไม่ให้กระทบกับสโมสร หากต้องมีการเลื่อนวันแข่งขัน จึงพิจารณาให้มีการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ ช้าง เอฟเอคัพ 2020 เป็นการแข่งขันแบบปิด โดยไม่มีผู้ชม แม้ว่าจะเป็นการแข่งขันแมตช์ที่มีความสำคัญ แต่เพื่อการแสดงรับผิดชอบต่อส่วนรวมและสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เพิ่มมากขึ้น โดยฝ่ายจัดฯ ต้องขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
สำหรับ การแข่งขันฟุตบอลช้าง เอฟเอคัพ 2020 รอบชิงชนะเลิศ มีกำหนดการแข่งขันในวันที่ 11 เมษายน 2564 ณ สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ถ่ายทอดสดทางช่อง AIS Play และ ช่อง T Sport
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เสี่ยง “โควิด-19” แค่ไหน ถึงควรไปตรวจ?
เราต้องใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากแค่ไหน ถึงจะเรียกได้ว่ามีความเสี่ยงสูง ควรไปตรวจที่โรงพยาบาล
ทำงานในตึกเดียวกัน? ทำงานในบริษัทเดียวกัน? อยู่คอนโดเดียวกัน? อยู่หมู่บ้านเดียวกัน? กินอาหารร้านเดียวกัน? หรือไปเดินในสถานที่ที่เดียวกัน? ใกล้ชิดขนาดไหนถึงจะเรียกได้ว่ามีความเสี่ยงสูง ควรไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาล มาเช็กกัน
ตามข้อมูลจาก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ที่ควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทันทีที่ทราบข่าวใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ คือ
ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ควรตรวจหาเชื้อ และเริ่มกักตัวทันที
- เจอกับผู้ติดเชื้อโดยตรง ในพื้นที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท เกิน 15 นาที
- เจอและพูดคุย มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ ในระยะไม่เกิน 1 เมตร นานมากกว่า 5 นาที
- อยู่ใกล้กับผู้ติดเชื้อในระยะไม่เกิน 1 เมตร โดยต่างคนต่างไม่ใส่หน้ากากอนามัย หรือเครื่องป้องกันอื่นๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที
- ไอ หรือจามใส่กัน โดยไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย หรือเครื่องป้องกันอื่นๆ
- รับประทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มจากภาชนะเดียวกัน อุปกรณ์รับประทานอาหารชิ้นเดียวกัน
- อยู่บ้านเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ
- อยู่ในสถานที่เดียวกันกับที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ ยังไม่ต้องกักตัวหรือตรวจหาเชื้อทันที แต่ควรสังเกตอาการตัวเองใน 14 วัน ได้แก่ ทุกคนที่ไม่ได้พูดคุย ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ ไม่ได้พบเจอ ไม่ได้อยู่ในห้องปิด หรือไม่ได้รับประทานอาหารและเครื่องดื่มร่วมกับผู้ติดเชื้อโดยตรง เช่น ทำงานในสถานที่เดียวกัน (แต่ไม่ได้นั่งโต๊ะใกล้ๆ กัน) อยู่คอนโด หรือหมู่บ้านเดียวกัน (แต่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรด้วยเป็นพิเศษ ยกเว้นเข้าไปใช้บริการที่สาธารณะอย่าง ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ห้องน้ำในสโมสรหมู่บ้านเดียวกัน) ใช้บริการสถานที่ใหญ่ๆ ที่เดียวกัน เช่น ห้างสรรพสินค้า (แต่ไม่ได้เข้าไปใช้บริการในร้านเดียวกัน) เป็นต้น
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ ให้ปฏิบัติดังนี้
- สังเกตอาการตัวเองใน 14 วัน หากมีไข้ เจ็บคอ ไอแห้งๆ น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ เริ่มไม่รับรู้กลิ่นหรือรส ควรรีบไปพบแพทย์
- สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อต้องออกจากบ้าน หรือพบปะพูดคุยกับผู้คนนอกบ้าน
- เว้นระยะห่างจากคนอื่นๆ ระหว่างยืน เดิน นั่ง ในที่สาธารณะ
- แยกรับประทานจานเดียว คนเดียว ไม่แชร์กับข้าว และอาหารในจานร่วมกับผู้อื่น แม้กระทั่งคนในบ้าน
- ล้างมือด้วยน้ำสบู่ หรือล้างมือด้วยเจล/สเปรย์แอลกอฮอล์ หรือทุกครั้งที่สัมผัสกับสิ่งของสาธารณะ หรือสิ่งของที่มาจากผู้อื่น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ศัพท์ภาษาอังกฤษ จากสถานการณ์ COVID-19
ตอนนี้คงไม่มีข่าวไหนสำคัญและมีผลกระทบใกล้ตัวเรามากที่สุดเท่ากับสถานการณ์ ไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ COVID-19 ไวรัสตัวใหม่ที่กำลังส่งผลกระทบกับสุขภาพและกำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกอยู่ตอนนี้
และสำหรับน้องๆ เพื่อนๆ คนไหนที่ได้ยินข่าวหรือข้อมูลจากทางการ คงมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับโรคนี้มาให้ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ บางคำก็พอรู้จักกันบ้าง แต่หลายคำก็เป็นศัพท์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
บทความนี้เราจึงอยากมาช่วยให้ทุกคนได้รับฟังข่าวสารหรืออยากเรียนรู้คำศัพท์ที่น่าสนใจในสถานการณ์ที่โรค COVID-19 กำลังระบาด พี่ๆ AdmissionPremium ได้รวบรวม ศัพท์ภาษาอังกฤษ น่ารู้ จากสถานการณ์ COVID-19 มาไว้ให้ทุกคนได้เรียนรู้กันแล้ว มาดูกันดีกว่าว่าจะมีคำไหนที่ได้ยินบ่อยๆ และเราควรจำได้บ้าง
Infection (n.) – การติดเชื้อ
Epidemic (n., Adj.) – โรคระบาด
Contract (v.) – ติดเชื้อ
Contagion (n.) – การแพร่กระจาย, การติดต่อ
Spread (v.,n.) – กระจาย
Prevention (n.) – การป้องกัน, การยับยั้ง
Lock down (v.) – ปิดเมือง, จำกัดอาณาเขต
Transmission (n.) – การส่งต่อเชื้อโรค
Local transmission (n.) – การแพร่ระบาดในประเทศ
Global Pandemic (n.) – การระบาดใหญ่ทั่วโลก
Announce (v.) – ประกาศ
Treatment (n.) – การรักษา
Human Contact (n.) – การติดต่อจากมนุษย์
Disease (n.) – การเจ็บป่วย, โรค
Symptom (n.) – อาการ
Panic (n, Adj.) – ตื่นตกใจ
Pneumonia (n.) – โรคปอดบวม
Isolation (n.) – การแยกกัก (ใช้กับคนป่วยที่ตรวจพบหรือมีอาการ ต้องเข้าห้องความดันลบ)
Quarantine (v.) – กักกัน (ในกรณีนี้ใช้กับคนที่ยังไม่ป่วย แต่มีความเสี่ยง และใกล้ชิดคนป่วย)
ขอบคุณข้อมูลจาก admissionpremium.com
เผยโฉมระบบรักษาปลอดภัยอนาคต“ไม่ต้องใช้รหัสผ่าน”
Cisco Secure เปิดตัวระบบรักษาความปลอดภัยแห่งอนาคต ที่ใช้งานง่ายและเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ ประกอบด้วยเทคโนโลยี Duo สำหรับการยืนยันตัวตนผู้ใช้แบบไม่ใช้รหัสผ่าน ระบบยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน Duo สามารถบูรณาการอย่างไร้รอยต่อเข้ากับระบบตรวจสอบของ Duo ซึ่งถูกใช้งานในองค์กรกว่า 25,000 แห่งในปัจจุบัน
การใช้รหัสผ่านก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ เพราะรหัสผ่านถูกโจรกรรมได้ง่ายและยากแก่การจัดการ ทำให้องค์กรต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้หลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี ขณะเดียวกันผู้ใช้ต้องวุ่นวายกับการจดจำรหัสผ่านมากมาย ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับการทำงานและชีวิตส่วนตัว ส่วนฝ่ายไอทีก็ต้องจัดการคำร้องขอจำนวนมากสำหรับการรีเซ็ตรหัสผ่าน ซึ่งปัญหาเหล่านี้บั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานของผู้ใช้ และทำให้องค์กรธุรกิจต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสำหรับการให้บริการซัพพอร์ตแก่พนักงาน
ระบบยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน Duo เป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม Zero Trust ระดับชั้นนำของซิสโก้ โดยทำหน้าที่ปกป้องการเข้าถึงแอพพลิเคชั่นหรือระบบไอทีทั้งหมดสำหรับผู้ใช้ทุกคนจากทุกอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถใช้งานบนโครงสร้างพื้นฐานทุกประเภท และปูทางสู่อนาคตที่ปราศจากรหัสผ่าน ทั้งยังช่วยให้องค์กรสามารถคุ้มครองแอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งในองค์กรและบนระบบคลาวด์ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวในการตรวจสอบตัวตนผู้ใช้ และไม่ก่อให้เกิดช่องว่างด้านความปลอดภัย
นาย จี ริทเทนเฮาส์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจการรักษาความปลอดภัยของซิสโก้ กล่าวว่า “ซิสโก้พยายามที่จะพัฒนาระบบยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของบุคลากรหลากหลายกลุ่ม ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และช่วยให้องค์กรในหลายภาคส่วนสามารถพัฒนาไปสู่อนาคตที่ปราศจากรหัสผ่าน ไม่ว่าจะใช้โครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบใดก็ตาม ระบบยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านจะก่อให้เกิดผลกระทบที่สำคัญทั่วโลกต่อการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ โดยจะคุ้มครองวิธีการเข้าถึงที่ง่ายที่สุดให้มีความปลอดภัยสูงสุด”
ระบบยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน Duo จะช่วยให้องค์กรธุรกิจ:
• เพิ่มความสะดวกและความแข็งแกร่งสำหรับการเข้าถึงคลาวด์แอพพลิเคชั่น ซึ่งได้รับการปกป้องด้วย Duo Single Sign-On (SSO) รวมไปถึงระบบ SSO และการตรวจสอบผู้ใช้ของบริษัทอื่น โดยใช้คีย์รักษาความปลอดภัยหรือไบโอเมทริกซ์บนแพลตฟอร์ม เช่น Apple FaceID และ TouchID และ Windows Hello การใช้งานระบบยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านร่วมกับ Duo SSO จะช่วยให้องค์กรสามารถผนวกรวมรหัสผ่านและข้อมูลยืนยันตัวตนหลายร้อยรายการเข้าไว้ในล็อกอินชุดเดียวที่ใช้งานง่าย รองรับการเข้าใช้งานคลาวด์แอพพลิเคชั่น
• จัดหาเครื่องมือรักษาความปลอดภัยหนึ่งเดียวที่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ของการยืนยันตัวตน เนื่องจาก Duo สามารถใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่นและบริการตรวจสอบผู้ใช้หลายร้อยรายการ โดยไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐาน
• ลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามและช่องโหว่ที่เกี่ยวข้องกับรหัสผ่าน เช่น ฟิชชิ่ง การขโมยรหัสผ่าน การใช้รหัสผ่านที่คาดเดาได้ง่าย การนำเอารหัสผ่านเก่ากลับมาใช้ การสุ่มเดารหัสผ่าน การโจมตีคนกลาง และการเจาะฐานข้อมูลรหัสผ่าน
• เพิ่มเลเยอร์ของการรักษาความปลอดภัยให้กับระบบยืนยันตัวตน โดยอาศัยการควบคุมตรวจสอบสถานะของอุปกรณ์และพฤติกรรมของผู้ใช้ผ่านชุดผลิตภัณฑ์สำหรับการเข้าถึงที่ปลอดภัยของ Duo ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่ไบโอเมทริกซ์ถูกขโมยหรือไม่สามารถใช้การได้
• ลดภาระของผู้ดูแลระบบในการให้บริการช่วยเหลือเกี่ยวกับรหัสผ่าน รวมถึงการรีเซ็ตรหัสผ่าน
นายเจย์ เบรทซ์มานน์ ผู้อำนวยการโครงการการรักษาความปลอดภัยระบบคลาวด์ ตัวตนผู้ใช้ และความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของไอดีซี กล่าวว่า “ซิสโก้มีความพร้อมในการผลักดันการใช้งานระบบยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน เพื่อแบ่งเบาภาระขององค์กรต่างๆ ในการจัดการปัญหาที่เกี่ยวข้องกับรหัสผ่าน ซึ่งสร้างความลำบากให้กับผู้ใช้และทีมงานฝ่ายไอทีตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่ากระบวนการปรับเปลี่ยนอาจจะยุ่งยากอยู่บ้าง เนื่องจากหลายๆ องค์กรใช้โครงสร้างพื้นฐานรุ่นเก่า แต่ระบบยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่านคือพัฒนาการก้าวสำคัญสำหรับการรองรับสถาปัตยกรรมการรักษาความปลอดภัยแบบ Zero Trust และเป็นฟีเจอร์ที่องค์กรต่างๆ ควรจะเริ่มต้นศึกษาเพื่อปรับใช้ในอนาคต”
ปัจจุบัน บุคลากรมีความพร้อมที่จะปรับใช้ระบบยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน โดยรายงานการเข้าถึงที่น่าเชื่อถือของ Duo ประจำปี 2563 (2020 Duo Trusted Access Report) ระบุว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของอุปกรณ์มือถือที่ใช้สำหรับการทำงานมีระบบไบโอเมทริกซ์ เพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ระบบยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้รหัสผ่าน Duo ใช้มาตรฐาน Web Authentication (WebAuthn) ซึ่งใช้การเข้ารหัสข้อมูลแบบอสมมาตร (Asymmetric Cryptography) จึงสามารถจัดเก็บข้อมูลไบโอเมทริกซ์ได้อย่างปลอดภัยไว้บนอุปกรณ์ แทนที่จะเก็บไว้ในฐานข้อมูลส่วนกลาง Duo ช่วยผลักดันการปรับใช้ WebAuthn เป็นมาตรฐานเว็บอย่างเป็นทางการบนแพลตฟอร์มต่างๆ ในฐานะที่เป็นสมาชิกของคณะทำงาน World Wide Web Consortium (W3C)
นายวูล์ฟกัง เกอร์ลิช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายให้คำปรึกษาด้านการรักษาความปลอดภัยสารสนเทศของ Duo Security ซึ่งอยู่ในเครือของซิสโก้ กล่าวว่า “การปรับใช้ระบบตรวจสอบแบบไม่ใช้รหัสผ่านจำเป็นต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไปในส่วนของผู้ใช้และสภาพแวดล้อมด้านไอที ไม่ใช่สิ่งที่องค์กรจะสามารถทำให้สำเร็จลุล่วงได้เพียงชั่วข้ามคืน Duo ให้ความช่วยเหลือแก่องค์กรต่างๆ ในการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมและบุคลากรอย่างปลอดภัย และลดแรงเสียดทานจากผู้ใช้ ควบคู่กับการเพิ่มความน่าเชื่อถือสำหรับการยืนยันตัวตนผู้ใช้ในแต่ละครั้ง”
แนวทางการรักษาความปลอดภัยของ Duo อ้างอิงมาตรฐาน ISO 27001, Cyber Security Framework ของ NIST และ Trust Service Principles ของ AICPA และได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้สอดคล้องตามกฎหมาย GDPR ของยุโรป รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ว่าด้วยการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศต่างๆ ทั่วโลก Duo มุ่งมั่นที่จะยกระดับการรักษาความปลอดภัยสูงสุดสำหรับลูกค้า ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และปัจจุบัน Duo ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน SOC2 Type II, ISO27001:2013, ISO27017:2015 และ ISO27018:2019 และได้รับการรับรองจากโครงการ FedRAMP ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กระบองเพชรกินได้มั๊ย กินแล้วจะมีประโยชน์ หรือสรรพคุณดี ต่อเราอย่างไร
กระบองเพชรพืชแห่งทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหนาม มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเม็กซิโก นอกจากจะปลูกไว้เพื่อความสวยงาม สำหรับบางสายพันธุ์ยังสามารถนำมารับประทานได้อีกด้วย ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง ในบทความนี้นำมาฝาก 7 ข้อดังนี้
1. กระบองเพชรลดน้ำหนัก กระบองเพชรเป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่มีไฟเบอร์สูงมาก แคลอรี่ต่ำ อุดมด้วยกรดอะมิโน วิตามิน แร่ธาตุ สามารถช่วยควบคุมการอยากอาหารและดักจับไขมัน ลดการดูดซึมไขมันในร่างกาย ลดคอเลสเตอรอลและระดับไตรกลีเซอไรด์
2. ต้านอนุมูลอิสระ วิตามินเอและวิตามินซีในกระบองเพชร ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไขมันในเส้นเลือด นอกจากนี้สารฟีนอลิกและฟลาโวนอยด์ในกระบองเพชร ยังช่วยชะลอการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ
3. โรคเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มมากขึ้น อาจนำไปสู่การเจ็บป่วยในหลายโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ การรับประทานกระบองเพชร มีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยบรรเทาอาการของเบาหวานให้ดีขึ้น
4. ระบบช่องท้อง การรับประทานกระบองเพชรช่วยดูแลระบบการย่อย กำจัดของเสีย ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ดูแลระบบทางเดินอาหาร ลดปัญหาท้องผูกและโรคริดสีดวง
5. ปกป้องสมอง สารเควอซิทินและฟลาโวนอยด์ในกระบองเพชร ช่วยปกป้องสมองและเซลล์ประสาทจากอนุมูลอิสระ ช่วยให้ห่างไกลโรคอัลไซเมอร์ ต้านอนุมูลอิสระมิให้มารบกวนการทำงานของเซลล์สมอง
6. ลดการอักเสบ ด้วยประสิทธิภาพของฟลาโวนอยด์ วิตามิน และแร่ธาตุที่อยู่ในกระบองเพชร มีคุณสมบัติในการต่อต้าน ลดการอักเสบ ลดการบวมน้ำ ช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับระบบหัวใจ หลอดเลือดและระบบทางเดินอาหาร อีกทั้งยังช่วยต้านการอักเสบจากโรคไขข้อ บรรเทาอาการปวดข้อ และลดความรุนแรงของโรคให้ลดลง
7. กระบองเพชรแก้อาการเมาค้าง หากคืนนี้คุณมั่นใจว่าหลังจบปาร์ตี้มีเมาแน่ ๆ แนะนำให้ดื่มน้ำกระบองเพชรก่อนการดื่มแอลกอฮอล์ จะช่วยลดอาการเมาค้างได้มากถึง 50% อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการที่อาจเกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้และอาเจียน
กระบองเพชร ต้นไม้ที่ปลูกและเลี้ยงง่าย ไม่ต้องรดน้ำบ่อย อีกทั้งยังสามารถนำมารับประทานโดยการนำมาอบ ผัด นึ่ง หรือปั่นคั้นดื่มเป็นน้ำเพื่อสุขภาพก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าสะดวกวิธีไหน สำหรับใครที่อยากรู้ อยากลองว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร ก็ลองหามาปลูกและทำรับประทาน ซึ่งเมนูไหนจากกระบองเพชรที่คิดว่าเด็ด สามารถแนะนำเพื่อนๆท่านอื่นได้ที่คอมเม้นต์ด้านล่าง
ขอบคุณข้อมูลจาก roowai.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 26,000.00 | 26,100.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,684.00 | 25,529.44 | 26,600.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,515.60 | 22,976.50 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,347.20 | 20,423.55 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 758.00 | 11,491.28 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 589.00 | 8,929.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,745.00 | 26,454.20 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 09/04/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 25.14 | 25.14 | 25.14 | 25.14 | 25.14 | – | 25.14 | 25.14 | 25.14 | 25.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 21.09 | 21.09 | – | – | – | – | – | – | – | 21.09 |
เบนซิน 95 | 34.06 | – | – | – | 34.51 | – | 34.56 | 34.06 | – | 34.06 |
ดีเซล B7 | 26.49 | 26.49 | 26.49 | 26.49 | 26.49 | 26.49 | 26.49 | 26.49 | 26.49 | 26.49 |
ดีเซล | 23.49 | 23.49 | 23.49 | 23.49 | 23.49 | 23.49 | 23.49 | 23.49 | 23.49 | 23.49 |
ดีเซล B20 | 23.24 | 23.24 | 23.44 | – | 23.24 | – | 23.24 | 23.24 | – | 23.24 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 31.16 | 31.26 | 32.94 | 32.56 | – | – | – | – | – | 31.16 |
แก๊ส NGV | 13.43 | 13.43 | – | – | – | – | – | – | – | 13.43 |