กลุ่ม บูทิค เล็งผุด ‘ศูนย์การค้า’ แห่งใหม่ ยกระดับ ย่านเจริญกรุง
บมจ. บูทิค คอร์ปอเรชั่น เล็งยกระดับย่านเจริญกรุง เปิดตัวโครงการศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ รวม 4,000 ตารางเมตร คาดเปิดให้บริการได้ ปี 2565
9 มีนาคม 2564 – บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บูทิค”) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แถลงเปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุด ซึ่งมุ่งเป็นศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ที่ผสมผสานรูปแบบการใช้สอยที่หลากหลาย ตอบโจทย์ชาวเจริญกรุงและผู้มาเยือน ด้วยร้านค้า ร้านอาหาร บริการส่งเสริมสุขภาพ และศูนย์การศึกษาชั้นนำที่คัดสรรมาอย่างดี เตรียมเปิดให้บริการในไตรมาสที่สอง พ.ศ. 2565
โครงการศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์แห่งใหม่นี้ ตั้งอยู่ใจกลางย่านเจริญกรุง ในบริเวณแยกถนนจันทน์ตัดกับถนนเจริญกรุง รายล้อมไปด้วยโรงแรมหรู ย่านที่พักอาศัย และโรงเรียนนานาชาติชั้นนำของประเทศไทย ตัวโครงการจะเป็นอาคาร 3 ชั้น มีพื้นที่รวม 4,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 2,100 ตารางเมตร แบ่งเป็นร้านค้า18 ยูนิต
ซึ่งประกอบไปด้วยร้านอาหาร โซนการศึกษา โซนส่งเสริมและดูแลสุขภาพ และพื้นที่จอดรถกว่า 34 คัน เพื่อรองรับผู้เช่าและผู้มาเยือน ทั้งนี้ โครงการเจริญกรุงจะเป็นสถานที่พบปะแห่งใหม่สำหรับชาวเจริญกรุง แขกที่พักในโรงแรมใกล้เคียง ผู้ปกครอง และนักเรียนในบริเวณ เพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย
โครงการมีการออกแบบในสไตล์มินิมอลนอร์ดิก (Minimal Nordic) โดยผิวตัวอาคารทำจากไม้สีอ่อน จัดวางเป็นแพทเทิร์น ซึ่งเป็นการออกแบบที่ต้องการสื่อถึงความเป็นมาของย่านเจริญกรุงอันเป็นย่านการค้าที่สำคัญและเก่าแก่ของกรุงเทพมหานคร คอนเซ็ปต์ของการออกแบบตัวอาคารจะเป็นลักษณะโปร่ง โล่ง สบายตา แต่มีความเป็นเอกลักษณ์และสังเกตได้ง่ายจากทุกหัวมุมถนน
มร. ปรับ ทักราล ประธานและกรรมการผู้จัดการกลุ่ม บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เจริญกรุงเป็นหนึ่งในย่านยอดนิยมสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่เต็มไปด้วยสีสัน ความคึกคัก และประวัติศาสตร์สำคัญของกรุงเทพฯ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและวิถีชีวิตที่มีลักษณะเฉพาะของชาวเมืองในปัจจุบัน เราจึงต้องการสร้างสรรค์สถานที่แห่งใหม่ที่จะเป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์และกิจกรรมต่างๆ เพื่อแสดงถึงเอกลักษณ์ของย่านเจริญกรุง
โดยโครงการเจริญกรุงมุ่งเน้นไปที่ประโยชน์แก่ผู้คนในชุมชนเป็นหลัก และเราเชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยเพิ่มสีสันและทำให้เจริญกรุงกลายเป็นย่านที่ทั้งผู้อยู่อาศัยและแขกผู้มาเยือนจะสนุกกับชีวิตประจำวันได้มากขึ้นในทุกๆวัน ซึ่งสอดคล้องกับความตั้งใจของบูทิคในการยกระดับชุมชนที่เราเข้าร่วมพัฒนา รวมถึงปรับเปลี่ยนเจริญกรุงให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของผู้คน ทั้งด้านการทำงาน ท่องเที่ยว และการใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ”
โครงการเจริญกรุง เป็นโครงการล่าสุดของบูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ หลังมีเป้าหมายขยายโครงการศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ในลักษณะนี้ต่อไป ด้วยการพัฒนาโครงการที่มีเอกลักษณ์และขนาดที่เหมาะสมกับความต้องการ ในพื้นที่ที่มีผู้พักอาศัยหนาแน่นสูง ผ่านการนำเสนอเฉพาะกลุ่มเพื่อดึงดูดคนในพื้นที่และผู้มาเยือน
โดยตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2547 บูทิคประสบความสำเร็จในการเปิดตัวโครงการมากกว่า 15 โครงการ ทั้งโรงแรม เซอร์วิสเรสซิเดนซ์ โครงการมิกซ์ยูส และอาคารสำนักงาน อาทิ ศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ที่ได้รับรางวัลอย่าง เรนฮิลล์ (Rain Hill) บนถนนสุขุมวิท 47 โครงการมิกซ์ยูสเช่นซัมเมอร์ฮิลล์ (Summer Hill) และซัมเมอร์ฮับ (Summer Hub)ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS พระโขนง รวมถึงโครงการมิกซ์ยูสที่เพิ่งเปิดตัวใหม่อย่างซัมเมอร์พอยท์ (Summer Point)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เจาะ 3 เทรนด์ออกแบบ ‘ที่อยู่อาศัยไทย’ ปี 2564
LPN Wisdom เผย 3 เทรนด์ การออกแบบที่อยู่อาศัยไทยมาแรง รับคนทุกวัยในปี 2564 ชู เพิ่มพื้นที่ใช้สอย – ใช้งานได้หลากหลายขึ้น รวมถึงเน้นเรื่องสุขอนามัยและการนำ AI เทคโนโลยีมาใช้ อย่างไรก็ไปรอด!
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) (LPN Wisdom) บริษัทวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการออกแบบที่อยู่อาศัยในปี 2564 ว่า หลังการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสสายพันธ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ตั้งแต่ปี 2562 ไปทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยและต่อเนื่องมาถึงปี 2564 ผนวกกับประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมของผู้สูงวัย ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป
โดยเฉพาะพฤติกรรมของผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ที่หันมาให้ความสนใจในการซื้อบ้านพักอาศัยมากขึ้นจากผลการสำรวจของ LPN Wisdom พบว่าปี 2563 มีการเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 44,001 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนถึง 63% ของจำนวนโครงการที่เปิดขาย 70,126 ยูนิต สะท้อนความต้องการของผู้ซื้อที่ให้ความสนใจซื้อบ้านพักอาศัยมากกว่าคอนโดมิเนียมในช่วงที่ผ่านมา
จากแนวโน้มดังกล่าว ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Products Design Center) ของ LPN Wisdom ได้มีการทำวิจัยถึงแนวโน้มและทิศทางการออกแบบที่อยู่อาศัยในปี 2564 พบว่า มี 3 แนวโน้มที่สำคัญในการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ซื้อในปัจจุบันประกอบด้วย การออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น, ให้ความสำคัญกับสุขอนามัยในการอยู่อาศัย, และการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การอยู่อาศัยสะดวกสบายมากขึ้น
3 เทรนด์การออกแบบที่อยู่อาศัย
1.ด้านการออกแบบพื้นที่ใช้สอยและวัสดุที่ใช้งานได้อย่างหลากหลายมากขึ้น (Function & Material) นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในปี 2563 ของ LPN Wisdom พบว่ากว่า 62% ของผู้ที่อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานจากทำงานที่สำนักงานมาทำงานที่บ้าน (Work From Home) มากขึ้น
ทำให้การออกแบบที่อยู่อาศัยทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านพักอาศัยต้องตอบโจทย์กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป กล่าวคือ คอนโดมิเนียมต้องมีการออกแบบพื้นที่เอนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายเพื่อตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตที่บ้านมากขึ้นทั้งพื้นที่ทำงาน ออกกำลังกาย และการทำงานอดิเรก พื้นที่รับ-ส่งพัสดุ กลายเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับคอนโดมิเนียมไปโดยปริยายเมื่อการสั่งซื้อของทางออนไลน์เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการออกแบบบ้านพักอาศัย ที่ต้องให้ความสำคัญกับพื้นที่อเนกประสงค์ภายในบ้านเพื่อรองรับกับการทำกิจกรรมต่างๆ ในบ้าน
นอกจากนี้ รวมถึงการออกแบบพื้นที่ทั้งบ้านพักอาศัยและคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์กับคนทุกวัย (Universal Design) เพื่อตอบโจทย์กับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของประเทศที่จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ตามรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวในปี พ.ศ.2565 และในปี พ.ศ. 2573 จะมีสัดส่วนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 26.9 ของประชากรทั้งประเทศ เช่น การออกแบบที่ต้องมีห้องนอนผู้สูงอายุที่ต้องมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานรถเข็น
การใช้ประตูบานเลื่อนแทนประตูบานเปิดภายในห้องนอนและห้องน้ำ หรือการออกแบบบ้านที่ไม่มีการลดระดับภายในบ้าน รวมถึงการใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่จะต้องป้องกันหรือลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นและช่วยส่งเสริมสุขภาวะที่ดี เช่น พื้นยางกันกระแทก ระบบไฟเปิด-ปิดอัตโนมัติ ราวจับติดผนังในห้องน้ำ เป็นต้น
2.ด้านการออกแบบโดยให้ความสำคัญกับสุขอนามัย (Health) นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และปัญหามลภาวะทางอากาศอย่าง ฝุ่น PM2.5 ที่เกิดขึ้น ทำให้การออกแบบที่อยู่อาศัยทั้งบ้านพักอาศัยและคอนโดมิเนียมต้องคำนึงถึงระบบการไหลเวียนของอากาศภายในที่อยู่อาศัย
โดยการนำเอานวัตกรรมการออกแบบที่ช่วยให้อากาศหมุนเวียน หรือระบบ Fresh Air Intake ที่จะช่วยเติมอากาศบริสุทธิ์เข้าไปด้านในอาคาร และไล่อากาศที่มีคุณภาพต่ำกว่าให้ออกมาด้านนอกเพื่อให้อากาศสะอาดมากขึ้นกว่าเดิม เช่นเดียวกับการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไม่มีสารที่ก่อให้เกิดมลพิษ(Toxic) ภายในที่อยู่อาศัย เป็นต้น
3.ด้านเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย (Smart Living Technology) เริ่มเข้ามามีบทบาทต่อการออกแบบที่อยู่อาศัยมากขึ้นโดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ในการดูแลที่อยู่อาศัย ภายใต้แนวคิดของ บ้านอัจฉริยะ (Smart Home) เป็นการออกแบบที่อยู่อาศัยโดยนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการดูแลระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานของที่พักอาศัย
เช่น การนำระบบตรวจจับความผิดปกติ (AI Sensor Technology) มาติดตั้งเพื่อตรวจจับความผิดปกติของระบบไฟฟ้า ประปา ของที่อยู่อาศัย เพื่อให้ง่ายต่อการบำรุงรักษา เป็นต้น การออกแบบโดยใช้เทคโนโลยีที่ลดการสัมผัส (Touchless) เช่น การใช้ประตูบานเลื่อนเปิด-ปิดอัตโนมัติแทนประตูที่ใช้มือจับ หรือระบบตรวจจับใบหน้าแทนการสแกนนิ้ว เป็นต้น และการออกแบบเพื่อรองรับระบบรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของรถยนต์ในปัจจุบันและในอนาคต
“การแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นปัจจัยเร่งให้สิ่งที่เราคิดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอีกหลายปี มาเร็วขึ้น ทำให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยในปี 2564 เป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่ออนาคต ที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์ของการอยู่อาศัยที่กำลังเปลี่ยนไปในอนาคตทั้งในเรื่องของ ฟังก์ชั่นการใช้งาน สุขอนามัย และเทคโนโลยี” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ทองพุ่งแรง/น้ำมันลง/หุ้นสหรัฐฯปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,832.74 จุด เพิ่มขึ้น 30.30 จุด หรือ +0.10% ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,875.44 จุด เพิ่มขึ้น 54.09 จุด หรือ +1.42% ดัชนี แนสแดค ปิดที่ 13,073.82 จุด เพิ่มขึ้น 464.66 จุด หรือ +3.69%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลง รวมทั้งความหวังที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะเร่งอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่นำเสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 64.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 72 เซนต์ ปิดที่ 67.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 38.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,716.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ไอโอซีเลือก “ไพบูลย์-กานต์” ตัดสินกำปั้นคัดเลือกโอลิมปิก 2020
คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือไอโอซี เลือก รศ.ดร.ไพบูลย์ ศรีชัยสวัสดิ์ และ อ.กานต์ นักลำ ผู้ตัดสินชาวไทยเดินทางไปทำหน้าที่ในการแข่งขันมวยสากล รอบคัดเลือกโอลิมปิก 2020
วันที่ 9 มี.ค. 64 คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือไอโอซี เลือก อ.เค้ก รศ.ดร.ไพบูลย์ ศรีชัยสวัสดิ์ และ อ.กานต์ นักลำ ผู้ประเมิน RJ มวยสากล และ RJ 3 ดาว ของ AIBA ชาวไทย เดินทางไปทำหน้าที่ Technical Official(R/J Evaluater/Observer) ผู้ประเมิน/ผู้สังเกตการณ์ ผู้ชี้ขาด/ผู้ตัดสินมวยสากล ในการแข่งขันมวยสากลคัดเลือกนักกีฬามวยเพื่อคัดเลือก RJ จากทั่วโลกเข้าร่วมการปฏิบัติหน้าที่ ในแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 32 รอบคัดเลือกที่ทวีปอเมริกา ระหว่างวันที่ 8-17 พ.ค.นี้ ที่ประเทศอาร์เจนตินา เพื่อพิจารณา คัดเลือก R/J ไปทำหน้าในการแข่งขันมวยสากลในกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น และที่ทวีปยุโรป กรุงปารีส ฝรั่งเศส 4-8 มิถุนายน 64 ด้วย
ด้าน อ.เค้ก เผยว่ารู้ สึกดีใจและเป็นเกียรติ ที่ได้รับเลือกจาก IOC BTF ให้ไปทำหน้าที่ ผู้ประเมินและสังเกตการณ์ พิจารณาคัดเลือก RJ จากทวีปต่างๆ ต้องขอขอบคุณสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย ที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด
นอกจากนี้ รศ.ดร.ไพบูลย์ ยังกล่าวเสริมถึงหลักเกณฑ์และการแก้ไขกติกาเพิ่มเติมว่า ตามกติกา มวยสากลของสหพันธ์มวยสากลนานาชาติ (AIBA) ได้แก้ไข กติกา การแข่งขันมวยสากล เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2020 ที่ผ่านมา เพื่อให้การแข่งขันมีความยุติธรรมมากขึ้น หลังเกิดปัญหาการตัดสิน ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2016 ณ ประเทศบราซิล ริโอ 2016 จึงได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม กติกาบางข้อ คือ กติกาข้อที่ 29 ผู้ประเมินผู้ชี้ขาด/ผู้ตัดสิน มวยสากล (RJ Evaluator) ประเมินการทำหน้าที่ของ RJ รับผิดชอบ การประชุมและชี้แจ้ง แนะนำการทำหน้าที่ของ RJ ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น ฯลฯ และข้อ 35 ผู้สังเกตการณ์การแข่งขัน (Observer) คือการให้คะแนนของผู้ตัดสิน ประเมินความสามารถของ RJ คณะกรรมการพิจารณาการประท้วง เป็นต้น
รวมทั้งแนวปฏิบัติหน้าที่ ผู้ชี้ขาดบนเวที และการตัดสิน การให้คะแนน ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลง อย่างมาก ถ้าหาก RJ มวยสากล ไม่ติดตามหรือปรับสภาพของตนเอง ก็จะไม่ทราบการเปลี่ยนแปลงเลย
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 โดยเฉพาะมวยสากล ยังคงใช้กติกามวยสากล ของ AIBA อยู่ แต่อยู่ในความรับผิดชอบของ คณะกรรมการจัดการแข่งขันมวยสากลพิเศษ ของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล IOC Boxing Task Force
ได้กำหนดให้มีการคัดเลือกมวยสากล ทั้งหมด 5 ทวีป 4 ประเทศ
1.ทวีปเอเซียและโอเชเนีย แข่งขันที่ ประเทศจอร์แดน 3-10 มีนาคม 2563
2.ทวีปแอฟริกา แข่งขันที่ ประเทศเซเนกัล 20-29 กุมภาพันธ์ 2563
3.ทวีปยุโรป แข่งขันที่ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ 13-18 มี.ค. 63 ซึ่งแข่งได้เพียง 3 วัน แล้วยกเลิกเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 กำหนดแข่งต่อ แต่เปลี่ยนสถานที่ เป็นที่ กรุงปารีส ฝรั่งเศส 4-8 มิถุนายน 2564
4.ทวีปอเมริกา แข่งขันที่ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา 8-16 พค 2564
ทั้งนี้ รศ.ดร.ไพบูลย์ ศรีชัยสวัสดิ์ ได้ผ่านการทำหน้าที่ ผู้ชี้ขาด/ผู้ตัดสิน กีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 27 ที่ซิดนีย์ ปี 2000 โดย มีวิจารณ์ พลฤทธิ์ ได้เหรียญทอง และทำหน้าที่ (อาร์/เจ) มวยสากลชิงแชมป์โลก ที่สหรัฐ รวมถึงเป็นอดีตรองเลขาธิการ สมาคมมวยฯ สมัย “บิ๊กเหวียง” พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร เป็นนายกสมาคมฯ คาบเกี่ยวมาถึงสมัยที่ “บิ๊กเภา” พล.อ.สำเภา เป็นนายกสมาคมฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
ซีอิ๊วขาว-น้ำปลา-เกลือ ความเค็ม 3 อย่างต่างปริมาณโซเดียม
การดำรงชีวิตอยู่โดยปราศจากโรคภัยเป็นลาภอันประเสริฐ สุขภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรตระหนัก ปัจจุบันหลายคนหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องอาหาร เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าหากรับประทานอาหารดี มีประโยชน์ ถูกสุขอนามัยย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารหนึ่งในนั้นคือ การรับประทานซีอิ๊วขาวดีกว่าน้ำปลา จริงหรือไม่
คำตอบคือ…ไม่จริง
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียม 960 – 1,420 มิลลิกรัม
- นํ้าปลา 1 ช้อนโต๊ะ มีโซเดียม 1,160 – 1,420 มิลลิกรัม
- เกลือ 1 ช้อนชา มีโซเดียม 2,000 มิลลิกรัม
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ทั้งซีอิ๊วขาว และน้ำปลามีปริมาณเกลือโซเดียมใกล้เคียงกันความปลอดภัยไม่ต่างกัน
ดังนั้น สามารถเลือกรับประทานซีอิ๊วขาว และน้ำปลาได้ไม่ต่างกัน ที่สำคัญคือระวังการรับประทานซีอิ๊วขาว น้ำปลา และเกลือบริโภครวมกันไม่ให้ปริมาณโซเดียมเกิน 2,000 มิลลิกรัม/วัน และแนะนำให้อ่านฉลากเพื่อพิจารณาปริมาณโซเดียมที่จะได้รับก่อนรับประทาน เพราะหากได้รับโซเดียมมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการกระหายน้ำ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง และโรคไตได้ นอกจากนี้ ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนซื้อทุกครั้ง โดยสังเกตเครื่องหมาย อย. บนฉลาก
ข้อมูลโดย รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ นายกสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยและประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม เผยว่า ประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะลดปริมาณการบริโภคโซเดียมลงให้ได้ร้อยละ 30 ภายในปี พ.ศ. 2568 เพื่อลดโรคความดันโลหิตสูง และภาวะแทรกซ้อน แต่เนื่องจากข้อมูลการบริโภคโซเดียมในประชากรไทยนั้นมีจำกัดจึงทำให้เกิดงานวิจัย ชื่อ Estimated dietary sodium intake in Thailand: A nation-wide population survey with 24-hour urine collections (J Clin Hypertens. 2021;00:1–11.)
โดยงานวิจัยชิ้นนี้ได้รับความร่วมมือกันระหว่างเครือข่ายลดบริโภคเค็ม สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะสาธารณสุขในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์การอนามัยโลก(WHO) ได้นำไปตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Clinical Hypertension โดยเก็บข้อมูลการบริโภคโซเดียมในประชากรไทยทั่วประเทศกว่า 2,388 คน ด้วยวิธีการตรวจเก็บปัสสาวะ 24 ชั่วโมง นำมาวิเคราะห์ปริมาณโซเดียมทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งเป็นวิธีการที่น่าเชื่อถือและแม่นยำที่สุดในขณะนี้
โดยตัวเลขที่ได้จากห้องปฏิบัติการจะถูกคำนวณรวมกับปริมาณโซเดียมที่ขับออกทางอื่นนอกเหนือจากปัสสาวะอีกร้อยละ 10 โดยงานวิจัยชิ้นนี้ มีกลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครที่ได้เก็บข้อมูลได้อย่างครบถ้วนและผ่านเกณฑ์การเข้าร่วมวิจัยทั้งหมด 1,599 คน โดยมีอายุเฉลี่ย 43 ปี เป็นเพศหญิงร้อยละ 53 และมีภาวะความดันโลหิตสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 30 โดยค่าปริมาณการบริโภคโซเดียมเฉลี่ยประชาชนไทยเท่ากับ 3,636 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเท่ากับเกลือถึง 1.8 ช้อนชา ซึ่งผลการวิจัยพบปริมาณการบริโภคโซเดียมเฉลี่ยสูงที่สุดในประชากรภาคใต้จำนวน 4,108 มก./วัน รองลงมาคือภาคกลาง จำนวน 3,760 มก./วัน, ภาคเหนือจำนวน 3,563 มก./วัน, กรุงเทพมหานครจำนวน 3,496 มก./วันและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน 3,316 มก./วัน ตามลำดับ
วิธีการลดการบริโภคโซเดียมในชีวิตประจำวันได้อย่างไร
1. ชิมอาหารก่อนปรุงทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการเติมเครื่องปรุงรสเค็มเพิ่ม เช่น น้ำปลา ซีอิ้วขาว เกลือ ซอสต่าง ๆ
2. เลือกรับประทานอาหารสด หรืออาหารที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด
3. ปรุงอาหารด้วยตนเอง ควรลดปริมาณเครื่องปรุงรสในอาหาร เช่น น้ำปลา ซอสปรุงรส ซีอิ้ว น้ำมันหอย ผงชูรส และควรตวงก่อนปรุงรสทุกครั้ง
4. ลดใช้เครื่องปรุงในอาหาร เช่น ผงปรุงรส น้ำปลา เกลือ ซีอิ้ว ซอสปรุงรส เต้าเจี้ยว
5. อ่านฉลากโภชนาการทุกครั้ง เลือกอาหารที่มีโซเดียมน้อยที่สุด
6. หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
7. ใช้รสชาติอื่นทดแทน เช่น รสเปรี้ยว และรสเผ็ด
8. ใช้สมุนไพรเป็นเครื่องเทศ แต่งกลิ่นหอมของอาหาร
9. ระวังเกลือที่ซ่อนอยู่ในอาหาร อย่างเช่น ผงฟู ผงปรุงรส ผงชูรส
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
คำว่า “be” ก็มีความหมายนะ
หลายคนมักจะได้ยินคำว่า Verb to be (หรือ V. to be อย่างที่ครูเรียกสั้นๆ) และก็มักจะนึกไปถึง โดยนึกว่ามันเป็น Base form หรือกริยาช่องที่ 1 ซึ่งก็ถือว่าไม่ผิด
….แต่ที่จริงแล้ว Base form ของ V. to be ก็คือคำว่า ‘be’ ธรรมดาๆ นั่นเอง ส่วนคำว่า is/am/are เป็นเพียงคำที่แตกย่อยออกมา
ทั้งนี้ หลายคนคงรู้สึกสับสนว่า คำว่า ‘be’ หมายถึงอะไร แล้วนำไปใช้ในประโยคต่างๆอย่างไร ?
หลักการใช้คำว่า ‘be’ มีง่ายๆ ดังนี้ครับ
1) ใช้ตามหลัง Modal Verb เช่น will, would, can, could, may, might, must, should เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น
We should be hardworking.
They will be meeting.
(โปรดสังเกตดีๆว่า เราจะใช้ V. แท้ในรูปแบบปกติ ตามหลัง V. to be หรือ คำว่า ‘be’ ไม่ได้นะครับ)
2) ใช้นำหน้าคำนาม
ตัวอย่างเช่น
Be a gentleman! หรือ
Be a man!
3) ใช้ตามหลังคำว่า to ในฐานะ V. to be
ตัวอย่างเช่น
ถ้าเราจะบอกว่า “ฉันอยากเป็นหมอ”
ก็ต้องพูดหรือเขียนว่า…
I want to be a doctor. (แบบนี้ถูก)
I want to am a doctor. (แบบนี้ผิด)
4) ใช้นำหน้าคำขยายนาม Adj. (เพื่อบ่งบอกลักษณะของกริยาที่ต้องการให้ผู้อื่นทำ)
Be careful! หรือ
You must be kind to those children.
(เราจะไม่พูดหรือเขียนว่า Be carefully หรือ You must be kindly…)
ทั้งนี้ หากเติม -ing เข้าไป เป็นคำว่า ‘being’ ในลักษณะนี้ being ก็ถือว่าเป็น V. to be รูปแบบหนึ่ง ใช้ในความหมายว่า ‘การเป็น/การอยู่’ โดยเอาไว้ตามหลัง Prep. หรือคำสันธาน
ตัวอย่างเช่น
We’re talking about being a good mother.
Being in my position isn’t funny.
คำถามทดสอบ:
1) ข้อใดใช้ be ได้ถูกต้อง
a. He should be a teacher.
b. He could be a teacher.
c. He will be a teacher.
d. ถูกทุกข้อ
2) ข้อใดเขียนถูกต้อง
a. He should be going
b. He should go.
c. He should be go.
d. ถูกทั้ง a. และ b.
3) ข้อใดเขียนถูกต้อง
a. I want to be rich.
b. I can be rich.
c. Be rich!
d. ถูกทุกข้อ
เฉลย
1. (ข้อ d.) เพราะ be สามารถใช้ตามหลัง Modal Verb เช่น will, would, can, could, may, might, must, should ฯลฯ
2. (ข้อ d.) ส่วนข้อ c. ผิด เพราะจะใช้ V. แท้ตามหลัง V. to be ไม่ได้ครับ
3. (ข้อ d.) เพราะคำว่า rich เป็น Adj. จึงใช้ตามหลัง be ได้ในทุกประโยคหรือวลี
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
นวัตกรรมเพื่อสังคมแอพ “แคร์คุณ” ต้นแบบโลจิสติกส์ผู้สูงอายุ
แอพพลิเคชัน “แคร์คุณ” Carekoon Mobility Platform เป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับการสนับสนุนทุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ร่วมกับหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม ประจำพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 1 มหาวิทยาลัยนเรศวร กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, เทศบาลนครพิษณุโลก และศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นำเสนอโดยบริษัทโซลาร์วัตต์111 จำกัด เพื่อให้ผู้ประกอบการ สามารถนำนวัตกรรมไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับชุมชน เกิดเป็นต้นแบบโมเดลธุรกิจโลจิสติกส์ ประหยัดพลังงานและลดปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสร้างกลุ่มธุรกิจสินค้าบริการสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ (Smart Mobility for Longevity Economy) ให้ผู้สูงอายุมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพในยุควิถีชีวิตปกติใหม่จากโรคระบาดโควิด-19
ภญ.กรรณิการ์ จรัสอุไรสิน ประธานกรรมการบริษัทโซลาร์วัตต์ 111 จำกัด และหัวหน้าโครงการแอพพลิเคชันแคร์คุณ กล่าวว่า “ปัจจุบันผู้สูงอายุไทยเรามีสัดส่วนประมาณร้อยละ 16 คาดการณ์ว่าสัดส่วนจะสูงขึ้นถึงร้อยละ 30 ในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งใกล้เคียงกับสังคมญี่ปุ่นในวันนี้ อีกทั้งยังพบว่าผู้สูงอายุอยู่ตามลำพัง ประสบปัญหาในการเดินทางเพื่อใช้ชีวิตประจำวัน หรือยามเจ็บป่วยต้องพบแพทย์เพื่อรับยาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงได้พัฒนาแอพพลิเคชันแคร์คุณ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในการเดินทางคมนาคมในยุคดิจิตอล และที่สำคัญในช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ก็ยังสามารถเข้าถึงการบริการสาธารณสุขผ่านปลายนิ้วบนแคร์คุณได้ อาทิ แพทย์ เภสัชกร นักกายภาพบำบัด ผู้ดูแลผู้สูงอายุ”
ขณะที่ผศ.ดร. อนันต์ชัย อยู่แก้ว หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่า “นอกจากรถไฟฟ้าแล้ว แอพพลิเคชันแคร์คุณซึ่งเป็นของคนไทย ถือว่ามาเติมเต็มในโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) รองรับการขยายตัวของความเป็นเมืองภายในจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดอื่นๆ เพิ่มความสะดวกและทางเลือกมากยิ่งขึ้น จุดเด่นของแคร์คุณคือสามารถออกแบบตอบโจทย์การเดินทางได้หลากหลาย มีทั้งประเภทรถโดยสารส่วนบุคคล (On-demand), ประเภทรถประจำเส้นทาง(Route) และประเภทบริการวิ่งรับส่งสินค้าอาหารจากร้านค้าไปยังบ้านลูกค้าปลายทาง, สามารถประยุกต์ใช้เป็นบริการอื่นๆ ตามความต้องการของผู้ให้บริการได้ เช่น รถบัสอีวีรับส่งภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร, รถเร่ขายกับข้าว, รถสำหรับผู้พิการ, Car sharing, รถนำเที่ยว,รถแพทย์ฉุกเฉินเคลื่อนที่, สามารถเพิ่มรายได้ให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นและระดับประเทศได้”
ด้าน ผศ.ดร.ดลเดช ตั้งตระการพงษ์ หัวหน้าหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม กล่าวว่า “โครงการแอพพลิเคชันแคร์คุณ ที่ได้บูรณาการแพลตฟอร์มเรื่องคมนาคมขนส่ง รวมเข้ากับการบริการสาธารณสุข สามารถตอบโจทย์ Pain Point ผู้สูงอายุ หรือ ผู้พิการ รวมทั้งคนทั่วไปที่มีข้อจำกัดในการเดินทางสัญจร ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 อีกทั้งยังสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ รถรับจ้าง หรือร้านจำหน่ายสินค้า อาหาร เวชภัณฑ์ บนแคร์คุณให้มีรายได้เพิ่มขึ้นได้”
แอพพลิเคชันแคร์คุณ ยังมีส่วนสนับสนุนระบบการขนส่งสาธารณะภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการอย่างสูงสุด โดยได้ร่วมกันพัฒนาและทดสอบการเชื่อมระบบการดูตำแหน่ง GPS ของรถไฟฟ้าประจำทาง
แอพพลิเคชันแคร์คุณ นอกจากมีบริการรถรับส่งหลากหลายประเภทแล้ว ยังมีการให้บริการปรึกษาสุขภาพออนไลน์จากทีมแพทย์ เภสัชกร พยาบาล นักกายภาพบำบัด อาทิ หมอรู้จักคุณของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร,Health Dome บริการ Telemedicine, ร้านขายยาเคเจฟาร์มาซี, กนกคลินิกกายภาพ บำบัด, คุยเรื่องสมุนไพรกับ อ.มยุรี ตั้งเกียรติกำจาย, บ้านพักฟื้นผู้สูงอายุสายใยสัมพันธ์เนอสซิ่งโฮม และแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์สายสุขภาพ Health Academy รวมทั้งร้านอาหาร บ้านฉัน 4 ภาค
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ยี่โถ พิษ และสรรพคุณที่ไม่ควรมองข้าม
ยี่โถ (Oleander) จัดเป็นไม้ประดับดอกที่นิยมปลูกตามหน้าบ้าน เนื่องจาก ลำต้นไม่สูงมาก กิ่งออกน้อย แต่ให้ช่อดอกดก แต่ละช่อมีดอกจำนวนมาก ดอกมีขนาดใหญ่ และมีสีสันสวยงาม อาทิ สีชมพู สีขาว สีแดง และสีผสมของทั้ง 3 สี นอกจากนั้น คนทั่วไปยังนิยมใช้ลำต้น และใบสำหรับกำจัดหนูหรือแมลงได้อีกด้วย
• วงศ์ : Apocynaceae
• ชื่อสามัญ :
– Oleander
– Fragrant oleander
– Sweet Oleander
– Rose Bay
• ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nerium oleander L.
• ชื่อท้องถิ่น :
ภาคกลาง
– ยี่โถ
– ยี่โถดอกขาว
– ยี่โถดอกแดง
ภาคเหนือ
– อินโถ
• ถิ่นกำเนิด : ประเทศในแถบตะวันออกกลางถึงอินเดีย สันนิษฐานว่า ยี่โถน่าจะถูกนำเมล็ดเข้ามาปลูกในไทยครั้งแรกโดยพ่อค้าชาวจีน ในช่วงสมัยตอนต้นของกรุงรัตนโกสินธุ์
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น
ยี่โถ เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้นมีความสูงประมาณ 2-5 เมตร ลำต้นแตกกิ่งน้อยมาก ทำให้มีทรงพุ่มโปร่ง กิ่งมีลักษณะยาว ตั้งตรงขึ้น ลำต้น และกิ่งมีขนาดเล็ก ขนาดประมาณ 1.5-5 เซนติเมตร และอาจใหญ่กว่านี้ แต่พบน้อยมาก เปลือกลำต้นมีสีน้ำตาล สามารถลอกออกเป็นเส้นได้ ส่วนเนื้อไม้เป็นไม้เนื้ออ่อน เปราะหักง่าย หากใช้มีดกรีดจะมียางสีขาวคล้ายน้ำนมไหลออกมา
ใบ
ยี่โถเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ ใบแตกออกเดี่ยวๆ ใบมีลักษณะรียาว คล้ายหอก โคนใบและปลายใบสอบแหลม แผ่นและขอบใบเรียบ แผ่นใบหนา และหยาบแข็ง มีสีเขียว ขอบใบเรียบหนาแข็ง ใบอ่อนมีสีเขียวอ่อน ใบแก่มีสีเขียวเข้มอมเทาเล็กน้อย ขนาดใบกว้างสุดประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร แผ่นใบมีเส้นกลางใบสีเขียวอมขาวชัดเจน
ดอก
ดอกยี่โถแทงออกเป็นช่อตรงส่วนปลายของกิ่ง ประกอบด้วยก้านช่อหลัก และก้านช่อย่อย จำนวนก้านช่อย่อยในแต่ละกิ่งประมาณ 2-10 ก้าน แต่ละก้านช่อย่อยมีดอกประมาณ 2-6 ดอก รวมแล้วกิ่งหนึ่งจะมีดอกประมาณ 4-60 ดอก
ตัวดอกมีก้านดอกสั้น มีฐานดอกเป็นรูปกรวยสีสมพูหรือแดงเรื่อ ซึ่งจะเข้มมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสีดอก ถัดมาเป็นกลีบดอก ซึ่งขณะเป็นดอกตูมจะมีรูปร่างเป็นกรวย เมื่อบานจะแผ่กลีบกางออก โดยมีกลีบดอก 5 กลีบ แผ่นกลีบ และขอบกลีบเรียบ โคนกลีบสอบเข้าเล็กน้อย ปลายกลีบขยายออก และปลายมน กลีบทั้ง 5 โค้งงอตามเข็มนาฬิกา แลดูคล้ายใบพัดเรือ ส่วนสีกลีบดอกมีหลายสีอาทิ สีแดง สีขาว สีขาวอมชมพู สีชมพูอมแดง ซึ่งเชื่อว่ามีการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างสีแดง และสีขาว จนเกิดสีดอกผสมตามมา ถัดมาด้านในดอกจะเป็นเกสรตัวผู้มีมีก้านเกสรเป็นแผ่นสีเดียวกับสีกลีบดอกเรียงล้อมเกสรตัวเมีย และรังไข่
ผล
ผลยี่โถ มีลักษณะคล้ายฝักถั่วเขียว มีลักษณะทรงกลม และรียาว ผลดิบมีสีเขียว ผลแผ่มีสีน้ำตาล และเมื่อแก่จัดจะปริแตกออกเป็น 2 ซีก ภายในผลมีเมล็ดทรงกลมสีน้ำตาลอมดำจำนวนมาก แต่ละเมล็ดมีขนหรือเรียกว่าปีกสำหรับพยุงเมล็ดให้ลอยตามลมได้
ประโยชน์ยี่โถ
1. ยี่โถนิยมปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับดอกเป็นสำคัญ เนื่องจาก ต้นมีกิ่งน้อย แต่แตกดอกเป็นช่อจำนวนมาก แต่ละช่อมีดอกขนาดใหญ่ ดอกมีสีสดสวยงามหลายสี ทำให้เวลาออกดอกจะแลดูเด่น และสวยงามมาก นอกจากนั้น ยามดอกบานจะส่งกลิ่นหอมอ่อนรอบลำต้น
2. ดอกใช้ต้มย้อมผ้า ให้เนื้อผ้าสีแดงหรือชมพู รวมถึงนำน้ำคั้นผสมทำกระดาษสาที่ให้สีกระดาษมีสีฉูดฉาดมากขึ้น อีกทั้ง ผ้าหรือกระดาษที่ถูกย้อมจะคงทนได้นาน ไม่มีหนูหรือแมลงมากัดแทะได้
– นำมัดยี่โถวางไว้ตามซอกมุมภายในบ้านเพื่อฆ่าหนู แมลงสาบ หรือแมลงอื่นๆ
– นำมัดยี่โถวางไว้ในยุ้งฉาง เพื่อฆ่าหรือป้องกันหนู และแมลงเข้ามากัดแทะทำลายข้าว
4. น้ำต้มทุกส่วนใช้ผสมข้าว สำหรับกำจัดหนู นก หรือแมลงตามทุ่งนา
พิษ และสรรพคุณยี่โถ
ทุกส่วนของยี่โถ ไม่นิยมใช้ทำยา เพราะมีสารพิษโดยเฉพาะลำต้น และใบ มีน้ำยางสีขาวที่ประกอบด้วยสารพิษในกลุ่ม cardiac glycosides ที่ออกฤทธิ์ต่อการทำงานของหัวใจ และระบบประสาท เมื่อรับประทานจะทำให้ มีอาการปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน สายตาพร่ามัว มองไม่ชัดเจน หูอื้ออึง กล้ามเนื้อหัวใจทำงานผิดปกติ หัวใจเต้นช้าลง ชีพจรต่ำ กล้ามเนื้อหัวใจไม่บีบตัว หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตได้ง่าย
ในตำรายาไทยโบราณ มีกล่าวถึงการใช้ยี่โถเป็นยาสมุนไพร แต่ยังไม่เด่นชัดถึงปริมาณการใช้นัก เพียงแต่กล่าวถึงให้ใช้ในปริมาณน้อย หากใช้มากอาจทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งยี่โถมีสรรพคุณในด้านต่าง ได้แก่
ราก
– รักษากลากเกลื้อน
เปลือก และลำต้น
– แก้โรคเรื้อน
– แก้แผลพุพอง
ใบ
– ช่วยบำรุงหัวใจ
ดอก
– บำรุงหัวใจ
– กระตุ้นการเต้นของชีพ
– แก้อาการปวดศีรษะ
ผล และเมล็ด
– ช่วยขับปัสสาวะ
– บำรุงหัวใจ
เพิ่มเติมจาก : 1)
การใช้ยี่โถสำหรับยาภายนอก อาจเกิดประโยชน์ในทางยา ได้แก่
– ใบนำมาขยำหรือบดสำหรับทาพอกรักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน หรือโรคเชื้อราต่างๆ
– ใบนำมาต้มอาบสำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ช่วยป้องกัน และรักษาโรคผิวหนัง
ทั้งนี้ หากต้องการใช้ยี่โถสำหรับการดื่มหรือรับประทานเพื่อสรรพคุณทางยานั้น จะต้องหลีกเลี่ยงการใช้ในปริมาณมากโดยเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ แต่หากไม่มั่นใจ ให้หลีกเลี่ยงการใช้จะดีที่สุด
การปลูกยี่โถ
ยี่โถสามารถปลกขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือ การตอนกิ่ง และปักชำกิ่ง แต่ส่วนมากนิยมใช้การเพาะเมล็ดเป็นหลัก เพราะสามารถให้ต้นที่แตกกอได้ใหญ่ แตกกิ่งจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ได้ช่อดอกมาก และลำต้นมีอายุยาวนานหลายปี ส่วนการตอน และการปักชำ มีข้อดีที่สามารถให้ดอกได้หลังการปลูก และลำต้นเตี้ย แต่มีข้อเสีย คือ ต้นแตกกิ่งน้อย และมีอายุเพียงไม่กี่ปีก็ตายไป
หลังการปลูกยี่โถแล้วประมาณ 1 ปี ควรตัดแต่งกิ่ง โดยให้ตัดทุกกิ่ง รวมถึงกิ่งหลักของลำต้น เพื่อให้ลำต้นแตกกิ่งเพิ่มขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก puechkaset.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 24,850.00 | 24,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,610.00 | 24,407.60 | 25,450.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,449.00 | 21,966.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,288.00 | 19,526.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 725.00 | 10,991.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 564.00 | 8,550.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,668.00 | 25,286.88 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/03/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 26.65 | 26.65 | 26.85 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 | 26.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 26.38 | 26.38 | 26.58 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 | 26.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 25.14 | 25.14 | 25.34 | 25.14 | 25.14 | – | 25.14 | 25.14 | 25.14 | 25.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.94 | 20.94 | – | – | – | – | – | – | – | 20.94 |
เบนซิน 95 | 34.06 | – | – | – | 34.51 | – | 34.56 | 34.06 | – | 34.06 |
ดีเซล B7 | 27.19 | 27.19 | 27.59 | 27.19 | 27.19 | 27.19 | 27.19 | 27.19 | 27.19 | 27.19 |
ดีเซล | 24.19 | 24.19 | 24.59 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 |
ดีเซล B20 | 23.94 | 23.94 | 24.54 | – | 23.94 | – | 23.94 | 23.94 | – | 23.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 31.64 | 31.76 | 34.04 | 33.04 | – | – | – | – | – | 31.64 |
แก๊ส NGV | 13.35 | 13.35 | – | – | – | – | – | – | – | 13.35 |