ALLY เคอี กรุ๊ป ขยายพอร์ตคอมมูนิตี้มอลล์ ดันมูลค่าใหญ่สุดในประเทศ
กองทรัสต์ ALLY เคอี กรุ๊ป เข้าลงทุนเพิ่ม โครงการคอมมูนิตี้มอลล์ “เดอะคริสตัล ชัยพฤกษ์” และ “กาดฝรั่ง วิลเลจ” มูลค่ารวม 670 ล้านบาท เดินหน้าสร้างพอร์ตคอมมูนิตี้มอลล์ใหญ่สุด 1.3 หมื่นล้าน ด้าน“กวินทร์” มั่นใจสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์
นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.อี.รีท แมเนจเมนท์ จำกัด (ในเครือ เคอี กรุ๊ป) ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์อัลไล (ALLY) เปิดเผยผลการประชุมสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ ประจำปี 2564 ว่าที่ประชุมมีมติอนุมัติการเข้าลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติมในโครงการเดอะคริสตัล ชัยพฤกษ์ มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 280 ล้านบาท และรับทราบการเข้าลงทุนในโครงการกาดฝรั่ง วิลเลจ มูลค่าลงทุนไม่เกิน 390 ล้านบาท ซึ่งเข้าลงทุนแล้วเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
โดยหลังจากเข้าลงทุนเพิ่มเติม 2 โครงการนี้แล้ว ALLY จะกลายเป็นเจ้าของพอร์ตศูนย์การค้าประเภทคอมมูนิตี้มอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ วัดจากมูลค่าทรัพย์สินรวมที่ประมาณ 13,000 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งหมด 12 โครงการ และพื้นที่ขายกว่า 156,000 ตารางเมตร
นายกวินทร์ กล่าวว่า เรายังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโตและหาโอกาสในการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการต่างๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ โครงการเดอะคริสตัล ชัยพฤกษ์ และโครงการกาดฝรั่ง วิลเลจ ทำให้เราได้ขยายไปยังทำเลใหม่ที่มีศักยภาพ ย่านชัยพฤกษ์ในจังหวัดนนทบุรี และอำเภอหางดงในจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ทั้ง 2 โครงการมีการเติบโตด้านอัตราการเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่องจน ณ ปัจจุบันที่ 85% และ 88% ซึ่งถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่มีโรคระบาด COVID-19 ก็ยังรักษาผู้เช่าได้ดี และสามารถเพิ่มร้านค้าใหม่ๆ เข้ามาได้อีกด้วย ที่ปรึกษาการเงินอิสระได้ประเมินว่า กองทรัสต์ ALLY จะมี EBITDA เพิ่มขึ้น 2.9% ในปีแรก หลังจากการเข้าลงทุนใน 2 โครงการนี้
นอกเหนือจากนี้แล้ว กองทรัสต์ ALLY ยังมีแผนที่จะขยายพอร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำกัดการลงทุนเพียงทรัพย์สินประเภทศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์เท่านั้น แต่เล็งหาโครงการออฟฟิศ ตลาด โกดัง และพื้นที่พาณิชย์อื่นๆ ที่มีศักยภาพ และสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยตอนนี้ได้รับความสนใจจากเจ้าของทรัพย์สินที่อยากนำโครงการของตนเองเข้ามาระดมทุนผ่านกองทรัสต์นี้
“จุดแข็งของ ALLY เมื่อเทียบกับกองทรัสต์อื่น คือการที่มีทีมผู้บริหารโครงการในเครือ (Property Manager) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแพลตฟอร์มระดับสากล ซึ่งนำมาใช้ในการบริหารงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน โดยที่ผ่านมา 4 โครงการ ก็สามารถเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายหลังจากที่ ALLY ได้เข้าไปลงทุนแล้ว” นายกวินทร์กล่าว
สำหรับผลดำเนินงานปี 2563 กองทรัสต์ ALLY มีรายได้ทั้งหมด 1,132.52 ล้านบาท กำไรจากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 434.43 ล้านบาท และมีอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 0.4350 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ประมาณ 7.3% (อ้างอิงราคาตลาด ณ สิ้นปี 2563) ซึ่งสูงกว่ากองทรัสต์อื่นๆที่ลงทุนในทรัพย์สินประเภทศูนย์การค้า
ขอบคุณข้อมูลจาก.thansettakij.com
เมเจอร์ ฯ เคาะทางออกธุรกิจ เมื่อโควิดเปลี่ยนผู้บริโภค
“เปิดมุมมอง “เพชรลดา พูลวรลักษณ์” แม่ทัพหญิงแห่งเมเจอร์ ฯ ต่อโควิด-19 ระลอก 3 ทางออกเมื่อธุรกิจและผู้บริโภคต้องเผชิญกับ “New Abnormal” อีกครั้ง”
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและยากที่จะควบคุม จำนวนผู้ติดเชื้อในแต่ละวันมีอัตราสูง นำมาสู่การประกาศปรับระดับพื้นที่ควบคุมเป็น 3 ระดับ ได้แก่ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม), พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) และพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) พร้อมประกาศใช้มาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่น การขอความร่วมมือทุกหน่วยงาน Work From Home อย่างน้อย 14 วัน พร้อมทั้งการควบคุมกิจกรรม เวลาเปิด-ปิดสถานที่ต่างๆ อย่างเข้มข้น
สถานการณ์ดังกล่าว นับเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ของการดำเนินธุรกิจของทุกภาคอุตสาหกรรม รวมถึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของผู้บริหารหญิงแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์อย่าง เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
มุมมองของเพชรลดา เห็นว่า สถานการณ์ดังกล่าว กำลังนำพาทุกคนที่กำลังก้าวเข้าสู่ภาวะปกติใหม่ หรือ New Normal ย้อนกลับไปสู่ “ภาวะผิดปกติใหม่” หรือ New Abnormal อีกครั้ง คล้ายคลึงกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อช่วง ไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เพิ่งเกิดการระบาดระลอกใหม่
ภาวะผิดปกติดังกล่าว สร้างความผิดปกติต่อชีวิตของผู้บริโภคหลากหลายด้าน อาทิ Abnormal Travelling ปริมาณการเดินทางและความสามารถในการเดินทางผิดปกติ Abnormal Insecurity ความรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัยทั้งด้านสุขภาพและด้านเศรษฐกิจที่มากกว่าปกติ และส่วนที่กระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คือ Abnormal Credit ความน่าเชื่อถือของผู้บริโภคบางกลุ่มต่อสถาบันการเงินที่ลดลงอย่างผิดปกติ จากเดิมผู้บริโภคในบางเซ็กเตอร์ เช่น กลุ่มเซ็กเตอร์ท่องเที่ยว จากเดิมที่เคยได้รับเครดิตที่ดีจากสถาบันการเงิน แต่ปัจจุบันอาจจะกลายเป็นกลุ่มที่แม้อยากกู้ซื้ออสังหาฯ แต่ก็อาจกู้ไม่ผ่านก็ได้
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เองก็ต้องเผชิญกับความหลากหลายของ New Abnormal ได้แก่
1. Abnormal Price War สงครามราคาที่รุนแรงกว่าปกติจากการแข่งขันชิงกำลังซื้อในช่วงที่เศรษฐกิจได้รับแรงกดดัน
2. Abnormal Trust Rate ระดับความไว้วางใจของผู้บริโภคต่อแบรนด์ที่ลดลงจากช่วงปกติ
3. Abnormal Growth Rate อัตราการเติบโตและความสามารถการเติบโตในหลายเซ็กเตอร์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยยะสำคัญ และอาจเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องไปอีกสักพักใหญ่
“ที่ผ่านมา ภาคอสังหาริมทรัพย์ต่างพยายามมองหาฟังก์ชันใหม่ๆ มาตอบโจทย์ New Normal เพื่อให้สอดคล้องพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคต แต่ในวันนี้ผู้ประกอบการมีโจทย์ที่ท้าทายและเร่งด่วนกว่ารออยู่ตรงหน้า นั่นคือการหาทางให้ New Abnormal ที่ย้อนกลับมาอยู่กับเราสั้นที่สุด ทั้งในภาคธุรกิจและกลุ่มผู้บริโภคให้รอดพ้นจากวิกฤตที่เกิดจากความผิดปกติครั้งนี้” เพชรลดา กล่าวย้ำ
เพชรลดา ประเมินว่า สถานการณ์ New Abnormal จะสั้นหรือยาวนั้น ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับภาครัฐว่าสามารถกระจายการฉีดวัคซีนว่าได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และมีประสิทธิภาพเพียงใด มีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนให้กับทุกภาคส่วน ขณะที่อีกส่วนหนึ่งขึ้นกับภาคธุรกิจ ว่าจะสามารถปรับตัวและช่วยผู้บริโภคได้มากเพียงใด เพราะ Key Success ในเวลานี้ คือการปรับตัวอย่างรวดเร็วและการรอดไปด้วยกัน
สำหรับแนวทางของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ในการทลาย New Abnormal จะมีทั้งมาตรการเพื่อผู้บริโภคที่เป็นลูกบ้านเมเจอร์ฯ และมาตรการเพื่อผู้บริโภคที่ยังมีความสนใจซื้อโครงการ ซึ่งครอบคลุมทั้งในแง่การดูแลสุขภาพและความปลอดภัย รวมไปถึงการจัดหามาตรการที่เกี่ยวข้องกับการเงินและสินเชื่อให้กับลูกค้า
โดยมีมาตรการบางส่วนที่เริ่มดำเนินการแล้ว เช่น การลดความเสี่ยงในการเดินทางไปโรงพยาบาลให้กับลูกบ้าน ผ่านการจับมือกับ Doctor Anywhere บริษัทเทคโนโลยีด้านสุขภาพ (HealthTech) จากสิงคโปร์ ในการอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพต่างๆ โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านโควิด-19 จากแพทย์เครือข่ายโรงพยาบาลพันธมิตรชั้นนำ ผ่านระบบ Online Video Consultation พร้อมมอบส่วนลดสูงสุด 20% และเปิดให้ลูกบ้านแต่ละโครงการลงทะเบียนขอรับบริการตรวจโควิด-19 ถึงที่คอนโดในราคาพิเศษ สะดวก ปลอดภัย ไม่เสี่ยง
รวมถึงการจับมือร่วมกับโรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ (ซอยศูนย์วิจัย) มอบส่วนลดพิเศษสูงสุด 62% สำหรับแพ็กเกจตรวจสุขภาพตามช่วงอายุ ทั้งแพ็กเกจ Advanced Check-up และ Executive Male & Female Check up นอกจากนี้ยังร่วมกับ BDMS Wellness Clinic ซึ่งเป็นคลินิกในเครือฯ โรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งเป็นศูนย์การดูแลสุขภาพที่เน้นวิธีการป้องกันแทนที่การรักษา มอบส่วนลดพิเศษสูงสุด 52% สำหรับโปรแกรมการตรวจวิเคราะห์ต่างๆ อย่างครบวงจร อาทิ Regenerative Wellness Clinic, Fertility and Woman Wellness Clinic ซึ่งเอกสิทธิ์ทั้งหมดนี้เป็นสิทธิพิเศษสำหรับลูกบ้านเมเจอร์ฯ เท่านั้น
ขณะเดียวกัน ได้จัดเตรียมให้มี Major Private Tour สร้างความอุ่นใจแบบ Worry Free เมื่อเยี่ยมชมโครงการพร้อมอยู่ 9 โครงการโดยลงทะเบียนนัดหมายล่วงหน้า เพื่อเลือกชมแบบ Major Private Viewing เยี่ยมชมโครงการแบบเป็นส่วนตัว ไม่มีลูกค้าท่านอื่นเข้าชมในเวลาเดียวกัน หรือ Major Private Virtual Tour ชมโครงการแบบเรียลไทม์ผ่าน VDO Call พร้อมรับสิทธิพิเศษสูงสุด 200,000 บาท เมื่อซื้อโครงการเมเจอร์ฯ ราคาเริ่มต้นเพียง 2.99 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีการจัดเตรียมมาตรการที่เกี่ยวข้องกับด้านการเงินและสินเชื่อ “Major Home Financial Solutions” ที่อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรและสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณามาตรการที่เหมาะสมและตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุปัน คาดว่าน่าจะได้เห็นมาตรการในช่วงกลางเดือน พ.ค.นี้
ทั้งนี้ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จะยังคงเดินหน้าในการขยายธุรกิจของบริษัทเข้าสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ๆ อย่างธุรกิจ HealthScape และ Techscape เพื่อกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และก้าวเข้าสู่ธุรกิจที่จะสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในระยะยาว หลังจากทุกคนเริ่มก้าวผ่าน New Abnormal และก้าวเข้าสู่ New Normal กันอีกครั้ง
สำหรับ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซูรี มีธุรกิจหลักในเครืออยู่ 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย 2.กลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น ออฟฟิศและโรงแรม 3.กลุ่มธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ มีวิสัยทัศน์ในการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างโครงการระดับลักซูรีที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ธ.ก.ส. ขยายเวลารับทำประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2564
นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่ ธ.ก.ส. ได้เปิดโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2564 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการสร้างภูมิคุ้มกันและบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการผลิต โดยใช้การประกันภัย เป็นเครื่องมือในการบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น นั้น เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ระลอกใหม่ ซึ่งกระจายตัวอย่างรวดเร็ว ธ.ก.ส. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้หารือร่วมกัน และเห็นชอบในการขยายระยะเวลาในการขายกรมธรรม์โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2564 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2564 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ในกลุ่มที่ 1 พื้นที่ 42 จังหวัด ได้แก่ กําแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุทัยธานี นครพนม มหาสารคาม ร้อยเอ็ด สกลนคร หนองคาย อุดรธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ ยโสธร ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี อํานาจเจริญ ชัยนาท นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง สระแก้ว จันทบุรี ปราจีนบุรี ตราด นครนายก สมุทรปราการ นครปฐม สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี และกรุงเทพมหานคร
สำหรับจังหวัดอื่น ๆ ยังคงสิ้นสุดตามระยะเวลาเดิม ได้แก่ กลุ่มที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน แพร่ พะเยา แม่ฮ่องสอน ลําปาง ลําพูน อุตรดิตถ์ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น บึงกาฬ มุกดาหาร เลย หนองบัวลําภู และชัยภูมิ กลุ่มที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ได้แก่ จังหวัดตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ และกลุ่มที่ 4 พื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ได้แก่ กระบี่ ชุมพร พังงา ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สงขลา และสตูล
กรมธรรม์การประกันภัยข้าวนาปีในส่วนของการประกันภัยขั้นพื้นฐาน (Tier 1) อัตราค่าเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 55 บาทถึง 230 บาทต่อไร่ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ความเสี่ยง โดยรัฐบาลอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้ 58 บาทต่อไร่ และกรณีเป็นเกษตรกรลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อ ธ.ก.ส. ธนาคารจะจ่ายสมทบส่วนที่เหลือให้เต็มจำนวน ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับประกันภัยฟรี โดยให้ความคุ้มครองในกรณีเกิดภัยธรรมชาติ 7 ภัย ได้แก่ ภัยน้ำท่วม/ฝนตกหนัก ภัยแล้ง/ฝนแล้ง/ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ/พายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาว/น้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และช้างป่า วงเงินคุ้มครองจำนวน 1,260 บาทต่อไร่ และในกรณีเกิดภัยศัตรูพืช/โรคระบาด วงเงินคุ้มครอง 630 บาทต่อไร่ เป้าหมายการทำประกันภัยบนพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ 46 ล้านไร่ กรณีทำประกันภัยส่วนเพิ่ม (Tier 2) ค่าเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 24 บาทถึง 101 บาทต่อไร่ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ความเสี่ยง เมื่อเกิดภัยธรรมชาติจะได้รับวงเงินเพิ่มอีก 240 บาทต่อไร่ รวมเงินประกันภัยที่ได้รับ 1,500 บาทต่อไร่ และกรณีเกิดภัยศัตรูพืช โรคระบาด ได้รับวงเงินคุ้มครองเพิ่ม 120 บาทต่อไร่ รวมเงินประกันภัยที่ได้รับ 750 บาทต่อไร่
เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อ ธ.ก.ส. และเกษตรกรทั่วไปในพื้นที่เสี่ยงต่ำ จะได้รับสิทธิ์ประกันภัยฟรี ไม่ต้องมาติดต่อธนาคาร โดย ธ.ก.ส. จะดำเนินการให้ทั้งหมด ส่วนเกษตรกรทั่วไปที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงปานกลางและสูง สามารถซื้อประกันภัย ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน “BAAC INSURE” โดยเป็นการซื้อประกันภัยด้วยตนเองผ่านสมาร์ทโฟน ได้อย่างสะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งใช้ได้ทั้งระบบปฏิบัติ IOS และ Android หรือขอทำประกันภัยได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ เพียงนำบัตรประชาชนไปติดต่อก็สามารถทำประกันภัยได้ทันที ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.baac.or.th
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ซาริเยร์ เบเลดิเยสปอร์ ประกาศคว้าตัว “อัจฉราพร” ลูกยางสาวไทยร่วมทีม
“เพียว” อัจฉราพร คงยศ นักวอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย ตัดสินใจย้ายจาก “โลมาสีชมพู” สุพรีม ชลบุรี อีเทค ต้นสังกัดในศึกไทยลีก ไปเล่นให้กับ ซาริเยร์ เบเลดิเยสปอร์ สโมสรดังในลีกตุรกี เป็นที่เรียบร้อย
โดย ทีมดังจากตุรกีได้ประกาศคว้าตัว นักตบสาววัย 25 ปี ร่วมทัพอย่างเป็นทางการผ่านโลกออนไลน์ ด้วยข้อความ “เราได้บรรลุข้อตกลงในการคว้าตัว อัจฉราพร เจ้าของความสูง 180 เซนติเมตร อายุ 25 ปี มาร่วมทีมในฤดูกาล 2021-22”
ซึ่งเจ้าตัวเผยความรู้สึกว่า “เป็นความรู้สึกที่ดีใจมากๆ กับการได้ออกไปเล่นยุโรปครั้งแรก ความคาดหวังกับการไปครั้งนี้ก็อยากทำให้ทีมได้อันดับที่ดีขึ้นและเก็บเกี่ยวประสบการณ์กลับมาให้ได้มากที่สุดค่ะ สุดท้ายก็ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ส่งมาให้ตลอดนะคะ และเป็นกำลังใจให้กันแบบนี้ไปนานๆค่ะ”
สำหรับ อัจฉราพร คงยศ ถือว่าแจ้งเกิดได้อย่างรวดเร็ว ด้วยผลงานในสนามที่โดดเด่นในเรื่องของลูกตบอันหนักหน่วง และเลือกตบทำแต้มได้อย่างชาญฉลาด จนก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักในนามทีมชาติชุดใหญ่อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามการย้ายไปเล่นในต่างแดนหนนี้ถือว่าไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ หลังก่อนหน้านี้เคยมีประสบการณ์ย้ายไปเล่นในลีกเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียกับ แบงค์ ดีเคไอ (ปี 2013)และ จาการ์ตา บีเอ็นไอ 46 (ปี 2018 – 2019)
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เข้มทำความสะอาด บ้าน-คอนโด ป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะ ประชาชนทำความสะอาดบ้านหรือคอนโด ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 พักอาศัยเพื่อรอเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ป้องกันการแพร่เชื้อโรคโควิด-19
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งต้องรอเตียงเพื่อเข้ารับการรักษา โดยยังคงพักอยู่ภายในบ้านหรือคอนโด จึงต้องให้ความร่วมมือในเรื่องการทำความสะอาดที่อยู่อาศัย รวมถึงเสื้อผ้า และสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคโควิด-19
ซึ่งการทำความสะอาดบ้านหรือคอนโด ผู้ทำความสะอาดต้องป้องกันตนเองด้วยการใส่แว่นตาป้องกัน สวมหมวกคลุมผม หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ถุงมือยาง ผ้ากันเปื้อนแบบยางหรือพลาสติก และรองเท้าบูท โดยเริ่มจากการทำความสะอาดเพื่อล้างสิ่งสกปรกออกก่อน ขั้นตอนต่อไปจึงทำการฆ่าเชื้อโรคบริเวณพื้นผิว ด้วยสารฆ่าเชื้อ ซึ่งมีสาร 3 ชนิดที่องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าสามารถกำจัดเชื้อโควิด-19 ได้ คือ 1) โซเดียมไฮโปคลอไรท์ หรือน้ำยาซักผ้าขาว ความเข้มข้น 0.1 เปอร์เซ็นต์ 2) ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือน้ำยาซักผ้าสี ความเข้มข้น 0.5 เปอร์เซ็นต์ และ 3) แอลกอฮอล์ ความเข้มข้น 70 เปอร์เซ็นต์ โดยต้องเตรียมน้ำยาฆ่าเชื้อโรคให้ได้ความเข้มข้นดังกล่าว
ตัวอย่างการผสมน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของโซเดียมไฮโปคลอไรท์ความเข้มข้น 6 เปอร์เซ็นต์ ขนาดบรรจุ 600 มิลลิลิตร โดยผสมให้ได้ความเข้มข้น 0.1 เปอร์เซ็นต์ นั้น ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ไป 2 ฝา หรือ 20 มิลลิลิตร ผสมน้ำ 1 ลิตร และใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเช็ดตาม บริเวณที่มีการสัมผัสหรือใช้งานร่วมกันบ่อย ๆ เช่น ลูกบิดประตู โต๊ะ เก้าอี้ รีโมทคอนโทรล ราวบันได เป็นต้น หากเป็นสิ่งของหรือของใช้ขนาดเล็กแนะนำให้เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ได้ โดยขณะทำความสะอาดให้เปิดประตู หน้าต่างเพื่อระบายอากาศ และให้แดดส่องทั่วถึงภายในบ้านหรือคอนโด
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า การทำความสะอาดห้องน้ำ ห้องส้วมให้เน้นเช็ดบริเวณที่รองนั่งโถส้วม ฝาปิดโถส้วม ที่กดชักโครก ราวจับ ลูกบิดหรือกลอนประตู ที่แขวนกระดาษชำระ อ่างล้างมือ ก๊อกน้ำ ที่วางสบู่ ผนัง และซอกประตู ส่วนบริเวณพื้นห้องน้ำสามารถใช้น้ำยาล้างห้องน้ำหรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่ผสมไว้แล้วราดทิ้งไว้อย่างน้อย 10 นาที ส่วนการจัดการขยะให้เก็บรวมรวมขยะที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่ง น้ำมูก น้ำลายของผู้ติดเชื้อโดวิด หรือสงสัยจะปนเปื้อนสารคัดหลั่งต่าง ๆ ของผู้ติดเชื้อโควิด ใส่ภาชนะบรรจุมูลฝอยติดเชื้อ (ถุงแดง) 2 ชั้น โดยถุงใบแรกที่บรรจุมูลฝอย ติดเชื้อแล้วให้ราดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือน้ำยาฟอกขาว เช่น ไฮเตอร์ และมัดปากถุงด้วยเชือกให้แน่น แล้วฉีดพ่นด้วยสารฆ่าเชื้อ หรือแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ บริเวณปากถุง แล้วมัดปากถุงชั้นนอกด้วยเชือกให้แน่นและฉีดพ่นด้วยสารฆ่าเชื้ออีกครั้ง จากนั้นเคลื่อนย้ายไปพักยังที่จัดไว้เฉพาะ เพื่อรอประสานให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาเก็บขนไปกำจัดอย่างถูกต้องต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ถอดอุปกรณ์ป้องกันตนเอง ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง และชำระร่างกายให้สะอาด และเปลี่ยนเสื้อผ้า
สำหรับการล้างภาชนะ และอุปกรณ์ให้สะอาดตามหลักสุขาภิบาลอาหาร และฆ่าเชื้อโรค สามารถทำได้ 2 วิธี ดังนี้ วิธีที่ แช่น้ำร้อน 80 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 30 วินาที หรือใช้เครื่องอบที่อุณหภูมิ 80 – 100 องศาเซลเซียส แช่น้ำคลอรีน ที่ความเข้มข้น 100 พีพีเอ็ม โดยผสมผงปูนคลอรีน 60 เปอร์เซนต์ จำนวน 1 ช้อนชา ในน้ำ 1 แก้ว ทิ้งไว้ให้ตกตะกอน แล้วรินเฉพาะส่วนที่เป็นน้ำใสผสมในน้ำสะอาด 20 ลิตร อบหรือผึ่งให้แห้งก่อนใช้ใส่อาหาร และจัดเก็บในที่สะอาด มีการปกปิด และ วิธีที่ 2 แช่น้ำร้อน 80 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 30 วินาที หรือใช้เครื่องอบที่อุณหภูมิ 80 – 100 องศาเซลเซียส แช่ด้วยโซเดียมไฮโปคลอไรท์ โดยใช้โซเดียมไฮโปคลอไรท์ 6 เปอร์เซ็นต์ ในอัตราส่วน ครึ่งช้อนชาต่อน้ำ 1 ลิตร 1 นาที แล้วล้างน้ำให้สะอาด อบหรือผึ่งให้แห้งก่อนใช้ใส่อาหาร และจัดเก็บในที่สะอาด มีการปกปิดที่มิดชิด
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
กระทรวงคมนาคม ภาษาอังกฤษ ชื่อหน่วยงานในสังกัด (Ministry of Transport)
ชื่อภาษาอังกฤษ หน่วยงานของรัฐในสังกัดกระทรวงคมนาคม (Ministry of Transport) มีหน่วยงานอะไรบ้างที่สังกัดอยู่ในกระทรวงนี้ และพวกเรารู้จักทุกหน่วยงานหรือเปล่า
ชื่อภาษาอังกฤษ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม
Office of the Minister – สำนักงานรัฐมนตรี |
Department of Highways – กรมทางหลวง |
Department of Land Transport – กรมการขนส่งทางบก |
Department of Civil Aviation – กรมการบินพลเรือน |
Office of the Permanent Secretary – สำนักงานปลัดกระทรวง |
Department of Rural State Roads – กรมทางหลวงชนบท |
The Harbor Department – กรมเจ้าท่า |
Office of Transport and Traffic Policy and Planning – สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร |
Aeronautical Radio of Thailand Company Limited – บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด |
Airports of Thailand Public Company Limited (AOT) – บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) |
Bangkok Metro Public Company Limited (BMCL) – บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด |
Civil Aviation Training Center, Thailand – สถาบันการบินพลเรือน |
Mass Rapid Transit Authority of Thailand (MRTA) – การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) |
State Railway of Thailand (SRT) Electrified Train Company Limited – บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด |
Suvarnabhumi Airport Hotel Company Limited – บริษัท โรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำกัด |
Thai Airways International Public Company Limited (THAI) – บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท.) |
Thai Smile Airways Company Limited – บริษัท ไทยสมายแอร์เวย์ จำกัด |
The Bangkok Mass Transit Authority (BMTA) – องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) |
The Expressway Authority of Thailand (EXAT) – การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) |
The Port Authority of Thailand (PAT) – การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) |
The State Railway of Thailand (SRT) – การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) |
The Transport Company Limited – บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) |
ขอบคุณข้อมูลจาก ภาษาอังกฤษออนไลน์.com
บริการใหม่ BMW Drive Recorder ใช้กล้องจับภาพรอบคัน บันทึกเหตุการณ์สำคัญ จ่ายเพิ่ม 490 บาท
บริการใหม่ “BMW Drive Recorder” ใช้กล้องจับภาพรถรอบคัน 360 องศา แพกเกจเริ่มต้นจ่ายเพิ่ม 490 บาทต่อเดือน หรือ 9,990 บาท ตลอดชีพ
เจ้าของรถยนต์ BMW ที่มีระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7.0 ซอฟต์แวร์รุ่นล่าสุด ระบบกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View) และระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติรุ่น Plus (Parking Assistant Plus) มีโอกาสได้ใช้บริการใหม่ BMW Drive Recorder
สำหรับรถยนต์รุ่นที่รองรับ BMW Drive Recorder มีดังนี้
1. BMW 330e M Sport
2. BMW 530e M Sport ใหม่
3. BMW 745Le xDrive M Sport
4. BMW M850i xDrive Coupe
5. BMW X5 xDrive45e M Sport
6. BMW X6 xDrive30d M Sport
7. BMW X7 M50d
8. BMW X7 xDrive30d
หลักการทำงานBMW Drive Recorder คือใช้ระบบกล้องแสดงภาพรอบทิศทางของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ให้สามารถบันทึกคลิปวีดีโอรอบรถได้แบบ 360 องศาขณะขับขี่ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกเปิดใช้งานระบบ BMW Drive Recorder ด้วยตนเอง เพื่อถ่ายวิดีโอรอบรถขณะขับขี่ผ่านวิวทิวทัศน์ หรือตั้งค่าให้ระบบทำงานเองอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เพื่อย้อนดูเหตุการณ์ในภายหลัง
นายอเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า ระบบ BMW Drive Recorder เป็นบริการดิจิทัลที่ต่อยอดศักยภาพของกล้องทั้ง 4 ตัวในระบบกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง ให้ทำงานได้มากกว่าการตรวจสอบสภาพแวดล้อมขณะจอดรถ หรือขับขี่ในสถานที่คับแคบ
เมื่อผู้ขับขี่เปิดใช้งาน BMW Drive Recorder ผ่านทางเมนู App ของระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7.0 หรือกดปุ่มเปิดหลังคา Panoramic บริเวณคอนโซลกลางค้างไว้เพื่อเริ่มบันทึกภาพ และในกรณีเซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) ตรวจจับการชนได้ขณะเกิดอุบัติเหตุ ระบบ BMW Drive Recorder จะทำงานโดยอัตโนมัติ เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์ให้ผู้ขับขี่ใช้เป็นหลักฐานได้ในภายหลัง ซึ่งไม่เพียงครอบคลุมภาพจากหลายมุมกล้องรอบตัวรถเท่านั้น แต่ยังสามารถบันทึกข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญต่าง ๆ ได้ เช่น วันที่ เวลา ความเร็ว และพิกัด GPS
ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกกล้องที่จะใช้ในการบันทึกภาพได้ตามต้องการ ได้แก่ กล้องทั้ง 4 ตัว กล้องหน้าและกล้องหลัง และ กล้องหน้าหรือกล้องหลัง ซึ่งระบบจะจัดเก็บคลิปวิดีโอได้สูงสุดถึง 10 คลิปในระบบ iDrive และสามารถเรียกดูหรือลบวีดีโอในภายหลังได้ทางจอ Control Display หรือบันทึกลงอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล USB
ค่าบริการ BMW Drive Recorder
– ตลอดชีพ 9,990 บาท
– 3 ปี 3,990 บาท
– 1 ปี 1,790 บาท
– 1 เดือน 490 บาท
ระบบ BMW Drive Recorder จะเปิดให้สมัครรับบริการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.connecteddrive.bmw.co.th/ ลูกค้าสามารถตรวจสอบการใช้งานได้โดยการล็อกอินเข้าระบบ BMW ConnectedDrive Store ผ่านลิ้งค์ข้างต้นนี้
หมายเหตุ : การทำสัญญากับ BMW ConnectedDrive จะเป็นการผูกสัญญากับรถยนต์แต่ละคัน โดยไม่สามารถโอนสิทธิหรือบริการไปยังรถยนต์คันอื่นได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ใบยอย่างไฟ” รักษาปวดจากโรคเกาต์
“ใบยอย่างไฟ” รักษาปวดจากโรคเกาต์
ร.พ.ศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ
แพทย์แผนไทยประจำโรงพยาบาลศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ คิดค้นวิธีการลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและเอ็นอักเสบจากโรคเกาต์ โดยใช้ใบยอย่างไฟ พบว่าช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อจากโรคเกาต์ได้ผลร้อยละ 90 ส่วนผู้ที่ปวดกล้ามเนื้อจากการใช้แรงเกินกำลังได้ผลร้อยละ 84 โดยวิธีดังกล่าวสามารถทำได้ง่าย ไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่มีผลข้างเคียง
น.ส.ณัฏฐณิชา ธรรมวัตร แพทย์แผนไทยประจำโรงพยาบาลศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า วิธีเดิมในการบรรเทารักษาอาการปวดกล้ามเนื้อและอักเสบจากโรคเกาต์ ผู้ใช้แรงงานออกแรงกล้ามเนื้อเกินกำลังหรือออกแรงติดต่อกันเป็นเวลานาน คือใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นประคบบริเวณที่มีการอักเสบภายใน 24 ชั่วโมง และอาจใช้ยาทาเพื่อลดการอักเสบเฉพาะที่เพื่อบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้ออย่างเฉียบพลัน
สำหรับที่โรงพยาบาลศิลาลาด มีผู้ป่วยกลุ่มนี้ใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 160 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงาน อายุ 35-60 ปี เข้ารักษาเฉลี่ยปีละ 6 ครั้งต่อคน ผู้ป่วยบางคนมีอาการปวดกล้ามเนื้อมากต้องใช้บริการถึงเดือนละ 2 ครั้ง จึงได้คิดค้นวิธีการบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและอาการอักเสบจากโรคเกาต์ที่ประชาชนสามารถทำได้เอง โดยนำสมุนไพรพื้นบ้านคือ ใบยอที่ใช้ทำห่อหมก ซึ่งเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ทุกครอบครัวจะมีปลูกไว้ที่บ้านและหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดมาเป็นวัตถุดิบสำคัญในการรักษา เนื่องจากใบยอมีสรรพคุณแก้ไข้ ลดปวด ลดบวม อาการเคล็ดขัดยอก อาการปวดในข้อ กล้ามเนื้อแพลง แก้โรคเกาต์ ปวดตามข้อเล็ก ๆ ของนิ้วมือได้
น.ส.ณัฏฐณิชา กล่าวอีกว่า วิธีการรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อจะนำใบยอ 5-10 ใบ มาล้างให้สะอาด แล้วนำไปย่างบนเตาถ่านด้วยไฟอ่อนประมาณ 1 นาที พร้อมโรยเกลือเล็กน้อยให้ทั่วใบยอเพื่อเพิ่มการดูดซึมของสารในใบยอ ให้มากขึ้น หลังจากนั้นนำผ้าสะอาดมาวางบริเวณที่มีอาการปวดหรืออักเสบ และวางใบยอที่ย่างไฟแล้ววางทับผ้าตาม เพื่อป้องกันความร้อนจากใบยอถ่ายเทลงผิวหนังมากเกินไป ทับนานครั้งละ 15-20 นาที วันละ 2-3 ครั้ง ใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน หรือจนกว่าอาการจะดีขึ้น
จากการติดตามผลการทดสอบใช้ใบยอย่างไฟในผู้ป่วยโรคเกาต์ 11 รายที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อบวมและอักเสบ ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2556 – มิถุนายน พ.ศ. 2557 พบว่าอาการปวดและอักเสบกล้ามเนื้อของกลุ่มผู้ป่วยโรคเกาต์ทั้ง 11 ราย ลดลงถึง 10 รายที่มีอาการบวมตามข้อต่าง ๆ คิดเป็นร้อยละ 99 ส่วนกลุ่มผู้มีอาการปวดกล้ามเนื้อ ได้ใช้ใบยอย่างไฟรักษา 57 ราย พบว่า 48 รายมีอาการปวดลดลง รู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ คิดเป็นร้อยละ 84 โดยผู้ที่อาการปวดไม่ลดลงพบว่าไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเวลา ไม่มีคนดูแล และไม่มีคนช่วยหาวัสดุ
ทั้งนี้ วิธีการรักษาอาการปวดและอักเสบของกล้ามเนื้อด้วยใบยอนี้ ประชาชนสามารถทำเองได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องพึ่งยา ไม่เสียค่าใช้จ่าย หากมีใบยอปลูกอยู่ที่บ้านแล้ว หากไม่มีก็สามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด ซึ่งราคาไม่แพง และที่สำคัญคือ ไม่มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพ รวมถึงเป็นการพัฒนาสมุนไพรในชุมชนให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้นด้วย
ด้าน นายชูชีพ สืบทรัพย์ สาธารณสุขอำเภอศิลาลาด กล่าวว่า เตรียมส่งเสริมแนวทางการรักษาโรคปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและโรคเกาต์ด้วยแพทย์แผนไทย หรือการรักษาโรคด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นของโรงพยาบาลศิลาลาด ไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอื่น ๆ ใน อ.ศิลาลาด โดยเฉพาะการรักษาโรคปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและโรคเกาต์ด้วยใบยอ เพื่อนำหลักการรักษาดังกล่าวนำไปรักษาผู้ป่วย และเพื่อลดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลและหน่วยบริการทางการแพทย์ของ อ.ศิลาลาด
ขอบคุณข้อมูลจาก wongkarnpat.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 26,900.00 | 27,000.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,742.00 | 26,408.72 | 27,500.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,567.80 | 23,767.85 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,393.60 | 21,126.98 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 784.00 | 11,885.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 610.00 | 9,247.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,805.00 | 27,363.80 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 11/05/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 26.24 | 26.24 | 26.24 | 26.24 | 26.24 | – | 26.24 | 26.24 | 26.24 | 26.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 21.79 | 21.79 | – | – | – | – | – | – | – | 21.79 |
เบนซิน 95 | 35.16 | – | – | – | 35.61 | – | 35.66 | 35.16 | – | 35.16 |
ดีเซล B7 | 27.59 | 27.59 | 27.59 | 27.59 | 27.59 | 27.59 | 27.59 | 27.59 | 27.59 | 27.59 |
ดีเซล | 24.59 | 24.59 | 24.59 | 24.59 | 24.59 | 24.59 | 24.59 | 24.59 | 24.59 | 24.59 |
ดีเซล B20 | 24.34 | 24.34 | 24.54 | – | 24.34 | – | 24.34 | 24.34 | – | 24.34 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 32.26 | 32.36 | 34.04 | 33.66 | – | – | – | – | – | 32.26 |
แก๊ส NGV | 13.49 | 13.49 | – | – | – | – | – | – | – | 13.49 |