โควิด-19 ไม่สะเทือน เอพี คว้ายอดโอนฯ 2 หมื่นล้าน สูงสุดในรอบ 30 ปี
สำรวจแนวรบ ผู้นำธุรกิจอสังหาฯ เอพี ไทยแลนด์ เดินหน้าขึ้นสู่เป้าหมาย เบอร์ 1 อุตสาหกรรม รุกเปิด 26 โครงการใหม่ครึ่งปีหลัง ขณะ 6 เดือนแรก ท็อปฟอร์มทำยอดนิวไฮสูงสุดในรอบ 30 ปี โอนฯทะลัก 2 หมื่นล้าน สวนกระแสวิกฤติโควิด ถอดกลยุทธ์ผู้รอด
ผลพ่วงดังกล่าว ส่งแรงกระเพื่อมมายังอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ อย่าง ภาคที่อยู่อาศัยทั้งทางตรงและทางอ้อม ตั้งแต่เศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลต่อกำลังซื้อ มาตรการสั่งปิดแคมป์คนงาน ก่อสร้างต่อไม่ได้ และล่าสุด การจำกัดกิจกรรมทางสังคมผ่านการล็อกดาวน์ ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยไทยต้องเฝ้าระวังในการดำเนินธุรกิจอย่างถึงที่สุด
วัฏจักรเศรษฐกิจ – วัฏจักรอสังหาฯ
‘ ฐานเศรษฐกิจ ‘ ร่วมฟังการแถลงข่าวครั้งสำคัญของอสังหาฯ เบอร์ใหญ่ในอุตสาหกรรม บริษัท เอพี ไทยแลนด์ ต่อแผนต่อยอดความเติบโต ภายใต้กระแสคลื่นวิกฤตโควิดที่โหมหนัก และความท้าทายสูงสุด จากจำนวนเปิดโครงการใหม่ที่ตั้งไว้มากที่สุดในตลาด จำนวน 31 โครงการ มูลค่าประมาณ 37,500 ล้านบาท
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ มองภาพสถานการณ์ในประเทศไทย ขณะนี้ ว่า เศรษฐกิจไทยมีความคล้ายคลึงกับเศรษฐกิจของอเมริกา ช่วงไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาส 4 เมื่อปี 2563 ที่ยังต่อสู้กับโรคโควิด ประชาชนยังเข้าไม่ถึงวัคซีนอย่างครอบคลุม อย่างไรก็ตาม กลับพบเมื่อสถานการณ์หลายด้านผ่อนคลายลง ในประเทศสามารถทยอยฉีดวัคซีนให้ผู้คนได้ตามเป้าหมาย เกิดภูมิคุ้มกันหมู่แล้วนั้น เศรษฐกิจพลิกอัพกลับ ขณะ ยอดขายบ้านใหม่ในอเมริกา เมื่อเดือน มิ.ย. สูงขึ้นกว่า 16%
ซึ่งหากมองในลักษณะดังกล่าว ถอดบทเรียนของประเทศที่ผ่านวิกฤติมาได้แล้ว ก็เชื่อว่า หากไทยสามารถฉีดวัคซีนได้มากขึ้น ตามเป้าหมาย ก็คือ ในช่วงปีหน้า เศรษฐกิจจะฟื้นกลับมาได้ ภายใต้ การใช้ชีวิตแบบ New Normal ป้องกันตัวเองควบคู่ไป ก่อนระยะต่อไป โควิด-19 จะกลายเป็นเพียงโรคประจำฤดูกาล แต่มีแนวทางป้องกัน รักษาที่ดี โดยผู้คนก็ยังสามารถใช้ชีวิตปกติได้ เวลานั้น การท่องเที่ยวก็จะฟื้นตัว และเศรษฐกิจไทยก็จะกลับมา รวมถึงความต้องการในตลาดที่อยู่อาศัยด้วย
“เราทุกคนยังคงต้องวนเวียนอยู่ในระลอกคลื่นของความเสียหายที่มี Covid-19 เป็นศูนย์กลาง ซึ่งการระบาดระลอกใหม่ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเรายังไม่สามารถหลุดออกจากคลื่นนี้ได้จริงๆ สำหรับธุรกิจอสังหาฯ แล้ว หัวใจสำคัญที่มีผลต่อการขับเคลื่อนธุรกิจคือ ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ถ้าเศรษฐกิจประเทศดี อสังหาริมทรัพย์ก็จะดีตามการ จ้างงาน กำลังซื้อ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็จะตามมาหมด”
เอพี ครึ่งปีแรกผ่านฉลุย ยอดโอนฯสูงสุดในรอบ 30ปี
สำหรับช่วง ครึ่งปีแรก ปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัทฯ เติบโตท่ามกลางกระแสคลื่นวิกฤตที่โหมหนักได้อย่างแข็งแกร่ง สามารถบริหารจัดการการขายและการโอนได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้ผลงานในครึ่งปีแรก ทำนิวไฮได้สูงสุด ทั้งยอดขายและยอดโอน โดยมียอดขายมากถึง 17,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 18% หากเทียบกับครึ่งปีก่อนหน้า
โดยเฉพาะสินค้าซุปเปอร์สตาร์อย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้ภาพรวมสินค้าแนวราบในครึ่งปีแรกเติบโตขึ้นกว่า 28% โดยเฉพาะไตรมาส 2 เพียงไตรมาสเดียวสินค้าแนวราบมียอดขายสูงกว่า 9,100 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดถือเป็นการเติบโตแบบ Organic Growth ที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพขององค์กรได้อย่างชัดเจนถึงแม้ที่ผ่านมาบริษัทฯ จะเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,060 ล้านบาทเท่านั้น ด้านยอดโอนครึ่งปีแรกคาดว่าจะสูงกว่า 20,000 ล้านบาท สูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาในรอบ 30 ปี
“ปีนี้ แนวราบยังเป็นพระเอกในการสร้างยอดขาย นับเป็นสัดส่วน ถึง 90% จาก 17,817 ล้านบาท โตขึ้น 28% แม้จะมีการเปิดโครงการใหม่ไปแค่ 5 โครงการเท่านั้น เพราะยอดมาจาก 103 โครงการ ที่อยู่ระหว่างการขาย ขณะยอดโอนฯ 20,000 ล้านบาท นอกจากจะเป็นนิวไฮในอุตสาหกรรมแล้ว และเติบโตจากปีก่อน และสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ”
ถอดสูตรสำเร็จเอพี ปรับตัวรับข้อจำกัด ปิดแคมป์ไม่กระทบ
ในวิกฤติ ทุกธุรกิจกระทบหมด ไม่เว้นแม้อสังหาฯ แต่พบตัวเลขที่น่าสนใจ และเห็นเป็นโอกาสดีของตลาด โดย 4 เดือนแรกของปี จำนวนการเปิดตัวตัวโครงการใหม่ ลดลงไปมาก จาก 2 หมื่นยูนิต ปีนี้เหลืออยู่ที่ 1.3 หมื่นยูนิตเท่านั้น หายไปประมาณ 25% โดยเฉพาะตลาดราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท วูบไปประมาณ 55% นับเป็นฝั่งซัพพลาย – อุปทานที่เข้ามาอยู่ในอัตราเร่งลดลง และเมื่อมาดูในฝั่งดีมานด์ หรือ อุปสงค์ ในเวลาเดียวกัน ตัวเลขความต้องการ ผ่านการอ้างอิงจำนวนการโอนกรรมสิทธิ์ ม.ค.- เม.ย. หายไปแค่ 22% สะท้อนว่า อย่างไรก็แล้วแต่ ในวิกฤติ ยังมีความต้องการด้านที่อยู่อาศัยอยู่ และลดลงไม่เยอะเท่ากับจำนวนซัพพลายที่หายไป
ส่วนคำสั่งปิดแคมป์ หยุดก่อสร้าง 1 เดือน ภาพรวมมีผลกระทบต่อการก่อสร้างทั้งหมดอยู่แล้ว แต่บริษัทเอง เชื่อว่า เมื่อหมดมาตรการ จะสามารถกลับมาเร่งก่อสร้าง และปรับแผน เพื่อรองรับเป้าหมายการขายและโอนฯได้ ในกลุ่มโครงการคอนโดฯ ขณะเดียวกัน กลับไม่ได้กระทบต่อการขาย และแผนการทำตลาด โดยเฉพาะในโปรดักส์แนวราบ ซึ่งอยู่ในสถานะ ทำสต็อกพร้อมขายรองรับต่อรอบเป็นระยะ 3 เดือนอยู่ก่อนแล้ว
จะเห็นได้ว่า ผลกระทบเกิดขึ้นไม่มาก เนื่องจากบริษัท ยังคงดำเนินแผนธุรกิจด้วยความรัดกุม ควบคู่ไปกับความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว เช่น ปรับการขายไปสู่โหมดออนไลน์ ,นัดหมายลูกค้าล่วงหน้า หรือ จำกัดคนเข้าเยี่ยมชมโครงการ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางข้อจำกัดของมาตรการสังคม และของรัฐบาล ซึ่งเราทำได้ เนื่องจากมีความพร้อม ด้านบริหารจัดการกระแสเงินสดที่ปูทางมานานแล้ว อีกทั้งอาศัยช่วงวิกฤติ ที่การทำงานหยุดไป นำไปสู่การพัฒนาบุคคลภายในองค์กร ให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น และเตรียมพร้อมเรื่องระบบ กระบวนการคิดในทุกแง่ ทั้งการออกแบบ ก่อสร้าง และสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เพื่อตั้งรับ และเตรียมบุกตลาดได้ทันที เป็นการทำงานหนัก ที่ส่งผลให้ครึ่งปีแรกบริษัทผ่านพ้นวิกฤติมาได้อย่างดี
” ทุกวิกฤติมีคนกระทบ มีคนเข้มแข็ง และอ่อนแอ ขณะที่ แบรนด์ และการเงินที่แข็งแกร่ง จะทำให้รายเหล่านั้น ผ่านไปได้ เราเอง อาศัยความพร้อม ในแง่ตั้งรับ และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ ทำให้ยังยืนหยัดแข็งแรง ”
เอพี รุก 26 โครงการใหม่ครึ่งปีหลัง จับตาแบรนด์หรู บ้านกลางกรุง – ปรับสูตรคอนโดฯดัง ASPIRE
นายวิทการ กล่าวต่อว่า ในสถานการณ์ตลาดครึ่งปีหลัง เชื่อว่า แม้กำลังซื้ออาจยังต้องจับตามองตามเศรษฐกิจ แต่ด้วยครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ทุกบริษัท เปิดตัวโครงการกันน้อย อั้นไม่อยู่แล้ว ภาพที่เกิดขึ้น คือ ทุกคนจะกลับมาทำการตลาดอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะรายที่มีความพร้อม สำหรับเอพีเอง เพื่อการก้าวเดินไปต่อในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ เตรียมรุกเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 26 โครงการ มูลค่ารวม 33,440 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบจำนวน 22 โครงการ มูลค่าประมาณ 20,440 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 13,000 ล้านบาท
บริษัทฯ เตรียมรุกการพัฒนาโครงการไปในเซ็กเมนต์ใหม่ ด้วยการขยับขึ้นตลาดบนในระดับ Super Luxury โดยไฮไลท์ที่น่าสนใจคือการนำแบรนด์ ‘บ้านกลางกรุง’ กลับมาพัฒนาอีกครั้ง ด้วยจุดเด่นในเรื่องของทำเลที่ตั้งในการพัฒนาโครงการที่จะอยู่ใจกลางกรุง โดยมีบ้านกลางกรุง บ้ทองหล่อเป็นต้นแบบความสำเร็จกับจุดเริ่มต้นของแนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยกลางกรุง โดยนำร่องโครงการแรกกับ บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์-พระราม 3 บ้านเดี่ยวหรู หนึ่งเดียวบนทำเลใจกลางเมือง 13 ครอบครัว เริ่ม 35-60 ล้านบาท ซึ่งพร้อมเปิดขายในเดือนกันยายนนี้
ขณะในกลุ่มคอนโดฯ นั้น เตรียมขยายโปรดักส์ไปยังตลาดแมสมากยิ่งขึ้น ด้วยการปรับโฉมแบรนด์ดัง ASPIRE (แอสปาย) ผ่านการปรับวิธีคิดใหม่ เป็นโครงการขนาดเล็ก ที่อยู่กลางเมือง เจาะไลฟ์สไตล์คนซื้อรุ่นใหม่ จุดขาย ใกล้ระบบคมนาคมสำคัญ , สเปซดีไซน์ที่ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้งานได้ตามใจ , ส่วนกลางจัดเต็ม และราคาที่เป็นทางเลือก สอดรับกับกลุ่มเป้าหมาย เริ่มต้นประมาณ 55,000-65,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งพร้อมเปิดตัวใน 2 ทำเลได้แก่ ASPIRE รัตนาธิเบศร์-เวสต์ตัน ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท และ ASPIRE ปิ่นเกล้า-อรุณอมรินทร์ ที่จะเปิดตัวในไตรมาส 4 ต่อไป เช่นเดียวกับ แบรนด์ไลฟ์ (Life) 2 โครงการใหม่ พระราม4-อโศก และ ลาดพร้าว รวมมูลค่า 4 โครงการ ทั้งสิ้น 1.3 หมื่นล้านบาท
นายวิทการ กล่าวว่า มั่นใจในตลาดคอนโดฯ แม้หลายคนมีความกังวลเรื่องโอเว่อร์ซัพพลายอยู่มาก ขณะกำลังซื้ออ่อนแอลง เนื่องจาก วันนี้ แม้สถานการณ์การว่างงานของคนไทยจะสูงขึ้น แต่พบว่า จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มคนระดับแรงงาน แต่กลุ่มคนพนักงานเงินเดือน ออฟฟิศ ยังเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้สูงมากนัก ฉะนั้น มองว่า เมื่อคนยังมีรายได้ ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยก็ยังเกิดขึ้น
ปัจจัยสนับสนุนความเชื่อเอพี
- ทุกตลาด ซัพพลายเข้าใหม่ลดหมด ภาวะโอเวอร์ซัพพลายมีแนวโน้มเกิดขึ้นได้น้อย
- แนวราบแม้หน่วยเข้าใหม่จะมาก แต่พบรายที่เป็นมืออาชีพ กลับมีไม่มาก
- โอกาสของเอพี คือ แนวราบ ผ่านกลยุทธ์ สร้างไป ขายไป มีความสามารถในการบริหารจัดการ ถ้าสต็อกเริ่มโอเวอร์ เราสามารถสั่งหยุดลงทุนได้ และระบายสต็อกแทน
” หลายคนกังวลเรื่องสต็อกคอนโดของเรา แต่เราเองมีการระบายออกอยู่ตลอดเวลา ทำการตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งพบว่าโปรดักส์เรา ยังเป็นที่ต้องการของต่างชาติ แม้มีไม่มาก เพราะด้วยข้อจำกัดในการซื้อเยี่ยมชม แต่อย่างไรก็ตาม ได้สะท้อนว่า อสังหาฯ ไทย ยังเป็น Safe Zone ที่ต่างชาติสนใจอยู่ ส่วนคอนโดใหม่ เรามั่นใจในโลเคชั่น และแพคเกจราคา ทำให้เชื่อว่าจะขายและโอนได้ฯ ยิ่งในทำเลที่เงียบมานาน อย่างสายสีม่วง บุกก่อนย่อมได้เปรียบกว่า ”
ผ่า 3 ความท้าทายอสังหาฯ ไทย
ความท้าทายของภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยจากนี้ไปมี 3 ข้อที่ต้องจับตามอง 1.เรื่องแรกการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นผู้บริโภคในประเทศ ซึ่งวัคซีนถือเป็นตัวแปรสำคัญ 2. มาตรการต่างๆ จากทางภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อหลังจากความเชื่อมั่นเริ่มกลับมา และสุดท้าย 3. แผนการเปิดประเทศ ที่นำมาซึ่งกำลังซื้อที่เป็น sentiment ที่ดีให้กับตลาดคอนโด ซึ่งทั้ง 3 ข้อนี้คงต้องใช้เวลานานพอสมควร ถ้าถามว่าจุดต่ำสุดที่เราเจอกันในวันนี้จะจบสิ้นลงเมื่อไหร่ ไม่มีใครตอบได้ ภาคธุรกิจและเราทุกคนยังคงต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อเผชิญกับระลอกคลื่นที่จะเกิดขึ้นอีกกี่ครั้งนับไม่ถ้วนอย่างที่เราเจอกันอยู่ในทุกวันนี้
ทั้งนี้ ปี 2564 บมจ.เอพี มีเป้ารับรู้รายได้ 43,100 ล้านบาท ส่วนเป้ายอดขายที่ 35,500 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“หัวหิน”เปิดใช้ทางต่างระดับข้ามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข37แก้รถติด
กรมทางหลวงชนบท เปิดใช้ทางต่างระดับข้ามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 37 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 2.07 กิโลเมตร เพิ่มความปลอดภัย ลดอุบัติเหตุ แก้จราจรติดขัดบนถนนเพชรเกษม
นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า ในปัจจุบันถนนเพชรเกษม อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีปริมาณการจราจรค่อนข้างมาก โดยเฉพาะรถบรรทุก
ทำให้การจราจรบริเวณสี่แยก (จุดตัดระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 37 กับทางหลวงชนบทสาย ปข.2057) ติดขัดและเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนถนนเพชรเกษม บริเวณสี่แยก แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด ให้ประชาชนสามารถสัญจรและขนส่งสินค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
รวมถึงเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สอดรับกับนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
โดยได้ก่อสร้างสะพานข้ามฯ มีลักษณะเป็น 2 สะพานวางขนานกัน ขนาด 4 ช่องจราจร ไป-กลับ พร้อมก่อสร้างจุดกลับรถ ใต้สะพานก่อนถึงทางแยกทั้ง 2 ข้าง มีถนนต่อเชื่อมสะพาน ขนาด 4 ช่องจราจร โดยมีจุดกลับรถ
ทั้ง 2 ข้าง ตลอดจนระบบระบายน้ำ เครื่องหมายจราจร ไฟฟ้าแสงสว่าง และสิ่งอำนวยความปลอดภัย รวมระยะทาง 2.071 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้ประชาชนได้ใช้สัญจรแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
หุ้นไทยยังซึม ดัชนีมีโอกาสแกว่งขึ้นเล็กน้อย
นายกิตติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสแกว่ง Sideway up ได้เล็กน้อย แต่ทิศทางยังเป็นลักษณะซึม ๆ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศยังสูงกว่า 8 พันราย จึงต้องติดตามความคืบหน้าหลังใช้มาตราการเข้มงวดขึ้น และมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์-เคอริ์ฟิว คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากนัก
นอกจากนี้ กองทุนและนักลงทุนต่างชาต็ก็ยังขายต่อเนื่องกดดันหุ้นขนาดใหญ่ แต่เนื่องจากตลาดบ้านเราปรับตัวลงไปมากแล้ว ทำให้มีโอกาสขยับขึ้นได้บ้าง อาจได้แรงหนุนจากปัจจัยนอกประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่บวกตอบรับตลาดสหรัฐฯทำนิวไฮต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ตลาดบ้านเรายังน่าจะขึ้นกับปัจจัยในประเทศเป็นหลัก โดยอาจมีแรงเก็งกำไรคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2/64 ซึ่งสัปดาห์นี้กลุ่มแบงก์จะทยอยประกาศผลประกอบการเริ่มจาก TISCO พร้อมกันนี้ให้ติดตามประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะแถลงต่อสภาคองเกรสในวันที่ 14-15 ก.ค.นี้จับตาทิศทางนโยบายการเงิน
พร้อมให้แนวรับ 1,544-1,540 จุด ส่วนแนวต้าน 1,555-1,563 จุด
ด้านสมาคมค้าทองคำรายงานราคาทองคำประจำวัน ราคาทองปรับขึ้น 100 บาท ทองแท่งรับซื้อ 27,850 บาท ขายออก 27,950 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 27,348.64 บาท ขายออก 28,450 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ฝ่ายรักษาความปลอดภัย อลป. ปรับแผน หลังประกาศภาวะฉุกเฉิน-ห้ามคนเข้า
หลังจากฝ่ายจัดการแข่งขันโตเกียวเกมส์ 2020 ได้ตัดสินใจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าพิธีเปิดการแข่งขังกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ในวันที่ 23 ก.ค.นี้จะไม่มีผู้ชม อีกทั้งล่าสุดจากตัวเลขการระบาดของโควิด-19 ในญี่ปุ่นที่กลับมาสูงขึ้น ทำให้ญี่ปุ่นได้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นครั้งที่ 4 โดยมาตรการครั้งนี้จะเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 12 ก.ค.ไปจนถึงวันที่ 22 ส.คครอบคลุมในช่วงการแข่งขันโอลิมปิก ทำให้แฟนกีฬาไม่สามารถเข้าชมกีฬาในเกือบทุกจังหวัดของประเทศ ไม่ว่าที่กรุงโตเกียว, ฮอกไกโด, ไซตามะ, ชิบะ, คานากาวะ และ ฟูกุชิมะ
ล่าสุด ทีมรักษาความปลอดภัยในโอลิมปิกเกมส์ 2020 เผยว่าได้เตรียมพร้อปรับนโยบาย “ไม่มีคนดู” จากฝ่ายจัดการแข่งขัน แต่ก็ยอมรับว่าแผนการรักษาความปลอดภัยนั้นยังไม่เป็นรูปธรรมเท่าที่ควร เนื่องจากฝ่ายจัดเพิ่งจะเคาะในเรื่องการที่ห้ามแฟนกีฬาเข้าชมเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
สำหรับในโอลิมปิก 2020 ที่จะแช่งขันระหว่างวันที่ 23 ก.ค.-8 ส.ค.นี้ มีทีมบริษัทรักษาความปลอดภัย ที่เข้ามาร่วมรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้ถึง 553 แห่งด้วยกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก msn.com
รักษา “ภูมิแพ้” ด้วย 5 สารต้าน “ฮิสตามีน” จากธรรมชาติ
อาการแพ้ส่วนใหญ่มักเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำปฏิกิริยาต้านสิ่งแปลกปลอม จนส่งผลให้เผยออกมาในลักษณะอาการแพ้ต่างๆ เช่น การไอ การจาม แต่นอกเหนือรับประทานยาเพื่อรักษาแล้ว ยังมี สารต้านฮิสตามีนจากธรรมชาติ ที่คุณสามารถกินบรรเทาอาการแพ้ได้ด้วย
สารต้านฮิสตามีน ทำงานอย่างไร
เนื่องจากฮิสตามีนในร่างกาย เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มักเข้าไปกระตุ้นจนก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ เช่น การจาม คันดวงตา คันในลำคอ ดังนั้น เมื่อเกิดอาการแพ้ เราจึงควรรีบกินยา หรือพ่นสเปรย์ในที่มีสารต้านฮิสตามีนอยู่ภายในเข้าไป เพื่อช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ โดยสารนี้จะเข้าไปขัดขวางการทำงานของฮิสตามีนที่หลั่งออกมาไม่ให้ไปทำปฏิกิริยาจนเกิดอาการแพ้นั่นเอง
5 สารต้านฮิสตามีนจากธรรมชาติ รักษาอาการภูมิแพ้
ถึงแม้อาการแพ้ จะมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แพ้ละอองเกสร แพ้อาหาร แพ้ขนสัตว์ แพ้ฝุ่น เป็นต้น แต่หากมีอาการที่ไม่รุนแรงมากนัก คุณอาจสามารถหาซื้ออาหารที่มีส่วนประกอบของสารต้านฮิสตามีนจากธรรมชาติ เหล่านี้ เก็บไว้รับประทานอย่างสม่ำเสมอได้
วิตามินซีมักอยู่ในผัก และผลไม้หลายชนิด เช่น พริกหวาน บรอกโคลี แคนตาลูป กะหล่ำ กีวี สตรอว์เบอร์รี่ มะเขือเทศ รวมถึงผลไม้ที่รสชาติออกเปรี้ยว อีกทั้งในปัจจุบันก็เริ่มมีผู้ผลิตบางรายหันมานิยมนำผักผลไม้ข้างต้นมาสกัดเป็นอาหารเสริมให้อยู่ในรูปแบบเม็ด และผงชงละลายน้ำ พร้อมปรับกลิ่นไม่ให้เหม็นเขียว เพื่อให้ผู้บริโภครับประทานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
- โบรมีเลน (Bromelain)
สารต้านฮิสตามีนจากธรรมชาติ ชนิดนี้ เป็นเอนไซม์ที่ส่วนใหญ่พบมากในน้ำสับปะรด และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จากการวิจัยในหนูทดลองแสดงให้เห็นว่า โบรมีเลนสามารถลดอาการแพ้ และต้านการอักเสบของโรคภูมิแพ้ได้
- บัตเตอร์เบอ (Butterbur)
ส่วนมากพบได้จากพืชประเภทไม้พุ่มที่มีแหล่งกำเนิดแถบทวีปยุโรป มีส่วนช่วยในการรักษาอาการไมเกรน และภูมิแพ้ อีกทั้งหน่วยงาน National Center for Complementary and Integrative Health (NCCIH) ยังระบุไว้ว่าบัตเตอร์เบอนี้อาจมีฤทธิ์ต้านสารฮิสตามีนที่จะอาจช่วยบรรเทาอาการแพ้ได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การบริโภคบัตเตอร์เบอก็อาจเพิ่มความเสี่ยงสุขภาพได้เช่นกัน เพราะอาจทำให้เกิดอาการท้องร่วง ระคายเคืองดวงตา ปวดศีรษะ เหนื่อยล้า เป็นต้น
- โพรไบโอติกส์ (Probiotics)
เป็นจุลินทรีย์อีกหนึ่งชนิดที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะสุขภาพระบบทางเดินอาหาร เพราะช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในกระเพาะให้อยู่ระดับพอดี ทั้งยังช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้พร้อมต่อสู้กับอาการแพ้ที่อาจเกิดกับคุณทุกเมื่อได้อีกด้วย
- เควอซิทิน (Quercetin)
เควอซิทิน (Quercetin) คือ ฟลาโวนอยด์ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สามารถพบได้ในพืช และอาหารหลากหลายชนิด เช่น ชาดำ แอปเปิ้ล ผลเบอร์รี่ องุ่น แปะก๊วย ชาเขียว พริกไทย จากงานศึกษาในสัตว์ทดลองชิ้นหนึ่ง พบว่า เควอซิทินอาจช่วยปรับปรุงระบบทางเดินหายใจ ลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคภูมิแพ้ได้ แต่หากรับประทานในระยะยาว ก็อาจทำให้ผู้บริโภคบางรายมีผลข้างเคียงบางอย่างเกี่ยวข้องกับไตเกิดขึ้นได้เช่นกัน
อาการภูมิแพ้รุนแรง ที่ควรพบแพทย์
อาการแพ้ แต่ละรูปแบบมักมีอาการปรากฏออกมาแตกต่างกันออกไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ อาจจำเป็นต้องรีบเข้ารับการรักษาจากแพทย์ใกล้แหล่งที่อยู่อาศัยคุณในทันที อย่ามัวรีรอ
- ลมพิษ
- อาการบวมบริเวณริมฝีปาก ลิ้น ใบหน้า ลำคอ
- แน่นหน้าอก
- ผื่นที่ผิวหนัง
- รู้สึกมึนงง
- ความดันโลหิตลดลง
- อัตราการเต้นของชีพจรเปลี่ยนแปลงไป
- หมดสติ
เมื่อคุณทราบแล้วว่าตนเองนั้นแพ้สารใดบ้าง โปรดป้องกันตนเองอีกขั้นด้วยการหลีกเลี่ยงสิ่งที่ตัวคุณแพ้อย่างเด็ดขาด และหมั่นเข้มงวดในการตรวจสอบส่วนประกอบที่คุณอาจแพ้จากฉลากข้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ อยู่เสมอก่อนบริโภค
หากเป็นกรณีแพ้ฝุ่น คุณอาจต้องเตรียมเครื่องฟอกอากาศ พร้อมทำความสะอาดที่อยู่อาศัยอย่างเป็นประจำ และพกยาปฏิชีวนะไว้ติดตัวอยู่เสมอ เพื่อเป็นการป้องกันตนเองอีกขั้นไม่ให้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สีดำภาษาอังกฤษ อ่านว่า แปลว่าอะไร เขียนอย่างไร มาดูกันเลยครับ
สีดำภาษาอังกฤษ
สีดำภาษาอังกฤษคือ black อ่านว่า แบล็ค เอาไว้บรรยายลักษณะของคำนาม บอกให้รู้ว่าคำนามนั้นมีสีดำ
“The black cat is sitting.
เดอะ แบล็ค แคท อิส ซิ๊ททิง
แมว สีดำ กำลัง นั่ง”
“Your dog is black.
ยัว ดอก อิส แบล็ค
หมา ของคุณ สีดำ”
“His car is black..
ฮิส คา อิส แบล็ค
รถ ของเขา สีดำ”
ขอบคุณข้อมูลจาก ภาษาอังกฤษออนไลน์.com
รีวิว “ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด” ขับเนียน จิบนํ้ามัน
รีวิว ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด Honda City Hatchback e:HEV ลองขับบนท้องถนนจริงครั้งแรก หลังจากเปิดตัว 24 มิถุนายน 2564 เข้ามาเติมเต็ม Honda City Series สมรรถนะเป็นอย่างไร ประหยัดน้ำมันขนาดไหน ติดตามได้จากบททดสอบ
Honda City Hatchback e:HEV เปิดตัววันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีรุ่นย่อยเดียว ราคา 8.49 แสนบาท โดยราคาสูงกว่ารุ่นซีดาน 1 หมื่นบาท
ระบบไฮบริดที่ฮอนด้าเรียกว่า Sport Hybrid i-MMD ผมประทับครั้งแรกกับฮอนด้า แอคคอร์ด ทั้งโฉมก่อนหน้าและโฉมปัจจุบัน ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์/เจเนอเรเตอร์ 2 ตัว ซึ่งเทคโนโลยีนี้ถูกถ่ายทอดมาให้รถยนต์นั่งขนาดเล็กอย่าง “ซิตี้ โฉมใหม่” เจเนอเรชันที่ 5
โครงสร้างของระบบไฮบริดเหมือนกันคือ มีเครื่องยนต์ และมอเตอร์/เจเนอเรเตอร์ 2 ตัว ส่งกำลังลงสู่ล้อหน้า แต่ด้วยขนาดตัวถังที่เล็กกว่า ฮอนด้า ซิตี้ ไฮบริด ใช้แค่เครื่อง ยนต์ขนาด 1.5 ลิตรก็เพียงพอ
หลักการทำงานของ Sport Hybrid i-MMD ออกแนวไฮบริดแบบซีรีย์ที่ใช้เครื่องยนต์ปั่นไฟ และขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก แต่ทั้งหลายทั้งปวงขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่ และปริมาณของแบตเตอรี่ลิเธียม ไอออนที่มีความจุเพียง 1 กิโลวัตต์ชั่วโมง
การออกตัวเบาๆ มอเตอร์ทำหน้าที่อย่างเดียว หลังจากนั้นเครื่อง ยนต์จะติดมาช่วยปั่นพลังงานไฟฟ้า แต่ยังใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนอยู่ (ได้อารมณ์ขับ EV แต่รถยังกินนํ้ามัน ปล่อยไอเสีย) และกรณีความเร็วสูงเกิน 130 กม./ชม. เครื่องยนต์จะทำงานขับเคลื่อนเป็นหลัก และมีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยเสริมบ้าง
การขับในเมืองหรือความเร็วกลางๆ ดูประสิทธิผลจากจากมอเตอร์ไฟฟ้าตัวขับเคลื่อนได้เลยที่ 109 แรงม้าแรงบิด 253 นิวตันเมตร ด้วยบุคลิกของมอเตอร์ไฟฟ้า อัตราเร่งดี ตอบสนองเร็วทันใจ และให้สัมผัสของสมรรถนะต่างจากการขับรถเครื่องยนต์เดิมๆ (ICE) โดยเฉพาะรถที่ใช้เครื่องยนต์บล็อกเล็กและรีดกำลังด้วยเทอร์โบที่ให้ความแรงแบบกระโชกโฮกฮาก
…พูดง่ายๆ เหมือนที่เคยพูดหลายครั้งก็คือ แรงบิดสูงสุด 253 นิว ตัน-เมตร มันมาเต็มและจัดให้คุณได้ทันทีตั้งแต่คุณกดแป้นคันเร่ง (เซ็ต อัตราทดเกียร์และอัตราทดเฟืองท้าย ไว้ควบคุมความเร็วก่อนลงสู่เพลาขับ) และมาแบบเนียนๆ ทรงพลัง ให้ความรู้สึกเหนือชั้น
ด้วยระบบฟูลไฮบริดที่ฮอนด้าออกแบบมาเผื่อ การรองรับเทคโนโลยีปลั๊ก-อินไฮบริดในอนาคต (อย่างน้อยต้องเพิ่มความจุแบตเตอรี่) ให้สมรรถนะการขับขี่ยอดเยี่ยม และประหยัดนํ้ามันซึ่งการขับในเมืองตัวเลขจะตํ่ากว่านอกเมือง เพราะมีการรีชาร์จบ่อย และใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนเป็นหลัก (เครื่อง ยนต์ทำงานสบายๆ ควบคุมรอบได้นิ่งๆ เพราะมีหน้าที่ส่วนใหญ่คือส่งกำลังผ่านเจเนอเรเตอร์ไปปั่นไฟไปเก็บในแบตเตอรี่)
ดังนั้น อัตราบริโภคนํ้ามันตามอีโคสติกเกอร์ ในเมืองจะอยู่ที่ 40 กม./ ลิตร ส่วนนอกเมือง 23.25 กม./ลิตรและโหมดเฉลี่ย 27.02 กม./ลิตร
ส่วนการลองขับของผม วัดในระยะทาง 50 กม.จากบางนาไปชลบุรีความเร็ว 100-110 กม./ชม. เป็นหลักแต่มีช่วงเบาหรือเร็วกว่านั้นบ้างเห็นตัวเลขแสดง 21.8 กม./ลิตรครับ
“ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด” ดูจะมีความเป็นซิตี้คาร์ ขับนุ่ม สบายๆทั้งการตอบสนองของพวงมาลัย และช่วงล่างที่มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ประกบยาง Maxxis 185/55 R16 ดังนั้นใครซื้อแล้วไปเปลี่ยนเป็นล้อขอบ 17 และมีหน้าสัมผัสยางเพิ่มขึ้น น่าจะให้ความหนึบแน่นมั่นใจอีกนิด (แต่ต้องแลกด้วยการกินนํ้ามันมากขึ้น)
รวบรัดตัดความ…ถ้าไม่นำเรื่องเซ็กเมนต์มาเป็นตัวตั้ง หรือคุณอาจจะมองว่าราคานี้ไปซื้อ ซีวิค 1.8 รุ่นเริ่มต้นได้ แต่ผมว่าการได้รถไฮบริด ขับดี ได้ความแรงแบบเนียนๆ แถมประหยัดนํ้ามัน มีความอเนกประสงค์จากตัวถังแฮตช์แบ็ก ภายในห้อง โดยสารกว้างขวาง และฟังก์ชันความปลอดภัยจัดเต็ม ในราคา 8.49 แสนบาท ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด ถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า ขณะที่โตโยต้า อัลติส ไฮบริด ที่สมรรถนะยอดเยี่ยมแต่ต้องจ่ายถึง 9.39 แสนบาท และก็ไม่ได้ของติดรถมาเยอะ เท่านี้นะครับ
เรื่อง : กรกิต กสิคุณ
ภาพ : ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“Gongshu Intelligence Valley’s Eye”ศูนย์นิทรรศการใจกลางหางโจว ที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างอาคารแบบ T-Shaped Cantilever
โครงสร้างอาคารรูปทรงล้ำสมัยคล้ายยานอวกาศ ใจกลางย่านเทคโนโลยีของเมืองหางโจวเป็นที่ตั้งของ Gongshu Intelligence Valley’s Eye ผลงานการออกแบบของ E+LAB บริษัทออกแบบงานสถาปัตยกรรมสัญชาติจีน
Gongshu Intelligence Valley’s Eye ศูนย์จัดแสดงนิทรรศการและการแสดงทางวัฒนธรรม มีแนวคิดการออกแบบรูปทรงอาคารมาจากความเชื่อเรื่องฟ้าดินของชาวจีนโบราณ โดยเลือกใช้ความสัมพันธ์ของรูปทรงเรขาคณิตระหว่าง รูปทรงวงกลมแทนท้องฟ้า และ รูปทรงสี่เหลี่ยมแทนโลกและพื้นดิน
การออกแบบเลือกใช้โครงสร้างแบบ T-Shaped Cantilever โดยฐานของอาคารเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมสูง 2 ชั้น และด้านบนของอาคารเป็นรูปทรงวงกลมแบน ๆ คล้ายกับจานบิน ซึ่งรอบอาคารใช้วัสดุกรุผนังหลักเป็น กระจกใส ทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบอาคารได้ถึง 360 องศา
โครงสร้างแบบ T-Shaped Cantilever
โครงสร้างแบบ T-Shaped Cantilever
ชั้นล่างสุดของอาคารจะพบกับทางเดินเข้าสู่ห้องจัดแสดงนิทรรศการที่ห้อมล้อมผนังกระจกสเตนเลสสีเงิน ที่เพิ่มกิมมิคไม่ให้มีความเรียบจนเกินไป เพื่อดึงดูดความสนใจด้วยลวดลายคล้ายคลื่นทะเลสะท้อนภาพภูมิทัศน์และธรรมชาติ
ภายในพื้นที่หลักของอาคารประกอบด้วยห้องประชุมและพื้นที่จัดแสดง ตรงกลางอาคารเป็นทางเดินลาดวนคล้ายกับอุโมงค์ก้นหอยสู่อวกาศ พร้อมจอฉายภาพโฮโลแกรมตลอดทางเดินขึ้นบันได เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่เกิดจากเทคโนโลยีดิจิทัลแก่ผู้เข้าชมนิทรรศการ
ด้วยความซับซ้อนของโครงสร้างอาคาร โดยเฉพาะโครงสร้างด้านบนอย่างรูปทรงวงกลมที่สูงถึง 24 เมตร ทำให้ต้องใช้วัสดุหลักเป็น คอนกรีต และ เสาเหล็ก ที่มีความเบาแต่ยังมีความแข็งแรงสูง เพื่อลดน้ำหนักของโครงสร้างกับทางเดินวน ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายขนาด
Facade ของอาคารห่อหุ้มด้วยวัสดุ แผ่นอะลูมิเนียมคอมโพสิต สีขาวที่ไม่มีการตกแต่งเพิ่มเติมใด ๆ เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของอาคารให้มีความโดดเด่นด้วยรูปแบบอาคารที่มีความคล้ายกับยานอวกาศแห่งโลกอนาคต
นอกจากนี้ทางทีมสถาปนิกได้นำเอาเทคโนโลยี BIM เข้ามาใช้ในการออกแบบ เพื่อสร้างแบบจำลองรูปภาพโครงสร้าง 3 มิติ เสมือนจริง ที่ทำให้มองเห็นข้อผิดพลาดและได้รับการแก้ไขตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนจะสร้างออกมาเป็นอาคาร เพื่อป้องกันความผิดพลาดและลดค่าใช้จ่ายจากการก่อสร้าง
ไอเดียการออกแบบ Gongshu Intelligence Valley’s Eye นับได้ว่าเป็นการออกแบบโครงสร้างอาคารที่ล้ำสมัยและมีความแปลกตา และการนำเอาเทคโนโลยี BIM ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับวงการก่อสร้าง ที่ช่วยทำให้ผู้ออกแบบ ผู้ร่วมงาน ลูกค้า สื่อสารได้เข้าใจกันง่ายขึ้น เพราะเห็นเป็นภาพเสมือนจริง 3 มิติ แบบชัดเจนมากยิ่งขึ้น
Project Name: Gongshu Intelligence Valley’s Eye
Project Type: Exhibition Center
Location: Hangzhou, China
Architect: E+LAB
Area: 8,934 sq.m.
Year: 2019
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
| ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
|---|---|---|---|
| ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 27,800.00 | 27,900.00 |
| ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,801.00 | 27,303.16 | 28,400.00 |
| ทองรูปพรรณ 90% | 1,620.90 | 24,572.84 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 80% | 1,440.80 | 21,842.53 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 50% | 810.00 | 12,279.60 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 40% | 630.00 | 9,550.80 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,866.00 | 28,288.56 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 13/07/2564
 ปตท. |
 บางจาก |
 เชลล์ |
 เอสโซ่ |
 คาลเท็กซ์ |
 ไออาร์พีซี |
 พีที |
 ซัสโก้ |
 เพียว |
 พรุ่งนี้ |
|
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| แก๊สโซฮอล์ 95 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.45 | 29.75 | 29.75 |
| แก๊สโซฮอล์ 91 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.18 | 29.48 | 29.48 |
| แก๊สโซฮอล์ E20 | 28.24 | 28.24 | 28.24 | 28.24 | 28.24 | – | 28.24 | 27.94 | 28.24 | 28.24 |
| แก๊สโซฮอล์ E85 | 22.94 | 22.94 | – | – | – | – | – | – | – | 22.94 |
| เบนซิน 95 | 37.16 | – | – | – | 37.61 | – | 37.66 | 36.86 | – | 37.16 |
| ดีเซล B7 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 28.79 | 29.29 | 29.29 |
| ดีเซล | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 25.79 | 26.29 | 26.29 |
| ดีเซล B20 | 26.04 | 26.04 | 26.24 | – | 26.04 | – | 26.04 | 25.54 | – | 26.04 |
| ดีเซลพรีเมี่ยม | 34.06 | 34.06 | 35.74 | 35.46 | – | – | – | – | – | 34.06 |
| แก๊ส NGV | 13.99 | 13.99 | – | – | – | – | – | – | – | 13.99 |
