ปี 2564 ‘ปีทอง’ของคนซื้อบ้าน
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิด 3 เหตุผล สนับสนุนปี 2564 ปีทองสำหรับคนซื้อบ้าน
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รายงาน ว่า ตลอดทั้งปี 2563 ที่ผ่านมาประเทศไทยต้องตกอยู่ในสภาะเศรษฐกิจหยุดชะงักด้วยพิษการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ในขณะเดียวกันเมื่อเปิดศักราชใหม่มาในปี 2564 ก็กลับถูกระลอกที่ 2 ของการแพร่ระบาดเล่นงานซ้ำเติมเข้าไปอีก จึงทำให้สถานการณ์ยิ่งดูย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลางวิกฤตก็ยังคงมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่อยากมีบ้านหรือคอนโดหลังแรกเป็นของตัวเองนั้น ในปี 2564 นี้ถือเป็นช่วงจังหวะที่ดีในการตัดสินใจซื้อ โดยมีเหตุผลสนับสนุนหลักๆ ด้วยกัน 3 ประการ ดังต่อไปนี้
มาตรการลดค่าโอนเหลือเพียง 0.01%
โดยปกติแล้วในการจะซื้อบ้านหรือคอนโดนั้น นอกจากราคาบ้านที่เราต้องจ่ายก็ยังมีค่าธรรมเนียมในการโอนและการจดจำนองที่ต้องชำระร่วมด้วย ซึ่งจะเรียกเก็บค่าโอนอยู่ที่ 2 % และค่าจดจำนองอยู่ที่ 1% ของราคาบ้าน นั่นหมายความว่า ถ้าบ้านหลังละ 3 ล้านบาท ก็จะต้องเสียค่าโอนเป็นเงิน 60,000 บาท และค่าจดจำนองอีก 30,000 บาทรวมเป็น 90,000 บาทเลยทีเดียว
แต่ในปี 2564 นี้เพื่อเป็นการเยียวยากระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระให้กับประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัย จึงได้มีการประกาศใช้มาตรการลดหย่อนออกมา โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ – 31 ธันวาคม 64 นี้ ให้ลดค่าโอนและค่าจดจำนองเหลือเพียง 0.01% เท่านั้น
สำหรับบ้านและคอนโดหลังแรกที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้หากบ้านราคาหลังละ 3 ล้าน จากเดิมที่เคยต้องเสียค่าธรรมเนียม 90,000 บาท จะเสียเพียงแค่ 600 บาทเท่านั้น หรือสรุปง่ายๆ คือ เราจะเสียค่าโอนและจดจำนองล้านละ 200 บาทนั่นเอง จึงทำให้การซื้อบ้านในปี 64 เป็นเรื่องง่ายมากขึ้นเพราะเสียค่าใช้จ่ายน้อยลงกว่าเดิมเป็นจำนวนมาก
ราคาบ้านสมเหตุสมผล ไม่แพง ถูกกว่าที่เคย
เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่หยุดชะงักไปในปี 2563 ทำให้ยอดขายบ้านและคอนโดปรับลดลง ในขณะเดียวกันยอดโอนกรรมสิทธิ์ก็ลดตามลงไปด้วย โดยยังมีหน่วยเหลือขายอยู่ในตลาดพอสมควร ทางผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จึงยังไม่เร่งเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 64 นี้ แต่จะเน้นทยอยขายระบายสต็อก ส่งผลให้ราคาบ้านและคอนโดไม่ขยับตัวสูงขึ้น และเป็นโอกาสอันดีของคนที่มีสถานะการเงินพร้อมในการตัดสินใจซื้อบ้าน เพราะจะทำให้ได้บ้านที่ราคาไม่แพง สมเหตุสมผล หรืออาจถูกกว่าสถานการณ์ปกติ
ซึ่งหากสถานการณ์โควิด 19 คลี่คลายไป สภาพเศรษฐกิจค่อยๆ กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ราคาบ้านและคอนโดก็จะค่อยๆ ขยับปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดิมจากตอนนี้แน่นอน
มีโปรโมชั่นดีๆ ให้เลือกมากมายสำหรับคนอยากมีบ้าน
เพื่อเป็นการเร่งระบายสต็อก ให้มีกระแสเงินสดหมุนเวียนได้ดี ผู้ประกอบการอสังหาฯ จึงมีการจัดโปรโมชั่นทางการขายมากมายให้สามารถปิดการขายระบายสต็อกให้ได้มากที่สุด รวมถึงกลยุทธ์การแข่งขันด้านราคาก็ยังเป็นสิ่งที่จะคงเห็นกันต่อไปจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 จะคลี่คลาย โดยตัวอย่างแคมเปญการตลาดที่เอื้อต่อการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้ง่ายมากขึ้น ในช่วงไตรมาสแรกของปี 64 ก็เช่น
ผ่อนให้ 24 เดือนของ แสนสิริ
ยังไม่ต้องกู้ เข้าอยู่ได้เลย ของ LPN
อั่งเปา อินเลิฟ อยู่ฟรี 24 เดือน แคชแบ็ค สูงสุด 3 แสน ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน ของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟ็ค
มหกรรมแจกฟรี อยู่ฟรี ดอกเบี้ยฟรี ส่วนกลางฟรี สูงสุด 36 เดือนของ พฤกษา ฯลฯ
แม้สถานการณ์โรคระบาดจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว และหลายๆ ภาคส่วนได้รับผลกระทบ แต่สำหรับผู้ที่ยังสามารถมีกำลังซื้อ และมีสถานะทางการเงินที่ดีอยู่ มีงานประจำทำมั่นคงอยู่ได้นั้น ในปี 2564 นี้ ถือเป็นช่วงเวลาดีที่จะทำให้ความฝันในการมีบ้านหรือคอนโดเป็นของตัวเองสำเร็จได้ง่ายมากขึ้น แต่ถึงแม้จะมีปัจจัยสนับสนุนตามที่กล่าวมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมาตรการของภาครัฐ และโปรโมชั่นราคาจากผู้ประกอบการ
ในการตัดสินใจจะซื้อบ้านสักหลังก็ยังคงต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบ รัดกุม ประเมินสถานะทางการเงินให้พร้อม จัดเตรียมเอกสารการขอกู้ให้เรียบร้อย เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ และสามารถผ่านชำระค่างวดได้อย่างราบรื่น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันในภายหลัง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
คอนโดฯพัทยา‘น่วม’ ศึกนี้อีกยาวไกล
การเปิดตัวของโครงการคอนโดมิเนียม พื้นที่พัทยา อัตราสูงสุดในรอบ 5 ปี ราว15,500 ยูนิต เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมานั้น สะท้อนให้เห็นถึงความร้อนแรงของตลาดคอนโดมิเนียม พัทยา ว่ามีสัญญาณกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้าชะลอตัวไปนานนับ 4 ปี จากจำนวนซัพพลายที่โตอย่างรวดเร็ว สวนทางดีมานด์ไปมาก
โดยการฟื้นตัวดังกล่าว เกิดขึ้น ทันทีเมื่อแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ในภาคตะวันออกที่มีความคืบหน้าและความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของประเทศไทย หรือ Eastern Economic Corridor: EEC ที่รัฐบาลเดินหน้าผลักดันอย่างเต็มที่ในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับ ผลพ่วงสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกา ณ ขณะนั้น ทำให้นักลงทุนจีน ต่างตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาพการฟื้นตัวดังกล่าว เกิดขึ้นได้ไม่นานถึงปี เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสเกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นวงกว้างตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2563 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน พัทยา ถูกคำสั่งล็อกดาวน์ เพื่อคัดกรองและสอบสวนไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบค่อนข้างรุนแรงต่อผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมในพื้นที่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นาย ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความจำเป็นต้องปิดประเทศ หยุดการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ทำให้ตลาดคอนโดฯพัทยา กลับมาอยู่ในจุดที่น่าเป็นห่วงอีกครั้ง
สะท้อน จากจำนวนซัพพลายเปิดใหม่ตลอดทั้งปี 2563 ที่ปรับตัวลดลงกว่า 87% เหลือเพียง 1,396 ยูนิต เท่านั้น แม้ช่วงครึ่งปีหลัง สถานการณ์ของการแพร่ระบาดในระลอกแรก มีสัญญาณดีขึ้น แต่ก็พบมีโครงการเปิดใหม่เข้ามาในตลาดเพียง 2 โครงการ จำนวน 916 ยูนิตเท่านั้น
ทั้งนี้ มาจาก กลุ่มผู้ซื้อชาวจีนและชาติในกลุ่มเอเชีย ซึ่งเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของตลาดคอนโดฯพัทยาในช่วงหลายปี หดหายไปเป็นศูนย์ ขณะการหวังพึ่งพานักลงทุนคนไทยในประเทศ ก็กลับเผชิญกับ กำลังซื้อที่ชะลอตัว แม้ว่าทางธนาคารแห่งประเทศ ไทย ปรับลดความเข้มงวดมาตรการ อัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้าน หรือ LTV ในบางข้อลง แต่ไม่ดึงดูดพอที่จะทำให้ลูกค้าที่ต้องการคอนโดฯไว้สำหรับการพักผ่อนเป็นบ้านหลังที่สอง กลับมาตัดสินใจซื้อ ท่ามกลางอัตราการขายต่ำเฉลี่ย 68%
ความกังวลดังกล่าว ยังไม่น่าเป็นห่วง เท่ากับการพบว่าโครงการที่เปิดขายใหม่ในปีก่อนหน้า บางโครงการยอดขายยังไม่สูงมาก ส่งผลให้อุปทานเหลือขายในตลาดเพิ่มขึ้นกว่า 20,000 ยูนิต ในทุกพื้นที่ของเมืองพัทยา
“ยูนิตที่เหลือขายอยู่ในตลาดอีกเป็นจำนวนมากสร้างความกังวลใจให้กับผู้พัฒนาไม่น้อย ซึ่งพบว่า ผู้พัฒนาหลายราย เลือกที่จะหยุดพัฒนาโครงการชั่วคราว และบางรายเลือกที่จะประกาศขายที่ดิน-โครงการให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาพัฒนาต่อ ซึ่งพบว่าปัจจุบันมีโครงการคอนโดฯ หยุดการขายและการก่อสร้างหลายโครงการ หรือบางราย นำยูนิตเหลือขายที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ มาปรับลดราคาลง30-50% ฉุดให้ภาพรวมราคาตกต่ำลงไปอีก”
สำหรับตลาดคอนโดฯในพื้นที่พัทยาในปี 2564 นั้น นายภัทรชัย คาดการณ์ว่า ผู้พัฒนาจะยังคงเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป ส่งผลให้การเปิดตัวโครงการใหม่ในพื้นอาจมีเพียงแค่ไม่เกิน 1,500 ยูนิตเท่านั้น โดยพื้นที่จอมเทียนและนาจอมเทียน ยังคงป็นทำเลที่ผู้พัฒนาทั้งคนไทยและกลุ่มทุนต่างชาติ ให้ความสนใจเข้าไปพัฒนาโครงการ เนื่องจากราคาที่ดินไม่สูงมาก
หากประเมินจาก โครงการที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการพัฒนาโครงการใหม่ ที่เปิดเผยไว้ในช่วงปี 2563 นั้น ประกอบไปด้วยผู้พัฒนา Lunic Real Estate Co.,Ltd ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่มากกว่า 1,400 ยูนิต และ Interstellar Co.,Ltd อีกประมาณ 300 ยูนิต บจ. ดุสิต ไฮท์ ทาวเวอร์ เตรียมพัฒนาโครงการ ดุสิต แกรนด์ พาร์ค 3 อีกประมาณ 1,334 ยูนิต และล่าสุดที่ดินแปลงใหญ่ติดถนนเลียบชายหาดจอมเทียน บจ. เอวา แลนด์ ดีเวลลอปเมนท์ เตรียมเปิดตัว ลักซูรี่ คอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ อารมณ์ จอมเทียนอีกประมาณ 315 ยูนิต เป็นต้น นับรวมทั้งสิ้นนับ 3,000 ยูนิต
อย่างไรก็ตาม พบว่าทำเลดังกล่าว เดิมยังคงมีโครงการคอนโดฯที่อยู่ระหว่างการขายอีกมากกว่า 40 โครงการ ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการหลายรายตัดสินใจหยุดการขายและการก่อสร้างโครงการของตัวเองชั่วคราว จึงจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง
สำหรับภาพการฟื้นตัวของตลาดคอนโดฯพัทยานั้น นายภัทรชัย ประเมินไว้ว่า อย่างต่ำต้องใช้เวลานานนับ 1-2 ปี หรือ ราวปี 2565 ตลาดถึงจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ การเกิดขึ้นของกฎหมายอีอีซี ที่อาจจะได้รับการยกเว้นกฎหมายผังเมืองและผังเมืองใหม่ ก่อให้มีกฎหมายเฉพาะด้านภายในพื้นที่ รวมถึงการให้สิทธิ์คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินการซื้ออาคารชุดทั้ง 100% อาจเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ ที่จะช่วยผ่อนคลายผู้พัฒนาคอนโดฯกลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้ง ในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
หุ้นไทย15ก.พ.64 ดัชนีมีลุ้นรีบาวด์ตามตลาดเอเชีย
เมื่อวันที่ 15 ก.พ.64 นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวกกันราว 0.5% แต่ก็มีบางตลาดได้ปิดทำการอย่างจีน, ไต้หวัน และคืนนี้ตลาดสหรัฐฯก็จะปิดทำการด้วย โดยตลาดบ้านเราคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และเช้านี้ราคาน้ำมันฟิวเจอร์สก็พุ่งอีกเกือบ 2% ซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้ เป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศได้มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง และนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯก็ได้จัดหาวัคซีนโควิด-19 ได้เพิ่มอีก 200 ล้านโดส ซึ่งครอบคลุมประชากรของสหรัฐฯ ส่งผลให้คาดหวังว่าเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวได้ดี ส่งผลให้หุ้นวัฎจักรในสหรัฐฯต่างปรับตัวข้นได้ดีเมื่อวันศุกร์ทีผ่านมา และคาดว่าหุ้นวัฎจักรในตลาดบ้านเราที่มีมากจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย
อย่างไรก็ดี การรีบาวด์ของตลาดอาจจำกัด จากการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบัน หลังจากที่หุ้น OR จะเข้า SET50 มีผล 17 ก.พ. และเข้า MSCI มีผล 26 ก.พ.นี้ ทำให้ต้องเผชิญแรงขายทำกำไรบ้าง นอกจากนี้ปัจจัยการเมืองก็ยังต้องติดตามในเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้
พร้อมให้แนวรับ 1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,520-1,530 จุด
ด้านสมาคมค้าทองคำรายงานราคาทองคำประจำวัน ราคาไม่เปลี่ยนแปลง โดยทองแท่งรับซื้อ 25,750 บาท ขายออก 25,850 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อ 25,286.88 บาท ขายออก 26,350 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
พ่อค้าพลอยรายแรก ติดโควิดสายแอฟริกาใต้ คลัสเตอร์ปทุมธานีว่อน แนวโน้มโลกป่วยลดลง
ผู้ติดเชื้อโควิด-19 คลัสเตอร์ตลาดสด จ.ปทุมธานี ยังแผลงฤทธิ์ไม่จบ ยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มนอกพื้นที่ ด้านกรมควบคุมโรคชี้จุดพบผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่กลางตลาดพรพัฒน์ ที่อากาศไม่ค่อยถ่ายเท หนำซ้ำผู้ค้าตระเวนขายหลายตลาด ทำให้เชื้อกระจาย ขณะเดียวกัน ยอมรับพบรายแรก หนุ่มไทยพ่อค้าพลอยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ แต่ขอให้มั่นใจคุมเชื้อได้ไม่หลุดสู่ชุมชน ด้านภาพรวมติดเชื้อในประเทศเริ่มดีขึ้น ส่วนทั่วโลกจัดฉีดวัคซีนไปแล้ว 139 ประเทศ แนวโน้มผู้ติดเชื้อใหม่ลดลง
การพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รายใหม่ในไทยยังคงแกว่งไปมา หลังลดต่ำกว่า 150 คน เป็นครั้งแรกของเดือน ก.พ.ไปเมื่อวันที่ 13 ก.พ. แต่ยอดกลับมาพุ่งขึ้นอีกในวันถัดมา คลัสเตอร์จากตลาดสด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และแม่สอด จ.ตาก ยังต้องลุ้นผลตรวจรายวัน
ติดเชื้อรายใหม่ 166 คน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ก.พ. เวลา 11.30 น. ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ของศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 166 คน ในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อในประเทศ 138 คน คือผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 49 คน (พบที่ กทม. 11 คน สระบุรี 2 คน นครปฐม 1 คน นครราชสีมา 1 คน สมุทรปราการ 1 คน สมุทรสาคร 33 คน) และจากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 89 คน (พบที่ จ.สมุทรสาคร 11 คน นนทบุรี 1 คน ระยอง 3 คน ตาก 7 คน และปทุมธานี 67 คน) นอกจากนี้เป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศอีก 28 คน โดยมาจากแทนซาเนีย 8 คน รัสเซียและอินเดียประเทศละ 3 คน โมซัมบิกและการา ประเทศละ 2 คน เยอรมนี มัลดีฟส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิตาลี ปากีสถาน คาซัคสถาน ไนจีเรีย อียิปต์ สหราชอาณาจักร และสเปน ประเทศละ 1 คน ทำให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 24,571 คน หายป่วย 22,111 คน รักษาตัวอยู่ 2,380 คน ในจำนวนนี้กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,021 คน และโรงพยาบาลสนาม 1,359 คน ผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 80 คน
พบติดเชื้อโควิดซ้ำ 1 คน
ข้อมูล ศบค.ระบุว่าในกลุ่มผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการพบที่ กทม.รวม 11 คนนั้นเป็นสัญชาติไทย 10 คน และเมียนมา 1 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้เคยมีประวัติติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว 1 คน ส่วนที่พบผู้ติดเชื้อใน จ.สมุทรสาคร 33 คนนั้นเป็นสัญชาติไทย 21 คน และเมียนมา 12 คน ส่วนการตรวจค้นหาเชิงรุกในชุมชน 89 คน พบว่าใน จ.ปทุมธานีมียอดสูงถึง 67 คน ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค ส่วนการใช้ผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะ 56,875,064 คน และผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะ 1,974,360 คน มีกิจการร้านค้าลงทะเบียนแล้ว 385,570 แห่ง เพิ่มขึ้นเพียง 238 แห่ง และจากสถิติพบว่ามีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มขึ้น 13,736 ครั้ง ทำให้มียอดรวมทั้งสิ้น 2,978,064 ครั้ง ทั้งนี้ จากสถิติส่วนใหญ่ของผู้ที่เช็กอินไปในสถานที่ต่างๆ ส่วนใหญ่จะเช็กอินผ่านแพลตฟอร์มร้อยละ 88.6 และผ่านแอปพลิเคชันร้อยละ 11.4
มาเลย์–อินโดฯ ยังน่าห่วง
ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า กระทรวงสาธารณสุข เจ้าหน้าที่จากสถาบันบำราศนราดูร ได้รับพระกรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีทรงห่วงใยและตระหนักถึงความเดือดร้อนของผู้ปฏิบัติหน้าที่ได้พระราชทานอาหารกลางวันให้กับแพทย์ พยาบาล ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้าผู้ติดเชื้อของสถาบันบำราศฯอย่างต่อเนื่องทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ.เป็นต้นมา เป็นเมนูอาหารที่คำนึงถึงความสด สะอาด ถูกหลักอนามัย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ส่วนสถานการณ์ทั่วโลกนั้นพบว่ามีผู้ติดเชื้อสะสม 109 ล้านคน มีแนวโน้มค่อยๆลดลง มาจากหลายมาตรการของประเทศต่างๆคือการสวมหน้ากากอนามัยที่เพิ่มขึ้นการเว้นระยะห่าง การล็อกดาวน์ประเทศ การควบคุมการเดินทาง เป็นต้น แต่จำนวนผู้ติดเชื้อยังสูง ผู้เสียชีวิตสะสม 2.4 ล้านคน หรือเฉลี่ยร้อยละ 2.2 สำหรับทวีปเอเชียประเทศที่ยังน่าเป็นห่วงคือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ส่วนไทยยอด ณ วันที่ 14 ก.พ. คือ 166 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 138 คน จากต่างประเทศ 28 คน น่าสังเกตว่าเป็นตัวเลขค่อนข้างมาก รวมยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ คือ 20,334 คน หายป่วย 17,934 คน เสียชีวิตคงเดิมที่ 80 คน
แนวโน้มในประเทศทรงตัว
สำหรับการควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร นพ.โอภาสกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระยะการควบคุมพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูงในโรงงานที่เรียกว่า บับเบิลแอนด์ซิล และยังคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่รอบๆโรงงานที่ปิดล้อมไว้ แต่เนื่องจากพื้นที่รอบๆความชุกของโรคไม่สูง ทำให้สถานการณ์ในภาพรวมของ จ.สมุทรสาคร ดูเหมือนจะควบคุมได้ดี มีผู้ป่วยวันที่ 14 ก.พ. 44 คน เป็นผู้ป่วยที่เข้ามารับ บริการในโรงพยาบาล 33 คน ค้นหาเชิงรุก 11 คน และจากการติดตามข้อมูลพบว่าผู้ที่มาเข้ารับบริการในโรงพยาบาล ส่วนใหญ่คือคนที่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อในโรงงานนั้นๆมาตรวจซ้ำอีกครั้ง ส่วนสถานการณ์ในกรุงเทพฯ พบผู้ป่วยบางวันเพิ่ม บางวันลด ทำให้ภาพรวมแนวโน้มการพบผู้ป่วยในประเทศค่อนข้างทรงตัว การค้นหาเชิงรุกแม้จะมีการค้นหาจำนวนมาก ก็ไม่ได้พบผู้ป่วยจำนวนมากเหมือนเดิม แปลว่าแหล่งที่มีการแพร่ระบาดใหญ่ๆเริ่มน้อยลง ส่วนใหญ่เป็นแหล่งเล็กๆ และการติดเชื้อไม่ค่อยสูง เพราะฉะนั้นถ้าเรายิ่งค้นหาเชิงรุกในกลุ่มที่มีความเสี่ยงแพร่กระจายเชื้อได้เร็ว การติดเชื้อก็จะไม่ขยายไปในวงกว้าง
พบจุดระบาดอยู่กลางตลาด
ส่วนกรณีการติดเชื้อในตลาดพรพัฒน์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นพ.โอภาสกล่าวว่า ทีมสอบสวนโรครวบรวมข้อมูลพบผู้ติดเชื้อแล้ว 175 คน เป็นคนไทย 111 คน คนต่างด้าว 64 คน และเมื่อดูจากแผนผังของตลาด จะพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ตรงกลางตลาด ปัจจัยการแพร่ระบาดของตลาดคือ แม่ค้าค้าขายหลายตลาด เช่น วันจันทร์ขายที่ จ.สมุทรสาคร วันอังคาร ขายที่ จ.เพชรบุรี วันพุธ ขายที่ จ.ปทุมธานี ทำให้เกิดการติดเชื้อในที่ต่างๆได้รวดเร็ว กรณีนี้พบว่าผู้ป่วยรายแรกเป็นผู้ป่วยที่ไปค้าขายที่ จ.สมุทรสาคร และ จ.ปทุมธานีด้วย โดยตลาดแห่งนี้วางแผงตั้งขายเป็นล็อกๆ แต่หลังคาค่อนข้างเตี้ย ตรงกลางอากาศไม่ค่อยถ่ายเท แม่ค้านั่งอยู่นาน รับประทานอาหารด้วยกัน และเป็นอาคารโล่ง อากาศร้อน ทำให้แม่ค้าอาจเผอเรอไม่ได้สวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลา เป็นจุดที่ตลาดต้องพิจารณาเรื่องการถ่ายเทอากาศ การเคร่งครัดการสวมหน้ากากตลอดเวลา รวมทั้งการระบุคนที่เข้า-ออกตลาด เพราะแม่ค้าไปมาหลายตลาด ขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางไปตลาด ทั้งผู้ค้าและผู้ไปใช้บริการ ต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา
ผู้ค้าขายหลายที่ทำเชื้อกระจาย
“กรมควบคุมโรคขอแจ้งเตือน เนื่องจากพบว่าแม่ค้าหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดพรพัฒน์เดินทางไปหลายจังหวัด ทั้งเยี่ยมญาติหรือค้าขาย ทำให้โรคแพร่กระจายไป เช่น กรณีที่พบผู้ป่วย อายุ 7 ขวบ ที่ จ.นครราชสีมา ติดจากแม่ที่ค้าขายในตลาดนี้ ทำให้ จ.นครราชสีมาพบผู้ติดเชื้อ ดังนั้น แม่ค้าหรือคนที่ เคยสัมผัสกับแม่ค้าที่ขายที่ตลาดพรพัฒน์ ช่วงวันที่ 9-13 ก.พ.นี้ หรือก่อนหน้านี้ 7 วัน ให้ไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อขอรับคำแนะนำ ถ้าเป็นผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อแล้วรีบไปตรวจ จะได้ควบคุมโรคได้ในจังหวัดนั้น เหมือนกรณีเด็กอายุ 7 ขวบ ซึ่งทราบว่าติดเชื้อจากแม่ ก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม” นพ.โอภาสกล่าวและว่า กรณีใน อ.แม่สอด จ.ตาก ขณะนี้มีการตรวจเชิงรุกที่ชุมชนตลาดสีมอย ตลาดพาเจริญ ชุมชนอันซอย โรงงาน และซุ้มเลี้ยงไก่ชน พบผู้ติดเชื้อแล้ว 112 คน เชื่อมโยงกับชาวเมียนมา ผู้ป่วยร้อยละ 89.29 เป็นชาวเมียนมา
คนไทยติดเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาใต้
กรณีไทยผู้ป่วยสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นเชื้อกลายพันธุ์ นพ.โอภาสกล่าวว่า สายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์จี ส่วนสายพันธุ์อังกฤษ พบในสถานที่กักกันของรัฐ เดือน ม.ค. สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ตรวจพบเป็นรายแรกในประเทศในสถานที่กักกันของรัฐเช่นกัน 1 คน เป็นชายไทย อายุ 41 ปี ไปงานรับซื้อพลอยที่ประเทศแทนซาเนีย 2 เดือน เดินทางกลับไทยโดยต่อเครื่องที่เอธิโอเปีย ถึงไทยวันที่ 29 ม.ค. และเข้าสถานที่กักตัวของรัฐ ตรวจพบเชื้อวันที่ 3 ก.พ. และเข้าโรงพยาบาล กรมควบคุมโรคตรวจสอบสถานที่กักกันโรค เจ้าหน้าที่รัฐ และโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องรวม 41 คน ทุกคนสวมชุดป้องกันพีพีอีค่อนข้างดี รวมทั้งผลตรวจในห้องปฏิบัติการเป็นลบทั้งหมด
มั่นใจคุมได้ไม่ให้เชื้อกระจาย
“สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ส่วนใหญ่ระบาดในยุโรป แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย อเมริกา ส่วนเอเชียยังไม่ค่อยพบ แต่ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีผลกระทบต่อประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าผู้ป่วยรายนี้เข้าสู่ระบบกักตัว 14 วัน ทำให้ตรวจเชื้อพบในสถานที่กักตัวและนำส่งโรงพยาบาล ไม่มีการแพร่กระจายเชื้อออกไปนอกโรงพยาบาล เพราะฉะนั้น มาตรการการกักตัว การตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติการตั้งแต่ระยะแรก ทำให้เราสามารถควบคุมสายพันธุ์ต่างๆ ไม่ว่าจะกลายพันธุ์หรือไม่ ไม่สามารถกระจายไปสู่ชุมชนได้ ขอให้ประชาชนมั่นใจ” นพ.โอภาสกล่าว และอธิบายถึงเชื้อกลายพันธุ์มีความสำคัญ จะต้องมีปัจจัยสำคัญ 2 เรื่องคือ 1.จะต้องดูว่ากลายพันธุ์แล้วทำให้การติดต่อง่ายขึ้น สายพันธุ์หนึ่งที่เรากำลังจับตามอง คือ สายพันธุ์อังกฤษ พบว่าระบาดง่ายขึ้น และ 2.กลายพันธุ์แล้วทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพลดน้อยลง ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ทั่วโลกกำลังจับตาคือ สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ซึ่งมีข้อมูลเบื้องต้นว่าอาจทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพน้อยลง โดยมีข่าวว่าประเทศแอฟริกาใต้ต้องระงับการฉีดวัคซีนบางชนิด เป็นต้น ส่วนการกลายพันธุ์แล้วทำให้โรครุนแรงขึ้นนั้น ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีสายพันธุ์ไหนที่กลายพันธุ์แล้วมีอาการรุนแรงมากขึ้นอย่างชัดเจน แต่ขณะนี้ที่พบคือการกลายพันธุ์ทำให้โรคระบาดรวดเร็วขึ้น แต่ความรุนแรงน้อยลง
เคสติดซ้ำใน กทม.แค่ซากเชื้อ
ส่วนกรณีมีข่าวพบผู้ติดเชื้อในกรุงเทพฯ ติดเชื้อซ้ำนั้น จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้เคยเดินทางมาจากต่างประเทศ และกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศอีกครั้ง จึงมาเข้ารับการตรวจหาเชื้อ พบผลบวก โดยมีค่าซีที ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกว่า เจอเชื้อน้อยมาก หรือที่บางคนเรียกว่าซากเชื้อ ส่วนภูมิคุ้มกันพบว่าเป็นบวก ดังนั้น กรณีนี้น่าจะเป็นคนที่เคยติดเชื้อมาแล้วจากการระบาดในครั้งแรก และพบซากเชื้อ ซึ่งไม่น่าจะเป็นการติดเชื้อโควิดซ้ำ แต่ได้นำเชื้อไปถอดรหัสพันธุกรรมและนำผู้ป่วยมาดูแลอย่างใกล้ชิด
รังสิตสั่งปิดโรงเรียน 12 แห่ง
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายเทศบาลนครรังสิต ประกาศแจ้งปิดสถานศึกษาในสังกัดเทศบาลนครรังสิต ทั้ง 12 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนนครรังสิต สิริเวชชะพันธ์ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ โรงเรียนนครรังสิต รัตนโกสินทร์ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ โรงเรียนนครรังสิต เทพธัญญะอุปถัมภ์ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ โรงเรียนนครรังสิต เทพธัญญะอุปถัมภ์ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ โรงเรียนนครรังสิต เปรมปรีดิ์ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ โรงเรียนเพียรปัญญา และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ สินสมุทร ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ เอื้ออาทรรังสิต โรงเรียนดวงกมล และโรงเรียนมัธยมนครรังสิต ตั้งแต่วันที่ 15-19 ก.พ.นี้ และให้มาเรียนตามปกติในวันที่ 22 ก.พ.โดยระหว่างปิดสถานศึกษาให้จัดการเรียนการสอนออนไลน์
ตรวจเชิงรุกพบติดอีก 41 คน
นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ขอความร่วมมือให้ประชาชนที่เดินทางไปบริเวณตลาดสุชาติ-ตลาดพรพัฒน์ รังสิต ในช่วงระหว่างวันที่ 29 ม.ค.-11 ก.พ.2564 ในกรณีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เช่น สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันไปซื้อสินค้า-อาหารในตลาดเป็นประจำ จะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ติดต่อเพื่อประสานเข้ารับการตรวจโควิด-19 ท่านที่สงสัยว่าสัมผัสเสี่ยงสูง เช่น ผู้ไปซื้อสินค้า-อาหารในตลาดเป็นประจำ ไม่ได้ป้องกันตัวอย่างเหมาะสม หรือมีอาการติดเชื้อ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูล เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่ได้รับรส หรือถ่ายเหลว อย่างใดอย่างหนึ่ง สามารถเข้ารับการตรวจโควิด-19 ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือ ณ จุดตรวจเชิงรุกตลาด พรพัฒน์ วันที่ 13-17 ก.พ.64 ได้เลย โดยยอดรวมตั้งแต่วันที่ 9-13 ก.พ.จังหวัดปทุมธานี ตรวจหาเชื้อไปแล้วทั้งหมดรวม 1,333 คน พบผู้ติดเชื้อรวม 175 คน คนไทย 111 คน และต่างด้าว 64 คน และในวันที่ 14 ก.พ.พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 41 คน เป็นคนไทย 22 คน ต่างด้าว 19 คน
ล้าง 22 ตลาดพร้อมเปิดปกติ
ส่วนที่ จ.สมุทรสาคร ตลอดช่วงเช้า เจ้าหน้าที่เทศบาลนครสมุทรสาคร นำรถน้ำดับเพลิงที่บรรทุกน้ำคลอรีนเข้มข้น เข้ามาฉีดพ่นตลาดในพื้นที่ฝั่งมหาชัย ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร อีกครั้ง หลังเข้ามาพ่นยาไปเมื่อวันที่ 12 ก.พ.และถือเป็นวันสุดท้ายในปฏิบัติการล้าง 22 ตลาดใหญ่ เช่น ตลาดถนนสุขาภิบาล ตลาดสดมหาชัย และตลาดรถไฟ เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อ ผู้บริโภค และผู้ขาย ทำให้ในวันที่ 15 ก.พ.จะเปิดตลาดให้ค้าขายได้ 21 แห่ง เว้นตลาดรถไฟ ที่ต้องปิดปรับปรุงต่อไป และจะเปิดได้ในวันที่ 18 ก.พ.นี้ ขณะที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร รายงานว่า เมื่อเวลา 24.00 น. วันที่ 13 ก.พ. พบผู้ป่วยรายใหม่ 44 คน เป็นการพบจากการตรวจค้นหาเชิงรุก 11 คน ที่เหลือ 33 คนเป็นการตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาล เป็นคนต่างด้าวทั้งหมด ทำให้ในจังหวัดมีผู้ติดเชื้อสะสม 15,668 คน เป็นคนไทย 2,602 คนและต่างด้าว 13,066 คน
“ผู้ว่าฯปู” หายใจได้เองทั้งวัน
ขณะที่ความคืบหน้าอาการผู้ว่าฯสมุทรสาคร รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ระบุว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายวีระศักดิ์ (ปู) วิจิตร์แสงศรี รักษาตัวในไอซียูโควิดของศิริราชรวม 34 วัน พบว่าปอดดีขึ้นและตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา สามารถหายใจได้เองตลอดทั้งวันและคืนโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วย รวมทั้งสามารถเขียนหนังสือด้วยมือซ้ายที่ถนัด เขียนชื่อตัวเอง ชื่อแพทย์เจ้าของไข้ แถมการลงชื่อกำกับได้ ล่าสุดวันแห่งความรักแม้จะหน้าแหยไปบ้างเมื่อเล่าว่าเมื่อคืนทีมหงส์แดงพ่ายทีมจิ้งจอกสีน้ำเงิน ที่มีตัวหนังสือติดหน้าอกหราว่า “Thailand smiles with you” แต่ผู้ว่าฯ ก็ตั้งใจวาดดอกกุหลาบเป็นของขวัญมอบให้กับศรีภริยา และให้ภรรยาช่วยเปิดโทรศัพท์เพื่อเปิดเพลงบึงสีไฟ ที่ท่านแต่งและร่วมขับร้องเมื่อสามปีก่อน ขณะที่เป็นผู้นำทุกภาคส่วนร่วมฟื้นฟูบึงใหญ่ใจกลางเมือง ขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร การแพทย์ช่วยคลี่คลายภาวะวิกฤติสุขภาพ ของท่านได้ แต่พลังบวกจากคนรอบข้างโดยเฉพาะภรรยาคู่ชีวิตมีส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็ม การฟื้นตัว อย่างรวดเร็วของท่านอาจเป็นปาฏิหาริย์ หรืออาจเป็นผลจากกรรมดีที่ท่านกระทำ แต่ตนเชื่อว่ามันมีอานุภาพแห่งรักมาหนุนนำด้วยแน่ ปฏิบัติการขั้นต่อไปของพวกเราต่อจากวันนี้ ขอให้ชื่อว่า “คืนปูสู่สาคร”
พ่อเมืองตากโวคุมแม่สอดได้
ส่วนที่ จ.ตาก ช่วงสายวันเดียวกัน นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผวจ.ตาก เปิดเผยหลังนำคณะ เข้าตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในการควบคุมโรคในชุมชนมัสยิดอันซอร์ เขตเทศบาลนครแม่สอด และท่าเรือที่ 13 คลังจักรยานมือสอง ในพื้นที่บ้านท่าอาจ ตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด ว่าพื้นที่แพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่อำเภอแม่สอด ขณะนี้เริ่มสงบเพราะเจ้าหน้าที่ทีมสอบสวนโรค โรงพยาบาลแม่สอด และสาธารณสุขจังหวัดตาก รายงานว่า สามารถควบคุมอยู่ในวงจำกัด คลัสเตอร์ต่างๆ ขีดวงจำกัดเข้ามาหมดแล้ว โดยนำตัวกลุ่มเสี่ยงทุกกลุ่มเข้าระบบหมดแล้ว จึงมั่นใจได้ว่าเราควบคุมโควิดในพื้นที่อำเภอแม่สอดได้แล้ว
ดีเจมะตูมเลื่อนให้ปากคำ
สำหรับการดำเนินคดี “ดีเจมะตูม” กรณีจัดปาร์ตี้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จนทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ถึงการออกหมายเรียกนายเตชินท์ พลอยเพชร หรือ “ดีเจมะตูม” มารับทราบข้อกล่าวหาในความผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ และผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า เจ้าตัวยังไม่ได้แจ้งว่าจะมาเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 15 ก.พ.หรือไม่ แต่หากไม่มาก็ต้องออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ขณะที่รายงานข่าวแจ้งว่า ทนายความของดีเจมะตูมได้แจ้งกับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ว่าขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาไปก่อน ทั้งนี้หากวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ดีเจมะตูมไม่ติดต่อเข้ามา พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกอีกครั้งต่อไป
ทั่วโลกฉีดวัคซีนแล้ว 139 ประเทศ
สำหรับความคืบหน้าสถานการณ์โควิด-19 ในต่างแดน ยอดติดเชื้อรวมทั่วโลกพุ่งเป็น 109.1 ล้านคน เสียชีวิตรวมกว่า 2.4 ล้านคน ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถิติการฉีดวัคซีนต้านไวรัสในประเทศต่างๆ ระบุว่ามีอย่างน้อย 139 ประเทศที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว แบ่งเป็นวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค 57 ประเทศ แอสตราเซเนกาฯ 34 ประเทศ โมเดอร์นา 27 ประเทศ ซิโนฟาร์ม 10 ประเทศ สปุตนิกวี 5 ประเทศ ซิโนแวค 5 ประเทศ ในเอเชียที่ยังไม่เริ่มฉีดวัคซีนอย่างเป็นทางการ มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ลาว เวียดนาม ไทย มาเลเซีย ส่วนจีนฉีดแล้วในอัตรา 1-10 คนต่อประชากร 100 คน เช่นเดียวกับอินโดนีเซียและเมียนมา ที่ฉีดวัคซีนในอัตราน้อยกว่า 1 คนต่อประชากร 100 คน
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
สอนใช้ “Not only …. but also ….”
Not only but also ใช้ยังไงไม่ให้งง
Not only but also ไม่เพียงแค่…..แต่ยัง…อีกด้วย เป็นคู่คำเชื่อมที่หลายคนบอกว่า ช่างชวนงงเอาเสียจริง ไม่อยากใช้แต่ยังไงก็ต้องเจออยู่ดี Not only but also เป็น Double Conjunction คำเชื่อมที่มาแบบแพคคู่ที่มีหลักการใช้ที่ซับซ้อน แต่หากเราจับประเด็นของมันได้รับรองว่าจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว
หลักการใช้ Not only but also
Not only but also ที่ใช้เชื่อมประธานสองตัว
คอนเซ็ปของ Not only but also ที่ใช้เชื่อมประธาน นั่นหมายความว่า มีประธานอยู่ 2 คน แต่ทำกริยาอย่างเดียวทำเท่านั้น
ยกตัวอย่าง
Not only Reena but also Sisa likes to eat bubble milk tea.
ไม่เพียงแค่รีน่าเท่านั้นแต่ซีซ่าก็ชอบชานมไข่มุกเช่นกัน
ประธานสองคน Reena, Sisah ทำกริยาเดียวกัน likes
ประโยคนี้ประธานทั้งสองตัว เป็นเอกพจน์ การเติมกริยาเอาไปจึงไม่เป็นปัญหา
เมื่อประโยคทั้งสองของเรา เป็นทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ ให้เรายึดตัวที่อยู่ติดกับว่า but also เป็นหลัก
ยกตัวอย่างเช่น
Not only Lina but also her friends are going to the party tonight.
ไม่ใช่แค่เพียงลีน่าแต่เพื่อนๆของหล่อนก็ไปงานปาร์ตี้คืนนี้เช่นกัน
แม้ว่าจะขึ้นประธาน Lina ที่เป็นเอกพจน์ แต่ก็ต้องยึดตามหลักการใช้ในการเติม Verb โดยเลือ Verb ที่เป็นของประธานที่อยู่ใกล้กับ but also ซึ่งนั่นก็คือ her friends ดังนั้นต้องใช้ are going
ลองสลับประธานกันดูบ้าง
Not only her friends but also Lina is going to the party tonight.
ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อนๆของหล่อนแต่ลีน่าก็ไปงานปาร์ตี้คืนนี้เช่นกัน
เมื่อเราสลับประธาน Verb ก็จะเปลี่ยนไปตามประธาน Verb เปลี่ยนไปใช้ is เพราะเป็น ประธานคือ Lina
Not only but also ที่ใช้เชื่อมประธานเพียงคนเดียว
การใช้ Not only but also ที่ใช้เชื่อมประธานเพียงคนเดียว ทำกริยาสองอย่าง
ยกตัวอย่าง
She is not only a nice friend but also a kind boss.
เธอไม่เพียง แต่เป็นเพื่อนที่ดี แต่ยังเป็นเจ้านายที่ใจดีอีกด้วย
Kendall is not only beautiful but also clever.
เคนดัลไม่เพียงแค่สวยแต่ยังฉลาดอีกด้วย
We meet not only at the office but also at the train station.
เราไม่เพียงพบกันที่สำนักงาน แต่ยังพบกันที่สถานีรถไฟด้วย
They talk not only at the school but also in the car.
พวกเขาไม่เพียง แต่พูดคุยกันที่โรงเรียน แต่ยังคุยกันในรถอีกด้วย
ข้อควรจำ
Not only but also ต้องจับคู่กับคำที่ Parallel กันเท่านั้น
ยกตัวอย่าง
She’s not only beautiful, but also a singer. แบบนี้ผิด beautiful เป็น adjective ส่วน Singer เป็น Noun ดังนั้นต้องดูความสอดคล้องและน้ำหนักของคำด้วยนะจ้ะ
ทดสอบความเข้าใจ
- ประโยคต่อไปนี้ใช้ Parallel ได้อย่างถูกต้อง
A. He’s not only a model, but also a singer.
B. He’s not only gentle, but also a teacher.
2. จงเติมช่องว่างในประโยคต่อไปนี้ให้ถูกต้อง “Not only Jenny but also Liza ____ coming.”
A. is B. are
3. จงเติมช่องว่างในประโยคต่อไปนี้ให้ถูกต้อง “Her young daughter made friends not only in the park but also at the ________ .”
A. classroom B. expresses
เฉลย
- A 2. A 3. A
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เปิดแอพ eZTracker ตรวจสอบยาแท้-ปลอม
ซิลลิค ฟาร์มา ชี้โควิดเร่งธุรกิจยา-สุขภาพ ติดอาวุธเทคโนโลยี ประกาศเปิดตัว eZTracker แอพตรวจสอบผลิตภัณฑ์ยาและสุขภาพแท้-ปลอม บนเทคโนโลยีบล็อกเชน
ล่าสุดจับมือกัลเดอร์มา ใช้แอพดังกล่าวในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สารเติมเต็ม (เดอร์มัลฟิลเลอร์) ในกลุ่มกรดไฮยาลูโรนิก
นางสาวพักตร์นลิน บูลกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด เป็นตัวเร่งให้ธุรกิจยาและการดูแลสุขภาพเร็วขึ้น โดยล่าสุดเปิดตัวแอพพลิเคชัน eZTracker หรือ อีซี่แทรคเกอร์ในไทย ซึ่งเป็นแอพที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีบล็อกเชนในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ยา และสุขภาพ เพื่อช่วยให้แพทย์และผู้บริโภคสามารถตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับเป็นของแท้และได้รับอนุญาตให้จำหน่ายในประเทศไทย
โดยแพทย์ และผู้บริโภค สามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์โดยการสแกนคิวอาร์โค้ด ซึ่งข้อมูลจะถูกส่งมาแพลตฟอร์มกลางบนคลาวด์ ให้ผู้ผลิตเข้ามาทำการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ว่าเป็นของแท้หรือปลอม ก่อนส่งข้อมูลแจ้งกลับมายังผู้บริโภค โดยระบบดังกล่าวจะเชื่อมโยงข้อมูลตั้งแต่ผู้บริโภค ผู้กระจายสินค้า และผู้ผลิต
โดยเบื้องต้นบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด ใช้แอพดังกล่าวในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สารเติมเต็ม (เดอร์มัลฟิลเลอร์) ในกลุ่มกรดไฮยาลูโรนิกเพื่อรับมือกับปัญหาผลิตภัณฑ์สุขภาพและผลิตภัณฑ์สำหรับความงามที่มีการปลอมแปลงมากขึ้นในประเทศไทย
“แอพพลิเคชัน eZTracker มีที่มาจากปัญหาการแพร่กระจายของผลิตภัณฑ์ปลอม ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับความงามและศัลยกรรมที่ด้อยคุณภาพ และไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับอย่างถูกต้องกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งผลิตภัณฑ์ปลอมทั้งหลายไม่ควรมีวางจำหน่ายในท้องตลาด เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้ และเป็นเหตุทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
หรือแม้กระทั่งอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ แอพ eZTracker ไม่เพียงมีความโดดเด่นในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของแท้ แต่ยังสามารถช่วยในสำรวจ ติดตาม และเรียกเก็บคืนผลิตภัณฑ์ รวมถึงการลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์ปลอมข้ามพรมแดน โดยอาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้สามารถตรวจสอบการเคลื่อนไหวของผลิตภัณฑ์และกระบวนการจัดจำหน่ายย้อนกลับไปยังต้นทางได้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข และผู้เข้ารับการรักษา
นางสาวพักตร์นลิน กล่าวต่อไปอีกว่าบริษัทยังมีแผนนำแอพ eZTracker ไปใช้ในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ยา และสุขภาพอื่นๆ ด้วย ขณะเดียวกันยังได้นำเทคโนโลยีการติดตาม หรือ แทรกกิ้ง มาใช้การการขนส่งยา ซึ่งสามารถตรวจสอบยาว่าอยู่ที่ไหน และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการชำระเงินผ่านทางออนไลน์ เพื่อให้สะดวกและเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น
รวมถึงขณะนี้กำลังขออนุญาตจากทางสำนักงานอาหารและยา เปิดให้บริการสั่งยาผ่านทางออนไลน์ ซึ่งการนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาและสุขภาพได้มากขึ้น
นายพิรพัฒน์ ศรีวัฒนวงศ์ ผู้อำนวยการหน่วยธุรกิจความงาม บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่าสารเติมเต็ม (เดอร์มัลฟิลเลอร์) ของกัลป์เดอร์มาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกปลอมแปลงมากสุด ซึ่งปัญหาสินค้าปลอมนั้นสร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจ แต่ที่สำคัญส่งผลกระทบกับผู้บริโภค โดยจากการตรวจสอบพบผู้บริโภคได้รับผลกระทบรุนแรง ราว 2-3 เดือนครั้ง และ ผลกระทบปานกลาง และเล็กน้อยเดือนละ 10 เคส ซึ่งครึ่งหนึ่งเกิดจากปัญหาสินค้าปลอม
อีกทั้งยังพบว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทยังถูกนำมาจำหน่ายบนอีมาเก็ตเพลสชื่อดังของไทย ทั้งที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ไม่สามารถซื้อขายตรงไปยังผู้บริโภคได้
“ที่ผ่านมาเรานำสติกเกอร์โฮโลแกรม มาใช้ป้องกันการปลอมแปลง แต่ก็ถูกปลอมแปลงสติกเกอร์ จนแพทย์ และผู้บริโภคแยกไม่ออก การนำแอพ eZTracker มาใช้จะช่วยให้แพทย์ และผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ประโยชน์ของกุหลาบ ดอกไม้สื่อรักช่วยสุขภาพดี
สรรพคุณของกุหลาบเด็ดจริงอะไรจริง ใครคิดว่าเป็นแค่ไม้ประดับ เป็นเพียงดอกกุหลาบสื่อรักถือว่าพลาดมาก !
1. ช่วยคลายเครียด
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกกุหลาบมีอานุภาพทำลายล้างความวิตกกังวล ความเครียด และความเศร้าหมองในจิตใจเราได้ พร้อมกับช่วยให้อาการวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะดีขึ้น เคยได้ยินคำว่าดอกไม้บำบัดกันไหมล่ะค่ะ ดอกกุหลายก็เป็นดอกไม้บำบัดชนิดหนึ่งเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเวลาได้กลิ่นดอกกุหลาบแล้วร่างกายจะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น หรือถ้านำกลีบกุหลาบไปผสมกับน้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำแล้วลงไปแช่ ก็ช่วยให้จิตใจสงบ สยบความฟุ้งซ่านได้เยอะเลย
2. ควบคุมฮอร์โมนเพศหญิงได้
กลิ่นกุหลาบมีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ในเพศหญิง สามารถช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนผู้หญิงให้อยู่ในสภาวะสมดุลได้ ซึ่งด้วยสรรพคุณของดอกกุหลาบในด้านนี้ เราจึงมักจะเห็นเครื่องสำอางชนิดต่าง ๆ มีส่วนผสมของน้ำมันสกัดจากดอกกุหลาบ โดยเฉพาะในครีมบำรุงผิวเพื่อลดริ้วรอย หรือครีมกระชับผิวให้เต่งตึง หรือครีมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เป็นต้น
3. แก้ไข้
น้ำดอกไม้เทศ หรือการละลายน้ำมันสกัดจากดอกกุหลาบในน้ำต้มสุก เป็นสูตรยาแก้ไข้ตัวร้อนของไทยมาช้านาน โดยสรรพคุณแผนโบราณของดอกกุหลาบมอญมีฤทธิ์แก้ไข้ตัวร้อน แก้กระหาย แก้อ่อนเพลีย และบำรุงกำลัง
4. กระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย
ชาดอกกุหลาบอุดมไปด้วยวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มไซโคปีน ซึ่งได้จากสารสีแดงจากกลีบดอกกุหลาบนั่นเอง ดังนั้นการดื่มชาดอกกุหลาบอุ่น ๆ จึงทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากสารเหล่านี้ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ยิ่งถ้าหากผสมน้ำผึ้งซึ่งมีสรรพคุณแก้อักเสบด้วยแล้ว ชากุหลาบน้ำผึ้งแก้วนี้จะได้ประโยชน์ต่อสุขภาพแบบทวีคูณเลยล่ะค่ะ
5. เป็นยาระบาย
สรรพคุณดอกกุหลาบด้านนี้เชื่อว่าหลายคนได้ลองมากับตัวเองแล้ว เอาเป็นว่าคราวนี้ลองมาศึกษาฤทธิ์ทางเคมีของดอกกุหลาบในด้านช่วยระบายกันบ้างค่ะ โดยสารสำคัญที่ได้จากน้ำมันหอมระเหยดอกกุหลาบมีฤทธิ์ผ่านกลไกหลักของระบบขับถ่าย โดยเพิ่มสัดส่วนของน้ำในระบบลำไส้ ส่งผลให้อุจจาระมีความเหลวมากขึ้น อุจจาระจึงอยู่ในสภาวะพร้อมจะถูกขับถ่าย ก่อให้เกิดอาการมวน ๆ ท้องอยากเข้าห้องน้ำนั่นเอง โดยเฉพาะคนที่ดื่มเป็นชากุหลาบแบบใส่นม ก็จะขับถ่ายคล่องมากขึ้นด้วยนะคะ
6. บรรเทาอาการปวด
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยผลการศึกษาทางคลินิกของฤทธิ์บรรเทาปวดจากเปลือกผลกุหลาบ โดยศึกษาสรรพคุณของกุหลาบพันธุ์ Rosa canina L (rose- hip powder; RHP) เทียบกับยาหลอก กับอาสาสมัครซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคกระดูกและข้ออักเสบจำนวน 30 คน เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งจากการทดลองพบว่า 90% ของผู้ป่วยที่ได้รับสารสกัดจากเปลือกผลดอกกุหลาบ RHP มีอาการปวดลดลง อาการแข็งแกร็งและความไม่สบายตัวลดลง ที่สำคัญผลทางการรักษาดังกล่าวยังคงอยู่เป็นเวลาถึง 3 สัปดาห์หลังจากการหยุดใช้ยา RHP
และในส่วนของผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกนั้น มีเพียง 36% ที่อาการปวดลดลง ที่สำคัญ การใช้สารสกัดจากเปลือกผลกุหลาบยังช่วยลดการใช้ยาแก้ปวดในกลุ่มพาราเซตามอล ยาแก้ปวดโคเดอีน และยาแก้ปวดทามาดอลอย่างเห็นได้ชัดเจน จึงสรุปได้ว่า สารสกัดจากเปลือกผลกุหลาบ RHP สามารถบรรเทาอาการปวดของผู้ป่วยโรคกระดูกและข้ออักเสบได้ อีกทั้งยังช่วยลดการใช้ยาของผู้ป่วยได้จริง
7. ชากุหลาบช่วยลดน้ำหนักได้ !
ใบกุหลาบและยอดใบชาที่ผสมกันจนเป็นชากุหลาบ ถือว่าเป็นสุดยอดชาที่ช่วยบำบัดอาการติดขัดต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ ทั้งช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ช่วยลดการอักเสบของผิว และยังช่วยขับพิษออกจากร่างกายได้อีกด้วย เนื่องจากในชากุหลาบอุดมไปด้วยวิตามิน A, B3, C, D และ E ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลผิวพรรณ รวมทั้งมีสารที่ช่วยเบิร์นไขมัน ทำให้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นด้วยจ้า
ประโยชน์จากดอกกุหลาบที่มีต่อสุขภาพบอกเลยว่าไม่ธรรมดา แต่อย่างไรก็ดี ดอกกุหลาบที่เราจะดม หรือจะนำมาทำอาหาร เครื่องดื่ม คงต้องตรวจสอบให้ดีด้วยว่าดอกกุหลาบนั้นเป็นดอกกุหลาบปลอดสารพิษ หรืออย่างน้อย ๆ ก็ต้องสะอาดปลอดภัยในระดับหนึ่งนะคะ ซึ่งถ้าไม่ได้ปลูกดอกกุหลาบเอง จุดนี้อาจเป็นการเสี่ยงทายเกินไปว่าดอกไหนปลอดภัยดอกไหนอาจมีพิษ ดังนั้นอาจเลือกซื้อชากุหลาบแบบผงมาชงดื่มคงสะดวกกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก swis.montfort.ac.th
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 25,750.00 | 25,850.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,668.00 | 25,286.88 | 26,350.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,501.20 | 22,758.19 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,334.40 | 20,229.50 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 751.00 | 11,385.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 584.00 | 8,853.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,728.00 | 26,196.48 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 15/02/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 25.45 | 25.45 | 25.45 | 25.45 | 25.45 | 25.45 | 25.45 | 25.45 | 25.45 | 25.45 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 25.18 | 25.18 | 25.18 | 25.18 | 25.18 | 25.18 | 25.18 | 25.18 | 25.18 | 25.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 23.94 | 23.94 | 23.94 | 23.94 | 23.94 | – | 23.94 | 23.94 | 23.94 | 23.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.14 | 20.14 | – | – | – | – | – | – | – | 20.14 |
เบนซิน 95 | 32.86 | – | – | – | 33.31 | – | 33.36 | 32.86 | – | 32.86 |
ดีเซล B7 | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 26.29 |
ดีเซล | 23.29 | 23.29 | 23.29 | 23.29 | 23.29 | 23.29 | 23.29 | 23.29 | 23.29 | 23.29 |
ดีเซล B20 | 23.04 | 23.04 | 23.24 | 23.04 | 23.04 | – | 23.04 | 23.04 | – | 23.04 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 30.74 | 30.76 | 32.74 | 32.14 | – | – | – | – | – | 30.74 |
แก๊ส NGV | 13.35 | 13.35 | – | – | – | – | – | – | – | 13.35 |