Blog Post

พลิกตำนาน ‘เวิ้งนาครเขษม’ สู่แลนด์มาร์คแห่งใหม่

ส่องบิ๊กโปรเจ็กต์ พลิกตำนาน เวิ้งนาครเขษม สู่แลนด์มาร์คแห่งใหม่ ภายใต้การพัฒนาของอาณาจักรอสังหาฯใหญ่ AWC ของเจ้าสัวเจริญ

พื้นที่การค้าย่านเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นามว่า “เวิ้งนาครเขษม” ซึ่งเดิมที เป็นตลาดการค้าสำคัญของเครื่องดนตรี เครื่องครัว เครื่องทองเหลือง ของโบราณตั้งแต่หนังสือเก่า ไปจนถึงแผ่นเพลงเก่า และอีกมากมาย กลับมาได้รับความสนใจจากสังคมอีกครั้ง หลังจาก บริษัทมหาชนระดับประเทศ ในเครือเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี โดยบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC ทุ่มเงินประมาณ 8,265 ล้านบาท ปิดดีลซื้อโครงการพัฒนา เวิ้งนาครเขษม บนถนนเยาวราช จากกลุ่มบริษัท ทีซีซี เวิ้งนาครเขษม จํากัด จากผู้ถือหุ้นเดิมของทีซีซี   ทั้งยังจะต้องใช้เงิน เพื่อลงทุนสําหรับการพัฒนาโครงการจํานวนอีกประมาณ 8,247.8 ล้านบาท รวมเป็นเงินที่ AWC ต้องชําระทั้งสิ้นประมาณ 16,595 ล้านบาท 

ซึ่งแม้การปิดดีลครั้งนี้ ไม่ได้มีนัยยะน่าแปลกใจมากนัก เพราะจัดเป็นการเข้าซื้อสินทรัพย์จากบริษัทในกลุ่มเดิมกัน แต่ได้ตอกย้ำถึงทิศทางการพัฒนาโปรเจ็กต์ดังกล่าว ภายใต้การลงทุนโดยตรงของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่  โดยคาดอาจมีความยิ่งใหญ่ และสมบรูณ์แบบมากขึ้น สำหรับการพัฒนาที่ดิน และตึกแถวเก่า 440 คูหา ขนาด 14-1-91 ไร่  ซึ่งเดิมที ทีซีซี ซื้อมาจากจากราชสกุลบริพัตรเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน 

ขณะล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก Propholic ซึ่งเป็นสื่อกลาง นำเสนอเรื่องราวสำคัญในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยมีผู้ติดตามมากกว่า 1.3 แสนคน ได้เปิดเผย ภาพลับ แบบจำลองบิ๊กโปรเจ็กต์ดังกล่าว ที่คาดว่าจะเป็นการพลิกโฉมพื้นที่ระดับตำนาน เวิ้งนาครเขษม สู่แลนด์มาร์คใจกลางเมืองครั้งสำคัญ โดยในรูปแบบที่ปรากฎนั้น ภายนอกยังคงสภาพความเป็นเอกลักษณ์อาคารเก่าของไทยสมัยการค้าของชุมชนโบราณ โดยมีการปรับโฉมให้ทันสมัยมากขึ้น ผ่านสถาปัตยกรรมทรงโคโลเนียล

ซึ่งตามข้อมูลเผยแพร่ก่อนหน้านั้น โครงการนี้จะถูกพัฒนาเป็นมิกซ์ยูส  ประกอบด้วย  โรงแรม LUXURY โรงแรมบูทีค ห้องพักระยะยาวแบบมีเซอร์วิส ห้องชุดโซโห ห้องชุดปล่อยเช่าร่วม อาคารจอดรถ พื้นที่รีเทล และร้านค้าปลีกใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ

โดยจะเปิดดําเนินการในส่วนของที่จอดรถ ประมาณไตรมาสที่ 3 ช่วงปี 2569 พื้นที่รีเทลและโรงแรม ประมาณไตรมาสที่ 1 ปี 2570 และส่วนห้องชุดต่างๆจะทยอยเปิดให้บริการในช่วงประมาณไตรมาสที่ 3 ปี 2570 

ทั้งนี้ เวิ้งนาครเขษม ตั้งอยู่ในพื้นที่ เขตสัมพันธวงศ์ ใกล้สถานีสามยอด รถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงิน ตัดกับสายสีม่วงใต้ ซึ่งประเมินกันว่าอนาคต จะเป็นย่านการค้าอีกแห่งที่น่าสนใจ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com

---

3:3 สูตรสำเร็จ เอสซี ต่อกรปี 2564

ผ่ามุมคิด

ภายใต้มรสุมแห่งความท้าทายในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ช่วงปี  2563 ที่ต้องต่อกรกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนฉับพลัน นับเป็นอีกหนึ่งบททดสอบครั้งสำคัญ ถึงแนวคิดและการปรับตัว รับมือ ในฐานะผู้นำองค์กร พบหลายบริษัทยังคงตั้งตัวได้ดี สร้างตัวเลขการเติบโตสวนกระแสตลาด ในแง่ต่างๆ ขณะบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ผู้เล่นเบอร์ใหญ่ในตลาดบ้านแพง เจ้าของแบรนด์ดัง บางกอก บูเลอวาร์ด และอื่นๆ “โควิด” นั้น ได้กลายเป็นเพียงตัวเร่ง การแข่งขัน โดยก้าวผ่านวิกฤติดังกล่าว มาด้วยตัวเลยอดขายสถิติใหม่ในรอบ 32 ปี ที่ 16,602 ล้านบาท และส่งผลให้ market share บ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น เป็นอันดับ 1 ของราคา10 ล้านบาทขึ้นไป ที่ 26% ทั้งนี้ แนวโน้มความต้องการในโครงการแนวราบที่มาแรง เป็นอีกสเต็ปความคาดหวังของเอสซี ในการนำพาโปรดักต์ขึ้นสู่ตำแหน่งแบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 ในทุกระดับราคา ช่วง 2 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2565) โดยนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผย 3 ขากลยุทธ์สำคัญ และวิสัยทัศน์ 3 ด้านการนำพาองค์กรสู่ความท้าทายใหม่ หลังระบุ ยอมรับ ปีนี้คงยากยิ่งกว่า แต่มั่นใจในแนวคิด “Fully-Loaded” และความพร้อมทางการเงิน ประกาศทุ่มจัดหนัก ลุยซื้อที่ดินกว่า 30 แปลง พัฒนาโครงการกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท เดิมเกมสร้างสถิติยอดขายใหม่ปี 2564 แตะ 2 หมื่นล้านบาท 

ภาวะหน่วงปี 63

สำหรับปี 2563 นับเป็นปีแห่งบททดสอบที่ยากอย่างมีคุณค่าสำหรับบริษัท นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง เรียนรู้ และเติบโต หลังจากสถานการณ์โควิด ที่กระทบรุนแรงไปทั้งโลก จีดีพีโลกติดลบ 3% ขณะบ้านเรา หดตัวราว 6-7% นั้น ทำให้กิจการห้างร้านปิดตัว รายได้ของผู้คนส่วนใหญ่หายไป ซึ่งส่งผลกระทบมายังโดยตรงต่อธุรกิจอสังหาฯ เพราะยิ่งหนี้สูงขึ้น ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่กู้สินเชื่อนับ 70% ยิ่งหายไป กระทบทุกเซ็กเมนต์ แม้แต่บ้านราคาแพง ขณะการบริหารจัดการคอนโดฯเหลือขาย เป็นเรื่องท้าทายมาก เนื่องจากลูกค้ากลุ่มต่างชาติเดินทางเข้าออกประเทศไม่ได้ จำต้องปรับลดราคาลงบางส่วน เพื่อเข็นลูกค้าคนไทย อย่างไรก็ตาม นับเป็นการเตรียมความพร้อมที่เห็นผล เนื่องด้วยปีก่อนหน้า บริษัทได้นำร่องทรานฟอร์มวัฒนธรรมภายในองค์กร สู่การรับมือการเปลี่ยนแปลง ทำให้สามารถปรับตัวได้เร็ว ผ่านการสื่อสารทำงานร่วมกันอย่างหนัก ตั้งสมมุติฐานแผนงาน คาดคะเนถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น และแผนรองรับอย่างชัดเจนทำให้ก้าวผ่านวิกฤติมาได้ 

3 ความสำเร็จปี 63

ทั้งนี้ โควิด-19 ยังนำพาโอกาส จากดีมานด์ความต้องการ ที่เปลี่ยนฉับพลันมายังโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ เมื่อคนมองว่า “บ้าน” ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่ทำหน้าที่คุ้มกันภัย สิ่งที่เกิดขึ้น คือ บ้านขายดี สวนสภาพเศรษฐกิจ ขณะเดือน พ.ค. 63 มีคนแวะชมโครงการมากที่สุด จากความเชื่อมั่นในคุณภาพ และแบรนด์ที่บริษัทสร้างมา ทำให้ตลอดทั้งปี เกิดความสำเร็จ 3 ส่วน คือ 1. บริษัทสามารถสร้างยอดพรีเซล (ยอดขาย) สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ราว 1.66 หมื่นล้าน ซึ่งมาจากยอดขายแนวราบ 14,757 ล้านบาท เติบโต 37% ผลักดันส่วนแบ่งตลาด กลุ่มราคามากกว่า 10 ล้าน เป็นอันดับ 1 จาก 17% เป็น 26% และในทุกระดับราคา มีการเติบโตขึ้นเช่นกัน 2. ดีมานด์ที่คึกคัก ทำให้สามารถปิดโครงการไปได้ทั้งสิ้น 6 โครงการ และ 3. ยังมีอีก 58 โครงการ มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท เพื่อผลักดันการขายในอนาคต และมียอดรอโอน อีกราว 6 พันล้านบาทซึ่ง 50% จะรับรู้รายได้ภายในปีนี้

สูตร 3:3 รุกหนักปี 64

สำหรับปี 2564 นั้น นายณัฐพงศ์ ประเมินว่า จะเป็นอีกปีที่มีความท้าทาย และยุ่งยากมากกว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนหลายด้าน แต่เชื่อมั่น ดีมานด์แนวราบยังคึกคักต่อนาน 1-2 ปี  ภายใต้ปัจจัยบวกดอกเบี้ยต่ำ เป็นจังหวะเหมาะสมของคนต้องการมีบ้าน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับวิกฤติโควิด จะลากนานแค่ไหนด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดบนยังไปได้ดี เพียงแต่ผู้พัฒนาต้องทำโปรดักต์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า จึงมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่  11 โครงการ มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ซึ่งเป็นแนวราบ 8 โครงการ ในทุกระดับราคา โดยแบรนด์ บางกอกบูเลอวาร์ด ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ยังเป็นตัวผลักดันหลัก พร้อมกับโปรดักต์ใหม่ๆ เช่น บ้านคนโสด 5-10 ล้านบาท ตอบโจทย์คนยุคใหม่ต้องการพื้นที่มาก ซึ่งแผนพัฒนาทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ 3 คีย์หลัก คือ การออกแบบ, เทคโนโลยี และบริการหลังขาย ซึ่งเป็นจุดเด่นของบริษัท ขณะเดียวกัน จะใช้จุดแข็งอีก 3 กลยุทธ์ เพื่อนำพาโปรดักต์ขึ้นสู่เป้าหมายเบอร์ 1 แบรนด์บ้านเดี่ยวภายใน 2 ปี ได้แก่ ความพร้อมด้านที่ดิน งบลงทุน 2.5 หมื่นล้านบาท, ความพร้อมด้านสภาพคล่อง เงินในมือ 1 หมื่นล้านบาท และ โปรดักต์ ภายใต้แนวคิด 3 คีย์หลักข้างต้น 

“ปี 2564 ภารกิจที่ยิ่งใหญ่มากกว่าการแข่งขัน คือ การสร้างบ้านที่ดี มีคุณภาพ เราไม่รู้ว่าวิกฤติจะยาวนานแค่ไหน ประเมินภาพไม่ออกเลย แม้เชื่อตลาดบนยังไปได้ดี แต่หากผู้พัฒนาทำของไม่ดี ลูกค้าก็คงไม่กลับมาซื้ออีก” 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com

---

บาทเปิด 29.95/99 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่า

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 29.95/99 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 29.88 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทวันนี้ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าได้บ้าง จากทิศทางของดอลลาร์สหรัฐที่ปรับแข็งค่าขึ้น แต่คงต้องดูว่าเงินบาทจะผ่านแนวต้านที่ 30.00 บาท/ดอลลาร์ ไปได้หรือไม่

“ตอนนี้ดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่า ช่วงนี้สินทรัพย์เสี่ยงลงไปค่อนข้างเยอะ” นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29.90-30.05 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com

---

5 ข้อควรรู้ของ “ดาวิต คิเรีย” ก่อนเปิดศึกล้างตา “จอร์จิโอ เปโตรเซียน” 26 ก.พ. นี้

พาไปรู้จักกับ “ดาวิต คิเรีย” ก่อนที่จะได้เห็นเขาเปิดตัวด้วยการเผชิญหน้าคู่ปรับเก่า ซึ่งปัจจุบันคือกำปั้นตัวพ่อแห่งวงการคิกบ็อกซิ่งอย่าง “จอร์จิโอ เปโตรเซียน”
 
ศึก ONE: FISTS OF FURY วันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ แฟนมวยเตรียมรับชมความมันระดับเวิลด์คลาสจากสองนักชกคิกบ็อกซิ่งระดับโลก คนหนึ่งคือเจ้าตำนานผู้ได้รับการขนานนามว่าเก่งกาจที่สุดตลอดกาล เจ้าของฉายา “The Doctor” จอร์จิโอ เปโตรเซียน เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นเฟเธอร์เวต
 
ส่วนอีกคนก็ระดับหัวกะทิแห่งวงการคิกบ็อกซิ่งเช่นกัน นั่นก็คือ “ดาวิต คิเรีย” ที่เพิ่งก้าวเข้ามาสู่ชายคา วัน แชมเปียนชิพ โดยไฟต์เปิดตัวนี้เหมือนถูกเขียนบทไว้ เมื่อต้องมาเจอคู่ปรับเก่าที่เคยเอาชนะเขามาก่อนนั่นเอง
 
อย่างไรก็ตาม ความพ่ายแพ้นั้นผ่านมาแล้วกว่า 8 ปี ดาวิต เวอร์ชันใหม่ใน วัน แชมเปียนชิพ พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองกับคู่แข่งรายเดิม และสางความแค้นนี้ให้หมดไป
 
เพื่อให้แฟนๆ วัน แชมเปียนชิพ ได้รู้จัก ดาวิต อย่างรวดเร็ว นี่คือ 5 เรื่องของเขาที่คุณควรต้องรู้เกี่ยวกับนักสู้จากเมืองทบิลิซีคนนี้

1. แชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งหลายสมัย
 
ก่อนเซ็นสัญญาเข้าร่วมชายคาใน “บ้านแห่งศิลปะการต่อสู้” วัน แชมเปียนชิพ ซูเปอร์สตาร์คิกบ็อกเซอร์ชาวจอร์เจีย “ดาวิต คิเรีย” ได้ผ่านศึกเหนือเสือใต้ในหลากหลายองค์กรการแข่งขันคิกบ็อกซิ่ง พร้อมกับคว้าเข็มขัดแชมป์โลกมาประดับบารมีมากมาย
 
ตลอดระยะเวลา 14 ปี ดาวิต ผู้มีพื้นฐานคาราเต้สายอาชิฮารา ได้ปะทะฝีมือกับนักกีฬาชื่อดังหลายคน โดยในช่วงต้นปี 2557 เขาชนะน็อก “แอนดี ริสตี” ในยกที่ 5 และคว้าตำแหน่งแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งเป็นครั้งแรกในชีวิต
 
จากนั้น 5 ปีต่อมา เขาก็เดินสายตระเวนชกไปทั่วฝรั่งเศส, อิตาลี และชิงเข็มขัดแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง รุ่น 70 กิโลกรัม ของรายการใหญ่ในประเทศจีนมาครองได้สำเร็จ
 
2. ปราบคู่แข่งระดับแถวหน้า
 
นอกเหนือจากตำแหน่งแชมป์โลกที่ประดับบารมีอยู่ ดาวิต ยังเคยปราบกำปั้นแถวหน้าแห่งวงการคิกบ็อกซิ่งมาแล้วมากมาย หนึ่งในนักชกไทยที่ตกเป็นเหยื่อของเขาคือ “เข้ม ศิษย์สองพี่น้อง” ทั้งคู่เจอกันในขณะที่ตอนนั้น เข้ม กำลังสานต่อสถิติชนะต่อเนื่อง 7 ไฟต์ซ้อน และก่อนหน้านั้นก็เพิ่งชนะดาวดังฝรั่งเศส “ฟาบิโอ ปินกา” มาหมาดๆ
 
ไฟต์ดังกล่าว เข้ม ซึ่งกำลังเดินหน้าสร้างสถิติอันยิ่งใหญ่ กลับถูกดับฝันด้วยน้ำมือของ ดาวิต ด้วยชัยชนะอย่างเป็นเอกฉันท์ในการแข่งขัน 3 ยกที่กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อปี 2555

3. ประสบการณ์จากเจ้าเหรียญทอง
 
หนึ่งในบันทึกการต่อสู้ที่ ดาวิต ยังจำขึ้นใจ คือการได้เผชิญหน้ากับฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกชาวไทย “สมรักษ์ คำสิงห์”
 
แม้ ดาวิต จะพ่ายแพ้ให้กับอัจฉริยะที่หาตัวจับยากอย่าง สมรักษ์ ในปี 2551 แต่นั่นคือประสบการณ์และความประทับใจสำหรับเขาผู้ผ่านสังเวียนมาเพียง 2 ไฟต์ก่อนหน้านั้นเท่านั้น
 
4. ลับคมในค่ายคิกบ็อกซิ่งชื่อดัง
 
ความสำเร็จของ ดาวิต ในฐานะแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งหลายสมัย ตลอดจนการปราบคู่แข่งแถวหน้ามากมาย ไม่อาจเป็นไปได้หากไม่ใช่เพราะความมานะอุตสาหะ ตลอดจนการผลักดันของ “ค่ายโกลเดน กลอรี” อันเป็นสถานที่ปลุกปั้นคิกบ็อกเซอร์ดีกรีแชมป์มากที่สุดในประวัตศาสตร์
 
นั่นรวมถึงอดีตผู้ท้าชิงแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นไลต์เวต “The Natural” นิกี โฮลสเกน, แชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง “The Bonecrusher” แอร์โรล ซิมเมอร์แมน และนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ที่ต่างผ่านการขัดเกลาจากปรมาจารย์ของสำนักนี้ เดวิต เองก็เช่นกัน
 
5. บทบาทแฟมิลีแมน
 
องค์ประกอบในชีวิตของ ดาวิต ไม่ได้มีแค่เรื่องงาน นอกเหนือจากบทบาทนักกีฬา เขาคือหัวหน้าครอบครัว แฟมิลีแมนแสนอบอุ่น
 
ดาวิต ทำหน้าที่สามี และคุณพ่อของลูกๆสองคน ครอบครัวคือพลังหล่อเลี้ยงชีวิตและจิตใจ เป็นกำลังใจที่ส่งให้ทุกก้าวของเขาบนสังเวียน คือความงดงามที่ได้ทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวอย่างสมบูรณ์แบบ

ชมการถ่ายทอดสดการแข่งขัน ONE : FISTS OF FURY  ได้ทาง ONE Super App และ ONE Championship Youtube ตั้งแต่เวลา 19.30 น. และทางไทยรัฐทีวี ช่อง32 ตั้งแต่เวลา 21.30 น. เป็นต้นไป

ขอบคุณข้อมุลจาก sanook.com

---

รู้ใหม่! “ผงชูรส” กินได้ ไม่อันตราย หากกินอย่างพอเหมาะ

โดยทั่วไปมักเข้าใจกันว่า “ผงชูรส” เป็นศัตรูกับร่างกายของเรา กินแล้วจะผมร่วง เป็นอันตรายต่อร่างกายในหลายๆ อย่าง แต่อันที่จริงแล้ว รสชาติทอูมามิที่ได้จากผงชูรสไม่ได้มีแต่โทษต่อร่างกายเสมอไป หากกินผงชูรสอย่างถูกวิธี ในปริมาณที่เหมาะสม ผงชูรสให้ประโยชน์ต่อร่างกายได้เหมือนกัน

จุดกำเนิดผงชูรส

ศาสตราจารย์ ดร. คิคุนาเอะ อิเคดะ นักเคมีชาวญี่ปุ่น ค้นพบรสชาติอูมามิจากผงชูรส โดยให้นิยามว่าเป็น “รสชาติพื้นฐานที่ 5 ” เพิ่มเติมจาก รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม และรสขม ซึ่งนำไปสู่การผลิตกลูตาเมตในรูปแบบของอุตสาหกรรม ก่อเกิดเป็นบริษัทผลิตเครื่องปรุงรสแห่งแรกของโลก ในประเทศญี่ปุ่น

ผงชูรสเกิดขึ้นจากกระบวนการหมักอาหารธรรมชาติ อย่างกากน้ำตาลอ้อย และน้ำตาลจากแป้งมันสำปะหลัง จนได้ผลึกเล็กๆ ขาวใสบริสุทธิ์ที่ เราเรียกว่าผงชูรส

กลูตาเมต เป็นกรดอะมิโนที่มีส่วนช่วยในเรื่องรสชาติอร่อยกลมกล่อมหรือรสอูมามิ โดยกลูตาเมตนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติและพบได้ในวัตถุดิบหลากหลายชนิดที่รับประทานกันอยู่ทุกวัน รวมถึงอาหารที่ผ่านการ บ่ม หรือหมัก เช่น ชีส ซอสถั่วเหลือง กะปิ น้ำปลา รวมถึงการ มะเขือเทศ และเห็ด 

เกลือแกง โซเดียมสูงกว่าผงชูรส

ตรงกันข้ามกับความเชื่อยอดนิยม ผงชูรสมีโซเดียมน้อยกว่าเกลือแกงถึง 2 ใน 3 โดยสามารถลดโซเดียมในอาหารได้ถึง 40% โดยไม่เสียรสชาติ นอกจากนี้ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากจากองค์กรต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหารแห่งประเทศไทย และองค์การอนามัยโลกได้ข้อพิสูจน์แล้วว่าการบริโภคผงชูรสปลอดภัยสำหรับการบริโภค

ผงชูรส อันตราย?

ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ กรรมการบริหารสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ยังไม่มีผลการศึกษาทางการแพทย์ใดที่ปรากฏว่าผงชูรสก่อปัญหาสุขภาพเฉพาะเลย ไม่ว่าจะเป็นการขาดวิตามิน การเป็นต้อหิน ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง หรือการเป็นสาเหตุทำให้ปัญญาอ่อน อีกทั้งยังไม่เคยปรากฏว่ามีใครเคยเสียชีวิตเพราะการรับประทานผงชูรสเลย

ผงชูรส ทำให้เกิดอาการแพ้?

บางคนที่รับประทานผงชูรสเข้าไปแล้วเกิดอาการแพ้ เช่น หิวน้ำ ปากบวม ลิ้มบวม อาจเป็นเพราะเป็นคนที่มีระบบประสาทสัมผัสไวต่อผงชูรสมากเป็นพิเศษ แม้จะรับประทานไปเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้เกิดอาการได้ ทั้งนี้ ในบางรายที่รับประทานผงชูรสแล้วรู้สึกชาที่ลิ้น ปากและลำคอ อาการอาจดีขึ้นใน 2-3 ชั่วโมง ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต หรือเข้าไปสะสมในร่างกายเพื่อทำอันตรายในอนาคตแต่อย่างใด

ผงชูรส ทำให้ผมร่วง?

ศ.นพ.ประวิตร อัศวานนท์ หัวหน้าสาขาวิชาตจวิทยา (หน่วยผิวหนัง) ระบุว่า ผงชูรสไม่ได้เป็นสาเหตุของอาการผมร่วง ผมล้าน เป็นเพียงความเชื่อผิดๆ เพราะปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงผมล้านมาจากร่างกาย เช่น กรรมพันธุ์ ฮอร์โมน และปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่ได้มาจากอาหาร

ประโยชน์ของผงชูรส

หากรับประทานอย่างเหมาะสม ผงชูรสก็มีประโยชน์ต่อร่างกายได้เหมือนกัน

รสอูมามิของผงชูรส ช่วยเพิ่มความอยากให้กับผู้ป่วยได้ รวมไปถึงผู้สูงอายุที่มีความอยากอาหารน้อยลงจนผ่ายผอม ผงชูรสเล็กน้อยในอาหาร สามารถเพิ่มความน่ารับประทานให้กับอาหารได้

การกระตุ้นความอยากอาหารมาจากรสอูมามิในผงชูรส ซึ่งนอกจากจะทำให้อาหารมีรสชาติกลมกล่อมน่ารับประทานมากขึ้นแล้ว อูมามิยังเข้าไปกระตุ้นต่อมน้ำลายให้ทำงานได้ดีขึ้น ลดปัญหาภายในปากแห้ง เคี้ยวอาหารได้ง่ายขึ้น รับรู้รสชาติอาหารได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

โทษของผงชูรส

อย่างไรก็ตามแม้ว่าผงชูรสจะไม่ได้อันตรายอย่างที่คิดหรือที่เคยเชื่อกันมา ก็ไม่ได้หมายความผงชูรสจะไม่มีโทษเลย การรับประทานผงชูรสในปริมาณมากเกินไป ส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายอย่าง อาจเกิดอาการแพ้ผงชูรสตั้งแต่อาการเบาๆ อย่าง หิวน้ำ ลิ้นชา หายใจไม่สะดวก วิงเวียนศีรษะ ไปจนถึงหัวใจเต้นช้าลง และเสี่ยงอัมพาตชั่วคราวได้ แต่ทั้งนี้ไม่ใช่อาการที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ต้องรับประทานผงชูรสในครั้งละมากๆ เท่านั้น

ผงชูรส กินอย่างไรได้ประโยชน์ ไม่อันตรายต่อร่างกาย

หากจะปรุงอาหารทานเองที่บ้าน ก็ควรใส่ผงชูรสแค่ปลายๆ ช้อนชา ต่อการทานอาหาร 1 มื้อ หากเลือกปรุงอาหารประเภทน้ำซุป ควรใช้กระดูกสัตว์ในการต้มทำน้ำสต็อกแทนการใส่ผงชูรสมากๆ หากอาหารจานนั้นมีการปรุงรสที่ค่อนข้างจัดแล้ว ควรเลี่ยงในการใส่ผงชูรสซ้ำ เพราะในเครื่องปรุงบางส่วนก็มีส่วนผสมของผงชูรสอยู่แล้ว (หรือมีรสกลมกล่อมจากการหมักตามธรรมชาติ เช่น น้ำปลา) ส่วนการรับประทานอาหารนอกบ้าน ควรเลือกร้านที่สามารถแจ้งความประสงค์ขอลดการใส่ผงชูรสได้ หรือเลือกร้านที่เราเห็นขั้นตอนในการปรุงอาหาร และมั่นใจได้ว่าร้านนั้นๆ ไม่ใส่ผงชูรสมากเกินไป (มากกว่า 1 ช้อนชาต่อ 1 จาน)

ใครที่ยังมีความกังวลต่อผงชูรส หรือมีสัมผัสไวต่อผงชูรสมากจริงๆ สามารถเลี่ยงไปปรุงรสอาหารเพื่อให้ได้รสชาติอูมามิจากธรรมชาติได้ เช่น การต้มน้ำซุปจากกระดูกไก่ ผักต่างๆ เห็ด สาหร่าย ฯลฯ เป็นต้น

สุดท้าย หากใครรับประทานอาหารแล้วรู้สึกกระหายน้ำมากกว่าปกติ ต้องดูว่ามาจากโซเดียมปริมาณสูงในอาหาร น้ำซุบ น้ำจิ้มหรือไม่ หรือหากคิดว่าตัวเองมีสัมผัสไวต่อผงชูรสมาก แค่นิดเดียวก็มีอาการลิ้นชา หิวน้ำ หายใจไม่สะดวก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และทำการรักษาอย่างถูกวิธี

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

---

NEW YEAR’S RESOLUTION หมายความว่าอะไรกัน จะตอบยังไงดีนะ

เพื่อนๆรู้ไหมว่า New Year’s Resolution หมายความว่าอะไรกันนะ

คำว่า New Year’s Resolution นั้นก็คือ การตั้งเป้าหมาย (Goal) ที่เราอยากจะทำให้สำเร็จในปีใหม่ นั้นเอง

โดยประวัติของ New Year’s Resolution นั้นมีประวัติการของการเริ่มต้นกันมานาน ตั้งแต่สมัยบาบิโลน เมื่อ 4พันปีก่อน โดยในช่วงขึ้นปีใหม่ทุกคนจะมีความเชื่อว่าสิ่งที่พวกเขาได้สัญญากับพระเจ้าในปีที่แล้วพวกเขาจะต้องตอบแทนพระเจ้าตามสิ่งที่เขาเคยสัญญาไว้ แล้วจึงขอพรในสิ่งที่จะทำในปีใหม่และให้คำมั่นสัญญากับพระเจ้า เพราะหากไม่ตอบแทนสิ่งที่เคยสัญญาไว้ในปีต่อๆไปเขาก็จะทำอะไรไม่ประสบความสำเร็จ

มาดูตัวอย่างการใช้คำว่า New Year’s Resolution ในประโยคภาษาอังกฤษกันดีกว่า

Have you got any resolutions for the new year?

ส่วนการตอบหรืออธิบายเกี่ยวกับ New Year’s Resolution/ เป้าหมายของเราต่างๆเป็นภาอังกฤษเราสามารถตอบได้หลากหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น

• I will…  เช่น I will speak more English.
• I hope to…  เช่น I hope to stop lazy.
• I would like…  เช่น I would like to travel to Japan.
• I want to…  เช่น I want to move into a new condominium.
• I’m thinking… เช่น I’m thinking to buy a new car.
• I’m planning to … เช่น I’m planning to visit Chiang Rai in February.
• I’m going to…  เช่น I’m going to start working out more.

ทีนี้เพื่อนๆก็รู้จักกันแล้วนะกับคำว่า New Year’s Resolution นั้นหมายความว่าอะไร แล้วเพื่อนๆมี New Year’s Resolution กันหรือยัง ถ้าไม่มีก็ตั้งขึ้นมาแล้วมาทำกันให้สำเร็จพร้อมๆกันเถอะ

ขอบคุณข้อมูลจาก shorteng.com

---

เดือนเดียวไทยถูกมัลแวร์หน้าใหม่โจมตี 27 ครั้ง

แคสเปอร์สกี้เผยมัลแวร์หน้าใหม่โจมตีอาเซียน ไทยโดนด้วย 27 ครั้งในเดือนเดียว

แคสเปอร์สกี้ค้นพบการเติบโตอย่างมากของมัลแวร์ที่กลุ่มไซเลนต์เฟด (SilentFade) ใช้ซึ่งเป็นกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่รับผิดชอบการฉ้อโกงมูลค่า 4 ล้านดอลลาร์บนFacebook ในปี 2019 ทั้งนี้เมื่อเดือนมกราคมปี 2021 ผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้ได้บันทึกและวิเคราะห์รูทคิต Frank rootkit และพบว่ามีความคล้ายคลึงกับแคมเปญนี้โดยตรวจพบจำนวนเหตุการณ์โจมตีเกิดขึ้นมากที่สุดในเดือนมกราคมที่ผ่านมาที่ประเทศอินเดีย บราซิล อินโดนีเซีย อิตาลี เยอรมนี แอลจีเรีย มาเลเซีย รัสเซีย ฝรั่งเศสและอียิปต์

ประเทศ 10 อันดับที่ตรวจพบการโจมตีมากที่สุดในเดือนมกราคม 2021

อินเดีย  603

บราซิล  255

อินโดนีเซีย  221

อิตาลี  209

เยอรมนี  177

แอลจีเรีย  175

มาเลเซีย  137

รัสเซีย    129

ฝรั่งเศส  128

อียิปต์    117

การส่งข้อมูลทางไกลของแคสเปอร์สกี้เมื่อปีที่แล้วไม่พบการปรากฏตัวของ SilentFade ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เมื่อมีการตรวจสอบเดือนมกราคม 2021 ก็พบว่ามัลแวร์นี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วโดยมีเหตุการณ์โจมตีทั้งหมด 576 รายการ โดยมีการโจมตีในอินโดนีเซีย 221 รายการ มาเลเซีย 137 รายการ ฟิลิปปินส์ 96 รายการเวียดนาม 71 รายการ ไทย 27 รายการ และสิงคโปร์ 24 รายการ

แอนทอน คุซเมนโก ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของแคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “การติดตามของเราแสดงให้เห็นว่าแคมเปญ SilentFade ไม่เคยหยุดนิ่ง เรากำลังเผชิญกับการเติบโตของกิจกรรมไม่พึงประสงค์ แนวคิดและวิธีการของเหล่าอาชญากรนั้นยังเหมือนเดิม มีเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงเพียงบางอย่างเท่านั้น ตอนนี้กลุ่ม SilentFade ยังแพร่กระจายตัวดาวน์โหลดซึ่งสามารถแพร่กระจายและดาวน์โหลดมัลแวร์อื่นๆ ที่อันตรายกว่า ไฟล์ที่ตรวจพบนี้คล้ายกับเวอร์ชั่นเก่าที่นักวิจัยในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ตรวจเจอความเชื่อมโยงกับบริษัทสัญชาติจีน ในแง่ของการแพร่กระจาย มีความเป็นไปได้ว่ามีคนขายซอร์สโค้ดมัลแวร์นี้ หรือกลุ่มคนร้ายขายรูทคิตเอง หรือโค้ดอาจรั่วไหล”

SilentFade เป็นแคมเปญที่เริ่มต้นในปี 2016 โดยใช้การผสมผสานระหว่างโทรจันWindows การโจมตีเบราว์เซอร์แบบ injection การเขียนสคริปต์ที่ชาญฉลาด และข้อผิดพลาดในแพลตฟอร์มของ Facebook ซึ่งแสดงให้เห็นถึงตัวดำเนินการที่ซับซ้อนที่แทบจะไม่เคยเห็นในมัลแวร์ที่กำหนดเป้าหมายไปยังบริษัทโซเชียลมีเดีย ชื่อของกลุ่มSilentFade เป็นคำเรียกสั้นๆ แทนชื่อ “Silently running Facebook Ads with Exploits” หรือการหาประโยชน์จากงานโฆษณาบน Facebook แบบเงียบๆ”

วัตถุประสงค์การดำเนินการของ SilentFade คือเพื่อทำให้ผู้ใช้งานติดโทรจัน จี้ยึดเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ ขโมยรหัสผ่านและคุกกี้ของเบราว์เซอร์เพื่อให้สามารถเข้าถึงบัญชี Facebook ได้

เมื่อเข้าถึงบัญชี Facebook ได้แล้ว กลุ่มอาชญากรไซเบอร์จะค้นหาบัญชีที่มีวิธีการชำระเงินประเภทใดก็ได้ที่แนบมากับโปรไฟล์ของตน สำหรับบัญชีเหล่านี้ SilentFade ซื้อโฆษณา Facebook ด้วยเงินของเหยื่อ มัลแวร์จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีของผู้ใช้เช่น ยอดคงเหลือในกระเป๋าเงินสำหรับโฆษณา จำนวนเงินที่ใช้ไปกับการโฆษณาก่อนหน้านี้ โทเค็นทุกประเภทและคุกกี้ จากนั้นอาชญากรไซเบอร์จะเริ่มโปรโมตโฆษณาของตนผ่านแพลตฟอร์มโฆษณาของโซเชียลเน็ตเวิร์ก

แม้จะเปิดดำเนินการเพียงไม่กี่เดือน แต่ Facebook ระบุว่ากลุ่มดังกล่าวสามารถหลอกลวงผู้ใช้ที่ติดมัลแวร์ได้มากกว่า 4 ล้านดอลลาร์ จากการโพสต์โฆษณา Facebook ที่เป็นอันตรายผ่านเครือข่ายโซเชียล

นายเซียง เทียง โยว ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “ภัยคุกคามบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ควรได้รับการดำเนินการอย่างจริงจังในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากมีการใช้อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียระดับสูงในภูมิภาค ประเทศในภูมิภาคนี้จำนวนห้าในหกประเทศใช้เวลาออนไลน์มากกว่า 7 ชั่วโมงในปี 2020 และ 69% ของประชากรทั้งหมดในภูมิภาคนี้เป็นผู้ใช้โซเชียลมีเดียซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงที่สุดในบรรดาภูมิภาคย่อยทั้งหมดในเอเชียแปซิฟิก การเพิ่มขึ้นของโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียส่งผลให้ข้อมูลทางการเงินเป็นขุมทรัพย์เป้าหมายที่มีกำไรสำหรับอาชญากรไซเบอร์อย่างกลุ่ม SilentFade แคสเปอร์สกี้ขอให้ผู้ใช้ทุกคนเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีของตนด้วยการใช้หลายปัจจัยในการตรวจสอบสิทธิ์ (multi-factor authentication) รหัสผ่านที่คาดเดายาก โซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพและการระมัดระวังอย่างมาก”

ผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้ยังแนะนำขั้นตอนป้องกันบัญชีให้ปลอดภัยจากมัลแวร์SilentFade ดังนี้

• รักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์อุปกรณ์มือถือและข้อมูล ติดตั้งโซลูชั่นป้องกันมัลแวร์ที่เข้มงวดบนคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตของคุณ – เพื่อปกป้องอุปกรณ์จากไวรัสคอมพิวเตอร์ เวิร์ม ไวรัส โทรจัน และภัยคุกคามอื่น ๆ

• ใช้บัตรเครดิตชั่วคราว บริษัทบัตรเครดิตบางแห่งจะออกหมายเลขบัตรเครดิตชั่วคราวให้กับลูกค้าของตน หมายเลขชั่วคราวเหล่านี้มีประโยชน์สำหรับการซื้อครั้งเดียว อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงการใช้สำหรับการซื้อใดๆ ที่ต้องต่ออายุอัตโนมัติหรือชำระเงินเป็นประจำ

• ใช้คอมพิวเตอร์ที่ “สะอาด” เพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ใช้งานเครื่องสำหรับธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ทั้งหมดของคุณโดยเฉพาะ ซึ่งปราศจากไวรัสคอมพิวเตอร์และการติดเชื้ออื่นๆ โดยสิ้นเชิง ไม่ควรใช้เครื่องนี้สำหรับการท่องเว็บ เครือข่ายสังคมออนไลน์ หรืออีเมลใดๆ

• จัดการและปกป้องรหัสผ่านออนไลน์ การใช้ตัวจัดการรหัสผ่าน (password manager) ที่สามารถช่วยจัดการกับบัญชีและรหัสผ่านหลายบัญชี และเพื่อเข้ารหัสรหัสผ่านที่อาจเป็นข้อความธรรมดา ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตบางอย่างมีคุณสมบัติการจัดการรหัสผ่านและการรักษาความปลอดภัยด้วยรหัสผ่าน Kaspersky detects increased spread of the Ad-Fraudsters, “SilentFade” malware in Southeast Asia

---

10 ประโยชน์ของ “น้ำมะพร้าว” และข้อควรระวัง

นอกจากเรื่องความสวยความงาม และเสริมสมรรถภาพทางเพศแล้ว น้ำมะพร้าวยังมีประโยชน์อีกเพียบ แต่ความอร่อยก็มาพร้อมกับข้อควรระวังด้วย

ประโยชน์ของน้ำมะพร้าว

1. มีแร่ธาตุที่ช่วยรักษาอาการขาดน้ำได้ นักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายหนักๆ จนเสียเหงื่อมาก สามารถดื่มน้ำมะพร้าวแทนน้ำเกลือแร่ เพื่อเพิ่มความสดชื่น และทดแทนน้ำที่สูญเสียไปพร้อมเหงื่อได้
2. แร่ธาตุที่อยู่ในน้ำมะพร้าวมีมากมาย ได้แก่ วิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 6 วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก กรดอะมิโน และโปรตีน
3. น้ำมะพร้าวช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง เพราะช่วยให้ร่างกายเสริมสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว
4. มีไซโตไคน์ ที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม
5. ช่วยย่อยอาหาร และลดอาการกรดไหลย้อน
6. บรรเทาอาการปวดท้องจากโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
7. ช่วยขับปัสสาวะ บรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
8. น้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนไฟโตเอสโตรเจน ที่มีโครงสร้างและการออกฤทธิ์คล้ายคลึงกับฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) ช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวนผันผวน และเหงื่อออกกลางคืนในสตรีวัยทองได้
9. ช่วยเพิ่มระดับของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายได้เล็กน้อย
10. ช่วยเพิ่มสมรรถภาพ เพราะการไหลเวียนเลือดที่ดีและสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแบบองค์รวม มีผลต่อการถึงจุดสุดยอดทางเพศ และการแข็งตัวของรวมองค์เพศชายได้

ข้อควรระวังในการดื่มน้ำมะพร้าว

สำหรับใครที่เป็นโรคไต และโรคเบาหวาน อาจต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนดื่มน้ำมะพร้าว เพื่อหาปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกาย เพราะอย่างไรแล้ว น้ำมะพร้าวก็เป็นน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาล และโพแทสเซียม

แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล หรือ หมอผิง ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ระบุว่า “น้ำมะพร้าวมีประโยชน์ เป็นเครื่องดื่มเกลือแร่ให้พลังงานตามธรรมชาติ แต่จัดว่าน้ำตาลสูง แม้จะเป็นน้ำตาลธรรมชาติ แต่ดื่มมากไปก็อ้วนได้เช่นกัน” โดยน้ำมะพร้าว 1 ลูก ปริมาณ 282 กรัม มีปริมาณน้ำ 94 กรัม น้ำตาลฟรุกโตส 8.1 กรัม น้ำตาลกลูโคส 8.5 กรัม น้ำตาลซูโครส 4.0 กรัม รวมเท่ากับน้ำตาลถึง 5.1 ช้อนชาเลยทีเดียว

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

---

ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 17/02/2564