บิ๊กอสังหาฯ Q1ร่วง ‘เอพี’ พลิกกำไรโต 127%
เช็กพอร์ต ผลประกอบการ บริษัทอสังหาฯดัง ไตรมาส 1 ปี 2564 ก๊อกแรก พบโควิดระลอก 2 ยังเล่นงาน กลุ่มผู้พัฒนาฯในตลาดคอนโดฯ “อนันดา” ลดลงทั้งรายได้-กำไร ขณะเมเจอร์ฯ โอนกรรมสิทธิ์ไม่เข้าเป้า กดดันขาดทุน “เอพี” ขาขึ้น เจาะตลาดบ้านถูกจุด ดันรายได้พุ่ง กำไรโต 127% ยืนหนึ่งบนตาราง เอสซี-ออริจิ้น ยังบวกทั้งรายได้และกำไร จากโปรดักต์และกลยุทธ์การขาย จับตาพฤกษา-แสนสิริ ประกาศผลงานตบท้าย
วิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด19 ที่ยังคงสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจไทยอย่างไม่สิ้นสุด และสร้างความท้าทายให้กับการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะกับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีต้นทุน – ดอกเบี้ย ค่าใช้จ่าย ในการก่อสร้างพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย มานานมากกว่า 1 ปี จากการไม่สามารถทำกิจกรรมทางการตลาด เปิดขายโครงการใหม่ และระบายสต๊อกสร้างเสร็จได้คล่องตัว เนื่องจากมาตรการทางสังคม และบรรยากาศโดยรวมของกำลังซื้อผู้บริโภค กลายเป็นอุปสรรค-ข้อจำกัด
โดยตลอดช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะช่วงต้นไตรมาส เกิดการระบาดระลอก 2 แม้รัฐบาลออกมาตรการมากระตุ้น เพื่อพยุงกำลังซื้อหลายรูปแบบก็ตาม แต่ “ตลาดที่อยู่อาศัย” ยังได้รับผลพ่วงจากปัญหา หนี้ครัวเรือน ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และความเข้มงวด ในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน โดยการปฎิเสธสินเชื่อ (รีเจ็กต์) ในกลุ่มลูกค้า ได้ทำให้หน่วยขาย โครงการบ้าน – คอนโดมิเนียมบางส่วน มีเม็ดเงินเป็นศูนย์ ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์หมุนมาเป็นรายได้เข้าบริษัทต่างๆได้
ทำให้ผลดำเนินงานของผู้ประกอบการบริษัทอสังหาฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 (ม.ค.-มี.ค.) หลายบริษัท ที่จดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ ได้รับผลกระทบไปตามๆกัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการคอนโดฯ สะท้อนผ่านตัวเลขรายได้ที่ลดลง หรือจากมีกำไรในช่วงปีก่อน พลิกกลับเป็นขาดทุนก็มี แต่อย่างไรก็ตาม พบยังมีบางบริษัท ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง จากการปรับตัวเร็ว ในการบริหารจัดการต้นทุน กระแสเงินสดได้ดี และขยายสินค้าไปในหลายทำเล ปรับเซกเม้นท์ให้เข้ากับผู้บริโภคที่เหลืออยู่ โดยเฉพาะการเจาะตลาดแนวราบ ประกอบกับการออกแคมเปญทางการตลาดใหม่ๆ ทำให้ผลประกอบการปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก ยืนหนึ่งทั้งเรื่องรายได้และกำไร สวนกระแสความผิดปกติของเศรษฐกิจและผู้บริโภค
โดยบริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ยังคงทำผลประกอบการได้ดีต่อเนื่อง สืบเนืองมาจากผลงานทีดีเยียมในสินค้ากลุ่มแนบราบ สร้างรายได้เฉพาะ 8,040 ล้านบาท จาก 100 โครงการเดิมที่อยู่ระหว่างการขาย และ 5 โครงการใหม่ ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ เช่น อภิทาวน์ นครศรีธรรมราชและอภิทาวน์ อยุธยา ขณะคอนโดฯการโอนกรรมสิทธิ์ที่ทำได้มาก 70-80% ในแต่ละโครงการ ได้ผลักดัน รายได้รวมงวด 3 เดือนแรก ได้สูงถึง 9,106 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.7% กระโดดจากรายได้รวมช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ราว 6,820 ล้านบาท
เช่นเดียวกับกำไร เพิ่มขึ้นมา จาก 618 ล้านบาท มาอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 127% ทั้งนี้ นายวิทการ จันทวิมล ระบุ สินค้ากลุ่มแนวราบที่ยังคงเป็นซูเปอร์สตาร์ โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ ที่เติบโตสูงขึ้นในทุกไตรมาส สะท้อนถึงความแข็งแกร่งที่เกิดขึ้นจากภายใน และการรับมือกับปัจจัยภายนอก
ด้าน บมจ. เอสซี แอสเสท ประกาศมีรายได้รวม 3,965 ล้านบาท เติบโต 20% พร้อมกำไรสุทธิ 417 ล้านบาท เติบโต 39% ซึ่งนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยมาจากความสำเร็จในบ้านกลุ่มราคา 5 ล้านบาท , 5-20 ล้านบาท และพอร์ตหลักบ้านเดี่ยวมากกว่า 20 ล้านบาท โตแข็งแกร่งนับ 4 เท่าตัว พร้อมย้ำ แม้สถานการณ์โควิดมีความท้าทายอย่างมาก แต่มั่นใจบริษังจะบรรลุเป้าหมาย ทั้งยอดขายและรายได้ของปีนี้ พร้อมขึ้นแท่นแบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1
บมจ. ออริจิ้น เป็นอีกบริษัท ที่มีผลประกอบการปรับเพิ่มขึ้นสวนสภาพตลาด โดยนายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ระบุ ไตรมาสแรก มีรายได้จากการขาย จํานวน 3,446.1 ล้านบาท คิดเป็น 89.1 % ของรายได้รวมที่ทำได้ทั้งหมด 3,869 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นถึง 60.7% ทำกำไร 868.1 ล้านบาท จากการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ ใน 7 คอนโดฯ ขณะโครงการบ้าน เรือธงตัวใหม่ ผลักดันเป็นไปตามแผน
บมจ.ศุภาลัย มีผลประกอบการลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย โดยรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ อยู่ที่ 3,602.52 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ยังมาจากบ้านและทาวน์เฮ้าส์ 71% เนื่องจากคอนโดฯ มีกำหนดแล้วเสร็จ และโอนฯเป็นจำนวนมากในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลกำไรสุทธิ ลดลงราว 8 ล้านบาท อยู่ที่ 741.08 ล้านบาท
ส่วนอสังหาฯกลุ่มใหญ่ บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ สร้างรายได้ไตรมาสแรกปี 64 รวม 4,282 ล้านบาท ลดลง ซึ่งมาจากรายได้ จากการขายโครงการที่อยู่อาศัย ปรับตัวลดลง 457.6 ล้านบาท โดยชี้แจงต่อ ตลท. ว่ามาจากภาพรวมอุตสาหกรรมชะลอตัวจากสภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลต่อยอดปฏิเสธสินเชื่อ และอำนาจในการซื้อของลูกค้าลดลง แต่อย่างไรก็ตาม ในแง่ยอดขาย ปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อนหน้า จึงมั่นใจว่าในปีนี้ บริษัทฯจะสามารถสร้างรายได้ตามเป้าที่ 17,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน
ความซบเซาของกำลังซื้อในตลาดคอนโดฯ ที่บางส่วนพึงพาลูกค้าต่างชาติ ยังสะท้อนผ่านผลประกอบการของ 3 บริษัทใหญ่ โดย บมจ. อนันดา ในงวด 3 เดือน แรก สามารถทำได้เพียง 1,046.5 ล้านบาท เป็นการลดลงราว 31.2% จากปีก่อน ในแง่ผลตอบแทน ยังมีกำไรอยู่ที่ 38.8 ล้านบาท แต่เป็นตัวเลขที่ลดลง หายไปถึง 89.7% ขณะที่ในปี 2564 นั้น อนันดา ตั้งเป้ายอดโอนกว่า 16,008 ล้านบาท ยอดขาย 18,570 ล้านบาท
เช่นเดียวกับ บมจ. แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ แม้ประกาศเทริน์อะราวด์ด้านรายได้ เพราะความหวังด้านวัคซีน ณ คราวประกาศแผน แต่พบ งวด 3 เดือนแรกของปี สามารถรายได้ได้ที่ 1,423 ล้านบาท ยังลดลง 21.85% กดดันผลกำไรสุทธิ หลุดไปอยู่ที่ 122.86 ล้านบาท ทั้งนี้ แจ้งว่า มาจากรายได้ จากการขายที่ลดลง โดยส่วนใหญ่ 64% เป็นการรับรู้รายได้จากคอนโดฯ ที่สร้างแล้วเสร็จ ณ สิ้นปี 2563
ส่วน บมจ. เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ครอบคลุมหลายขารายได้ แต่ในแง่รายได้จากการขายในไตรมาสแรกนั้น ทำได้ 1,159.37 ล้านบาท ลดลง 36.46 % จากปีก่อน เนื่องจากการโอนกรรมสิทธิ์ลดลง ประกอบกับ ไม่มีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ทำให้ รายได้รวมอยู่ที่ 1,254.09 ล้านบาท เกิดการขาดทุนสุทธิ 27.88 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการข้างต้น ยังไม่นับรวม การประกาศของบริษัทใหญ่อีกหลายบริษัท ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ทั้ง บมจ.พฤกษาฯ , พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, แสนสิริ และ แลนด์แอนเฮ้าส์ เป็นต้น ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่มีมาร์เก็ตแชร์ส่วนใหญ่อยู่ในตลาดแนวราบและมีการแข่งขันสูงตลอดช่วงที่ผ่านมา
การบริหารจัดการต้นทุน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ที่เป็นไปสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 และผลกระทบทางเศรษฐกิจ ตลอดจนกำลังซื้อของประชาชนในวงกว้าง ยังนับว่าเป็นหลักสำคัญ ในการดำเนินธุรกิจอสังหาฯ ตลอดทั้งปี 2564 ขณะปัจจัย วัคซีนป้องโควิด-19 เป็นความหวังสูงสุดของผู้ประกอบการ ว่าจะทำให้เศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว ส่งผลกำลังต่างชาติกลับมา ตลอดจนความมั่นใจของคนไทย ช่วยหนุนความต้องการเพิ่มในกลุ่มที่อยู่อาศัยให้กลับมาในทุกระดับราคานั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เปิดรายได้ – กำไร TOP 10 อสังหาฯไทย ไตรมาส 1 ปี 2564
ส่องผลประกอบการ รายได้ – กำไร 10 ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทย ไตรมาสแรก ปี 2564 พบโควิด19 ระลอก 2 ส่งผล ยอดขายรวมยังชะลอตัว ขณะเอพี – แลนด์แอนด์เฮ้าส์ เบอร์ใหญ่ตลาดบ้าน โปรดักส์แข็ง – ปรับกลยุทธ์ไว ขึ้นแท่นบนสุดตารางรวม
ย้อนรอย ปี 2563 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กระอัก เจ็บตัว จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 อย่างฉับพลัน และผลพวงจากพิษเศรษฐกิจตลอดทั้งปี ส่งผลผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ชะลอการเปิดโครงการใหม่ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม และเน้นระบายสต็อกคงค้างแทน โดยใช้การลดราคาสูงสุดกว่า 40% เพื่อกระตุ้นการซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ ควบคู่การจัดการ บริหารต้นทุน- ค่าใช้จ่าย เป็นหลัก เป็นทางเลือกในการกอบกู้รายได้ จนผ่านพ้นวิกฤติเอาตัวรอดกันมาได้
ขณะต้นปี 2564 นั้น ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายราย ประกาศแผนการลงทุน หรือ แผนการเปิดขายโครงการบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียมใหม่อย่างคึกคัก หลังจากแสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว ท่ามกลางการระบาดระลอก 2 ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ปลายปี 2563 ยังดำเนินต่อเนื่อง
ทั้งนี้ พบ ณ ช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย มีสัญญาณที่ดีขึ้น โดย บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom: LWS) บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้รายงานว่า การเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลในไตรมาสแรกของปี 2564 นั้น แม้จำนวนการเปิดตัวใหม่มีทั้งสิ้น 9,688 หน่วย ลดลง 45.72% แต่มีมูลค่ารวมของการเปิดตัวโครงการใหม่ 70,156.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.81% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2563 เป็นผลมาจากการเปิดขายโครงการอาคารชุดพักอาศัยในระดับราคาสูง
ขณะที่อัตราการขายของโครงการเปิดตัวใหม่ในไตรมาสแรกปี 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 20% ซึ่งสูงกว่าอัตราการขายที่ 16% ในระยะเดียวกันของปี 2563 โดยแบ่ง เป็นการเปิดตัว อาคารชุดพักอาศัย 4,897 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 50.54% จากจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด และเป็นการเปิดตัวของบ้านพักอาศัย 4,791 หน่วย คิดเป็น 49.46% คิดเป็นมูลค่า 23,588 ล้านบาท
ทั้งนี้ พบ ข้อมูลผลดำเนินงาน ที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ของตลาด ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวม 10 รายอสังหาริมทรัพย์หลัก ส่วนใหญ่ มียอดขายและรายได้ ณ งวด 3 เดือนแรก (มกราคม – มีนาคม ) ไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ปรับตัวดีขึ้น ทำรายได้ ได้ประมาณ 1 ใน 4 ของเป้าที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการ ที่ผลักดันโปรดักส์แนวราบ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด เป็นหลัก รวมถึง บริษัทที่สามารถทำผลงานการโอนกรรมสิทธิ์ในกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จได้ดีเยี่ยม ขณะบางราย ยอดขายที่ทำได้ลดลงในช่วงปีก่อนหน้า และแคมเปญการลดราคา ทำให้ผลกำไรติดลบ ดังต่อไปนี้
การบริหารจัดการต้นทุน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ที่เป็นไปสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 และผลกระทบทางเศรษฐกิจ ตลอดจนกำลังซื้อของประชาชนในวงกว้าง ยังนับว่าเป็นหลักสำคัญ ในการดำเนินธุรกิจอสังหาฯ ตลอดทั้งปี 2564 ขณะปัจจัย วัคซีนป้องโควิด-19 เป็นความหวังสูงสุดของผู้ประกอบการ ว่าจะทำให้เศรษฐกิจ – การท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว ส่งผลกำลังต่างชาติกลับมา ตลอดจนความมั่นใจของคนไทย ช่วยหนุนความต้องการเพิ่มในกลุ่มที่อยู่อาศัยให้กลับมาในทุกระดับราคานั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แบงก์พาณิชย์ กำไรลด หนี้เสียเพิ่ม จากพิษโควิด
นางสาว สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 1 ปี 2564 ว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีความเข้มแข็ง โดยมีเงินกองทุน เงินสำรองและสภาพคล่องอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง สามารถรองรับความต้องการสินเชื่อและความผันผวนของเศรษฐกิจในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้
ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และการผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นช่วยชะลอการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ผลประกอบการปรับลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อที่ลดลง โดยมีรายละเอียดดังนี้
ระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 3,017.2 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่ร้อยละ 20.0 เงินสำรองอยู่ในระดับสูงที่ 823.4 พันล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL coverage ratio) อยู่ที่ร้อยละ 149.7 และอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio: LCR) อยู่ที่ร้อยละ 186.5
ภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 1 ปี 2564 ขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.8 เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 จากร้อยละ 5.1 ในไตรมาสก่อนหน้า โดยมีรายละเอียดดังนี้
สินเชื่อธุรกิจ (ร้อยละ 64.3 ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.0 เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ชะลอตัวลงจากการเร่งใช้สินเชื่อในช่วงเดียวกันของปีก่อนเพื่อเสริมสภาพคล่องและส่วนหนึ่งเป็นผลจากการระดมทุนผ่านธนาคารพาณิชย์แทนตลาดการเงินที่มีความผันผวนสูงในช่วงต้นปีที่แล้ว ขณะที่ SMEs ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ ส่งผลให้สินเชื่อ SMEs หดตัวในอัตราที่ลดลง แม้ไม่รวมผลของมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan)
สินเชื่ออุปโภคบริโภค (ร้อยละ 35.7 ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวที่ร้อยละ 5.3 เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 และปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 4.4 โดยหลักจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ที่อยู่อาศัยที่ปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะแนวราบ ประกอบกับการส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการ และผลบวกจากมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมของภาครัฐ ขณะที่สินเชื่อรถยนต์ชะลอตัวตามยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ยังคงหดตัวจากปีก่อน ด้านสินเชื่อบัตรเครดิตขยายตัวเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนที่ได้รับผลจากการระบาดในช่วงแรก และสินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวได้จากความต้องการสภาพคล่องในภาคครัวเรือน ซึ่งบางส่วนเป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันผ่าน online platform และบัตรกดเงินสด
คุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 1 ปี 2564 ยังคงได้รับผลจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และการผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้ โดยยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non-Performing Loan: NPL หรือ stage 3) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 537.1 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ร้อยละ 3.10 ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (Significant Increase in Credit Risk: SICR หรือ stage 2) อยู่ที่ร้อยละ 6.41 ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 6.62
ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2564 จำนวน 43.8 พันล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.0 โดยหลักจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อที่ลดลง ทั้งนี้ หากเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายเงินสำรองที่ลดลงจากการกันสำรองในระดับสูงในปี 2563 ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Return on Assets: ROA) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 0.80 จากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 0.32 ขณะที่อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ย (Net Interest Margin: NIM) ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.43 จากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 2.52
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ภารกิจด่วน! “นักตบสาวไทย” เข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เตรียมลุยศึกเนชั่นส์ ลีก 2021
สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย นำนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยชุดใหม่ เข้ารับการฉีดวัคซีน ณ โรงพยาบาลศรีธัญญา ก่อนเดินทางไปร่วมศึกวอลเลย์บอล เนชั่นส์ ลีก 2021 ที่เมืองริมินี่ ประเทศอิตาลี ซึ่งจะแข่งขันช่วงระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม – 20 มิถุนายน 2564
โดยนักวอลเลย์บอลหญิงจำนวน 17 คน นำโดย วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, นุศรา ต้อมคํา, ปลื้มจิตร ถินขาว, อรอุมา สิทธิรักษ์, มลิกา กันทอง, อําพร หญ้าผา พร้อมด้วยทีมงานสตาร์ฟโค้ช และเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางไปฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19
ซึ่งหลังการฉีดวัคซีน นักตบสาวไทย เผยว่าร่ายกายแข็งแรง ปลอดภัยดี ไม่มีอาการข้างเคียงแต่อย่างใด และถือเป็นการสร้างความมั่นใจก่อนจะเดินทางไปแข่งขันในอีกไม่กี่วันข้างหน้าได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ก็ยอมรับว่าการแข่งขันครั้งนี้เป็นภารกิจเร่งด่วน ไม่ได้มีเวลาเตรียมตัว โดยหลายคนไม่ได้ฝึกซ้อมตั้งแต่จบศึกวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีกเมื่อต้นเดือนเมษายน ร่างกายอาจจะไม่ฟิตเต็มร้อย แต่การไปแข่งครั้งนี้จะพยายามทำหน้าที่ให้เต็มความสามารถเพื่อประเทศชาติและแฟนกีฬาชาวไทย
ก่อนจะออกเดินทางคืนวันที่ 20 พฤษภาคม และเมื่อเดินทางไปถึงจะเข้าเก็บตัวในบับเบิ้ลที่ฝ่ายจัดการแข่งขันเตรียมไว้ทันที ซึ่งจะมีเวลาฝึกซ้อมร่วมกันเพียง 3 วันเท่านั้น โดย นักตบลูกยางสาวทีมชาติไทย จะประเดิมสนามนัดแรกพบกับ ญี่ปุ่น วันที่ 25 พฤษภาคมนี้ เวลา 20.00 น.
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ตรวจยีน แล้ว Young
- ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการตรวจ DNA หรือรหัสพันธุกรรม ในการดูแลสุขภาพเชิงรุก ที่สามารถตรวจเพื่อวางแผนชีวิตและการดูแลสุขภาพได้มากกว่า 500 เรื่อง
- การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง DNA กับความต้องการสารอาหารและการออกกำลังกายเฉพาะบุคคล ช่วยให้ผู้ที่ได้รับการตรวจ หรือนักกีฬา สามารถเลือกชนิดและปริมาณอาหารตามที่เหมาะสมกับตัวเองในแต่ละวัน รวมไปถึงช่วยให้เข้าใจความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย และประสิทธิภาพในการฟื้นตัวหลังจากออกกำลังกาย
การตรวจยีน หรือตรวจ DNA คืออะไร
หลายคนอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับโครโมโซม หรือสารพันธุกรรมในร่างกายของมนุษย์ ที่เป็นตัวกำหนดลักษณะต่างๆ เช่น สีตา สีผม ความสูง และควบคุมการทำงานของร่างกาย โดยโครโมโซมจะอยู่ในเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย หากเปรียบโครโมโซม 23 คู่ในร่างกายเรา เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่มี 23 บท โดยแต่ละบทจะมีตัวหนังสือเรียงกันไปเรื่อยๆ เป็นรหัสคำสั่ง เปรียบเสมือนรหัสบนสายดีเอ็นเอ (DNA) ที่อยู่ในโครโมโซม ซึ่งรหัสเหล่านี้ได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อและแม่อย่างละครึ่ง ความผิดปกติของโรคต่างๆ นั้นมักเกิดจากรหัสมีการเรียงตัวผิด เสมือนในบางบรรทัด (สาย DNA) ของบางบทนั้น (โครโมโซม) อาจมีการสะกดผิด จนอาจส่งผลให้เกิดโรคที่รุนแรงได้ตั้งแต่เกิด หรือส่งผลในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต
เทคโนโลยีการตรวจ DNA ช่วยวางแผนการดูแลสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล
นอกจากโรครุนแรงต่างๆ ที่อาจถ่ายทอดมากทางพันธุกรรมแล้ว ในรหัสพันธุกรรมยังมีความจำเพาะเจาะจงต่ออาหาร การออกกำลังกาย การฟื้นฟูร่างกาย และอื่นๆ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการตรวจ DNA หรือรหัสพันธุกรรมในการดูแลสุขภาพเชิงรุกมากขึ้น หากเราเข้าใจร่างกาย และดำเนินชีวิตไปตามรหัสพันธุกรรม นั่นคือส่วนหนึ่งของการมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบและอ่อนเยาว์จากภายใน ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถตรวจเพื่อวางแผนสุขภาพได้มากกว่า 500 เรื่อง ยกตัวอย่างเช่น
- ความต้องการสารอาหาร (Nutrient needs) ปริมาณสารอาหารแต่ละชนิดที่ร่างกายต้องการ ได้แก่ กรดโฟลิก วิตามินบี 12 วิตามินบี 6 วิตามินซี วิตามินดี โอเมก้า 3 และสารต้านอนุมูลอิสระ
- ความไวต่ออาหาร (Food sensitivity) การตอบสนองของร่างกายต่ออาหารบางชนิด ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต แอลกอฮอล์ เกลือ กลูเตน กาเฟอีน รสชาติอาหาร การแพ้แลคโตส และไขมันอิ่มตัว
- การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness) ได้แก่ การตอบสนองต่อการอักเสบ (Inflammatory Response) การตอบสนองต่อการเผาผลาญ (Metabolic Response) ความเสี่ยงต่อโรคอ้วน (Obesity Risk) และ
- การควบคุมความอยากอาหาร (Appetite Control) การกำจัดสารพิษ (Detoxification)
- การออกกำลังกาย (Fitness) ได้แก่ ความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ (Injury Risk) สมรรถนะและความทนทาน (Power & Endurance) ประสิทธิภาพ
- การฟื้นตัว (Recovery Efficiency) ประสิทธิภาพการใช้ออกซิเจน (Oxygen Efficiency)
- สุขภาพของการนอนและภาวะที่ร่างกายจัดการต่อความเครียด (Stress and Sleep)
- ยีนของบรรพบุรุษที่หลากหลายอาจอยู่ในตัวเรา (Ancestry Composition)
- สุขภาพของผิวพรรณโดยกำเนิด และการแสดงออกต่อสิ่งแวดล้อม (Skin Summary)
- ยีนทางกายภาพทั่วไป (Physical Trait) และยีนทางพฤติกรรมและบุคลิกภาพ (Behavioral and Personality Traits)
- ยีนที่แสดงออกถึงความสามารถและการเรียนรู้ (Success Trait)
- ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันในเลือดสูง เบาหวาน หัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคอื่นๆ (Common Health Risk and Disease Risk)
- การตอบสนองต่อยา (Drug response)
- ความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง (Cancer risk Screening)
- การวางแผนครอบครัว ในโรคที่มีความเกี่ยวข้อง (Family Planning)
การตรวจ DNA หรือรหัสพันธุกรรมในการดูแลสุขภาพเชิงรุก เหมาะกับใคร
- นักกีฬา หรือผู้ที่ต้องการจัดโปรแกรมการรับประทานอาหาร และวางตารางการฝึกซ้อม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านร่างกายให้พร้อมรับกับการฝึกและการแข่งขัน
- สำหรับบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ หรือผู้ที่มีโรคเรื้อรังแต่ต้องการดูแลสุขภาพให้ดีขึ้น
- ผู้ที่ต้องการทราบภาวะโภชนาการเพื่อการลดน้ำหนัก
- สำหรับคู่รักที่กำลังวางแผนมีบุตร
คนทั่วไปที่ต้องการสร้างเสริมสุขภาพที่ดี เพื่อความอ่อนเยาว์จากภายใน
อย่างไรก็ตาม ลักษณะของโรคหรือวิถีชีวิตเป็นลักษณะที่ซับซ้อน ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยลักษณะทางพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตอื่นๆ ด้วย เราจึงควรจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปตามผลยีนและคำแนะนำของแพทย์ด้วยเช่นกัน จึงจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด.
บทความโดย : พญ.จิตแข เทพชาตรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาจิตวิทยา รพ.สมิติเวช สุขุมวิท
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
เบนซ์ สตาร์แฟลก งัดโปรแรง ลด 2 ล้าน
ตลาดรถหรูเดือด เบนซ์ สตาร์แฟลก จัดโปรโมชันลดแรง 2 ล้านในรุ่น Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+4-Door Coupé พร้อมเอาใจลูกค้าด้วยบริการ#STAYHOME Service นำรถรุ่นต่างๆ ไปให้ลูกค้าได้ทดลองขับถึงบ้าน
ดีลเลอร์รถหรู เบนซ์ สตาร์แฟลก ย่านวิภาวดี จัดหนักโปรโมชันในรุ่นต่างๆ อาทิ ส่วนลดพิเศษ 2 ล้านบาท สำหรับ Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé ซึ่งมีเพียง 20 คันในประเทศไทย และมีที่ เบนซ์ สตาร์แฟลก ที่เดียวเท่านั้น
นอกจากนั้นแล้วยังมีข้อเสนอพิเศษในรุ่น The new E-Class แลกเลยไม่ต้องดาวน์ ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรี นาน 5 ปี
ในรุ่นอื่นๆก็มาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น GLE 350 de 4MATIC Exclusive, GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic, GLC 220 d AMG Dynamic, Mercedes-AMG A45 S 4MATIC+ ซึ่งมีเพียง 10 คัน ในประเทศไทย, V 250 d Business PLUS, Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC, C 300 e AMG Sport, E 220 d AMG Sport, C 220 d Avantgarde
สำหรับโปรโมชันและข้อเสนอพิเศษเริ่มตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายนนี้
นอกเหนือจากโปรโมชันและข้อเสนอพิเศษแล้ว สตาร์แฟลกยังเปิดบริการวิถีใหม่#STAYHOME Service เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกชมรถรุ่นที่สนใจและทดลองขับรถที่บ้านได้ ผ่านการนัดหมายล่วงหน้า โดยมีทีมงานของโชว์รูมนำรถไปให้ทดลองขับถึงหน้าบ้าน
นายชยุส ยังพิชิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สตาร์แฟลก จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี อย่างเป็นทางการ กล่าวว่า ผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ประชาชนส่วนใหญ่หยุดอยู่บ้าน และ Work From Home พบว่าลูกค้าหันมาใช้ช่องทางสื่อสารออนไลน์ เพื่อดูรายละเอียด สเปครถแต่ละรุ่นและโปรโมชั่นมากขึ้น รวมถึงการใช้ช่องทางผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ในการสอบถามราคาและรุ่นที่สนใจ
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยการตัดสินใจเลือกซื้อให้ได้รถรุ่นที่ถูกใจ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความชอบของลูกค้า คือ การได้เห็นและสัมผัสคันจริง และการได้ทดลองขับเพื่อจะได้รู้ถึงสมรรถนะการขับขี่ ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้เปิดบริการวิถีใหม่ #STAYHOME Service เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกยลโฉมรุ่นที่สนใจและทดลองขับรถที่บ้านได้ ผ่านการนัดหมายล่วงหน้า โดยมีทีมงานของโชว์รูมนำรถไปให้ทดลองขับถึงหน้าบ้าน
สำหรับขั้นตอนการใช้บริการ #STAYHOME Service ลูกค้าสามารถติดต่อนัดหมายล่วงหน้า พร้อมแจ้งรุ่นรถที่สนใจ วันและเวลาที่ต้องการทดลองขับ ทั้งนี้ลูกค้าที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับไฟแนนซ์ก็สามารถปรึกษาผ่านบริการนี้ได้เช่นกัน
ด้านบริการหลังการขาย ภายใต้บริการ #STAYHOME Service ลูกค้ายังจะได้รับการบริการที่บ้านด้วยเช่นกัน โดยทาง เบนซ์ สตาร์แฟลก จะจัดทีมช่างเทคนิคผู้ชำนาญการไปดูแลตรวจเช็คระยะรถของลูกค้าถึงหน้าบ้านด้วยระบบคอมพิวเตอร์และเครื่องมือพิเศษทันสมัย พร้อมบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง (สำหรับรถที่มีเลขไมล์ 10,000 – 30,000 km.) *เฉพาะรุ่น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
15 สรรพคุณของ กระถิน ผักพื้นบ้านริมรั้ว ประโยชน์มากมายที่คุณอาจไม่รู้!!
กระถิน เป็นยาอายุวัฒนะ มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Horse Tamarind, Leadtree, Leucaena ชื่อวิทยาศาสตร์ Leucaena leucocephala นิยมนำยอดอ่อนมาจิ้มเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิ หรือทานยอดอ่อนกับหอยนางรม เรามาดูกันเลยว่ากระถินมีสรรพคุณทางยาอะไรบ้าง
15 สรรพคุณของกระถิน
- กระถินอุดมไปวิตามินและแร่ธาตุต่างๆมากมาย มีโพแทสเซียม เบต้าแคโรทีน แคลเซียม ธาตุเหล็กสูง
- มีแคลเซียมสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง แก้ปวดเมื่อยตามร่างกายและข้อกระดูก
- ธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง เพียงรับประทานกระถิน 100 กรัม ก็เพียงพอกับปริมาณธาตุเหล็กที่ร่างกายต้องการต่อวัน
- บำรุงสมอง วิตามินบี 1 ช่วยกระตุ้นระบบประสาท
- แก้ร้อนใน ยอดและฝักใช้กินเป็นผักสด แก้ร้อนในกระหายน้ำ
- ช่วยให้เจริญอาหารได้ดีมากยิ่งขึ้น
- บำรุงหัวใจ ลดการเกิดโรคหัวใจวาย ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด
- ช่วยขับลม เมล็ดแก่ กินแก้ขับลมในลำไส้ ขับระดูในสตรี บำรุงไตและตับ
- แก้อาการนอนไม่หลับ เมล็ดแก่ของกระถินช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับได้
- มีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตา ช่วยในการมองเห็นทำให้ดวงตามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด สามารถช่วยลดระดับปริมาณของน้ำตาลกลูโคสในเลือดและยังช่วยควบคุมน้ำตาลในร่างกายได้ดีอีกด้วย
- ลดความดันโลหิต ใบและเมล็ด ช่วยแก้โรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือด
- ช่วยแก้อาการท้องร่วง ฝักกระถินรักษาอาการท้องร่วง ส่วนเมล็ดกระถินช่วยขับพยาธิชนิดตัวกลม
- ช่วยสมานแผล ห้ามเลือด
- ใบกระถินมีเบต้าแคโรทีนสูง จึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสละ ยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งได้
คำเตือน : ยอดกระถินเป็นผักพื้นบ้านที่มีกรดยูริกสูง ผู้ป่วยโรคเก๊าท์จึงควรหลีกเลี่ยง
คุณค่าทางโภชนาการของ ยอดกระถินอ่อน 100 กรัม
- ให้พลังงาน 62 กิโลแคลอรี่
- คาร์โบไฮเดรต 5 กรัม
- น้ำ 80.7 กรัม
- โปรตีน 8.4 กรัม
- ใยอาหาร 3.8 กรัม
- แคลเซียม 137 มิลลิกรัม
- วิตามินเอ 7,800 IU
- วิตามินบี1 0.33 มิลลิกรัม
- วิตามินบี2 0.09 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 8 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม
- เหล็ก 9.2 มิลลิกรัม
- ไนอะซิน 1.7 มิลลิกรัม
- เบต้าแคโรทีน 460.60 RE
ขอบคุณข้อมูลจาก health.mthai.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 27,750.00 | 27,850.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,798.00 | 27,257.68 | 28,350.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,618.20 | 24,531.91 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,438.40 | 21,806.14 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 809.00 | 12,264.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 629.00 | 9,535.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,863.00 | 28,243.08 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 18/05/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.35 | 27.35 | 27.85 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 27.08 | 27.08 | 27.58 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 25.84 | 25.84 | 26.34 | 25.84 | 25.84 | – | 25.84 | 25.84 | 25.84 | 25.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 21.59 | 21.59 | – | – | – | – | – | – | – | 21.59 |
เบนซิน 95 | 34.76 | – | – | – | 35.21 | – | 35.26 | 34.76 | – | 34.76 |
ดีเซล B7 | 27.29 | 27.29 | 27.79 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 |
ดีเซล | 24.29 | 24.29 | 24.79 | 24.29 | 24.29 | 24.29 | 24.29 | 24.29 | 24.29 | 24.29 |
ดีเซล B20 | 24.04 | 24.04 | 24.74 | – | 24.04 | – | 24.04 | 24.04 | – | 24.04 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 31.96 | 32.06 | 34.24 | 33.36 | – | – | – | – | – | 31.96 |
แก๊ส NGV | 13.49 | 13.49 | – | – | – | – | – | – | – | 13.49 |