สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 21 มิถุนายน 2564

ที่ดินกลางกรุงพุ่งไม่หยุด ทะยานวาละ 3.3ล้าน “เพลินจิต-สยามสแควร์”แชมป์

ที่ดินกลางกรุงพุ่งไม่หยุด  ทะยานวาละ 3.3ล้าน  “เพลินจิต-สยามสแควร์”แชมป์

ที่ดินกลางเมืองขยับสวนทางโควิด-19 “แอร์เรีย” อัพเดท ราคาที่ดินใหม่ปี64 สะท้อนราคาตลาด แชมป์ที่ดินแพง 27 ปี อยู่ที่เพลินจิต-ชิดลม-สยามสแควร์ ปัจจุบันพุ่งวาละ 3.3 ล้าน

ที่ดินกลางเมือง ศูนย์กลางธุรกิจการค้าสำคัญของประเทศยังมีความต้องการสูงโดยเฉพาะนักลงทุนใน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขนาดใหญ่ทั้งชาวไทยและต่างชาติส่งผลให้ ราคาที่ดิน มีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องแม้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 อาจ มีราคาทรงตัวบ้างในบางทำเลบางแปลงแต่นั่นเป็นเพราะทุกแปลงถูกจับจองไม่มีการเปลี่ยนมือซื้อขาย แต่ความต้องการยังมีอยู่เปี่ยมล้นรอแค่จังหวะการเจรจาต่อรองเท่านั้น

ขณะที่การขยายตัวของเมืองเริ่มเกิดขึ้นจากการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ทำให้การพัฒนาขยับตามออกไป แม้จะห่างจากรัศมีศูนย์กลางกลางเมือง แต่เมื่อรถไฟฟ้าทุกสายเชื่อมโยงเข้าหากัน ป้อนผู้โดยสารวิ่งเข้ากลางเมืองได้สะดวกใช้เวลาอันสั้นเข้าสู่แหล่งงานประเมินได้ว่าที่ดินกลางเมือง ยังคงความขลัง ความเฉพาะในตัวเอง ยากที่จะมีทำเลใดมาแทนที่ได้

เพลินจิต-สยามฯแชมป์

สอดรับกับบริษัทวิเคราะห์และประเมินราคาทุนทรัพย์ที่ดิน อย่าง บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์สจำกัด หรือ area สำรวจที่ดิน จำนวนกว่า 400 บริเวณในเขตกรุงเทพและปริมณฑล เป็นรายปีตั้งแต่ปี 2537 พบราคาที่ดินขยับตั้วแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะปี2562 ช่วงก่อสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่และการพัฒนาโครงการของภาคเอกชน เกิดความเปลี่ยนแปลงของเมือง ลุกลามมาจากศูนย์กลางเมือง แต่ทั้งนี้ ที่ดินที่ยังคงครองแชมป์ราคาสูงที่สุดอย่างเหนียวแน่น 

นายโสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย area ยืนยันกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ยังคงเป็น สยามสแควร์ ชิดลม เพลินจิต นานา ครองแชมป์อันดับหนึ่งของประเทศไทยราคาสูงสุดที่ 3.3 ล้านบาทต่อตารางวาหรือไร่ละ 1,320 ล้านบาท ที่ประมาณการ ณ สิ้นปี 2564 คาดว่าราคาไม่เปลี่ยน แปลงไปจากปี 2563 มากนัก ขณะเฉลี่ยทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ราคาขยับขึ้นเฉลี่ย 4.7% ด้านราคาประเมินของทางราชการกรมธนารักษ์ที่ดินราคาสูงสุดเพลินจิต 1ล้านบาทต่อตารางวา แต่ปัจจุบันยังไม่บังคับใช้ ห่างกัน 3.3 เท่า

“ถ้านำธนบัตรใบละ 1,000 บาทมาวางบนที่ดินขนาด 1 ตารางวา ต้องใช้ธนบัตรวางซ้อนกันไว้ถึง 9.6 ชั้นเลยทีเดียว หรือหากเทียบเป็นทองคำหนัก 1 บาท ณ ราคา 27,500 บาทก็เท่ากับทองคำหนักถึง 120 บาทเลยทีเดียว”

สาเหตุที่ราคาที่ดินในบริเวณสยามสแควร์ ชิดลม เพลินจิตและนานามีมูลค่าสูงมาก เพราะสามารถนำที่ดินเปล่านี้ไปพัฒนาในเชิงพาณิชย์ เช่น ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ได้อย่างหลากหลาย แม้ว่าค่าเช่าศูนย์การค้าจะได้รับผลกระทบบ้างในยุคโควิด-19 แต่ก็ถือเป็นเรื่องชั่วคราว ยังไม่กระทบถึงราคาที่ดินอย่างทันทีทันใด เพราะที่ดินและอสังหาริมทรัพย์มีลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เฉื่อยหรือเชื่องช้า (Inertia) กว่าทั่วไป เมื่อมีการก่อสร้างรถไฟฟ้ารอบนอกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถนำผู้บริโภคจากนอกเมืองเข้าสู่เมืองได้สะดวก ทำให้ที่ดินในใจกลางเมืองยังคงศักยภาพอยู่อย่างต่อเนื่อง

ที่ดินกลางกรุงพุ่งไม่หยุด  ทะยานวาละ 3.3ล้าน  “เพลินจิต-สยามสแควร์”แชมป์

เทียบชั้น“ออร์ชาร์ด” 

อย่างไรก็ตามการที่ราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวตามสถานีสยามสแควร์ ชิดลม เพลินจิตและนานามีราคาเท่าเทียมกันก็เพราะการเชื่อมต่อกันด้วยรถไฟฟ้าประกอบกับการพัฒนาตามแนวรถไฟฟ้านี้มีอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้าเป็นแนวทางต่อเนื่องกัน โดยเฉพาะในกรณีศูนย์การค้าหรือพื้นที่ค้าปลีกที่อยู่ตามแนวนี้ แทบจะเดินถึงกันได้ ถือเป็นการรวมตัวกันของศูนย์การค้าปลีก เทียบได้กับย่านถนนออร์ชาร์ตในสิงคโปร์ที่เป็นศูนย์รวมของศูนย์การค้าที่หลากหลายที่สุดในโลกก็ว่าได้

สนามศุภฯทุนใหญ่สน

อย่างไรก็ตามหากแปลงที่ดินเลยจาก ย่านนานาไปทางสุขุมวิท 21 ลงไป ราคาที่ดินก็ลดตํ่าลงมาตามลำดับ หรือตามแนวถนนพญาไท และถนนพระรามที่ 1 (สนามศุภชลาศัย) ราคาที่ดินก็ลดหลั่นลงไปเช่นกัน แต่หากอนาคตสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยกเลิกสัญญาการเช่าพื้นที่ของสนามศุภชลาศัยแล้วนำที่ดินแปลงนี้มาพัฒนาในเชิงพาณิชย์เช่นเดียวกับมาบุญครอง หรือสามย่านมิตรทาวน์ ก็จะทำให้ราคาที่ดินในบริเวณนี้พุ่งสูงขึ้นอีกได้เช่นกันอย่างไรก็ตามมีนักลงทุนให้ความสนใจจำนวนมากเพราะเป็นที่ดินผืนใหญ่กลางเมืองค่อนข้างหายาก

รถไฟฟ้าใหม่พุ่งแรง

ขณะที่ดินที่ขยับขึ้นสูงคาดว่าสิ้นปี 2564 เกือบ 20% ทั้งเส้นทางอยู่ระหว่างก่อสร้างอย่างรถไฟฟ้า สายสีเหลือง สายสีชมพู สายสีส้มตะวันอออก มีความเคลื่อนไหว ดยเฉพาะบริเวณแนวรถไฟฟ้าใหม่ ทำเลห้างบิ๊กซีลาดพร้าว (โรงเรียนปานะพันธ์เดิม) เชื่อมโยงกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายสายเหนือ ราคาปัจุบันอยู่ที่ 700,000 บาทต่อตารางวา เพิ่มขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา 62-63 ประมาณ 16.7% หากย้อนไปช่วง 10 ปีก่อน บริเวณนี้ราคาหลักหมื่นบาทต่อตารางวา ขณะเดียวกันทำเลลาดพร้าวตลอดทั้งเส้นทางบอกขายในราคา 3-4 แสนบาทต่อตารางวา

ที่แพงเวอร์ไม่มีลด

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ยอมรับแม้จะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 แต่มอง
ว่าราคาที่ดินไม่มีลดลง มีแต่ทรงกับปรับเพิ่มขึ้น เพราะความต้องการที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการยังมี ขณะการลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าเปิดทำเลใหม่ทำให้ มีผลอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะทำเลชานเมืองที่ผู้ประกอบการมักทำบ้านแนวราบแต่เนื่องจากแหล่งงานแหล่งช็อปปิ้ง โรงแรมการสัมมนา มักอยู่กลางเมือง ทำให้ทุกกิจกรรมยังคงรวมศูนย์ ประกอบกับมีรถไฟฟ้าใช้เวลาเดินทางไม่กี่นาทีสำหรับพฤกษามีการขยับซื้อที่ดินอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เจ้าของที่ดินตั้งราคาสูง

เช่นเดียวกับนางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมอาคารชุดไทย ยอมรับว่า ที่ดินที่มีศักยภาพยังคงเป็นทำเลกลางเมือง แนวเส้นทางรถไฟฟ้า ราคาต่อตารางวา 1 ล้านบาทขึ้นไป มองว่าแม้อยู่ในช่วงสถานการณ์โควิดราคาที่ดินไม่ได้ลดตํ่าลง กลับกันนับวันจะแพงขึ้น 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ดูชัดๆ ร่างข้อกำหนด “EIA”สร้างอาคารห้ามบังลม

ดูชัดๆ ร่างข้อกำหนด “EIA”สร้างอาคารห้ามบังลม

เปิดร่างข้อกำหนดEIA ใหม่ สผ. คุมเข้มอาคารสูง-ใหญ่สร้างบังลมชุมชน ทั่วประเทศ

สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) จัดทำร่างข้อกำหนดแนวทางการศึกษาและการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ด้านการบดบังแสงอาทิตย์และด้านการเปลี่ยนแปลงของลมจากการก่อสร้างอาคาร สำหรับรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการอาคารการจัดสรรที่ดินและบริการชุมชน

แนวทางการจัดทำ EIA จากการบังลม มีเงื่อนไข วิธีศึกษาการเปลี่ยนแปลงของลมจากการก่อสร้างอาคาร ดังนี้

  • อาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 8 ชั้นหรือ 23 เมตร มีความยาวต่อเนื่อง 60 เมตรขึ้นไปให้เสนอผลจำลอง โดยใช้แบบคอมพิวเตอร์แบบ CFD(computational fluid dynamic)
  • อาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 20 ชั้นหรือ 60 เมตรขึ้นไป ที่นอกจากเสนอแบบจำลอง CFDแล้วจะต้องทำการทดสอบแบบจำลองของอาคารด้วยการทดสอบในอุโมงค์ลมด้วยหากพบว่าบริเวณใดในแบบจำลองCFDมีความเร็วลมเกิน15เมตรต่อวินาทีเป็นต้น
  • ผลการวิเคราะห์ความเร็วลม ความเร็วลมน้อยกว่า 1.5 เมตรต่อวินาที น้อยกว่า 50% ให้ความรู้สึกอึดอัด ขณะตั้งแต่ 1.5-4.0 เมตรต่อวินาทีความถี่น้อยกว่า 5% ให้ความรู้สึกสบาย แต่มากกว่า 15.0 เมตรต่อวินาที
  • ความถี่น้อยกว่า 0.022% ไม่ปลอดภัยในการทำกิจกรรม เป็นต้น แนวทางป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ให้แก้ไขพื้นที่โครงการด้านสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์ให้เหมาะสมกับกิจกรรมของมนุษย์และกิจกรรม เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ยูโอบี ประเทศไทย อนุมัติสินเชื่อสีเขียว

ยูโอบี ประเทศไทย อนุมัติสินเชื่อสีเขียว

ยูโอบี ประเทศไทย อนุมัติสินเชื่อสีเขียว แก่ ACRE พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในภูเก็ต

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ได้อนุมัติสินเชื่อโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมแก่บริษัท เอเชีย แคปปิตอล เรียล เอสเตท (ACRE) มูลค่า 675 ล้านบาทเพื่อใช้พัฒนาโครงการโฮม่า เมืองภูเก็ต (HOMA Phuket Town) ซึ่งเป็นโครงการอพาร์ตเมนต์สำหรับเช่าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในราคาที่จับต้องได้ในจังหวัดภูเก็ต

สินเชื่อนี้อยู่ภายใต้กรอบแนวคิดสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนสำหรับอสังหาริมทรัพย์ (UOB Real Estate Sustainable Finance Framework) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของธนาคารสัญชาติสิงคโปร์ที่มีการกำหนดกรอบแนวคิดการอนุมัติสินเชื่อที่มุ่งเน้นสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับความยั่งยืนสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเอเชีย

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


ลุ้นสนุกทุกเซต! “นักตบสาวไทย” พ่าย อิตาลี 1-3 เซต ปิดฉากศึกเนชั่นส์ ลีก 2021

ลุ้นสนุกทุกเซต! "นักตบสาวไทย" พ่าย อิตาลี 1-3 เซต ปิดฉากศึกเนชั่นส์ ลีก 2021

การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ ลีก 2021 ทีมชาติไทย ลงสนามเกมสุดท้าย ในช่วงสัปดาห์ที่ห้าพบกับ “เจ้าภาพ” ทีมชาติอิตาลี ที่เมืองริมินี่ ประเทศอิตาลี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา

เกมนี้ “โค้ชแขก” กิตติคุณ ศรีอุทธวงศ์ ส่งผู้เล่นชุดแรกประกอบไปด้วย ปลื้มจิตร ถินขาว, นุศรา ต้อมคำ, อรอุมา สิทธิรักษ์, มลิกา กันทอง, อำพร หญ้าผา, สุทัดตา เชื้อวู้หลิม และ วิลาวัณย์ อภิญญาพงษ์

เซตแรก สาวอิตาลี มาเล่นเร็วทำแต้มออกนำไปก่อน 6-1 แต่ สาวไทย ไม่ยอมง่ายๆ ตามตีเสมอ 11-11 พร้อมแซงนำที่ 21-18 จากนั้นในช่วงท้ายทั้งสองทีมยื้อแต้มกันยาวก่อนที่จะเป็น สาวไทยที่เอาชนะไปได้ 35-33

vop2

เซตสาม นักตบสาวไทย เป็นฝ่ายออกนำ 10-8 แต่ช่วงกลางเซต อิตาลี มาทำแต้มแซงนำ 18-16 เกมมาลุ้นสนุกในช่วงท้ายเมื่อ สาวไทย ไล่ตีเสมอ 22-22 จนยืดเยื้อสู้กันในช่วงดิวซ์ก่อน ไทย แพ้ไปหวุดหวิด 25-27

เซตสี่ รูปเกมยังเหมือนเดิมทั้งสองทีมผลัดกันนำ ผลัดกันตาม เสมอกันที่ 12-12 แต่ สาวอิตาลี มาทำแต้มต่อเนื่องหนีไปเป็น 20-18 ก่อนปิดเซตไปได้ที่ 25-20 ทำให้ นักตบสาวไทย แพ้ไป 1-3 เซต

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เปิดผลวิจัยภูมิคุ้มกันในคนไทย หลังฉีดซิโนแวค 2 เข็ม

ผลวิจัยหลังฉีดซิโนแวคสองเข็ม

ผลทดสอบเลือดของคนไทยที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม ออกมาแล้ว การทดสอบเลือดหลังฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 พบว่ามากกว่าร้อยละ 70 มีภูมิในระดับที่ยับยั้งเชื้อได้ดีในห้องทดลอง

วันที่ 18 มิถุนายน 2564 ศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (ฝ่ายสหรัฐ) ทดสอบเลือดของผู้ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม ต่อการยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส SARS-CoV-2 ในห้องทดลอง พบว่าภูมิคุ้มกันจากวัคซีนซิโนแวค ที่ฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์มีผลช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสที่ SARS-CoV-2 ได้

ร้อยละ 95 ของผู้ได้รับวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 2 มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสจากการตรวจภูมิคุ้มกันต่อโปรตีนของไวรัส (วิธี ELISA) จากจำนวนทั้งหมด 186 คน จึงมั่นใจได้ว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

การทดสอบเลือดของผู้ได้รับวัคซีนซิโนแวคกับเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ที่มีชีวิต หลังการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 นาน 2 สัปดาห์ จำนวน 171 คน พบว่ามากกว่าร้อยละ 70 มีภูมิในระดับที่ยับยั้งเชื้อได้ดีในห้องทดลอง

อย่างไรก็ตาม ประชาชนทั่วไปไม่มีความจำเป็นต้องตรวจภูมิหลังการฉีดวัคซีน แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาความจำเป็นในการตรวจภูมิคุ้มกันหลังการฉีดวัคซีน เช่นเดียวกับคำแนะนำในขณะนี้ของ Center for Disease Control and Prevention และองค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา

คนที่ภูมิคุ้มกันขึ้นช้า มีสาเหตุจากการตอบสนองของแต่ละบุคคลที่ไม่เท่ากัน จากหลายปัจจัย อาทิ เพศ อายุ โรคประจำตัว ระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ทุกคนยังคงต้องป้องกันตนเองเช่นเดิม เพื่อลดการติดเชื้อและแพร่เชื้อ

  • สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเป็นประจำทุกครั้ง เมื่อออกจากบ้าน
  • เมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีคนรวมตัวกันหรือสถานที่แออัดให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1.2 เมตร
  • หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์อยู่เสมอ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


18 คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับเสื้อผ้า (Clothes – โคลธส) การแต่งตัว

คำศัพท์ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษ เสื้อผ้า

เรียนรู้กับสิ่งใกล้ตัววันนี้ ชวนเพื่อนๆ มานึก คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับเสื้อผ้า (Clothes – โคลธส) เวลาเปิดตู้เสื้อผ้านั้น เสื้อผ้าแต่ละแบบ เขาเรียกว่าอะไรบ้าง

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับเสื้อผ้า

Clothes

Blazer (เบล-เสอะร) – เสื้อแจ็คเก็ตแขนยาวคล้ายๆ เสื้อสูท (จะใส่แบบเป็นทางการหรือลำลองก็ได้)

Boat neck T-shirt (โบ๊ท-เน็ค-ที-เชิรท) – เสื้อยืดคอปาด โชว์ไหปลาร้า

Cami (แค-หมิ) หรือ Spaghetti strap (สปะ-เกะ-ดิ-สแตร็พ) – เสื้อสายเดี่ยว

Camisole (แค-มิ-โซล) เรียกสั้นๆ ว่า Cardigan (คาร-ดิ-แก็น) – เสื้อไหมพรมหรือเสื้อถัก ไม่มีปก ติดกระดุมหน้า (มีทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย)

Cropped tank top (คร็อปถ-แทงค-ถ็อป) – เสื้อแขนกุดเอวลอย

Crop top (คร็อพ-ถ็อป) – เสื้อเอวลอย

Overalls (โอ-เหวอะ-รอลส) – ชุดเอี๊ยม

Short / long-sleeved shirt (ช็อรท / ลอง-สลีฟด-เชิ้รท) – เสื้อแขนสั้น / ยาว

Tank top (แทงค-ถ็อป) – เสื้อแขนกุด, เสื้อกล้าม

Tee (ที) – เสื้อยืด มาจากคำว่า T-shirt

V neck T-shirt (วี-เน็ค-ที-เชิรท) – เสื้อยืดคอวี

หมวดกางเกง

High-waisted skirt / pants (ฮาย-เวสดึ-สเกิรท / แพนทส) – กระโปรง / กางเกงเอวสูง กลับมาฮิตอีกครั้งในยุคนี้

Ripped Jeans (ริพถ-จีนส) – กางเกงยีนส์ขาดๆ เซอร์ๆ

Shorts (ช็อรทส) – กางเกงขาสั้น

หมวดรองเท้า

Flip-Flops (ฟลิป-ฝล็อพส) – รองเท้าแตะ

Slippers (สลิ-เปอรส) – รองเท้าใส่ในบ้าน

Sneakers (สนิ-เกอรส) – รองเท้าผ้าใบ

Stilettos (สติ-เละ-โดส) – รองเท้าส้นเข็ม

ขอบคุณข้อมูลจาก lifestyle.campus-star.com


พฤติกรรมดิจิทัลเน้นสะดวกกระทบไซเบอร์ซิเคียวริตี้

พฤติกรรมดิจิทัลเน้นสะดวกกระทบไซเบอร์ซิเคียวริตี้

ไอบีเอ็ม ซิเคียวริตี้ ประกาศผลสำรวจพฤติกรรมทางดิจิทัลของผู้บริโภค ช่วง การแพร่ระบาดโควิด รวมถึงผลกระทบระยะยาวไซเบอร์ซิเคียวริตี้ พบสังคมคุ้นชินกับการปฏิสัมพันธ์ผ่านช่องดิจิทัล เลือกความสะดวกมากกว่าความปลอดภัย นำสู่การกำหนดพาสเวิร์ดและพฤติกรรมด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ที่หละหลวม

นายชาร์ลส์ เฮ็นเดอร์สัน หุ้นส่วนผู้จัดการระดับโลกและหัวหน้าทีม IBM Security X-Force เปิดเผยว่า ความหละหลวมด้านการรักษาความปลอดภัยของผู้บริโภค ผนวกกับการการเร่งเดินหน้าดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันอย่างรวดเร็วของธุรกิจในช่วงโควิด อาจกลายเป็นการเพิ่มโอกาสในการโจมตีอุตสาหกรรมต่างๆ ให้กับอาชญากรไซเบอร์ ตั้งแต่การโจมตีแบบแรนซัมแวร์ไปจนถึงการขโมยข้อมูล ข้อมูลจาก IBM Security X-Force ระบุว่าพฤติกรรมส่วนบุคคลที่ไม่เหมาะสมในด้านการรักษาความปลอดภัย ยังอาจถูกนำไปใช้ในที่ทำงานและอาจนำไปสู่เหตุด้านซิเคียวริตี้ที่ทำให้บริษัทต่างๆ ต้องสูญเสียเงินจำนวนมาก โดยการตั้งค่าประจำตัวผู้ใช้ที่ไม่เป็นไปตามคำแนะนำด้านความปลอดภัย กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการโจมตีไซเบอร์ในปี 2563

พฤติกรรมดิจิทัลเน้นสะดวกกระทบไซเบอร์ซิเคียวริตี้

การสำรวจผู้บริโภค 22,000 คนใน 22 ประเทศทั่วโลก ที่ดำเนินการโดยมอร์นิงคอนซัลท์ ในนามของ ไอบีเอ็ม ซิเคียวริตี้ ได้ระบุถึงผลกระทบของการแพร่ระบาดที่มีต่อพฤติกรรมด้านความปลอดภัยของผู้บริโภคไว้ดังนี้ คือ 1. การบูมของดิจิทัลจะส่งผลระยะยาว มาก กว่าผลลัพธ์ที่การแพร่ระบาดได้ทิ้งเอาไว้ ผู้บริโภคที่สำรวจระบุว่าได้สร้างบัญชีออนไลน์ใหม่เฉลี่ย 15 บัญชีในช่วงการแพร่ระบาด ซึ่งเท่ากับบัญชีใหม่หลายพันล้านบัญชีได้ถูกสร้างขึ้นทั่วโลก โดย 44% ของกลุ่มที่สำรวจไม่มีแผนที่จะลบหรือปิดบัญชีใหม่เหล่านี้ ซึ่งหมายความว่าดิจิทัลฟุตปรินท์ของผู้บริโภคเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นในอีกหลายปีที่จะถึง และกลายเป็นการเพิ่มโอกาสการโจมตีให้กับอาชญากรไซเบอร์

2. การมีบัญชีมากเกินทำให้เหนื่อยหน่ายกับการตั้งพาสเวิร์ด การเพิ่มขึ้นของบัญชีดิจิทัลนำสู่พฤติกรรมการตั้งพาสเวิร์ดที่หละหลวมของผู้บริโภคที่สำรวจ โดย 82% ยอมรับว่าใช้ข้อมูลยืนยันตัวตนซํ้าบ้างในบางครั้ง ซึ่งหมายความว่าบัญชีใหม่ส่วนใหญ่ที่สร้างขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดนั้น น่าจะใช้ชื่ออีเมลและพาสเวิร์ดซํ้ากับที่เคยใช้ก่อนหน้า และอาจเป็นอันเดียวกับที่เคยหลุดรั่วไปแล้วในเหตุข้อมูลรั่วไหลที่ผ่านมา

3. คนให้ค่ากับความสะดวกสบายมากกว่าเรื่องความปลอดภัยและไพรเวซี: มากกว่าครึ่งหนึ่ง (51%) ของกลุ่มมิลเลนเนียลชอบสั่งซื้อสินค้าผ่านแอพหรือเว็บไซต์ที่มีแนวโน้มไม่ปลอดภัย มากกว่าการโทรสั่งหรือไปซื้อที่ร้านด้วยตัวเอง การเน้นความสะดวกในการสั่งซื้อผ่านช่องทางดิจิทัลโดยมองข้ามความปลอดภัย ทำให้ปัญหาด้านความปลอดภัยต้องกลายเป็นภาระของบริษัทที่ให้บริการเหล่านี้ เพราะต้องป้องกันตัวเองจากการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้น

อย่างไรก็ดี การที่ผู้บริโภคเน้นการปฏิสัมพันธ์ผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ก็อาจนำสู่การเพิ่มขึ้นของการใช้เทคโนโลยีเกิดใหม่รูปแบบต่างๆ ด้วยเช่นกัน ตั้งแต่การดูแลสุขภาพระยะไกลหรือเทเลเฮลท์ ไปจนถึงดิจิทัลไอดี

“การแพร่ระบาดส่งผลให้มีบัญชีออนไลน์เพิ่มขึ้นสูงมาก และการที่สังคมเลือกความสะดวกสบายทางดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ นี้ อาจส่งผลต่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล เวลานี้องค์กรต่างๆ จะต้องพิจารณาผลกระทบจากการพึ่งพาช่องทางดิจิทัล ที่มีต่อความเสี่ยงด้านซิเคียวริตี้ เมื่อพาสเวิร์ดมีความน่าเชื่อถือน้อยลงเรื่อยๆ วิธีหนึ่งที่องค์กรสามารถนำมาใช้ได้ นอกเหนือจากการยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัย คือการเปลี่ยนไปใช้แนวทาง ‘zero trust’ โดยใช้ระบบ AI และการวิเคราะห์ขั้นสูงตลอดกระบวนการ เพื่อระบุภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น แทนที่จะทึกทักเอาว่าสามารถไว้ใจผู้ใช้ได้หากผ่านกระบวนการการยืนยันตัวตนแล้ว”

พฤติกรรมดิจิทัลเน้นสะดวกกระทบไซเบอร์ซิเคียวริตี้

พฤติกรรมดิจิทัลเน้นสะดวกกระทบไซเบอร์ซิเคียวริตี้

การสำรวจชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมหลากหลายของผู้บริโภค ที่ส่งผลกระทบ ต่อแนวโน้มด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ในขณะ ที่ผู้คนใช้ประโยชน์จากการปฏิสัมพันธ์ทางดิจิทัลมากขึ้น แต่ก็มีความคาดหวังสูงในเรื่องความสะดวกในการเข้าถึงและใช้งานด้วยเหมือนกัน

พฤติกรรมดิจิทัลเน้นสะดวกกระทบไซเบอร์ซิเคียวริตี้

พฤติกรรมดิจิทัลเน้นสะดวกกระทบไซเบอร์ซิเคียวริตี้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com

มะยม ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ

ถิ่นกำเนิดมะยม

เชื่อกันว่าถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของมะยมอยู่ในบริเวณ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย พม่า มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย แล้วมีการกระจายพันธุ์ไปสู่อินเดีย , มอร์เซียส , อเมริกากลาง , อเมริกาใต้ รวมไปถึงฮาวาย ด้วย สำหรับในประเทศไทยอาจถือได้ว่ามะยมเป็นพืชท้องถิ่นเลยก็ว่าได้ และในปัจจุบันยังสามารถพบเห็นมะยมได้ทั่วทุกภาคของประเทศ เพราะโดยส่วนมาก คนไทยนิยมปลูกไว้บริเวณหน้าบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล  เพราะคำว่า มะยม ใกล้กับคำว่า นิยม จึงถือว่ามะยมเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง และในตำราพรหมชาติได้กำหนดให้ปลูกต้นมะยมไว้ในบริเวณ บ้านด้านทิศตะวันตก ร่วมกับมะขาม และพุทรา

ประโยชน์และสรรพคุณมะยม 

ประโยชน์ของมะยมในด้านผักและอาหาร คือ คนไทยใช้ยอดอ่อนและใบอ่อนของมะยมเป็นผัก เช่น ผักจิ้ม หรือที่นิยมมากคือเป็นเหมือดกินกับขนมจีน โดยหากสังเกตการจัดวางเส้นขนมจีนในชนบทภาคกลาง จะเห็นใบมะยมวางรองเส้นขนมจีนเป็นชั้นๆ นอกจากนี้ยังใช้ทำลาบและยำบางตำรับอีกด้วย ผลดิบของมะยมใช้ทำส้มตำได้ เรียกว่าตำมะยม และผลมะยมนำมากินได้หลากหลายรูปแบบ แม้แต่นำมาจิ้มเกลือกินเล่นก็ได้รสชาติเปรี้ยวจัดจ้าน ทำให้หูตาสว่างหายง่วง หากไม่ชอบเปรี้ยวจัดก็ใช้ผลมะยมสุกที่นำผลดิบมาตากแดดให้เหี่ยวและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนแล้วกินแทน ผลมะยมดอง สำหรับผู้ที่ไม่ชอบรสเปรี้ยว ก็อาจเลือกทำแยมหรือเชื่อม เป็นการถนอมอาหารอย่างง่ายที่ทำได้ทุกครัวเรือน และขายเป็นรายได้เสริมของครอบครัวและชุมชน นอกจากนี้ไวน์มะยมก็เป็นไวน์จากผลไม้พื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งที่มีชื่อเสียงมานานในเมืองไทย เพราะหาวัตถุดิบได้ง่าย รสชาติดี สีสวย และคุณค่าทางด้านสุขภาพ ไม่ด้อยกว่าไวน์นำเข้าราคาแพงจากต่างประเทศ  ส่วนในฟิลิปปินส์ใช้ทำน้ำส้มสายชู หรือกินดิบหรือดองในเกลือและน้ำส้มสายชู ในมาเลเซียนิยมนำไปเชื่อม ในอินเดียและอินโดนีเซียนิยมนำใบมะยมไปประกอบอาหาร

ในด้านความเชื่อ คนไทยจะเชื่อว่ามะยมเป็นพืชมงคล มีผลทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยมแล้ว ยังเชื่อว่าช่วยป้องกันและขจัดสิ่งชั่วร้ายได้ด้วย จึงนำมาใช้ในพิธีปัดรังควาน และใช้สำหรับพระสงฆ์ประพรมน้ำมนต์แทนหญ้าคา โดยนิยมใช้ใบมะยม(ทั้งก้าน) 7 ใบ มัดรวมกัน

สำหรับสรรพคุณทางยาของมะยมนั้น ตามตำรายาไทยระบุว่า  ราก รสจืด แก้โรคผิวหนัง ผดผื่นคัน ช่วยซับน้ำเหลืองให้แห้ง ประดง ดับพิษเสมหะ  เปลือกต้น รสจืด สรรพคุณแก้ไข้ทับระดู ระดูทับไข้ และแก้เม็ดผดผื่นคัน  ใบ รสจืดมัน ปรุงเป็นส่วนประของยาเขียว สรรพคุณแก้ไข้ ดับพิษไข้ บำรุงประสาท ต้มร่วมกับใบหมากผู้หมากเมียและใบมะเฟืองอาบแก้คัน ไข้หัด เหือด และสุกใส   ดอก ดอกสดใช้ต้มกรองเอาน้ำแก้โรคในตา ชำระล้างในตา  ผล รสเปรี้ยวสุขุม กัดเสมหะ แก้ไอ บำรุงโลหิต และระบายท้อง  แก้เลือดออกตามไรฟัน ใช้เป็นยาบำรุงเลือด บำรุงธาตุ ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ

ส่วนตำรายาพื้นบ้านระบุว่า ใบตัวผู้ แก้พิษคัน แก้พิษไข้หัว เหือด หัด สุกใส ดำแดง ปรุงในยาเขียว และใช้เป็นอาหารได้   รากตัวผู้   แก้ไข้ แก้โรคผิวหนัง แก้ประดง แก้เม็ดผื่นคัน ขับน้ำเหลืองให้แห้ง

มะยม

รูปแบบและขนาดวิธีใช้มะยม 

ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงธาตุ  บำรุงโลหิตด้วยการใช้ผลแก่นำมาดองในน้ำเชื่อมจนครบ 3 วัน (น้ำ 1 ส่วน / น้ำตาล 3 ส่วน) แล้วนำมารับประทานวันละ 1 ช้อนโต๊ะ

แก้ไข้ทับระดู ระดูทับไข้ ด้วยการใช้เปลือกต้นนำมาต้มกับน้ำดื่ม 

แก้เบาหวาน ด้วยการใช้ใบสดและรากใบเตยพอประมาณนำมาใส่หม้อ เติมน้ำแล้วต้มเอาน้ำดื่ม

ลดความดันโลหิต ด้วยการใช้ใบแก่พร้อมก้านประมาณ 1 กำมือ นำมาใส่หม้อเติมน้ำพอท่วม ใส่น้ำตาลเล็กน้อยเพื่อดับรสเฝื่อน ต้มให้เดือดประมาณ 5 นาที แล้วนำมาดื่มจนความดันเป็นปกติแล้วจึงหยุดรับประทาน

บรรเทาอาการปวดศีรษะ ด้วยการใช้ใบมะยมแก่รวมก้าน 1 กำมือนำมาต้มกับน้ำ ใส่น้ำตาลกรวดพอประมาณ (ไม่ให้หวานมาก) นำมาต้มจนเดือด ดื่มครั้งละ 1 แก้ว เช้า-เย็น

แก้ไข้ แก้ไอ  ใช้เป็นยาระบาย โดยรับประทานผลสด (อาจจิ้มกับเกลือ เพื่อแก้รสเปรี้ยวก็ได้) ใช้แก้ไข้ ใช้เป็นยาระบาย ช่วยขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ โดยใช้รากมะยม ต้มกับน้ำใช้ดื่ม เช้า-เย็น

แก้โรคประดง แก้พิษไข้หัว แก้หัด เหือด อีสุกอีใส แก้ผดผื่นคัน ด้วยการใช้รากประมาณ 1 กิโลกรัมนำมาต้มกับน้ำ 10 ลิตร ต้มให้เดือดประมาณ 10 นาที ทิ้งไว้ให้อุ่นแล้วนำมาอาบ

ต้นมะยม

ลักษณะทั่วไปมะยม

มะยมจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงกลาง มีความสูงประมาณ 3-10 เมตร ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านสาขามาก เปลือกต้นเป็นปุ่มปมอันเกิดจากแผลเป็นของก้านใบที่ร่วงหล่นไปแล้ว กิ่งก้านมักจะเปราะและหักง่าย    ใบเรียงสลับกันอยู่บริเวณปลายกิ่ง ใบเป็นประเภทขนนก คือมีใบย่อยเรียงอยู่ ๒ ด้านของก้านใบรวมขนาดใหญ่ ยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ใบย่อย มี 20 – 30 คู่ เป็นรูปไข่เบี้ยว ปลายใบแหลม ก้นใบค่อนข้างกลม ด้านบนใบสีเขียวอ่อน ด้านล่างสีขาวนวลอมเขียว

ดอกมะยมออกเป็นช่อ แทงออกตามกิ่ง และลำต้น แต่ส่วนมากออกตามปลายกิ่งจนถึงยอด มักแทงงอกบริเวณด้านล่างของใบ เป็นดอกเพศผู้ และดอกเพศเมียในต้นเดียวกัน มีก้านดอกยาว 1-2 มม. กลีบดอกมีรูปร่างคล้ายไต มีสีเขียวหรือสีแดงเรื่อ กลีบดอกยาวประมาณ 1.5 มม. ดอกตัวผู้มีเกสรตัวผู้ 4 อัน ดอกตัวเมียมีรังไข่ 3-4 ห้อง บางครั้งอาจพบเกสรตัวผู้ 1-3 อัน บริเวณฐานรังไข่

ผลมะยมมีลักษณะค่อนข้างกลม ก้นแบน จุกด้านบนบริเวณก้านผลบุ๋มลงไปด้านข้าง เป็นพูเว้านูนรอบผล ประมาณ 6-8 พู (เหลี่ยมนูน) ผลกว้างประมาณ 1-3 ซม. มีขั้วผลสั้นประมาณ 0.5 ซม. ผลอ่อนมีสีเขียว ผลแก่มีสีเหลืองอมเขียวเล็กน้อย และแก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล เนื้อผลมีรสเปรี้ยวฉ่ำน้ำ ผล 1 ผล เมล็ดมี 1 เมล็ด มีลักษณะเป็นพูคล้ายพูผล เมล็ดมีสีนวลอมน้ำตาล เนื้อเมล็ดแข็งมาก

ทั้งนี้ต้นมะยมอาจแบ่งเป็นต้นตัวผู้ และต้นตัวเมีย โดยต้นตัวผู้จะมีลักษณะสูงใหญ่ แตกกิ่งก้านน้อย ใบใหญ่ ออกดอกเป็นสีแดงม่วง ไม่ติดผลหรือติดผลน้อย เพราะเป็นต้นที่ดอกมีเกสรตัวผู้มากกว่าเกสรตัวเมีย แต่ก็ติดผลบ้าง เพราะยังมีดอกเกสรตัวเมียบ้าง ส่วนต้นตัวเมียมักมีลักษณะลำต้นเตี้ยกว่า ออกใบเล็ก แต่ใบดก แตกกิ่งก้านมาก ดอกมีสีเหลืองเขียว ออกดอกดก ติดผลดกทั่วลำกิ่ง เพราะต้นตัวเมียจะมีเกสรตัวเมียมากกว่าเกสรตัวผู้ ซึ่งตามตำรายาไทยและตำรายาพื้นบ้าน มักจะนิยมใช้รากและใบมะยมตัวผู้มากกว่าตัวเมีย เพราะมีสรรพคุณทางยามากกว่า

การขยายพันธุ์มะยม

มะยมสามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการเพาะเมล็ดและการตอนกิ่ง สำหรับการปลูกมะยม โดยวิธีการเพาะเมล็ด สามารถทำได้โดยการนำผลมะยมที่แก่จัด และหล่นจากต้น (ควรเลือกต้นแม่ที่มีกิ่งมาก ให้ผลดก ผลมีขนาดใหญ่สม่ำเสมอ ส่วนผลที่นำมาเพาะ ควรเป็นผลมีลักษณะอวบใหญ่) ให้ปอกเนื้อมะยมออกให้หมดจนเหลือแต่เมล็ด แล้วนำเมล็ดมาตากแดดจนแห้ง

หลังจากได้เมล็ดมะยมแห้งแล้ว ให้นำมาแช่ในน้ำร้อนประมาณ 1 นาที ก่อนลงเพาะในถุงเพาะชำ เพื่อเพาะเป็นต้นกล้าก่อนนำไปปลูก หรือ อาจจะนำเมล็ดฝังดินบริเวณที่ต้องการ   ซึ่งให้ใส่เมล็ดประมาณ 2-3 เมล็ด/หลุม เมื่อกล้ามะยมเกิดแล้วค่อยถอนต้นออกให้เหลือต้นที่สมบูรณ์ที่สุดเพียงต้นเดียว  แต่ในปัจจุบันพบว่า  การตอน เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากมีจากการทดลองตอนต้นขนาดใหญ่อายุประมาณ 10 ปียังสามารถออกรากได้ และออกดอก ติดผลได้ในปีแรกหลังการปลูกกิ่งตอน ส่วนวิธีการเพาะเมล็ด เป็นวิธีการที่ทำได้ง่าย แต่ต้องใช้เวลาในการให้ผลผลิตยาวนานกว่าการตอน

องค์ประกอบทางเคมีมะยม

จากการศึกษาวิจัยพบว่าในส่วนต่างๆของมะยม มักพบสารสำคัญต่างๆ ดังนี้ ผล  มี tannin, dextrose, levulose, sucrose, vitamin C    ราก  มี beta-amyrin, phyllanthol , tannin saponin, gallic acid, phyllanthusols A , phyllanthusols B

นอกจากนี้ยังพบน้ำมันหอมระเหยในผลมะยม ประมาณ  77  ชนิด ดังตารางต่อไปนี้   ปริมาณสารระเหยที่พบในผลมะยม (mg/kg)

และในผลมะยมยังมีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้ ปริมารสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินที่พบในผลมะยม (ผลสด 100 กรัม)

 

       

โครงสร้างมะยม

 

การศึกษาทางเภสัชวิทยา

ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ การศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระจากส่วนต่างๆ ของมะยม พบว่าทั้งใบและผลมะยมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ดีแตกต่างกันไป โดยพบว่าสารสกัดเมทานอล เอทธิลอะซีเอท และปิโตเลียมอีเธอร์ จากใบมะยม มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่างกันดังนี้  สารสกัดเอทธิลอะซีเตทมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ  DPPH ดีที่สุด มีค่า IC50 = 28.6±0.72 µg/ml, สารสกัดเมทานอลต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สุดเมื่อทดสอบด้วยวิธีซุปเปอร์ออกไซด์แอนอิออน (superoxide anion assay), ไฮดรอกซิล (hydroxyl radical scavenging assay), ไนตริกออกไซด์(nitric oxide radical scavenging assay), ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(hydrogen peroxide scavenging assay), การประเมินความสามารถในการจับกับโลหะ (metal chelating assay), และลิปิดเปอร์ออกซิเดชัน (lipid peroxidation assay) มีค่า IC50 = 21.7±0.09, 17.2±0.13, 13.0±0.06, 230.0±3.03, 121.7±1.39 และ 58.9±0.77 µg/ml ตามลำดับ ส่วนสารสกัดปิโตเลียมอีเธอร์มีฤทธิ์น้อยทีสุด สารสกัด 70% เอทานอลจากผลมะยมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ DPPH ที่ดี โดยมีค่า IC50 = 68.2 µg/m

ฤทธิ์ปกป้องตับ การศึกษาฤทธิ์ปกป้องตับของสารสกัด 70% เอทอนอลจากผลมะยม โดยกาเรหนี่ยวนำให้เซลล์ตับเกิดความเป็นพิษด้วยสารคาร์บอนเตตระคลอไรด์  (carbon tetrachloride, CCI4 ) ในหนูWistar albino rat และ Swiss albino mice พบว่าสารสกัดดังกล่าวมีฤทธิ์ปกป้องตับ โดยพบว่าผลกายวิภาคของตับในหนูที่ได้รับสารสกัดและยา silymarin แสดงให้เห็นว่าเซลล์ตับเกือบทั้งหมดมีความปกติ ขณะที่กายวิภาคของตับในหนูกลุ่มที่ถูกเหนี่ยวนำด้วย CCI4 แต่ไม่ได้รับยาหรือสารสกัดพบก้อนเนื้อ และไขมันพอกบริเวณตับ และเกิดการซึมผ่านของ lymphocyte จำนวนมากในทำนองเดียวกัน ค่าเอนไซม์ในตับ (AST, ALT, ALP, total bilirubin) ของหนูกลุ่มที่ได้สารสกัดมีค่าลดลงเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม  การศึกษาฤทธิ์ปกป้องตับ ของสารสกัด70% เอทานอลและสารสกัดน้ำจากใบมะยม ในหนู Wistar albino rats และ Swiss albino mice ที่ถูกเหนี่ยวนำจากการใช้ยา acetaminophen และ thioacetamide โดยเปรียบเทียบฤทธิ์กับยา silymarin ซึ่งเป็นสารมาตรฐานในการป้อกันการทำลายเซลล์ตับ โดยดูผลจากค่าเอนไซม์ในตับ (AST, ALT, ALP, total bilirubin) พบว่าสารสกัดน้ำมีประสิทธิภาพในการปกป้องตับได้ทีกว่าสารสกัด 70% เอทานอล และสารกสัดน้ำขนาด 400mg/kg มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับยา silymarin

ฤทธิ์ต้านการอักเสบ  สารสกัดเมทานอล เอทธิลอะซีเตท และ ปิโตเลียมอีเธอร์จากใบมะยม แสดงฤทธิ์ต้านการอักเสบในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้อุ้งเท้าบวมด้วยสารคาราจีแนน (Carrageenan-induced paw edema in rats) พบว่าสารสกัดเมทานอล ที่ขนาด 500 mg/kg มีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ดีที่สุด โดยยับยั้งการอักเสบได้ถึง 90.91% เมื่อเวลาผ่านไป 5 ชั่วโมง ซึ่งให้ผลใกล้เคียงกับ indomethacin ขนาด 5 mg/kg ที่ใช้เป็นสารมาตรฐาน และในการทดสอบฤทธิ์ต้านการอักเสบด้วยวิธีเหนี่ยวนำที่หลังหนูให้เกิดการอักเสบด้วยการฝังก้อนสำลี (Granuloma formation induced by cotton pellet in rats) ให้ผลในทางเดียวกันว่าสารสกัดเมทานอลมีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ดีที่สุด  ในขณะที่สารสกัดเอทธิลอะซีเตท และปิโตเลียมอีเธอร์ที่ขนาด 250 mg/kg ไม่สามารถยับยั้งการเกิด granuloma ได้และเมื่อนำสารสกัดไปทดสอบเพื่อดูผลต่อความคงตัวของผนังเม็ดเลือดแดง (Membrane stability activity) โดยการเหนี่ยวนำให้เม็ดเลือดแตกตัวด้วยการให้ความร้อนและสารละลายไฮโปโทนิค (hypotonic solution) พบว่าสารสกัดจากเมทานอล ที่ความเข้มข้น 100 และ 200 µg/ml มีฤทธิ์ในการต้านการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงได้ดีว่ายาแอสไพริน (aspirin) ซึ่งเป็นยาในกลุ่มลดปวดอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal-Anti-Inflammatory-Drug, NSAIDs)

ฤทธิ์ขับปัสสาวะการศึกษาฤทธิ์ขับปัสสาวะของสารสกัดเอทานอลจากใบมะยม ในหนูเพศเมีย โดยวัดผลจากปริมาณปัสสาวะที่ขับออกและวัดระดับโซเดียม และโพแทสเซียมในปัสสาวะ พบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดขนาด 22.5, 45, และ 90 mg/kg มีฤทธิ์ขับปัสสาวะมากกว่ากลุ่มควบคุมและกลุ่มที่ได้รับ furosemide เมื่อเวลาผ่านไป 6 ชั่วโมง และเมื่อเวลาผ่านไป 24 ชั่วโมง สารสกัดยังมีฤทธิ์มากกว่ากลุ่มควบคุม แต่มีฤทธิ์น้อยกว่ายา furosemide เพียงเล็กน้อย และระดับโซเดียม และโพแทสเซียมในปัสสาวะสูงกว่ากลุ่มควบคุม แต่น้อยกว่ากลุ่มที่ได้รับยา furosemide อย่างมีนัยสำคัญ

ฤทธิ์ลดอาการปวด สารสกัดเมทานอล เอทธิลอะซีเตท และปิโตเลียมอีเธอร์จากใบมะยม แสดงฤทธิ์ลดอาการปวดในการทดลองด้วยวิธีเหนี่ยวนำให้หนูดิ้นจากความเจ็บปวดจากกรดแอซีติก (Writhing reflex induced by acetic acid in mice) พบว่าสารสกัดทั้งสามชนิดที่ขนาด 500 mg/kg มีฤทธลิ์ดความจ็บปวดที่ 85.12, 59.99 และ 26.81% ตามลำดับ ในขณะที่ indomethacin ขนาด 5 mg/kg มีฤทธิ์ความเจ็บปวดที่ 83.84%

การทดสอบฤทธิ์ลดอาการปวดจาการเหนี่ยวนำด้วยวิธีการจุ่มหางหนูในน้ำร้อน (Tail immersion test) พบว่าสารสกัดเมทานอลมีฤทธิ์ดีที่สุด รองลงมาคือ เอทธิลอะซีเตท และปิโตเลียมอีเธอร์ ตามลำดับโดยหนูแสดงความเจ็บปวดลดลงหลังจากกินสารสกัดไปแล้ว 1-3 ชั่วโมง และฤทธิ์ของสารสกัดลดลงหลังจากเวลาผ่านไป 5 ชั่วโมง โดยสารสกัดเมทานอล ที่ขนาด 500 mg/kg มีฤทธิ์ในการลดอาการปวดเทียบเท่ากับ morphine

ฤทธิ์ต้านเชื้อราสารสกัดเมทานอลจากใบมะยม มีฤทธิ์ต้านเชื้อราที่ความเข้มข้น 125 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร (µg/ml) มีฤทธิ์ต้านเชื้อ Candida albicans และ Arthrobotrys oligospora และที่ความเข้มข้น 250, 500 และ 1000 µg/ml มีฤทธิ์ต้านเชื้อ Aspergillus niger, Monilinia fructicola, Auricularia polytricha, Chaetomella raphigeraและ Arthrobotrys oligospora โดยมีฤทธิ์น้อยกว่า Amphotericin B ที่ใช้เป็นสารมาตรฐานในการเปรียบเทียบที่ความเข้มข้นเดียวกัน (1000 µg/ml)

ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย สารสกัดเมทานอลจากใบมะยมมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย Bacillus lichenformis, Escherichiae coli, Micrococcus flavum, Micrococcus leuteum, Proteus mirabilis, Rhodococcus terrae, Salmonella typhi, Shigella sonnei และ Staphylococcus aureus ที่ความเข้มข้นมากกว่าหรือเท่ากับ 125 µg/ml, เชื้อแบคทีเรีย Brevibacterium luteum, Klebsiella pneumoniae, Shigella boydii และ Staphylococcus faecalis ที่ความเข้มข้นมากกว่าหรือเท่ากับ 250 µg/ml, เชื้อแบคทีเรีย Flavobacterium devorans ที่ความเข้มข้นมากกว่าหรือเท่ากับ 500 µg/ml, และ เชื้อ Shigella flexneri ที่ความเข้มข้นมากกว่าหรือเท่ากับ 1,000 µg/ml สารสกัดที่ทุกความเข้มขันมีฤทธิ์น้อยกว่า oxytetracycline ที่ใช้เป็นสารมาตรฐาน และเมื่อนำสารสกัดดังกล่าวมาทดสอบการเสริมฤทธิ์ (synergistic activity) ในการต้านเชื้อแบคทีเรียกับสารมาตรฐาน oxytetracycline โดยใช้วิธี disc diffusion พบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียแบบเสริมฤทธิ์กัน

ฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด การศึกษาฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดน้ำจากผลมะยมในหนูซึ่งถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานด้วยสาร alloxan พบว่าสารสกัดมะยมมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด และเพิ่มระดับอินซูลินใกล้เคียงกับกลุ่มควบคุมได้อย่ามีนัยสำคัญ ในทำนองเดียวกันกับผลการศึกษาฤทธิ์การลดระดับน้ำตาลในเลือด ของสารสกัดเอทานอลจากใบมะยมในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดเบาหวานด้วยสาร streptozotocin พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ

แต่ยังมีรายงานอีกฉบับหนึ่งมีผลการศึกษาแย้งกันในฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด คือมีข้อมูลการวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของหนูแรทเพศผู้ทั้งที่เป็นเบาหวานและไม่เป็นเบาหวาน โดยการป้อนสารสกัดน้ำใบมะยมให้แก่หนูขนาด 2 4 และ 8 กรัม/กิโลกรัมของน้ำหนักตัว ทำการเก็บเลือด และวัดระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากป้อนสารสกัดที่เวลา 15 30 และ 40 นาที ซึ่งไม่พบการเปลี่ยนแปลงค่าเลือดแต่อย่างใดเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม แสดงให้เห็นว่าสารสกัดน้ำใบมะยมไม่มีฤทธิ์ในการลดระดับน้ำตาลในเลือด

การศึกษาทางพิษวิทยา

การทดสอบความเป็นพิษ  การศึกษาความเป็นพิษของสารสกัด 80% เอทานอลจากใบมะยมในหนูแรท โดยป้อนสารสกัด ขนาด 1,000, 1,500 และ 2,000 มก./กก. เพียงครั้งเดียว สำหรับความเป็นพิษเฉียบพลัน และป้อนติดต่อกันทุกวันนาน 14 วัน สำหรับความเป็นพิษกึ่งเฉียบพลัน รวมทั้งการทดสอบความทนต่อกลูโคส (oral glucose tolerance test, OGTT) โดยป้อนสารสกัด ขนาด 250 มก./กก. เป็นเวลา 30 นาที ก่อนให้กลูโคส ขนาด 2 ก./กก. ซึ่งวัดระดับน้ำตาลในเลือดที่เวลา -30, 0, 30, 60, 120 และ 240 นาที เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยา glibenclamide และกลุ่มควบคุมที่ได้รับน้ำกลั่น ผลการศึกษาพบว่า สารสกัดทุกขนาดไม่ทำให้เกิดอาการของความเป็นพิษและไม่ทำให้หนูตาย และพบว่าค่าน้ำหนักตัว, เม็ดเลือดขาว, ปริมาตรของเม็ดเลือดแดงเฉลี่ย (mean corpuscular volume), เกล็ดเลือด, ปริมาตรเกล็ดเลือดอัดแน่น (plateletcrit), ปริมาตรของเกล็ดเลือดเฉลี่ย (mean platelet volume), ความกว้างของการกระจายขนาดเกล็ดเลือด (platelet distribution width), ค่าเคมีของเลือด, blood urea nitrogen (BUN), creatinine, alkaline phosphatase และน้ำหนักของตับของกลุ่มที่ได้รับสารสกัดมีค่าไม่แตกต่างจากกลุ่มควบคุม แต่สารสกัดที่ขนาด 1,500 มก./กก. มีผลทำให้เม็ดเลือดแดง ฮีมาโตคริต (Hematocrit) เม็ดเลือดขาวชนิด lymphocyte และฮีโมโกลบิน (hemoglobin) น้อยกว่าในกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สรุปได้ว่าสารสกัด 80% เอทานอลจากใบมะยมที่ขนาดต่ำไม่มีพิษ และสารสกัดลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่แตกต่างจากยา glibenclamide แต่ไม่มีผลลดน้ำตาลในเลือดของหนูปกติ

ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

  1. ผลมะยมมีรสเปรี้ยวจัด ถ้าหากรับประทานเข้าไปในปริมาณมากอาจทำให้ท้องเดิน ท้องร่วง เข็ดฟันและเสียวฟันได้
  2. น้ำยางจากเปลือกของรากมะยมจะมีพิษเล็กน้อย จากสาร Phyllanthusols A และ B เมื่อรับประทานเข้าไปอาจจะมีอาการปวดท้อง ปวดศีรษะ และมีอาการง่วงซึมได้ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการใช้
  3. ในการใช้มะยมเพื่อหวังสรรพคุณทางยานั้นควรใช้ในปริมาณที่พอดี ไม่ควรใช้มากเกินที่ตำรายาต่างๆ ระบุเอาไว้ และไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ส่วนเด็กสตรีมีครรภ์ และผู้ป่วยโรคเรื้อรังรวมถึงผู้ที่ต้องรับประทานยาเป็นประจำ  ก่อนจะใช้มะยมในการรักษาอาการของโรคต่างๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

ขอบคุณข้อมูลจาก disthai.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 26,450.00 26,550.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,713.00 25,969.08 27,050.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,541.70 23,372.17 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,370.40 20,775.26 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 771.00 11,688.36 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 600.00 9,096.00 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,775.00 26,909.00 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/06/2564

ราคาน้ํามัน ปตท
ปตท.
ราคาน้ํามัน บางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 95 28.25 28.25 28.25 28.25 28.25 28.25 28.25 28.25 28.25 28.25
แก๊สโซฮอล์ 91 27.98 27.98 27.98 27.98 27.98 27.98 27.98 27.98 27.98 27.98
แก๊สโซฮอล์ E20 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74
แก๊สโซฮอล์ E85 22.14 22.14 22.14
เบนซิน 95 35.66 36.11 36.16 35.66 35.66
ดีเซล B7 28.59 28.59 28.59 28.59 28.59 28.59 28.59 28.59 28.59 28.59
ดีเซล 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59
ดีเซล B20 25.34 25.34 25.54 25.34 25.34 25.34 25.34
ดีเซลพรีเมี่ยม 33.36 33.36 35.04 34.76 33.36
แก๊ส NGV 13.99 13.99 13.99
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า