สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 21 สิงหาคม 2563

อสังหาฯ แนวราบโตกระฉูด “QH-เอพี-แลนด์ฯ” พาเหรดรายได้-กำไรพุ่ง

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 63 ที่แวดล้อมไปด้วยปัจจัยลบ ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างต่อเนื่อง กำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคหดตัว ขณะเดียวกัน การเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยรายย่อยและสินเชื่อโครงการ และที่สำคัญคือ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อกลุ่มผู้ซื้อเพื่อการลงทุนรวม และยังกลายเป็นอุปสรรคต่อการซื้ออสังหาฯของชาวต่างชาติ ทำให้ตลอดช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา นักวิเคราะห์และผู้ประกอบการอสังหาฯ หลายรายคาดการว่าในไตรมาส 2/63 นี้ จะยังคงเป็นช่วงที่ตลาดอสังหาฯ หดตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่นอนว่าย่อมส่งต่อรายได้ของบริษัทอสังหาฯในไตรมาสที่ 2/63 นี้ด้วยเช่นกัน

การคาดการณ์แนวโน้มตลาดรวมอสังหาฯจากผู้พัฒนาโครงการและบริษัทวิจัยหลายๆแห่ง สอดคล้องต่อรายงานภาพรวมตลาดอสังหาฯ ของบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งระบุว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 63 ที่ผ่านมาค่อนข้างซบเซา จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวสะสมมาตั้งแต่ปี 62 และบวกกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้มีการล็อกดาวน์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้ทุกภาคส่วนของธุรกิจมีการชะลอตัวลง รวมถึงภาคอสังหาฯ จากการชะลอตัวลงของศรษฐกิจโดยรวม ประกอบกับการออกมาตรการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 62 ที่ผ่านมา รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงต้นปี 63 ส่งผลให้การตัดสินใจของลูกค้าในการซื้อหรือลงทุนในอสังหาฯ ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่างที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเนื่องจากธนาคารมีการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น และในส่วนของลูกค้าต่างประเทศโดยเฉพาะลูกค้าจากประเทศจีนมีการซื้อและการโอนที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ก่อน เพราะไม่สามารถเดินทางเข้าหรือออกนอกประเทศได้ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ภาพรวมตลาดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 63 ปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายปรับตัวลดลง 35.6% จากมูลค่า 199,510 ล้านบาท เป็นมูลค่า 128,457 ล้านบาท

โดยกลุ่มอาคารชุดลดลงมากที่สุด ลบ 53.7% เนื่องจากผู้ประกอบการหลายรายชะลอเปิดโครงการ และเน้นการระบายสต๊อก รองลงมาคือกลุ่มทาวน์เฮาส์ลดลง 19.6% และบ้านเดี่ยวลดลง 12% ในส่วนของยอดโอนในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ปรับตัวลดลง 8.4% เท่ากับ 145,969 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ลูกค้าถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารและการขอยกเลิกการจองเนื่องจากได้ผลกระทบของการถูกเลิกจ้างงาน ลดเงินเดือน หรือการพักงานชั่วคราว

ขณะเดียวกัน รายงานภาพรวมตลาดอสังหาฯ จากบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ก็มีแนวโน้มไปทิศทางเดียวกัน เนื่องจากตลาดออสังหาฯ ไทยในไตรมาสที่ 2/63 ยังคงเผชิญต่อปัจจัยลบจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 การล็อกดาวน์ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2 สงผลให้กิจกรรมการเศรษฐกิจโดยรวมชะลอลงทำให้บริษัทอสังหาฯ ปรับตัวปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องต่อสถานการณ์โดยมีการชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป และมุ่งเน้นการขายโครงการพร้อมอยู่ บริหารจัดการต้นทุน และค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการใชเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขายเช่น virtual reality หรือ social media

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการลงทุนโครงการใหม่และการขยายตัวในตลาดอสังหาฯ ยังคงเป็นไปตามคาดการณ์ของบริษัทอสังหาฯ ต่างๆ แต่ในส่วนของยอดขายและรายได้ของบริษัทอสังหาฯ ในไตรมาส 2/63 นี้กลับสร้างปรากฏการณ์ที่ต่างไปจากการคาดการณ์ของหลายบริษัท ซึ่งจากการรวบรวมผลประกอบการณ์ 10 อันดับแรกของบริษัทอสังหาฯ พบว่ารายได้จากการขายที่อยู่อาศัยมีอัตราการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 62 กว่า  6.7% หรือมีรายได้เพิ่มขึ้น 2,355.18 ล้านบาท

การเติบโตของรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยของบริษัทอสังหาฯ ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ แม้จะสวนทางกับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ใน 6 เดือนแรก ซึ่งมียอดขายลดลง 35.6% จากมูลค่า 199,510 ล้านบาท เป็นมูลค่า 128,457 ล้านบาทนั้น เป็นผลมาจากการขายที่อยู่อาศัยในกลุ่มตลาดแนวราบระดับบนซึ่งเป็นกลุ่มราคาขาย 5-10 ล้านบาท และกลุ่มบ้านไฮเอนด์ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากจำนวนยูนิตที่ขายได้มีจำนวนลดลง แต่มูลค่าการขายกลับเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2/63 ซึ่งหลายบริษัทมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น สวนทางกับปริมาณการลดลงของยอดขายในตลาดรวม โดยในกลุ่มอาคารชุดลดลงกว่า 53.7% กลุ่มทาวน์เฮาส์ที่ลดลง 19.6% และบ้านเดี่ยวลดลง 12%

บ้านแนวราบดันรายได้ Q2/63 พุ่ง

จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ผลประกอบการของบริษัทอสังหาฯ 10.อันดับแรกมีอัตราการเติบโตที่ดีกว่าไตรมาส 2 ปี 62 อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทผู้พัฒนาโครงการแนวราบที่จับกลุ่มตลาดระดับกลาง-บน ไม่ว่าจะเป็น บริษัท แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ซึ่งมีรายได้จากการขายอสังหาฯ 7,230.22 ล้านบาทในสไตรมาส 2/63 เพิ่มจากไตรมาส 2 ปี 62 ถึง 691.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.57% ขณะที่บริษัทเอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ซึ่งเพิ่มน้ำหนักในการขยายโครงการแนวราบ มีรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 7582.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,053.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 67% ของปีก่อนซึ่งมีรายได้ 4529.86 ล้านบาท ส่วนบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ซึ่งหยุดการพัฒนาคอนโดโครงการใหม่ๆ แล้วหันมาขยายโครงการ และระบายสต๊อกบ้านแนวราบมากขึ้น ทำให้มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 6,285 ล้านบาท ลดลง 1,634 ล้านบาท หรือลดลง 20% จากไตรมาส 2/62 ซึ่งสาเหตุที่รายได้ในไตรมาสนี้ลดลงเพราะไม่มีการเปิดตัวโครการคอนโดใหม่ต่างจากปีก่อน

นอกจากนี้ บริษัท เอสซี แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SC ซึ่งจับกลุ่มตลาดบ้านแนวราบระดับบนมาอย่าต่อเนื่องก็เป็นอีกรายที่ในไตรมาสนี้สามารถสร้างรายได้เติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีรายได้จากการขายที่อยู่อาศัย 4,360.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 3,275.09 ล้านบาท โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น1,084.94ล้านบาท หรือมียอดขายเพิ่มขึ้น 33.13%

ขณะที่บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรายที่เน้นการพัฒนาโครงการแนวราบจับตลาดกลาง-บน ถึงบ้านไฮเอนด์ 10 ล้านบาทขึ้นไป ก็เป็นอีกรายที่มีรายได้จากการขายเติบโตสวนทิศทางตลาดโดยมีรายได้จากการขายที่ 2,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 241 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จาการขาย 1,992 ล้านบาท

คอนโดฉุดรายได้หด

ส่วนบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งในปี 62 มีรายได้และกำไรจากการดำเนินงานถล่มทลายจากการโอนโครงการคอนโด และการขยายตลาดบ้านแนวราบในต่างจังหวัดในไตรมาส  2/63 นี้ มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ 2917.91ล้านบาท ลดลง 1,402 ล้านบาท หรือลดลง 32%จากไตรมาส 2/62 ซึ่งมีรายได้ที่ 4,320.05 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้มีการชะลอการเปิดตัวโครงการคอนโด และหันมาเพิ่มน้ำหนักในตลาดแนวราบเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน จำนวนการโอนห้องชุดที่ลดลงทำให้รายได้จากกลุ่มคอนโดลดลงไปด้วย โดยในไตรมาสนี้ “ศุภาลัย” มีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์เฮาส์ 84% เป็นหลัก ขณะที่เป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมีสัดส่วน 16%เท่านั้น

ด้าน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ที่มีพอร์ตคอนโดขนาดใหญ่ติด 1ใน 5 อันดับแรกของตลาด ในไตรมาสที่ 2/63 มีรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยรวม 2,825.8 ล้านบาท ลดลงจาก ไตรมาส 2/62 ซึ่งมีรายได้รวม 3,088.5 ล้านบาท ลดลงกว่า 262.7ล้านบาท หรือลดลง 9.3% ซึ่งการลดลงของรายได้ในไตรมาสนี้เกิดจากต้นทุนการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากการจัดแคมเปญเร่งลูกค้ารับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดโดยในไตรมาสนี้สามารถสร้างยอดโอนได้ถึง 3,088 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 707 ล้านบาท

ขณะที่ยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NANA และบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่ถือครองพอร์ตคอนโดและมีรายได้จากคอนโดเป็นหลักในไตรมาสนี้ต้องยอมรับว่ารายได้จากการขายอสังหาฯ ลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า โดย LPN มีรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยรวมที่ 1,226.44 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสที่ 2 ปี 62 ซึ่งมีรายได้รวม 1,366.28 ล้านบาทกว่า 139.84ล้านบาท หรือลดลง 10.24% 

ขณะที่ “อนันดาฯ” ในไตรมาส 2/63 นี้มีรายได้จากการขายอสังหาฯ ลดลงอย่างน่าใจหาย โดยมีรายได้ที่ 591ล้านบาท ลดลง 280 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 871ล้านบาท หรือลดลงกว่า 32%

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในไตรมาส 2/63 นี้ค่ายอสังหาฯ ที่จับตลาดคอนโดเป็นหลักจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก แต่ในวกฤตก็ยังคงมีโอกาส โดยในไตรมาสนี้ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ถือว่าเป็นบริษัทที่สามารถสร้างผลดำเนินงานได้อย่างโดดเด่นแม้ว่าจะมีรายได้จากกลุ่มที่อยู่อาศัยคอนโดเป็นหลัก โดยในไตรมาสนี้สามารถสร้างรายได้รวมจากการขายอสังหาฯ ถึง 1,751.7 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาส 2/62 ซึ่งมีรายได้รวม 801.2 ล้านบาทกว่า 118% หรือมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 950.9 ล้านบาท

การขยายตัวของตลาดอสังหาฯ แนวราบในไตรมาสที่ 2 ของปี 63 นี้ สะท้อนให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์แวดล้อม ซึ่งเป็นผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในปัจจุบัน เปลี่ยนมาสนใจเลือกซื้อบ้านแนวราบมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงจากเดิมที่เคยนิยมซื้อห้องชุดราคาแพงในพื้นที่ใจกลางเมือง ใกล้แหล่งงาน ในย่านใจกลาง กทม. ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการพื้นที่ในการอยู่อาศัย และทำงานจากที่บ้านมากขึ้น และยังตอบโจทย์เรื่องการเว้นระยะห่างในการอยู่ร่วมกันในสังคมเป็นอย่างดี 

ทั้งนี้ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกยังไม่มีทิศทางว่าจะดีขึ้น คาดว่าจะส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคให้นิยมกลุ่มที่อยู่อาศัยประเภทบ้านแนวราบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และน่าจะส่งผลดีต่อรายได้กลุ่มบริษัทอสังหาฯ ที่เน้นจับตลาดแนวราบในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ได้อย่างต่อเนื่อง

ขอบคุณข้อมูลจาก thailand-property-news.knightfrank.co.th


‘คอนโดลักชัวรี’ หั่นราคา ชิงกำลังซื้อ ‘บ้านหลังสอง’

'คอนโดลักชัวรี' หั่นราคา ชิงกำลังซื้อ 'บ้านหลังสอง'

ซีบีอาร์อี ชี้คอนโดลักชัวรีโซนสุขุมวิทเดือด อัดโปรฯขายสต็อกพร้อมโอน ชิงกำลังซื้อเรียลดีมานด์หันซื้อคอนโดหลังที่สอง ระบุ ก.ค.เห็นสัญญาณซื้อกลับมา ล่าสุด “เมเจอร์ฯ” ลดราคามิวนีค สุขุมวิท23 เหลือ 2.2 แสนบาทต่อตร.ม. ดันยอดปลายปี

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด (CBRE) ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า จากการระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งมหภาคและจุลภาค ในด้านของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้หลังจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และเปิดให้ธุรกิจต่างๆ ดำเนินต่อไปได้ตามปกติ ซีบีอาร์อีเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในตลาดที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวมากขึ้นโดยการเน้นระบายยูนิตที่เหลืออยู่ในมือทั้งโครงการที่กำลังก่อสร้างและโครงการที่แล้วเสร็จ เพื่อสร้างยอดขายและกระแสเงินสดให้ได้มากที่สุด ทำให้โหมจัดโปรโมชั่นที่ดึงดูดผู้ซื้อ ในส่วนของธนาคารเอง ดอกเบี้ยในช่วงนี้ถือว่าเป็นผลดีต่อผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย

จากตัวเลขของซีบีอาร์อีพบว่า ผู้ซื้อเริ่มกลับมาชมโครงการมากขึ้นในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้เกิดการซื้อขายในทิศทางเดียวกัน แต่ต้องยอมรับว่า ปีนี้ซัพพลายใหม่น้อยและโครงการส่วนใหญ่ที่เปิดตัวจะเป็นคอนโดระดับราคา 1.5-1.7 แสนบาทต่อตร.ม. ราคาต่อยูนิตไม่เกิน 3 ล้านบาท เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา เกิดโอเวอร์ซัพพลายตลาดคอนโดลักชัวรี่ ดีเวลลอปเปอร์ จึงชะลอเปิดตัวโครงการมาระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุดในปีนี้ ไม่มีการเปิดตัวคอนโดลักชัวรี่ ส่วนใหญ่จะเป็นการเปิดตัวคอนโด ระดับราคาไม่เกิน 1.5 ต่อตร.ม. เพื่อให้เหมาะกับกำลังซื้อ

นางสาวอลิวัสสา กล่าวว่า ในทำเล สาทร ลุมพินี สุขุมวิท พระราม 4 ยังมีโครงการคอนโดลักชัวรีพร้อมโอนเหลือยู่ประมาณ 12,000 ยูนิต และบางโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งที่ผ่านมายอดขายยังพอไปได้แต่ไม่หวือหวา ที่สำคัญพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคต้องการ สินค้าที่สร้างเสร็จแล้วเพราะกลุ่มคนซื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนซื้อที่อยู่เองจึงอยากเห็นสินค้าก่อนที่ตัดสินใจซื้อ

“ตอนนี้โครงการที่สร้างเสร็จแล้วยอดขายค่อนข้างดี เพราะคนสนใจซื้อมากกว่าโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยเฉพาะในโซนสุขุมวิทเหลืออยู่ 4,000 ยูนิต สำหรับโครงการที่สร้างเสร็จแล้วเพราะปีนี้เป็นปีที่ดีเวลลอปเปอร์จะเคลียร์ยูนิตที่สร้างเสร็จแล้วก่อนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่จึงมีการทำโปรโมชั่นลดราคาตั้งแต่ 5-40% เพื่อปิดโครงการ”

อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาข้อมูลเหตุผลการซื้ออสังหาฯของลูกค้าของซีบีอาร์อี พบว่า ในปี 2561 ซื้อเพื่ออยู่อาศัย 60% ซื้อเพื่อลงทุน 34% และซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง 6% ในปี 2562 ซื้อเพื่ออยู่อาศัย 61% ซื้อเพื่อลงทุน 34 % และซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง 5% แต่ในปี 2563 พบว่า ซื้อเพื่ออยู่อาศัย 59 % ซื้อเพื่อลงทุนลดลง 16% ขณะที่ซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองเพิ่มเป็น 25%

โดยกลุ่มคนซื้อเพื่อลงทุนลดลง เพราะขายต่อยาก ต้องถือยาว ขณะที่บ้านหลังที่สองเพิ่มขึ้นเพราะโควิด คนที่อยู่คอนโดอยากซื้อบ้านหลังที่สอง ขณะที่คนมีบ้านอยากซื้อคอนโดไว้อยู่อาศัยในเมืองสำหรับลูกหลานที่เข้ามาเรียนหรือบ้านหลังที่สองในต่างจังหวัด

“สำหรับราคาคอนโดปกติราคาขึ้นตลอดแต่ในปีนี้มาเจอวิกฤติโควิดหลายโลเคชั่นเริ่มนิ่ง คือไม่ลดราคาแต่ก็ไม่ขึ้นราคา เช่น ลุมพินีเพราะไม่มีโปรเจคใหม่ออกมาในโซนสุขุมวิท ราคาลดลงเฉลี่ย 4% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลายโครงการทำโปรโมชั่นออกมาค่อนข้างแรง จาก 263,000 บาทต่อตร.ม. เป็น 248,000 บาทต่อตร.ม. เป็นโอกาสของคนซื้อในช่วงนี้ คาดว่าอีก 2 ปีตลาดกลับมาฟื้นตัว”

นายสุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการมิวนีค สุขุมวิท 23 มียอดขายแล้ว 70% ซึ่งยอดขาย 25% เป็นยอดขายจากลูกค้าต่างชาติ โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวฮ่องกง

ทั้งนี้ จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ลูกค้าต่างชาติที่ไม่สามารถเข้ามาโอนกรรมสิทธิ์ได้ในช่วงนี้ เพราะต้องรอให้รัฐบาลผ่อนคลายการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของชาวต่างชาติก่อน

“ขณะนี้ ลูกค้าเริ่มเข้ามาตรวจดูห้องอย่างต่อเนื่อง และมีการโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้วประมาณ 10 ยูนิต ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนจัดแคมเปญทางการตลาดกับโครงการดังกล่าว เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ด้วยการลงราคาลงมาเหลือ 2.2 แสนบาทต่อตร.ม.จากราคาตลาดอยู่ที่ 2.5-3 แสนบาทต่อตร.ม. ซึ่งเป็นราคาช่วงพรีเซล เชื่อว่าจากการจัดแคมเปญทางการตลาดจะช่วยผลักดันยอดขายให้เพิ่มเป็น 80-90% จากปัจจุบันอยู่ที่ 70%” นายสุริยา กล่าว

สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างมาก แต่บริษัทได้มีการวางแผนรัดกุม โดยจะเน้นระบายสต็อกที่มีอยู่เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดลักซ์ชัวรี่ยังไม่น่าเป็นห่วงมาก ยอดขายยังคงไปได้เรื่อยๆ แต่ไม่หวือหวา และเชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวตามมาด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


คลังเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ 2 รุ่น 50,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยสูงสุดถึง 2.22% ต่อปี

คลังเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ 2 รุ่น 50,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยสูงสุดถึง 2.22% ต่อปี

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะทำการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ 2 รุ่น 2 อายุ 2 ช่องทางสามารถเลือกลงทุนได้ตามความสะดวก ดังนี้

  1. รุ่นวอลเล็ต สบม. ครั้งที่ 2 วงเงินจำหน่าย 5,000 ล้านบาท รุ่นอายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.70% ต่อปี จำหน่ายผ่านวอลเล็ต สบม. บนแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง จุดเด่น คือ ผู้ลงทุนสามารถโอนเงินจากพร้อมเพย์ทุกธนาคารเข้าวอลเล็ตเพื่อซื้อพันธบัตรออมทรัพย์และเพิ่มวงเงินซื้อได้ถึง 5 ล้านบาท โดยรุ่นวอลเล็ต สบม. จะเริ่มจำหน่ายก่อนตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม – 11 กันยายน 2563
  2. รุ่นก้าวไปด้วยกัน (Moving Forward) วงเงินจำหน่าย 45,000 ล้านบาท รุ่นอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 2.22% ต่อปี จำหน่ายผ่าน 4 ธนาคารตัวแทนจำหน่าย โดยเปิดการจำหน่ายเป็น 2 ช่วง คือ
    • ช่วงที่ 1 วันที่ 26 ส.ค. – 3 ก.ย. 63 (9 วัน) ให้แก่บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทย หรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และเป็นครั้งแรกที่ประชาชนสามารถซื้อพันธบัตรออมทรัพย์จากธนาคารตัวแทนจำหน่ายใดก็ได้ด้วยวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อราย โดยไม่จำกัดวงเงินซื้อต่อธนาคาร
    • ช่วงที่ 2 วันที่ 4 – 11 ก.ย. 63 (8 วัน) จำหน่ายให้แก่บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทย หรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรตามที่กระทรวงการคลังกำหนด แบบไม่จำกัดวงเงินซื้อขั้นสูง
      ทั้งนี้ วงเงินทั้ง 2 รุ่นไม่นับรวมกัน

538620

ในรอบการจำหน่ายนี้ความพิเศษของรุ่นก้าวไปด้วยกัน คือ ความสำเร็จในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานงานจำหน่ายผ่านระบบ DLT Bond Platform ของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้ร่วมมือกับ 4 ธนาคารตัวแทนจำหน่าย ผู้ที่เกี่ยวข้อง และ สบน. ทำให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อพันธบัตรได้อย่างสะดวกเนื่องจากไม่มีการจำกัดวงเงินซื้อต่อธนาคารอีกต่อไป ผู้ที่ต้องการลงทุน 10 ล้านบาทสามารถเดินทางไปซื้อเพียงธนาคารเดียวได้ และเพิ่มประสิทธิภาพงานจำหน่ายพันธบัตรของประเทศ ช่วยลดขั้นตอน และระยะเวลาในภาพรวม ทำให้การอัพเดทสมุดพันธบัตรออมทรัพย์ได้เร็วขึ้นใน 2 วันทำการหลังทำรายการซื้อ

ส่วน วอลเล็ต สบม. เป็นการกลับมาอีกครั้งของการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ให้แก่ประชาชนรายย่อยผ่านการโอนเงินแบบไร้ข้อจำกัดด้วยพร้อมเพย์ โดยความพิเศษของรุ่นนี้ คือ ผู้สนใจสามารถลงทุนได้สูงขึ้นถึง 5 ล้านบาทต่อราย และในอนาคตจะสามารถซื้อและขายพันธบัตรออมทรัพย์ในตลาดรองผ่านวอลเล็ต สบม. ซึ่งจะสอดรับกับรูปแบบการทำธุรกรรมทางการเงินในยุคดิจิทัลและตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนได้อย่างครบวงจร โดย สบน. จะพัฒนาวอลเล็ต สบม. อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็น 1 ในช่องทางหลักของการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนอายุตั้งแต่ 15 ปี ขึ้นไปได้สัมผัสประสบการณ์การออมด้วยตนเองอย่างง่ายๆ เพียงมีเงินออมตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพื่อลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และสามารถสอบถามข้อมูลการใช้งานวอลเล็ต สบม. ได้ที่ Call Center โทร. 02-111-1111 หรือที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Gmail, Google Docs และหลายบริการมีปัญหา ใช้งานไม่สมบูรณ์วันนี้

Gmail, Google Docs และหลายบริการมีปัญหา ใช้งานไม่สมบูรณ์วันนี้

เช้าวันนี้ตามเวลาไทย พบว่าหลายคนไม่สามารถใช้บริการของ Google ได้ หรือใช้งานได้แต่พบปัญหาบางส่วน เช่น Gmail สำหรับองค์กร (Gsuite) ส่งเมลไม่ได้ Google Sheet เชิญคนใหม่ไม่ได้ แนบไฟล์ไปกับอีเมลไม่ได้ รวมถึงบางคนพบปัญหาในการใช้ Google Drive ด้วย

จากภาพคือสถานะเมื่อ 14:33 น. จุดสีส้มๆ คือบริการที่มีปัญหาในวันที่ 20 ส.ค.

ล่าสุดมีข้อมูลออกมาแล้วว่าบริการต่างๆ ของ Google ล่มจริง โดยออกมาแถลงว่า

  • 8/20/20, 1:29 AM We’re investigating reports of an issue with Gmail. We will provide more information shortly.
    • ในเวลา 1:29 น. “มีการรายงานว่าพบว่า Gmail ใช้ไม่ได้มายัง Google”
  • 8/20/20, 2:07 AM We are continuing to investigate this issue. We will provide an update by 8/20/20, 4:00 AM detailing when we expect to resolve the problem.
    • ในเวลา 2:07 น. “เรากำลังดำเนินการตรวจสอบปัญหานี้ต่อไปและจะรายงานผลในเวลา 4:00 น.”
  • และในเวลา 2:14 น. มีการบอกเพิ่มเติมว่า
    • “หน้าสถานะของ Google ระบุว่าพวกเขากำลังดำเนินการตรวจสอบปัญหานี้ต่อไป นอกจากนี้ยังได้รับการอรายงานปัญหาเกี่ยวกับ Google Meet, Google Voice และ Google Docs และปัญหาในการอัปโหลดไปยัง YouTube เช่นกัน”

แต่ในขณะนี้ก็ยังพบว่าหน้าเว็บรายงานสถานะยังระบุว่าล่มอยู่ คงต้องรอทาง Google แถลงรอบต่อไปครับ

โดยเราสามารถกดดูสถานะการล่มและการแก้ไขปัญฆาล่าสุดได้ที่ Google G Suite Status และ downdetecter

ขอบคุณข้อมูลจาก beartai.com


เก็บเวลเพิ่ม! ฉลามชลปล่อย “สิทธิโชค” ซบ ตราด เอฟซี ด้วยสัญญายืมตัว

เก็บเวลเพิ่ม! ฉลามชลปล่อย "สิทธิโชค" ซบ ตราด เอฟซี ด้วยสัญญายืมตัว

สโมสรชลบุรี เอฟซี ประกาศปล่อยยืมตัว สิทธิโชค ภาโส กองหน้าดาวรุ่งวัย 21 ปี ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และเพิ่มโอกาสในการลงสนามกับสโมสรตราด เอฟซี ทีมในศึกโตโยต้า ไทยลีก ด้วยสัญญายืมตัว เรียบร้อยแล้ว

โดยคุณศศิศ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทีมชลบุรี เอฟซี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงรายละเอียดการปล่อยยืมตัว สิทธิโชค ภาโส ว่า “สำหรับ สิทธิโชค ภาโส ถือเป็นนักเตะอคาเดมี่ของเราที่มีฝีเท้าและความสามารถที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเขาคือ 1 ในขุมกำลังสายเลือดใหม่ที่อยู่ในแผนการทำทีมระยะยาวของสโมสร”

“สำหรับการปล่อยยืมตัว สิทธิโชค ภาโส ในครั้งนี้ ก็เพื่อเปิดโอกาสให้เขาได้ออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการแข่งขันระดับไทยลีก ร่วมถึงเพิ่มโอกาสในการลงสนามที่มากขึ้น ซึ่งก็หวังว่า สิทธิโชค ภาโส จะมุ่งมั่นในการฝึกซ้อม, พัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่ ก่อนจะกลับมาลงเล่นให้กับชลบุรี เอฟซี ต่อไป”

cc
สำหรับ สิทธิโชค ภาโส เป็นนักเตะในอคาเดมี่ของชลบุรี เอฟซี ตั้งแต่อายุ 12 ปี ก่อนถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ หลังจากกลับจากการเดินทางไปลงเล่นในศึกเจลีก 3 ประเทศญี่ปุ่น ในฤดูกาล 2018 ก่อนจะถูกสโมสรตราด เอฟซี ยืมตัวมาเพื่อลงเล่นในศึกไทยลีก 2020 ที่กำลังจะกลับมาทำการแข่งขันอีกครั้งในเดือนกันยายนนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ถ่ายปนเลือด น้ำหนักลดฮวบ สัญญาณเตือนมะเร็งกระเพาะอาหาร

ถ่ายปนเลือด น้ำหนักลดฮวบ สัญญาณเตือนมะเร็งกระเพาะอาหาร thaihealth

กรมการแพทย์ เปิดสัญญาณเตือน ป่วย “มะเร็งกระเพาะอาหาร” ชี้พบมากในเพศชาย แต่ผู้หญิงก็มีสิทธิ์เป็นได้ ระยะลุกลาม อาจถ่ายปนเลือด น้ำหนักลดฮวบ ต้องรีบพบแพทย์

มะเร็งกระเพาะอาหาร เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคที่แน่ชัด แต่ก็พบว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้เพิ่มความเสี่ยง เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การรับประทานอาหารหมักดอง รวมทั้งอาการอักเสบ หรือเป็นแผลในกระเพาะอาหารเรื้อรัง

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า มะเร็งกระเพาะอาหาร เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 6 ของมะเร็งที่พบทั้งหมดทั่วโลก สำหรับประเทศไทย มีผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารรายใหม่ ปีละ 2853 คน โดยติดอยู่ใน 10 อันดับ ที่พบในผู้ป่วยมะเร็งเพศชาย ส่วนเพศหญิง แม้จะไม่ติด 10 อันดับแรก แต่มีโอกาสเสี่ยงได้มากเช่นกัน

การป้องกันโรค สามารถทำได้โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น รวมไปถึงการรับประทานอาหารที่ถูกสุขอนามัย ตลอดจนเข้ารับการตรวจคัดกรองด้วยการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร หากมีอาการปวดท้องเรื้อรัง จะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารได้

ขณะที่ นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า มะเร็งกระเพาะอาหารระยะเริ่มแรกอาจไม่มีอาการแสดงออกชัดเจน และอาจมีอาการคล้ายโรคอื่นๆ เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร หรือกระเพาะอาหารอักเสบ อาการท้องอืดจุกแน่นท้องหลังรับประทานอาหาร กลืนอาหารลำบาก เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น

ในผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามอาจอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำคล้ำ หรืออาจมีเลือดปนในอุจจาระ น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หากพบอาหารผิดปกติเหล่านี้ควรรีบปรึกษาแพทย์ ในด้านการวินิจฉัยโรคทำได้ด้วยการส่องกล้องตรวจทางเดินอาหาร การตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจพิสูจน์ทางห้องปฏิบัติการ นอกจากนี้ยังมีการตรวจเพิ่มเติมด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพื่อประเมินการแพร่กระจายของโรคไปยังอวัยวะอื่น ๆ ด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


ควรงีบหลับกี่นาทีถึงจะดีที่สุด

ควรงีบหลับกี่นาทีถึงจะดีที่สุด หลายคนอาจจะเคยรู้สึกง่วงนอนในช่วงเวลากลางวัน และหลายคนก็พยายามต่อสู้กับความง่วง

ควรงีบหลับกี่นาทีถึงจะดีที่สุด

หลายคนอาจจะเคยรู้สึกง่วงนอนในช่วงเวลากลางวัน และหลายคนก็พยายามต่อสู้กับความง่วง พยายามปลุกตัวเองให้ตื่นด้วยวิธีต่างๆ เช่น การดื่มกาแฟ การดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง ล้างหน้าล้างตา เป็นต้น แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วการงีบหลับนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นได้ และหากจะให้ได้ผลเต็มที่การงีบหลับจะต้องอยู่ในระยะเวลาที่เหมาะสมนั้นเองวงจรการนอนหลับแบ่งออกเป็น 4 ระยะ

1. ระยะที่หนึ่งเป็นระยะที่เปลี่ยนจากการตื่นไปสู่การนอน ในระยะนี้หาถูกปลุกให้ตื่นจะทำให้รู้สึกว่ายังไม่ได้นอน
2. ระยะที่สองเป็นเหมือนระยะของการนอนหลับอย่างแท้จริง หรือเป็นช่วงหลับตื้นๆ ที่ยังไม่มีการฝัน จึงทำให้การหลับในระยะนี้สามารถถูกปลุกให้ตื่นได้โดยง่าย
3. ระยะที่สามเป็นช่วงที่หลับลึกลงไป และเป็นระยะที่เริ่มจะปลุกให้ตื่นค่อนข้างยากขึ้น หากถูกปลุกจะทำให้รู้สึกงัวเงีย
4. ระยะที่สี่จะเป็นช่วงที่หลับลึกที่สุดและระยะนี้เป็นระยะที่ปลุกยากที่สุด ซึ่งในระยะนี้เองจะเป็นช่วงที่มีการฝันเกิดขึ้นควรงีบหลับกี่นาทีถึงจะดีที่สุด?

1.การงีบ 10-20 นาที จะทำให้ร่างกายตื่นตัวและเพิ่มพลังให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นได้ดีในช่วงเวลานี้จะสามารถปลุกให้ตื่นได้ง่าย
2.การงีบ 30 นาที แต่ว่าในการงีบหลับนาน 30 นาที หากทำให้ตื่นขึ้นมามักจะมีอาการเหมือนการแฮงค์โอเวอร์ ซึ่งทำให้ร่างกายรู้สึกเฉือยๆ ไม่ประปรี้ประเปร่า
3.การงีบ 60 นาที ช่วงนี้การนอนจะมีผลต่อการส่งคลื่นสั้นๆต่อสมองอยู่ในระยะหลับลึก มีผลต่ความจำทำให้จดจำข้อมูลต่างๆ ได้ดีขึ้น แต่การตื่นของช่วงเวลานี้จะรู้สึกงีวเงียและตื่นยากกว่าปกติ
4.การงีบ 90 นาทีหรือการครบวงจรการหลับ ช่วงนี้เป็นการหลับที่สมบูรณ์ สมองจะได้พักเต็มที่ ช่วยในเรื่องของความจำ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และยังทำให้ร่างายนั้นสดชื่นประปรี้ประเปร่าอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก kidteung.com

ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 28,850.00 28,950.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,869.00 28,334.04 29,450.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,682.10 25,500.64 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,495.20 22,667.23 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 841.00 12,749.56 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 654.00 9,914.64 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,937.00 29,364.92 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/08/2563

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95
แก๊สโซฮอล์ 91 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68
แก๊สโซฮอล์ E20 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44
แก๊สโซฮอล์ E85 18.19 18.19
เบนซิน 95 29.36 29.81 29.86 29.36 29.36
ดีเซล 21.99 21.99 21.99 21.99 21.99 21.99 21.99 21.99 21.99 21.99
ดีเซล B10 18.99 18.99 18.99 18.99 18.99 18.99 18.99 18.99 18.99 18.99
ดีเซล B20 18.74 18.74 18.74 18.74 18.74 18.74 18.74 18.74
ดีเซลพรีเมี่ยม 26.44 26.46 28.44 28.44
แก๊ส NGV 14.41 14.41
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า