ทำเลน่าจับตา ปี 2564
ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ เปิด ” ทำเลน่าจับตา ปี 2564 ” คาดหลายพื้นที่แนวรถไฟฟ้าจังหวัดปริมณฑล ยังเป็นที่ต้องการ จากแนวโน้มราคาไม่สูงมาก
จากรายงานของ DDproperty Thailand Property Market Index (เว็บไซต์ ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ ) ระบุว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 ซึ่งถือเป็นปีที่ท้าทายจากหลาย ๆ ปัจจัย ทำให้ตลาดไม่เติบโตเท่าที่ควร โดยปัจจัยสำคัญ คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจชะลอตัว และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้บริโภคใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อบ้านนานขึ้น
อย่างไรก็ตาม มอง ปี 2564 จะเป็นปีปรับสมดุลของตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งในแง่ของราคาและอุปทาน (จำนวนที่อยู่อาศัย) และมีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 หากปัจจัยสำคัญอย่างการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการเมืองมีแนวโน้มดีขึ้น ไม่มีการระบาดรอบใหม่ รวมถึงมีมาตรการกระตุ้นตลาด อสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐ หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณบวกในช่วงท้ายปี 2563 ในการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคา ประกอบกับเริ่มมีข่าวดีเกี่ยวกับความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19
โดยภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2564 จะยังเป็นตลาดของกลุ่มเรียลดีมานด์ หรือผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และกลุ่มนักลงทุนที่มีความพร้อม เนื่องจากแนวโน้มราคาอสังหาริมทรัพย์จะยังคงทรงตัว และไม่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปีแรกของปี 2564 แต่คาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไปตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีโอกาสฟื้นตัวมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ทำเลน่าจับตา ปี 2564 ครอบคลุมพื้นที่อานิสงส์ของรถไฟฟ้าสายปัจจุบันและอนาคตช่วยยกระดับทำเลรอบนอกกรุงเทพฯ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดปริมณฑล ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ที่กำลังจะมีรถไฟฟ้าสายใหม่เปิดให้บริการ ให้กลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยน่าจับตา เนื่องจากราคาที่อยู่อาศัยยังไม่สูงมากนัก และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นนทบุรี
บริเวณตำบลบางรักใหญ่ อำเภอบางบัวทอง มีการปรับตัวของราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในรอบปี 13% จากอานิสงส์ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง อีกหนึ่งทำเลที่มีแนวโน้มเติบโตคือบริเวณตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย เพิ่มขึ้น 16% เติบโตจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน บางซื่อ-ตลิ่งชัน
สมุทรปราการ
ราคาที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น อาทิ ตำบลท้ายบ้านใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ (บริเวณสถานี BTS แพรกษา, BTS สายลวด, BTS เคหะฯ) ราคาเพิ่มขึ้น 21% โดยทำเลที่มีราคาคอนโดมิเนียมเพิ่มมากที่สุดในรอบปี ล้วนอยู่ในอำเภอเมืองสมุทรปราการที่แนวรถไฟฟ้าพาดผ่าน
ปทุมธานี
ทำเลที่มีราคาที่อยู่อาศัยเติบโตมากที่สุดในรอบปี อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย คูคต-วงแหวนรอบนอก ได้แก่ ตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง เพิ่มขึ้น 18% และตำบลคลองสี่ อำเภอคลองหลวง เพิ่มขึ้น 16% โดยทำเลที่มีราคาคอนโดมิเนียมเพิ่มมากที่สุดในรอบปีอยู่ในทำเลแนวรถไฟฟ้า ทำเลใกล้สถานศึกษา
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
จับสัญญาณ 3 ตลาดอสังหาฯ ดิ้นรน รักษากระแสเงินสด
ซีบีอาร์อี เผย โควิด-19 เปลี่ยนแปลงตลาดอสังหาฯเชิงพาณิชย์ พบ อาคารสำนักงาน – พื้นที่ค้าปลีก- โรงแรม กระทบ ดิ้นรนต่อสู้ เพื่อรักษากระแสเงินสด
บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ปี 2563 เป็นปีที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหลายประการในตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ของประเทศไทย ดังนี้
- ตลาดอาคารสำนักงาน
การทำงานจากที่บ้านไม่เพียงแต่เป็นมาตรการที่ใช้รักษาระยะห่างทางสังคมในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เท่านั้น แต่จะเป็นสิ่งที่จะยังคงดำเนินต่อไปหลังจากนี้ หลายบริษัทได้มีการทบทวนกลยุทธ์ในการจัดพื้นที่ทำงาน (Workplace Strategy) และบางแห่งก็เริ่มเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและสถานที่ทำงานของแต่ละหน่วยธุรกิจในองค์กร พฤติกรรมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปรวมถึงแรงกดดันด้านการเงินส่งผลให้ผู้เช่าหลายรายลดขนาดพื้นที่สำนักงานลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาคารสำนักงานระดับเกรดบีที่ตั้งอยู่นอกใจกลางธุรกิจหรือนอกซีบีดี ซึ่งผู้เช่ามีความอ่อนไหวมากกว่าในเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน และการที่ผู้เช่าบางรายไม่สามารถย้ายเข้าสำนักงานได้เพราะไม่สามารถเข้าตกแต่งพื้นที่สำนักงานในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ได้ จึงทำให้แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี
พบว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณการใช้พื้นที่สำนักงานมีเพิ่มขึ้นเพียง 21,000 ตารางเมตร ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 128,000 ตารางเมตร แต่อย่างไรก็ตาม แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ยังพบว่า มีการเช่าพื้นที่ล่วงหน้าเกิดขึ้นในกลุ่มธุรกิจที่มีการขยายตัวอย่างอี-คอมเมิร์ซและแพลตฟอร์มด้านเทคโนโลยีที่มีความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
จากการสำรวจของแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี พบว่า พื้นที่สำนักงานทั้งหมดในกรุงเทพฯ ณ ไตรมาส 3 ปี 2563 มีปริมาณ 9.17 ล้านตารางเมตร เพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโครงการสำคัญที่แล้วเสร็จในปีนี้คือ สปริง ทาวเวอร์ และเดอะ พาร์ค ที่สร้างแล้วเสร็จในไตรมาสแรก โดยปีนี้มีพื้นที่สำนักงานใหม่เพิ่มเข้าสู่ตลาด 345,900 ตารางเมตร และอัตราพื้นที่ว่างเพิ่มขึ้นจาก 6.9% ณ สิ้นปี 2562 เป็น 8.9% ณ ไตรมาส 3 ปี 2563
ในขณะที่อัตราการใช้พื้นที่โดยรวมในตลาดสำนักงานในกรุงเทพฯ ลดลงเล็กน้อย มาอยู่ที่ 91.1% แต่พื้นที่ที่ปล่อยเช่าได้ดีที่สุดในปีนี้อยู่ในกลุ่มอาคารสำนักงานระดับเกรดเอที่ตั้งอยู่นอกซีบีดี ซึ่งมีพื้นที่สำนักงานในย่านนี้ทั้งหมดเพียง 674,000 ตารางเมตรหรือ 7.4% ของพื้นที่สำนักงานทั้งหมดในตลาด การขยายตัวของระบบขนส่งมวลชนและการพัฒนาของเมืองได้ทำให้อาคารสำนักงานคุณภาพดีนอกซีบีดีซึ่งมีค่าเช่าต่ำกว่าทำเลในซีบีดีอยู่มากได้รับความน่าสนใจมากขึ้น
นางสาวรุ่งรัตน์ วีระภาคการุณย์ หัวหน้าแผนกพื้นที่สำนักงาน ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ให้ความเห็นว่า “ในปีนี้ มีการขยับค่าเช่าไม่มากนัก เนื่องจากเจ้าของอาคารสำนักงานส่วนใหญ่ยังคงค่าเช่าในอัตราเดิมเพื่อรักษาผู้เช่า รวมถึงช่วยเหลือผู้เช่าในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ เจ้าของอาคารบางรายยังเสนอส่วนลดพิเศษสำหรับช่วงเวลาสั้นๆ ในไตรมาส 2 และ 3 เพื่อช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19”
“ความท้าทายหลักที่ตลาดสำนักงานในกรุงเทพฯ ต้องเผชิญยังคงเป็นเรื่องพื้นที่สำนักงานใหม่อีกกว่า 1.17 ล้านตารางเมตรที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ตลาดภายในสามปีข้างหน้านี้”
- ตลาดพื้นที่ค้าปลีก
ธุรกิจค้าปลีกของไทยต้องเผชิญกับจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าและอำนาจการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้าที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ลดลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 20 ปีเมื่อเดือนเมษายน 2563 โดยลดลงมาอยู่ที่ 47.2 แม้ว่าความเชื่อมั่นจะปรับตัวดีขึ้นในเดือนต่อๆ มาแต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ห่างจากช่วงก่อนโควิด-19 ธุรกิจที่หยุดชะงักไปและภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้นได้ทำให้หนี้ครัวเรือน ณ ไตรมาส 2 ปี 2563 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 83.8%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จาก 78.9% ในปีที่แล้ว
แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี รายงานว่า พื้นที่ค้าปลีกในกรุงเทพฯ มีทั้งสิ้น 7.8 ล้านตารางเมตร ณ ไตรมาส 3 ปี 2563 เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมาจากโครงการค้าปลีกใหม่ 12 โครงการที่เปิดให้บริการ ซึ่งมีพื้นที่รวม 100,000 ตารางเมตร และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ตถือเป็นการโครงการที่ใหญ่ที่สุดในปีนี้
ขณะที่อัตราการใช้พื้นที่ค้าปลีกโดยรวมในตลาดยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 96% แต่แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี เริ่มเห็นว่าการพัฒนาโครงการค้าปลีกในย่านใจกลางกรุงเทพฯ เริ่มลดลง ซึ่งโครงการลักษณะนี้มักต้องอาศัยความต้องการจากนักท่องเที่ยวมากกว่าคนไทย ซึ่งต่างจากโครงการในย่านรอบนอกใจกลางเมืองและชานเมือง ผู้ค้าปลีกบางรายโดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่ม กำลังพิจารณาลดการใช้พื้นที่ต่อสาขาและเน้นไปที่บริการจัดส่งมากขึ้นตามการเติบโตของการใช้บริการสั่งอาหารออนไลน์ในประเทศไทย
“แนวโน้มในธุรกิจค้าปลีกที่สำคัญในปีนี้ คือ การเติบโตอย่างเห็นได้ชัดของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในไทย และวิธีที่ผู้ค้าปลีกปรับตัวเข้ากับการค้าปลีกออนไลน์หลังจากมีการใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม เราได้มีการพูดถึงกันมาตลอดถึงเรื่องความจำเป็นในการใช้ช่องทางการค้าที่หลากหลาย (Omni-channel) ในช่วงเวลาที่ตลาดค้าปลีกเกิดการเปลี่ยนแปลง และโควิด-19 ได้เป็นตัวเร่งให้เปลี่ยนแปลงเกิดเร็วขึ้น” นางสาวจริยา ถ้ำตรงกิจกุล หัวหน้าแผนกพื้นที่ค้าปลีก ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าว
ธุรกิจค้าปลีกจะฟื้นตัวจากโควิด-19 ได้เร็วเพียงใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่ามาตรการกระตุ้นจากภาครัฐมีประสิทธิภาพเพียงใด เช่น โครงการ “คนละครึ่ง” และ “เราเที่ยวด้วยกัน” รวมถึงจะมีการผ่อนปรนข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศเมื่อใด พื้นที่ค้าปลีก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ไม่สามารถอาศัยเพียงความต้องการภายในประเทศเท่านั้นในระยะยาว
- ตลาดโรงแรม
ธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ได้รับผลกระทบอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 2 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 อยู่ที่ 6.7 ล้านคน เทียบกับเกือบ 30 ล้านคนในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
โรงแรมในกรุงเทพฯ มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 6.7% ในเดือนเมษายนหลังจากมีการล็อกดาวน์ในประเทศ แต่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 13.7% ในไตรมาส 3 ปี 2563 โดยอาศัยเพียงการเข้าพักแบบ Staycation หรือการพักผ่อนในสถานที่ใกล้ๆ เท่านั้น แม้จะมีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในเดือนมิถุนายนและโรงแรมต่างๆ ได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดดำเนินการได้ แต่ตลาดก็ไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนของการฟื้นตัวเนื่องจากข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศยังคงมีอยู่
โรงแรมบางแห่งตัดสินใจเปิดให้บริการห้องพักบางส่วนพร้อมเสนอส่วนลด ขณะที่บางแห่งเปิดให้บริการเฉพาะร้านอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสร้างรายได้บางส่วนเป็นการช่วยรักษากระแสเงินสด “เจ้าของโรงแรมบางแห่งกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่เคยวางแผนมาก่อน คือ สถานการณ์ที่ไม่มีนักท่องเที่ยวนานกว่า 9 เดือน ซึ่งทำให้ต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดันและทำให้บางคนตัดสินใจเสนอขายโรงแรม อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังของผู้ขายและผู้ซื้อยังมีความแตกต่างกันค่อนข้างมากซึ่งทำให้การซื้อขายเป็นไปได้ยาก ซีบีอาร์อีเชื่อว่าความแตกต่างนี้จะลดลงในปีหน้าเพราะผู้ขายมีแรงกดดันเพิ่มมากขึ้น”นายอรรถกวี ชูแสง หัวหน้าแผนกธุรกิจโรงแรม ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ให้ความเห็น
ณ ไตรมาส 3 ปี 2563 ในกรุงเทพฯ มีโรงแรมทั้งสิ้นเกือบ 50,000 ห้อง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียง 2.8% เนื่องจากมีโรงแรมใหม่เปิดให้บริการในปีนี้ไม่มากนัก จากข้อมูลที่มีการประกาศแผนออกมา แผนกวิจัย ซีบีอาร์อีคาดการณ์ว่าจะมีโรงแรมอีกราว 9,200 ห้องที่จะเพิ่มเข้ามาในตลาดโรงแรมของกรุงเทพฯ ภายในปี 2566 ซึ่งจะส่งผลให้การแข่งขันรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กนง.คงดอกเบี้ย0.5%หนุนเศรษฐกิจ
นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.50% ต่อปี
ทั้งนี้ คณะกรรมการประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีความเสี่ยงด้านต่ำและความไม่แน่นอนสูงในระยะข้างหน้า จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้และรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัด เพื่อใช้ในจังหวะที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัว -6.6%
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
คัมแบ็กคุมทีม “ศรีสะเกษ” ตั้ง “โค้ชโย่ง” คุมทัพ หนีตายศึกไทยลีก 2
ศรีสะเกษ เอฟซี สโมสรในศึกไทยลีก 2 ประกาศตั้ง “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ อดีตกุนซือทีมชาติไทยชุดยู-23 คุมทัพ
ธเนศ เครือรัตน์ ประธานสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี แถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ขณะนี้ทางสโมสรได้แต่งตั้ง “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ อดีตกุนซือทีมชาติไทยชุดยู-23 ที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศลาออกจากทีมศุลกากร ยูไนเต็ด เข้ามาคุมทัพ
ก่อนหน้านี้ ศรีสะเกษ เอฟซี ประสบปัญหาฟอร์มการเล่นอย่างมาก โดยอยู่อันดับที่ 16 ของตาราง มีเพียง 13 แต้ม และเปลี่ยนกุนซือคุมทัพมาแล้วถึง 5 ครั้ง และล่าสุด เป็น “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ ที่เข้ามารับงานคุมทีม
ประธานสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี เปิดเผยว่าสาเหตุที่เลือก “โค้ชโย่ง” เนื่องจากเป็นโค้ชที่มีประสบการณ์มากมายทั้งการเป็นผู้เล่น การคุมทีมในระดับสโมสรและระดับชาติ มาช่วยกอบกู้สถานการณ์รับหน้าที่นำทัพ ที่ผ่านมาหากวัดศักยภาพผู้เล่น ไม่ได้ต่างจากซีซั่นที่ผ่านมา แต่ยังหาความลงตัวไม่ได้ ซึ่งโค้ชโย่งก็พร้อมที่จะเติมเต็มส่วนที่ทีมยังหายไป กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง
สำหรับ “โค้ชโย่ง” จะคุมศรีสะเกษ เอฟซี เปิดบ้านพบ อุทัยธานี เอฟซี ในวันเสาร์ที่ 26 ธันวาคมนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
หนาวนี้ดูแลลูกอย่างไร ให้ไกลโรค
เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงจากฤดูฝนเป็นฤดูหนาว สภาพร่างกายของเด็กๆ ยังอาจปรับตัวไม่ทัน ประกอบกับความเย็นที่เป็นตัวเพาะเชื้ออย่างดีในการกระจายไวรัส ในส่วนของเด็กเล็กอาจต้องดูแลใกล้ชิด เพราะเขาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ ผู้ปกครองจึงต้องช่วยเฝ้าระวัง
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว อุณหภูมิลดลง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจระบาดได้ง่าย เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น รวมทั้งประเทศไทยยังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทั้งไข้หวัดและโควิด-19 มีอาการคล้ายคลึงกัน หากไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง และมีพฤติกรรมป้องกันตนเอง เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ จึงไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไป แม้การติดโควิด-19 ในเด็กมีไม่มากนัก แต่การเฝ้าระวังโรคทั้งตัวผู้ปกครอง และตัวเด็ก ต้องมีมาตรการเพื่อป้องกันให้ห่างไกลจากโควิด-19
นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ปกครองควรดูแลรักษาสุขภาพเด็กให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยวิธีดังต่อไปนี้ 1.สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ล้างมือบ่อยๆโดยเฉพาะหน้าหนาวนี้เชื้อโรคแพร่กระจายได้มาก เวลาที่ออกไปนอกบ้านเราอาจไปสัมผัสกับเชื้อโรคและอาจนำมาติดลูกได้ การล้างมือบ่อยๆ จึงเป็นวิธีลดโอกาสรับเชื้อและแพร่กระจายของเชื้อโรค ซึ่งสามารถป้องกันได้ทั้งโรคไข้หวัดและโควิด-19
2. หลีกเลี่ยงการนำเด็กเล็กหรือทารกไปสถานที่แออัด ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะเด็กทารกเนื่องจากภูมิคุ้มกันโรคของเด็กยังมีน้อยจึงอาจติดเชื้อโรคได้ง่าย 3.การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และปรุงสุกร้อนใช้ช้อนกลางส่วนตัว 4.ทำให้ร่างกายของลูกน้อยอบอุ่นอยู่เสมอ สวมใส่เสื้อผ้าที่อุ่นแต่นุ่มสบายไม่ทำให้อึดอัดหรือระคายเคืองผิว เวลานอนก็ควรห่มผ้าเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
ทั้งนี้ผิวพรรณของเด็กก็มีส่วนสำคัญที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะในช่วงหน้าหนาวผิวของเด็กแห้งก็จะทำให้เกิดการระคายเคือง คัน และผิวจะแตกลูกจะรู้สึกเจ็บ หลังอาบน้ำควรทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวของเด็ก นอกจากดูแลสุขภาพของลูกแล้ว ผู้ปกครองควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ไม่ให้ติดต่อสู่บุตรหลาน
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
ฝึกพูดภาษาอังกฤษภายใน 1 เดือนควรทำยังไงให้ได้ผล?
ฝึกพูดภาษาอังกฤษยากหรือง่าย?
ภาษาอังกฤษมีบทบาทที่สำคัญในการก้าวหน้าและประสบความสำเร็จของแต่ละคน แต่อย่างไรก็ตามการเรียนภาษาต่างประเทศที่ไม่ใช่ภาษาแม่ของเรายังมีอยู่ความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะในการเรียนภาษาอังกฤษทักษะการพูดยังเป็นทักษะที่ยากที่สุดสำหรับใครหลายคน
เผยเคล็คลับในการฝึกพูดภาษาอังกฤษเบื้องต้นดีที่สุดปี 2020 > ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่
1.ทำไมคุณเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งนานแต่ยังพูดไม่ได้สักที
1.1 คุณไม่ได้กำหนดวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
เหตุผลแรก ซึ่งเป็นปัญหาของใครหลายคนที่มักจะเจอบ่อย คือไม่ได้กำหนดวิธีการศึกษาที่ถูกต้อง คุณอาจจะขยันตั้งใจเรียนมาก แต่ก็ไม่สามารถพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษได้ ดังนั้นการที่คุณมีวิธีเรียนที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตังเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก วิธีเรียนภาษาอังกฤษที่เหมาะสมเป็นวิธีที่ไม่ทำให้เราเครียด สามารถเรียนและมีความสนุกสนานไปพร้อมๆกัน และสร้างแรงบันดาลใจให้เราในการฝึกพูดภาษาอังกฤษ จะได้ไม่เบื่อและท้อแท้
1.2 อายและไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ
หลายคนที่เรียนภาษาอังกฤษแต่กลัวและเขินเวลาที่ต้องสื่อสารภาษาอังกฤษ ความกลัวนี้เกิดจากอะไร แท้จริงแล้วมันมาจากความกลัวผิด บางคนเขาไม่มั่นใจอายและไม่มีสติเวลาต้องพูดภาษาอังกฤษ กลัวว่าถ้าเราทำอะไรผิดพลาดคนอื่นจะหัวเราะ แต่ต้องจำเอาไว้ว่าไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จ ถ้าไม่สามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง เหมือนตอนเด็กที่เราหัดเดิน ถ้าเรากลัวล้มเราจะไม่สามารถเดินได้ด้วยตัวเอง ทุกอย่างมันต้องการ การฝึกฝน ถ้าเราพูดผิดมันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ของเรา ถ้าเราไม่ทำผิด เราคงไม่ต้องเรียนอีกเลยก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือ เวลาที่เราพูดผิด เราต้องรับรู้และมีใจที่จะแก้ปัญหานั้น จงมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
1.3. เรียนภาษาอังกฤษแต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้สนทนาในชีวิตประจำวัน
การที่เราเรียนภาษาอังกฤษแต่ไม่ค่อยได้พูดกับเจ้าของภาษาเท่าที่ควร ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เรายังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะว่าเราไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษใช้ในชีวิตประจำวัน สิ่งที่เราได้เรียนในห้องเรียนส่วนมากจะเน้นไวยากรณ์เพื่อให้สามารถทำข้อสอบได้ แม้ว่าภาษาอังกฤษจะเป็นวิชาบังคับในโรงเรียนก็ตาม แต่นักเรียนนักศึกษาส่วนมากไม่ได้ให้ความสำคัญกับการฝึกทักษะการฟังการพูดภาษาอังกฤษ หลายคน พอเมื่อจบคลาสเรียนภาษาอังกฤษไปแล้ว ก็ไม่ได้นำไปใช้ เพราะพอเสร็จสิ้นการสอบ ก็ไม่ได้ทบทวน และปล่อยทิ้งข้างไป จนเป็นที่น่าเสียดายทั้งความรู้ที่ร่ำเรียนมา และเงินทองที่สูญเสียไป กลับไม่ทำประโยชน์ให้คนเรียนสามารถนำไปสื่อสารได้ในชีวิตจริง โดยความรู้ที่เรียนมาแต่ไม่ได้ประยุกต์ใช้ก็จะลืมไปในที่สุด
1.4 . ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดในการออกเสียงระหว่างภาษาอังกฤษและภาษาไทย
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้การพูดภาษาอังกฤษได้ถือว่ายาก ก็คือ ความแตกต่างระหว่าง ระบบเสียงภาษาอังกฤษกับระบบเสียงภาษาไทย อย่างเช่นในภาษาไทยไม่มีเสียงท้าย แต่ในภาษาอังกฤษเสียงท้ายเป็นเสียงที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งช่วยให้ผู้ฟังแยกออกคำที่ออกเสียงคล้ายๆเหมือนกัน ต่างกันที่เสียงท้ายอย่างเดียว อีกทั้งยังมีปัญหาเกิดจากครูชาวไทยที่สอนภาษาอังกฤษยังพูดภาษาไทยไม่เป๊ะ ทำให้คน เรียนแบบและไม่สามารถออกเสียงภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง ภาษาอังกฤษออกเสียงคำต่างจากที่เขียน ดังนั้นนี่คือรากเหง้าของปัญหาที่คนไทยฟังฝรั่งเจ้าของภาษาไม่ออก และส่งผลกระทบต่อการพูด ถ้าต้องสื่อสารพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติก็จะพูดไม่ได้ เหมือนปากจะแข็งไปเลย
จากปัญหาและอุปสรรคเหล่านั้นจึงทำให้หลายคนเรียนภาษามาตั้งหลายปีแต่พอต้องใช้ทักษะการพูดภาษาอังกฤษก็ไม่อยากจะพูดถึงเลย
คุณอาจต้องการที่จะเห็น: การออกเสียงภาษาอังกฤษที่แม่นยำที่สุด
เห็นได้ชัดว่าทักษะการพูดเป็นอย่างแรกที่ทำให้คนอื่นเขาประทับใจในความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษของเรา ดังนั้นเราควรที่จะฝึกฝนบ่อยๆ และหาวิธีฝึกทักษะการพูดอีกด้วย
โดยทางสถาบันเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง X3 English ขอมานำเสนอให้คนเรียนภาษาอังกฤษอีกหนึ่งเทคนิคในการฝึกพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งได้เรียกว่า เทคนิคพูดตามให้ทัน โดยรับรองว่าด้วยเทคนิคนี้จะช่วยให้คุณฝึกพูดภาษาอังกฤษอย่างได้ผลประสิทธิภาพจริงๆ สามารนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน และมีความมั่นใจมากขึ้นเวลาสื่อสารภาษาอังกฤษ เราลองมาดูกันว่าเทคนิคนี้มีเป็นอย่างไรบ้าง
โดยเทคนิคพูดตามให้ทัน เป็นเทคนิคฝึกพูดภาษาอังกฤษที่จะเริ่มจากการฟังก่อน ฝึกฟังสิ่งที่ชาวต่างชาติพูด ฉากนั้นพูดตามให้เหมือนทั้งการออกเสียงและสำเนียงน้ำเสียงของเขา สามารถประยุกต์ใช้เทคนิคนี้สำหรับคนเรียนภาษาอังกฤษทุกวัยทุกระดับ มีประสิทธิภาพที่แท้จริง และฝึกฝนได้อย่างไม่มีอะไรยุ่งยากเลย
2. สามขั้นตอนสุดง่ายสำหรับการฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยเทคนิคพูดตามให้ทัน
เส้นทางในการฝึกพูดภาษาอังกฤษของคุณจะง่ายมากยิ่งขึ้น และสามารถฝึกพูดฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษได้อย่างสะดวกตามขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1: ฝึกฟังภาษาอังกฤษอย่างละเอียด
ไม่เพียงแค่จับได้ใจความหลักๆ ของบทฟัง แต่ยังต้องให้ความสนใจกับรายละเอียดการออกเสียงของแต่ละคำในบทฟังนั้นอีกด้วย พยายามฟังการออกเสียงของแต่ละคำในประโยค เพราะว่าถ้าคุณไม่สามารถฟังออกคำไหนก็จะพูดตามได้ไม่เหมือนเจ้าของภาษา เพราะฉะนั้น เวลาที่คุณฝึกฟัง ควรเริ่มจากบทฟังที่มีความเร็วช้าๆ ก่อน พยายามจดบันทึกไว้คำที่คุณฟังออก จงฝึกฟังในประมาณอย่างน้อย 2-3 รอบถ้าคุณยังมีคำไหนที่ฟังไม่ออกค่อยไปดูรายละเอียดอีกที่ในบทเนื้อหาของบทฟังนั้น
ถ้าเจอคำไหนที่ไม่รู้ความหมายหรือยังไม่แน่ใจการออกเสียง อย่าลืมเปิดพจนานุกรมเพื่อดูความหมายและการออกเสียงที่ถูกต้อหลังจากนั้นลองหลับตาฟังอีกครั้งเพื่อโฟกัสสิ่งที่คุณกำลังฟัง จะได้รู้ว่าชาวต่างชาติเขาออกเสียงยังไงบ้าง มีการเน้นคำตรงไหน หรือทำเสียงสูงต่ำยังไง เมื่อชินแล้วเราสามารถไปต่อขั้นตอนต่อไปได้เลย
ขั้นตอนที่ 2: ฝึกพูดภาษาอังกฤษในระดับความเร็วแบบช้าๆ
ชุดประสงค์ของขั้นตอนนี้คือ ทำให้เราชินกับการออกเสียงของแต่ละคำได้อย่างถูกต้อง แก้ความผิดพลาดของตัวเองในการออกเสียง
เริ่มจากการพูดตามแต่ละประโยคในระดับความเร็วช้าๆ ก่อน สามารถฝึกพูดไปดูเนื้อหาบาฟังไป พูดช้าๆ แต่ต้องพยายามออกเสียงให้ถูกต้อง แล้วค่อยฝึกพูดให้เร็วขึ้นแต่ยังต้องตั้งใจออกเสียงให้เป๊ะ เลียนแบบสำเนียงให้เหมือนกับชาวต่างชาติ
เวลาที่เราฝึกพูดพยายามออกเสียงให้ดัง และฝึกหลายรอบจนรุ้สึกว่าความเร็วของเราเท่ากับเจ้าของภาษา แต่อย่าลืมยังต้องการออกเสียงให้ถูกต้องโดยเฉพาะคำลงท้าย
ขั้นตอนที่ 3: ฝึกพูดให้มีความคล่องแคล่วธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษา
ในขั้นตอนนี้ คุณต้องฝึกพูดแต่ละประโยคหรือทั้งบทความให้เหมือนเจ้าของภาษาพูดมากที่สุด ไม่เพียงแค่ให้ความสนใจกับการออกเสียงอย่างเดียว แต่ยังต้องระวังในการเว้นวรรคคำ การเชื่อมต่อการออกเสียง การเน้นเสียงในพยางค์ ทำเสียงสูงต่ำ เพื่อว่าการพูดออกมาจะดูธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษามากที่สุด
สามารถเห็นได้ว่าทักษะการพูดที่ดีไปคู่กับทักษะการออกเสียงภาษาอังกฤษอีกด้วย ดังนั้นในการฝึกพูดภาษาอังกฤษ เราจึงต้องให้ความสำคัญอย่างมากสำรับการฝึกการออกเสียง ถ้าใครเคยเรียนภาษาอังกฤษกับอาจารย์ที่เป็นเจ้าของภาษาแล้วก็คงคุ้นเคยกับตาราง IPA นี้แล้ว เพราะใครอยากออกเสียงภาษาอังกฤษให้ถูกต้องก็ควรจะรู้จักว่ามันคืออะไรและมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
อย่างแรก IPA (International Phonetic Alphabet) คือสัทอักษรสากล ซึ่งก็คือสัญลักษณ์เฉพาะที่เป็นมาตรฐานใช้แทนเสียงพูดในทุกภาษา ส่วนใหญ่ดัดแปลงจากอักษรโรมัน มีทั้งสัญลักษณ์แทนหน่วยเสียงสระ และแทนหน่วยเสียงพยัญชนะ
ในการเรียนภาษาอังกฤษ ผู้เรียนควรรู้จักและศึกษาสัญลักษณ์เหล่านี้ไว้ด้วยเพราะมีประโยชน์และช่วยได้มากในการฝึกใช้ออกเสียงภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง(พจนานุกรมทุกเล่มจะมีตารางสัญลักษณ์นี้ไว้ด้านในของปก)
ภาษาอังกฤษมี 26 ตัวอักษรแต่ออกเสียงได้ถึง 44 เสียง ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ตัวอักษรตัวเดียวกันจะออกเสียงได้หลายเสียง
อย่างเช่น เรามีสามคำนี้ though/ thought/ cough ทั้ง 3 คำสะกดด้วย -ough แต่ออกเสียงต่างกันโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือ
1) ทำความคุ้นเคย ศึกษาดูว่าแต่ละตัวอักษรออกเสียงแบบไหน
เช่น เสียง th มีตัวโฟเนติคแบบนี้ /θ/ เช่นในคำว่า think /θɪŋk/
หรือ เสียง sh มีตัวโฟเนติคแบบนี้ /ʃ/ เช่นในคำว่า ship /ʃɪp/
2) ฝึกออกเสียงตาม
ยังไม่จำเป็นต้องจำให้ได้ ขอแค่เวลาเปิดพจนานุกรมแบบ Eng-Eng แล้วเจอตัวพวกนี้ ให้พออ่านออกได้บ้างก็พอ หรือไม่ก็สามารถเปิดหาดูวิธีออกเสียงจนสามารถอ่านออกได้
ตัวโฟเนติคจะอยู่ในเครื่องหมาย / / อันนี้จากดิก Oxford มีแยกสำเนียงให้ด้วย (เสียง /ə/ คือสระ ‘เออะ’) ดังนั้น Phonetics ต้องออกเสียงว่า ‘เฟ่อะ-เน๊-ทิคฺ’
3) จำให้ได้
อย่างที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องจำให้ได้ แต่ถ้าจำได้มันก็จะดีมาก ๆ เลยนะ
วิธีศึกษาคือให้รู้ว่าแต่ละเสียงใช้อวัยวะไหนในการออกเสียง (เช่น F ก็ใช้ ฟันบนกับริมฝีปากล่าง) เราเรียกพวกนี้ว่าวัยวะที่ใช้ในการออกเสียง
การเรียนภาษาอังกฤษมักจะเป็นเส้นทางที่ท้าทายแต่มีความสนใจมาก คนเรามีคำว่า “Practice makes perfect ” ซึ่งหมายถึงคนเราไม่ได้เก่งตั้งแต่เกิด การฝึกฝนบ่อยๆ จะทำให้เก่งได้ ดังนั้นเพื่อฝึกทักษะการพูดได้อย่างดี ต้องมีความตั้งใจพยายามมากๆ จงเลือกวิะีเรียนภาษาอังกฤษที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวเอง ระหว่างการฝึกฝนอย่าท้อแท้ ต้องให้กำลังใจตัวเองตลอด เพราะการฝึกฝนไม่ได้เพียงแค่ในวันเดียวถึงจะได้
คุณสามารถเรียนรู้จากคำแนะนำของสถาบันเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง X3English หรือสามารถสมัครเรียนกับคอร์สเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง Eng Breaking ซึ่งเป็นคอร์สเรียนที่ได้พัฒนาโดย X3English เพื่อตอบสนองความต้องการในการเรียนภาษาอังกฤษทั้งสี่ทักษะ รวมถึงทักษะการพูด การฟัง การอ่านและการเขียน โดยเฉพาะคอร์สเรียนนี้จะเน้นในการสร้างพื้นฐาณให้กับคนที่เรียนภาษาอังกฤษใหม่ๆ ในการฝึกฟังฝึกพูดภาษาอังกฤษ สร้างความมั่นใจให้คุณในการใช้ภาษาอังกฤษ ทุกคนสามารถเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ในระยะสั้นๆ แต่ยังเห็นผลจริง ซึ่ง Eng Breaking ได้เปรียบเสมือนเป็นอาวุธที่ช่วยทำลายทุกความหวาดกลัวในการเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาณด้วยซ้ำ
สุดท้ายแล้ว เราหวังว่าทุกๆ คนจะประสบความสำเร็จในการฝึกพูดภาษาอังกฤษกันนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก x3english.co.th
สิ้นปีนี้ทั่วโลกเข้าถึงเครือข่าย 5G กว่า 1 พันล้านคน
อีริคสัน เผยสิ้นปี 63 จะมีผู้ใช้เข้าถึงเครือข่าย 5G มากกว่าหนึ่งพันล้านรายทั่วโลก หรือคิดเป็น 15% ของจำนวนประชากรทั่วโลก และจะมีผู้ใช้ 5G ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 220 ล้านรายในปี 2569
อีริคสัน เผยรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด ระบุว่า 4 ใน 10 ของจำนวนผู้ใช้มือถือในปี 2569 จะใช้ระบบเครือข่าย 5G เป็นหลัก จากปัจจุบันที่มีผู้สมัครใช้ 5G และเครือข่ายมีสัญญาณครอบคลุมมากขึ้น ตอกย้ำให้เห็นว่าเทคโนโลยี 5G คือ ปัจจัยสำคัญเชื่อมต่ออุปกรณ์มือถือที่ให้ความรวดเร็วที่สุด ตามรายงานยังระบุว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีจำนวนผู้คนทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านรายอยู่ในพื้นที่ที่เครือข่าย 5G ครอบคลุม หรือคิดเป็น 15% ของจำนวนประชากรทั่วโลก และจะมีผู้ใช้ 5G ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 220 ล้านรายในปี 2569 คาดว่า 60% ของประชากรทั่วโลกจะสามารถเข้าถึงระบบเครือข่าย 5G โดยมีผู้ใช้ 5G สูงถึง 3.5 พันล้านราย และมีปริมาณดาต้าอินเตอร์เน็ต 5G เกินกว่า 50 %ของปริมาณดาต้าทั้งหมดในเวลานั้น สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย เทคโนโลยี 5G จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองรองจาก LTE โดยมียอดผู้ใช้งานกว่า 380 ล้านราย หรือคิดเป็น 32% ของจำนวนผู้ใช้มือถือทั้งหมด
นางนาดีน อัลเลน ประธานบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า 5G จะเพิ่มศักยภาพบริการดิจิทัลและการใช้งานรูปแบบต่าง ๆ ที่มีอยู่ เช่น การสตรีมวิดีโอ สตรีมมิ่งกีฬา เกมบนมือถือและบริการสมาร์ทโฮมหรือบ้านอัจฉริยะ เฉพาะ Augmented Reality (AR) เพียงอย่างเดียวก็มีแนวโน้มที่เป็นตัวสร้างรายได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้จากสื่อต่าง ๆ ทั้งหมดของผู้ให้บริการเมื่อเทียบกับบริการอื่น ๆ เช่น เกมบนคลาวด์ คอนเทนท์แบบเสมือนจริงหรือ VR และบริการดิจิทัลในสถานที่ การเล่นเกมแบบ AR จะเป็นตัวขับเคลื่อนเริ่มต้นหลักให้กับ AR โดยที่การใช้งานแอพพลิเคชันอื่น ๆ สำหรับ AR เช่น การรับชมโทรทัศน์และวิดีโอ การใช้งานในบ้าน โรงเรียนและเพื่อการศึกษาจะตามมา”“ผู้บริโภคในประเทศไทยได้เริ่มสัมผัสกับประโยชน์เด่น ๆ ที่สำคัญของ 5G เป็นชาติแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะเดียวกันอีริคสันประเทศไทยกำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลไทยตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดของระบบนิเวศในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัลของประเทศที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม 4.0 และ 5G สำหรับผู้ใช้ระดับองค์กร
ความสำเร็จของ 5G ในตลาดผู้บริโภคจะมีความสำคัญต่อผู้ให้บริการ เพราะจะสนับสนุนการขยายเครือข่ายเพื่อให้สามารถกำหนดเป้าหมายการใช้งานรูปแบบใหม่ ๆ สำหรับอุตสาหกรรมและองค์กรต่าง ๆ ได้” ปริมาณการใช้งานอินเตอร์เน็ตบนมือถือในภาพรวมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ในช่วงคาดการณ์มีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 33% และคาดว่าในปี 2569 จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 32 เอกซะไบต์ (Exabyte) ต่อเดือน หรือราว 33 กิกะไบต์ (Gigabyte) ต่อเดือนต่อสมาร์ทโฟน โดยการเติบโตของปริมาณการใช้ดาต้าอินเตอร์เน็ตบนมือถือได้ถูกแปลงเป็นแผนข้อมูลที่มีความหลากหลายและกว้างมากขึ้น โดยผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในพื้นที่แตกต่างกันทางด้านภูมิศาสตร์มีการเปิดตัวบริการ 5G เชิงพาณิชย์จำนวนมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และประเทศไทย และการเปิดประมูลคลื่นความถี่ที่กำลังจะมีขึ้นในปีหน้าที่เวียดนามและมาเลเซีย ซึ่งจะทำให้ระบบเครือข่าย 5G มีการเปิดใช้งานมากขึ้นเพิ่มเติม ในรายงาน Ericsson Mobility Report ระบุถึงความสำเร็จของ 5G ที่ไม่ได้ลิมิตแค่จำนวนตัวเลขของผู้ใช้งานและความครอบคลุมของสัญญาณที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการนำ 5G ไปเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจและแอพพลิเคชันใหม่ ๆ ซึ่งได้เริ่มปรากฎให้เห็นแล้ว อย่างเช่น การนำ 5G ไปใช้ในอุปกรณ์ Critical IoT เพื่อรองรับการทำงานของแอพพลิเคชันที่ต้องการการรับ-ส่งข้อมูลอย่างฉับไวภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภค องค์กรและหน่วยงานของรัฐในหลายภาคส่วนสามารถพัฒนาระบบ 5G เป็นเครือข่ายสาธารณะหรือเครือข่ายที่ใช้เฉพาะ เพื่อสนับสนุนบริการสำคัญที่ต้องการความรวดเร็วสูง การเล่นเกมบนคลาวด์ (Cloud Gaming) เป็นอีกหนึ่งหมวดหมู่ของแอพพลิเคชันเกิดใหม่ ด้วยความสามารถของระบบเครือข่าย 5G และเทคโนโลยีเอดจ์คอมพิวติ้งทำให้บริการสตรีมเกมบนสมาร์ทโฟนเข้าถึงประสบการณ์ที่มีคุณภาพ (QoE) เทียบเท่ากับการเล่นบนเครื่องพีซีหรือคอนโซล เปิดโอกาสให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมเกมที่มีความล้ำสมัย สมจริงในแบบโมบิลิตี้สอดคล้องกับรายงานอีกฉบับ “Harnessing the 5G Consumer Potential” จากอีริคสัน คอนซูเมอร์ แลป ที่คาดการณ์ว่าในปี 2573 ตลาด 5G ของผู้บริโภคทั่วโลกจะมีมูลค่าราว 31 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSPs) ทั่วโลกจะสร้างรายได้จากการให้บริการ 5G สูง 3.7 ล้านล้านดอลลาห์สหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกหากมีบริการดิจิทัลใหม่ ๆ เกิดขึ้นตามมา
จากรายงานมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2573 ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โอเชียเนียและอินเดียจะสร้างรายได้จากกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้ระบบเครือข่าย 5G รวมอยู่ที่ 297 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่า 79% ของรายได้ที่เกิดจากบริการดิจิทัล 5G ของผู้ให้บริการทั้งหมด (ประมาณ 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) จะมาจากบริการทางด้านวิดีโอและเพลงที่มีความคมชัดและคุณภาพเสียงระดับไฮไฟ (Hi-Fi) บริการดิจิทัล 5G อื่น ๆ ได้แก่ วิดีโอ เพลง เกม AR และ VR รวมถึงบริการ IoT
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กินมันฝรั่งอย่างไรให้ส่งเสริมสุขภาพร่างกายที่ดี
มันฝรั่งเป็นพืชที่ค่อนข้างอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตสามารถเผาผลาญได้โดยร่างกายของเรา มีหลายเมนูที่หลายคนชื่นชอบ เช่น มันฝรั่งทอดกรอบโรยเกลือ หรืออบทั้งหัวมันพร้อมปาดเนยให้ร้อนเยิ้มหอมกรุ่นน่ากิน แต่สิ่งที่ควรรู้คือมันฝรั่งอาจจะทำให้น้ำหนักเพิ่มได้หากปรุงไม่ถูกวิธี เพราะการที่น้ำหนักเพิ่มนั้นมักมาจากเครื่องปรุงอื่นๆที่ผสมเข้ามาภายหลัง วิธีที่เหมาะคือควรต้มแล้วบดละเอียด อาจจะใส่เครื่องปรุงอื่นๆได้บ้าง เช่น พริกไทย หรือเกลือในปริมาณน้อยๆไม่ให้เค็มเกินไปจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า
จริงๆมันฝรั่งเป็นอาหารที่มีแคลอรีต่ำอีกทั้งเต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย เช่น ธาตุเหล็ก และวิตามินซี ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันไข้หวัด ยังมีวิตามินบี 6 ช่วยบำรุงประสาทและสมอง ฯลฯ แต่ใช่ว่ามันฝรั่งจะไม่มีโทษเลย มีการวิจัยพบสารบางชนิดที่เป็นพิษต่อระบบประสาท (neurotoxin) เรียกว่าโซลานีน (solanine) เป็นไกลโคแอลคาลอยด์ชนิดหนึ่ง เรียกว่าเป็นสารพิษธรรมชาติจากพืช ความร้อนก็ไม่สามารถทำลายได้ด้วย หากบริโภคมันฝรั่งที่มีสารดังกล่าวในปริมาณมากไปก็อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น ทำให้ระบบทางเดินอาหารผิดปกติ
ทั้งนี้ สารโซลานีนจะพบในรากและเปลือกของมันฝรั่งชนิดที่เป็นเปลือกแดง และจะพบมากกว่ามันฝรั่งชนิดเปลือกเหลือง บางครั้งการซื้อมันฝรั่งมามากๆและเก็บไว้นานๆ หากเก็บในที่แสงแดดส่องถึง เปลือกจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเขียว ทำให้เร่งการผลิตสารโซลานีนเพิ่มขึ้น ดังนั้น เมื่อซื้อมันฝรั่งมาจึงไม่ควรเก็บไว้นานเกินไป และควรใช้เวลานานๆในการปรุงสุก.
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 26,750.00 | 26,850.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,733.00 | 26,272.28 | 27,350.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,559.70 | 23,645.05 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,386.40 | 21,017.82 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 780.00 | 11,824.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 607.00 | 9,202.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,796.00 | 27,227.36 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 24/12/2563
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 22.75 | 22.75 | 22.75 | 22.75 | 22.75 | 22.75 | 22.75 | 22.75 | 22.75 | 22.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 22.48 | 22.48 | 22.48 | 22.48 | 22.48 | 22.48 | 22.48 | 22.48 | 22.48 | 22.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 21.24 | 21.24 | 21.24 | 21.24 | 21.24 | – | 21.24 | 21.24 | 21.24 | 21.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 18.54 | 18.54 | – | – | – | – | – | – | – | 18.54 |
เบนซิน 95 | 30.16 | – | – | – | 30.61 | – | 30.66 | 30.16 | – | 30.16 |
ดีเซล B7 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 | 24.19 |
ดีเซล | 21.19 | 21.19 | 21.19 | 21.19 | 21.19 | 21.19 | 21.19 | 21.19 | 21.19 | 21.19 |
ดีเซล B20 | 20.94 | 20.94 | 20.94 | 20.94 | 20.94 | – | 20.94 | 20.94 | – | 20.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 28.64 | 28.66 | 30.64 | 30.04 | – | – | – | – | – | 28.64 |
แก๊ส NGV | 13.12 | 13.12 | – | – | – | – | – | – | – | 13.12 |