‘ออริจิ้น’ ผนึก สมิติเวช ปั้น Wellness Residences
“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ผนึก “สมิติเวช” เสริมแกร่งโครงการที่อยู่อาศัย สู่ “Wellness Residences” นำร่องเนรมิตพื้นที่ส่วนกลางคอนโดหรู สร้าง Wellness Facility ตอบโจทย์คนใส่ใจสุขภาพ
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร ในการเชื่อมโยงบริการ “Samitivej Virtual Hospital” หาหมอออนไลน์ ผ่านทางแอปพลิเคชั่น “Origin Connect”
ล่าสุด บริษัทและโรงพยาบาลสมิติเวช ได้ยกระดับความร่วมมือระหว่างกันขึ้นอีกระดับ เพื่อสร้างปรากฏการณ์การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยไปสู่ “Wellness Residences”สร้างความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) เสริมสร้างสุขภาพ และยกระดับคุณภาพชีวิตแบบครบวงจรให้แก่ทั้งลูกบ้านโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้กว่า 20,000 ครอบครัว
“สังคมปัจจุบันได้เข้าสู่ยุค New Normal อย่างเต็มตัว พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนแปลงไป คนในสังคมให้ความสนใจเรื่องสุขภาพและสาธารณสุขมากขึ้น เราจึงมองหาช่องทางการพัฒนา Wellness Residences และตัดสินใจร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งด้านบริการสุขภาพ มีวิสัยทัศน์ด้าน Well-Being สอดคล้องกัน และมีสาขาครอบคลุมพื้นที่ตั้งโครงการของเครือออริจิ้น
อย่างโรงพยาบาลสมิติเวช ที่มีที่ตั้งอยู่ทั้งในกรุงเทพมหานคร ชลบุรี และศรีราชา เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการเข้าถึงบริการสุขภาพต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปเสี่ยงยังสถานที่ภายนอก สร้างการอยู่อาศัยโดยมีสุขภาพที่ดีแก่ผู้บริโภค ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ ความคิด จิตวิญญาณ สอดรับกับยุค New Normal” นายพีระพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ ออริจิ้น เนรมิตพื้นที่ส่วนกลางบางส่วนของโครงการที่อยู่อาศัย พร้อมทั้งจัดเตรียมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการมีสุขภาพดี (Wellness Facility) ที่พร้อมตอบโจทย์การดูแลสุขภาพใน 3 แกนหลัก ได้แก่ 1.การรักษา (Therapy) อาทิ การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพเบื้องต้น 2.การป้องกัน (Treatment) อาทิ สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Oxygen Lounge, Salt Room, Trail Walking, พื้นที่สำหรับเล่นพิลาทิส โยคะ ต่อยมวย ฯลฯ 3.ความงามและเยาว์วัย อาทิ วิตามินบำบัด, Private Massage Room ฯลฯ
ขณะเดียวกัน ทางสมิติเวชจะเข้ามาช่วยเนรมิตสมาร์ท ไลฟ์ เซ็นเตอร์ (Smart Life Center) เติมเต็มบริการสุขภาพต่างๆ ในพื้นที่โครงการ โดยจะเริ่มนำร่องในกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมหรูภายใต้เครือพาร์ค ลักชัวรี่ (Park Luxury) ทั้งโครงการใหม่ อาทิ โครงการไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 4 (KnightsBridge Space Rama 4) โครงการแบรนด์ใหม่ โซโห แบงค็อก รัชดา (Soho Bangkok Ratchada) รวมถึงโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จอย่าง พาร์ค ออริจิ้น พร้อมพงษ์ (PARK ORIGIN PHROM PHONG) ล่าสุด ได้ดำเนินการรีโนเวทพื้นที่ส่วนกลางของพาร์ค ออริจิ้น พร้อมพงษ์ แล้ว คาดว่าจะเปิดให้บริการสมาร์ท ไลฟ์ เซ็นเตอร์ แห่งแรกได้ในปี 2564
ด้าน นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม โรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาล บีเอ็นเอช กล่าวว่า ความร่วมมือกับเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ในครั้งนี้ จะเป็นมิติใหม่ของทั้งวงการอสังหาริมทรัพย์และวงการทางการแพทย์ ที่ผนึกกำลังกันยกระดับคุณภาพชีวิต ตามแนวคิดของสมิติเวช “เราไม่อยากให้ใครป่วย” และตอบโจทย์ด้าน Well-Being ให้แก่ผู้บริโภคในรูปแบบ Wellness Residences
ผ่านทั้งบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางของที่อยู่อาศัย การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ (Health Tech) การจัดคอร์สอบรมการดูแลสุขภาพ การมอบสิทธิประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถดูแลสุขภาพทั้งด้านการรักษา ด้านการป้องกัน และด้านความงามและเยาว์วัยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้การแพทย์เข้าถึงได้ง่าย
“เราเชี่ยวชาญในบริการด้านสุขภาพมาอย่างยาวนาน และมีสาขาครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯและ ชลบุรี ศรีราชา ความร่วมมือระหว่างเรากับออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ในครั้งนี้ จึงจะช่วยให้ผู้บริโภคมีความเป็นอยู่ที่ดี เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแบบองค์รวม ตามวิสัยทัศน์ของสมิติเวช “เราไม่อยากให้ใครป่วย” นพ.ชัยรัตน์ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แห่ชิง “เจ้าตลาด” แนวราบ ซูเปอร์สตาร์แห่งปี
จำนวนที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ ปี 2563 ซึ่งนับเป็นการลงทุนพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทย สู่จุดตํ่าสุดในรอบ 10 ปี ทั้งนี้ เป็นไป เพราะต่างไม่เชื่อมั่นต่อกำลังซื้อ ในยุคที่การเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ไทยปรับลดลงถึง 6% ขยายตัวตํ่าสุดในรอบ 22 ปี เนื่องจาก 4 ฟันเฟืองหลัก (การส่งออก, การท่องเที่ยว, การลงทุนเอกชน และการบริโภคในประเทศ) ล้มทั้งกระดาน อันเนื่องมาจากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำเงินในกระเป๋าคนไทยหล่นหาย ซํ้าหนี้ครัวเรือนกำลังไต่ทะยานรอทะลุเพดานในเวลาอันใกล้ คือ ลางร้ายบอกเตือนผู้ประกอบการตั้งแต่เดือน มี.ค. อย่าเสี่ยงทุ่มเหมือนเก่า
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสรุป การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (ธอส.) เพิ่งเปิดเผยออกมาหมาดๆ ว่าทั้งปีวิกฤติ 2563 นั้น มีหน่วยโอนฯลดลงทั้งสิ้น -8.5% (ประมาณ 3.58 แสนหน่วย) และในแง่มูลค่าลดลงเพียง -0.3% เท่านั้น หรือ 9.28 แสนล้านบาท
ข้อมูลข้างต้นอาจเป็นเครื่องบ่งชี้ มองในเชิงบวก ว่าสถานการณ์ตลาด ไม่ได้เลวร้ายมากนักอย่างที่คิดซะทีเดียว เพราะเมื่อเทียบกับวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 หรือ เหตุการณ์นํ้าท่วมใหญ่ ปี 2554 ครานั้นอสังหาฯเคยติดลบถึง 20% ซึ่งหากตลาดในปี 2564 ยังคงไว้ซึ่งปัจจัยบวกทั้งใหม่และเก่า ครอบคลุมอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อระดับตํ่า, มาตรการรัฐลดค่าโอนฯ (ขยายถึงสิ้น 31 ธ.ค.64), โปรโมชั่นกระตุ้นการขายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องจากฝั่งผู้ประกอบการ ประกอบกับราคาบ้านมีแนวโน้มลดลงอีก 1.8% โดยภาพใหญ่ รัฐบาลมีการเร่งทยอยฉีดวัคซีน ฟื้นเศรษฐกิจเป็นผล ตลาดที่อยู่อาศัยปี 2564 ก็ยังเป็นโอกาสที่น่าสนใจอยู่มากของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการเจาะน่านนํ้าใหม่ ‘ตลาดแนวราบ’ ที่เรียลดีมานด์ ตอบรับสูงตั้งแต่เกิดโควิด
สัดส่วนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่เริ่มเปลี่ยน โดยจากเดิมอาคารชุดมีสัดส่วนมากกว่าบ้านจัดสรร ที่ 55.7 : 44.3 % ในปี 2562 แต่ในปี 2563 การเปิดตัวบ้านจัดสรรใหม่ พลิกกลับมามากกว่าอาคารชุด ที่ 57.4 : 42.6 % เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี (ปี 2557-25563) เป็นที่มาของคาดการณ์ ว่า ปี 2564 สัดส่วน 2 กลุ่ม จะห่างกันมากถึง 60 : 40 % โดยการพัฒนาบ้านจัดสรรจะเพิ่มขึ้นถึง 22.5 % หรือ มีจำนวนหน่วยประมาณ 43,732 หน่วย
ความชัดเจนของเรียลดีมานด์ (ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง) ที่ชี้ชัดแล้วว่า ‘บ้าน’ ไม่ใช่เพียงแค่ทำหน้าที่เป็นที่อยู่อาศัยอีกต่อไป แต่จะทำหน้าที่เป็นเกราะคุ้มกันภัย เพื่อความปลอดภัยระหว่างการกักตัวในช่วงโควิด และใช้เพื่อกิจกรรมที่บ้านมากขึ้นนั้น ทำให้ช่วงปีที่ผ่านมา ซัพพลายในตลาดถูกดูดซับได้อย่างดี และมีนัยยะต่อแผนธุรกิจของผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่ต่างตั้งเป้าหมายใหญ่ ในการชิงความเป็นเบอร์ 1 ของตลาดแนวราบอย่างน่าจับตามอง
เริ่มตั้งแต่ค่ายดัง เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (เดิม:โกลเด้นแลนด์) มีตำแหน่งเป็นผู้เล่นเบอร์ 5 ของตลาดที่อยู่อาศัยไทย โดย ปี 2564 นี้เอง นอกจาก ตั้งเป้าไต่ระดับในแง่รายได้ เพื่อผลักดันให้อีก 3 ปีข้างหน้า ขึ้นติด Top3 ของอุตสาหกรรมแล้ว ยังประกาศเป้าหมาย ว่าต้องการ ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในการพัฒนาบ้านแฝดและทาวน์โฮมด้วย ภายใต้เป้ารายได้ถึง 1.6 หมื่นล้านบาท
เช่นเดียวกับ บมจ. แสนสิริ ซึ่งปีที่ผ่านมา ได้รับอานิสงค์เต็มๆจากมาตรการรัฐ และการปรับกลยุทธ์สู่ Speed to Market อย่างฉับไว เกิดยอดโอนและขายอย่างถล่มทลาย 4.5 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะจากแนวราบ ขณะปีนี้ เปิดใหม่ 24 โครงการ ถูกวางยอดขายและโอนฯจากแนวราบที่ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยความท้าทายของแสนสิริ คือ การลดระดับราคาขายลง เพื่อให้ลูกค้าเอื้อมถึงมากขึ้น
ขณะค่าย บมจ.เอสซี แอสเสท นั้น มีความแปรผันในทิศทางการพัฒนาโครงการปีนี้อย่างชัดเจน หลังแนวราบเป็นพอร์ตที่ทำให้ผลประกอบการในช่วงปีที่ผ่านมา เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่มากกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท ทำให้ความหอมหวานของรายได้ที่เติบโต ไม่ได้ถูกหยุดที่เจ้าตลาดบ้านมากกว่า 20 ล้านบาทเท่านั้น แต่เอสซี มีเป้าหมายจะเป็นเบอร์ 1 ของตลาดแนวราบทุกระดับราคา ซึ่งแต่ละเซกเม้นท์ต่างมีแบรนด์ดังในการตีตลาดแล้วทั้งสิ้น
และสุดท้าย บมจ.เอพี ซึ่งนับว่าเป็นบริษัท ที่ลูกค้าตอบรับกับโปรดักส์มากที่สุด โดยข้อมูล ณ 30 พ.ย. 2563 กวาดยอดแนวราบสูงสุดไปมากกว่า 2.63 หมื่นล้านบาท ขณะแผนปี 2564 นั้น แม้ยังไม่มีการประกาศออกมาชัดเจน แต่คาดว่าแนวราบยังเป็นหนึ่ง โดยเรือธงสำคัญ นอกจากแบรนด์ดัง The city, บ้านกลางเมือง และพลีโน่แล้ว ต้องจับตา ถึงการขยายตลาดต่างจังหวัดภายใต้ แบรนด์ ‘อภิทาวน์’ ด้วย
ผู้ซื้อบ้านหลังแรก และกลุ่มที่เปลี่ยนที่อยู่อาศัยจากคอนโดฯมาเป็นแนวราบ นับเป็นลูกค้าสำคัญของตลาดปีนี้ ซึ่งตามข้อมูลวิเคราะห์ของ ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ พบว่า แม้บ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท จะมีจำนวนซัพพลายมากที่สุดในตลาด แต่ตลาดที่ได้รับความสนใจมากที่สุด นอกจากกลุ่ม 1-3 ล้านบาทแล้ว กลุ่มระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาท และ ราคา 5-10 ล้านบาท เติบโตอย่างน่าสนใจ เพียงแต่ที่ผ่านมา ถูกกระตุ้นซื้อและขายด้วยตัวของมันเอง โดยไม่มีมาตรการรัฐกระตุ้นช่วย
ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงปีที่ผ่านมา โดยพบกลุ่มบ้านมากกว่า 5 ล้านบาท คือ ตลาดโอกาสของผู้พัฒนา แต่ทั้งนี้ หัวใจสำคัญในการเข้าไปอยู่เป็นเบอร์ 1 ของผู้บริโภค กลับเห็นว่า คงเป็นการพัฒนาโปรดักส์ที่ตอบรับกับความต้องการอย่างแท้จริง และคุ้มค่าที่ต้องแลกมาด้วยการก่อหนี้ระยะยาว ในยุคสมัยที่ไม่มีอะไรแน่นอนอีกต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ไอแบงก์ หนุนรายย่อยมุสลิมให้วงเงินสูงสุด2แสนบาท
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยมุสลิมอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เปิดโครงการสินเชื่อเสริมสร้างธุรกิจรายย่อยมุสลิม ระยะที่ 1 ตั้งแต่ปี 2560 และ ระยะที่ 2 ในปี 2561 และได้ขยายเวลามาตลอดเนื่องจากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ล่าสุดไอแบงก์ ได้เปิดโครงการสินเชื่อเสริมสร้างธุรกิจรายย่อยมุสลิม ระยะที่ 3 ขึ้น เพื่อสนองความต้องการของกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยมุสลิมที่ยังมีความต้องการในการใช้สินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพ
โครงการสินเชื่อเสริมสร้างธุรกิจรายย่อยมุสลิม ระยะที่ 3 นี้ สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยมุสลิมที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุนเพื่อซื้อทรัพย์สินในการประกอบธุรกิจ ยกเว้นหาบเร่ แผงลอย ผู้ขอสินเชื่อต้องเป็นบุคคลธรรมดา อายุ 22 ปี ขึ้นไป มีสัญชาติไทย และนับถือศาสนาอิสลาม ประกอบธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ประกอบอาชีพสุจริตไม่ขัดต่อหลักการอิสลาม โดยต้องให้อิหม่ามในพื้นที่ หรือ นายกสมาคมฯ TMTA ให้คำรับรองการประกอบธุรกิจมีรายได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายไม่น้อยกว่า 10,000 บาท/เดือน และมีสถานที่ตั้งประกอบธุรกิจเป็นหลักแหล่ง ผู้ขอสินเชื่อสามารถขอวงเงินได้ตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาทต่อราย คิดอัตรากำไร 15% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา สามารถเลือกผ่อนชำระขั้นต่ำได้ 3 ปี และสูงสุดไม่เกิน 5 ปี โดยไม่ต้องมีหลักประกัน
ผู้สนใจสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่สินเชื่อ ไอแบงก์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2565 หรือ จนกว่าวงเงินโครงการจะเต็ม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. Ibank call center 1302
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
วิ่งส่งธงชาติไทยไปโอลิมปิก
สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ยังไม่ดีขึ้นมาก บางประเทศก็ยังมีการระบาดรอบ 2 รอบ 3 แต่อย่างไรก็ตามความหวังที่มันจะดีขึ้นก็ยังพอมี
เพราะตอนนี้วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ของบริษัทต่างๆที่เร่งทำวิจัยและผลิตออกมานั้นก็เริ่มแจกจ่ายให้ชาติต่างๆทั่วโลกกันบ้างแล้ว
แม้ว่าจะยังป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม แต่ก็ยังดีกว่าไม่มี
เพราะถ้าวัคซีนใช้ได้ผลทำให้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ลดน้อยลงเรื่องต่างๆที่หยุดชะงักลงไปนั้นก็จะกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องของเกมกีฬาที่จะได้กลับมาจัดการแข่งขันอีกครั้งและอาจจะให้ผู้ชมกลับมาเข้าสนามอีกครั้ง
ถ้าพูดถึงเรื่องเกมกีฬาในปีนี้มี 2 โปรแกรมใหญ่ที่เลื่อนมาจากปี 2020 นั่นก็คือศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2020 หรือ “ยูโร 2020” ที่มี 12 ชาติเป็นเจ้าภาพร่วมกัน
สำหรับศึกยูโร 2020 แม้ว่าข่าวคราวจะเงียบไปนิด แต่ดูแล้วก็น่าจะจัดได้ตามปกติ เพราะเกมฟุตบอลสโมสรยุโรปอย่างยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก และยูฟ่า ยูโรปา ลีก ก็ยังเตะกันโครมๆรูปแบบไม่ได้แตกต่างกันเท่าไร
แต่อยู่ที่ว่าจะมีแฟนบอลเข้าชมได้หรือไม่ เท่านั้น!!
ขณะที่ “โอลิมปิกเกมส์” ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะมีข่าวลือออกมาเรื่อยๆว่าอยากจะยกเลิกจัดการแข่งขัน
ซึ่งทางสำนักวิจัยโตเกียว โชโก ก็ได้จัดทำโพลสำรวจว่าต้องการให้จัดการแข่งขัน “โตเกียวเกมส์ 2020” ต่อไปหรือไม่
จาก 11,000 ตัวอย่างตอกย้ำว่า ประชาชนญี่ปุ่น 56 เปอร์เซ็นต์ ต้องการให้มีการยกเลิกหรือเลื่อนการแข่งขันโอลิมปิกออกไป มีเพียง 7.7 เปอร์เซ็นต์ ที่สนับสนุนให้เดินหน้าต่อไป
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าญี่ปุ่นก็คงต้องเดินหน้าจัดการแข่งขันต่อไป เพราะถ้ายกเลิกหรือเลื่อนครั้งนี้เสียหายหนักกว่าเดิมจากการเลื่อนครั้งแรกแน่นอน ในเมื่อสถานการณ์ยังไม่แน่นอน แต่กิจกรรมต่างๆที่ผูกพันกับโอลิมปิกเกมส์ก็ต้อง “เดอะ โชว์ มัสต์โก ออน” เดินหน้าต่อไป
สำหรับในประเทศไทยก็จะมีการจัดกิจกรรม “FLAG OF NATION วิ่งส่งธงชาติไทยไปโตเกียวโอลิมปิก” ชวนคนไทยทั่วประเทศร่วมสร้างประวัติศาสตร์ วิ่งผลัดธงไตรรงค์ ต่อเนื่อง 61 วัน ระยะทางรวม 4,606 กม. หรือเทียบเท่าระยะทางจาก กทม. -โตเกียว กิจกรรมครั้งนี้ก็เพื่อส่งกำลังใจเชียร์ทัพนักกีฬาทีมชาติไทย สู้ศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020
โดยนักวิ่งที่เข้าร่วมจะได้วิ่งถือธงไตรรงค์ คนละ 1 กิโลเมตร พร้อมกับเหล่าศิลปิน ดารา และนักกีฬาอีกมากมาย โดยจะคัดเลือกประชาชนทั่วไป ศิลปิน ดารา จำนวน 4,568 คน ร่วมร้อยรวมดวงใจให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อส่งต่อกำลังใจ
ผ่านธงชาติไทยให้ทัพนักกีฬาไทยคว้าชัยในศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020
ซึ่งจะวิ่งผ่าน 35 จังหวัด ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม-27 พฤษภาคม 2564 จะออกสตาร์ตที่ กรุงเทพมหานคร ก่อนวิ่งลงใต้ย้อนกลับไปภาคเหนือและลงมาภาคตะวันออกเฉียงเหนือวนต่อไปที่ภาคตะวันออก และสิ้นสุดที่สมุทรปราการ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
ผู้สนใจสามารถร่วมสมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 มีนาคม 2564 ผ่านทางเว็บไซต์ www.RoadToTOKYO2020TH.com หรือ race.thai.run/RoadToTOKYO2020TH
นักวิ่งท่านใดที่อยากร่วมเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ครั้งนี้
บอกได้เลยว่าห้ามพลาด!!!
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
บรรเทาอาการผู้ป่วย “โควิด-19” ที่หายใจลำบากด้วยวิธี “นอนคว่ำ”
ผศ.(พิเศษ) พญ.ณับผลิกา กองพลพรหม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า การบรรเทาอาการของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ด้วยการนอนคว่ำ ใช้กับผู้ป่วยกลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน หรือ ARDS เช่น โรคปอดอักเสบ โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคโควิด-19 โดยจำแนกผู้ป่วยออกเป็น 2 ระยะ
ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ยังสามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง
เป็นผู้ป่วยที่มีภาวะออกซิเจนต่ำ ใช้ออกซิเจนในอัตราไหลสูง หรือใช้เครื่องช่วยหายใจที่ยังไม่ถึงขั้นต้องใส่ท่อช่วยหายใจ แพทย์จะรักษาโดยให้ผู้ป่วยนอนคว่ำหน้าท่า Awakening Prone เป็นเวลา 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมง
ประโยชน์ต่อผู้ป่วย
- เนื้อปอดส่วนหลังที่ถูกหัวใจกดทับขยายได้ดีขึ้น
- ความยืดหยุ่นของปอด หรือการขยายตัวของถุงลมปอดแต่ละส่วนดีกว่าการนอนหงาย
- การแลกเปลี่ยนแก๊สของปอดดีขึ้น
- การระบายเสมหะดีขึ้น
ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีภาวะหายใจล้มเหลว
เป็นผู้ป่วยกลุ่มที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจระดับสูง หรือผู้ป่วยไม่มีการตอบสนองที่ดีเมื่อใช้เครื่องช่วยหายใจด้วยวิธีมาตรฐาน จำเป็นต้องให้ผู้ป่วยนอนคว่ำ รวมถึงต้องให้ยาระงับความรู้สึก เพื่อให้ผู้ป่วยนอนคว่ำได้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 16 ชั่วโมง
- ช่วยลดการบาดเจ็บหรืออักเสบของปอดจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนแก๊สของปอด
- เป็นการรักษาเพื่อประคับประคองรอให้ปอดฟื้นตัวดีขึ้น
ข้อควรรู้
- การนอนคว่ำเป็นการรักษาแบบประคับประคองเท่านั้น ไม่ใช่การรักษาให้หายขาดแต่อย่างใด
- การรักษาผู้ป่วยกลุ่ม ARDS ด้วยการนอนคว่ำ ต้องใช้เจ้าหน้าที่อย่างน้อย 5 คน ในการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ เช่น การพลิกตัว การตรวจสอบอุปกรณ์ และการตรวจสอบความดันโลหิต
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
การออกเสียงเชื่อมคำ ในภาษาอังกฤษ
ทักษะการฟังภาษาอังกฤษ ถือเป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับคนไทย ถึงแม้จะรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษมากมายแล้ว ก็ยังอาจฟังฝรั่งหรือชาวต่างชาติพูดไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่จริงๆแล้ว เมื่อลองแกะคำศัพท์ออกมาทีละคำ มันก็มีเพียงคำศัพท์ที่เรารู้จักอยู่แล้วทั้งนั้น
“หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เราฟังเจ้าของภาษาไม่รู้เรื่องหรือฟังไม่ทัน ” ก็คือ การออกเสียงพูดของพวกเขาจะมีการเชื่อมเสียงเวลาพูด และพูดคำติดกันแบบไม่มีการเว้นวรรคเหมือนเวลาเขียน ทำให้เราฟังผิดเพี้ยนไปโดยไม่รู้ว่า พวกเขาพูดคำว่าอะไร หรือไม่ก็ฟังผิดคิดว่าเป็นคำอื่นไป
ดังนั้น เราลองมาดูกันว่า วิธีการพูดหรือออกเสียงแบบเชื่อมคำ ทำให้เสียงพูดที่เราได้ยิน มีการเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะใดบ้าง
โดยหลักๆแล้ว เสียงพูดภาษาอังกฤษที่เปลี่ยนไป อันเกิดจากการพูดติดๆกัน จะมีอยู่หลักๆ 2 รูปแบบ
1) การเชื่อมเสียงพยัญชนะกับสระ
การเชื่อมเสียงพยัญชนะกับสระ คือ พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดของคำแรก มาเชื่อมเสียงกับสระที่เป็นอักษรตัวแรกของคำถัดมา
ตัวอย่างเช่น
คำว่า Your eyes
เวลาคนไทยเราพูดสองคำนี้ติดกัน มักจะออกเสียงว่า “ยัวอาย”
แต่เวลาเจ้าของภาษาพูดคำง่ายๆแบบนี้ เราอาจจะไม่รู้เรื่องก็ได้ว่า เขาหรือเธอกำลังพูดว่าอะไร เพราะเสียงที่พวกเขา พูดออกมา จะออกเสียงเป็น “ยัวราย”
เหตุผลก็คือ อักษร r ท้ายคำว่า Your มันมาเชื่อมกับเสียงกับอักษร e ตัวแรกของคำว่า eyes
เสียงพูดจึงออกมาเป็น Youreyes = ยัวราย
2) การเชื่อมเสียงสระกับสระ
การเชื่อมเสียงแบบที่สอง คือ สระตัวสุดท้ายของคำแรกเชื่อมกับสระตัวแรกของคำถัดมา
เมื่อสระเชื่อมกันแล้ว เสียงสระที่ต้องมีการห่อปาก มักจะเปลี่ยนเป็นเสียง w
ตัวอย่างเช่นคำว่า ‘too often’ คนไทยอาจจะพูดว่า “ทู ออฟเท่น”
อย่างไรก็ดี เวลาเจ้าของภาษาพูด เสียงสระ o ท้ายคำแรกมาเชื่อมกับเสียงสระ o ในคำที่สอง เวลาออกเสียงจึงกลายเป็น “ทู วอฟเฟ่น” (เพราะเสียงสระโอเวลาออกเสียงจะห่อปาก)
ส่วนสระที่เวลาออกเสียงมีการเหยียดปากออกด้านข้าง เวลาเชื่อมเสียงกันจะกลายเป็นเสียง y (ย.)
ตัวอย่างเช่นคำว่า ‘Three eggs’
อย่างไรก็ดี เวลาเจ้าของภาษาพูด เสียงสระ e ท้ายคำแรกจะมาเชื่อมกับสระ e ในคำที่สอง เวลาออกเสียงจึงกลายเป็น “ธรี เย้กส์” เพราะสระอี เวลาออกเสียงจะต้องเหยียดปากออกด้านข้าง
เป็นอย่างไรบ้างครับ พอจะร้องอ๋ออออ….. ขึ้นมาทันทีเลยใช่ไหม
เพราะครูเชื่อว่า พี่ๆน้องๆหลายคนต้องเคยได้ยินการออกเสียงในลักษณะที่กล่าวมากันบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจากการพูดของชาวต่างชาติหรือจากการฟังเพลงสากล ดังนั้น ยิ่งเราเข้าใจวิธีการออกเสียงของฝรั่งมากเท่าไหร่ เราก็จะฟังภาษาอังกฤษได้เข้าใจมากขึ้นเท่านั้น ต้องฝึกฟังฝึกสังเกตบ่อยๆนะครับผม
คำถามทดสอบ:
1) เสียงพูดของประโยคที่ว่า “Dreams are illusion.” จะออกมาเป็นลักษณะใด
a. ดรีม-ซา-ริลลูชั่น
b. ดรีมส์-อา-ริลลูชั่น
c. ดรีม-ซา-อิลลูชั่น
d. ผิดทุกข้อ
2) เสียงพูดของคำว่า “turn in” จะออกมาเป็นลักษณะใด
a. เทิน-อิน
b. เทิน-นิน
c. เทิรน-อิน
d. เทิรน-ริน
3) เสียงพูดของวลีที่ว่า “Three eggs a day.” จะออกมาเป็นลักษณะใด
a. ธรี-เอ้ก-อะ-เดย์
b. ธรี-เย้ก-อะ-เดย์
c. ธรี-เย็ก-สะ-เดย์
d. ผิดทุกข้อ
เฉลย
1. (ข้อ a.) เพราะเสียงจะเชื่อมกันตามที่ขีดเส้นใต้นี้ “Dreams are illusion.”
2. (ข้อ d.) เพราะอักษร n ที่เป็นพยัญชนะตัวสุดท้ายของคำแรก ไปเชื่อมเสียงกับสระ i ที่เป็นอักษรตัวแรกของคำที่สอง แต่ก็ยังมีการออกเสียง r ในคำแรกอยู่
3. (ข้อ c.) เพราะเสียงจะเชื่อมกันตามที่ขีดเส้นใต้นี้ “Three eggs a day.”
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
‘เดลล์’ จับมือ ‘SKT’ สร้างโซลูชันหนุน 5G สู่องค์กรธุรกิจ
เดลล์ เทคโนโลยีส์ จับมือ SK Telecom พร้อม VMware สร้างโซลูชั่นนำขุมพลัง 5G และ Edge เข้าสู่องค์กรธุรกิจ
นายเดวิด ทริกก์ รองประธานด้านการพัฒนาด้านการตลาด เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า เดลล์ เทคโนโลยีส์ (NYSE:DELL) SK Telecom (NYSE:SKM) และVMware (NYSE:VMW) ประกาศความร่วมมือในการร่วมกันพัฒนา OneBox MEC ซึ่งเป็นซิงเกิ้ล บ็อกซ์เพื่อให้บริการแพลตฟอร์ม ไพรเวท 5G และเอดจ์ คอมพิวติ้งOneBox MEC จะนำเอาความสามารถใหม่ต่าง ๆ ของทั้ง 5G และเอดจ์ คอมพิวติ้งมาสู่องค์กรธุรกิจ ในฐานะของโซลูชันที่ได้รับการบูรณาการอย่างสมบูรณ์ OneBox MEC จะช่วยให้การนำมาใช้งาน และการดำเนินงานทำได้ง่ายขึ้นไม่ซับซ้อน อีกทั้งยังสามารถมอบประสิทธิภาพที่สามารถเชื่อถือได้ และคาดเดาได้ล่วงหน้าผ่านการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย ทั้งนี้ ผู้ให้บริการโซลูชัน ตลอดจนผู้ให้บริการฟังก์ชันเครือข่าย (RAN และCore) และซิสเต็ม อินทริเกเตอร์ จะใช้ OneBox MEC ในการเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ (ลด latency) ความเชื่อถือได้ (reliability) และความปลอดภัย (security) ของระบบไอทีและเครือข่ายต่าง ๆ
ทั้งนี้การศึกษาล่าสุดของ STL Partners ซึ่งได้รับมอบหมายจากเดลล์ เทคโนโลยีส์ SK Telecom (SKT) VMware และอินเทล พบว่า 40% ขององค์กรที่สำรวจมีปัญหาเกี่ยวกับความล่าช้า (latency) ของโซลูชันระบบเน็ตเวิร์กกิ้งที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน สำหรับกรณีของระบบติดตามผู้ป่วย (patient monitoring systems) ในโรงพยาบาล พบว่า 61% ของการสำรวจประสบปัญหาด้านประสิทธิภาพและ 45% มีความกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของโซลูชันปัจจุบันที่ใช้อยู่ นอกจากนี้ เกือบ 70% ของบริษัทด้านสถาปัตยกรรมวิศวกรรม และการก่อสร้างไม่เชื่อว่าเทคโนโลยีที่พวกเขากำลังใช้อยู่ปลอดภัยเพียงพอ
“ปัจจุบัน ปลายทาง (the edge) คือพรมแดนใหม่สำหรับนวัตกรรม แพลตฟอร์มที่เราสร้างขึ้นร่วมกับเดลล์ เทคโนโลยีส์ และ SKT จะช่วยให้องค์กรในระดับเอนเทอร์ไพรซ์สามารถพัฒนา นวัตกรรมที่ปลายทาง (edge) ด้วยความเร็วเพื่อพร้อมนำเอาประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าตื่นเต้นมาสู่ลูกค้าขององค์กร” ลักษมี มันด์ยัม รองประธานฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์ส่วน Telco & Edge Cloud ของ VMware กล่าว “ทั้งนี้ Telco Cloud แพลตฟอร์มของเราสามารถสร้างรากฐานที่ต่อยอดขึ้นไปเพื่อให้สิ่งที่องค์กรธุรกิจสามารถให้บริการและนำเสนอบริการการประมวลผลที่ปลายทาง (edge services) บนคลาวด์ใด ๆ ก็ได้ด้วยความคล่องตัวและประสบการณ์ที่สอดคล้องกัน”
ด้วยระบบนิเวศคู่ค้าที่กว้างขวางและสายผลิตภัณฑ์ด้านการประมวลผล ตลอดจนสตอเรจและอุปกรณ์ด้านเน็ตเวิร์กกิ้งที่ครอบคลุม เดลล์ เทคโนโลยีส์ ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการด้านการสื่อสารชั้นนำ (CSPs) เพื่อออกแบบโซลูชันสำหรับแอปพลิเคชั่นของอุปกรณ์ปลายทาง (edge) และ เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ประโยชน์ของยอดมะพร้าว รสชาติหวานกรุบๆ ช่วยบำรุงกระดูกและฟันได้ดี
ประโยชน์ของยอดมะพร้าว รสชาติหวานกรุบๆ ช่วยบำรุงกระดูกและฟันได้ดี
ยอดมะพร้าวอ่อน เป็นผักสมุนไพรพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมในการนำมาทำเป็นอาหารมากขึ้น เนื่องจากยอดมะพร้าวจะมีรสชาติออกหวานนุ่มนิดๆ กรุบๆ สามารถนำมาทำเป็นอาหารได้หลายเมนู เช่น ยำ ผัด แกง ฯลฯ
ทั้งนี้ ยอดมะพร้าวอ่อน ให้ไขมันและพลังงานน้อย แต่ก็ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เพราะมีปริมาณฟอสฟอรัส และแคลเซียมอยู่พอสมควร จึงช่วยบำรุงกระดูกและฟัน สามารถป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ดีอีกด้วย ปัจจุบันนั้นยอดอ่อนของมะพร้าวนั้นมีราคาแพงมาก เนื่องจากการเก็บยอดอ่อนทำให้ต้นมะพร้าวตาย เพราะมะพร้าว 1 ต้น จะมียอดเพียง 1 ยอดเท่านั้น
คุณค่าอาหาร
ยอดมะพร้าวอ่อน 100 กรัม ให้พลังงาน 45 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย โปรตีน 2.0 กรัม ไขมัน 0.7 กรัม คาร์โบไฮเดรต 7.6 กรัม แคลเซียม 58 มิลลิกรัม ไนอะซิน 1.9 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 53 มิลลิกรัม น้ำ 88.5 กรัม วิตามินบี1 0.03 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.08 มิลลิกรัม วิตามินซี 6 มิลลิกรัม
สูตรทำแกงเขียวหวานหมูยอดมะพร้าว
ส่วนผสม
เนื้อหมู แล่บางชิ้นพอคำ 300 กรัม
น้ำพริกแกงเขียวหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 1ถ้วย
หางกะทิ 2 ถ้วย
น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
ยอดมะพร้าว หั่นเป็นแท่ง 200 กรัม
พริกชี้ฟ้าแดง หั่นแฉลบ 1 เม็ด
พริกชี้ฟ้าส้ม หั่นแฉลบ 1 เม็ด
ใบมะกรูด ฉีกใบ 3-4 ใบ
ใบโหระพา 1 หยิบมือ
ขั้นตอนทำ
เคี่ยวหัวกะทิด้วยไฟกลางจนแตกมัน
ใส่พริกแกงเขียวหวานลงไป
ใส่เนื้อหมูลงไป เร่งไฟแรง ผัดจนเข้ากัน
ใส่หางกะทิลงไปผัดให้เข้ากัน
พอเดือดปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา รอจนหมูนุ่มสุก
ใส่ยอดมะพร้าวลงไป
ใส่พริกชี้ฟ้าซอย และใบมะกรูดลงไป
ใส่โหระพาลงไป
ปิดเตา
ตักเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ
ประโยชน์เมนูแกงเขียวหวานหมูยอดมะพร้าว
ยอดมะพร้าวช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
เนื้อหมูช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย
กะทิช่วยบำรุงผิวพรรณให้ผ่องใส
พริกช่วยในการชะลอวัย
ใบมะกรูดช่วยขับลมในกะเพราะอาหาร
ใบโหระพาช่วยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ขอบคุณข้อมูลจาก yoophen.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 25,650.00 | 25,750.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,661.00 | 25,180.76 | 26,250.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,494.90 | 22,662.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,328.80 | 20,144.61 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 747.00 | 11,324.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 581.00 | 8,807.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,721.00 | 26,090.36 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 24/02/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 26.05 | 26.05 | 26.45 | 26.05 | 26.05 | 26.05 | 26.05 | 26.05 | 26.05 | 26.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 25.78 | 25.78 | 26.18 | 25.78 | 25.78 | 25.78 | 25.78 | 25.78 | 25.78 | 25.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 24.54 | 24.54 | 24.94 | 24.54 | 24.54 | – | 24.54 | 24.54 | 24.54 | 24.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.54 | 20.54 | – | – | – | – | – | – | – | 20.54 |
เบนซิน 95 | 33.46 | – | – | – | 33.91 | – | 33.96 | 33.46 | – | 33.46 |
ดีเซล B7 | 26.99 | 26.99 | 27.39 | 26.99 | 26.99 | 26.99 | 26.99 | 26.99 | 26.99 | 26.99 |
ดีเซล | 23.99 | 23.99 | 24.39 | 23.99 | 23.99 | 23.99 | 23.99 | 23.99 | 23.99 | 23.99 |
ดีเซล B20 | 23.74 | 23.74 | 24.34 | – | 23.74 | – | 23.74 | 23.74 | – | 23.74 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 31.44 | 31.46 | 33.84 | 32.84 | – | – | – | – | – | 31.44 |
แก๊ส NGV | 13.35 | 13.35 | – | – | – | – | – | – | – | 13.35 |