สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563

LPN บุกตลาดส่งท้ายปี เปิด 4 คอนโดฯ เริ่มต่ำล้าน

LPN เดินหน้าลงทุนใหม่ เปิดคอนโดฯใหม่ 4 โครงการ กว่า 3,700 ล้านบาท เจาะดีไซน์ – ราคาใหม่ เริ่มต่ำล้าน รับสภาวะเศรษฐกิจ

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน)(LPN) เปิดเผยว่า LPN มอบของขวัญปีใหม่ใหักับผู้ที่อยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง  ด้วยการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่พร้อมกันอีก 4 โครงการ มีมูลค่ารวมกันกว่า 3,700 ล้านบาท  โดยเริ่มเปิดขายเดือน พ.ย. นี้ ซึ่งทั้ง 4 โครงการมีจุดเด่นอยู่ที่ตัวทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพ เป็นแหล่งชุมชน การคมนาคมที่สะดวก และมีราคาที่ไม่แพงเริ่มต้นยูนิตละไม่ถึง 1 ล้านบาท ผ่อนดาวน์เริ่มต้นที่ 2,000 บาท ทำให้ลูกค้าที่อยากมีคอนโดมิเนียมเป็นของตัวเองสามารถจับต้องได้ ในราคาที่เอื้อมถึง (Affordable Price) โดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบห้องให้กับลูกค้าได้ในช่วงปลายปี 2564  

“เรามองว่า กำลังซื้อคอนโดมิเนียมในราคาระดับล้านต้นๆ ยังมีอยู่และมีความต้องการอีกพอสมควร จึงเป็นโอกาสของแอลพีเอ็นที่จะเดินหน้าโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับ 4 โครงการใหม่ ที่ลูกค้าจะได้รับส่วนลด 5% ของยอดเงินจองและเงินดาวน์ในกรณีที่ชำระรวมกันครั้งเดียว และหากลูกค้าลงทะเบียนออนไลน์ไว้ยังจะได้รับส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมอีกด้วย” นายโอภาส กล่าว 

นายโอภาส กล่าวว่า สำหรับตัวโครการใหม่ทั้ง 4 แห่งนี้ ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับผู้อยู่อาศัยในยุคใหม่ ทั้งในแง่เศรษฐกิจและวิถีชีวิตใหม่ มีพื้นที่ส่วนกลาง ส่วนพักผ่อนที่เหมาะสม การออกแบบตัวห้องพัก ที่ทำให้ดูโปร่งโล่งสบาย อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพิ่มความสว่างในตัวห้องด้วยแสงธรรมชาติ ทำให้ลดการใช้พลังงานลงได้  

ทั้งนี้ สำหรับโครงการใหม่ 4 โครงการ ประกอบด้วย  

1.) ลุมพินี ซีเล็คเต็ด จรัญ 65-สิรินธร สเตชั่น  ราคาเริ่มต้น 1.76 ล้านบาท ห้องขนาด 22.50 ตร.ม. เป็นอาคาร 8 ชั้น 3 อาคาร รวม 514 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,050 ล้านบาท ออกแบบภายใต้แนวคิด “บูทิค โฮเทล” การอยู่อาศัยที่ต้องการความเป็นส่วนตัวของทุกเพศทุกวัย ตั้งอยู่ต้นซอยจรัญสนิทวงศ์ 65 การเดินทางสะดวกสบาย เพียง 150 เมตร ถึงรถไฟฟ้า MRT สถานีสิรินธร ใกล้ถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ ถนนสิรินธร ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้าและ ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก  

2.) ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด สเตชั่น ราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท ห้องขนาด 22 ตร.ม. เป็นอาคารทรงสูง 21 ชั้น 1 อาคาร รวม 647 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,050 ล้านบาท ออกแบบภายใต้แนวคิด “การพักผ่อนเพื่ออยู่อาศัย” จับกลุ่มลูกค้าที่ทำงานย่านแจ้งวัฒนะ เพราะตั้งอยู่ติดถนนใหญ่แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 17  เยื้องเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู  

3.) ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ 10 ราคาเริ่มต้น 1.09 ล้านบาท ห้องขนาด 24 ตร.ม.เป็นอาคาร 8 ชั้น 2 อาคาร รวม 476 ยูนิต มูลค่าโครงการ 540 ล้านบาท ออกแบบภายใต้แนวคิด “การใช้ชีวิตอย่างพอดี” ด้วยขนาดห้องและราคาที่ไม่สูง ตั้งอยู่ในซอยแจ้งวัฒนะ 10 ใกล้กับสถานีหลักสี่ รถไฟฟ้าสายสีแดงและสถานีทีโอที สายสีชมพูที่จะเปิดให้บริการอนาคต จับกลุ่มลูกค้าที่ทำงานในย่านนั้น เช่น ศูนย์ราชการ

4.) ลุมพินี คอนโดทาวน์ เอกชัย 48 (เฟส1) ราคาเริ่มต้น 9.99 แสนบาท ห้องขนาด 24 ตร.ม. อาคาร 8 ชั้น 4 อาคาร รวม 1,085 ยูนิต มูลค่าโครงการ(เฟส1) 1,120 ล้านบาท ออกแบบภายใต้แนวคิด “ซิตี้คอนโด” ราคาต่ำล้าน ตอบโจทย์สำหรับทุกวัย  ตัวโครงการตั้งอยู่ใจกลางชุมชนโซนใต้ของกรุงเทพ ติดถนนใหญ่ สะดวกสบายต่อการเดินทาง จับกลุ่มคนในพื้นที่ ที่อยากเปลี่ยนชีวิต และเลือกคอนโดเป็นบ้านหลังแรกของชีวิต 

“สำหรับ ลุมพินี คอนโดทาวน์ เอกชัย 48 จะเป็นครั้งแรกที่เราทำคอนโดอยู่ในโซนที่มีบ้านพักอาศัยหนาแน่น และบริเวณนั้นก็ยังไม่มีคอนโด ยังไม่มีหมู่บ้านใหม่เกิดขึ้น  และเราก็ไม่ได้ทำคอนโดราคาแพง เริ่มต้นขายที่ 9.9 แสนบาทเท่านั้น คาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ” นายโอภาส กล่าว   

ทั้งนี้ นอกจากบริษัทจะมีจุดแข็งด้านการบริหารหลังการขายภายใต้กลยุทธ์ “ชุมชนน่าอยู่” แล้ว ยังได้ปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ใหม่ ภายใต้แนวคิด “ความพอดี ที่ดีกว่า” เพื่อตอกย้ำปรัชญาการสร้างบ้านในแบบของ LPN คือ การสร้างบ้านที่พอดีกับชีวิตจริง สร้างคุณค่าของผลิตภัณฑ์และบริการในทุกโครงการ เพื่อให้ทุกพื้นที่ของ “ลุมพินี” สามารถสร้าง “ความสุขที่แท้จริงของการอยู่อาศัย”ให้กับคนทุกเพศ ทุกวัยได้อย่างยั่งยืน 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สิงห์ เอสเตท เทขาย “หุ้นเนอวานาฯ” ปลดล็อค พัฒนาแนวราบเอง

สิงห์ เอสเตท รุกต่อธุรกิจที่พักอาศัยแนวราบ เทขายหุ้น เนอวานา ไดอิ ปลดล็อคเดินเครื่องขยายธุรกิจเอง หลังมั่นใจดีมานด์แข็งแกร่งท่ามกลางวิกฤติ ตลาดกลับเติบโตต่อเนื่อง

23 พ.ย.2563 – นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” กล่าวว่า มาตรการล็อคดาวน์ในหลายประเทศทั่วโลกเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19  ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ จนลุกลามเป็นวิกฤติทางเศรษฐกิจทั่วโลกในที่สุด อย่างไรก็ดี ยอดขายสะสมโครงการบ้านเดี่ยว และทาว์นเฮาส์ 9 เดือนแรกของผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตได้ถึง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับการหดตัวของผลการดำเนินงานในหลายธุรกิจ ตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของธุรกิจที่พักอาศัยแนวราบที่ยังเติบโตได้ท่ามกลางวิกฤติ ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินธุรกิจนี้ส่วนใหญ่ของ S เป็นการดำเนินธุรกิจผ่านการถือหุ้น 51.56% ในบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ “NVD”

คณะกรรมการบริษัทมีมติในวันที่ 14 สิงหาคม 2563 ให้บริษัทลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างบริษัทและกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน NVD เพื่อศึกษารายละเอียดและความเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นที่ทั้งสองฝ่ายถืออยู่ใน NVD โดยคู่สัญญาได้ดำเนินการตามเงื่อนไขของ MOU และได้ข้อสรุปในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ว่า สิงห์ เอสเตทจะเป็นผู้ขายหุ้นสามัญใน NVD จำนวน 711,855,320 หุ้น คิดเป็น 51.56% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ NVD คิดเป็นเงินจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,793,875,406.40 บาท ให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ NVD และคาดว่าจะทำการซื้อขายหุ้นดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2563  โดยภายหลังจากการซื้อขายหุ้นสามัญใน NVD ดังกล่าวแล้ว NVD จะสิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ส่งผลให้ สิงห์ เอสเตท สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทเองโดยปราศจากเงื่อนไขป้องกันการดำเนินธุรกิจทับซ้อนระหว่างบริษัท และ NVD ที่ได้เคยกำหนดไว้

ทั้งนี้ สิงห์ เอสเตท เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรี โครงการที่อยู่อาศัยในปัจจุบันประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม 4 แห่ง ได้แก่ โครงการ ดิ เอส อโศก, ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์, ดิ เอส สุขุมวิท 36 และ ดิ เอ็กซ์โทร ตลอดจนโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคา 250 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส และยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายพอร์ตการลงทุนในธุรกิจที่พักอาศัย การขายหุ้น NVD ในครั้งนี้ช่วยปลดล็อคให้ สิงห์ เอสเตท สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพของบริษัทได้อย่างเต็มตัว เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ปัจจุบันอย่าง ดิ เอส และ โครงการ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการมีสัดส่วนรายได้จากที่อยู่อาศัยแนวราบต่อแนวสูงที่ระดับ 60:40 และหนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของพอร์ตธุรกิจที่อยู่อาศัยของบริษัท

“การขายหุ้นใน NVD เพื่อปลดล็อคข้อจำกัดบางประการในการพัฒนาธุรกิจของบริษัท นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจที่พักอาศัยให้ครอบคลุมทั้งในด้านของสินค้าและเซกเมนท์ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการกระจุกตัวของกลุ่มลูกค้า ความผันผวนจากสภาวะตลาด และผลกระทบทางเศรษฐกิจ ตลอดจนเสริมสร้างการเติบโตของบริษัทที่ยั่งยืน และส่งมอบผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว”


กูรูทิสโก้คาดปี 64 ศก.-ดอกเบี้ยโลกขาขึ้น

กูรูทิสโก้คาดปี 64 ศก.-ดอกเบี้ยโลกขาขึ้น
กูรูทิสโก้คาด ปี 64 เศรษฐกิจ – ดอกเบี้ยโลกปรับขึ้นรับวัคซีน COVID

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า ในปี 2563 ที่กำลังจะผ่านไปเป็นปีของหุ้นเทคโนโลยีอย่างแท้จริง เพราะถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะหดตัวอย่างรุนแรงจากผลกระทบของ COVID-19 แต่ราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (Tech) กลับพุ่งขึ้นอย่างมาก โดยนับตั้งแต่ต้นปีหุ้นโทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Amazon, Amazon และ Netflix ได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 50% ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) ปรับตัวขึ้นมาเพียง 10% ซึ่งหมายความว่าในปีนี้หุ้นส่วนใหญ่ในตลาดแทบไม่ปรับตัวขึ้นเลยในปีนี้

“คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยหุ้นเหล่านี้นอกจากจะไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบจาก COVID-19 แล้ว ยังได้อานิสงส์จากการเร่งให้เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคให้หันมาใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันและการทำงานมากขึ้น ทั้งการซื้อขายออนไลน์ บริการความบันเทิงผ่านเทคโนโลยีสตรีมมิ่ง รวมถึงเทคโนโลยีที่ช่วยในการทำงานทางไกลแบบ Work from Home ซึ่งทำให้กิจการเหล่านี้มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นในระยะยาว” นายคมศรกล่าว

ทั้งนี้ นอกการเปลี่ยพฤติกรรมของผู้บริโภคซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันราคาหุ้นแล้ว อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอย่างรวดเร็วท่ามกลางการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก ก็เป็นอีกปัจจัยบวกต่อราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอีกด้วย เนื่องจากตามหลักการการคำนวณมูลค่าโดยวิธีการคิดลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow (DCF) ทำให้การลดลงของดอกเบี้ยส่งผลบวกต่อหุ้นที่มีการเติบโตของกระแสเงินสดในอนาคตสูง เนื่องจากอัตราคิดลดที่ลดลงจะส่งผลให้กระแสเงินสดในอนาคตมีมูลค่าสูงขึ้น
ซึ่งหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหุ้นที่นักลงทุนมองถึงการเติบโตของกำไรในระยะยาว ไม่ถูกกระทบมากนักจากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ดังนั้น การลดลงของดอกเบี้ยทำให้มูลค่าปัจจุบัน (Present Value) ของกระแสเงินสดในอนาคตเพิ่มขึ้น จึงทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ มีราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากมูลค่า (Valuation) ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับในอดีต ในขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นๆ กลับเทรดที่ Valuation ที่ต่ำลง

อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนที่จะเปลี่ยนไปในปีหน้า อาจทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีไม่ได้เป็นผู้นำตลาดขึ้นอีกต่อไป โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่าในปีหน้า อัตราดอกเบี้ย (Bond yield) ในตลาดจะกลับมาเป็นขาขึ้น ตามการฟื้นตัวของตัวเลขเศรษฐกิจ และความชัดเจนจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ รวมทั้งข่าวดีจากการค้นพบวัคซีนป้องกัน COVID -19 ได้สำเร็จ ซึ่งจะเริ่มแจกจ่ายในปีหน้า

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stocks) ที่ราคาเคลื่อนไหวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (Industrials), สินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) และสินค้าวัสดุ (Materials) นอกจากนี้ Valuation ของหุ้นเหล่านี้ที่ยังถูกกว่าเมื่อเทียบกับตลาดโดยรวม ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนให้หุ้นเหล่านี้กลับมาให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก COVID-19 (Tech, Healthcare) และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำ (Consumer staples และ Utilities) ที่นำตลาดขึ้นในปีนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


เจอกันซิโก้ “โฮจิมินห์” ปิดดีล “มาโน” ด้วยสัญญา 2 ปี รับทรัพย์อื้อซ่า

“โฮจิมินห์ ซิตี้” ปิดดีลคว้าตัว “มาโน โพลกิง” อดีตกุนซือ “ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด” มากุมบังเหียนเป็นระยะเวลา 2 ปี ฟาดค่าเหนื่อยอื้อซ่า

วันที่ 22 พ.ย. 63 โฮจิมินห์ ซิตี้ ปิดดีลคว้าตัว มาโน โพลกิง อดีตกุนซือ “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำจาก โตโยต้า ไทยลีก มาคุมทีมเป็นระยะเวลา 2 ปี พร้อมรับค่าเหนื่อยอื้อซ่าเดือนละ 1 ล้านบาทเลยทีเดียว จากการรายงารของ เพจ บี บางปะกง – Bebangpakong ที่อ้างอิงมาจาก “แจ๊คกี้” ไตรสิทธิ์ ทองแดง เอเย่นต์คนดังแห่งศึกวีลีก เวียดนาม

พร้อมกันนี้เอเย่นต์ชาวไทยยังเปิดเผยอีกด้วยว่า นอกจาก มาโน โพลกิง แล้วทาง โฮจิมินห์ ซิตี้ ยังมีแผนที่จะดึงตัวนักเตะดีกรีทีมชาติไทยไปค้าแข้งในซีซั่นใหม่ 2021 ด้วย ซึ่งน่าจะทำให้บรรยากาศของวีลีกกลับมาคึกคักเหมือนกับเมื่อ 10 กว่าปีก่อนที่มีผู้เล่นไทยไปเล่นที่นั่นหลายคน

นอกจากนี้ยังจะมีเกมบิ๊กแมตช์ที่น่าจะอยู่ในความสนใจของคนไทยไม่น้อยในเกมที่ โฮจิมินห์ ซิตี้ จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ฮองอันห์ ยาลาย ที่กำลังจะได้ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอน “ช้างศึก” ทีมชาติไทย และ “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี ไปคุมทัพ.

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


ตับแข็ง เบาหวาน 7 ปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือด คร่าชีวิต

“ติดเชื้อในกระแสเลือด” (Septicemia) หลายคนคงเคยได้ยินคำนี้บ่อยๆ หลังคร่าชีวิตคนดังหลายคน อาทิ สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ นักแสดงอาวุโส ผู้กำกับฯ นักพากย์ ศิลปินแห่งชาติ, อัญชลี ไชยศิรินาธาน โอมานนายโสภณ พัชรวีระพงษ์ คุณพ่อของนักแสดงสาว แตงโม นิดา ล่าสุดเสี่ยเต้ย อดีตสามีของเจ๊อ๋อที่เคยถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลมูลค่ากว่า 90 ล้าน ก็เสียชีวิตกะทันหันในวัย 40 หลังมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ⁣

การติดเชื้อในกระแสเลือดมีโอกาสหายหรือไม่ เกิดขึ้นได้อย่างไร คนที่ป่วยโรคอะไรมีความเสี่ยง มีวิธีการป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือดหรือไม่ วันนี้มีคำตอบจาก นพ.ชวลิต หล้าคำมี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา มาฝากกันค่ะ

: การติดเชื้อในกระแสเลือดเกิดจากอะไร :

นพ.ชวลิต อธิบายว่า การติดเชื้อในกระแสเลือด คือ ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ผ่านทางผิวหนัง ทางเดินหายใจ ทางเดินปัสสาวะ ทางเดินอาหาร หรือทางบาดแผล แล้วลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดที่ทำหน้าที่ไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะทั่วร่างกาย ทำให้อวัยวะส่วนนั้นๆ อักเสบติดเชื้อ

หากภูมิคุ้มกันไม่ดี รักษาไม่ทันท่วงที อาจทำให้เกิดภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลันจนช็อก และอวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลวจนเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือด ต่อมหมวกไตล้มเหลวจนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

: 7 ปัจจัยเสี่ยง เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด :

ปัจจัยที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด ดังนี้   

1.ปัญหาสุขภาพทั่วไปจากการเจ็บป่วย เพราะร่างกายอ่อนแอและภูมิต้านทานต่ำ ทำให้ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น โรคเกี่ยวกับการติดเชื้อในปอด เช่น ปอดบวม ติดเชื้อที่ไต โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ
2.ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับแข็ง โรคเบาหวาน
3.ผู้ถูกไฟลวก หรือได้รับบาดเจ็บจนเกิดแผลขนาดใหญ่
4.ผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) หรือผู้ป่วยลูคีเมีย
5.ภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในโรงพยาบาล จากการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ผ่าตัดหรือรักษาผู้ป่วยเพราะเชื้อแบคทีเรียอาจต้านฤทธิ์ยาปฏิชีวนะ เช่น ผู้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ผู้ต้องสวนปัสสาวะ หรือถูกสอดท่อเข้าไปในหลอดเลือดดำ
6.เด็กทารก และผู้สูงอายุ
7.ผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือฉีดสเตียรอยด์

: 8 อาการเบื้องต้น ติดเชื้อในกระแสเลือด :

การติดเชื้อในกระแสเลือดเป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในผู้ป่วยโรคใดโรคหนึ่ง เมื่อร่างกายติดเชื้อ และเชื้อลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด โดยมากผู้ใหญ่จะมีอาการเบื้องต้น ดังนี้

1.ชีพจรเต้นเร็วขึ้นเกิน 90 ครั้งต่อนาที
2.หายใจเร็วขึ้นเกิน 20 ครั้งต่อนาที
3.ไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส 
4.หนาวสั่น
5.มือและเท้าเย็นมาก
6.ไอและเจ็บหน้าอกเมื่อหายใจ เพราะติดเชื้อที่ปอดหรือเยื่อหุ้มปอด 
7.หากเกิดการติดเชื้อที่กรวยไต จะปวดหลังและปัสสาวะบ่อย
8.เกิดรอย หรือตุ่มหนอง เพราะพิษของเชื้อโรคกระจายสู่บริเวณผิวหนัง

: 6 อาการรุนแรง เสี่ยงต่อชีวิต :

ทั้งนี้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที จะเกิดอาการกำเริบรุนแรง ดังนี้

1.ปัสสาวะน้อยลง

2.คลื่นไส้และอาเจียน

3.รู้สึกตัวน้อยลง

4.รู้สึกสับสน และคิดอะไรไม่ออก

5.ผิวหนังอาจเกิดจุด หรือแดง หากปล่อยทิ้งไว้ ผื่นจะลุกลามใหญ่ขึ้นเหมือนรอยช้ำ และแผ่ขยายใหญ่เป็นบริเวณกว้าง

6.เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะไม่เพียงพอ นำไปสู่ภาวะช็อก

สำหรับเด็กที่ติดเชื้อในกระแสเลือดนั้น มักแสดงอาการไม่ชัดเจนเหมือนผู้ใหญ่ โดยมากจะเริ่มมีอาการตัวเย็นมาก, สีผิวซีดหรือออกเขียวและเกิดจุดเป็นหย่อมๆ, เมื่อกดผื่นบนผิวหนังแล้ว ผื่นไม่ยอมหายไปตามรอยกด, หายใจถี่กว่าปกติ, เหนื่อยง่าย, เซื่องซึม รวมถึงปลุกให้ตื่นยาก

: การรักษาอาการติดเชื้อในกระแสเลือด :

ในการรักษาตามทางการแพทย์ เนื่องด้วยการติดเชื้อในกระแสเลือดเป็นภาวะฉุกเฉิน แพทย์ไม่สามารถระบุประเภทของเชื้อได้อย่างเฉพาะเจาะจงในเวลาอันสั้น เพราะปกติต้องใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน เพื่อทราบผลการวินิจฉัยจากการตรวจด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการและความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละคน อาทิ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจสารคัดหลั่งจากบาดแผล ตรวจน้ำมูกหรือเสมหะ ตรวจด้วยภาพสแกน เช่น เอกซเรย์ อัลตราซาวนด์ ซีทีสแกน เอ็มอาร์ไอ

หลังแพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นจากลักษณะและอาการของผู้ป่วยแล้ว จะฉีดยาปฏิชีวนะเข้าหลอดเลือดดำ ซึ่งมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียครอบคลุมหลายประเภทไว้ก่อน หลังรับยา 1-2 ชั่วโมง หากผู้ป่วยได้รับยารักษาตรงกับเชื้อ ก็มีโอกาสรอดชีวิตสูงมากขึ้น 

ตรงกันข้าม หากได้รับยาที่ไม่ตรงกับเชื้อ หรือได้รับยาช้าเกินไป ก็มีโอกาสเสี่ยงเสียชีวิตมากขึ้นเช่นกัน โดยแพทย์จะให้การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ จากนั้นเมื่อได้ผลตรวจวินิจฉัยแล้ว ก็รักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะแบบเม็ด หรือวิธีอื่นๆ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการในผู้ป่วยแต่ละราย

: 9 วิธีการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อในกระแสเลือด :

เมื่อรู้จักภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดแล้ว สำหรับวิธีป้องกันไม่ให้ติดเชื้อในกระแสเลือดควรปฏิบัติดังนี้

1.รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ
2.งดสูบบุหรี่
3.เลี่ยงใช้สารเสพติด
4.พ่อ แม่ พาลูกไปรับวัคซีนให้ครบอย่างสม่ำเสมอ
5.ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือด เช่น เบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาลให้ดี 
6.ยึดหลักสุขอนามัย กินร้อนช้อนกลาง หมั่นล้างมือ
7.ระวังการอยู่ใกล้ผู้ป่วยโรคต่างๆ
8.หลีกเลี่ยงไปยังสถานที่แออัด การถ่ายเทอากาศไม่ดี หรือที่ที่มีเชื้อโรค
9.หากพบความผิดปกติใดๆ ของร่างกายที่ไม่เคยเป็นมาก่อนให้รีบพบแพทย์ เช่น ไข้สูง หนาวสั่น ซึม หายใจเร็วผิดปกติ.

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


ฟังไม่ทัน!? การขอให้พูดอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษ

repeat it again

หลาย ๆ คนคงประสบปัญหาฟังไม่ทัน เมื่อเริ่มสนทนากับชาวต่างชาติ แล้วเราจะมีวิธีการพูดอย่างไรบ้าง วันนี้ครูณิชารวบรวมประโยคในการขอให้เขาพูดอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษฝากกันค่ะ

สำหรับใครที่มีเพื่อนชาวต่างชาติ หรือเริ่มสนทนากับชาวต่างชาติ ปัญหาที่ประสบพบเจอบ่อย ๆ ก็คือฟังไม่ทัน ฟังไม่ชัด ครูณิชานำประโยคขอให้เขาพูดอีกครั้งมาฝาก มีประโยคใดบ้างไปดูกันเลย

ประโยคบอกให้เขาพูดใหม่ พูดอีกครั้ง เป็นภาษาอังกฤษ

Would you mind repeating that?
จะเป็นอะไรมั้ยถ้าให้คุณ(พูด)ซ้ำอีกครั้ง

Excuse me?
ขอโทษนะคะ?

Pardon (me)?
อะไรนะคะ

Sorry?
ขอโทษนะคะ

Come again?
พูดอีกครั้งสิคะ?

I beg your pardon?
ขออภัยนะคะ?

Could you repeat that, please?
ช่วยพูดซ้ำอีกทีได้มั้ยคะ?

Could you say that again, please?
ช่วยพูดอีกครั้งได้มั้ยคะ

I didn’t catch what you said.
ฉันฟังที่คุณพูดไม่ทันค่ะ

Sorry, I can’t understand what you are saying.
ขอโทษนะคะ ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่คุณกำลังพูดอยู่ค่ะ?

What was that?
นั่นคืออะไรคะ? (สิ่งที่คุณพูดไปแล้วคืออะไรนะคะ?)

I didn’t get that…

Can you say it in another way, please?

I’m sorry?

Sorry, I didn’t catch that.
ขอโทษนะคะ ฉันจับใจความนั้นไม่ได้ (ฉันฟังไม่ทัน)

Did you just say ______?
เมื่อครู่นี้คุณเพิ่งจะพูดว่า…. ใช่มั้ยคะ

Sorry, I still didn’t hear you.
ขอโทษนะคะ ฉันยังไม่ได้ยินเสียงคุณเลยค่ะ

Speak louder, please?
กรุณาพูดดังขึ้นได้มั้ยคะ

Sorry, I don’t know that word. What does it mean?
ขอโทษนะคะฉันไม่รู้จักคำนั้นเลย แปลว่าอะไรนะคะ

Sorry, could you speak more slowly, please?
ขอโทษนะคะ กรุณาพูดช้าอีกนิดนึงได้มั้ยคะ?

Could you tell me what it means?
บอกฉันได้มั้ยคะมันหมายถึงอะไร?

Sorry, I don’t follow you.
ขอโทษนะคะ ฉันตามคุณไม่ทัน

I’m lost.
ฉันไม่ทันค่ะ (หลงในที่นี้คือตามไม่ทัน ฟังไม่ทัน)

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


‘เอไอเอส’ เตือนภัย!! หลอกใช้บัตรประชาชนซื้อมือถือราคาพิเศษ

‘เอไอเอส’ เตือนภัย!! ระวังถูกหลอกใช้บัตรประชาชนซื้อมือถือราคาพิเศษ แล้วนำไปขายต่อ ชี้ผู้ซื้อเครื่องต่อ เข้าข่ายรับซื้อของโจร

     เอไอเอส เตือนภัยขบวนการหลอกใช้บัตรประชาชนซื้อเครื่องโทรศัพท์พร้อมแพ็กเกจ ในราคาพิเศษ จากค่ายมือถือ ซึ่งในเงื่อนไขจะต้องมีการเปิดเบอร์และใช้งานกับเครื่องที่ซื้อมา พร้อมชำระเงินต่อเนื่องตามระยะเวลาที่กำหนด  แต่เหยื่อกลับเอาเครื่องไปให้คนร้ายขายต่อแลกกับค่าตอบแทน โดยไม่ชำระค่าบริการ ท้ายที่สุดคนร้ายปล่อยให้เหยื่อถูกฟ้องร้องจากบริษัทฯเพราะผิดเงื่อนไขตามสัญญา นอกจากนั้นสำหรับผู้ที่ซื้อเครื่องต่อจากคนร้าย เสี่ยงเข้าข่ายรับซื้อของโจรด้วยเช่นกัน

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส กล่าวว่าปัจจุบันมีการเกิดขึ้นของอาชญากรรมดังกรณีข้างต้นเป็นจำนวนมาก โดยพบว่ามีทั้งกลุ่มที่โดนหลอกลวง และกลุ่มที่จงใจใช้บัตรประชาชนซื้อเครื่องโทรศัพท์มือถือพร้อมแพ็กเกจจากนั้นนำเครื่องโทรศัพท์ไปแยกขายต่อ โดยไม่มีการชำระค่าบริการตามเงื่อนไขในสัญญาซึ่งบริษัทกังวลถึงผลกระทบที่กำลังเกิดขึ้นในภาพรวมและอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นปริมาณของประชาชนที่ถูกดำเนินคดีฉ้อโกงที่เพิ่มขึ้น รวมถึง ความเสี่ยงของผู้ที่ซื้อเครื่องต่อโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่อาจจะเข้าข่ายรับซื้อของโจรด้วย

ดังนั้นจึงอยากขอแจ้งเตือนผู้ที่อาจหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของการกระทำ หรือ จงใจกระทำการดังกล่าวข้างต้นว่า การก่อเหตุในลักษณะนี้ เจ้าของบัตรประชาชนที่ทำสัญญาซื้อเครื่องโทรศัพท์พร้อมแพ็กเกจจะมีความผิด โดยมีบทลงโทษฐานฉ้อโกง มาตรา ๓๔๑ โทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือ ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ รวมไปถึงการมีชื่อติด Black List ในระบบ ส่งผลให้ในอนาคตจะมีปัญหาในการทำธุรกรรมกับค่ายมือถือ ซึ่งปัจจุบันมีระบบตรวจสอบอย่างเข้มข้น อีกทั้งในส่วนของผู้ที่รับซื้อเครื่องต่อไป จะเข้าข่ายความผิดฐานรับของโจร มาตรา ๓๕๗ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ทั้งนี้ในส่วนของบริษัทจำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นสูงสุดกับผู้กระทำผิดทุกรายโดยไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้น จึงขอเน้นย้ำไปยังทุกท่านว่า อย่าหลงเชื่อ และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลไปดำเนินการอย่างไม่ถูกต้อง อีกทั้งท่านที่จะซื้อโทรศัพท์มือถือ ก็ขอให้ตรวจสอบแหล่งที่มาให้ดี เพราะอาจมีความเสี่ยงทั้งคุณภาพของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีการรับประกันและผิดกฎหมายอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ชะพลู งานวิจัยและสรรพคุณ 17ข้อ

ชื่อสมุนไพร ชะพลู (ช้าพลู)
ชื่ออื่นๆ ผักปูนก (ลำปาง), ช้าพลู (ภาคกลาง) ชะพลูเถา เฌอภลู (สุรินทร์) ผักปูนา ผักปูลิง ผักปูริง ปูลิงนก ผักพลูนก ผักอีไร ผักอีเลิศ (ภาคอีสาน) พลูลิง (ภาคเหนือ) เย่เท้ย (แม่ฮ่องสอน) พลูนก ผักปูนก (พายัพ) พลูลิงนก (เชียงใหม่) นมวา (ใต้) ปู้,ปู๊ (ไทยใหญ่)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Piper samentosum Roxb.
ชื่อวงศ์
 PIPERACEAE

ถิ่นกำเนิดชะพลู

ชะพลูมีถิ่นกำเนิดที่หมู่เกาะมาเลย์ และหมู่เกาะชวา ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่ค้าขายเครื่องเทศในอดีต เมื่อมีการติดต่อซื้อขายเครื่องเทศ จึงแพร่กระจายสู่พื้นที่ใกล้เคียงต่างๆ ที่มีสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการขยายพันธุ์ชะพลู

ประโยชน์และสรรพคุณชะพลู

  1. สามารถช่วยเจริญอาหาร
  2. ช่วยขับเสมหะ ทำเสมหะให้งวด
  3. ทำให้เลือดลมซ่าน
  4. แก้ธาตุพิการ
  5. รักษาโรคเบาหวาน
  6. ช่วยทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตดี 
  7. แก้ศอเสมหะ ทำให้เสมหะแห้ง
  8. ช่วยย่อยอาหาร
  9. ช่วยขับลมในลำไส้
  10. ช่วยขับเสมหะให้ตกทางทวารหนัก
  11. ช่วยบำรุงธาตุ
  12. แก้เบาเหลือง ขัดเบา ปวดเอ็น
  13. แก้ปวดท้องแน่นจุกเสียด แก้ไข้ดีซ่าน ดีกระตุก บำรุงน้ำดี
  14. รักษาโรคบิด
  15. ยับยั้งการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดการบีบตัวของลำไส้เล็ก
  16. ช่วยในการขับเสมหะทางอุจจาระ
  17. ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน และช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน 

             ด้านการใช้เป็นอาหาร ใบชะพลูมีรสหวาน เย็น และกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ จึงนิยมนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู บทบาทของชะพลูในจานอาหารครัวเรือนพื้นบ้านมีมากมาย เริ่มตั้งแต่เป็นผักสดที่นิยมกินกับอาหารรสแซบทั้งหลาย เช่น ลาบ ก้อย น้ำตก เนื้อย่าง ปลาย่าง ตลอดจนน้ำพริกต่างๆ ช้าพลูเป็นเครื่องปรุงที่ขาดไม่ได้ในอาหารจานพื้นบ้านต่างๆ แกงแคของภาคเหนือซึ่งถึงกับเรียกใบชะพลูว่า”ใบผักแค” เลยทีเดียว หรือไม่ก็เป็นเพราะใช้ใบชะพลูเป็นเครื่องปรุงเฉพาะตัว จึงเรียกแกงนั้นว่าแกงแค เป็นไปได้อย่างเดียวกัน ส่วนภาคอีสารนิยมใส่ในแกงอ่อมต่างๆ แกงขนุนอ่อน แกงหัวปลี ภาคใต้ใช้แกงกะทิใบชะพลูกับหอยแครง ส่วนภาคกลางนิยมใส่แกงคั่วหอยขม นิยมนำมากินร่วมกับข้าวมันส้มตำ ชนิดที่เรียกว่าถ้าขาดใบชะพลู รสชาติของข้าวมันส้มตำก็อร่อยไปเลย รสชาติใบชะพลูขณะที่กัดและเคี้ยวกินจะมีกลิ่นหอมในปาก รสจัด เคี้ยวนานๆ จะได้รสเผ็ดอ่อนๆ ใบชะพลูขนาดกำลังอร่อยจะต้องเป็นใบที่ไม่อ่อนและไม่แก่จนเกินไป ใบจึงจะนุ่ม หอม และเผ็ดกำลังดี อย่างไรก็ตาม ใบชะพลูกินได้ทุกขนาดอายุของมัน แม้แก่มากก็กินได้ เพราะเส้นใยไม่ถึงกับเหนียวจนกัดไม่ขาด เพียงแต่ใบจะหยาบสักนิด และกลิ่นจะฉุดเล็กน้อย ในใบชะพลูมีสารบีตา-แคโรทีนสูงมาก ใบนำมารับประทานกับเมี่ยงคำ นำมาแกงใส่กะทิ ข้าวยำ ห่อหมก หรือเป็นผักจิ้มน้ำพริก ทางภาคใต้ใส่ในแกงกะทิหอยขม แกงคั่วปูในจังหวัดจันทบุรีใส่ในแกงป่าปลา 

ชะพูล

• คุณค่าทางอาหาร (ในน้ำหนักแห้ง 100 กรัม)
– พลังงาน 101.00 กิโลแคลอรี่
– โปรตีน 5.40 กรัม
– ไขมัน 2.50 กรัม
– คาร์โบไฮเดรต 14.20 กรัม
– แคลเซียม 298.00 มิลลิกรัม
– ฟอสฟอรัส 30.00 มิลลิกรัม
– เหล็ก 4.63 กรัม
– วิตามินบี1 0.09 กรัม
– วิตามินบี2 0.23 กรัม
– ไนอาซีน 3.40 กรัม
– วิตามินซี 22.00 กรัม
– เบต้า แคโรทีน 414.45 ไมโครกรัม
– ใยอาหาร 6.90 กรัม

รูปแบบและขนาดวิธีใช้ วิธีใช้ชะพลูตามภูมิปัญญาไทย

• แก้เบาหวาน เอาต้นชะพลู ทั้ง 5 (เอาทั้งต้นตลอกถึงราก) มา 1 กำมือ พับเป็น 3 ทบใช้ ตอกไม้ไผ่มัดเป็น 3 เปราะ ใส่หม้อดินต้มกับน้ำ 3 ขัน เคี่ยวเหลือ 1 ขัน รับประทานครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร ได้ผลชะงัดหรือจะเอาใบชะพลูทั้งต้นและใบ 9 ต้น ล้างน้ำให้สะอาด ใส่ในภาชนะพร้อมด้วยน้ำ 2 ถ้วยแก้ว ต้มเคี่ยวให้เหลือครึ่งถ้วยแก้ว รับประทานให้หมดก่อนอาหารเย็น โดยรับประทาน 15 วันต่อครั้ง เมื่อรับประทานไปได้ 2 ครั้ง ภายใน 30 วันแล้ว ลองไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์กรวดน้ำปัสสาวะ หากปกติให้หยุด ถ้ายังมีน้ำตาลในปัสสาวะให้ต้มรับประทานต่อ
• ยาแก้โรคถ่ายปัสสาวะบ่อยๆ เอาเปลือกหอยแครง 7 ฝา (เผาไฟให้เป็นขี้เถ้า) กับต้นชะพลูทั้ง 5 นำมาย่างไฟให้กรอบ ตำผสม กันให้ละเอียด ใช้ชงกับน้ำร้อน รับประทานต่างน้ำชามีสรรพคุณแก้โรคถ่ายปัสสาวะบ่อยๆได้ผลชะงัด 
• แก้ขัดเบา เอาต้นแจงทั้ง 5 หนัก 3 ตำลึง ช้าพลู หนัก 3 ตำลึง แก่น ไม้สัก 3 ตำลึง ตัวยาทั้ง3 นี้ ใส่หม้อดิน กับน้ำ 3 ส่วน ต้มเคี่ยว ให้เหลือ 1 ส่วน ใช้น้ำยารับประทาน เช้า-เย็น แก้ขัดเบาได้ผลชะงัก 
• เจริญอาหาร บำรุงธาตุ ขับเสมหะ นำใบชะพลูมาจิ้มน้ำพริก หรือกะปิหลน น้ำพริกปลาป่น หรือจะนำใบชะพลูมาทำเมี่ยงคำ ทานวันละ อย่างน้อย ๗ ใบ ทุกวัน จะทำให้ธาตุปกติ เจริญอาหาร ขับเสมหะได้ดี 
• แก้โรคเส้นเลือดในร่างกายแข็ง ซึ่งโรคดัง 18 กล่าวมีคนเป็นกันมาก เมื่อเป็นแล้วทำให้เลือดที่จะไปหล่อเลี้ยงหัวใจและสมองมีปัญหา ก่อให้ เกิดอาการเส้นโลหิตแตกหรือหัก เสียชีวิตได้ โดยเอา “ชะพลู” ทั้งต้นรวมราก จำนวน 3 ต้น ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ตักดื่มครั้งละครึ่งแก้ว เช้าเย็น ดื่มจนตัวยาจืดแล้วเปลี่ยนยาใหม่ ดื่มให้ครบ 15 วัน จึงหยุด จากนั้นไปให้แพทย์ตรวจดู จะพบว่าอาการที่เป็นจะหายไป โดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ 
• แก้ท้องอืดเฟ้อ ขับลม ใช้ราก 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 1/2 ถ้วยแก้ว รับประประทานครั้งละ 1/2 ถ้วยแก้ว
• แก้บิด ใช้รากครึ่งกำมือ ผล 2-3 หยิบมือ ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว รับประทานครั้งละ 1/4 ถ้วยแก้ว
ลักษณะทั่วไปชะพลู

• ลำต้นชะพลู ลำต้นมีลักษณะตั่งตรง สูงประมาณ 30-50 ซม. สีเขียวเข้ม มีข้อเป็นปม แตกกอออกเป็นพุ่ม เติบโตได้ดีในพื้นที่ดินชุ่ม
• ใบชะพลู ใบมีสีเขียวสดถึงเขียวแก่ ก้านใบยาว 1-3 ซม. ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยว คล้ายรูปหัวใจ ใบกว้าง 5-10 เซนติเมตร ยาว 7-15 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบเว้า ผิวมันออกมัน แทงใบออก 2 ใบตรงข้ามกัน มีเส้นใบประมาณ 7 เส้น แทงออกจากฐานใบ
• ดอกชะพลู ดอกเป็นช่อ ทรงกระบอก ชูตั้งขึ้น ดอกอ่อนมีสีขาว เมื่อแก่จะออกสีเขียว รูปทรงกระบอก แทงดอกบริเวณปลายยอด และช่อใบ ก้านช่อดอกยาวประมาณ 1.5 ซม. ดอกเป็นดอกแยกเพศ
• ผลชะพลู ผลเจริญบนช่อดอก มีลักษณะเป็นผลสีเขียว ผิวมัน มีลักษณะกลมเล็กฝังตัวในช่อดอกหลายเมล็ด มักออกดอกมากในฤดูฝน

ชะพูล

การขยายพันธุ์ชะพลู

ชะพลูเป็นพืชที่เติบโตได้ดีในทุกสภาพดิน ชอบดินร่วนซุย มีอินทรียวัตถุมาก และมีความชุ่มชื้น ชอบแสงรำไร จึงมักพบชะพลูโตดีในพื้นที่ชื้น มีร่มเงา โดยเฉพาะบริเวณใต้ร่มไม้ ชะพลูสามารถขยายพันธุ์ด้วยการแยกเหง้าหรือหน่อออกปลูก เหง้าที่แยกอาจเป็นต้นอ่อนหรือต้นแก่เพียง 2-3 ต้น ก็สามารถแตกกอใหญ่ได้
การให้น้ำ ควรให้น้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในฤดูแล้งที่มักขาดแคลนน้ำ ส่วนในฤดูฝนต้นชะพลูสามารถเติบโตได้ดีเพียงอาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติ
 

องค์ประกอบทางเคมีของชะพลู

พบว่าช้าพลูมีสาร ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) และมีน้ำมันหอมระเหยที่ทำให้เกิดกลิ่นเผ็ดฉุน ที่ประกอบด้วยสารในกลุ่ม Lignans และ Alkaloids และมีคุณค่าทางสารอาหารที่สำคัญ คือ มีแคลเซียมและสารเบต้า-แคโรทีนในปริมาณสูง นอกจากนี้ยังมีฟอสฟอรัส เหล็ก เส้นใย และสารคลอโรฟิล ใบมีสารออกซาเลต (oxalate) ค่อนข้างสูง ถ้าสะสมในร่างกายในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดนิ่วในไตได้และยังมีสารออกฤทธิ์ทางยา คือ aromatic alkene ,1 – allyl – 2 -methoxy – 4, 5 –methylenedioxybenzene, sitosterol, pyrrole amide, sarmentine, sarmentosine, pellitorine, (+) –sesamin, horsfieldin, two pyrrolidine amides 11 และ 12, guineensine, brachystamide B, sarmentamide A, B, และ C 1

ฤทธิ์ทางเภสัชของชะพลู

ในภาคใต้ของประเทศไทยได้มีการนำสารสกัดน้ำของต้นชะพลูมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งพบว่าถ้าให้น้ำสกัดหยาบของต้นชะพลูกับผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ นอกจากนี้ จากผลการวิจัยพบว่าสารสกัดน้ำจากต้นชะพลู ในขนาด 0.125 ก./กก. ป้อนวันละ 1 ครั้ง นาน 7 วัน สามารถลดน้ำตาลในเลือดของหนูเบาหวานได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
การศึกษาผลของสารสกัดจากใบชะพลูต่อฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลกลูโคส ในเลือดในหนูเมาส์เบาหวานเพศผู้ สายพันธ์ ICR อายุ 6-7 สัปดาห์ น้ำหนักตัว 30-40 กรัม ที่ถูกชักนำให้เกิดเบาหวานด้วยสารสเตรปโตโซโทซิน พบว่ากลุ่มที่ได้รับสารสกัดใบชะพลูขนาด 60 และ 100 มก./100 กรัม น้ำหนักตัว เป็นเวลา 21 วัน มีระดับกลูโคสในเลือดลดลง คิดเป็นประสิทธิภาพฤทธิ์ลดน้ำตาลร้อยละ 8.11 และ 171.46 ของยาไกลเบนคลาไมค์ ขนาด 1 มก./100 กรัมน้ำหนักตัว สอดคล้องกับผลเพิ่มระดับฮอร์โมนอินซูลินร้อนละ 8.25 และ 50.53 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับกลุ่มเบาหวานควบคุม นอกจากนั้นผลการตรวจสอบจุลกายวิภาคของตับอ่อนพบว่ามีการฟื้นฟูกลุ่มเซลล์ในไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์ ของกลุ่มที่ได้รับสารสกัดใบชะพลูขนาด 100 มก./100 กรัมน้ำหนักตัว
สรุปได้ว่าสารสกัดใบชะพลูมีฤทธิ์ลำน้าตาลในเลือดโดยมีผลเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน และฟื้นฟูเซลล์ในไอส์เลตของหนูเบาหวาน สาร 1 – allyl – 2, 6 – dimethoxy – 3, 4 – methylenedioxybenzene จากชะพลูมีฤทธิ์ต้านเชื้อ Escherichia coli และ Bacillus subtilis และสาร sitosterol สามารถสามารถออกฤทธิ์ต้านการเกิดเนื้องอกได้

ชะพูล

การศึกษาทางพิษวิทยาของชะพลู

จากการศึกษาความเป็นพิษเฉียบพลันของสารสกัดชะพลูในหนูขาวและหนูถีบจักรพบว่ามีค่า LD₅₀ มากกว่า 5 ก./กก. และจากการศึกษาความเป็นพิษแบบเรื้อรังของสารสกัดชะพลู โดยการป้อนสารสกัดชะพลูขนาด 0.5,1 และ 2 ก./กก. ในหนูขาวทั้งเพศผู้ชะพลูว่า มีค่า total bilirubin , total protein , creatinine และ BUN สูงกว่ากลุ่มควบคุม ส่วนในหนูเพศผู้พบว่ากลุ่มที่ป้อนสารสกัดชะพลูในขนาด 1 และ 2 ก./กก. มีค่า glucose ต่ำกว่ากลุ่มควบคุม และกลุ่มที่ป้อนสารสกัดชะพลูในขนาด 2 ก./กก. มีค่า AST สูงกว่ากลุ่มควบคุม แต่จากการตรวจพยาธิสภาพของเนื้อเยื่อของตับและไต ทั้งในหนูขาวเพศผู้และเพศเมีย
แสดงว่าสารสกัดชะพลูไม่มีผลทำลายตับและไตในหนูขาวทั้ง 2 เพศ แต่พบการเกิด hyper plasia ของ islet of Langerhann ในหนูเพศผู้ 1 ตัว จาก 6 ตัวที่ได้รับสารสกัดชะพลูในขนาด 0.5 ก./กก. และพบการเกิดเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง (adenoma) ที่ตับอ่อนในหนูเพศเมีย 1 ตัว จาก 6 ตัวที่ รับสารสกัดชะพลูในขนาด 2 ก./กก
 

ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

ไม่ควรรับประทานใบชะพลูมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดอาการเวียนศรีษะ และทำให้มีการสะสมของสารออกซาเลท (Oxalate) ในร่างกายสูง ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคนิ่วในไต เวลารับประทานควรปรุงร่วมกับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ จะช่วยให้ย่อยง่ายขึ้นในการใช้รักษาโรคเบาหวานจะต้องคอยตรวจน้ำตาลในปัสสาวะก่อนและหลังดื่มน้ำทุกครั้ง เพราะยานี้ทำให้น้ำตาลลดลงเร็วมาก และในการต้มจะต้องเปลี่ยนต้นชะพลูใหม่ทุกวัน

ขอบคุณข้อมูลจาก disthai.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 26,200.00 26,300.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,697.00 25,726.52 26,800.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,527.30 23,153.87 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,357.60 20,581.22 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 764.00 11,582.24 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 594.00 9,005.04 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,759.00 26,666.44 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 24/11/2563  

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 95 21.45 21.45 21.75 21.45 21.45 21.45 21.45 21.45 21.45 21.45
แก๊สโซฮอล์ 91 21.18 21.18 21.48 21.18 21.18 21.18 21.18 21.18 21.18 21.18
แก๊สโซฮอล์ E20 19.94 19.94 20.24 19.94 19.94 19.94 19.94 19.94 19.94
แก๊สโซฮอล์ E85 17.79 17.79 17.79
เบนซิน 95 28.86 29.31 29.36 28.86 28.86
ดีเซล B7 22.89 22.89 23.19 22.89 22.89 22.89 22.89 22.89 22.89 22.89
ดีเซล 19.89 19.89 20.19 19.89 19.89 19.89 19.89 19.89 19.89 19.89
ดีเซล B20 19.64 19.64 19.94 19.64 19.64 19.64 19.64 19.64
ดีเซลพรีเมี่ยม 27.34 27.36 29.64 28.74 27.34
แก๊ส NGV 13.10 13.10 13.10
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า