“สยามพิวรรธน์ คือต้นแบบโมเดลธุรกิจค้าปลีกสู่อนาคต” ชฎาทิพ จูตระกูล
ผ่าแนวคิด “ชฎาทิพ จูตระกูล” แม่ทัพใหญ่สยามพิวรรธน์ ขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกฝ่าวิกฤติโควิด-19 สู่ความยั่งยืน
หลายคนมองว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 คือ “วิกฤติ” ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ทำให้หลายองค์กรต้องเร่งพัฒนาและยกระดับการดำเนินงานเพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมและวิถีชีวิตของผู้บริโภค
แต่สำหรับ “ชฎาทิพ จูตระกูล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และพันธมิตรเจ้าของโครงการไอคอนสยาม มองว่าในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส การเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรยังต้องปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างสิ่งใหม่ หากแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ “วิสัยทัศน์” การดำเนินธุรกิจที่เอื้ออำนวยประโยชน์ให้กับคนจำนวนมาก พร้อมกับปลูกฝังเข้าไปอยู่ในโมเดลธุรกิจและการดำเนินการทุกๆวัน ด้วยความเชื่อว่าแนวคิดนี้จะเป็นรูปแบบธุรกิจแห่งอนาคตที่นำไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง
“ชฎาทิพ” บอกว่า หนึ่งในปณิธานหลักของสยามพิวรรธน์คือ การพัฒนาโครงการให้เป็นรูปแบบธุรกิจเพื่อส่วนรวมที่สร้างคุณค่าต่อผู้คน ชุมชนสังคมและประเทศชาติ โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “ร่วมกันรังสรรค์ (Co-creation) และการสร้างคุณค่าสมประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (Creating Shared Values)” ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาคนจากภูมิปัญญาไทยและความคิดสร้างสรรค์ส่งต่อประโยชน์ให้กับคนจำนวนมากในสังคมไทยและทั่วประเทศตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ
“สยามพิวรรธน์ทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เพื่อที่จะสร้างรูปแบบธุรกิจต่างๆ ของการค้าปลีกที่ได้มีโอกาสใช้ธุรกิจและสถานที่ของสยามพิวรรธน์เป็นเวทีของการนำเสนอสินค้าและบริการในหลากหลายประเภท ตลอดจนช่วยพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อยแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้ความรู้เรื่องการขายและการตลาดสมัยใหม่ สร้างกระบวนการในการเรียนรู้การทำธุรกิจและออมเงิน ให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งหาพันธมิตรจากสถาบันการเงินต่างๆ มาให้ความรู้เรื่องการออมและการลงทุน ผลักดันให้ Local Hero เติบโตไปสู่การเป็น Global Hero ต่อยอดสู่การค้าขายในเวทีโลก”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
‘พาณิชย์’ ฉีกตำราแก้เกมส์ส่งออกปี 63 ดิ่ง
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หวังอีอีซีดันส่งออกไทยเพิ่ม พร้อมปรับกลยุทธ์ทำงานใหม่ เน้นสร้างผู้ประกอบการรายย่อย กลาง เล็ก เกษตรกร เจน ซี เป็นผู้ส่งออกหน้าใหม่ผ่านทั้งออฟไลน์ ออนไลน์
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้รับแผนการทำงานรองรับยุค”รวมไทยสร้างชาติ” และเร่งรัดยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มอันดับขีดความสามารถด้านส่งออกให้เป็นอันดับ 1 ใน 5 ของเอเชียภายในปี 2570 ซึ่งปัจจุบันไทยอยู่ในอันดับ 8 มีมูลค่าส่งออก และอันดับ 23 ของโลก ด้วยมูลค่า 2.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการไปสู่เป้าหมายจะต้องเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้ได้อย่างน้อยปีละ 12,000 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นเดือนละ 1,000 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าในปีนี้การส่งออกของไทยจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยประเมินว่าทั้งปีส่งออกไทยจะขยายตัว -7 % ถึง- 9% โดยขณะนี้สถานการณ์การส่งออกของไทยเริ่มดีขึ้นหลายประเทศเริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าของไทยมากขึ้นแล้ว
ปัจจัยที่หนุนให้ได้ตามเป้าหมายขึ้นเป็น Top 5 การค้าของเอเชีย นั้น มาจากศักยภาพในการผลิต การปรับตัวรับกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การรับมือของไทยกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการผลักดันอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) โดยเน้นอุตสาหกรรมมูลค่าเพิ่มสูง เช่น อุตสาหกรรมเกี่ยวกับดิจิทัล อุตสาหกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์ โดยคาดว่าจะมีการย้ายฐานการลงทุนมาในอีอีซีเพื่อการส่งออกมากขึ้น รวมถึงความน่าเชื่อถือไทยในสายตาต่างชาติ ผู้ผลิตไทยปรับตัวพัฒนาสินค้ารองรับความต้องการโลกตลอดเวลา
นายสมเด็จกล่าวว่า สำหรับแนวทางการทำงานของกรม มีทั้งในระยะสั้น กลาง และยาวครอบคลุมการช่วยเหลือผู้ประกอบการ การผลักดันการส่งออกเป็นรายตลาด สินค้าและบริการ โดยระยะสั้น จะเร่งประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าไทยเป็นแคมเปญใหญ่ทั่วโลก เน้นเรื่องความเชื่อมั่น ความปลอดภัยจากโควิด-19 รุกกิจกรรมไฮบริดเจาะตลาดทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการทั่วถึงทุกระดับ
ส่วนระยะกลางและยาว จะเสริมThaitrade.comให้เป็นด่านหน้าออนไลน์ของสินค้าไทยอย่างเต็มรูปแบบส่งผู้ประกอบการเข้าสู่การค้าออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในต่างประเทศ คัดสรรสินค้าที่มีคุณภาพดี(Product Champion) เจาะตลาดทั้งแบบออฟไลน์ รวมถึงปรับบทบาทของผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์)58 แห่งทั่วโลก ให้เป็นเซลส์แมนของประเทศ โดยทำงานร่วมกับภาคเอกชนในการเร่งหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ หาพันธมิตร พัฒนาข้อมูลการค้าให้มีประสิทธิภาพและทันการณ์ และหาช่องทางขยายตลาดเชิงลึก เพื่อเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
บิ๊กแบงก์ชาติปฏิเสธ”ธนาคารพาณิชย์ล้มละลาย”
ธปท. ยืนยัน “ฐานะการดำเนินงานและเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งยังมีความแข็งแกร่ง”
จากกรณีกระแสข่าวในโซเชียลมีเเดียออกมาเปิดเผยว่า มี 3 ธนาคารพาณิชย์ล้มละลาย นั้น ล่าสุด นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล ได้โพสต์ข้อความส่วนตัวว่าเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ ยืนยันฐานะการดำเนินงานและเงินกองทุนของธนาคารทุกแห่ง ยังมีความเข้มแข็งและสามารถรองรับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิด 19 ได้ดี
สืบเนื่องจากมีนักเศรษฐศาสตร์รายหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์ว่า ธนาคารพาณิชย์ล้มละลาย กำลังจะประสบปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอยืนยันว่า ฐานะการดำเนินงานและเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งยังมีความแข็งแกร่งและสามารถรองรับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิด 19 ได้ดี ซึ่งมีเงินสำรองส่วนเกินอยู่มาก เงินกองทุนอยู่ในระดับสูง ผลประกอบการยังมีกำไร และสภาพคล่องในระบบการเงินและระบบธนาคารพาณิชย์ยังมีสูงมาก อีกทั้ง จากการประมาณการฐานะและการดำเนินงานภายใต้ภาวะวิกฤติ (stress test) พบว่า ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งมีฐานะที่แข็งแกร่ง สามารถรองรับภาวะวิกฤติในระดับที่รุนแรงได้
ธนาคารแห่งประเทศไทย จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยยังมีความแข็งแกร่งและสามารถรองรับผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิด 19 ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“จังหวัดอยุธยา” เตรียมจัดวอลเลย์บอล 4 เส้ารายการพิเศษ
“จังหวัดอยุธยา” เตรียมจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลรายการพิเศษ 4 เส้า ระหว่างวันที่ 27 – 30 สิงหาคม 2563 โดยมีทีมชั้นนำจากไทยแลนด์ลีกเข้าร่วม
วันที่ 25 ส.ค. 63 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เตรียมจัดการแข่งขันวอลเลย์บอล 4 เส้า รายการ “อยุธยา วอลเลย์บอล อินวิเตชั่น 2020” ที่ยิมเนเซียม สนามกีฬากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 27-30 สิงหาคม 2563 แบ่งการแข่งขัน 2 ประเภท รุ่นเยาวชน กับ ประชาชน พร้อมเชิญทีมดังมาเข้าร่วม ทีมหญิงประกอบด้วย เจนเนอราลี่ สุพรีม ชลบุรี, 3BB นครนนท์, ขอนแก่น สตาร์ วีซี, อาร์เอสยู วีซี ส่วนทีมชาย แอร์ฟอร์ซ วีซี, ไดมอนด์ ฟู้ด วีซี, ผ่องสุวรรณ วีซี, ม.เอเชีย สมุทรสาคร
โดยทีมหญิง สุพรีม ชลบุรี นำโดย กิ๊ฟ วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, โสรยา พรมหล้า, สุทัตตา เชื้อวู้หลิม ด้าน 3BB นครนนท์ นำโดย พิมพิชยา ก๊กรัมย์, กัตติกา แก้วพิน, ฑิชาญา บุญเลิศ, ฑิชากร บุญเลิศ
ทีมชาย สโมสรผ่องสุวรรณ จัดมือตบประสบการณ์สูง และดาวเด่นที่แฟนลูกยางคุ้นชื่อกันดี “กัปตันแมน” กฤษฎา สมคะเน, “แม็ค” สราญจิตร สุขเจริญ
สำหรับรายการนี้เปิดเข้าชมฟรี โดยขอความร่วมมือผู้เข้าชมสวมหน้ากากอนามัยเข้าสนาม.
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
ห่วงผลข้างเคียง จากอาหารเสริมเมลาโทนิน
อย.ย้ำยังไม่อนุญาตให้เมลาโทนิน เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหาร เนื่องจากเป็นฮอร์โมนหากได้รับติดต่อกันในระยะยาว อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย แนะผู้มีปัญหานอนไม่หลับควรปรึกษาแพทย์
นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ตามที่พบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของเมลาโทนินผ่านทางโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก ซึ่งระบุสรรพคุณอ้างว่ามีส่วนช่วยในการนอนหลับนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า ปัจจุบันยังไม่อนุญาตเมลาโทนินเป็นส่วนประกอบในอาหารหรือเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เนื่องจากเป็นฮอร์โมนที่หากได้รับติดต่อกันในระยะยาวอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
ประกอบกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของเมลาโทนินส่วนมาก มีวัตถุประสงค์การจำหน่ายเพื่อช่วยในการนอนหลับ ซึ่งวัตถุประสงค์ดังกล่าวไม่จัดเป็น “อาหาร” ตามนิยามที่กำหนดในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ปัจจุบันมีการขึ้นทะเบียนยาที่มีส่วนผสมของเมลาโทนินเป็นยาควบคุมพิเศษ อนุญาตให้ใช้เฉพาะในโรงพยาบาลหรือต้องควบคุมโดยการสั่งหรือภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
ทั้งนี้ เมลาโทนินเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างขึ้นจากต่อมไพเนียลในสมอง ทำหน้าที่ควบคุมการหลับและการตื่นในรอบวัน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของช่วงฤดูกาล จึงนิยมนำมาใช้เพื่อรักษาความผิดปกติจากการนอนหลับ ขณะที่ข้อมูลงานวิจัยพบว่าผู้ที่มีอายุมากกว่า 55 ปี เมื่อใช้เมลาโทนินสามารถเพิ่มคุณภาพการนอนได้ แต่ในกลุ่มเด็กพบว่าการได้รับเมลาโทนินมีแนวโน้มให้เกิดความไม่ปลอดภัย เนื่องจากอาจกระทบกับฮอร์โมนอื่นๆ และอาจรบกวนพัฒนาการของร่างกายในช่วงที่เป็นวัยรุ่น นอกจากนี้เมลาโทนินอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants) ยากันชัก (Anticonvulsants) ยารักษาโรคเบาหวาน เป็นต้น
รองเลขาธิการฯ กล่าวว่า ขอเตือนผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพ ควรพิจารณาถึงความปลอดภัยโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ผสมเมลาโทนิน ซึ่งมีงานวิจัยพบว่าหากบริโภคติดต่อกันระยะยาวอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น อาการง่วงนอนตอนกลางวัน ปวดหรือวิงเวียนศีรษะ มวนท้อง หงุดหงิด มึนงง ภาวะซึมเศร้าในระยะสั้น
ทั้งนี้ เมื่อรู้สึกว่าร่างกายมีความผิดปกตินอนไม่หลับ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ไม่ควรเสี่ยงซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ ที่โฆษณาอวดอ้างช่วยให้นอนหลับมารับประทานเอง หากผู้บริโภคพบเห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ได้มาตรฐาน สามารถร้องเรียนมาได้ที่สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือร้องเรียนผ่าน Oryor Smart Application หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
Medicine (ชื่อยาภาษาอังกฤษ)
คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับชื่อยาภาษาอังกฤษ
Adhesive plaster / พลาสเตอร์ปิดแผล
Analgesic / ยาบรรเทาอาการปวด
Anesthetic / ยาชา ยาสลบ
Antacid / ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
Antibacterial / ยาต้านแบคทีเรีย ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
Antibiotic / ยาปฏิชีวนะ
Antidote / ยาแก้/ต้านพิษ
Antihistamine / ยาบรรเทาอาการแพ้
Antiseptic / ยาฆ่าเชื้อจุลินทรีย์
Aperient / ยาระบาย ยาถ่าย
Aspirin / ยาแก้ปวดแอสไพริน
Cold-cure / ยาบรรเทาอาการหวัด
Cough drop, Cough syrup / ยาน้ำแก้ไอ
Disinfectant / ยาฆ่าเชื้อโรค
Eye drop / ยาหยอดตา
Eyewash / น้ำยาล้างตา
Gargle / น้ำยาบ้วนปาก
Hydrogen peroxide น้ำยาฆ่าเชื้อโรค
Inhalant / ยาดม
Laxative / ยาระบาย แก้ท้องผูก
Ointment for itch / ครีม/ขี้ผึ้งทาแก้อาการคัน ยาหม่อง
Pill, Tablet / ยาเม็ด
Sedative / ยาระงับประสาท
Sleeping pill / ยานอนหลับ
Throat lozenges / ยาอมแก้เจ็บคอ
Vitamin / วิตามิน
Balm / ยาหม่อง
Tincture / ยาทาฆ่าเชื้อโรค
Suppository / ยาเหน็บ
Rectal suppositories / ยาสอดทวารหนัก
Vaginal suppositories / ยาสอดช่องคลอด
Urethral suppositories / ยาสอดท่อปัสสาวะ
Expectorants / ยาขับเสมหะ
Mucolytic / ยาละลายเสมหะ
Painkiller / ยาแก้ปวด
Nasal spray / ยาพ่นจมูก
ขอบคุณข้อมูลจาก coolenglishth.com
เฟซบุ๊ก ออกแถลงการณ์ โต้รัฐบาลไทยสั่งบล็อกเพจ
เฟซบุ๊ก ออกแถลงการณ์ ชี้รัฐบาลไทยสั่งบล็อกเพจ กระทบเสรีภาพการแสดงออก
Facebook(เฟซบุ๊ก) ออกแถลงการณ์ชี้แจงกระแสข่าวจะฟ้องรัฐบาลไทยกรณีสั่งให้บล็อกการเข้าถึงเพจที่มีเนื้อหาผิดกฏหมาย โดยระบุว่าการดำเนินงานของ Facebook ต้องการปกป้อง และรักษาสิทธิต่างๆ ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งการแทรกแซงนี้บั่นทอนการลงทุนในไทย และการดำเนินงานของสำนักงานในไทยด้วย
“หลังจากที่ Facebook ได้พิจารณาอย่างระมัดระวังและถี่ถ้วนแล้ว เราตัดสินใจที่จะจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาที่ทางรัฐบาลไทยระบุว่าเป็นเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องจากรัฐบาลเช่นครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่รุนแรง และขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากล และยังส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก การดำเนินงานของ Facebook มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องและรักษาไว้ซึ่งสิทธิต่างๆ ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกคน และขณะนี้เรากำลังเตรียมความพร้อมเพื่อโต้แย้งในข้อกฎหมายต่อข้อเรียกร้องครั้งนี้
การแทรกแซงที่เกินขอบเขตของรัฐบาลเช่นในกรณีนี้ยังถือเป็นการบั่นทอนความสามารถของ Facebook ในการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ตลอดถึงการดำเนินงานของสำนักงานในประเทศไทย การคุ้มครองดูแลพนักงานของบริษัทฯ และการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนโดยตรงต่อธุรกิจต่างๆ ที่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์ม Facebook”
พร้อมกันนี้ ยังได้ตอบข้อเรียกร้องของรัฐบาล คือ ประเด็นด้านเสรีภาพในการแสดงออกและกฎระเบียบที่ว่าด้วยการแสดงออกถือเป็นความท้าทายที่ซับซ้อนมากที่สุดและมีความสำคัญสำหรับเราในฐานะที่เป็นองค์กร โดยเป็นหัวข้อที่ต้องอาศัยการหาความสมดุลที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างยิ่งระหว่างการช่วยให้ผู้คนสามารถแสดงออกถึงความคิดอย่างเสรีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่ขัดต่อกฎหมายท้องถิ่นและบรรทัดฐานทางวัฒนธรรม
เมื่อเราได้รับคำขอจากรัฐบาลหรือหน่วยงานทางกฎหมายให้จำกัดการเข้าถึงของเนื้อหา เราได้ทบทวนว่าเนื้อหานั้นขัดต่อมาตรฐานชุมชนของเราหรือไม่ หากพบว่าเนื้อหานั้นละเมิดมาตรฐานชุมชน เราจะลบเนื้อหาทั้งหมดออกจากแพลตฟอร์ม
ในกรณีที่เนื้อหานั้นไม่ได้ละเมิดมาตรฐานชุมชน เราจะนำเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบทางกฎหมาย โดยกระบวนการทั้งสองขั้นตอนนี้เป็นไปเพื่อให้มั่นใจว่าคำขอนั้นถูกต้องตามกฎหมาย และเนื้อหานั้นมีการละเมิดกฎหมายท้องถิ่นจริง และเราอาจจำกัดการเข้าถึงเนื้อหานั้นๆ ในประเทศที่ระบุว่าขัดต่อกฎหมาย โดยใน ประเทศไทย คำขอเหล่านั้นได้ถูกดำเนินการในรูปแบบคำสั่งศาลที่มีการยื่นคำร้องจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เราดำเนินการอย่างโปร่งใสในการแจ้งถึงจำนวนเนื้อหาที่เราจำกัดการเข้าถึง โดยอิงจากกฎหมายท้องถิ่นในประเทศ ซึ่งสามารถดูรายละเอียดได้ที่รายงานเพื่อความโปร่งใส ซึ่งได้รับการปรับข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ทุกๆ 6 เดือน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ผลวิจัยพบ สารสกัด”ฟ้าทะลายโจร” มีฤทธิ์รักษาโควิด-19 ได้
กรมการแพทย์แผนไทยฯ เผย ผลวิจัยเบื้องต้น พบ สารสกัด “ฟ้าทะลายโจร” มีฤทธิ์รักษาโควิดได้ เตรียมเข้าสู่การวิจัยระยะที่ 2 กับอาสาสมัคร 60 คนในเดือนก.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงความคืบหน้าการวิจัยฟ้าทะลายโจรกับการรักษาไวรัสโควิด-19 ว่า พบว่า สามารถรักษาได้โดยจากการทดลองเบื้องต้น พบว่า ฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการติดจากเซลล์หนึ่งไปสู่อีกเซลล์ได้ในร่างกายมนุษย์จึงเข้าสู่การทดลองในผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อย-ปานกลาง จำนวน 6 คน โดยได้เตรียมใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจรในความเข้มข้น 3 เท่า(180 มิลลิกรัม/วัน) และ 5 เท่าจากปกติ(ในสารสกัดฟ้าทะลายโจร มีสารแอดโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) 20 มิลลิกรัม)
แต่ผลปรากฏว่า ใช้ในระดับความเข้มข้น 3 เท่าก็พบว่า อาการดีขึ้น โดยเฉพาะอาการไอ ทั้งในส่วนปริมาณการไอและความรุนแรงของอาการลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญภายใน 3 วัน พอเข้าสู่ช่วง 5 วัน อาการอื่นๆ ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ และทำการตรวจ RT-PCR ก็พบว่า ผลเป็นลบ ถึง 2 คน หลังจากนั้น 3 สัปดาห์ก็ตรวจ RT-PCR อีกครั้ง พบว่าทั้ง 6 คน ผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อ อย่างไรก็ดี ยังไม่สามารถยืนยันในการรักษาได้เพราะเป็นการวิจัยในระยะเบื้องต้น
ในส่วนการวิจัยต่อระยะที่ 2 ที่จะเริ่มต้นเดือนกันยายน 2563 จำนวน 60 คน โดยจะทำในพื้นที่โรงพยาบาลบางละมุง จ.ชลบุรี โรงพยาบาลชลบุรี และโรงพยาบาลสมุทรปราการ ก็จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรที่ความเข้มข้น 3 เท่าเหมือนเดิม
ส่วนอีกกลุ่มจะได้รับเม็ดยาหลอกในระยะเวลา 5 วันเท่ากัน เพื่อเปรียบเทียบในการรักษาหากพบว่า ส่วนที่ใช้ยาฟ้าทะลายโจรมีอาการดีขึ้นมากกว่าอีกกลุ่มก็อาจจะบอกได้ว่า ยาฟ้าทะลายโจรสามารถใช้รักษาโควิด-19 ได้ แต่ทั้งนี้ต้องรอผลการวิจัยที่ชัดเจนกว่านี้ ดังนั้น หากประชาชนมีอาการเป็นไข้หวัด เจ็บคอ มีน้ำมูก ให้รีบรับประทานฟ้าทะลายโจรในขนาดปกติก่อน หากทานต่อเนื่อง 2-5 วันไม่ดีขึ้นก็จะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,550.00 | 28,650.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,849.00 | 28,030.84 | 29,150.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,664.10 | 25,227.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,479.20 | 22,424.67 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 832.00 | 12,613.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 647.00 | 9,808.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,916.00 | 29,046.56 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 26/08/2563
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 21.95 | 21.95 | 22.25 | 21.95 | 21.95 | 21.95 | 21.95 | 21.95 | 21.95 | 21.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 21.68 | 21.68 | 21.98 | 21.68 | 21.68 | 21.68 | 21.68 | 21.68 | 21.68 | 21.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 20.44 | 20.44 | 20.74 | 20.44 | 20.44 | – | 20.44 | 20.44 | 20.44 | 20.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 18.19 | 18.19 | – | – | – | – | – | – | – | – |
เบนซิน 95 | 29.36 | – | – | – | 29.81 | – | 29.86 | 29.36 | – | 29.36 |
ดีเซล | 21.99 | 21.99 | 22.29 | 21.99 | 21.99 | 21.99 | 21.99 | 21.99 | 21.99 | 21.99 |
ดีเซล B10 | 18.99 | 18.99 | 19.29 | 18.99 | 18.99 | 18.99 | 18.99 | 18.99 | 18.99 | 18.99 |
ดีเซล B20 | 18.74 | 18.74 | 19.04 | 18.74 | 18.74 | – | 18.74 | 18.74 | – | 18.74 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 26.44 | 26.46 | 28.74 | 28.44 | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 14.41 | 14.41 | – | – | – | – | – | – | – | – |