“ลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง” บ้าน 3 ล้าน ต้องจ่ายเท่าไร ตรวจสอบทีนี่
“ลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง” บ้านไม่เกิน 3 ล้าน หลังครม.ไฟเขียวขยายเวลาถึงปี64 ต้องจ่ายเท่าไร ตรวจสอบล่าสุดทีนี่
หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่26 มกราคม 2564 มีมติเห็นชอบ มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เพิ่มเติม ในรูปแบบมาตรการด้านภาษีหรือ “แพ็คเกจภาษี” โดยหนึ่งในมาตรการภาษีก็คือการขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์และห้องชุด สำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท จากเดิม 2% ของราคาประเมินทุนทรัพย์เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนจำนองอสังหาริมทรัพย์และห้องชุดจากเดิม 1% ของมูลค่าที่จำนอง เหลือ 0.01%
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รมว.คลัง ) กล่าวว่า มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดทะเบียนจำนองสิทธิ์ที่อยู่อาศัย (มาตรการลดค่าธรรมเนียมฯ) มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่เป็นของตนเอง รวมถึงช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเชื่อมโยงกับการจ้างงานและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
การลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% ลงเหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจำนองจาก 1% ลงเหลือ 0.01% (เฉพาะการโอนและจดจำนองในคราวเดียวกัน) สำหรับที่อยู่อาศัยใหม่ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย จะครอบคลุมบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุด ที่ซื้อจากผู้ประกอบการ ตั้งแต่วันถัดจากวันที่ลงประกาศกระทรวงมหาดไทยในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564
อัตราค่าธรรมเนียมการโอนและจดทะเบียนจำนองอสังหาริมทรัพย์ หลังลดแล้วเป็นดังนี้
– ลดค่าธรรมเนียมการโอน อัตราปกติ 2.00% เหลือ 0.01%
– ลดค่าธรรมเนียมการจำนอง อัตราปกติ 1.00 % เหลือ 0.01%
กรณีผู้ซื้อบ้านราคา 3 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมการโอนจากปกติต้องจ่าย 2% เป็นเงิน 60,000 บาท เมื่อลดเหลือ 0.01% จะจ่ายเพียง 300 บาท
การลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ บ้านราคา 3 ล้านบาท จากปกติต้องจ่าย 1% คิดเป็นเงิน 30,000 บาท เมื่อลดเหลือ 0.01% ก็จะจ่ายเพียง 300 บาท
ดังนั้นรวมแล้วจากที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองสำหรับบ้านราคา 3 ล้านบาท ในอัตรา 3% เป็นเงิน 90,000 บาท ก็จะจ่ายในอัตรารวมเพียง 0.02% เป็นเงินเพียง 600 บาท หรือจ่ายล้านละ 200 บาทเท่านั้น
“มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และมาตรการลดค่าธรรมเนียมฯจะต้องมีการตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และดำเนินการออกประกาศกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับการขยายเวลายื่นแบบฯ ที่จะต้องมีการออกประกาศกระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ในเร็วๆ นี้ โดยกระทรวงการคลังจะได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป” รมว.คลัง ระบุ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ลดภาษีที่ดิน – ลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง” เช็กรายละเอียดมติครม. ได้ที่นี่
เปิดรายละเอียด มติครม. เห็นชอบลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง – ลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง
คณะรัฐมมนตรี(ครม.)มีมติ เมื่อวันอังคารที่ 26 มกราคม 64 28. มีการพิจารณา มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย (ลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปี 2564
โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย และการบรรเทาผลกระทบแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
2. เห็นชอบหลักการตามร่าง พ.ร.ฎ. ลดภาษีที่ดินฯ ที่กำหนดให้ลดภาษีในอัตราร้อยละ 90 สำหรับปีภาษี พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นไปตามมาตรการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
3. เห็นชอบหลักการตามร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย กรณีที่ดินพร้อมอาคารฯ และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย กรณีห้องชุดฯ ซึ่งเป็นไปตามมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย
4. มอบหมายให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยรายได้ให้แก่ อปท. ตามความเหมาะสม
มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
การดำเนินการ
– เพื่อเตรียมการบรรเทาผลกระทบให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 กระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้จัดประชุมหารือร่วมกับกรมธนารักษ์ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 สศค. เพื่อหารือแนวทางการบรรเทาภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับปีภาษี 2564 ในเบื้องต้น โดยที่ประชุมเห็นควร ให้ลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามมาตรา 55 แห่ง พ.ร.บ. ภาษีที่ดินฯ ในอัตราร้อยละ 50 ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้สำหรับการจัดเก็บภาษีของปีภาษี พ.ศ. 2564
ทั้งนี้ การลดภาษีดังกล่าวควรให้เฉพาะผู้เสียภาษีที่ไม่ได้รับการลดภาษีตามพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563 อยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดการช่วยเหลือที่ซ้ำซ้อนเกินกว่าระดับที่เหมาะสม และ (2) ให้ขยายระยะเวลาดำเนินการตาม พ.ร.บ. ภาษีที่ดินฯ ของ อปท. ออกไปจากเดิมเป็นระยะเวลา 2 เดือน
ต่อมาประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ ที่มีความรุนแรงและครอบคลุมหลายพื้นที่ในประเทศ ทำให้ภาครัฐต้องควบคุมการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางประเภท ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและผู้ประกอบการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงได้ประชุมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564 ณ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาแนวทางการบรรเทาภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับปีภาษี 2564 อีกครั้ง โดยมีข้อสรุปให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี พ.ศ. 2564 ในอัตราร้อยละ 90 ตามมาตรา 55 แห่ง พ.ร.บ. ภาษีที่ดินฯ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
วัตถุประสงค์
– เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพความจำเป็นทางเศรษฐกิจ และบรรเทาผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมต่อประชาชนและผู้ประกอบการที่เป็นผู้เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเนื่องจากไม่สามารถประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ตามปกติ อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทย จึงเห็นควรลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลงร้อยละ 90 ให้แก่ผู้เสียภาษีเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
กลุ่มเป้าหมาย
– ผู้เป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง หรือครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์สินของรัฐ ณ วันที่ 1 มกราคม 2564
ระยะเวลามาตรการ
– สำหรับการจัดเก็บภาษีของปีภาษี พ.ศ. 2564
หลักการและสาระสำคัญ
– ร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท ฉบับที่ (..) พ.ศ. …. (ร่าง พ.ร.ฎ. ลดภาษีที่ดินฯ) มีหลักการและสาระสำคัญ ดังนี้
1) เนื่องจากในปี พ.ศ. 2564 การระบาดของ COVID-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกสาขาอาชีพในวงกว้าง จึงเห็นควรลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะจัดเก็บตามกฎหมายว่าด้วยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพความจำเป็นทางเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนโดยรวม
2) ให้บังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
3) ให้ลดจำนวนภาษีในอัตราร้อยละ 90 ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ตามมาตรา 42 หรือมาตรา 95 แล้วแต่กรณี สำหรับการจัดเก็บภาษีของปีภาษี พ.ศ. 2564 สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ดังต่อไปนี้
– ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม
– ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย
– ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์อื่นนอกจากตาม 3.1) และ 3.2)
– ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ
4) การลดภาษีข้างต้นไม่กระทบสิทธิในการบรรเทาภาระภาษีตามมาตรา 96 และมาตรา 97 แห่ง พ.ร.บ. ภาษีที่ดินฯ
5) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
การสูญเสียรายได้
– คาดว่าจะทำให้ อปท. สูญเสียรายได้ประมาณ 35,545 ล้านบาท จากประมาณจัดเก็บรายได้เดิมในปี 2564 จำนวน 39,515 ล้านบาท
มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย
การดำเนินการ
เนื่องจากประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ ที่มีความรุนแรงและครอบคลุมหลายพื้นที่ในประเทศ ทำให้ภาครัฐต้องควบคุมการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางประเภท ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงได้ประชุมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564 ณ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาแนวทางช่วยเหลือและบรรเทาภาระของประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
โดยมีข้อสรุปให้ลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย ซึ่งการลดค่าธรรมเนียมดังกล่าว มีหลักเกณฑ์เช่นเดียวกับมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563
วัตถุประสงค์
– เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่สร้างเสร็จพร้อมขายเป็นของตนเองในระดับราคาที่ไม่สูงมากและเหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม รวมถึงช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเชื่อมโยงกับการจ้างงาน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
กลุ่มเป้าหมาย
– ประชาชนทั่วไปที่มีความต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาซื้อขายไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย
หลักการและสาระสำคัญ
– ลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จากเดิมร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิมร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 เฉพาะการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ดังนี้
(1) ที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ จากผู้จัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน
(2) ห้องชุดจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนอาคารชุด ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย โดยการจดทะเบียนการโอนและการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยต้องดำเนินการในคราวเดียวกัน
ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564
การสูญเสียรายได้
– การดำเนินการดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ อปท. สูญเสียรายได้ประมาณ 5,900 ล้านบาท
การบรรเทาผลกระทบแก่ อปท.
-มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างร้อยละ 90 สำหรับการจัดเก็บภาษีของปีภาษี พ.ศ. 2564 และมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย ส่งผลให้ อปท. สูญเสียรายได้รวมประมาณ 41,445 ล้านบาท จึงเห็นควรมอบหมายให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยรายได้ให้แก่ อปท. ตามความเหมาะสมด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บาทเปิด 29.96 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่า
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เช้านี้เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 29.96 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิดตลาดช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 29.99 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากวานนี้ เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก หลังมีปัจจัยหนุนจากแรงเทขายดอลลาร์ในตลาดโลก สำหรับปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อตลาดเงินในช่วงนี้ คือผลประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดยังคงมาตรการ QE ไว้ตามเดิม
“บาทแข็งค่าตามทิศทางตลาดโลก เนื่องจากมีแรงเทขายดอลลาร์ออกมา” นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 29.90-30.00 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“ฟลอริดา” พร้อมเสียบจัดโอลิมปิก 2020 หาก “โตเกียว” ไม่พร้อมจัด
ตัวแทนรัฐฟลอริดา ส่งจดหมายถึงโธมัส บาค ประธานโอลิมปิก พร้อมเสนอตัวจัดโอลิมปิก 2020 แทนที่กรุงโตเกียว หากว่าเจ้าภาพไม่พร้อมจัดการแข่งขัน
นายจิมมี่ พาโทรนิส ประธานฝ่ายการคลังรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แถลงการณ์ว่า ตัวแทนของรัฐได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงโธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ว่า พร้อมจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 หากว่าเจ้าภาพอย่างกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ไม่พร้อมจัดการแข่งขัน เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างเป็นกังวลเรื่องสถานการณ์จัดการแข่งขัน ดังนั้น จึงยังพอมีเวลาที่ทางไอโอซีจะสามารถตัดสินใจได้
นอกจากนี้ พาโทรนิส ยังกล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน รัฐฟลอริดาได้เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 และภาคเศรษฐกิจเริ่มเดินหน้าต่อ ทั้งสวนสนุก, ดิสนีย์แลนด์ ที่กลับมาเปิดกิจการ รวมถึงการแข่งขันกีฬา ดังนั้น จึงมั่นใจว่า “ฟลอริดา” พร้อมที่จะจัดการแข่งขันโอลิมปิกอย่างแน่นอน
สำหรับโอลิมปิก 2020 “โตเกียวเกมส์” จะมีกำหนดจัดการแข่งขันในวันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 8 สิงหาคมนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
เข้มดูแลคุณภาพหน้ากากอนามัยทางการแพทย์
กรณีปัญหาประเภทหน้ากากอนามัยที่จำหน่ายในท้องตลาด อย. แจง หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ มีการควบคุม กำกับ ดูแลคุณภาพมาตรฐานการผลิตและสถานที่ผลิต รวมทั้งตรวจสอบหลังออกสู่ท้องตลาดอย่างสม่ำเสมอ หากประชาชนต้องการซื้อใช้ สามารถสังเกตจากฉลากข้างกล่องมีข้อความเขียนว่า หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หรือ Medical mask หรือ Surgical mask แต่ในช่วงการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งแพร่ผ่านละอองฝอย หากประชาชนทั่วไปสวมใส่หน้ากากอนามัยแบบทั่วไป หรือหน้ากากผ้า ก็สามารถป้องกันโรคติดเชื้อ ไวรัสโควิด-19 ได้เช่นเดียวกัน
นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับประเภทหน้ากากอนามัยที่จำหน่ายในท้องตลาด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า อย.ได้มีการกำกับดูแลหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หรือ Medical Mask หรือ Surgical Mask ซึ่งจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ทั่วไป โดยผู้ผลิตและผู้นำเข้าต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ในส่วนสถานที่ผลิตและนำเข้าจะต้องมาขออนุญาตกับ อย. เสียก่อน ซึ่ง อย. มีทีมเจ้าหน้าที่ออกตรวจสถานที่ผลิต
นอกจากนี้ หน้ากากอนามัยดังกล่าว จะต้องมีผลการทดสอบผลิตภัณฑ์ตามที่ อย. ประกาศกำหนดมาตรฐานไว้ โดย อย. มีการตรวจสอบผลิตภัณฑ์หลังออกสู่ท้องตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งหน้ากากอนามัยทางการแพทย์นี้ มีคุณสมบัติป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสผ่านละอองฝอยและป้องกันการซึมผ่านของเลือด
หากประชาชนต้องการซื้อมาใช้ สามารถสังเกต ดังนี้ 1.ข้างกล่อง มีข้อความเขียนว่า หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หรือ Medical Mask หรือ Surgical Mask 2. หากไม่แน่ใจว่าเป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์หรือไม่ สามารถนำชื่อผลิตภัณฑ์ไป ตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ อย. (www.fda.moph.go.th) หัวข้อ “ตรวจสอบผลิตภัณฑ์” ส่วนหน้ากากอนามัยแบบทั่วไปที่มีวัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น กันฝุ่น กันกลิ่น จะไม่ได้จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ ซึ่ง อย. ไม่ได้กำกับดูแล แต่ก็มีประสิทธิภาพในการป้องกันการทะลุผ่านของละอองฝอย ซึ่งช่วยป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เช่นเดียวกัน
รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า สำหรับประชาชนทั่วไป ควรสวมใส่หน้ากากตลอดเวลาเมื่อออกนอกบ้าน ร่วมกับการล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่าง และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดโอกาส ในการติดเชื้อ COVID-19 ได้ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน อย. 1556 และสามารถติดตาม ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ได้ที่เว็บไซต์ อย.www.fda.moph.go.th หัวข้อ “COVID-19” แล้วคลิกไปที่ “ข่าว ประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้อง” หรือกดติดตามที่ “แฟนเพจเฟซบุ๊ก Fda Thai หรือ ไลน์ Fda Thai”
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
สีม่วง ภาษาอังกฤษ คือ purple หรือ violet กันแน่
สีม่วง ภาษาอังกฤษ เขาเรียกว่าอะไรกันแน่ ระหว่าง purple กับ violet ทำไมมีตั้ง 2 คำ มันเป็นคำเดียวกันหรือเปล่า
ตอบว่าสีม่วงในภาษาอังกฤษก็คือ purple กับ violet นั่นแหละ
สีม่วงภาษาอังกฤษ
อย่างที่บอกไปแล้วว่าสีม่วงในภาษาอังกฤษนั้นมี 2 คำ เวลาสอนเด็กๆเราก็บอกว่าสองคำนี้มีความหมายเดียวกัน แต่ถ้าสอนกันในระดับเฉดสีแล้วละก้อ คำว่า purple กับ violet คนละเฉดสีกันนะครับ
violet อ่านว่า ไว๊เออะเลิท คือสีม่วงแกมน้ำเงิน
purple อ่านว่า เพ๊อเพิล คือ สีม่วงแกมแดง
♠ What color do you like?
คุณชอบสีอะไร
◊ I like purple.
ฉันชอบสีม่วง
♠ What’s your favorite color?
สีที่ชื่นชอบของคุณคือสีอะไร
◊ My favorite color is violet.
สีที่ชื่นชอบของฉันคือสีม่วง
เรียนรู้คำศัพท์สีต่างๆภาษาอังกฤษ ⇒ สี ภาษาอังกฤษ ⇐
ขอบคุณข้อมูลจาก ภาษาอังกฤษออนไลน์.com
“Focus” ผุดนวัตกรรมฟิล์มกระจกมือถือวางเป้ารายได้ 20ล้าน/ปี
“Focus” นำเสนอ “Focus Ultimate Glass” ฟิล์มกระจกมือถือที่แข็งแกร่งที่สุด
นายอมรศักดิ์ แดงแสงทอง รองประธานฝ่ายการตลาด บริษัท ดีพลัส อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายฟิล์มและกระจกกันรอยภายใต้ แบรนด์ “Focus” (โฟกัส) เปิดเผยว่า บริษัทได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ “โฟกัส อัลติเมท กลาส” (Focus Ultimate Glass) ซึ่งเป็นฟิล์มกระจกที่แข็งแกร่งที่สุด ในราคาที่เหมาะสม เพื่อเจาะตลาดฟิล์มสมาร์ทโฟนของประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทพัฒนา Focus Ultimate Glass ขึ้นเพื่อแก้ปัญหา Pain Point ของผู้บริโภคที่ต้องเจอกับสินค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ ขอบแตกง่ายแม้ถูกแรงกระแทกเพียงเล็กน้อย เป็นรอยขนแมวได้ง่าย ทำให้ผู้บริโภคต้องเปลี่ยนฟิล์มบ่อยครั้ง โดยถือเป็นผลิตภัณฑ์เด่นที่จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทในปี 64
อย่างไรก็ดี บริษัทตั้งเป้ามียอดจำหน่าย “โฟกัส อัลติเมท กลาส” ปีละ 20 ล้านบาท โดยได้นำร่องจัดจำหน่ายสำหรับสมาร์ทโฟนแบรนด์ iPhone และสามารถรองรับการใช้งานได้ทุกรุ่น ได้แก่ iPhone 12 mini /iPhone 12,12 Pro / iPhone 12 Pro max ที่เพิ่งเปิดตัว พร้อมทั้ง iPhone 11 / iPhone 11 Pro / iPhone 11 Pro max / iPhone X, Xs / iPhone Xr / iPhone Xs max และ iPhone 7/8/SE 2020
สำหรับ โฟกัส อัลติเมท กลาส ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค (Insight) อย่างแท้จริง ด้วยนวัตกรรมฟิล์มกระจกกันรอยแห่งยุคที่ใช้กระบวนการผลิตด้วย Ionic Charge Exchange เพิ่มประสิทธิภาพใน 4 ด้านได้แก่
1.ขอบแข็งแกร่ง รองรับแรงกดได้มากกว่า 2 เท่า ด้วยการกระบวนการ Etching ลดความไม่สมบูรณ์ของกระจกทำให้ขอบแข็งแกร่งมากขึ้น
2.เหนียวและยืดหยุ่นรับแรงกระแทกได้สูงสุด 3 เมตร โดยการเปลี่ยนโมเลกุลกระจกด้วยการอบซ้ำ 2 รอบและเพิ่มเวลาอบนานขึ้น 8 ชั่วโมง ผ่านการทดสอบจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และคณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.กันรอยขีดข่วนได้มากกว่า 3,000 ครั้ง ด้วยการเคลือบแบบ Hydropholic Nano-Coating คงความใสไร้ริ้วรอย
4.ดีไซน์ออกแบบเฉพาะรุ่น รองรับส่วนโค้ง ปกป้องแบบเต็มจอ เคสไม่ดัน ใส่ได้ทุกเคส
5.รับประกันการใช้งานกระจกกันรอยนาน 1 ปีเต็ม หากกระจกกันรอยแตกชำรุดเสียหายสามารถเคลมเปลี่ยนได้ทันที และจำหน่ายในราคา 690 บาท
“โฟกัสเป็นผู้ผลิตกระจกกันรอยเพียงเจ้าเดียวที่มีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองตั้งอยู่ในประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจถึงการควบคุมคุณภาพและกระบวนการผลิต Focus Ultimate Glass”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ชะอม” กับประโยชน์-ข้อควรระวังน่ารู้ก่อนรับประทาน
กินอะไรกับน้ำพริกกะปิก็ไม่อร่อยเท่าไข่เจียวชะอม แถมไข่เจียวชะผมยังเอาไปใส่ในแกงส้มได้อร่อยที่สุด หากชอบน้ำพริก จะลวกจิ้มน้ำพริกเปล่าๆ ก็ยังอร่อย แม้ว่ารสชาติจะติดขมเล็กน้อย แต่ชะอมก็มีรสชาติที่มีเสน่ห์ และมีเอกลักษณ์ แถมยังมีประโยชน์ดีๆ ที่ Sanook! Health อยากให้ได้คนไทยกินชะอมกันอีกเยอะๆ
ประโยชน์ของ ชะอม
- ชะอมมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา
- มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
- ชะอมมีกากใยอาหารสูง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย
- ยอดชะอม ช่วยลดความร้อนในร่างกายได้ จึงเหมาะกับอุณหภูมิร้อนๆ ในบ้านเรา
- รากชะอม สามารถนำมาฝนกิน ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยขับลมในท้องได้
ข้อควรระวัง-อันตรายของ ชะอม
- หญิงที่กำลังให้นมบุตร ไม่ควรกินชะอม เพราะอาจทำให้นมแห้งได้
- ในหน้าฝน อาจทำให้ชะอมมีรสเปรี้ยว และมีกลิ่นฉุนกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดท้องได้
- ชะอมมีกรดยูริกสูง ผู้ป่วยโรคเกาต์ยังสามารถรับประทานได้ แต่ควรจำกัดปริมาณในการรับประทานไม่ให้มากเกินไป แต่หากมีอาการของโรคเกาต์ค่อนข้างหนัก และปวดเข่ามาก ควรหลีกเลี่ยง
- ชะอมเป็นพืชที่พบการปนเปื้อนของเชื้อก่อโรคท้องเสีย ท้องร่วงอย่าง ซาลโมเนลลา ได้ ดังนั้นจึงควรล้างผักให้สะอาด และปรุงโดยต้ม ลวก หรือผ่านความร้อนให้สุกอย่างทั่วถึงก่อนรับประทาน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 26,150.00 | 26,250.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,694.00 | 25,681.04 | 26,750.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,524.60 | 23,112.94 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,355.20 | 20,544.83 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 762.00 | 11,551.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 593.00 | 8,989.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,755.00 | 26,605.80 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 27/01/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 24.25 | 24.25 | 24.55 | 24.25 | 24.25 | 24.25 | 24.25 | 24.25 | 24.25 | 24.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 23.98 | 23.98 | 24.28 | 23.98 | 23.98 | 23.98 | 23.98 | 23.98 | 23.98 | 23.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 22.74 | 22.74 | 23.04 | 22.74 | 22.74 | – | 22.74 | 22.74 | 22.74 | 22.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.49 | 19.49 | – | – | – | – | – | – | – | 19.49 |
เบนซิน 95 | 31.66 | – | – | – | 32.11 | – | 32.16 | 31.66 | – | 31.66 |
ดีเซล B7 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 |
ดีเซล | 22.09 | 22.09 | 22.09 | 22.09 | 22.09 | 22.09 | 22.09 | 22.09 | 22.09 | 22.09 |
ดีเซล B20 | 21.84 | 21.84 | 21.84 | 21.84 | 21.84 | – | 21.84 | 21.84 | – | 21.84 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 29.54 | 29.56 | 31.54 | 30.94 | – | – | – | – | – | 29.54 |
แก๊ส NGV | 13.35 | 13.35 | – | – | – | – | – | – | – | 13.35 |