เฟอร์เฟคจับมือฮ่องกงแลนด์ ลุยเปิด2โปรเจค1.5หมื่นล้าน
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค’ จับมือฮ่องกง แลนด์ ฝ่าวิกฤติ ลุยลงทุน 5,400 ล้านบาท รุกบ้านหรู “เลค เลเจนด์ แจ้งวัฒนะ” หวังปั้นคอมมิวนิตี้ ย่านแจ้งวัฒนะปากเกร็ด พร้อมเล็งร่วมมือเปิดตัวบิ๊กโปรเจค สุวรรณภูมิ 9,000 ล้านบาท
นายวงศกร ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการเดินหน้าเปิดตัวโครงการเลค เลเจนด์ แจ้งวัฒนะ โครงการบ้านเดี่ยวหรู ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ บริษัท ฮ่องกง แลนด์ นักลงทุนจากฮ่องกง ที่วางแผนร่วมกัน 2 ปีที่ผ่านมา โดยโครงการมีเนื้อที่ 107 ไร่ ราคาเริ่มต้นที่ 26-70 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 5,400 ล้านบาท แบ่งป็น 2 เฟส เฟสแรก 57 ยูนิต มูลค่า 2,000 ล้านบาท
โครงการ เลค เลเจนด์ แจ้งวัฒนะ เป็นหนึ่งในโครงการขนาดใหญ่ บนเนื้อที่ 677 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนหอการค้าไทย ได้พัฒนาโครงการไปแล้ว 400 กว่าไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ 272 ไร่ ซึ่งแบ่งขายที่ดินให้กับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แบรนด์อื่นๆ อาทิ แสนสิริ, พฤกษา, เอสซี แอสเสท ส่วนพื้นที่อีกกว่า 200 ไร่ที่ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค พัฒนาไปแล้ว ปัจจุบันจึงเหลือพื้นที่รอการพัฒนาอีก 200 กว่าไร่ (รวมโครงการเลค เลเจนด์ แจ้งวัฒนะ 107 ไร่) ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะเป็นรูปแบบร่วมทุน และพัฒนาโครงการเอง มีการพัฒนาหลากหลายเซ็คเม้นท์ ทั้งทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว คาดว่าจะปิดโครงการได้ภายใน 5 ปี (ปี2568)
ทั้งนี้โครงการดังกล่าว ต้องการให้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาที่พักอาศัยครบวงจร เป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่เอกชน ลงทุนตัดถนนเข้าโครงการมูลค่า 400 ล้านบาท ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์ มีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์โดยมีผู้พักอาศัยในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 5,000 ครัวเรือน จึงจะขายพื้นที่ให้กับ บริษัท เอสไอเอสบี เข้ามาพัฒนาโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ กรุงเทพฯ เนื้อที่ 14.8 ไร่ เปิดให้บริการในปี 2565 รวมไปถึงมีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และศูนย์การค้าภายในโครงการ ถือเป็นหนึ่งพื้นที่ในบริเวณนี้ที่จะมีความเจริญและเติบโตมีกำลังซื้อในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาร่วมกันกับฮ่องกง แลนด์ ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว ตั้งอยู่ที่ สุวรรณภูมิ จะมีรูปแบบโครงการแตกต่างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาดเป็นโครงการขนาดใหญ่มูลค่า 9,000 ล้านบาท โดยมีทะเลสาบขนาดใหญ่เนื้อที่ถึง 100 ไร่ คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2564
สำหรับยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้ คาดว่าจะลดลงประมาณ 10% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 14,600 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย.) มียอดโอนฯ 8,300 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 9,100 ล้านบาท เกิดอัตราการโอนฯคอนโดลดลง
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
หลายประเทศไต่หน้าผาพ้นวิกฤติใน 2 ปี IMF ชี้ทางรอดเศรษฐกิจโลก
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ (IMF) จัดทำ รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook : WEO) ฉบับล่าสุดของเดือน ต.ค. ระบุว่า เศรษฐกิจโลกกำลังพยายามไต่หน้าผาขึ้นสู่ระดับที่ดิ่งลงสู่หุบเหวลึก จากช่วง “ปิดเมือง” เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
แต่เนื่องจากยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง จนหลายประเทศต้องกลับมาปิดเมือง หรือล็อกดาวน์พื้นที่บางส่วนอีกครั้งโดยเฉพาะในสหรัฐฯและยุโรป
สำหรับประเทศในภูมิภาคเอเชีย ไอเอ็มเอฟระบุว่า ประเทศจีนมีการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะกลับมาสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เร็วที่สุดเมื่อใด ข้อมูลที่ทำการสำรวจไว้ กลับพบว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวม ยังมีแนวโน้มที่จะล้มเหลวได้ ด้วยปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดต่างๆ
แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและความเสี่ยง
แนวโน้มระยะใกล้ การเติบโตของเศรษฐกิจ ทั่วโลกในปีนี้ล่าสุด คาดว่าจะอยู่ที่-4.4% ซึ่งเป็นการหดตัวที่รุนแรงน้อยกว่าการคาดการณ์ WEO ในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่-4.9% สะท้อนให้เห็นถึงตัวเลขของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่ 2 ดีกว่าคาดการณ์ไว้ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเศรษฐกิจขั้นสูงที่กิจกรรมต่างๆ เริ่มดีขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้
ปีหน้าจึงคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะเติบโตที่ระดับ 5.2% จาก WEO ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาเล็กน้อยคือที่ ระดับ 5.4% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะตกต่ำในระดับปานกลาง และแนวโน้มระยะกลาง หลังจากการฟื้นตัวในปี 2564 อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟคาดว่า การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกจะค่อยๆชะลอตัวลงเหลือประมาณ 3.5% ในช่วงปี 2563-68 ที่ระบุไว้ก่อนการแพร่ระบาด
การคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจอยู่บนพื้นฐานจากการสมมติฐานที่ว่าด้วยมาตรการระยะห่างทางสังคมในปีหน้า จะยังคงมีอยู่ แต่จะค่อยๆหายไปเมื่อวัคซีนต้านไวรัสโควิดได้มีการส่งมอบมากขึ้น รวมทั้งการรักษาต่างๆดีขึ้นภายในสิ้นปี 2565
ขณะที่การคาดการณ์ในระยะกลางยังถือว่า เศรษฐกิจจะต้องเผชิญกับความเสียหายจากความดิ่งลึก ของภาวะถดถอย และความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ซึ่งส่งผลต่อเนื่องต่อผลผลิตที่อาจเกิดขึ้น ผลกระทบเหล่านี้ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการปรับตัว และผลกระทบด้านการผลิตด้วย
ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในการคาดการณ์พื้นฐานมีมากจนผิดปกติ เพราะการคาดการณ์ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านสุขภาพ และเศรษฐกิจที่ยากต่อการคาดเดา โดยชั้นแรกเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดรอบใหม่ การตอบสนองด้านสาธารณสุขที่จำเป็น และการหยุดชะงักของกิจกรรมภายในประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดีมานด์ที่ลดลง การท่องเที่ยวที่อ่อนแอลงอย่างหนัก และการส่งเงินกลับประเทศที่ลดลง รวมไปถึงความเชื่อมั่นของตลาดการเงิน และผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนทั่วโลก
ความคืบหน้าของวัคซีน และการรักษา ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงในสถานที่ทำงาน เพื่อลดการแพร่เชื้ออาจทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับสู่ระดับก่อนการระบาดได้เร็วขึ้นกว่าที่คาดไว้ในปัจจุบัน โดยไม่กระตุ้นให้เกิดการติดเชื้อซ้ำ และการขยายมาตรการตอบโต้ทางการคลังออกไปในปี 2564 ยังสามารถเพิ่มการเติบโตได้สูงกว่าการคาดการณ์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงของการเติบโตที่แย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ ยังคงมีอยู่มาก หากไวรัสกลับมาอีกครั้งจากความคืบหน้าในการรักษา และวัคซีนที่ผลิตได้ช้ากว่าที่คาดไว้ หรือการเข้าถึงการรักษาหรือเข้าถึงวัคซีนของประเทศต่างๆ ยังไม่เท่าเทียมกัน กิจกรรมทางเศรษฐกิจอาจต่ำกว่าที่คาดไว้ ด้วยการขยายระยะทางทางสังคมใหม่ และการปิดกั้นที่เข้มงวดขึ้น
เมื่อพิจารณาถึงความรุนแรงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการถอนการสนับสนุนฉุกเฉินที่เป็นไปได้นั้น ในบางประเทศอาจล้มละลาย ทำให้ต้องสูญเสียงาน และรายได้ ความเชื่อมั่นทางการเงินที่ลดลง หรืออาจทำให้เกิดการหยุดการปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างกะทันหัน (ความล้มเหลวในการหมุนเวียนหนี้ที่มีอยู่) ไปยังประเทศที่มีความเสี่ยง
การเร่งความเร็วที่หลากหลายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในเอเชีย
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังฟื้นตัวจากภาวะถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุด จากการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคล่าสุด แสดงให้เห็นว่า การฟื้นตัวเริ่มต้นขึ้นในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 แต่กลไกการขับเคลื่อนการเติบโตของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน จึงนำไปสู่การฟื้นตัวในแบบหลากหลาย และความช้า-เร็ว
ในบางประเทศสะท้อนให้เห็นถึงการถดถอยทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายกว่าที่คาดไว้ในไตรมาสที่ 2 ขณะที่การคาดการณ์ของไอเอ็มเอฟสำหรับภูมิภาคนี้ในปีนี้ได้ปรับลดลงเหลือ -2.2% เพราะแม้เศรษฐกิจประเทศจีน จะเป็นประเทศเดียวที่มองเห็นเด่นชัดในการล้มแล้วลุกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว กระทั่งจีดีพี เป็นบวกติดต่อกัน 3 ไตรมาส (Q1 -6.8%, Q2 +3.2%, Q3 + 4.9%) แต่เศรษฐกิจของประเทศอินเดียกลับหดตัวรุนแรงกว่าที่คาดไว้ในไตรมาสที่ 2 โดยติดลบไปถึง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างช้าๆในไตรมาสต่อไป
สำหรับประเทศจีน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดก่อน และเป็นจุดกำเนิดของการแพร่ระบาดครั้งนี้มีการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง หลังจากการปลดล็อกดาวน์ในไตรมาสแรก และได้ปรับตัวเลขเติบโตในปีนี้ไว้ที่ 1.9% ส่วนประเทศเศรษฐกิจขั้นสูง (ออสเตรเลีย, เกาหลี, ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์) ที่ยังคงอยู่ในภาวะถดถอย คาดว่า จะทำได้ค่อนข้างดีกว่าที่คาดไว้ในปีนี้ จากการปลดล็อกดาวน์ในช่วงก่อนหน้านี้
ขณะที่ในปีหน้า ไอเอ็มเอฟมองว่าเป็นข่าวดีสำหรับเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้จะมีขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อเทียบกับปีนี้ แต่ผลผลิตโดยรวมยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนการแพร่ระบาด รอยแผลเป็นจะฝังลึกลงไปกับการว่าจ้างแรงงานที่ลดลง และความเชื่อมั่นที่อ่อนแอ ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนลดลงตามไป ขณะที่ผลผลิตอาจจะต่ำกว่าก่อนการแพร่ระบาดราว 5%
บทเรียนและความท้าทาย
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเข้าสู่ภาวะวิกฤติก่อน และเศรษฐกิจหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวก่อนเช่นกัน โลกสามารถเรียนรู้บทเรียนอะไรจากประสบการณ์นี้
ประการแรก การตอบสนองด้านสาธารณสุขในระยะเริ่มต้น เมื่ออัตราการติดเชื้อยังอยู่ในระดับต่ำเป็นปัจจัยสำคัญ ประการที่สอง การผ่อนคลายมาตรการกักกันตัว หลังจากสามารถยับยั้งการแพร่ระบาดได้ ด้วยนโยบายการรับมือที่เหมาะสม เช่นการตรวจเชื้อและการติดตามผู้มีความเสี่ยงส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น สองปัจจัยของประเทศเอเชียแปซิฟิกนี้ ทำได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ประการที่สาม การสนับสนุนทางการคลังยังมีส่วนสำคัญในการลดต้นทุนทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนการฟื้นตัว ซึ่งถือว่าเป็นการกระตุ้นเชิงนโยบายที่สำคัญ
แนวโน้มการฟื้นตัวของการค้าทั่วโลกจะยังดูไม่สดใส เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมีความอ่อนแอ การปิดพรมแดนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ความตึงเครียดจากสงครามการค้าเทคโนโลยี เป็นต้น แม้จะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของประเทศจีนก็ตาม การค้าขายในตลาดโลกก็ยังไม่สดใส
การกระจายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเอเชีย นอกจากการพึ่งพาการส่งออกมากเกินไป เป็นสิ่งอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานต่ออุปสงค์ภายในประเทศซึ่งจะต้องใช้เวลา และเป็นความท้าทายที่ยากเป็นพิเศษสำหรับประเทศเศรษฐกิจที่เล็กที่สุด (เช่นหมู่เกาะแปซิฟิก) และโดยทั่วไปแล้วพึ่งพาธุรกิจการท่องเที่ยว
ความไม่เท่าเทียมกันที่เพิ่มขึ้นนี้ ตรงกันข้ามกับการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ความไม่เท่าเทียมกันด้านรายได้ และความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นก่อนที่จะเกิดการระบาด มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอีก เว้นแต่จะมีการดำเนินนโยบายที่เด็ดขาด ดัชนีชี้วัดตลาดแรงงานของเอเชียเสื่อมลงมากกว่าในช่วงวิกฤติการเงินโลก โดยเฉพาะผู้หญิงและคนงานวัยหนุ่มสาว ยิ่งไปกว่านั้นนโยบายแจกเงินใหม่เพิ่มเติมในเอเชียยังมีข้อจำกัด และพวกนอกระบบมีขนาดใหญ่ทำให้ยากต่อการเข้าถึง
ขณะที่ภาระหนี้ที่สูงทำให้ภูมิภาคเอเชียมีความเสี่ยงต่อความปั่นป่วนทางการเงิน ในขณะที่การไหลออกของเงินทุนไม่เคยปรากฏมาก่อนในช่วงเริ่มต้นของการระบาดมีเสถียรภาพ ต้องขอบคุณการดำเนินนโยบายการเงินในประเทศเศรษฐกิจขั้นสูง การไหลออกของเงินทุนคงมีปริมาณมากเมื่อเทียบกับระดับก่อนการแพร่ระบาด ภาวะการเงินโลกที่เข้มงวดขึ้นอาจทำให้ความเสี่ยงด้านเครดิต และเสถียรภาพทางการเงินแย่ลงจะซ้ำเติมงบดุลของภาครัฐ และเอกชนให้อ่อนแอลงและอาจผลักดันให้ประเทศที่มีความเปราะบางเข้าสู่วิกฤติหนี้
การดูแลสุขภาพมาก่อนพร้อมการกระตุ้นเศรษฐกิจเต็มที่
งานแรกของรัฐบาลแต่ละประเทศคือการรักษานโยบายสุขภาพให้เข้มแข็งไว้จนกว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทุเลาลง การตรวจเชื้อไวรัสอย่างทันท่วงที การติดตามที่มีประสิทธิภาพ การเพิ่มขีดความสามารถของโรงพยาบาล และการปรับปรุงระบบการดูแลสุขภาพ ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศที่มีรายได้ต่ำในภูมิภาค ประเทศต่างๆ ควรวางแผนตั้งแต่ตอนนี้เพื่อรักษาความปลอดภัยและกระจายอุปกรณ์วัคซีนอย่างรวดเร็วทันทีเมื่อพร้อมใช้งานโดยได้รับการสนับสนุนแบบพหุภาคีตามความจำเป็น
นอกเหนือจากการตอบสนองด้านสุขภาพแล้ว ยังจำเป็นต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่เพื่อการเติบโตในอนาคต โดย ประการแรก ไม่ควรถอนการสนับสนุนทางการเงินก่อนกำหนด ก่อนที่การฟื้นตัวจะได้รับแรงฉุดกระชากขึ้นมา ประการที่สอง ประเทศต่างๆจำเป็นต้องเพิ่มความพยายามเป็น 2 เท่า ในการปกป้องประชาชนที่เปราะบางที่สุดจากผลพวงของวิกฤติ ผ่านการกำหนดเป้าหมายการสนับสนุนทางการเงินที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกับเยาวชนและสตรีที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
นี่เป็นสิ่งจำเป็น เพราะงบประมาณหายากหรือลดน้อยลงอย่างรวดเร็วในทุกที่และความไม่เท่าเทียมกันอย่างเฉียบพลัน ยังอาจนำไปสู่ความไม่สงบในสังคมได้หากผู้ที่อยู่ด้านล่างสูญเสียความหวังว่าเวลาที่ดีกว่า รออยู่ข้างหน้า
ประการที่สาม การเฝ้าระวังความเสี่ยงด้านสินเชื่อที่เกิดขึ้นใหม่ในองค์กร และครัวเรือนยังคงมีความสำคัญเนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการเติบโตช้ากว่าที่คาดไว้ หนี้ที่อยู่ในระดับสูงเป็นช่องโหว่ที่สำคัญในภูมิภาค เนื่องจากสถานะทางการเงินที่อ่อนแอของธุรกิจจำนวนมากก่อนเกิดวิกฤติ และการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะในเชิงรุกที่ไม่ยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญ
ประการที่สี่ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างนโยบายเศรษฐกิจควรมุ่งเน้นไปที่โลกของวันพรุ่งนี้ไม่ใช่เมื่อวานนี้ ซึ่งหมายถึงการอำนวยความสะดวกในการปรับโครงสร้างองค์กรและการจัดสรรทรัพยากรใหม่ รวมถึงภาคส่วนที่จะปูทางไปสู่การเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในระดับกลาง
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีจุดประสงค์ที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับประชาชนของตน ด้วยนโยบายที่เหมาะสมและการสนับสนุนจากนานาชาติ เครื่องยนต์ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเอเชียสามารถทำงานร่วมกันได้อีกครั้งและขับเคลื่อนภูมิภาคไปสู่ข้างหน้า ไอเอ็มเอฟพร้อมที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจทั่วเอเชียและแปซิฟิกด้วยการจัดหาเงินทุนคำแนะนำด้านนโยบายและการพัฒนาขีดความสามารถที่เหมาะกับความต้องการที่หลากหลายในภูมิภาค
สำหรับเศรษฐกิจประเทศไทย คาดการณ์ว่าจะหดตัวที่-7.1% ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาที่-7.8% และในปีหน้าคาดการณ์การเติบโตจะกลับมาที่ 4.0% โดยมองว่าไทยมีอัตราการว่างงานที่ต่ำสุดในภูมิภาคที่ระดับ 1.0% ในปีนี้ และปีหน้า
การฟื้นตัวของประเทศไทยคาดว่าจะค่อยเป็นค่อยไป ตามความท้าทายที่ยังคงดำเนินต่อไป สำหรับภาคการท่องเที่ยวและเส้นทางที่ไม่แน่นอนของการแพร่ระบาด การสนับสนุนนโยบายการเงินการคลังและนโยบายทางการเงินที่หลากหลายของทางการเพื่อจัดการความเสี่ยงจากการระบาดของโรคระบาดและเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงิน
ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลประเทศใดจะทำได้ หรือหาทางออกให้กับเศรษฐกิจของตนได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thailand-property-news.knightfrank.co.th
“เอส ไอ จี” ผนึกกำลัง 5 พันธมิตร จัดโครงการ “Growing Green” รณรงค์การนำกล่องยูเอชทีกลับมารีไซเคิลแบบครบวงจร
บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค ประเทศไทย ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำของโลก และเป็นผู้ผลิตกล่องยูเอชทีรายแรกของประเทศไทย ที่ได้รับรองขึ้นทะเบียนฉลากทองลดโลกร้อน ด้วยความมุ่งมั่นและพัฒนาธุรกิจรอบด้านเพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ริเริ่มโครงการ “Growing Green” โดยร่วมมือกับพันธมิตรจาก 5 องค์กรหลัก อาทิ บริษัท ซี.พี. สหอุตสาหกรรม จำกัด, บริษัท แทรชลัคกี้ จำกัด, บริษัท แอดวานซ์แมท จำกัด, บริษัท มินเซนแมชีนเนอรี่ จำกัด และ กลุ่มเยาวชน Keep2Share ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือสนับสนุน และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเพิ่มปริมาณในการจัดเก็บกล่องเครื่องดื่มยูเอชทีที่บริโภคแล้ว นำกลับไปรีไซเคิลอย่างถูกวิธีให้มากที่สุด เป็นการลดขยะที่จะก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมและชุมชน
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่โครงการได้มุ่งเน้นและรณรงค์ให้กับเด็กนักเรียนในโรงเรียนนานาชาติ โดยมีโรงเรียน Bangkok International Preparatory and Secondary เป็นโรงเรียนนำร่องแห่งแรก และตั้งเป้าหมายที่จะขยายไปยังโรงเรียนนานาชาติทั่วกรุงเทพฯ ทั้งสิ้น 10 แห่ง ภายในระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 และสิ้นสุดโครงการเดือนพฤศจิกายน 2564
คุณวัชรพงศ์ อึงศรีสวัสดิ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค ประเทศไทย ได้กล่าวถึงที่มาของโครงการนี้ว่า “Growing Green เป็นโครงการที่ทางเอส ไอ จี (SIG) ประเทศไทย ได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ในแต่ละภาคส่วนและกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจว่ากล่องเครื่องดื่มยูเอชที (UHT) สามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้จริง ผ่านการจัดเก็บ คัดแยก ที่สะอาด อย่างถูกวิธี จนสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น กล่องเครื่องดื่มที่จัดเก็บในโครงการนี้ จะนำไปรีไซเคิล และผลิตเป็นแปลงผักสาธิต เพื่อมอบให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน ให้ใช้ปลูกผัก และสามารถนำไปประกอบอาหารในโครงการอาหารกลางวันสำหรับนักเรียน โดยโครงการนี้ต้องการเน้นย้ำให้น้อง ๆ เยาวชนตลอดจนคุณครูและผู้ปกครอง รวมถึงชุมชนต่าง ๆ ได้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการดำเนินธุรกิจของเอส ไอ จี ที่เน้นการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อันเป็นบทบาทสำคัญของเอส ไอ จี ที่มีต่อสังคมมาโดยตลอด และนับเป็นครั้งแรกที่โครงการ Growing Green ได้จับมือกับกลุ่มโรงเรียนนานาชาติในกรุงเทพฯ โดยมี Bangkok International Preparatory and Secondary เริ่มต้นเป็นโรงเรียนแรก เพื่อสร้างจิตสำนึกและปลูกฝังเด็ก ๆ ได้รู้จักคัดแยกขยะ โดยเฉพาะกล่องนมยูเอชทีที่ดื่มทุก ๆ วัน นำกลับมารีไซเคิลให้เกิดประโยชน์ต่อได้”
Growing Green เป็นโครงการจับมือระหว่างพาร์ทเนอร์ในหลายภาคส่วนมาทำงานประสานกันทุกกระบวนการอย่างครบวงจร ตลอดจนการบริหารจัดการกล่องเครื่องดื่มใช้แล้ว การจัดเก็บ การขนส่งและนำองค์ความรู้ประสบการณ์ตรงจากงานศึกษาวิจัยมาพัฒนาต่อยอดการรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่มไปแปรรูปให้เกิดประโยชน์ และกลับไปช่วยเหลือต่อให้กับโรงเรียนและชุมชนที่ยังขาดแคลน ทั้งนี้การเข้ามาสนับสนุนให้กับโรงเรียนนานาชาติที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเป็นการปลูกฝังและเน้นย้ำให้ตระหนักถึง 3Rs (Reduce Reuse and Recycle) ให้กับเยาวชนและยังส่งผลต่อไปยังผู้ปกครองและชุมชนโดยรอบต่อไป บริษัท เอส ไอ จี มุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามแนวนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด ด้วยการทำให้มั่นใจว่าทุกบรรจุภัณฑ์และโรงงานมีการปฏิบัติตามแนวทางการผลิตที่ยั่งยืน
ยิมนาสติกซีเกมส์ 2021 จัดชิง 21 ทอง ไทยลั่นต้องไม่มือเปล่า
“เวียดนาม” ยืนยันฟันธงออกมาเป็นที่แน่นอนแล้ว ยิมนาสติกกำหนดชิง 21 เหรียญทอง โดยยิมลีลาถูกหั่นให้เหลือเพียงแค่ 2 เหรียญทอง พร้อมเตรียมจัดปรี-ซีเกมส์ในเดือนกันยายน เพื่อหวังล้วงความลับและดูฟอร์มคู่แข่งก่อนการแข่งขันจริง 2 เดือน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายกสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ยิมศิลป์ 14 เหรียญทอง มีทั้ง ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และเวียดนาม รวมทั้งไทย เบียดกันสูสี เหรียญทองกระจายอย่างแน่นอน ส่วน ยิมแอโรบิก โอกาสที่ไทยมีลุ้นอย่างน้อย 2 เหรียญทอง ขณะที่ ยิมลีลา น่าจะได้ 1 เหรียญทองจากประเภทกรุ๊ป มั่นใจซีเกมส์ปลายปีหน้า ยิมนาสติกไม่กลับมือเปล่าอย่างแน่นอน จะอย่างไรก็ต้องมีเหรียญทอง
นอกจากนี้ยังได้รับการยืนยันอีกด้วยว่า ในเดือนมิถุนายน ปี 2564 สิงคโปร์ เตรียมจัดแข่งขันยิมนาสติกศิลป์ซีโซน (sea zone) ประเภทเยาวชน มี 8 ชาติ ในกลุ่มอาเซียน ประกอบด้วย ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, มาเลเซีย, กัมพูชา, เมียนมา, สิงคโปร์ ต่อจากนั้น ประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพการจัดแข่งขันยิมนาสติกลีลา ในเดือนสิงหาคม 2564 ที่ อ.พัทยา จังหวัดชลบุรี และปิดท้ายในเดือนกันยายน เวียดนาม จะจัดแข่งขันยิมนาสติกศิลป์ ปรีซีเกมส์ เพื่อเป็นการหยั่งเชิง และดูฟอร์มของนักกีฬายิมนาสติกแต่ละชาติ อีกทั้งยังเป็นการประเมินผลงานก่อนการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในอีก 2 เดือน.
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
เล่นประทัด พลุ ดอกไม้เพลิง เสี่ยงผิวหนังไหม้ หูตึงถาวร
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือนกลุ่มเด็กและวัยรุ่นระวังอันตรายจากการเล่นประทัด พลุ ดอกไม้เพลิง ในคืนวันลอยกระทงที่เกิดจากความประมาท ไม่ระมัดระวัง อาจได้รับบาดเจ็บผิวหนังไหม้ หูตึงถาวร และอาจก่อให้เกิดอัคคีภัยได้
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงอันตรายจากการเล่นดอกไม้เพลิงโดยประมาทในช่วงคืนวันลอยกระทง ว่า ทุกปีหน่วยงานที่รับผิดชอบได้มีมาตรการควบคุมการเล่นประทัด พลุ ดอกไม้เพลิง ออกมาบังคับใช้ แต่ก็ยังมีข่าวการได้รับบาดเจ็บจากการเล่นประทัด พลุ ดอกไม้เพลิงของกลุ่มเด็กและวัยรุ่น โดยไม่ระมัดระวัง ซึ่งผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงอันตรายแก่ตัวเด็กเองและผู้อื่น นอกจากจะทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายแล้ว ผู้ที่เล่นประทัดเองก็ได้รับอันตรายจากสารเคมีหลายชนิด อาจได้รับบาดเจ็บจนถึงขั้นสูญเสียอวัยวะ และก่อให้เกิดอัคคีภัยตามมา
ความร้อนของประทัดสามารถทำให้ผิวหนังไหม้ได้ หากสัมผัสหรือสูดดมเอาสารเคมีที่อยู่ในรูปของเหลว ผง ไอระเหย และควันพิษ อาทิ สารโปแตสเซียมเปอร์คลอเรต สารซัลเฟอร์หรือกำมะถัน สารโปตัสเซียมไนเตรต สารแบเรียมไนเตรต เข้าสู่ร่างกายจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง หู ตา จมูก ระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะสารแบเรียมไนเตรต มีพิษมากอาจทำลายตับ ม้าม และยังทำให้เกิดอัมพาตที่แขน ขา และบางรายเสียชีวิตได้
“นอกจากนี้ การจุดประทัดแต่ละครั้งอาจก่อให้เกิดเสียงกระแทกสูงกว่า 130 เดซิเบล เอ ทำให้เกิดอาการหูตึงชั่วคราว แต่หากได้ยินติดต่อกันเวลานานอาจส่งผลให้เกิดอาการหูตึงถาวรได้ ดังนั้น ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องจุดประทัดในงานต่าง ๆ จึงมีข้อควรระวังเพื่อป้องกันอันตราย โดยควรตรวจสอบประทัดให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ได้มาตรฐาน จุดประทัดให้ห่างไกลจากบ้านเรือน แนวสายไฟ สถานีน้ำมัน ถังแก๊ส และวัตถุไวไฟ และห้ามดัดแปลง เล่นผิดประเภทจนเกิดแรงระเบิดหรือแรงอัดเสียงดัง ทั้งนี้ หากพบเห็นผู้ได้รับบาดเจ็บจากการจุดประทัด ดอกไม้ไฟ และพลุ ให้รีบโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร 1669 ได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง” รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับวันลอยกระทง
เทศกาลวันลอยกระทง : Loy Krathong Festival
พระแม่คงคา : Goddess of water
กระทง : Krathong
ใบตอง : Banana leaves
ต้นกล้วย : Banana tree trunk
ธูป : Joss stick
เทียน : Candle
โคมลอย : Rise lantern festival
ยี่เป็ง : Yee Peng
ดอกไม้ไฟ : Fireworks
ลอย : Float
อธิษฐาน : Pray
ขอขมา : to ask for forgiveness (We use the floating basket to ask for forgiveness from the Goddess of water) เราใช้กระทงเพื่อขอขมาพระแม่คงคา
ดอกบัว : Lotus
แม่น้ำ : River
พระจันทร์เต็มดวง : Full moon
ประกวดนางนพมาศ : Beauty queen contest
นางนพมาศ : Nang Nopphamat
ขอบคุณข้อมูลจาก teen.mthai.com
Microsoft แจ้งยุติสนับสนุน Internet Explorer 11 และ Edge Legacy วันที่ 17 สิงหาคม 2021 พร้อมแนะนำใช้ New Edge แทน
แน่นอนว่าใครที่ใช้ Windows อยู่ย่อมรู้จัก Internet Explorer หรือ IE กันเป็นอย่างดี เพราะเป็นเบราว์เซอร์ที่ติดกับเครื่อง โดยล่าสุด Microsoft ได้ออกมาแถลงการณ์ยุติการสนับสนุน IE 11 และ Edge Legacy (Edge เวอร์ชันเก่า) ภายในวันที่ 17 สิงหาคม 2021 ปีหน้านี้ พร้อมแนะนำให้ไปใช้ New Microsoft Edge เป็นเว็บเบราว์เซอร์หลักแทน
โดยไทม์ไลน์ที่ Microsoft ได้เปิดเผยออกมาก็อย่างเป็นทางการ คือเริ่มประกาศก่อนในวันที่ 17 สิงหาคม 2020 เป็นวันแรก หลังจากนั้นวันที่ 30 พฤศจิกายน 2020 ก็จะเริ่มยุติการให้บริการจาก Microsoft Teams บน IE 11 ตามมาด้วยในวันที่ 9 มีนาคม 2021 คือเลิกสนับสนุน Microsoft Edge Legacy และสุดท้ายในวันที่ 17 สิงหาคม 2021 ก็จะเป็นการยุติการให้บริการของ Mirosoft 365 บน IE 11 ซึ่งจะเป็นการปิดฉากเลิกสนับสนุนทุกอย่างเป็นอย่างทางการนั่นเอง
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้งาน Internet Explorer 11 จะสามารถใช้ IE Mode ได้บน New Microsoft Edge เพื่อความปลอดภัยและการใช้งานที่ลื่นไหลกว่า ซึ่งส่วนตัวก็ได้เปลี่ยนไปใช้ New Microsoft Edge ตั้งแต่เปิดตัวมาใหม่ๆ แล้วรู้สึกประทับใจทำงานได้รวดเร็วลื่นไหลอยู่เหมือนกันครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก droidsans.com
หญ้าหวาน สรรพคุณและประโยชน์ของหญ้าหวาน 14 ข้อ !
หญ้าหวาน
หญ้าหวาน ชื่อสามัญ Stevia (สตีเวีย)
หญ้าหวาน ชื่อวิทยาศาสตร์ Stevia rebaudiana (Bertoni) Bertoni (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Eupatorium rebaudianum Bertoni, Stevia rebaudiana (Bertoni) Hemsl.) จัดอยู่ในวงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE) เป็นพืชพื้นเมืองของประเทศบราซิลและทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศปารากวัยในทวีปอเมริกาใต้
ทำไมถึงเรียกว่าหญ้าหวาน ? นั่นเป็นเพราะว่าในส่วนของใบหญ้าหวานนั้นมีความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 10-15 เท่า แต่เป็นความหวานที่ไม่ก่อให้เกิดพลังงาน และที่สำคัญก็คือสารสกัดที่ได้จากหญ้าหวานที่มีชื่อว่า สตีวิโอไซด์ (Stevioside) นั้นเป็นสารที่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 200-300 เท่า ! และด้วยความที่มันมีคุณสมบัติพิเศษอย่างนี้ หญ้าหวานจึงเป็นพืชที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้รักสุขภาพเป็นอย่างมาก โดยได้มีการนำไปใช้ในด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างเครื่องดื่ม ยาสมุนไพร และด้านการแพทย์
ซึ่งแน่นอนว่าชาวพื้นเมืองในประเทศปารากวัยก็รู้จักนำหญ้าหวานมาสกัดเพื่อใช้ในการบริโภคหลายศตวรรษแล้ว โดยนำมาใช้ผสมในเครื่องดื่ม ชงกับชา ฯลฯ และสำหรับต่างประเทศ อย่างประเทศญี่ปุ่นก็ได้มีการใช้สารสกัดดังกล่าวมานานมากเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว โดยนำไปใช้ผสมกับผลิตภัณฑ์อาหารต่าง ๆ เช่น เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว ผักดอง เนื้อปลาบด เป็นต้น
สำหรับในประเทศไทย หญ้าหวานได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในภายหลัง และได้มีการนำเข้ามาปลูกในช่วงปี พ.ศ.2518 โดยได้มีการนำมาเพาะปลูกในภาคเหนือ ซึ่งจะเพาะปลูกกันมากในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และลำพูน เนื่องจากพืชนิดนี้จะชอบอากาศที่ค่อนข้างเย็น ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิประมาณ 20-26 องศาเซลเซียส และพืชชนิดนี้จะเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดีเมื่อเพาะปลูกในพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 600-700 เมตร
หญ้าหวานสมุนไพรอันตราย สู่สมุนไพรเพื่อสุขภาพ
หญ้าหวานมีการใช้กันอย่างกว้างขวางยาวนานโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกาใต้ เมื่อปี ค.ศ.1887 ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีรายงานว่ามันเป็นอันตรายแต่อย่างใด จนกระทั่งต่อมาในปี ค.ศ.1985 ก็ได้มีผลงานวิจัยทางด้านลบของหญ้าหวานออกมา โดยนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อ John M. Pezzuto และคณะ ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ได้สรุปผลการวิจัยและตีพิมพ์ลงในวารสาร Proc. Nati. Acad. Sci. โดยระบุว่าหญ้าหวานนั้นอันตราย เพราะทำให้เกิดการ Mutagenic สูงมากในหนูทดลอง ซึ่งจากผลงานวิจัยนี้เอง ส่งผลให้องค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ออกมาประกาศว่าหญ้าชนิดนี้ไม่ปลอดภัยและห้ามใช้เป็นสารปรุงแต่งในอาหาร และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย (ขณะนั้นนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี)
ต่อมาในปี ค.ศ.1991 มีนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อว่า Emily Procinska และคณะ ได้ออกมาค้นคว้ารายงานวิจัยของ John M. Pezzuto ว่าอาจมีข้อผิดพลาด โดยตีพิมพ์ในวารสาร Mutagenesis ระบุว่า หญ้าหวานไม่มีผลทำให้เกิด Mutagenic แต่อย่างใด ทั้งนี้ได้ทำการทดลองซ้ำอยู่หลายครั้ง หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ได้มีรายงานต่าง ๆ ออกตามมาอีกมากมายที่ระบุว่าผลของ mutagenic ในสารสกัดหญ้าหวานมีผลน้อยมาก หรืออาจจะมีผลบ้างเล็กน้อย และต่อมาได้มีการตรวจสอบความเป็นพิษพบว่า งานวิจัยส่วนมากระบุว่าหญ้าหวานไม่มีพิษ และไม่มีหลักฐานใด ๆ ระบุว่าหญ้าชนิดนี้อาจจะทำให้เกิดข้อบกพร่องหรือเกิดโรคมะเร็งแต่อย่างใด
แต่กระนั้นก็ตาม FDA ของสหรัฐเองก็ยังไม่สั่งระงับการห้ามใช้หญ้าหวานแต่อย่างใด จนในที่สุดองค์การอนามัยโลกหรือ WHO (World Health Organization) ได้ยื่นมือเข้ามาไกล่เกลี่ย และได้รายงานการประเมินผลอย่างละเอียดจากงานวิจัยต่าง ๆ และได้ระบุว่าหญ้าชนิดนี้ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด และในที่สุดเมื่อปี ค.ศ.2009 ที่ผ่านมา FDA สหรัฐฯ ก็ได้มีการประกาศว่าหญ้าหวานเป็นพืชที่ปลอดภัย และให้การยอมรับว่าเป็น GRAS (Generally Recognized As Safe)
และจากผลงานวิจัยของทีมวิจัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ข้อสรุปว่า สารสกัดจากหญ้าหวานมีความปลอดภัยในทุก ๆ กรณี โดยค่าสูงสุดที่กินได้อย่างปลอดภัยคือ 7,938 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งสูงมากถ้าเทียบกับการผสมในเครื่องดื่มหรือกาแฟถึง 73 ถ้วยต่อวัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะคนส่วนใหญ่กินกันประมาณ 2-3 ก็ถือว่ามากเพียงพอต่อวันแล้ว ซึ่งการใช้หญ้าหวานอย่างปลอดภัย คือ ประมาณ 1-2 ใบต่อเครื่องดื่ม 1 ถ้วย ถือเป็นปริมาณที่เหมาะสมและไม่หวานมากจนเกินไป
ในปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็ได้มีการขึ้นทะเบียนให้สามารถใช้สารสตีวิโอไซด์เพื่อการบริโภคแทนน้ำตาลได้ เพราะมีความปลอดภัยสูง มีพิษเฉียบพลันต่ำ ไม่เป็นอันตรายหรือมีผลข้างเคียงใด ๆ และที่สำคัญหญ้าหวานยังจัดให้อยู่ในหมวดพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งอีกด้วย
ฤทธิ์ในการออกรสหวานของสารสตีวิโอไซด์จะไม่เหมือนกับน้ำตาลซะทีเดียว เนื่องจากสารสตีวิโอไซด์จะออกรสหวานช้ากว่าน้ำตาลทรายเล็กน้อย และรสหวานของสารสตีวิโอไซด์จะจางหายไปช้ากว่าน้ำตาลทราย นอกจากนี้สารดังกล่าวยังเป็นสารที่ไม่มีคุณค่าทางอาหารแต่อย่างใด เพราะมีแคลอรีต่ำมากหรือไม่มีเลย และจะไม่ถูกย่อยให้เกิดเป็นพลังงานกับร่างกาย แต่จากข้อด้อยตรงนี้นี่เองก็ถือเป็นจุดเด่นที่เหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิต โรคอ้วน และโรคหัวใจ
ลักษณะของหญ้าหวาน
- ต้นหญ้าหวาน เป็นพืชล้มลุกอายุประมาณ 3 ปี ลักษณะเป็นพุ่มเตี้ย มีความสูงประมาณ 30-90 เซนติเมตร มีลำต้นแข็งและกลม ลักษณะทั่วไปคล้ายต้นโหระพา ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ดและการใช้กิ่งชำปลูก
- ใบหญ้าหวาน ใบเป็นใบเดี่ยว ลักษณะของใบคล้ายรูปหอกหัวกลับ ขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย มีรสหวานมาก ใช้แทนน้ำตาลได้
- ดอกหญ้าหวาน ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ดอกมีสีขาว ดอกเล็ก กลีบเป็นรูปไข่สีขาวเล็กมาก มีเกสรตัวผู้เป็นสีขาวงอไปมา ยื่นออกมาเล็กน้อย
สรรพคุณของหญ้าหวาน
- สมุนไพรหญ้าหวานช่วยเพิ่มกำลังวังชา
- ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น
- ช่วยในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน ลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ช่วยลดไขมันในเลือดสูง
- ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน
- ช่วยบำรุงตับ
- ช่วยสมานแผลทั้งภายในและภายนอก
ประโยชน์ของหญ้าหวาน
- ช่วยเพิ่มการรับประทานอาหารและช่วยลดความขมในอาหารได้
- ใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล โดยไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง
- หญ้าหวานทางเลือกของคนอ้วน ให้ความหวานเหมือนน้ำตาล แต่ไม่ให้พลังงาน รับประทานเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน จึงช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
- มีการนำหญ้าหวานไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต่าง ๆ โดยปัจจุบันนิยมบริโภคหญ้าหวานอยู่ด้วยกัน 5 รูปแบบ โดยเรียงลำดับจากมากไปน้อย ได้แก่ ใบอบแห้ง, ใบแห้งบดสำหรับชงแบบสำเร็จรูป (ชาหญ้าหวาน), ใบสด, ใบแห้งบดสำหรับใช้แทนน้ำตาล (หญ้าหวานผง), และแบบสารสกัดจากใบแห้งด้วยน้ำ โดยจะนิยมนำมาชงเป็นชาดื่ม รองลงมาก็คือ การนำมาต้มและเคี้ยว แต่จะไม่ค่อยนิยมนำมาบริโภคในแบบผสมกับอาหารเท่าใดนัก
- มีการนำสารสกัดจากหญ้าหวานมาใช้แทนน้ำตาล หรือใช้ทดแทนน้ำตาลบางส่วน เพราะสารสตีวิโอไซด์นั้นมีความทนทานต่อกรดและความร้อนได้เป็นอย่างดี จึงสามารถนำมาใช้ในอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย เช่น น้ำอัดลม น้ำชาเขียว ขนมเบเกอรี แยม เยลลี ไอศกรีม ลูกอม หมากฝรั่ง ซอสปรุงรส ฯลฯ (ล่าสุดได้ยินมาว่าเครื่องดื่มแบรนด์ดังอย่างโคคา โคล่า ก็ได้มีจดสิทธิบัตรและได้ทำการผลิตโดยใช้สารสกัดนี้แล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่เห็นจำหน่ายในไทย ซึ่งถ้ามีมาเมื่อไหร่ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่อยากดื่มน้ำตาลเป็นซอง ๆ)
- ในอุตสาหกรรมอาหาร สารสกัดจากหญ้าหวานถือว่ามีข้อดีหลายอย่าง เช่น การไม่ถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ เมื่อนำมาใช้กับอาหารจึงไม่ทำให้อาหารเกิดเน่าบูด ไม่ทำให้อาหารเกิดสีน้ำตาลเมื่อผ่านความร้อนสูง ๆ และที่สำคัญก็คือ จะไม่ถูกดูดซึมในระบบย่อยอาหาร จึงเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่เป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต และโรคหัวใจ
- สารสตีวิโอไซด์ นอกจากจะใช้ในอาหารและเครื่องดื่มแล้ว ปัจจุบันยังมีการนำไปใช้แทนน้ำตาลในการผลิตยาสีฟันอีกด้วย
หญ้าหวาน อันตรายหรือไม่ ?
มีความกังวลว่าสารสกัดดังกล่าวสามารถทำให้เป็นหมันได้หรือไม่ ? แล้วมันจะไปขัดขวางการดูดซึมของสารอาหารอื่น ๆ ในร่างกายด้วยหรือเปล่า ? เพราะเคยมีรายงานระบุว่าชาวปารากวัยกินหญ้าหวานแล้วทำให้เป็นหมันหรือไปลดจำนวนของอสุจิลง จนทำให้ประเทศไทยได้ใช้ประเด็นนี้ในการอ้างไม่อนุญาตให้มีการใช้หญ้าหวาน ซึ่งจากรายงานต่าง ๆ ที่ประชุมได้สรุปข้อมูลจากรายงานต่าง ๆ และได้มีการยืนยันว่าสารสกัดดังกล่าว เมื่อป้อนในหนูทดลองถึง 3 ชั่วอายุ จำนวน 3 รุ่น ไม่พบการก่อการกลายพันธุ์แต่อย่างใด หมายความว่าหนูทดลองยังคงขยายพันธุ์ได้เป็นปกติ และในญี่ปุ่นก็ไม่ได้มีการห้ามใช้หรือกลัวประเด็นนี้ เพราะมีการใช้มายาวนานถึง 17 ปี โดยไม่พบว่ามีแนวโน้มความเป็นพิษแต่อย่างใด
ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,050.00 | 28,150.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,817.00 | 27,545.72 | 28,650.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,635.30 | 24,791.15 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,453.60 | 22,036.58 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 818.00 | 12,400.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 636.00 | 9,641.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,883.00 | 28,546.28 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 28/10/2563
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 20.04 | 20.04 | 20.04 | 20.04 | 20.04 | – | 20.04 | 20.04 | 20.04 | 20.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 17.84 | 17.84 | – | – | – | – | – | – | – | 17.84 |
เบนซิน 95 | 28.96 | – | – | – | 29.41 | – | 29.46 | 28.96 | – | 28.96 |
ดีเซล B7 | 21.89 | 21.89 | 22.09 | 21.89 | 21.89 | 21.89 | 21.89 | 21.89 | 21.89 | 21.89 |
ดีเซล | 18.89 | 18.89 | 19.09 | 18.89 | 18.89 | 18.89 | 18.89 | 18.89 | 18.89 | 18.89 |
ดีเซล B20 | 18.64 | 18.64 | 18.84 | 18.64 | 18.64 | – | 18.64 | 18.64 | – | 18.64 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 26.34 | 26.36 | 28.54 | 27.74 | – | – | – | – | – | 26.34 |
แก๊ส NGV | 13.83 | 13.83 | – | – | – | – | – | – | – | 13.83 |